ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย
11 มีนาคม 2559
หนังสือเล่มที่ผมอ่านในวันนี้เป็นหนังสือแปลของนักเขียนญี่ปุ่นผู้มีนามว่า ฮารูกิ มูราคามิ ท่านที่เป็นหนอนหนังสือคงรู้จักชื่อเสียงของมูราคามิเป็นอย่างดี นวนิยายเรื่องนี้ถูกเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นก่อนที่จะแปลเป็นภาษาอังกฤษใช้ชื่อเรื่องว่า Norwegian Wood ถูกแปลเป็นภาษาไทยในชื่อเรื่องว่า ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย แปลโดยนพดล เวชสวัสดิ์
ตัวผมเคยได้ยินชื่อเสียงของมูราคามิมานานหลายปีแล้ว รู้เป็นอย่างดีว่าเขาเป็นนักเขียนญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงมาก ผมตั้งใจว่าสักวันหนึ่งผมจะอ่านเรื่องของมูราคามิแต่ผมก็ไม่ได้อ่านสักที จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ผมได้ชมรายการหนึ่งทางทีวีดาวเทียม โดยเนื้อหาในรายการนั้นคุณโตมร ศุขปรีชา พูดถึงผลงานของมูราคามิ ซึ่งผมจำรายละเอียดไม่ได้หมด แต่ผมรู้ว่าน้ำเสียงที่คุณโตมรพูดถึงมูราคามินั้นเป็นน้ำเสียงที่มีการยกย่องชื่นชมเป็นอย่างมาก จึงทำให้สะกิดใจผมว่าผมยังไม่เคยได้อ่านผลงานของมูราคามิเลย ผมตัดสินใจว่าต้องหามาอ่านให้ได้ ผมจึงไปหาข้อมูลในเน็ต ในเว็บบอร์ดพันทิปว่า ถ้าอยากจะอ่านงานของมูราคามิควรเริ่มต้นอ่านเรื่องใด? ซึ่งหลาย ๆ ความคิดเห็นพูดถึงเรื่องนอร์เวียเจียนวู้ดมากทั้งที่ชอบและไม่ชอบ
สำหรับเรื่อง ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย นี้คงเป็นการยากที่จะพูดบอกว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร แต่ถ้าจะพูดตามชื่อเรื่องก็คงบอกได้ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของความรักที่มีความตายมาเกี่ยวข้องด้วย โดยเป็นเรื่องราวความรักของชายหนุ่มอายุกำลังจะครบ 20 ปีที่มีชื่อว่า วาตานาเบะ ชายหนุ่มที่ดูเหมือนสับสนในเรื่องความรักของตัวเอง ชายหนุ่มที่ทั้งแสวงหาความรักและทอดทิ้งความรักไปพร้อม ๆ กัน ในเรื่องมีการพูดถึงชีวิตของวาตานาเบะที่เป็นตัวละครหลัก และพูดถึงชีวิตของตัวละครอื่น ๆ อย่างจัดเจน จนทำให้ผู้อ่านเห็นภาพความรักที่เกิดขึ้นในเรื่องได้ โดยคำโปรยที่ปกหลังพูดสรุปไว้ว่า Norwegian Wood เป็นเรื่องราวของความรักที่ไม่ใช่ความรักทั่วไป หากเป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่เรียนรู้และเติบโต เรื่องราวของหญิงสาวผู้สับสนเรื่องราวของชีวิตและความตาย
ผมอ่านเรื่องนี้แล้วไม่กล้าสปอยล์เนื้อเรื่อง เพราะผมอยากให้ท่านลองอ่านแล้วจินตนาการตามเนื้อเรื่องไปเองน่าจะดีกว่า เรื่องนี้ของมูราคามิไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวและไม่ใช่เรื่องที่น่าขยะแหยง ผมอ่านแล้วคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่งานเขียนที่สกปรกถึงแม้ว่าในเรื่องจะมีฉากอย่างว่า หรือฉาก 18+ อยู่บ้างก็ตาม แต่ผมคิดว่าเรื่องของฉากอย่างว่านั้นเป็นการกระทำของตัวละครที่ผู้เขียนต้องการสื่อให้ผู้อ่านเห็นอะไรบางอย่าง โดยตัวละครของมูราคามิในเรื่องนี้ดูแล้วเป็นตัวละครที่ไม่ได้สมบูรณ์ 100 % ตัวละครแต่ละตัวมีลักษณะแปลกเฉพาะตัว มีการดำเนินชีวิตหรือแนวคิดที่แปลกกว่าคนทั่วไป บางครั้งดูแล้วเหมือนตัวละครมันพิลึกมากกว่า ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวละครเหมือนมีปมเป็นความเว้าแหว่งในชีวิต เมื่ออ่านแล้วยอมรับว่าถึงแม้ว่าตัวละครจะพิลึกหรือทำอะไรที่เป็นอย่างว่า แต่ตัวละครก็มีเหตุผลรองรับการกระทำนั้น ๆ ตลอด
ถ้าถามผมว่า อ่านเรื่องนี้แล้วชอบไหม? สำหรับผมต้องตอบว่าชอบมากเลย แต่ผมเชื่อว่าอาจจะมีบางท่านที่ไม่ชอบเรื่องที่มีฉากอย่างว่าหรือฉาก 18+ แบบนี้ แต่สำหรับผมยอมรับฉากพวกนี้ได้ เพราะอ่านแล้วรับรู้ได้ว่าผู้เขียนไม่ได้เขียนเอามันแบบหนังสือโจ่งครึ่มที่เขียนขายแต่ฉากเซ็กส์ฉากวาบหวามเพียงอย่างเดียว แต่มูราคามิเขียนเพื่อให้ผู้อ่านรู้ว่าตัวละครเป็นอย่างไร? หรือจะเป็นอย่างไรต่อไป? อ่านงานเขียนเรื่องนี้ของมูราคามิแล้วผมมีความรู้สึกเหมือนว่า กำลังปิดตากินไอศกรีมอยู่ เพราะในระหว่างที่กำลังจะตักไอศกรีมเข้าปากนั้นดูแน่ชัดว่าต้องอร่อย เมื่อไอศกรีมเข้าปากแล้วก็รับรู้ได้ถึงความอร่อยแบบที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน ไม่ได้คิดไว้ล่วงหน้าว่าจะเป็นรสนั้นรสนี้ เรื่องนี้ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดใจได้ตลอดเวลาที่อ่าน ถึงแม้ว่าความรู้สึกจะไม่ได้เป็นเส้นกราฟที่พุ่งขึ้นสูงปรี๊ดก็ตาม แต่ความประหลาดใจนั้นคือประเด็นที่ทำให้เราฉุกคิดอะไรได้ต่างหาก
ถ้าถามผมว่า เรื่องนี้อ่านยากไหม? สำหรับผมตอบเลยว่าไม่ยากมาก เพราะเป็นรูปแบบของวรรณกรรมสมัยใหม่ เนื้อเรื่องเดินไปข้างหน้าเกือบตลอด มีแฟล็ชแบ็ค(ย้อนอดีต)ไม่เยอะอ่านแล้วไม่งง อีกทั้งมีการบรรยายถึงตัวละครอย่างชัดเจน รวมทั้งให้ความสำคัญกับฉากเป็นอย่างมากด้วย การกระทำของตัวละครก็เป็นสิ่งที่เราสามารถพบเห็นได้ในสังคม แต่การผูกเรื่องราวเป็นสิ่งที่ทำได้อย่างน่าประทับใจ มีการทิ้งปมและค่อย ๆ เฉลยปมอย่างไม่โฉงฉ่าง อ่านแล้วรู้สึกได้ถึงลีลาการเขียนที่ไม่เหมือนใคร มูราคามิเขียนเรื่องนี้ให้ผู้อ่านรู้สึกได้ว่าในเรื่องนี้มีประกายเรืองรองและมีความจัดจ้านอย่างพอตัว
เพราะเหตุนี้ฉันจึงอ่าน เพราะถ้าแกอ่านหนังสือเหมือนชาวบ้านทั่วไป แกก็ได้ความคิดแบบเดียวกับชาวบ้าน นั่นเป็นโลกของคนบ้านนอก ไร้ความคิด คนมีการศึกษาจะอับอายล้นพ้นที่จะลดตัวลงไปอยู่ระดับนั้น แกไม่สังเกตเห็นบางเลยหรือ, บาตานาเบะ? แกกับฉันเป็นเพียงสองคนที่เรียกได้ว่ามีความคิดในหอพักแห่งนี้ คนอื่น ๆ ที่เหลือเป็นเพียงเศษขยะ (หน้า 45)
จากบทที่มายกมาข้างต้นนี้เป็นการพูดของตัวละคร ฉากในเรื่องที่ตัวละครหลักและเพื่อนของเขาเป็นนักอ่าน เป็นหนอนหนังสือตัวยง ทั้งคู่อ่านวรรณกรรมชั้นนำของโลกตลอดเรื่อง จึงดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีอะไรที่เหนือกว่าตัวละครอื่นอยู่มาก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักประการหนึ่งที่ผมยกมากล่าวอ้าง เราควรจะอ่านวรรณกรรมกันเยอะ ๆ เพราะว่าวรรณกรรมทำให้ความคิดของเรายกระดับขึ้นไปอีกขั้นเสมอ ยิ่งอ่านเยอะก็ยิ่งยกระดับสูงขึ้นตามไปด้วย นอกจากนั้นท่านอย่าคิดว่าวรรณกรรมไม่น่าอ่านหรืออ่านยาก ก็เพราะว่า เราไม่อาจตัดสินหนังสือจากหน้าปกได้ (ประโยคนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่ปรากฏอยู่ในเรื่องหลายครั้ง)
เมื่อผมได้อ่านงานเขียนของมูราคามิแล้ว ผมก็รู้สึกเหมือนได้รู้จักมูราคามิมากขึ้น ผมจึงคิดว่าควรจะไปหาผลงานเรื่องอื่น ๆ มาอ่านเพิ่มเติมขึ้นอีก เพื่อที่จะได้รู้จักกับมูราคามิมากขึ้นและได้อ่านวรรณกรรมมากขึ้นด้วย ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ในโลกนี้ยังมีหนังสือดี ๆ อีกหลายล้านเล่มที่รอให้ผมอ่าน รอให้ผมค้นพบและรอเปิดโลกทัศน์ผมให้กว้างไกลมากขึ้นด้วย
สำหรับนวนิยายแปลเรื่อง ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย เล่มที่อยู่ในมือผมนี้เป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่ 4 เดือนมีนาคม 2557 โดยสำนักพิมพ์กำมะหยี่ ด้วยความหนา 390 หน้า ราคาปก 290 บาท ท่านใดที่สนใจก็ลองไปหาอ่านกันดูนะครับ
ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการอ่านหนังสือนะครับ
Create Date : 11 มีนาคม 2559 |
Last Update : 11 มีนาคม 2559 17:46:41 น. |
|
33 comments
|
Counter : 2181 Pageviews. |
|
|