++ ขับไป..เที่ยวไป จากมวกเหล็ก - อยุธยา ++
ย่าง เข้าหน้าฝน ถนนหนทางชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำ หลายครั้งหลายคราที่เราคิดว่า เที่ยวหน้าฝนแล้วจะลำบาก น่ากลัว และอันตรายมาก .... ในความเป็นจริงเรื่องอันตรายมันก็มีกันอยู่ทุกฤดู เพราะวินัยการขับรถของคนในบ้านเราไม่เหมือนกัน บางคนก็เคร่งครัดในกฏระเบียบ แต่บางคนก็ทำตัวเป็นพวกมนุษย์ป้า คือขอฉันก่อนประมาณนั้น แต่ถึงอย่างไรหน้าฝนมันก็มีเสน่ห์ไม่น้อยกว่าหน้าอื่น คือสภาพภูมิประเทศที่ฉาบไว้ด้วยสีเขียว ขับรถไปมองไป ไม่เครียด... มีคนบอกว่า สีเขียว เป็นสีที่ทำให้มีชีวิตชีวา และทำให้เรามีความสุข ... นั่นจริงแท้แน่นอนทีเดียว บางภูมิภาคของไทยเราความน่าเที่ยวจะไม่เหมือนกัน อย่างทะเลคนก็ชอบเที่ยวหน้าร้อน เทือกเขาก็เที่ยวหน้าหนาว ส่วนที่ราบสูงอย่างอีสานผมว่าหน้าฝนเหมาะที่สุดครับ
น้ำตกเจ็ดสาวน้อยในหน้าฝน วันนี้เจ้าของบล๊อกเลยจะพาคุณๆขับไป-เที่ยวไปอีกบล๊อก โดยจะเริ่มที่ อ.มวกเหล็ สระบุรี ไปสิ่นสุดที่การไหว้พระใน จ.อยุธยาครับ .... เราออกเดินทางจากขอนแก่นในเช้ามืดของวันที่ 2 สิงหาคม เป้าหมายคือไปส่งเจ้าลูกชายที่เรียนมหาวิทยาลัยอยู่ย่านฝั่งธน โดยให้ถึงหอพักบ่ายวันที่ 3 สิงหาคม เพราะมหาวิทยาลัยจะเปิดเทอมในวันที่ 4 สิงหาคม เราวางแผนการเดินทางคือจะแวะที่น้ำตกเจ็ดสาวน้อย อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี แล้วขับต่อเข้าตัวเมืองเก่า อยุธยา เพื่อไหว้พระในช่วงเย็นและช่วงเช้าก่อนเข้ากรุงเทพฯ นี่จึงเป็นเหตุแห่งการเดินทางเที่ยวนี้ครับ
ความสมบูรณ์ของธารน้ำตกอุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย อำเภอมวกเหล็ก จ.สระบุรี ครอบคลุมพื้นที่ในเขตอำเภอมวกเหล็ก และอำเภอวังม่วง มีลำห้วยมวกเหล็กไหลผ่าน จุดเด่นซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวคือ น้ำตกเจ็ดสาวน้อย เป็นน้ำตกที่ไหลลดหลั่นมาตามแนวลำธาร มีประมาณ 7 ชั้น แต่ละชั้นมีความสูงราว 2-5 เมตร แอ่งน้ำมีบริเวณที่เล่นน้ำกว้าง และร่มรื่น นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมล่องแก่งเรือคยัคในห้วยมวกเหล็ก ติดต่อได้ที่ที่ทำการอุทยานฯ
การเดินทาง จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางกรุงเทพฯ-สระบุรี (ทางหลวงหมายเลข 1 หรือ ถ.พหลโยธิน) เมื่อถึงตัวเมืองสระบุรีให้เลี้ยวขวาใช้เส้นทาง สระบุรี-นครราชสีมา (ทางหลวงหมายเลข 2 หรือ ถ.มิตรภาพ) กม.ที่ 142 ก่อนถึงตลาด อ.ส.ค. ให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 2224 (มวกเหล็ก-หนองย่างเสือ) ประมาณ 12 กม. ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย
ผู้คนมาพักผ่อนเล่นน้ำกันมากมาย แม้จะเป็นหน้าฝนหลังจากได้ไก่ย่าง ส้มตำ และต้มยำไก่บ้านที่บริเวณร้านค้าที่น้ำตกแล้ว เราก็ออกเดินทางมุ่งหน้าเข้าอำเภอวังน้อย แล้วเลี้ยวขวาเข้าตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา คุณๆรู้สึกเหมือนกันไหม เมื่อคราใดที่เราก้วย่างเข้าเมืองเก่า หรือสถานที่โบราณแบบอยุธยานี้ จะรู้สึกเหมือนๆมีอะไรมากระตุ้นให้หวนระลึกถึงความหลัง เมื่อครั้งสถานที่นั้นๆเคยเจริญรุ่งเรืองมาแต่ในอดีต ยิ่งเคยอ่านเรื่องราวเหล่านั้นมามากเท่าใด ความคิดยิ่งเวียนกลับมามากมายขึ้น อยุธยาที่เคยเป็นราชธานีของไทยเรามาสี่ร้อยกว่าปี มีทั้งความสุข ทุกข์ แกร่งแย่ง ชิงดี บิดเบือน และอะไรมากมายสาระพัดที่เกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้ ... วันนี้เราจึงมาเยือนที่นี่อีกครั้ง แต่จะมาเพื่อไหว้พระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีมายาวนานในเมืองหลวงเก่าแห่งนี้ จะไม่พาคุณๆลงรายละเอียดมากมายนักทางประวัติศาสตร์เรามาเริ่มกันในตอนบ่ายวันที่ 2 สิงหาคม 2557 ที่วัดพนัญเชิงวรวิหาร ซึ่งมีประวัติเกี่ยวพันกับต่างชาติด้วย ไฮไลท์ของวัดนี่คือ หลวงพ่อโต (พระพุทธไตรรัตนนายก) และ "พระนางสร้อยดอกหมาก" ซึ่ง จขบ.ได้วางลิงค์ไว้ให้ตามไปอ่านรายละเยียดแล้วครับ
บริเวณวัดพนัญเชิงวรวิหาร เข้าไปไหว้พระด้านในหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิงถูกสร้างขึ้นในคราวที่พระยาเลอไทย กษัตริย์รัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงสุโขทัยราชวงศ์พระร่วงครองราชย์เป็นที่ ๗ สำหรับผู้สร้างนั้น สันนิษฐานกันว่าคือ พระเจ้าสายน้ำผึ้ง กษัตริย์ผู้ครองกรุงอโยธยาก่อนกรุงศรีอยุธยาจะเกิด สาเหตุแห่งการสร้าง วัดและสร้างหลวงพ่อโตก็เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรัก ความอาลัยและเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระมเหสีราชธิดากษัตริย์กรุงจีน ที่ทรงพระนามว่า พระนางสร้อยดอกหมาก นั่นเอง
พระพุทธไตรรัตนนายก (หลวงพ่อโต)ออกจากวัดพนัญเชิงเราก็ขับกลับมาทางวัดใหญ่ชัยมงคล เพื่อมากราบพระที่นี่ ...คือทุกครั้งที่เรามาอยุธยา เราต้องมากราบพระที่นี่กันเป็นประจำครับ มีความรู้สึกว่า ถ้าได้กราบพระประธานที่โบสถ์แห่งนี้แล้วจะมีความรู้สึกดีๆ มาเที่ยวนี้รู้สึกแปลกตาขึ้น กับการจัดระเบียบที่จอดรถ ทั้งด้านหน้าและในวัด คือเป็นระเบียบขึ้นครับ
ไหว้พระนอนที่วัดใหญ่ชัยมงคล"สันนิษฐานว่าวัดใหญ่ชัยมงคล เป็นวัดที่สร้างมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าอู่ทอง หลังการสร้างกรุงศรีอยุธยา เมื่อปี พ.ศ.1893 ไม่นานนัก โดยพระองค์ให้ขุดพระศพของ เจ้าแก้วเจ้าไทย ที่สิ้นพระชนม์ด้วยอหิวาตกโรค เอาขึ้นมาเผาเสีย และที่ปลงพระศพนั้นให้สถาปนาพระเจดีย์และพระวิหาร แล้วให้นามว่า วัดป่าแก้ว"
"ชาวบ้านเรียกวัดนี้ว่า วัดใหญ่ ซึ่งเกี่ยวกับการสร้างมหาเจดีย์เมื่อคราวที่พระนเรศวรรบชนะพระมหาอุปราชแห่งพม่า ทำให้อยุธยาประกาศความเป็นอาณาจักรอิสระได้อีกครั้งนับแต่ต้องเป็นรัฐบรรณาการของพม่า เมื่อคราวเสียกรุงครั้งที่ 1 พ.ศ.2112 ดังนั้น พระองค์จึงให้สร้างมหาเจดีย์ ชัยมงคล องค์หนึ่งขึ้นมาที่วัดนี้ และชื่อวัดจึงเปลี่ยนจาก วัดป่าแก้ว มาเป็น วัดใหญ่ชัยมงคล"
พระประธานที่โบสถ์ เจดีย์ชัยมงคล และพระพุทธรูปปูนปั้นรอบๆกำแพง ยามค่ำที่วัดพนัญเชิง ริมฝั่งแม่น้ำป่าสัก (ถ่ายจากโรงแรมริเวอร์วิวเพลส)คืนนั้นเราพักกันที่โรงแรมริเวอร์วิวเพลส ริมแม่น้ำป่าสัก หรือใกล้ๆกับที่แม่น้ำสามสาย (ป่าสัก ลพบุรี และเจ้าพระยา) มาบรรจบกัน เราได้ห้องใหญ่ ที่พักกว้างขวาง มีร้านอาหารที่ทำเป็นระเบียงริมน้ำป่าสัก ทำให้มองเห็นบรรยากาศยามค่ำคืนที่วัดพนัญเชิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้ และแสงสีจากวัดสวยงามมาก
วิหารหลวงพ่อมงคลบพิตรตื่นเช้าวันที่ 3 สิงหาคม หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เรามีโปรแกรมท่องอยุธยาอีก 2 ที่ก่อนเดินทางเข้า กทม. โดยเราเริ่มกันที่ไปไหว้หลวงพ่อใหญ่มงคลบพิตร ก่อนไปตลาดน้ำอโยธยา ... วันี้เราไปเช้าคนเลยยังไม่มากเท่าไหร่พระมงคลบพิตร ไม่ปรากฏหลักฐานชัดว่าสร้างในรัชกาลใดแห่งกรุงศรีอยุธยา สันนิษฐานว่าสร้างใน สมัยอยุธยาตอนต้น เพราะพระพักตร์แม้จะมีลักษณะค่อนข้างเป็นวงรีแล้ว แต่ก็ยังคงเห็นเค้าพระพักตร์เป็นเหลี่ยมอยู่ ซึ่งเป็นพุทธลักษณะแบบอยุธยาตอนต้น เมื่อพิจารณาถึงเส้นพระขนงที่โค้ง ก็จะพบว่าเป็นศิลปที่ ผสมผสานกับศิลปะสุโขทัยอีกด้วย องค์พระก่อด้วยอิฐแล้วหุ้มสำริดแผ่น นับเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดองค์ หนึ่งของไทย
ไหว้หลวงพ่อมงคลบพิตรเมื่อวานเย็นเรามาที่นี่ก่อน คือวัดดพระศรีสรรเพชญ์ ที่อยู่ติดกับวิหารหลวงพ่อมงคลบพิตรวัดพระศรีสรรเพชญ์ ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของวิหารพระมงคลบพิตร เป็นวัดสำคัญที่สร้างอยู่ในพระราชวังหลวงเทียบได้กับวัดพระศรีรัตนศาสดารามแห่งกรุงเทพมหานครหรือวัดมหาธาตุแห่งกรุงสุโขทัย ในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ทรงสร้างพระราชมณเฑียรเป็นที่ประทับที่บริเวณนี้ ต่อมาสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงย้ายพระราชวังขึ้นไปทางเหนือและอุทิศที่ดินเดิมให้สร้างวัดขึ้นภายในเขตพระราชวังและโปรดเกล้าฯให้สร้างเขตพุทธาวาสขึ้น เพื่อเป็นที่สำหรับประกอบพิธีสำคัญต่างๆ จึงเป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา
วัดดพระศรีสรรเพชญ์วัดดพระศรีสรรเพชญ์ พระนครศรีอยุธยา เป็นวัดหลวงในพระราชวังโบราณ ต้นแบบของวัดพระแก้วในปัจจุบัน ถูกพม่าเผาเอาทองไปตั้งแต่สมัยเสียกรุงครั้งที่ 2 ซึ่งความโบราณที่หลายจุดกลายเป็นซากปรักหักพังนี้ ทำให้สถานที่แห่งนี้ดูขลังและหลอนในสายตาของชาวต่างชาติไม่น้อย เข้าไปเดินในนั้นเมื่อไหร่ ขนลุกทุกที คิดไปต่างๆนาๆ คิดถึงละครไทยหลายเรื่องที่แต่งขึ้นอาจจะตามบันทึกประวัติศสตร์แต่งเติมด้วยจินตนาการ ... แม้จะอย่างนั้นก็เถอะ ในสมัยโบราณที่เมื่ออำนาจจะถูกเปลี่ยนจากกษัตรย์องค์หนึ่งสู่องค์ต่อไป เหตุการณ์ระหว่างนั้นมันเกิดอะไรขึ้นมากมาย ... เดินไปคิดไป ก็ได้คำตอบบางอย่างที่เหมือนกันเกือบทั้งโลก นั่นคือสัญชาติญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์ แม้ปัจจุบันก็ยังคงอยู่
ชมปรางช้างไปต่อกันที่ตลาดน้ำอโยธยครับตลาดน้ำอโยธยา แหล่งท่องเที่ยว บนเนื้อที่ 60 ไร่ ตั้งอยู่ที่เดียวกับปางช้างอโยธยาข้าง วัดมเหยงคณ์ จะเรียกได้ว่าเป็นตลาดน้ำที่ยิงใหญ่ที่สุดในเมืองอยุธยา เป็นตลาดย้อนยุคแบบโบราณ แวดล้อมไป ด้วยธรรมชาติ แบบไทยพื้นบ้านและสายน้ำ มีสะพานเดิน ริมแม่น้ำเพื่อ เลือกซื้อสินค้าจากกลุ่มชาวบ้านต่างอำเภอ หรือสินค้า OTOP มากมายหลากหลายชนิด
ตลาดน้ำอโยธยา น่ารักจุดเด่นอีกเรื่องหนึ่งที่ตลาดน้ำอโยธยาได้นำมารวบรวมไว้ที่นี่ คือการนำชื่ออำเภอทั้งหมดของ จังหวัดพระนคร ศรีอยุธยาทั้งหมด มาตั้งเป็นชื่ออาคาร สถานที่ เพื่อให้ผู้ที่มาเยือนได้รู้จักสินค้าของแต่ละอำเภอ และสามารถ จดจำชื่ออำเภอต่างๆของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้เป็นอย่างดี เช่น ตลาดบางซ้าย เครื่องจักรสาน ตลาดบางบาล ขนมของฝาก ตลาดบางปะหัน โรตี, ขนม, ของฝาก ตลาดเสนา กุ้งสด, ปลาเผา ลานการแสดง กรุงศรีอยุธยาเป็นต้นจุดเด่นอีกเรื่องหนึ่งที่ตลาดน้ำอโยธยาได้นำมารวบรวมไว้ที่นี่ คือการนำชื่ออำเภอทั้งหมดของ จังหวัดพระนคร ศรีอยุธยาทั้งหมด มาตั้งเป็นชื่ออาคาร สถานที่ เพื่อให้ผู้ที่มาเยือนได้รู้จักสินค้าของแต่ละอำเภอ และสามารถ จดจำชื่ออำเภอต่างๆของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้เป็นอย่างดี เช่น ตลาดบางซ้าย เครื่องจักรสาน ตลาดบางบาล ขนมของฝาก ตลาดบางปะหัน โรตี, ขนม, ของฝาก ตลาดเสนา กุ้งสด, ปลาเผา ลานการแสดง กรุงศรีอยุธยาเป็นต้น
น่ากิน นี่ก็น่ากิน น่าซื้อ น่าเที่ยว ช่วงบ่ายเราอออเดินทางเข้า กทม. เพื่อไปส่งลูกชายที่หอพัก ก่อนขับกลับขอนแก่นในบ่ายวันเดียวกัน ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ ถ่ายกับภาพสามมิติ..ก่อนลา____________
Create Date : 22 กันยายน 2557
Last Update : 6 พฤษภาคม 2561 9:17:40 น.
17 comments
Counter : 14058 Pageviews.
โดย: พายุสุริยะ วันที่: 22 กันยายน 2557 เวลา:21:25:11 น.
โดย: lovereason วันที่: 23 กันยายน 2557 เวลา:0:29:58 น.
โดย: Kavanich96 วันที่: 23 กันยายน 2557 เวลา:4:02:16 น.
โดย: 3KKK วันที่: 23 กันยายน 2557 เวลา:8:00:40 น.
โดย: cdes วันที่: 24 กันยายน 2557 เวลา:8:46:25 น.
โดย: ฝากเธอ วันที่: 24 กันยายน 2557 เวลา:20:28:39 น.
โดย: หอมกร วันที่: 26 กันยายน 2557 เวลา:21:49:16 น.
โดย: ดาวริมทะเล วันที่: 27 กันยายน 2557 เวลา:12:39:33 น.
โดย: VELEZ วันที่: 27 กันยายน 2557 เวลา:19:25:45 น.
โดย: mariabamboo วันที่: 28 กันยายน 2557 เวลา:16:41:08 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [? ]
...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......อยากจะบอกว่า @ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว @ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ. @ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก... ด้วยจริงใจ นาย wicsir.
1 2 3 4 5 6
7 8 9 10 11 12 13
14 15 16 17 18 19 20
21 22 23 24 25 26 27
28 29 30
ปล่อยโคมลอยกันใหญ่