กุหลาบแวร์ซายส์ , Lady Oscar , La Rose de Versailles , The Rose of Versailes , Berusai No Bara
|
|||||
ตอนที่ 35(2) ออสการ์ แยกตัวออกไป (Oscar Now Splits Away) ในขณะนั้นทหารลาดตระเวนลูกน้องของออสการ์ทั้ง 12 คน พวกเขายังคงถูกจับขังรวมกันอยู่ในคุกทหารโดยไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน และยังไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง เพื่อนทหาร : “จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเราหรอ?” “พวกเราอาจจะถูกยิงเป้าข้อหากบฏอย่างที่นายพลบูอีพูดก็ได้ ใช่มั้ย อัลเลน?” อัลเลน : “ก็อาจจะใช่ พวกเราถูกเกณฑ์ทหารมาอยู่ในกองทัพ ดังนั้น เมื่อพวกเราปรากฏตัวในศาลทหาร แม้ว่าฉันจะถูกลงโทษหรือไม่ก็ตาม ฉันก็จะพูดในสิ่งที่ฉันอยากจะพูด!” โมลอน : “ใช่ เราจะพูดในสิ่งที่เราอยากจะพูด เช่น ขึ้นเงินเดือนหรือเพิ่มวันหยุดให้มากกว่านี้!” เพื่อนทหาร : “โมรอน! สำหรับคนที่รอรับโทษแล้วจะเอาวันหยุดไปทำไมกันเล่า!” โมลอน : “เออ จริงด้วยแฮะ ฮ่าฮ่าฮ่า” โมลอนและเพื่อนทั้งหมดต่างหัวเราะด้วยความขำขัน แต่แล้วก็มีผู้คุมคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาในห้องขัง ผู้คุม : “ฟังคำพิพากษาโทษของพวกนาย พวกนายจะถูกลงโทษที่ลานจัตุรัสพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 เวลา 8 โมงเช้า ในอีก 5 วันข้างหน้า คือวันที่ 1 กรกฎาคม” พวกทหารได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตกใจ ไม่คิดว่าการลงโทษจะมาเร็วขนาดนี้ โดยที่ไม่มีโอกาสได้ขึ้นศาลทหาร เมื่อผู้คุมออกไป อัลเลนจึงเคาะเรียกเขาที่ประตูห้องขัง อัลเลน : “อะไรนะ?! เดี๋ยวก่อนสิ ผู้คุม! เกิดอะไรขึ้นกับศาลทหาร?! พวกเรายังไม่ทันได้ขึ้นศาลเลย!” ผู้คุม : “ฉันได้ยินมาว่า การพิจารณาถูกยกเลิก” อัลเลน : “เป็นไปไม่ได้! พวกเรายังไม่ได้ขึ้นศาลทหาร!” ผู้คุม : “เบื้องบนอาจข้ามขั้นตอนเป็นกรณีพิเศษ มันเกิดขึ้นเป็นประจำแหละ รู้ไว้ด้วย ฮ่าฮ่าฮ่า” อัลเลน : “แย่แล้ว! พวกเราถูกพิจารณาคดีลับหลังจำเลย! ยอมแพ้ ทุกคน! ยอมแพ้ทั้งหมดเลย!” พวกเขาทั้ง 12 คนรู้สึกหมดหวัง ออสการ์พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะช่วยลูกน้องของเธอทั้ง 12 คนออกมาให้ได้ ดังนั้น ออสการ์จึงเดินทางเข้าไปในปารีส เพื่อขอความช่วยเหลือจากเบอร์นาร์ด เธอพลางตัวด้วยการใส่ชุดลำลองและสวมเสื้อคลุมยาวและสวมหมวกเพื่อไม่ให้ใครจำได้ เธอเดินทางไปหาเบอร์นาร์ดในร้านเล็กๆ ที่ไร้ผู้คน ในตรอกแห่งหนึ่งในปารีส ทั้งคู่นั่งดื่มไวน์และคุยธุระกันตามลำพัง ออสการ์ : “ฉันได้ยินเรื่องของท่านจากอังเดร ฉันอยากจะมาขอร้องท่าน เบอร์นาร์ด” เบอร์นาร์ด : “โอเค ถ้าฉันทำได้นะ แต่ฉันจะไม่ทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับราชวงศ์และขุนนาง” ออสการ์ : “ลูกน้องของฉันทั้ง 12 คน ทั้งหมดเป็นสามัญชน” เบอร์นาร์ด : “ได้ อธิบายเรื่องของท่านมา ฉันติดหนี้บุญคุณท่านอยู่” ออสการ์จึงเล่าแผนการของเธอให้เบอร์นาร์ดฟัง เบอร์นาร์ด : “อะไรนะ?! ล้อมคุกทหารงั้นหรอ?!” เบอร์นาร์ดได้ยินแผนการของออสการ์ก็รู้สึกแปลกใจ ออสการ์ : “ใช่ ท่านสามารถรวบรวมประชาชนได้ เราต้องการพันคน...ไม่สิ ประมาณ สามพันคน” เบอร์นาร์ด : “ฉันทำได้แน่...แต่มันจะช่วยพวกเขาได้ยังไงล่ะ?” ออสการ์ : “ฉันเป็นหัวหน้าของกองทหารลาดตระเวนซึ่งได้รับหน้าที่รักษาความปลอดภัยในปารีส ถ้าฉันโกหกว่าปารีสกำลังตกอยู่ในอันตรายแล้วล่ะก็ ฉันก็จะสามารถขอร้องพระราชาให้ปล่อยตัว 12 คนนั้นได้” เบอร์นาร์ด : “อ๋อ เป็นความคิดที่ดีนี่ เราต้องการคนฉลาดๆอย่างท่านมาอยู่ข้างสามัญชนของพวกเรา” ออสการ์ : “ท่านจะทำมันมั้ย?” เบอร์นาร์ด : “มีปัญหาอีกอย่างนึง ถ้ามันเกิดกลายเป็นจลาจลขึ้นมาล่ะ?” ออสการ์ : “ฉันสัญญาว่า จะไม่มีใครซักคนในกลุ่มของท่านหรือประชาชนจะต้องบาดเจ็บหรือตาย ถ้าฉันผิดสัญญา ฉันจะลาออกจากทหารลาดตระเวนและเสี่ยงชีวิตหรือทำอะไรก็ตามเพื่อท่าน” เบอร์นาร์ด : “ตกลง ฉันจะทำ แล้วคอยดูกันว่าด้วยคำปราศรัยของฉัน ฉันจะสามารถดึงดูดมวลชนได้มากซักแค่ไหน” ออสการ์ : “ฉันต้องพึ่งท่านแล้ว” เมื่อคุยธุระเสร็จ ออสการ์ก็เดินออกไปจากร้าน เบอร์นาร์ด : “เออ ออสการ์ ฝากทักทายอังเดรด้วยนะ” ออสการ์ยกมือเป็นเชิงตกลง ออสการ์ : “ฉันอยากจะเจอโรซารี่หลังจากเรื่องนี้จบลง” เบอร์นาร์ด : “ได้สิ โรซารี่ต้องดีใจแน่” ออสการ์ : “แล้วพบกันใหม่” หลังจากนั้นเบอร์นาร์ดจึงนำแผนการที่เขาตกลงกับออสการ์ มาบอกกับโรเบสปิแอร์ ในโบสถ์ร้างที่เป็นที่ชุมนุมของพวกเขา เบอร์นาร์ด : “ฉันคิดว่าน่าจะลองดู ท่านคิดว่ายังไง ท่านโรเบสปิแอร์?” โรเบสปิแอร์ : “ช่วยทหาร 12 คน ที่ถูกปิดปากด้วยการพิจารณาคดีลับหลังจำเลย...พวกเราควรจะทำนะ ถ้าพวกเราทำสำเร็จ พวกเราจะสามารถจูงใจทหารคนอื่นๆให้มาอยู่ข้างพวกเราได้ ซักวันนึงพวกเราจะต้องต่อสู้กับกองทหาร และถ้าพวกเราเข้าไปอยู่ในใจของพวกเค้าได้ล่ะก็ เมื่อวันนั้นมาถึง...” โรเบสปิแอร์เห็นด้วยกับเบอร์นาร์ด แต่ทันใดนั้นเอง เซนต์จัสซึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้ในโบสถ์ก็โผล่ขื้นมาขัดจังหวะ เซนต์จัส : “ไม่ใช่ ‘ซักวันหนึ่ง’ หรอกท่าน ทำไมไม่นำผู้ชุมนุมไปที่แวร์ซายส์เลยล่ะ?” เขาเสนอความคิดเห็น โรเบสปิแอร์ : “แค่นี้ก็พอแล้ว เซนต์จัส! ทำไมท่านถึงชอบเลือกทางที่รุนแรงนักล่ะ?” เซนต์จัส : “รุนแรงหรอ? ฉันน่ะหรอ? ฮ่าฮ่าฮ่า” โรเบสปิแอร์ : “การก่อตั้งสมัชชาแห่งชาติ , การช่วยเหลือคน 12 คน และคำปฏิญาณสนามเทนนิสที่เฌอเดอโปม... การเตรียมพร้อมและความอดทนเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ได้รับพลังอันยิ่งใหญ่ สำหรับฉันแล้ว ท่านดูไม่ต่างอะไรกับพวกกบฏกระหายเลือด” โรเบสปิแอร์ต่อว่าเซนต์จัส เซนต์จัส : “ทำไมล่ะท่าน? ฉันก็แค่เสนอแผนการ ถ้าท่านไม่ชอบก็ทิ้งมันไปสิ” แล้วเขาก็นอนกลับลงไปเหมือนเดิมโดยไม่สบอารมณ์นัก โรเบสปิแอร์ : “ทำมันเลย เบอร์นาร์ด ฉันขอให้เธอโชคดี!” โรเบสปิแอร์สนับสนุนเบอร์นาร์ด ในเช้าวันถัดมา ออสการ์ได้เริ่มทำตามแผนที่ตกลงกันไว้กับเบอร์นาร์ด ออสการ์เรียกรวมทหารลาดตระเวนหน่วยบีของเธอเพื่อออกคำสั่ง ออสการ์ : “พวกเรามีภารกิจพิเศษในการลาดตระเวนในปารีสวันนี้ เราได้รับแจ้งว่าจะมีการชุมนุมกันที่ลานปาแลรัวยัลวันนี้ ภารกิจของเราคือรักษาความปลอดภัยของผู้ชุมนุมอยู่ห่างๆ จงจำไว้ว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ห้ามยิงประชาชนเด็ดขาด อย่าถูกยั่วยุโดยประชาชน ทุกคน! ไปได้!” ออสการ์ขี่ม้านำทหารลาดตระเวนหน่วยบีเข้าไปในปารีส ตรงไปที่ลานปาแลรัวยัล ที่ขณะนั้นเบอร์นาร์ด ชาร์เล็ตกำลังกล่าวปราศรัยเพื่อระดมผู้ชุมนุมตามที่ได้ตกลงกันไว้กับออสการ์ เบอร์นาร์ด : “ฉัน เบอร์นาร์ด ชาร์เล็ต ฉันอยากให้พวกเราที่ชุมนุมกันอยู่ที่ลานปาแลรัวยัลนี้ได้รับรู้อะไรบางอย่าง! สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลาย ท่านต้องรู้ว่าลูกหลานของพวกเรา ใช่ ลูกหลานของสามัญชน ซึ่งอยู่ในกองทหารที่น่ารังเกียจ และลูกหลานของพวกเราทั้ง 12 คน กำลังจะถูกลงโทษโดยไม่ได้ขึ้นศาลทหาร!” ทหารลาดตระเวนหน่วยบี ต่างพากันขี่ม้าดูอยู่รอบๆการชุมนุม พวกเขาได้ยินเนื้อหาของการปราศรัยก็รู้สึกตื่นเต้นและดีใจ ลูกน้องออสการ์ : “เฮ้ นี่คือการชุมนุมเพื่อช่วยอัลเลนและคนอื่นๆนี่นา!” “ใช่ๆ” เบอร์นาร์ด : “ประชาชนชาวปารีสผู้ซึ่งกำลังไปสู่ยุคใหม่! ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นทหารภายใต้ระบอบการปกครองแบบเก่า แต่จงรู้เอาไว้ว่า พวกเขาคือสหายของเรา ที่ได้รับเงินเดือนอันน้อยนิดเพื่อแลกกับห่ากระสุน!” ในขณะนั้นเอง เซนต์จัส กบฏหัวรุนแรงและพวกของเค้าได้แฝงตัวเข้าไปรวมกับผู้ชุมนุม เพื่อที่จะทำให้เหตุการณ์ชุมนุมนั้นบานปลายกลายเป็นการจราจล เขาจึงตั้งใจจะฆ่าออสการ์ เซนต์จัส : “นั่นไง นั่นคือหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย ฆ่ามันแค่คนเดียว ถ้าหัวหน้าของพวกมันตาย พวกมันก็จะสลายการชุมนุม ประชาชนก็จะก่อจลาจลด้วยความโกรธแค้น พวกเราต้องการให้จลาจลเคลื่อนที่ไปที่แวร์ซายส์” เซนต์จัสบอกแผนการกับลูกน้องของเขา และหยิบหน้ากากขึ้นมาใส่เพื่อปิดบังใบหน้า เบอร์นาร์ด : “สหาย! พวกเราจงไปที่คุกทหารเดี๋ยวนี้ และกดดันให้ปล่อยตัวพวกของเราทั้ง 12 คน!” ผู้ชุมนุม : “ใช่! เบอร์นาร์ดชาร์เล็ตพูดถูก! ไปที่คุกทหาร!” “ไม่ๆ เดี๋ยวก่อนสิ คิดก่อน ทหารไม่ให้พวกเราเข้าไปในคุกหรอก” “ใช่ ฉันไม่อยากเจ็บตัวนะ” “ทำไมล่ะ ทหารไม่กล้าแตะต้องพวกเราหรอก ถ้าพวกเราไปกันเยอะๆ” “ทุกคนไปที่คุกทหาร!” ทันใดนั้นเอง ในขณะที่ออสการ์กำลังลาดตระเวนอยู่รอบๆผู้ชุมนุมบนหลังม้า เซนต์จัสได้ชักมีดของเขาออกมา และพยายามแทงออสการ์แต่ออสการ์เห็นก่อนจึงใช้มือจับแขนของเซนต์จัสไว้ได้ เซนต์จัสลากออสการ์ลงมาจากหลังม้าท่ามกลางผู้ชุมนุมมากมายทำให้ไม่มีใครทันสังเกตเห็น เซนต์จัสพยายามแทงออสการ์หลายครั้งแต่ออสการ์ก็พยายามต่อสู้ เบอร์นาร์ด ชาร์เล็ต สามารถระดมมวลชนได้เป็นจำนวนมาก และพาพวกเขาเดินขบวนมุ่งหน้าตรงไปที่คุกทหารตามแผนที่วางไว้ เมื่อกลุ่มคนเคลื่อนออกไป อังเดรก็ไม่เห็นออสการ์แล้ว อังเดร : “ออสการ์ เธออยู่ไหน?!” อังเดรตามหาออสการ์ด้วยความร้อนใจ ในขณะนั้นเอง ออสการ์ต่อสู้กับเซนต์จัส เซนต์จัสหนีลงไปใต้สะพาน ออสการ์จึงตามเขาลงไป ออสการ์ : “แกคือหัวหน้ากบฏที่จู่โจมดยุคอาเดลอสนี่!” ออสการ์เห็นหน้ากากของเซนต์จัสจึงจำได้ทันทีว่าเขาคือคนที่เคยโจมตีดยุคอาเดลอส เซนต์จัสชักมีดขึ้นมา ออสการ์จึงชักดาบของเธอออกมาด้วย เซนต์จัสพยายามวิ่งเข้ามาแทงออสการ์อยู่หลายครั้ง แต่ไม่สามารถทำอะไรเธอได้ ทั้งคู่เข้าต่อสู้กันจนสุดท้ายออสการ์สามารถฟันหน้ากากของเซนต์จัสจนแยกออกเป็นสองส่วน เซนต์จัสเห็นท่าไม่ดี เขารีบเอามือข้างนึงขึ้นมาปิดบังใบหน้าไว้ แล้ววิ่งหนีไป ออสการ์จึงพุ่งดาบในมือของเธอตามหลังเซนต์จัสไป ออสการ์ : “หยุดนะ!” แต่ดาบพุ่งไปไม่ถึงเซนต์จัส ดาบปักลงที่พื้นแล้วเซนต์จัสก็หนีรอดไปได้ ทางด้านเบอร์นาร์ดตอนนี้เขาได้นำผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนไปปิดล้อมคุกทหารแล้ว เบอร์นาร์ด : “ทหารทั้ง 12 คนเป็นลูกหลานของสามัญชน! ปล่อยพวกเขาเดี๋ยวนี้!” ผู้ชุมนุม : “ปล่อยพวกเขา!” “ปล่อยพวกเขา!” “ปล่อยพวกเขา!” เสียงของประชาชนโห่ร้องดังกึกก้องไปทั่ว ทางด้านอังเดรยังคงขี่ม้าตามหาออสการ์ในตัวเมืองปารีสด้วยความเป็นห่วง อังเดร : “ออสการ์! ออสการ์!” อังเดรตะโกนเรียกออสการ์ไปตลอดทาง ทันใดนั้นเขาก็เห็นออสการ์เดินออกมาจากซอกตึกเล็กๆแห่งหนึ่ง “ออสการ์!” เขาดีใจที่เห็นเธอปลอดภัยดี ออสการ์ : “อังเดร ไปถึงไหนแล้ว? มันได้ผลมั้ย?” อังเดร : “พวกเราทำสำเร็จแล้ว! คนมากกว่า 5,000 คน ปิดล้อมคุกทหาร!” ออสการ์ : “พวกเราทำได้!” ออสการ์ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกดีใจมาก ออสการ์ให้ทหารรีบส่งข้อความด่วนไปที่แวร์ซายส์ตามแผน ในขณะที่พระราชาและขุนนางของพระองค์กำลังประชุมกันอยู่ในห้อง ทหาร : “มีเหตุฉุกเฉิน! ฉันได้รับข้อความจากหัวหน้ากองทหารลาดตระเวน! ประชาชนกว่าสามหมื่นคนกำลังล้อมคุกทหาร และจำนวนคนยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอีกครับ! เป็นไปได้ที่จะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อีกต่อไป! เรามีเวลาไม่มากก่อนที่จะเกิดการจลาจลครับ!” พระราชาได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตกพระทัย นายพลบูอี : “ฝ่าบาทไม่ควรปล่อยมัน! ถ้าฝ่าบาทปล่อย 12 คนนั้น สามัญชนจะยิ่งอวดดีมากขึ้นอีก!” นายพลบูอีรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก แต่ทันใดนั้นเอง พระราชินีอังตัวเน็ตก็เดินเข้ามาในห้องประชุม พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 : “พระราชินี...” อังตัวเน็ต : “ฝ่าบาท ทรงลังเลอะไรอีกล่ะเพคะ?” พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 : “เออ...คือ” พระราชาอ้ำอึ้ง อังตัวเน็ต : “แล้วทำไมพวกท่านถึงไม่เห็นด้วยล่ะ? ปล่อยพวกเขาทั้ง 12 คนแค่ครั้งเดียว! พวกท่านจะทำให้ปารีสที่สวยงามกลายเป็นทะเลเพลิง เพียงเพราะคนแค่ 12 คนอย่างนั้นหรอ?" ด้วยเหตุผลนี้เอง ทางการจึงจำเป็นต้องปล่อยตัวทหารลาดตระเวนทั้ง 12 คนของออสการ์ บริเวณหน้าคุกทหารที่เต็มไปด้วยประชาชนที่โห่ร้องดีใจกับชัยชนะครั้งนี้ ทหารทั้ง 12 คนนำโดยอัลเลนเดินออกมาจากประตู โดยมีออสการ์และอังเดร ขี่ม้ามารอรับอยู่ด้านหน้า พวกเขาเดินเข้ามาหาออสการ์ ออสการ์ : “อัลเลน นี่ไม่ใช่พลังของเบอร์นาร์ด และแน่นอนว่าไม่ใช่ฉัน มันเป็นพลังของประชาชน” อัลเลน : “หัวหน้า ดูเหมือนว่าท่านจะเข้าใจโลกมากขึ้นแล้วสินะ” อัลเลนจับมือกับออสการ์ด้วยความดีใจ 30 มิถุนายน 1789 ประชาชนฝรั่งเศสได้รับตัวทหารทั้ง 12 คนกลับไป ชัยชนะในครั้งนี้เป็นเพียงคลื่นเล็กๆ ก่อนที่จะเกิดคลื่นยักษ์เท่านั้น จบตอนที่ 35 |
Lady Oscar
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]
Group Blog All Blog
Friends Blog Link |
||||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |