สุรินทร์ - เที่ยวอิสานใต้ตามใจฉันที่ ศาลหลักเมืองสุรินทร์ และ วัดบูรพาราม
เส้นทางอิสานใต้
จากโคราชมุ่งตะวันออกถึงบุรีรัมย์
จากบุรีรัมย์มุ่งตะวันออกถึงตัวจังหวัดสุรินทร์
* ศาลหลักเมืองสุรินทร์ *
ตัวเมืองสุรินทร์เป็นเมืองที่มีอยู่มานานเป็นชุมชนโบราณขนาดใหญ่
มีแนวคูน้ำคันคลองแสดงถึงตัวเมืองโบราณอยู่สองยุคคือ
ทวาราวดี ... คูนอกของเมืองชั้นใน มีลักษณะเป็นวงรี
ขอมหรือลพบุรี ... กำแพงและคูน้ำเมืองชั้นนอก มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
เมื่อเกิดการแยกอาณาจักรลาว ออกเป็นรัฐอิสระ 3 รัฐ คือ หลวงพระบาง เวียงจันทน์ และจำปาศักดิ์
จึงเกิดการสะสมแสนยานุภาพ ป้องกันการรุกราน
ยุทโธปกรณ์สำคัญที่สะสมเพื่อใช้ต่อสู้ คือช้าง
เมืองจำปาศักดิ์จึงบังคับให้ ชาวเมืองอัตตปือแสนปางส่งช้างป้อนกองทัพ
ทำให้ส่วยอัตตปือแสนปางหนีข้ามลำน้ำโขงเข้ามาอาศัยกับพวกส่วยดั้งเดิม
บริเวณป่าดงดิบแถบอีสานล่างคือ
อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และบางส่วนของนครราชสีมา มหาสารคาม
กลุ่มที่มาอยูที่บ้านเมืองที (ปัจจุบันอยู่ที่ อ.เมืองสุรินทร์) มีหัวหน้าชื่อ เชียงปุม
สมัยสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อัมรินทร์ หรือพระเจ้าเอกทัศ
ช้างเผือกหนีออกมาจากกรุงศรีอยุธยาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่เขตพิมาย
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงโปรดให้ขุนนางสองพี่น้อง กับไพร่พล 30 คน ออกติดตาม
ชาวส่วยหลายได้ช่วยกันติดตามจนพบและนำกลับมาได้
พระเจ้าเอกทัศจึงโปรดเกล้าแต่งตั้งบรรดาหัวหน้าชาวส่วยให้มีฐานันดรศักดิ์
หนึ่งในนั้นคือ
พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง (ปุม) หัวหน้าส่วยที่บ้านเมืองที
จางวางปุ่มเห็นว่าเมืองทีคับแคบจึงขอย้ายเมืองมาตั้งที่บ้านคูปทายสมันต์
และยกขึ้นเป็นเมืองคูประทายสมัน อ่านว่า คู-ปะ-ทาย-ยะ-สมัน
ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
ทรงโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อเมืองคูประทายสมัน เป็นเมืองสุรินทร์ ตามชื่อเจ้าเมือง
* วัดบูรพาราม *
สร้างโดย พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง (ปุม) เจ้าเมืองประทายสมันต์ท่านแรกตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี
ต่อมา พ.ศ.2476 สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสฺโส) เจ้าคณะมณฑล
... ท่านได้รับโบราณวัตถุมากมาย จนจัดตั้งพิพิธภัณฑ์แห่งชาติมหาวีรวงศ์ นครราชสีมา ...
ได้ตั้งให้วัดบูรพารามเป็นวัดในสังกัดคณะธรรมยุตแห่งแรกของสุรินทร์
และได้นิมนต์พระราชวุฒาจารย์ (หลวงปู่ดุลย์ อตุโล)
พระสงฆ์สายปฏิบัติธุดงค์กรรมฐาน ให้มาเป็นเจ้าอาวาสประจำอยู่ที่วัดบูรพาราม
พระอาจารย์มั่น
และพระอัฐิธาตุ ของพระอาจารย์สายกัมมัฏฐานทั่วเมืองไทย
ในพิพิธภัณฑ์กัมมัฏฐาน-อัฐิธาตุ
ด้านหลังของวิหารวัดบูรพาราม เป็นวิหารหลวงพ่อพระชีว์
ไม่สามารถสืบประวัติได้ว่าสร้างขึ้นเมื่อไร
สันนิษฐานว่าคงจะสร้างมาพร้อมกับเมืองสุรินทร์
จากชื่อ หลวงพ่อพระชีว์
ว์ คือ ชีวะ น่าจะเป็น ชีวิต
หรือ ลำน้ำชี ที่ไหลจังหวัดสุรินทร์ หรือมาจากลำชี
ซึ่ง แถวสุรินทร์ เป็นเมืองบ้านนอกมีความอัตคัด ใน 100-200 ปีก่อน
ไม่น่ามีพระพุทธรูปสำริดที่มีขนาดใหญ่และดูเคร่งขรึมมีอำนาจน่าเกรงขาม
เป็นที่พึ่งทางใจ ให้รู้สึกปลอดภัย พ้นภัยพิบัติ ของคนสุรินทร์ตลอดมา
ถึงเวลาเที่ยงกว่าพอดี
เล็งร้านเย็นตาโฟเฮียเกี๊ยกไว้
ร้านอยุ่ข้างแมคโครสุรินทร์
มื้อเที่ยงวันนี้
Create Date : 08 มกราคม 2561 |
Last Update : 7 มีนาคม 2565 15:56:32 น. |
|
42 comments
|
Counter : 2657 Pageviews. |
|
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณmoresaw, คุณOldbuff 1222, คุณกะว่าก๋า, คุณฝากความคิดถึงไปกับสายฝน, คุณmcayenne94, คุณเกศสุริยง, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณTui Laksi, คุณวลีลักษณา, คุณที่เห็นและเป็นมา, คุณRain_sk, คุณKavanich96, คุณโอพีย์, คุณสาวไกด์ใจซื่อ, คุณตะลีกีปัส, คุณล้งเล้งลัลล้า, คุณThe Kop Civil, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณtoor36, คุณสองแผ่นดิน, คุณจารุพิชญ์, คุณruennara, คุณข้ามขอบฟ้า, คุณSweet_pills, คุณNaiKonDin |
โดย: moresaw วันที่: 8 มกราคม 2561 เวลา:8:57:20 น. |
|
|
|
โดย: ควายเฒ่า วันที่: 8 มกราคม 2561 เวลา:10:22:38 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 มกราคม 2561 เวลา:10:34:24 น. |
|
|
|
โดย: ลุงแมว วันที่: 8 มกราคม 2561 เวลา:11:49:57 น. |
|
|
|
โดย: mcayenne94 วันที่: 8 มกราคม 2561 เวลา:11:51:07 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 8 มกราคม 2561 เวลา:11:56:37 น. |
|
|
|
โดย: เกศสุริยง วันที่: 8 มกราคม 2561 เวลา:12:10:44 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 มกราคม 2561 เวลา:14:26:18 น. |
|
|
|
โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 8 มกราคม 2561 เวลา:17:06:17 น. |
|
|
|
โดย: Tui Laksi วันที่: 8 มกราคม 2561 เวลา:18:42:05 น. |
|
|
|
โดย: วลีลักษณา วันที่: 8 มกราคม 2561 เวลา:19:17:41 น. |
|
|
|
โดย: พายุสุริยะ วันที่: 8 มกราคม 2561 เวลา:20:20:17 น. |
|
|
|
โดย: ไอฟายน้อย (Ces ) วันที่: 8 มกราคม 2561 เวลา:21:02:49 น. |
|
|
|
โดย: Kavanich96 วันที่: 9 มกราคม 2561 เวลา:3:05:40 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 มกราคม 2561 เวลา:6:15:56 น. |
|
|
|
โดย: เมษาโชดดี วันที่: 9 มกราคม 2561 เวลา:9:04:07 น. |
|
|
|
โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 9 มกราคม 2561 เวลา:11:09:16 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 9 มกราคม 2561 เวลา:21:05:37 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 มกราคม 2561 เวลา:23:06:09 น. |
|
|
|
โดย: จารุพิชญ์ วันที่: 10 มกราคม 2561 เวลา:0:13:23 น. |
|
|
|
โดย: ruennara วันที่: 10 มกราคม 2561 เวลา:1:30:27 น. |
|
|
|
โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 10 มกราคม 2561 เวลา:1:35:44 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 10 มกราคม 2561 เวลา:5:25:07 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 มกราคม 2561 เวลา:6:53:11 น. |
|
|
|
โดย: ruennara วันที่: 10 มกราคม 2561 เวลา:12:40:56 น. |
|
|
|
โดย: NaiKonDin วันที่: 10 มกราคม 2561 เวลา:12:50:16 น. |
|
|
|
โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:15:46:47 น. |
|
|
|
| |
มาสุรินทร์ต้องกินสุรา ใครไม่กินสุรา เป็นหมาสุรินทร์
นี่เป็นประโยคที่คนพูดถึงจังหวัดสุรินทร์กันติดปาก หาใช่คำขวัญของจังหวัดสุรินทร์ไม่
เพราะคำขวัญของสุรินทร์นั้นมีว่า สุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่ ผ้าไหมงาม ประคำสวย ร่ำรวยปราสาท
ผักกาดหวาน ข้าวสารหอม งามพร้อมวัฒนธรรม"