ตอนที่ 28(1) อังเดร มะนาวสีเขียว (Andre,The Green Lemon)
                เย็นวันหนึ่ง ที่บ้านของออสการ์ อังเดรกำลังยืนอยู่บนดาดฟ้าของบ้าน มองออกไปยังพระอาทิตย์ที่ใกล้จะตกดิน เขามองพระอาทิตย์ด้วยตาที่เหลือเพียงข้างเดียวของเขา แต่ทันใดนั้นภาพที่เขาเห็นก็ค่อยๆมัว เขารู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา และมองไม่เห็นแม้แต่มือของตัวเอง เขารู้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาในอนาคต เขาทรุดลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวดหัวใจ ในขณะนั้นออสการ์กำลังตามหาเขาอยู่พอดี
ออสการ์ : “อังเดร! อังเดร เธออยู่ไหน?” ออสการ์ร้องเรียกอังเดรไปรอบๆบ้าน
ออสการ์ : “แปลกจัง... นายเป็นคนชวนไปขี่ม้านี่นา หายไปไหนของเค้านะ?”
อังเดรได้ยินเสียงเรียกของออสการ์ แต่เขายังไม่สามารถออกไปพบเธอได้ เขาได้แต่อ้อนวอนในใจว่า “รอเดี๋ยวนะออสการ์ ตอนนี้ตาของฉันมันพล่ามัว...ตาที่เหลือเพียงข้างเดียวของฉัน แน่นอน มันกำลังจะจากไป ฉันจะไปหาเธอทันทีที่ฉันมองเห็นอีกครั้ง รอฉันก่อนนะ รอหน่อย”
                คืนนั้นในพระราชวังแวร์ซายส์ขณะที่แฟร์ซองกำลังเดินอยู่ภายในวัง เขาสังเกตเห็นทั้งนางกำนัน และสาวรับใช้วิ่งวุ่นกันอยู่ภายในวัง เขาจึงเอ่ยถามสาวใช้คนหนึ่ง
แฟร์ซอง : “อะไรกัน มีเรื่องอะไรกันหรอ?”
นางกำนัน : “มกุฎราชกุมารทรงประชวร มีไข้กะทันหัน หมอหลวงทุกท่านกำลังไปรวมกันอยู่ในห้อง”
ภายในห้องบรรทมของมกุฎราชกุมารโจเซฟ พระโอรสของพระนางมารี อังตัวเน็ต บริเวณรอบที่บรรทมเต็มไปด้วยข้าราชบริพารและหมอหลวงที่กำลังตรวจพระอาการของเจ้าชายที่นอนซม ดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียง โดยมีพระนางมารี อังตัวเน็ตดูแลอยู่อย่างใกล้ชิด
มารีอังตัวเน็ต : “โจเซฟ แม่อยู่นี่แล้ว แข็งใจไว้นะ! โจเซฟ...”
เจ้าชายโจเซฟยื่นพระหัตถ์ของเขามาจับพระหัตถ์ของพระนางมารี อังตัวเน็ตเอาไว้แน่น
โจเซฟ : “เสด็จพ่อ! เสด็จพ่อ!” พระนางมารี อังตัวเน็ตจับพระหัตถ์ของเจ้าชายไว้แน่น แล้วร้องไห้ออกมาด้วยความเป็นห่วงอย่างสุดใจ
มารีอังตัวเน็ต : “โจเซฟ! ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องห่วง เสด็จพ่อกำลังจะมาแล้ว จะมาแล้ว...” พระนางมารี อังตัวเน็ต เดินร้องไห้ออกมาจากห้องบรรทมของเจ้าชาย ตรงไปยังรูปปั้นพระเยซู ที่อยู่อีกห้องหนึ่งซึ่งไร้ผู้คน เธอคุกเข่าลงตรงหน้ารูปปั้นพระเยซู แล้วเริ่มร้องไห้
มารีอังตัวเน็ต : “แด่พระผู้เป็นเจ้า เขาร้องเรียกฝ่าบาทด้วยความโดดเดี่ยว เขาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับฉันทุกวัน แต่เขากลับร้องเรียกให้ฝ่าบาทช่วย แทนที่จะเป็นฉัน! ยกโทษให้ฉันด้วย ได้โปรดยกโทษให้กับบาปของฉันด้วย ถ้าความทุกข์ทรมานของลูกชายของข้าพเจ้า คือการลงโทษสำหรับบาปของข้าพเจ้าแล้ว...ข้าพเจ้าขอสัญญาว่า ตั้งแต่นี้ต่อไปข้าพเจ้าจะไม่พบกับแฟร์ซองอีก ได้โปรด ได้โปรดยกโทษให้ข้าพเจ้าด้วย!” แต่บังเอิญที่แฟร์ซองเดินผ่านมาได้ยินคำพูดของพระนางมารี อังตัวเน็ตพอดี เขาได้แต่เดินจากไปเงียบๆด้วยความเสียใจ
 
            เย็นวันหนึ่งที่บ้านของออสการ์ ออสการ์กำลังนั่งดื่มชาอยู่ และมีอังเดรยืนอยู่ใกล้ๆ
ออสการ์ : “อาการไข้ของมกุฎราชกุมารทุเลาลงแล้ว เจ้าชายโจเซฟมีพระวรกายอ่อนแอ ฉันหวังว่ามันจะไม่แย่ลงนะ”
อังเดร : “ออสการ์...เธออยากซ้อมดาบกับฉันมั้ย? ฉันยังไม่ชินกับการใช้ตาขวาข้างเดียว ถ้าฉันไม่ใช้ดาบให้คล่องตอนนี้ อีกหน่อยถ้าต้องการใช้มันจะมีปัญหานะ ฮ่าฮ่าฮ่า” อังเดรออกปากชวนออสการ์ไปซ้อมดาบ
ออสการ์ : “เอาสิ ไว้ใจฉันได้เลย ฉันจะทำให้นายบาดเจ็บแน่ๆ ฮ่าฮ่าฮ่า”
ออสการ์และอังเดร ออกไปซ้อมดาบกัน ต่างคนต่างฟาดดาบใส่กันไม่ยั้งเหมือนเช่นเคย ระหว่างที่ซ้อมดาบกันอยู่นั้น มีจังหวะที่ตาขวาเพียงข้างเดียวของอังเดรเริ่มพล่ามัวอีกครั้ง เขาตกใจจนเกือบจะโดนดาบของออสการ์ฟัน
ออสการ์ : “เป็นอะไรไป? ตั้งใจหน่อยสิ!” อังเดรยังคงแข็งใจซ้อมดาบต่อไป แต่ก็ยังสู้ออสการ์ไม่ได้เหมือนเดิม เขาก้าวถอยหลังแล้วพลาดล้มไปนั่งอยู่บนขอบของน้ำพุในสวน จนออสการ์สามารถต้อนเขาจนมุมได้ ทันใดนั้นเองแฟร์ซองก็เดินเข้ามา
แฟร์ซอง : “ยอดเยี่ยม! ท่านชนะแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า”
ออสการ์ : “แฟร์ซอง...” ออสการ์ทั้งดีใจและแปลกใจที่ได้เห็นแฟร์ซอง
ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ออสการ์เชิญแฟร์ซองเข้ามานั่งจิบไวน์ในห้องนั่งเล่น ทั้งคู่นั่งตรงข้ามกันบนโต๊ะที่อยู่หน้าเตาผิง โดยมีอังเดรคอยรินไวน์ให้ ทั้งคู่ถือแก้วไวน์อยู่ในมือ และอังเดรเดินออกจากห้องไปปล่อยให้ทั้งคู่ได้คุยกันตามลำพัง
แฟร์ซอง : “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ออสการ์”
ออสการ์ : “ใช่ นานจริงๆ”
แฟร์ซอง : “แม้ว่าเราทั้งคู่จะทำงานในแวร์ซายส์ ฉันอยู่กองทัพ ท่านอยู่กองทหารองครักษ์ แต่เราก็ไม่มีโอกาสได้เจอกันเลย”
ออสการ์ : “ใช่”
แฟร์ซอง : “เราพบกันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่นะ? ท่านจำได้มั้ย?”
ออสการ์ : “นั่นสิ เมื่อไหร่นะ?” ออสการ์หลับตาจินตนาการถึงบรรยากาศในงานเต้นรำในคืนนั้น ที่เธอแต่งชุดราตรีปลอมตัวเป็นท่านผู้หญิงจากต่างประเทศและได้เต้นรำกับแฟร์ซอง ที่ยังคงประทับใจไม่รู้ลืม
แฟร์ซอง : “ยังไงก็ตาม ท่านก็ดูสบายดีนะ ฉันได้ยินข่าวลือของท่าน เกี่ยวกับเหตุการณ์อัศวินดำ”
ออสการ์ : “มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดน่ะ เราจับใครไม่ได้เลย”
แฟร์ซอง : “ในโลกของความเป็นจริง ทุกสิ่งคงไม่เป็นดั่งหวังหรอก...หึหึ”
ออสการ์ : “แฟร์ซอง ท่านเป็นยังไงบ้าง? ตอนนี้ท่านทำอะไรอยู่?”
แฟร์ซอง : “ฉันหรอ? ก็ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันหรอก ไม่มีอะไรสุข ไม่มีอะไรเศร้า...”
ออสการ์ : “อ่อหรอ...”
แฟร์ซอง : “อืม ใช่สิ แต่มีบางอย่างน่าสงสัย ที่งานเลี้ยงเต้นรำเมื่อเดือนก่อน ฉันเจอผู้หญิงคนหนึ่งคล้ายท่านมาก เธอเป็นท่านผู้หญิงมาจากต่างประเทศ ฉันเจอเธอแค่งานนั้นงานเดียวแล้วก็ไม่เคยเจอเธอในงานอื่นอีกเลย” แฟร์ซองยังคงจำภาพของหญิงสาวคนนั้นได้อย่างแม่นยำ ออสการ์ยกแก้วไวน์ขึ้นมาดื่มอย่างใจเย็น และค่อยๆวางแก้วลงบนโต๊ะ แต่ทันใดนั้นเอง แฟร์ซองกลับลุกจากเก้าอี้และจับที่ข้อมือของออสการ์ไว้ ออสการ์รู้สึกตกใจสุดขีด เธอพยายามดึงมือออก แต่แฟร์ซองยังคงจับข้อมือของเธอไว้แน่น บังเอิญอังเดรกำลังจะเดินกลับเข้ามาในห้องพอดี เขาเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ตกใจไม่แพ้กัน
แฟร์ซอง : “เป็นอย่างที่ฉันคิดจริงๆด้วย ออสการ์ นั่นคือเธอ! เธอคือผู้หญิงคนนั้น! แม้เธอจะพยามปกปิดมันไว้ แต่เธอก็ซ่อนมันไม่มิดหรอก” ออสการ์รู้สึกตกใจ และเสียใจเป็นอย่างมากที่แฟร์ซองรู้ความจริง เธอรีบสะบัดออกจากโต๊ะจนโต๊ะล้มคว่ำ แก้วไวน์แตกกระจาย เธอรีบวิ่งสวนกับอังเดรออกไปข้างนอกทันที เหมือนกับตอนที่เธอวิ่งหนีแฟร์ซองออกมาจากงานเลี้ยงเต้นรำในวันนั้น เธอไม่อาจจะอยู่สู้หน้าเขาได้อีกต่อไป ออสการ์วิ่งไปหยุดอยู่หน้าประตูโรงเลี้ยงม้าบานใหญ่ที่ปิดสนิท โดยมีแฟร์ซองเดินตามมา ออสการ์ยังคงหันหลังให้เขา แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุด
แฟร์ซอง : “ออสการ์! ถ้าฉันรู้ตั้งแต่แรกว่าท่านเป็นผู้หญิง”
ออสการ์ : “อย่าพูดอีกเลย แฟร์ซอง ท่านไม่ควรพูดอะไรกับฉัน ฉันแพ้หัวใจตัวเองแล้ว ในโลกนี้มีความรักอยู่ 2 แบบ รักที่มีความสุข...และรักที่มีแต่ความเจ็บปวด”
แฟร์ซอง : “ไม่ ออสการ์ ความรักมีแค่อย่างเดียวเท่านั้น คือ รักที่มีแต่ความเจ็บปวด!” น้ำตาของแฟร์ซองก็ค่อยๆไหลออกมาเช่นกัน
ออสการ์ : “ฉันรู้ว่าในที่สุดแล้ววันนี้ก็ต้องมาถึง มันจบแล้ว แฟร์ซอง เราไม่สามารถพบกันได้อีก”
แฟร์ซอง : “อย่าลืมนะออสการ์ ท่านคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน ตลอดไป... และฉันก็จะพยายามเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของท่านเช่นกัน
ออสการ์ : “ฉันจะไม่ลืมมัน ฉันสัญญา”
แฟร์ซอง : “ลาก่อน ดูแลตัวเองด้วยนะ” แล้วแฟร์ซองก็หันหลัง เดินไปขึ้นหลังม้าของเขา แล้วขี่ม้าจากไป ออสการ์ได้แต่ภาวนาในใจว่า  “ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง แฟร์ซอง! และซักวันหนึ่ง ได้โปรดมอบความรักที่มีความสุขให้กับเขาด้วย!
ออสการ์เดินกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่น ที่เต็มไปด้วยเศษแก้วไวน์ที่แตกกระจายเหมือนกับหัวใจของเธอในตอนนี้ เธอก้มลงเก็บเศษแก้วที่พื้นขี้นมาใส่ในมือ แล้วอังเดรก็เดินตามเธอเข้ามา
อังเดร : “ให้ฉันช่วยมั้ย ออสการ์?” ออสการ์หันมาเล็กน้อย ด้วยใบหน้าที่ยังเปื้อนคราบน้ำตา
ออสการ์ : ไม่ ฉันโอเค”
อังเดรเดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้ออสการ์ได้อยู่เพียงลำพัง แต่ระหว่างที่เดินไปตามทางเดินที่มีแสงโคมไฟสลัวๆนั้น เขาก็เกิดอาการตาพล่ามัวขึ้นอย่างกะทันหัน เขาใช้มือสองข้างคลำกำแพงทางเดินเอาไว้แล้วค่อยๆเดินไปแต่ก็สะดุดล้มลง เขาพยายามตะเกียกตะกายต่อไปทั้งที่ตามองไม่เห็น ในใจได้แต่ภาวนาว่า “ออสการ์ ...ช่วยฉันด้วย!
            ในคืนนั้นเอง ด้วยตาที่มัวบ้าง ชัดบ้างของเค้า ทำให้เค้ากลุ้มใจอย่างมาก เขาจึงขี่ม้าเข้าไปนั่งดื่มเบียร์ในบาร์เล็กๆแห่งหนึ่งในเมืองปารีส ในร้าน LA BONNE TABLE ในร้านวันนั้นเต็มไปด้วยชายแต่งชุดทหารลาดตระเวนสีน้ำเงิน พวกเขาร้องเพลงสังสรรค์กันอย่างสนุกสนาน บ้างนั่ง บ้างยืน บางคนก็ยืนบนโต๊ะ ในระหว่างที่อังเดรกำลังนั่งดื่มอยู่เงียบๆคนเดียว ก็มีนายทหารคนหนึ่งที่ยืนอยู่บนโต๊ะ เดินตรงมายืนบนโต๊ะของเขา
อัลเลน : “ว่าไง ไอ้หนุ่ม! เป็นอะไรไป? นายดูหดหู่นะ” อังเดรเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขา ก็เห็นนายทหารตัวใหญ่ ใส่ผ้าพันคอสีแดง เครื่องแบบสีน้ำเงิน แต่ไม่ได้ติดกระดุม
อัลเลน : “ฉันชื่ออัลเลนเป็นทหารลาดตระเวน ทำไมนายไม่มาร้องเพลงกับพวกเราล่ะ?”
ทหาร : “ไอเดียดีนี่ จะได้สนุกขึ้นไง!” เพื่อนทหารอีกคนสนับสนุน
อังเดร : “ขอบคุณ ฉันเอาด้วยก็ได้” แล้วพวกทหารก็ร้องรำทำเพลงกันต่ออย่างสบายใจ
ในคืนนั้นขณะที่ทหารคนอื่นกำลังร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน อัลเลนได้นั่งลงข้างๆอังเดร และเริ่มคุยด้วยอย่างเป็นมิตร
อัลเลน : “วันนี้เป็นวันเงินเดือนออกของทหารลาดตระเวน เลยมีการสังสรรค์กันนิดหน่อยน่ะ ถึงแม้คำว่า 'ทหารลาดตระเวน' จะฟังดูน่าประทับใจ...แต่พวกเราก็เป็นแค่พวกลูกคนทำขนมปังและลูกชาวนา ไม่เหมือนกับครอบครัวของทหารองครักษ์หรือทหารในกองทัพ.. พวกเราก็แค่พวกที่ชอบสร้างปัญหามาอยู่รวมกัน พวกเราทำแต่งานเสี่ยงๆ งานตอนนี้คือลาดตระเวนในฝรั่งเศสที่วุ่นวาย อุ๊ย...ขอโทษที ฉันแค่บ่นเกี่ยวกับงานของพวกเราน่ะ ไอ้หนุ่ม! นายควรจะคายความกล้าหาญของนายออกมาบ้างนะ นั่นดีที่สุดแล้ว!” อัลเลนชวนอังเดรคุย แต่อังเดรได้แต่ยิ้มตอบโดยไม่พูดอะไร
อัลเลน : “ดี โอเค ถ้านายไม่พูดก็ดื่มอย่างเดียวละกัน” ทั้งคู่ชนแก้วกัน
ในระหว่างนั้นเอง ก็เริ่มมีเสียงโวยวายของนายทหารทะเลาะกัน “เฮ้ นาย! นายชนขวดแตกนะ!” “ฉันไม่ได้ทำ!” “นายนั่นแหละทำ!” นายทหารคนหนึ่งต่อยเข้าที่ท้องของนายทหารอีกคน
อัลเลน : “ฮ่า เริ่มแล้ว!” แต่อัลเลนกลับมีท่าทีสนุกสนาน
เสียงทหารยังคงทะเลาะกันไม่หยุด “ขอโทษเดี๋ยวนี้นะ ไอ้ลูกหมา!” “ไอ้เวรเอ้ย” “ฮ่า! ไม่พอใจหรอ?” “ฮ่า แกสองคนอย่ายอมกันสิวะ” “เล่นใหญ่ไปเลย” “ได้เลย” หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มตะลุมบอนกัน
อัลเลน : “ไม่ต้องห่วงน่า มันแค่ส่วนหนึ่งของความสนุก!” แทนที่อัลเลนจะเข้าไปห้าม แต่เขากลับเข้าไปร่วมวงต่อยตี ราวกับเรื่องนี้เป็นเรื่องสนุก อังเดรยืนงงอยู่ได้ไม่นาน ก็มีทหารต่อยเข้ามาที่หน้าของเขา อังเดรจึงเข้าไปร่วมอยู่ในวงชุลมุนนั้นด้วย พวกเขาต่อยตีกันเองเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องสนุกสนานตลอดทั้งคืน หลังจากดื่มเสร็จ อังเดรก็ขี่ม้ากลับบ้านอย่างโซซัดโซเซ ระหว่างทางเขาได้แต่คิดถึงเรื่องตาของเขาที่กำลังจะมองไม่เห็น
อังเดร : “ไม่ ออสการ์ มันใช้ไม่ได้ ไม่ว่าฉันจะดื่มเท่าไหร่ ทำตัวร่าเริงเท่าไหร่...ซักวัน ฉันก็ต้องสูญเสียตาขวาของฉันอยู่ดี! ออสการ์ สิ่งที่ยากที่สุดของฉันคือการที่จะไม่ได้เห็นหน้าเธออีกต่อไป! ฮ่า….” เขาตะโกนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดหัวใจ
เมื่ออังเดรกลับมาถึงบ้านกลางดึกก็ต้องตกใจเมื่อเห็นออสการ์ยังคงนั่งรอเขาอยู่หน้าเตาผิง
ออสการ์ : “เกิดอะไรขึ้น อังเดร? แนนนี่เป็นห่วงเธอมากนะ”
อังเดร : “แล้วเธอล่ะ ออสการ์? ทำไมเธอยังไม่นอน?” อังเดรเดินเข้าไปเขี่ยไฟหน้าเตาผิงให้แรงขึ้น “เฮ้ เฮ้ ไฟมอดแล้ว”
ออสการ์ : “อังเดร...ฉันจะลาออกจากทหารองครักษ์” อังเดรรู้สึกแปลกใจ แต่ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย



Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2563
Last Update : 31 มีนาคม 2563 18:02:37 น.
Counter : 1077 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Lady Oscar
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]



New Comments
กุมภาพันธ์ 2563

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
18
21
22
25
27
28
29
 
All Blog