ทางผ่านก่อนกลับโคราช ... ป้อมพระจุล
นำไปเรื่องราวของเพลง Both side of the Tweed
เวลาเรากลับบ้านเชียงใหม่เราก็ต้องกะวันเพื่อลางานประจำ
แต่เมื่อไปบ้านหลายวันเข้า
คุณพ่อจะเหล่ ๆ และก็ถามว่าเมื่อไหร่จะกลับ ... ห่วงงานแทนลูกสาว
เราก็เลยกลับ
แต่เวลาลางานเราเหลือ
จึงตัดสินใจไปกินปูม้า ... เยี่ยมเพื่อนประจำปีที่เมืองชล
ค้างที่สระบุรีหนึ่งวัน
ขอขอบพระคุณ พี่ปุ๊ พี่รหัส
... คือพี่คณะ ที่รหัสเลขท้ายสองตัว ( ไม่ใช่หวย ) ตรงกัน ...
ที่เอื้อเฟื้อที่พักพิงที่สระบุรี ... ดีใจมากที่เจอพี่ในรอบ ยี่สิบกว่าปี
***
พี่ปุ๊เคยดูแลตอนตุ๊กเรียน แล้วพี่ก็ยังดูแลอยู่ ขอบคุณค่ะ
***
รุ่งขึ้นเดินทางจากสระบุรี ไปชลบุรี
แต่เพื่อนคนเมืองชล จะเลิกงานก็ทุ่มสองทุ่ม
คิด คิด คิด
มาคิดออกเมื่อผ่านปราจีนว่า ไปทานข้าวบางเที่ยงปูเถอะ เราไม่เคยไป
แต่ห้ามสั่งปู
และจะไปป้อมพระจุลต่อ กำลังอินกับ ละครทวิภพ
ถามทางตั้งแต่ ปั๊มแก๊ส ด่านเก็บตังทางด่วน
และจอดถามแถวนี้แหละ
เขาบอกให้ตรงไปจนถึงหอนาฬิกาแล้วเลี้ยวขวา
คนไม่คุ้นเคยจะตื่นเต้นกับของเล่นพวกนี้มาก
โน่นเยอะแยะเลย
เข้าเขต ป้อมพระจุลจอมเกล้า
ตั้งอยู่ที่ตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ
ป้อมพระจุลจอมเกล้า
เป็นป้อมปราการทางน้ำที่สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2427
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เพื่อป้องกันการรุกรานทางเรือจากอังกฤษและฝรั่งเศส
ที่จะบุกเข้ามาทางปากแม่น้ำเจ้าพระยา
ป้อมแห่งนี้สร้างเป็นป้อมปืนใหญ่แบบตะวันตก
ติดตั้งปืนใหญ่อาร์มสตรอง 155 มม. จำนวน 7 กระบอก
ในตำแหน่งที่วงไว้
ปืนเสือหมอบ
จากวิกิพีเดีย
หรือปืนใหญ่อาร์มสตรอง
ซื้อด้วยพระราชทานเงินพระคลังข้างที่ ซึ่งเป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์
ติดตั้งที่ป้อมพระจุลจอมเกล้าจำนวน 7 กระบอก
ได้ใช้ในวิกฤติการณ์ ร.ศ. 112
ฝรั่งเศสอ้างอำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง
ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2436
เรือรบฝรั่งเศส 3 ลำถูกโจมตีโดยป้อมปืนของสยามและเรือปืน
ในขณะที่แล่นเรือผ่านเข้าไปในปากแม่น้ำเจ้าพระยา
ผลการรบ ฝรั่งเศสได้รับชัยชนะ
และดำเนินการปิดล้อมกรุงเทพ
ทำให้ฝ่ายไทยจำต้องยอมยกดินแดนลาวฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงให้แก่ฝรั่งเศส
เมื่อยิงไปแล้วปืนจะหมอบลง ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ ปืนเสือหมอบ
***
เรือหลวงแม่กลอง
ต่อที่อู่เรืออูรางา เมืองโยโกสุกะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อ พ.ศ. 2479
ขึ้นระวางประจำการเมื่อ พ.ศ. 2480
ปลดระวางประจำการเมื่อ พ.ศ. 2539
รวมระยะเวลาประจำการ 59 ปี
***
หลังจากที่ออกอากาศไปแล้ว
มีเจ้าถิ่นให้คำแนะนำหากได้ไปเที่ยวปากน้ำดังนี้
ขากลับจากไปป้อมพระจุลฯ แวะพระสมุทรเจดีย์
กราบและถ่ายรูปพระสมุทรเจดีย์เสร็จ
ก็จอดรถไว้ที่ที่จอดรถแล้วเดินมาขึ้นเรือข้ามฟาก ห่างกันประมาณ 100 เมตร
เรือข้ามฝากจะมี ลักษณะเหมือนเรือข้ามฟากจากท่าช้างไปศิริราช,วังหลัง
ข้ามไปตลาดวิบูลย์ศรี (ตลาดปากน้ำ) ใช้เวลาไป-กลับประมาณ 15 นาที
ระหว่างนั่งเรือก็จะได้
ชมบ้านเรือนที่อยู่ริมตลิ่ง
ชมเกาะกลางแม่น้ำที่เมื่อก่อนเป็นที่เก็บดินปืน
ชมเรือเดินทะเลที่แล่นเข้าออกประเทศไทย
เมื่อใกล้ถึงท่าข้ามฝากฝั่งตลาดปากน้ำ
ก็จะมองเห็นศาลากลาง ศาลจังหวัด อยู่ใกล้ ๆ
ที่ท่าข้ามก็เดินผ่านตลาด ซื้อของฝาก ของทะเลสด ๆ
หรือเดินหรือนั่งสามล้อถีบชมเขตเทศบาลตำบลปากน้ำ
แล้วก็มาขึ้นเรือที่เดิม ไม่เกินชั่วโมง ก็เก็บทุกอย่างได้หมด
***
ปิดท้ายด้วยภาพขากลับ
Create Date : 21 ตุลาคม 2554 |
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2554 9:22:27 น. |
|
28 comments
|
Counter : 3232 Pageviews. |
|
|
|
|