วันฝนพรำ ที่อัมพวา (ตอนที่ 1)

วันฝนพรำ ที่อัมพวา (ตอนที่ 1)
อ่านตอนที่ 2 : คลิ๊กที่นี่
23 ตุลาคม 2551
ผมขึ้นหัวเรื่องแบบนี้ ท่านผู้อ่านคงงงว่าเอนี่มันเกือบเดือน พฤศจิกายนแล้ว ฝนที่ภาคกลางยังจะตกอยู่อีกล่ะหรือ มันแปลกเหมือนกันนะครับ ที่จริงผมเลือกเอาช่วงนี้ไปเยือนอัมพวาก็เพราะคิดว่า อากาศคงปลอดโปร่ง โล่งแจ้ง อากาศไม่ร้อนมากนัก เหมาะสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวนั่นแหละ แต่ที่ฟ้าฝนปีนี้ มาแปลกยังมีตกอยู่เรื่อย ทำให้การไปเยือนสมุทรสงครามคราวนี้ ได้ภาพและบรรยากาศที่แปลกๆ ได้ถ่ายภาพ ล่องเรือชมความเป็นอยู่ของชาวเมือง ท่ามกลางฝนตกพรำๆ ทำให้เพิ่มความตื่นเต้นเข้าไปอีก....
การได้อ่านหนังสือ และดูสารคดีเกี่ยวกับอัมพวามาหลายๆครั้ง ทำให้อยากมาเยือนถิ่นนี้ด้วยแรงจูงใจที่สูง และอีกอย่างเมืองอัมพวานี้ คาดว่าน่าจะได้รับการบรรจุเข้าเป็นเมืองอนุรักษ์ระดับมรดกโลกในไม่ช้า..... การได้มาเยือนก่อนเวลานั้นจึงสำคัญไม่น้อย เพราะหลังจากนั้นแล้ว จะได้ข้อเปรียบเทียบหลายๆอย่างจากที่นี่ในอนาคต.
ความตั้งใจอีกอย่างหนึ่ง คือการไดสัมผัสชีวิตของคนในพื้นที่ แบบสัมผัสกันในบ้านสวน และริมคลองเลย ฉะนั้นการเลือกที่ไปพักในครั้งนี้ เลยประกอบกัน.... ความลงตัวในคราวนี้ ก็เป็นไปตามที่ต้องการ แม้จะมีเวลาไม่มากนัก เพราะยังมีสถานที่อีกหลายๆแห่งที่ยังไม่มีเวลาไปเยี่ยมเยือน แต่ก็นั้นหละ เวลาที่มีจำกัด เลยได้นั่งเรือชมธรรมชาติ แถวฝั่งแม่กลอง และคลองซอยเพียงแค่นั้น.
เรื่องราวของอัมพวาที่ผมเรียบเรียงขึ้นจากนี้ไป เป็นการรีวิวสถานที่ๆไปเยี่ยม พบ และมีรายละเอียดเพียงน้อยนิด ส่วนมากเล่าแบบที่ไปเห็นมาจริงๆ ส่วนข้อมูลที่เอามาลง ต้องขอบคุณแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่ได้อ้างไว้ในแต่ละตอนแล้ว หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับคำชี้แนะจากท่านผู้รู้ เพื่อทำให้ รีวิวชุด วันฝนพรำ ที่อัมพวา สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และขอบคุณชาวอัมพวาทุกท่านที่ได้กรุณาให้ความรู้ อำนวยความสะดวกในการเข้าชมสถานที่ต่างๆ ตลอดจนคนขับเรือพาเที่ยวที่ได้รับการฝึกอบรมมาอย่างดี และเล่าอะไรที่เป็นประโยชน์ให้เราฟัง.
เข้าที่พัก
เราเดินทางไกลมาทั้งวัน โดยออกจากขอนแก่น ผ่านนครราชสีมา เข้ากรุงเทพฯ โดยใช้ทางด่วนข้ามกรุงเทพฯ และออกพระรามที่ 2 ทีแล้วต่อมาที่สมุทรสาคร ช่วงเข้ากรุงเทพ และที่มหาชัย เจอฝนเข้าอย่างจัง นัดที่พักเขาว่าจะเข้าประมาณ 16.30 น แต่คงไม่ทันแล้ว เพราะฟ้ามืด ฝนลงจนแทบมองไม่เห็นทาง เราได้แต่มองหน้ากันแบบมีเครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด และคิดว่า ตายแน่แล้วคราวนี้ คือเราวางแผนไว้ว่าจะล่องเรือ ถ้าเจอฝนตกแบบนี้ คงอด.....
พอเข้าเขตแม่กลอง ท้องฟ้าเริ่มสดใสขึ้น ทำให้เห็นโอกาสรางๆ ..... เราเลี้ยวซ้ายเพื่อลอดสะพานพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เมื่อเข้าไปเมืองสมุทรสงคราม และต่อไปที่อัมพวา ระหว่างทางเจ้าของที่พักคงกะเอาว่า เราน่าจะเดินทางมาเกือบถึงที่แล้ว เลยโทรตามว่า มาถึงไหนแล้ว เข้าถูกไหม จะให้คนออกไปรับ ที่จริงถ้าเราไม่มีแผนที่ของบ้านสวนอัมพวา ก็คงลำบากเหมือนกัน แต่เราก็ทำเท่ห์บอกว่า ไม่เป็นไร เราน่าจะไปถูก.....เราขับตามทางสายที่จะไปราชบุรี ปากท่อ แล้วเลี้ยวเข้าสวน เพื่อไปที่พักที่ "บ้านร่มไผ่ ชายน้ำ" เจ้าของที่พักคงถือเอาต้นไผ่ที่ใกล้ๆบ้านพักเป็นที่ตั้งชื่อ....
 บ้านร่มไผ่ ชายน้ำ
 หน้าที่พักติดคลอง
สิ่งแรกที่ได้รับ เมื่อจอดรถเสร็จสรรพ ก็ได้รับน้ำเย็นใส่ถาดมาเสริฟพร้อมกับ ส้มโอหวานในถาด ทีแรกเราก็ตกใจเหมือนกัน เอนี่จะขายส้มโอแต่ไก่โห่ เลยหรือนี่ ก็เลยรั้งๆรอๆ อยู่ว่า เขาจะเอายังไงกันแน่... แต่น้องเขาบอกว่า อันนี้เอามาให้ชิมครับ เห็นมาไกลๆอาจจะเหนื่อย ความประทับใจเริ่มต้น ณ บัดนั้น อย่างนี้นี่เองเขาเรียกว่ารักแรกพบ.... แต่รักนี้คือความประทับใจต่อชาวอัมพวา
 ที่พักเล็กๆ แต่น่ารัก
รู้จักอัมพวาหน่อยเป็นไร
"อัมพวา" หมายถึงป่ามะม่วง หรือสวนมะม่วงในพุทธประวัติ และสัญลักษณ์ของเทศบาลตำบลอำพวาก็มีช้างอยู่ในป่ามะม่วง ในสมัยกรุงศรีอยุทธยาอัมพวามีชื่อว่า "บางช้าง" ในปัจจุบันอัมพวาไม่มีช้างเหลืออยู่อีก แต่ยังมีสวนผสมยกร่องซึ่งเป็นภูมิปัญญาของไทย ได้แก่ลิ้นจี่ ส้มโอ มะพร้าว มะม่วง ส้มแก้ว ชมพุ่ ฯลฯ ซึ่งเป็นที่ทำกิน ส่วนที่อยู่อาศัยเป็นโครงสร้างไม้สูง 1-2 ชั้น หันหน้าเข้าหาคลอง มีทางเดินริมน้ำที่ต่อเนื่องกัน และมีบันไดทอดลงน้ำเป็นระยะๆ ชาวบ้านยังมีวิถีชุมชนริมน้ำอัมพวามีวัดหลายแห่งที่สวยงามอยู่ริมคลอง จึงเป็น "เวนิสตะวันออก" ของประเทศไทยที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน (จาก วารสารวิชาการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฉบับที่ 3 มกราคม 2551).
 ท่าน้ำริมคลอง
 ตกกุ้ง
ชมตลาดน้ำยามเย็นที่อัมพวา
เมื่อเก็บของเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว โดยไม่รอช้า เราให้ทางรีสอร์ทเขาตามเรือมารับเราแบบเช่าเหมาลำเพื่อไปชมตลาดน้ำยามเย็นที่อัมพวาเลย โดยบริเวณที่พักคือริมคลองบางโพงพางล่าง ระยะทางไปถึงตัวตลาดน้ำก็ประมาณ 1.5 กม. โดยนั่งเรือย้อนออกมาที่แม่น้ำแม่กลอง ข้ามแม่น้ำแล้วเข้าตลาดตรงข้างๆอุทยาน ร.2
เวลาประมาณห้าโมงเศษๆ เรือพาเราออกไปทางแม่น้ำแม่กลอง ขณะที่เรือผ่านคลองออกไป เจอคนตกกุ้งอยู่หลายเจ้า สอบถามคนขับเรือก็ได้ความรู้ว่า ตรงบริเวณนี้ทีวีเคยมาถ่ายทำสารคดีอยู่บ่อยๆ บ้านเรือนที่หันหน้าเข้าหาคลอง จะมีศาลาริมน้ำอยู่ทุกบ้าน แตกต่างกันไปตามทุนทรัพย์ของแต่ละคน บนเรือที่มีคนนั่งอยู่ 2 คนอย่างลำนี้ ถ้าถึงตรงไหนอยากถ่ายภาพ คนขับเรือเขาก็จะเบาเรือ หรือไม่ก็หยุดให้เราเลย กระนั้นก็ตามมือสมัครเล่นอย่างเรายังทำภาพไหว สั่นไปตั้งหลายภาพ...
 ตลาดน้ำยามเย็นที่อัมพวา
เข้าเขตตลาดน้ำยามเย็นตอนนั้น น่าจะซักเกือบหกโมงครึ่ง ท้องฟ้าเริ่มมืด แต่ผู้คนในวันที่ 23 ตุลาคม เนืองแน่นไปทั้งสองฝั่งคลอง แบบว่าเบียดกันเดิน เรือปล่อยให้เราไปเดินเที่ยวตามความพอใจ โดยเขาบอกว่าจะมารอเราที่ท่าตอน 19.45 น. หรือจนกว่าเราจะพร้อม เพื่อไปดูหิ่งห้อยกัน.
 ตลาดน้ำยามเย็นที่อัมพวา
ตลาดน้ำอัมพวา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์อีกแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสมุทรสงคราม ตลาดน้ำอัมพวาในตอนตะวันคล้อยเริ่มคึกคักด้วยผู้คนที่ต่างทยอยกันเข้ามาทั้งที่แวะมาแบบมาเช้าเย็นกลับ และมาพักค้างคืนแบบโฮมสเตย์ ตลาดน้ำอัมพวาเต็มไปด้วยร้านค้ามากมายไม่ว่าจะเป็น ร้านข้าวราดแกงที่ใส่มาในหม้อดินขนาดเล็กชวนให้น่ารับประทานอีกแบบหนึ่ง ร้านลอดช่อง ที่หอมหวานอร่อยในแบบไทยๆ ร้านหอยทอดที่มีลูกค้าต่อแถวจนแน่นร้าน หรือจะลองชิมก๋วยเตี๋ยวเรือ กาแฟโบราณหรืออาหารอื่นๆที่บรรดาพ่อค้าแม่ค้านำเรือมาจอดเทียบท่าไว้รอนักท่องเที่ยวมาชิมในบรรยากาศแบบง่ายๆสบายๆของตลาดน้ำ ที่นี่ยังมีสิ่งของที่ระลึกที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินิยมซื้อติดไม้ติดมือคือ โปสการ์ดรูปถ่ายตลาดน้ำอัมพวาที่มีมากมายให้เลือกสรรค์ หรือของที่ระลึกที่ทำจากฝีมือของชาวอัมพวา สิ่งที่สำคัญที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวได้ดีมากคือ การล่องเรือชมหิ่งห้อย ซึ่งมีนักท่องเที่ยวที่ต่างตั้งหน้าตั้งตารอเช่าเรือหางยาวซึ่งมีไว้บริการรองรับนักท่องเที่ยวในราคาคนละ 60 บาท เพื่อให้ได้สัมผัสกับบรรยากาศธรรมชาติในตอนกลางคืนของแม่น้ำแม่กลอง ที่สองฝั่งแม่น้ำนั้นต่างเป็นที่รวมของสายตานับพันๆคู่ที่ต่างจดจ้องมองหาเจ้าหิ่งห้อยตัวน้อยที่อาศัยอยู่ในต้นลำพู ให้แสงสว่างขนาดเล็กระยิบระยับจับตาเป็นที่ประทับใจแก่นักท่องเที่ยว เวลาในการล่องเรือ 1-2 ชั่วโมงนั้นจึงถือว่าน้อยไปทันทีกับการที่ได้สูดอากาศบริสุทธ์ มีความสุขแบบง่ายๆกับธรรมชาติรอบๆตัวที่แสนจะลงตัวของอัมพวา
ตลาดน้ำยามเย็นอัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เปิดทุกวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา16.00-22.00 น.
 ตลาดน้ำยามเย็นที่อัมพวา (เรือขายของ)
 ตลาดน้ำยามเย็นที่อัมพวา
 ริมคลองอัมพวา
ชุมชนริมคลองอัพวา
เป็นชุมชนริมน้ำที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์การตั้งถิ่นฐานแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะรูปแบบของสถาปัตยกรรมเรือนแถวไม้ริมน้ำและวิถีชีวิตที่เรียบง่ายสัมพันธ์กับคลอง ชุมชนแห่งนี้ในอดีตเคยเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญ มีตลาดนัดทางน้ำที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดสมุทรสงคราม มีร้านรวงในเรือนแถวไม้แบบเก่าหันหน้าสู่คลองอัมพวาทั้งสองฟากฝั่ง แม้บรรยากาศในปัจจุบันจะไม่คึกคักเหมือนในอดีต เนื่องจากการคมนาคมทางน้ำลดบทบาทลงและศูนย์กลางการค้าขายย้ายไปอยู่เมืองแม่กลอง แต่ก็ยังเหลือร่องรอยความเจริญในอดีตให้เห็นโดยทั่วไป
ในห้องแถวที่เคยเป็นร้านค้าเก่าและยังคงเห็นเครื่องประดับตกแต่ง เช่น ป้ายชื้อร้านแบบเก่าที่เขียนเป็นภาษาไทยคู่กับภาษาจีน ตู้เครื่องยาจีนโบราณ ตู้ทองแบบโบราณ ตลอดจนอุปกรณ์ เช่น ตาชั่งแบบโบราณที่ใช้ชั่งทอง ซึ่งเจ้าของยังเก็บรักษาไว้ นอกจากนี้ยังมีร้านค้าบางแห่งที่ยังบางแห่งที่ยังคงเปิดดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน เช่น ร้านขายของชำ ร้านคั่วกาแฟแบบโบราณ ร้านขายอุปกรณ์การประมง ฯลฯ
 คลองอัมพวา
 คลองอัมพวา
 คลองอัมพวา
 เดินเหนื่อย แล้วนั่งพักที่นี่
ด้วยเหตุที่ชุมชนริมน้ำคลองอัมพวายังคงรักษาเอกลักษณ์การตั้งถิ่นฐานแบบดั้งเดิมไว้ค่อนข้างสมบูรณ์ จึงได้รับรางวัลชุมชนอนุรักษ์ดีเด่นประจำปี พ.ศ.2545 จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์
นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวชุมชนได้ โดยเดินไปตามทางเดินคอนกรีตริมน้ำที่อยู่ด้านหน้าเรือนแถวไม้ทั้งสองฝั่งคลอง มีสะพานคนเดินข้ามเชื่อมถึงกันเป็นระยะ นอกจากนี้ยังสามารถ ว่าจ้างเรือหางยาวจากบริเวณท่าเทียบเรือเทศบาล เพื่อล่องเที่ยวชุมชนและวิถีชีวิตริมน้ำคลองอัมพวาและทัศนียภาพอันสวยงามของแม่น้ำแม่กลองและคลองสายต่าง ๆ ที่แยกจากแม่น้ำ รวมทั้งแวะเที่ยวชมวัดต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่ริมน้ำตามรายทางที่ผ่าน ซึ่งจะให้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลินไปพร้อม ๆ กัน
 โคมไฟเก๋ๆ
 ภายในบ้าน และตู้เก็บของใช้
 คลองอัมพวา
 คลองอัมพวา
 คลองอัมพวา
 คลองอัมพวา
 คลองอัมพวา
 ร้านค้าริมคลอง และที่พัก
 ทานอาหารริมคลอง
 คุณยาย และร้านค้า
 บ้านครูเอื้อ
บ้านครูเอื้อ อัมพวา
ตั้งอยู่เลขที่ 193-195 ริมคลองอัมพวา ตำบลอัมพวา ใกล้ตลาดน้ำอัมพวา ก่อตั้งโดยมูลนิธิสุนทราภรณ์ โดยการนำอาคารไม้โบราณ ริมคลองอัมพวา อันเป็นถิ่นกำเนิดของครูเอื้อ สุนทรสนาน เมื่อเกือบ 100 ปีที่แล้ว เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงนิทรรศการประวัติผลงานของครูเอื้อ ศูนย์รวมข้อมูลสำหรับบุคคลทั่วไปที่สนใจค้นคว้าเรื่องราวของเพลงสุนทราภรณ์ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เปิดให้แฟนเพลงเข้าไปนั่งฟังเพลง ค้นคว้า อ่านหนังสือ นอกจากนี้ยังแสดงของใช้ส่วนตัวของครูเอื้อ และภาพเก่า ๆ ที่หาชมได้ยาก รวมทั้งจำหน่ายของที่ระลึกและผลงานเพลงของครูเอื้อ สุนทรสนาน
สถานที่แห่งนี้ยังนับเป็นส่วนหนึ่งใน "โครงการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นชาวอัมพวา" ของมูลนิธิชัยพัฒนา ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีฯ อีกด้วย
บ้านครูเอื้อ...อัมพวา เปิดวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เวลา 11.00-20.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักประชาสัมพันธ์มูลนิธิชัยพัฒนา โทร. 0 2282 4425 ต่อ 116, 117, 0 2252 9881 และมูลนิธิสุนทราภรณ์ โทร. 0 2241 0974 แฟกซ์ 0 2241 3535, www.websuntaraporn.com e-mail: soontaraporn@gmail.com

ภายในบ้าน

ภาพครูเอื้อ
 ในบ้านครูเอื้อ อีกมุม
ก่อนจะออกจากการชมบ้านครูเอื้อ เรายังคุยกันว่า เพราะสภาพบรรยากาศที่เป็นใจแบบนี้ มิน่าละครูเอื้อ ถึงได้บรรจงสร้างสรรผลงานเพลงที่เป็นอมะตะตั้งหลายเพลง.....
"...ชีวิตที่พร่ำกลางน้ำเวียนวน ลอยล่องกลางชลไม่พ้นวนไป อยู่กับเรือเบื่อใจ ผองพรานทะเลเร่ไป อยู่ห่างไกลกลางสายชล...."
ภายในบ้านจะได้ยินเสียงเพลง ทำนองนี้อยู่ตลอด ขณะที่เราเดินเยี่ยมชมภายในบริเวณ หลายต่อหลายคนคงพลอยนึกไปถึงเพลงของสถาบัน ที่ครูเอื้ได้แต่งไว้ให้...
 เสื้อครูเอื้อ
ตอนนี้ขอจบตรงบ้านครูเอื้อนี้ก่อนครับเพื่อไม่ให้เวบโหลดช้าเกินไป ตอนต่อไปมาเริ่มกันที่ร้าน อัมพวา ชัยพัฒนานุรักษ์ และเลยไปชมหิ่งห้อยกันครับ
_______จบตอนที่ 1 _______
Create Date : 26 ตุลาคม 2551 |
Last Update : 9 ตุลาคม 2554 7:58:20 น. |
|
23 comments
|
Counter : 8024 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: บี่บี๋ IP: 115.67.209.57 วันที่: 27 ตุลาคม 2551 เวลา:8:45:07 น. |
|
|
|
โดย: บี่บี๋ IP: 115.67.209.57 วันที่: 27 ตุลาคม 2551 เวลา:8:57:32 น. |
|
|
|
โดย: wicsir วันที่: 27 ตุลาคม 2551 เวลา:9:58:54 น. |
|
|
|
โดย: บี่บี๋ IP: 115.67.209.57 วันที่: 27 ตุลาคม 2551 เวลา:10:33:32 น. |
|
|
|
โดย: บี่บี๋ IP: 115.67.209.57 วันที่: 27 ตุลาคม 2551 เวลา:10:36:07 น. |
|
|
|
โดย: บี่บี๋ IP: 115.67.209.57 วันที่: 27 ตุลาคม 2551 เวลา:12:51:54 น. |
|
|
|
โดย: บี่บี๋ IP: 115.67.145.202 วันที่: 27 ตุลาคม 2551 เวลา:15:08:48 น. |
|
|
|
โดย: บี่บี๋ IP: 115.67.145.202 วันที่: 27 ตุลาคม 2551 เวลา:16:02:32 น. |
|
|
|
โดย: บี่บี๋ IP: 115.67.145.202 วันที่: 27 ตุลาคม 2551 เวลา:16:22:01 น. |
|
|
|
โดย: wicsir วันที่: 27 ตุลาคม 2551 เวลา:20:00:08 น. |
|
|
|
โดย: wicsir วันที่: 27 ตุลาคม 2551 เวลา:20:06:45 น. |
|
|
|
โดย: บี่บี๋ IP: 115.67.145.202 วันที่: 27 ตุลาคม 2551 เวลา:20:36:13 น. |
|
|
|
โดย: wicsir วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:7:01:18 น. |
|
|
|
โดย: บี่บี๋ IP: 124.121.32.236 วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:22:08:40 น. |
|
|
|
โดย: wicsir วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:22:17:10 น. |
|
|
|
โดย: บี่บี๋ IP: 124.121.32.236 วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:20:27:55 น. |
|
|
|
โดย: wicsir วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:20:56:27 น. |
|
|
|
โดย: บี่บี๋ IP: 115.67.69.215 วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:10:52:31 น. |
|
|
|
โดย: Pleja IP: 117.47.175.229 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2551 เวลา:23:14:07 น. |
|
|
|
โดย: wicsir วันที่: 6 พฤศจิกายน 2551 เวลา:20:04:31 น. |
|
|
|
โดย: สมใจ IP: 203.144.187.19 วันที่: 6 ธันวาคม 2551 เวลา:13:25:59 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]

|
...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......
อยากจะบอกว่า
@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว
@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.
@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...
ด้วยจริงใจ นาย wicsir.
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|