Group Blog
 
All blogs
 
My tears are not for you. ไม่ได้ร้องไห้ให้เธอ

ขวัญข้าวเจื้อยแจ้วอยู่กับหน้าจอแท็บเล็ตทั้งคืนหันมาอีกทีเพราะรู้สึกได้ว่าเตียงยุบไป น้องนุชฟุบกายลงบนเตียงไม่นานไหมเงินก็เดินระโหยกระปลกกระเปลี้ย มาทำแบบเดียวกันด้วยแสนเซ็งที่งานเขียนของตนไปไม่ถึงไหนสาวรุ่นเห็นว่าหากเธอส่งเสียงจะเป็นการรบกวนการพักผ่อนของสองพี่สาวคิดได้ดังนั้นจึงปิดเครื่อง และล้มตัวลงนอนตามกันไป

รุ่งขึ้น เป็นไหมเงินที่รู้สึกตัวก่อนใคร เช่นเคยเธอเตรียมจะลงไปข้างล่างเพื่อเจอคนที่เฝ้ารอสาวผมยุ่งก็รู้สึกตัวหลังจากที่นักเขียนสาวเดินไปแปรงฟันในห้องน้ำขวัญข้าวลุกจากเตียง เดินมาดักรอพี่สาวแสนสวยหน้าประตูไหมเงินเดินออกมาและต้องตกใจหน้าแทบหงาย ด้วยไม่คิดว่าสาวุร่นจะมายืนคอย

“Goodmorning. Did you have sweet dream last night?”

นักเขียนสาว ยิ้มสวยเห็นฟันขาวแม้จะเพิ่งหัดพูดแต่ก็ลิ้นอ่อนสำเนียงพอใช้ได้ ก็แน่ละ เจื้อยแจ้วอยู่ทั้งคืนนี่เธอตอบกลับไปด้วยนึกสนุก

“Absolutely,and you?”

เจอคำแปลกหู ขวัญข้าวก็ให้งง อะไรยูๆ นะ อ้อ! สาวผมยุ่งตอบกลับไปตามบทเรียนที่คุ้นหูคุ้นตา

“Myname is Kwankaw.”

นักเขียนสาวหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง เอามือเรียวสวยลูบไปบนหัวเด็กน้อย พูดออกไปด้วยน้ำเสียงเอ็นดูยิ่ง

“ยังๆ ต้องฝึกอีกเยอะนะ Absolutely มีความหมายเหมือน Yesแปลง่ายๆว่า แน่นอนที่สุด, แน่ยิ่งกว่าแช่แป้งแล้วพี่ก็ย้อนถามเรากลับไปไง And you?” สาวรุ่นพยักหน้ายิ้มอายๆ ที่ปล่อยไก่ตัวใหญ่เบ้อเริ่ม แต่ก็รวบรวมความกล้าพูดประโยคที่ตั้งใจออกมา

“I’mvery appreciate and thank you in millions times for your kindness.”

ขวัญข้าวเปล่งเสียงชัดถ้อยชัดคำ ออกไปอย่างมั่นใจเพราะเมื่อคืนท่องจำจนฝังเข้าไปในเมมโมรี่เธอต้องการแสดงความขอบคุณในความเมตตากรุณาของพี่สาวใจดีไหมเงินนิ่งตะลึงไปพักหนึ่ง ไม่ใช่ว่าฟังไม่เข้าใจเธอเข้าใจได้ดีมากเพราะทักษะภาษาอังกฤษของนักเขียนสาว เข้าขั้นเทพขั้นนางฟ้าเพียงแต่คิดไม่ถึงว่า สาวรุ่นจะตั้งใจเฟ้นหาประโยคมาพูดกับเธอแต่ขืนชมมากไปจะเหลิงเอาได้ พาลขี้เกียจไม่ฝึกต่อ

“รู้ความหมายด้วยเหรอ พูดท่องเป็นนกแก้วนกขุนทองแบบนี้” เธอแค่นเสียงถามกลับไป

“ค่ะ หนูอยากจะต่อประโยคออกไปว่าขอบคุณมากที่ซื้อแทบเล็ตให้และหนูจะตั้งใจเรียน แต่ว่าไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อ ได้แต่หาคำขอบคุณได้เท่านั้น”

“อืม... ภาษามันต้องใช้บ่อยๆถึงจะแม่นยำเรียนไปเรื่อยๆก็จะรู้เองว่าจะพูดอย่างไร เออ... เดี๋ยวพี่จะลงไปซื้อของกินหน่อยจะเอาอะไรมั้ย” คนรับฟังส่ายหน้าเป็นสัญญาณว่าไม่ไหมเงินออกเดินตามหัวใจที่ล่วงหน้าไปรอคอยอยู่ก่อนแล้ว

หัวใจของอีกฝ่ายเล่าจริงใจกับเธอหรือไม่ ไหมเงินเริ่มกระสับกระส่ายเมื่อจุดนัดพบที่เดิมไม่มีคนเดิมมารอพบเช่นเคย เข็มนาฬิกาเดินผ่านไปแปรผันตรงกับความว้าวุ่นใจที่เพิ่มมากขึ้น ถัดไปไม่ไกลกันนักขวัญข้าวที่แฝงกายเข้ากับพุ่มไม้ที่มุมด้านหนึ่งเพื่อเฝ้าดูแฟนหนุ่มของไหมเงินในมือก็ถือแท็บเล็ตคู่ใจ เตรียมจะบันทึกเหตุการณ์สำคัญ

‘เป็นตายอย่างไรวันนี้เราต้องเห็นหน้าเสียให้จงได้’ ความตื่นเต้นแทรกซึมทั่วทุกอณูของสรรพางค์จนเธอต้องเอามือที่ชุ่มเหงื่อมาเช็ดเป็นระยะๆ ‘ทำไมเราถึงต้องอยากรู้เรื่องคนรักของพี่ไหมมากขนาดนี้นะมันก็เรื่องส่วนตัวของพี่เขานี่นาสวยคมขนาดนี้มันก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่จะมีคนมารักชอบ ไม่รู้ล่ะ...ก็คนมันอยากรู้นี่’ คนแอบซุ่มก็ว้าวุ่นในห้วงความคิดไม่แพ้กัน

ราวยี่สิบนาทีเลยผ่านไหมเงินตัดสินใจไม่รอแล้ว ใช้บริการพี่วินมอเตอร์ไซค์ที่หน้าคอนโดฯเดินหน้างอคอตกเป็นปลาทูแม่กลองแม้จะเป็นพาหนะสองล้อไม่แตกต่าง...แต่มันแทนกันไม่ได้ขวัญข้าวเห็นพี่สาวเป็นแบบนั้นก็ให้เสียใจแทน เธอกลับขึ้นมาบนห้องบ่นเอากับน้องนุช

“แฟนพี่ไหมก็จริงๆเลย ปล่อยให้เธอรอเสียตั้งนานสองนาน เป็นหนูนะจะว่าให้หูชาเลย เบี้ยวนัดแทนที่จะโทรมาบอกกันบ้างหน้าพี่ไหมนี่งอเป็นเบ็ดตกปลาเลย กลับมามี’รมณ์เสียแน่ๆแล้วคนซวยก็ไม่พ้นขวัญข้าว เฮ้อออ!” นักเขียนบทสาวก็ให้แปลกใจกับกิริยาอาการของสาวผมยุ่งที่ดูประหนึ่งว่าจะยุ่งเรื่องผู้ใหญ่มากเกินไป แต่ก็นะเป็นตัวเธอเองมิใช่หรือที่มีส่วนเจ้ากี้เจ้าการเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังการถ่ายทำ

“ก็อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆสิจ๊ะ ถ้าคิดว่าจะโดนหางเลขก็ทำเป็นอ่านตำรับตำราเสียบหูฟังไปตามเรื่อง” น้องนุชเสนอแนะทางออกให้

“ต่อให้ทำอะไรก็ไม่รอดอยู่ดีน่ะค่ะ ช่างเถิดขวัญทำใจได้แล้วก็คิดเสียว่า เป็นเสียงที่พัดผ่าน ดังแล้วก็เงียบไปค่ะ”

“หือ? ทำใจได้จริงอ่ะ เห็นน้ำตาซึมทุกที”

ระหว่างที่สองสาวกำลังคุยกันออกรส ประตูห้องก็ถูกเปิดออกมันจะเป็นใครไปได้นอกเสียจากเจ้าของห้องเขากลับมาแล้ว ในมือว่างเปล่าไม่มีอาหารเช้าเช่นทุกวัน น้องนุชก็ไม่ได้อะไรมาก เพราะเก็บของเก่าจากตู้เย็นกินกันตายลูบท้องพอประทังหิวขวัญข้าวเล่าก็ตกใจ ไม่คิดว่าพี่สาวจะกลับมาเร็วเช่นนี้นี่ได้ยินเราคุยไปบ้างก็ไม่รู้เลยสาวรุ่นเดินตัวลีบไหล่ห่อหลังงอเป็นปลาหมึกบนเตาปิ้งเข้าห้องน้ำไป เธอขอไปตั้งหลักเตรียมใจโดนด่าเสียก่อนแล้วกัน

‘ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไม่ได้คุณมาช่วยไว้ ดิฉันคงแย่เพราะเงินในกระเป๋านี่จะเอาไปรักษาแม่’

‘เล็กน้อยค่ะ เป็นใครก็ต้องทำแบบนี้ทั้งนั้น’

‘ไม่ๆ ประโยคมันดู เรียบง่ายเกินไป มันเหมือนชายหญิง เจรจาความกันมากกว่า’

“โอ้ยย!! ให้ตายสิ เบื่อๆๆๆ”

การณ์เป็นตามคาดของขวัญข้าว หลังจากที่ไหมเงินเริ่มนั่งลงพิมพ์งานก็ได้ยินเสียงบ่นกะปอดกะแปดไม่เว้นวาย ด้วยเรื่องหัวใจที่ว้าวุ่นเป็นทุนเดิมเสริมเพิ่มเข้ากับการงานที่ประเดี๋ยวพิมพ์ประเดี๋ยวลบประเดี๋ยวแก้ย้ำคิดย้ำทำอยู่อย่างนั้น สาวรุ่นรู้ตัวว่า ระเบิดนาปาล์มกำลังจะทำงานในไม่กี่อึดใจ

ขวัญข้าวทำได้ดีที่สุดคือพยายามเอาใจ เธอชงกาแฟหอมกรุ่นมาวางไว้ให้แทนที่แก้วเก่าที่พร่องไปนิดหนึ่งแต่มันชืดเสียแล้ว

“เดี๋ยวก่อน” น้ำเสียงที่ร้องเรียกแม้ยังเรียบเย็นแต่ขวัญข้าวต้องสะดุ้งโหยง สาวรุ่นยิงฟันซี๊ด ทำใจยอมรับหันกลับมาฟังความ

“ใครใช้ให้เอามา พี่จะดื่มชา”

“ชาหมดค่ะ” สาวรุ่นปั้นหน้าสวยตอบกลับไปแบบไม่คิดอะไรมาก แน่นอนที่สุดมันก็ไม่น่าจะมีอะไรแต่นี่เป็นประโยคปฐมบทแห่งความยุ่งเหยิงทั้งหมดทั้งมวลที่ตามมา

“หมดแล้วทำไมเพิ่งมาบอก ไม่รอบคอบเลย” เสียงของผู้อุปการะเริ่มเขียว

“ก็ปกติเห็นพี่ไหมไม่ดื่ม เรียกหาเอาแต่กาแฟ”

“ชักเอาใหญ่แล้วนะ กำเริบเสิบสานเถียงคอเป็นเอ็น” ไหมเงินฟาดงวงฟาดงาลงเอากับกระโถนท้องพระโรงใบเดิม

“ไหม!...” น้องนุชรีบเข้ามาห้ามทัพเพราะลางร้ายแห่งมหากาพย์กำลังจะเริ่มต้นขึ้น เสียงเตือนจากญาติสนิทระงับการปะทะฝีปากเอาไว้ นักเขียนสาวลุกมามองหาเอกสารส่วนตัว เธอต้องการนิยายรักที่เคยเขียนไว้เป็นเล่มแรกๆเพื่อที่จะรื้อฟื้นเอามาปรับสำนวนเสียใหม่ เพราะสภาพจิต ณตอนนี้คิดให้ตายก็คิดไม่ออกประดิษฐ์คำหวานออกมาไม่ได้

หลังจากเพียรหาอยู่หลายนาทีก้มๆเงยๆลุกนั่งๆอยู่หลายคำรบ เจ้าของห้องก็หาไม่เจอเพราะตำแหน่งมันเปลี่ยนไปจากเดิมมาก เธอเพิ่งสังเกตว่าห้องที่เคยรกเสียยิ่งกว่ารังหนู บัดนี้มันสะอาดตา ใช่มันเป็นระเบียบเรียบร้อยเสียจนเธอหาข้าวของไม่เจอ นึกถึงหน้าคนที่ทำให้เธอต้องหงุดยิ่งก็ยิ่งพาลพาให้หัวเสียปุ่มระเบิดได้ถูกกดแล้ว

“จัดห้องประสาอะไร นี่หาของไม่เจอเลยแล้วเผลอสะเพร่าทิ้งของสำคัญไปบ้างหรือเปล่าถ้าเป็นเด็กนะแม่จะจับตีก้นเสียให้เข็ด”

“เอาเลยค่ะจะตีจะโบยก็เอาให้สาแก่ใจ หนูไม่เคยทำอะไรถูกอยู่แล้ว ความยุติธรรมมันไม่เคยมีคนควรโกรธไม่โกรธ เอะอะก็มาลงที่คนๆนี้ทุกครั้ง” เกินจะอดรนทนได้สาวรุ่นระบายความอัดอั้นออกมาพร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรู

“ใช่ รู้ตัวเสียก็ดีแล้ว ฉันจะโกรธจะด่าทออย่างไรก็สุดแต่ใจเธอมันแค่ผู้อาศัยไม่มีสิทธิ์ฤทธิ์มาก ทำมาเป็นต่อล้อต่อเถียงอย่านึกว่าที่ซื้อโน่นนี่ให้จะรักใคร่สิเน่ห์หา ทำตัวเป็นว่าวต้องลมหลงระเริงแล้วน้ำตาจรเข้หน่ะอย่าคิดว่าได้ผล กับผู้ชายเธออาจจะใช้มารยาล่อหลอกเอาได้แต่กับฉันเมินเสียเถิด ไปเลยนะ ไปให้พ้นหน้าเสียเดี๋ยวนี้”อารมณ์อ่อนไหวผสานเข้ากับความโมโหถึงขีดสุดเป็นเหตุให้ไหมเงินขาดสติเสียยิ่งกว่าครั้งใด

“ใช่! หนูร้องไห้ แต่ไม่ได้ร้องให้คนใจร้าย หนูร้องให้กับความเขลาของตัวเองร้องให้กับความปรารถนาดีที่มันไม่เคยมีค่า” นิยายรักมักจะแฮปปี้เอ็นดิ้งฉากจบหวานซึ้งแสนโรแมนซ์ แต่เหมือนว่าจะใช้ไม่ได้กับชีวิตจริง เพราะความรักความจริงใจที่มีให้กับพี่สาวแสนร้ายกาจกลับดูประหนึ่งว่าไม่เคยมีอยู่ ไม่เคยเริ่มต้น...

เกินจะทนแล้วใจ สาวรุ่นรื้อข้าวของเสียกระจัดกระจายอยากจะหาของนักใช่ไหม ได้ จะเอาให้เป็นเหมือนสภาพเก่าก่อนขวัญข้าวหยิบกองหนังสือตามชั้น ตู้ และทุกๆที่ที่เธอจัดวางเอามาละเลงกองรวมกันที่พื้น เดินกระแทกส้นเท้าเข้าไปในห้องน้ำและกลับออกมาในชุดเดิมที่เธอได้เจอกับเจ้าของห้อง ณ ลานจอดรถวันนั้นแม้ว่าเสื้อและกางเกงของสาวรุ่น จะแปรสภาพไปเป็นผ้าขี้ริ้วขะมุกขะมัว ขาดวิ่นเธอก็ไม่แคร์ เมื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างเป็นแบบเดียวกับวันที่เข้ามาขวัญข้าวก็เปิดประตูก้าวออกไป แม้จะไม่รู้จุดมุ่งหมายข้างถนนหรือใต้สะพานลอยที่ไหนสักแห่ง มันก็เหมาะสมกับคนเร่ร่อนอย่างเธอดี

“ไง แม่คนเจ้าอารมณ์ เชิญอยู่คนเดียวบ้าคลั่งเสียให้พอนุชก็ไม่ไหวจะเคลียร์แล้วเหมือนกัน” ญาติสนิทพูดอย่างเอือมระอา หล่อนรีบเก็บข้าวของ และกวดฝีเท้าวิ่งออกไปตามสาวรุ่นที่ยังไม่น่าจะไปไหนได้ไกลนัก

“ดี ไปกันเสียให้หมด ฉันจะได้อยู่อย่างสงบเสียที”คำพูดรำพันหลุดจากปากของเจ้าของห้องสายตาก็มองดูผลงานงามหน้าที่ยัยตัวแสบทิ้งไว้เป็นที่ระลึก

ทันใดนั้นตาคมเฉี่ยวของไหมเงินเห็นกระดาษโน้ตแปะไว้ที่ข้างตู้หนังสือ มือเรียวกระชากออกมาดูมันเป็นลายมือของคนที่จัดเก็บ หล่อนเขียนเป็นลาเบลจำแนกเอาไว้ชัดเจนว่าชั้นไหนมีอะไรอยู่บ้าง นักเขียนมีชื่อหลับตาลงสำนึกเสียแล้วว่าตัวผิดไป ทรุดกายลงหมดซึ่งเรี่ยวแรง ที่แท้เอกสารมันถูกจัดไว้เป็นหมวดหมู่อย่างเรียบร้อยสวยงามแต่เป็นเพราะอารมณ์ร้ายของเธอเอง ที่ทำลายทุกอย่าง

เธอเดินมานั่งที่เตียง พยายามคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ในห้วงวันสองวันที่เลยผ่านหางตาก็เหลือบไปเห็นแท็บเล็ตที่ถูกวางทิ้งไว้ข้างกาย หน้าจอยังมีไฟค้างอยู่เธอรีบคว้ามาดูก็ยิ่งให้เสียใจ เพราะมันเป็นข้อความ ‘Are you feel better?’ ค้างไว้บนแอพฯ color note

“ยัยบ๊องส์ ต้องใช้ Do สิAre you feel better? มันหมายถึง คุณเป็นคนดีขึ้นแล้วหรือยัง... นั่นสินะเราเป็นคนดีขึ้นหรือยัง ยัยขวัญถามไม่ผิดหรอก” ไวเท่าความคิด นักเขียนสาวคว้าโทรศัพท์ของตนกดหาญาติสนิท

“เจอยัยผมยุ่งแล้วหรือยัง”

“ยังเลย ไง เป็นห่วงน้องขึ้นมาแล้วรึ?ทีเมื่อกี้ไล่เขาอย่างกับหมูกับหมา”

“อือ... งั้นเดี๋ยวไหมจะลงไปช่วยตามนะ”

“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวป๊ะหน้ากันแล้วของจะขึ้น ทีนี้กู่ไม่กลับเลยนะเชื่อนุชสิ ยังไปไหนได้ไม่ไกลหรอก เงินติดตัวก็ไม่มี”

“นั่นแหล่ะที่เป็นห่วง ได้ข่าวแล้วโทรมาบอกด้วยนะ” ไหมเงินวางสายไปเธอรู้สึกเป็นห่วงคนที่หนีเตลิดไปยิ่งนักเดินวนเวียนอยู่ในห้องสองสามรอบ มือก็ถือโทรศัพท์ไม่ห่างกาย ไม่รออะไรอีกแล้วนักเขียนสาววิ่งออกจากห้อง ไปตามความรู้สึกที่เพรียกหา

ไหมเงินเดินลงมาที่หน้าคอนโด กำลังจะกดโทรศัพท์ถามเอาความจากญาติสาวแต่ก็ถูกเสียงของคนเคยคุ้นขัดจังหวะเข้าเสียก่อน

“ไหม นึกว่าวันนี้จะไม่เจอกันเสียแล้ว” คนผิดนัดเมื่อเช้าร้องเรียกคนถูกเรียกก็หันขวับกลับมาทันทีเมื่อเห็นร่างกะทัดรัดเดินจูงจักรยานคู่ใจเดินมาใกล้ ไหมเงินก็ได้ทีไม่รอการอนุญาต เธอคว้าแฮนด์รถ กระโดดขึ้นคร่อม สองขาก็เริ่มปั่นรถปากก็ตะโกนบอกเจ้าของ ที่ยืนเซ่อแบบตั้งตัวไม่ทัน

“ขอโทษนะคะน้อยหน่า พอดีไหมรีบมาก ยืมรถก่อนได้มั้ยเอาไว้ค่อยคุยกันนะคะ”

“เป็นอะไรของเค้าวะนั่น เฮ้ย!! ไหม กลับมาก่อนฮะ รอด้วย ไหมรถมันยางรั่ว ไหม...” ไม่ทันการเสียแล้วร่างบางขี่รถออกไปไกลเกินกว่าจะกวดฝีเท้าตามทัน

เมื่อเช้าน้อยหน่าแวะไปดูไซต์งานที่หมู่บ้านใกล้ๆ คงเป็นเพราะปั่นเข้าไปในเขตก่อสร้างเหยียบตะปูหรือเศษไม้อย่างไรไม่ทราบได้สาวเท่ทำท่าจะเดินกลับมานั่งรอที่จุดเดิม แต่ไม่นานนักไหมเงินก็ต้องจูงรถเจ้ากรรมแบบแสนเซ็งกลับมาคืนเจ้าของ

“เราร้องเรียกแล้ว แต่ไหมไม่ฟังเลย รีบร้อนอย่างกับหนีไฟไหม้ดูซิเหนื่อยแย่เลย”น้อยหน่าออกตัวพร้อมล้วงผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงมาซับเหงื่อบนใบหน้าให้ไหมเงินทั้งคู่จูงรถจักรยานมาจอดและพากันมานั่งที่ม้านั่ง

สายตาทั้งสี่จับจ้องและหันมามองหน้ากัน จะเป็นใครที่ไหนไปได้น้องนุชกับขวัญข้าวนั่นเอง นักเขียนสาวตามมาทันเห็นขวัญข้าวนั่งจุมปุ๊กกระซิกๆอยู่ที่ริมสระว่ายน้ำใช้เวลาปลอบอยู่พักใหญ่ หลังจากจับอาการได้ว่าสาวรุ่นอยู่ในความรู้สึกหลากหลายปนเป ทั้งน้อยใจ เสียใจและโกรธเป็นฟืนไฟน้องนุชใช้วาทศิลป์หว่านล้อมถามไถ่ว่าไม่ห่วงพี่สาวจะทิ้งกันไปไม่ตอบแทนบุญคุณได้ลงคอเชียวหรือ สาวผมยุ่งไม่ตอบ แต่เธอจนทางไม่มีที่จะไปสุดท้ายก็ตกลงกันได้ว่าจะไปพักอยู่ที่บ้านของน้องนุชสักระยะนอกจากจะเป็นการดีสำหรับขวัญข้าวที่จะมีที่อาศัยพักพิงทั้งกายและใจแล้วน้องนุชยังคิดแผนการที่จะสั่งสอนญาติสาวผู้เอาแต่ใจซ้ำยังปากคอเราะร้ายให้ปรับปรุงตัว สองสาวเตี๊ยมกันไว้อย่างดิบดีก่อนจะเดินออกมาเรียกแท๊กซี่ที่จุดรับส่งบริเวณหน้าคอนโดเป็นจังหวะเดียวกับที่ไหมเงินลงมาพอดี ทั้งคู่จึงแอบเป็นพลซุ่มสังเกตการณ์

ภาพตรงหน้าทำให้ทั้งสองนารีแปลกใจ และตกใจอยู่ไม่น้อยเพราะคนที่ไหมกำลังนั่งคุยอยู่เป็นเอ่อ...เป็นทอม

“พี่ไหมมีแฟนเป็นผู้หญิง!!”

“เกลียดสิ่งใดมักได้สิ่งนั้น...พี่ก็ไม่คิดมาก่อนว่าไหมจะลงเอยกับทอม...ทำไปได้” ทั้งคู่ซุบซิบกันน้องนุชพาสาวรุ่นเดินอ้อมมาทางด้านหลัง เมื่อเป็นเขตปลอดภัยนักเขียนบทสาวก็กดโทรศัพท์เริ่มแผนทันที เธอเปิดลำโพงเจตนาให้สาวรุ่นรับฟังไปพร้อมๆกัน

“นุชเจอขวัญแล้วนะ”

“เหรอ ขอคุยด้วยหน่อยสินะนะ” ไหมเงินดีใจมาก ทำเสียงออดอ้อนวิงวอนน้อยหน่าก็เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ

“ไม่ได้ น้องไปแล้ว” น้องนุชตอบกลับไปซุ่มเสียงปกติไร้ข้อพิรุธ

“อ้าว! นุชนี่ยังไงนะ เจอตัวแล้วปล่อยให้หนีไปอีกไหมเป็นห่วงน้องนะ” ไหมเงินยังไม่ทิ้งนิสัยเดิม โวยเอากับญาติสาวส่วนขวัญข้าวที่นั่งฟังกลับมีอาการสงบผิดปกติ

“ก็มันใจร้อนแบบเนี๊ยะ ฟังให้จบก่อนสิแม่คุณ น้องบอกว่าจะไปอยู่กับแฟนสบายใจแล้วจะติดต่อมาเอง” น้องนุชโวยกลับคืนไปบ้าง คนฟังนิ่งไปพักหนึ่งเมื่อแน่ใจว่าญาติสาวไม่ได้พูดเล่นก็เหน็บเอาตามประสา

“แฟน? นั่นไง ไหมว่าแล้ว เชอะแม่เด็กใจแตกละเอียดยิบ”

“ว่าแต่คนอื่น ตัวเองเถอะปิดบังอะไรไว้” น้องนุชได้ทีเอาความคืนบ้างหันมามองสาวผมยุ่งที่หน้ามุ่ย เพราะโดนพาดพิงแบบเสียๆหายๆ

“ป๊าว! ปิดไร ไม่มีแล้ว..นุชมั่นใจได้ไงว่าแม่นั่นจะติดต่อกลับมา นี่แล้วเรื่องเรียนจะว่าไงแล้วยังจะแท็บเล็ตนี่อีก” น้อยหน่าพยายามจับใจความ ทั้งฉงนปนเคลือบแคลงระแวงสงสัย

“พอๆ ไหมรู้แค่ว่าน้องมันโออยู่ก็พอแล้วเรื่องอื่นเดี๋ยวนุชจัดการเอง” น้องนุชตัดบทขี้เกียจฟังคนพล่ามเดี๋ยวจะเผลอต่อว่าน้องน้อยเข้า พาลน้อยอกน้อยใจขึ้นมาอีกรอบจะเอาไม่ไหวเอาไม่อยู่

“เครๆ ไว้ค่อยคุยกันนะ” แม้จะยังอยากรู้แต่ก็หมดประโยชน์ที่จะคาดคั้นเค้นความจากคนปากหนักอย่างน้องนุช นักเขียนสาววางสายไปและหันมาให้ความสนใจกับน้อยหน่าที่ตั้งท่าอ้าปากจะถามไหมเงินยิ้มรู้ทันรีบชิงพูดขึ้นเสียก่อน

“ไหมคอแห้งจัง ร้อนด้วย เราไปหาอะไรเย็นๆดื่มกันก่อนนะคะแล้วเดี๋ยวไหมจะเล่าให้ฟัง” น้อยหน่ายิ้มยินดีจูงรถที่ยางแบนเดินนำหน้าไปที่ร้านกาแฟ

“เราว่า... ไหมดูจะเป็นห่วงเด็กขวัญนี่มากเลยนะฮะ”หลังจากได้รับฟังเรื่องราวจากปากคนที่ตามจีบ น้อยหน่าก็ตั้งข้อสังเกตโยนคำถามสำคัญหวังเช็คความรู้สึก

“ไหมก็... แค่ทำตามหน้าที่พลเมืองดีคนหนึ่งเท่านั้นน้อยหน่าลองคิดดูสิคะ หากคนดีเพิกเฉยนิ่งดูดาย เยอะเข้าสังคมจะเป็นอย่างไร”นักเขียนสาวแก้ตัวไปเรื่อย สวมวิญญาณนักสังคมสงเคราะห์ตัวแม่

“ฮะ อนาคตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ” น้อยหน่าทำหน้าตายแดกดันเข้าให้แบบเจ็บลึก คนโดนเหน็บก็รู้ได้แต่ปั้นหน้าสะกดอารมณ์เอาไว้ยกแก้วกาแฟขึ้นมาดูดและเปลี่ยนเรื่องคุยเฉไฉตามถนัด....

น้องนุชพาขวัญข้าวกลับมาที่บ้านโดยเธอแนะนำสาวรุ่นให้กับคนที่บ้านรับทราบว่าเป็นน้องสาวของเพื่อน มาเรียนต่อที่ม.ราม แต่ยังหาที่พักไม่ได้ เธอเลยขอมาอาศัยอยู่ชั่วคราวนักเขียนบทพาสาวผมยุ่งมาที่ห้องส่วนตัว หลังจากผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วน้องนุชก็เปรยขึ้น

“แล้วจะเอาไงต่อกับชีวิต? สาวน้อย”

“ก็คงต้องฝากชีวิตไว้กับพี่นุชสักระยะค่ะ หนูจะหางานทำพอมีรายได้ก็ค่อยขยับขยายค่ะ”

“ง่ายอย่างงั้นก็ดีสิหนูเอ๊ย วุฒิก็ไม่มี ทำงานเซเว่นยังไม่ได้เลยแล้วจะออกไปอยู่หอพัก ค่าเช่าก็ไม่ใช่ถูกๆ แถมยังเงินมัดจำล่วงหน้าอีก”

“ค่ะ แต่หนูคิดว่าหนูมีวิธี”สายตาที่มุ่งมั่นเป็นการยืนยันคำตอบสำหรับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ขวัญข้าวตั้งใจไว้ว่า จะยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง ไม่หวังพึ่งใครอีกต่อไปน้องนุชก็มองอย่างเอ็นดู ผู้ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมมองอย่างแทงทะลุโลกแห่งความจริงมันไม่ได้ง่ายดายเหมือนอย่างที่คิดฝันแต่ ขวัญเอ๋ย น้องยังเยาว์นักการปล่อยให้เรียนรู้ด้วยตัวเองย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เรียนรู้ที่จะก้าวเดินล้มลุกคลุกคลาน นี่แหล่ะชีวิต




Create Date : 19 มิถุนายน 2558
Last Update : 19 มิถุนายน 2558 9:13:35 น. 0 comments
Counter : 364 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.