Group Blog
 
All blogs
 
Peck at จับผิด


ไหมเงินและน้องนุช เดินมาที่มุมหนึ่งของกำแพงรอบโบสถ์สายสิญจน์สีขาวยาวถูกโยงระยางมาจากเจดีย์ที่เก็บอัฐิของผู้ที่ล่วงลับเข้ามาภายในโบสถ์โกศที่ทำจากเครื่องทองเหลืองและเบญจรงค์สภาพกลางเก่ากลางใหม่หลายใบ ที่ภายในบรรจุอัฐิของบรรพบุรุษถูกนำออกมาจากหีบที่เก็บและเปิดออกเพื่อให้ลูกหลานที่ยังมีชีวิตอยู่มาแสดงความเคารพและระลึกถึงข้างๆกันมีขวดน้ำอบไทย ธูป และดอกกุหลาบสีชมพู วางเรียงกัน

เหล่าบรรดาญาติพี่น้องก็ทยอยเข้ามาแสดงความเคารพเช่นเดียวกับไหมเงินและน้องนุช ทั้งคู่จุดธูปคนละ 1 ดอกตั้งจิตอธิษฐานขอให้บรรพบุรุษมีชีวิตอย่างสุขสบายในภพภูมิภายหน้าและขอให้คุ้มครองปกป้องลูกหลานให้อยู่เย็นเป็นสุขจากนั้นก็สรงน้ำอัฐิและเดินเข้ามาในโบสถ์

เบื้องหลังตาลปัตร เสียงพระสงฆ์ 4 รูป สวดพระพุทธมนต์ดังก้องโบสถ์เป็นท่วงทำนองแบบมอญที่ไพเราะและไม่ใคร่มีวัดไหนสวดกันมากนัก เมื่อสวดจบบทสุดท้าย ไหมเงิน น้องนุช คมเดชน์และขวัญข้าวก็ร่วมกันถวายชุดสังฆทานและจตุปัจจัยแด่พระสงฆ์ พระสงฆ์ให้ศีลให้พรทุกคนรับและกรวดน้ำเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว เป็นอันเสร็จพิธีการ

การบังสุกุลเป็นการบำเพ็ญกุศล เพื่ออุทิศให้กับบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว พิธีการนี้ที่เป็นประเพณีนิยมโบราณของคนไทยที่จะจัดขึ้นช่วงสงกรานต์ของทุกๆปีจะเป็นก่อนหน้าหรือหลังจากนั้นก็ได้และต้องนิมนต์พระสงฆ์เพื่อร่วมประกอบพิธี ต้องเป็นจำนวนเลขคู่

“เราจะรู้ได้ยังไงคะว่างานไหนเราจะนิมนต์พระกี่รูปคู่หรือคี่”เจ้าหนูจำไมเริ่มตั้งคำถามกับผู้อุปการะหลังจากกราบพระประธานปางมารวิชัยองค์สีขาวและเดินออกมาจากโบสถ์เหลือแต่ให้พวกผู้หลักผู้ใหญ่ได้ถวายภัตตาหารเพล ไหมเงินยิ้มอารมณ์ดี เต็มใจตอบเพราะครานี้เป็นคำถามที่สร้างสรรค์

“จำง่ายๆ ‘คี่อยู่คู่หนี’ หากเราจะนิมนต์พระสงฆ์ในงานอวมงคลหรือการตายหนีจากกันต้องเป็นจำนวนเลขคู่ เช่น 4, 6, 8 ส่วนงานมงคลหรือยังมีชีวิตอยู่ก็นิมนต์เป็นจำนวนเลขคี่ เช่น 5, 7, 9 จะมากน้อยก็ตามแต่เจ้าภาพจะสะดวก”ขวัญข้าวพยักหน้าเข้าใจและชื่นชมพี่สาวคนเก่ง

หลังจากพระภิกษุฉันเพลก็สวดให้พรอีกครั้ง เป็นอันเสร็จสิ้นกิจของสงฆ์

“ยถา วาริวหา ปูรา ปริปูเรนฺติ สาครํ........ยถา”

“สพฺพีติโยวิวชฺชนฺตุ สพฺพโรโค วินสฺสตุ............

อายุ วณฺโณ สุขํ พลํ”

บทที่เริ่มต้นว่า ‘ยถา’ มีชื่อเรียกว่า บทอนุโมทนารัมภคาถาเป็นบทสวดที่เริ่มก่อนการอนุโมทนาเพื่อให้อุบาสกอุบาสิกาได้เตรียมตัวตั้งใจรับพรสืบไป ส่วนบทที่เริ่มต้นว่า ‘สัพพี’ มีชื่อเรียกว่า บทสามัญญานุโมทนาคาถา เป็นบทสวดที่พระสงฆ์ใช้สวดทุกครั้งที่อนุโมทนาในบุญกุศลที่อุบาสกอุบาสิกาได้ทำแล้วบทสวดทั้ง 2 นี้มักเรียกกันตามความหมายของคำอวยพรและผู้ที่จะรับพรนั้นว่า‘ยถาให้ผี-สัพพีให้คน’

จากนี้ไปบรรดาเครือญาติ ก็สังสรรค์ทานมื้อกลางวันกันแบบบุพเฟ่ต์ไหมเงิน น้องนุชและขวัญข้าวปลีกตัวแยกออกมาเปิดโอกาสให้ผู้อาวุโสเขาเสวนากันได้เต็มที่ นานทีปีหนเขาจะได้มีโอกาสเจอกันบางคนก็นั่งรถทางไกลมาจากต่างจังหวัดและมาค้างอ้างแรมกับญาติพี่น้องนี่คงเป็นกุศโลบายอันชาญฉลาดแยบคายที่คนโบราณเขาวางไว้การเคารพผู้ล่วงลับย่อมเป็นการกุศลประการหนึ่งแต่ยังมีจุดประสงค์แฝงเร้นคือให้ผู้ที่มีชีวิตอยู่พึงสร้างความดีช่วยเหลือเกื้อกูลต่อกัน..ในวันที่ยังมีลมหายใจ

การบังสุกุลเทียบไปก็ให้คล้ายกับเทศกาลเช็งเม้งของชาวจีนเป็นอย่างมากแถมช่วงเวลายังใกล้เคียงกันอย่างน่าประหลาดและพิธีกรรมก็ยังคล้ายกันอยู่มากทีเดียว

เสียดายที่วันนี้ลุงอาคมอดีตผู้กำกับรุ่นเดอะผู้เป็นบิดาของน้องนุชไม่ได้มาด้วย มิเช่นนั้นบรรยากาศจะยิ่งสนุกสนานครื้นเครงมากกว่านี้เพราะลุงอาคมแกเป็นคนตลก ลูกล่อลูกชนเยอะเป็นสีสันในหมู่ญาติพี่น้องน้องนุชเล่าว่าพ่อต้องอยู่กู้สวนเพราะทุเรียนกำลังติดลูกแต่มีพายุฤดูร้อนเข้ามาเมื่อสามวันก่อน ผลไม้เสียหายไปหลายทีเดียว

ยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปกับเทคโนโลยีที่เข้ามามีอิทธิพลกับทุกชีวิตบนโลกไหมเห็นภาพผู้หลักผู้ใหญ่วัยเฉียดหกเจ็ดสิบนั่งจิ้มสมาร์ทโฟนแลกไลน์กันอย่างสนุกสนานก็ยิ้มรื่นด้านคมเดชน์ก็นั่งอยู่ที่โต๊ะของพ่อและแม่ไหมเงิน พูดคุยกันอย่างออกรส

“นี่ดูสิ คุณบอสของหล่อนน่ะ ดูจับช้อนส้อมเข้า มือเรียวนั่นอีกอย่างกับผู้หญิงทีเดียวเชียว” สาวๆเริ่มทำการซุบซิบคุณชายมาดเนี๊ยบที่จะหยิบจับอะไรเป็นต้องกรีดกรายมือเรียวยาว เข้าตำราสังเกตความเป็นเกย์ที่ไหมเงินส่องมาจากเว็บไซต์เด๊ะๆ ด้านน้องนุชก็ส่ายหน้าแก้ต่างให้พัลวัน

“บ้าเหรอ เขาเป็นผู้ดีเก่าจะหยิบจับอะไรก็ละเมียดละไมเป็นธรรมดาอยู่เอง”

“น้อยไปสิจ๊ะหล่อน เมื่อกี้ไหมไปเข้าห้องน้ำเห็นคุณบอสของเธอไม่ยืนฉี่ที่โถ แต่กลับเข้าไปในห้องน้ำ แมนๆเขาไม่ทำกันหรอก ที่เด็ดกว่านั้นมีพูดโทรศัพท์คะขาด้วย ไม่สาวตอนนี้แล้วจะให้ไปสาวตอนไหนยะ” ไหมเงินร่ายยาวฉากต่อฉากน้องนุชมองมาที่ขวัญข้าว สาวเจ้าก็พยักหน้ารับว่าจริง

“ไม่จริ๊งงง!” คนแอบปลื้มเผลอตะโกนออกมาสุดเสียงจนคนทั้งวัดต้องหันมามองเธอเป็นสายตาเดียว น้องนุชหน้าเจื่อนโบกมือโบกไม้ทำท่าว่าไม่มีอะไร คมเดชน์ก็ลุกจากโต๊ะอีกฟากฝั่ง เดินอาดๆอกผายมาใกล้สามนารี

วงแตกสิคะท่าน!สาวๆต่างปรับสีหน้าทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก้มหน้าก้มตากินกันไป

“นินทาอะไรกันสาวๆ เสียงแซดเชียว” คมเดชน์เดินมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆไหมเงินขอร่วมวงสนทนาด้วย

“ก็แหม คุณบอสก็รู้ดีนี่คะ เวลา สาวๆ รวมตัวกันมันก็เป็นแบบนี้”ไหมเงินตอบกลับไปแบบอัตโนมัติ เน้นน้ำเสียงที่คำว่าสาวๆชายร่างสูงไม่ได้ตอบอะไรมีเพียงรอยยิ้มจางๆ

‘ใช่เลย จำเลยไม่ปริปากนั่นคือจำนนต่อหลักฐานเข้าแล้ว’ ไหมเงินมโนไปตามท้องเรื่องน้องนุชเห็นท่าไม่ดีที่คนแอบปลื้มจะโดนต้อนก็หาเรื่องเปลี่ยนประเด็นแก้ให้

“คุณคมเดชน์อิ่มแล้วเหรอคะ”

“อือ กินมากไปจะลงพุงน่ะ” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบเช่นเคยไหมเงินแทบจะสำลักข้าวทันทีที่ได้ยิน ผู้ชายที่ไหนเขาจะมาห่วงรูปร่างกันบ้างหันไปยิ้มกรุ้มกริ่มส่งความหมายกับแม่หัวยุ่ง น้องนุชรู้ดีว่าไหมเงินคิดอะไรด้วยความหมั่นไส้เธอจึงเหยียบเข้าที่เท้าญาติสนิทอย่างจังหวังปรามกริยาแก่นแก้วเสียบ้าง

“โอ้ย!” อีกครั้งที่เหล่าบรรดาผู้ร่วมงานต่างมองมาที่โต๊ะนี้ไหมเงินรีบแก้ตัว

“ไม่มีอะไรค่ะ มดกัดเอา ไหมตกใจไปหน่อย ขอโทษลุงๆป้าๆด้วยค่ะ”นักเขียนสาวยกมือขอโทษขอโพย แต่ก็ไม่วายหันมาจิกสายตาเคืองอาฆาตลูกพี่ลูกน้อง ส่วนน้องนุชก็ทำเป็นหน้าตายสนอกสนใจกับของหวานตรงหน้าตักโน่นหยิบนี่เข้าปากกลบเกลื่อน ขวัญข้าวเห็นผู้ใหญ่เขาหยอกล้อกันก็เตรียมจะลุกเดินออกไป นักเขียนสาวจะเอ่ยปากถามด้วยเป็นห่วงว่าคนเท้าเปล่าจะเดินเหินอย่างไรแต่ก็นึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องสำคัญต้องคุยกับเจ้านายเสียก่อนจึงได้แต่ปล่อยให้สาวรุ่นทำตามอำเภอใจ

“คุณบอสขา ไหมอยากจะปรึกษาเรื่องงานหน่อยเดี๋ยวเราไปหาที่นั่งคุยกันนะคะ”เธอต้องสะสางงานกับคุณบอสก่อนที่จะเริ่มขั้นตอนต่อไป

:”ก็เอาสิ คุยเลยทำไมต้องไปคุยที่อื่นด้วย” คมเดชน์ไม่เห็นว่าจะต้องมากเรื่องแม้ชายร่างสูงจะดูเจ้ายศเจ้าอย่าง แต่กับเรื่องงานเขากลับไม่เคยแสดงอาการเกี่ยงงอน

“ก็บรรยากาศแถวนี้ไม่ดีอ่ะค่ะ ร้อนก็ร้อน”นักเขียนชื่อดังแขวะญาติสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่ไม่ได้ผลหรอกน้องนุชยังนั่งนิ่งเป็นพระพุทธรูป ไม่รู้ร้อนรู้หนาว

“ไหมนี่ อยู่วัดยังร้อน เป็นคนบาปหรือไร”เจ้านายมาดผู้ดี พูดเหน็บเข้าให้เจ็บๆกลายเป็นว่าตอนนี้เหมือนไหมเงินกำลังโดนรุมแท็กทีม จากสองคนที่นั่งขนาบข้างแต่เธอก็ขอยอมแพ้แล้วไม่ต่อปากต่อคำด้วยอย่างเคย

“เอาๆ งั้นเดี๋ยวไปเจอกันที่ออฟฟิศแล้วกันวันนี้วันหยุดคนไม่พลุกพล่าน เงียบสงบ เย็นฉ่ำ เป็นไง พอใจบรรยากาศหรือยัง”ไหมเงินยิ้มกว้าง ตอบรับข้อเสนอทันที ด้วยความเคืองใจที่ยังค้างคาเธอก็ไม่ได้เจ้ากี้เจ้าการจะให้น้องนุชไปนั่งรถของคุณ บอสเช่นขามา แต่กลับต้องประหลาดใจเป็นที่สุดเมื่อได้ยินประโยคทองหลุดจากปากเจ้านาย

“นุชไปนั่งคันเดียวกับผมนะ อยากมีเพื่อนคุย” คมเดชน์พูดขึ้นมาลอยๆคล้ายเหมือนเป็นการออกคำสั่งมากกว่าเชิญชวนเขาลุกจากโต๊ะ และเดินไปยกมือไหว้อำลาบุพการีของไหมเงินก่อนจะตรงรี่ไปที่รถคู่ใจ

คนโดนชวนก็ตกใจไม่แพ้กันแม้จะรู้ว่าคุณบอสไม่ได้รังเกียจรังงอน แต่ก็คิดไม่ถึงว่าชายมาดผู้ดีจะอยากตีซี้ตีสนิทด้วยกับสาวบ้านๆอย่างเธอครั้นจะให้คิดไปไกลเข้าข้างตัวเองแบบสุดโต่งว่าเขามีใจสมัครรักใคร่ มันก็ไม่น่านะไม่ๆๆ เราเพิ่งเจอกันไม่กี่ครั้งเอง มองมาที่คนเคืองจะขอคำปรึกษา ก็น่าจะไม่ทันการเธอรีบไหว้ลาญาติผู้ใหญ่ ก่อนจะก้าวฉับๆไปหาชายในฝัน

‘เชอะ ทำเป็นเนียนล่ะสิไม่ว่า ยัยนุช สมน้ำหน้าที่ต้องเป็นเครื่องมือให้เกย์หลอกใช้แล้วถ้าน้ำตาเช็ดหัวเข่า ช้านนี่ล่ะจะเป็นคนซ้ำ ไม่ใช่คนปลอบ’ ไหมเงินมองตามร่างบางที่เดินรี่ไปที่รถเจ้านายแบบเซ็งๆว่าแล้วเธอก็ขยับกายบ้าง รองเท้าที่เล็กทำให้เดินไม่ใคร่ถนัด นึกถึงเจ้าของขึ้นมาก็มองหานู่น ไปนั่งจ๋องอยู่ที่ศาลาริมน้ำนักเขียนสาวเข้าไปกราบลาญาติผู้ใหญ่และหอมแก้มบุพการีทั้งสองพร้อมบอกใจความสำคัญ

“พ่อคะแม่คะ ช่วงนี้ไหมยุ่งนิดหน่อยแต่ก็พยายามจะปลีกเวลามาเคลียร์งานให้พ่อ ไหมอาจจะไม่ค่อยกลับบ้านนะคะไม่ต้องเป็นห่วง ยัยนุชมาอยู่ด้วย รับรองไม่ชวนกันเถลไถลค่ะ”

“พ่อก็เห็นแกยุ่งทั้งปี เปิดโทรศัพท์ไว้ตลอดแล้วกันเผื่อพ่อเป็นอะไรไปแกจะได้กลับมาดูใจทัน”

“โธ่ พ่อคะ ไหมสัญญา จบโปรเจคนี้จะพาพ่อกับแม่ไปเที่ยวดีมั้ยคะ”หญิงสาวออดอ้อน ค้อมร่างลงมากอดผู้เป็นพ่อ อย่างน้อยๆช่วงเวลาที่ยุ่งยากใจ เธอก็มีบุพการีทั้งคู่เป็นที่ยึดเหนี่ยวแม่ของเธอลูบที่หัวเหม่ง พยักหน้าเป็นเชิงว่ามีอะไรก็ไปทำเถิดนักเขียนสาวจึงละจากอ้อมกอด ตรงไปหาผู้อยู่ในความอุปการะทันที

ที่บันไดศาลาท่าน้ำของวัดฝูงปลานับร้อยนับพันกระโจนน้ำเบียดเสียดแน่นหนา นอกจากสาวรุ่นแล้วก็มีผู้คนมานั่งหย่อนใจและให้อาหารปลาบ้างประปรายใกล้ๆกันมีเรือขายเต้าหู้ทอดจอดอยู่เคียงข้างกับเรือจ้างภาพวิถีชีวิตริมคลองยังพอจะหาดูได้ในวัดแห่งนี้

“มานั่งทอดอารมณ์จนสุกหมดแล้วไป เดี๋ยวพี่ต้องไปคุยธุระกับบอสอีก” ไหมเงินร้องเรียกแม่ผมยุ่งให้ลุกขึ้น เธอรีบไม่มีเวลามานั่งชมฟ้าชมน้ำหรอก

“พี่ไหม หนูขอเวลาสักครู่ได้มั้ยคะ” นักเขียนสาวยื่นมือมาจะฉุดร่างบางให้ลุกขึ้นแต่ขวัญข้าวก็ขืนกายเอาไว้ พูดน้ำเสียงออดอ้อนสุดชีวิตสายตาวิงวอนทำให้ผู้อุปการะชะงักงัน

“ทำไมเหรอ” ไหมเงินนั่งลงข้างกายสาวรุ่นอยากจะรู้เหตุผล

“ก็...วันนี้ พี่ไหมมาทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศสให้กับบรรพบุรุษหนูก็เลยคิดถึงลุงมนัสขึ้นมา” ขวัญข้าวพูดสายตาก็เหม่อมองไปที่สายน้ำ

“แล้วตอนที่กรวดน้ำได้นึกถึงท่านหรือเปล่าล่ะ”

“ค่ะ แต่หนูไม่รู้ว่าลุงจะได้รับส่วนบุญหรือไม่”

“ได้สิ ด้วยแรงอธิษฐานและจิตใจที่บริสุทธิ์ ลุงมนัสจะได้รับบุญกุศลอย่างแน่นอน”นักเขียนสาวให้ความมั่นใจ แต่เป็นเจ้าหนูจำไมที่ยังต่อความ

“พี่ไหม...”

“อะไรอีกค้าบบบ” คนถูกเรียกเริ่มจะของขึ้น นี่รีบนะเข้าใจมั้ย

“ขอตังค์หน่อยสิคะ” ขวัญข้าวทำตาปริบๆแบมือขออย่างกับเด็กน้อยร้องขอผู้ใหญ่ ผู้อุปการะเห็นท่าทีเช่นนั้นกอปรกับมีรถเข็นขายไอศกรีมบีบแตรเรียกลูกค้าอยู่ใกล้ๆก็ให้เข้าใจได้ว่าสาวรุ่นเกิดอยากขึ้นมา

“อยากกินติมเหรอ เดี๋ยวไปซื้อข้างนอกดีกว่าแบบนี้อาจจะไม่สะอาดท้องเสียเอาได้ ยิ่งเป็นหน้าร้อนอยู่”

“เปล่า หนูอยากให้อาหารปลา” คำตอบหักมุมเล่นเอาไหมเงินมองสาวรุ่นอย่างพินิจ‘ยัยผมยุ่งนี่แทบไม่เคยคิดถึงตัวเองเลยเป็นตัวเราเสียอีกที่เห็นแก่ตัวจะรีบมุ่งเอาแต่งาน’เธอล้วงกระเป๋าควักแบงค์ยี่สิบออกมาลุกเดินไปซื้อขนมปังจากเด็กชายที่มาหารายได้พิเศษเล็กๆน้อยๆ ก่อนจะแบ่งให้สาวรุ่นทั้งสองนารีต่างก็เพลิดเพลินจำเริญใจ กับการโยนเศษขนมปังลงไปในน้ำมองดูฝูงปลากะโจนเบียดเสียดแย่งชิงอาหาร จนขนมปังในมือหมดนักเขียนสาวก็จูงมือสาวผมยุ่งลุกเดินไปที่รถวันนี้ไหมเงินได้ทำบุญเต็มสูตรทั้งบังสุกุลและให้ทานนักเขียนสาวรู้สึกเบิกบานใจยิ่งนัก...

ที่ทาวน์โฮมโมเดิร์นสไตล์ห้าชั้นสี่คูหา ริมถนนสายเศรษฐกิจแห่งหนึ่งของเมืองกรุงอันเป็นที่ตั้งสำนักงานของคมเดชน์ที่นี่เปรียบเสมือนเมืองหลวงของอาณาจักรธุรกิจของเขาแขนงธุรกิจต่างๆถูกแบ่งแยกออกเป็นสัดส่วน หากเป็นวันปกติในเวลาทำงานอาคารแห่งนี้จะคราคร่ำไปด้วยผู้คน แต่วันนี้เป็นวันหยุด จึงมีเพียงแค่พนักงานรักษาความปลอดภัยอยู่เพียงสองคนเท่านั้น

คมเดชน์พาน้องนุชเดินเข้ามาในตึกแสงไฟดาวน์ไลท์เพียงไม่กี่ดวงประกอบกับความเงียบเชียบไร้ผู้คนทำให้บรรยากาศรอบตัวดูค่อนข้างวังเวงชายมาดเนี๊ยบกดลิฟท์และผายมือให้สาวสวยก้าวเข้าไปก่อน ประตูลิฟท์เปิดออกมันเป็นก็เป็นเหมือนลิฟท์ทั่วๆไป แต่ออกจะเล็กและคับแคบสักหน่อยกว้างยาวพอให้คนเข้าไปได้สักสามสี่คนเท่านั้น ดวงไฟกะพริบติดๆดับๆเป็นจังหวะ บ่งบอกว่ามันหมดอายุการใช้งานแล้วหญิงสาวลังเลใจนิดหนึ่ง ไม่ยอมก้าวขาเดินเข้าไป...ก็มันออกจะน่ากลัว

“นุชว่า เราเดินขึ้นบันไดดีกว่าไหมคะคุณคมเดชน์” ชายร่างสูงส่ายหน้าเขาเดินนำเข้าไปในกล่องสี่เหลี่ยม น้องนุชจำยอมต้องเดินเข้าไปตามแหงนหน้ามองดวงไฟกะพริบถี่นั้น

“แย่หน่อยนะนุช มันคงเพิ่งเสีย เมื่อวันศุกร์ยังปกติอยู่เลย”คมเดชน์เปรยขึ้น นิ้วมือเรียวสวยอย่างกับดรรชนีนางกดเลขห้า ชั้นบนสุดซึ่งเป็นส่วนของสำนักพิมพ์และห้องทำงานส่วนตัวของเจ้าของบริษัท

ร่างบางไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่ยิ้มแห้งๆ มองดูตัวเลขที่ไล่ชั้นขึ้นไปพร้อมๆกับเสียงมอเตอร์ของลิฟท์ที่ดังมาก ตัวเลขมาหยุดค้างที่เลขสี่ว่าลิฟท์ก็หยุดการเคลื่อนไหวตามตัวเลขไปด้วย เสียงมอเตอร์ก็เงียบลง คงเหลือแต่ดวงไฟที่กะพริบถี่ขึ้นๆและพัดลมระบายอากาศที่ยังทำงานอยู่เท่านั้นทั้งสองรับรู้ได้ทันทีร้องออกมาพร้อมกัน

“ลิฟท์ค้าง!!”

ไม่เพียงเท่านั้น สถานการณ์ถูกซ้ำเติมให้เลวร้ายลงเมื่อดวงไฟเจ้ากรรมดับวูบและพัดลมระบายอากาศหยุดหมุน!!

“ว้ายยย!” น้องนุชร้องเสียงหลง เธอตกใจกลัวเป็นที่สุดขยับร่างเข้ามาใกล้ชายหนุ่มโดยอัตโนมัติ ภายในลิฟท์มืดเกือบสนิทหญิงสาวยกมือขึ้นมา เธอแทบมองไม่เห็นแม้แต่ฝ่ามือขาวๆของตัวเอง

“ไม่ต้องกลัวนะ ไม่มีอะไรหรอกเดี๋ยวเราก็ออกไปได้” เสียงทุ้มปลอบใจสองร่างเบียดกายเข้ามาแนบชิดหากเป็นสถานการณ์ปกติน้องนุชคงลิงโลดใจเต้นออกมาข้างนอก แต่ตอนนี้เธอคงเสียสติหากจะรู้สึกแบบนั้นคมเดชน์รีบล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงโทรหาเลขาแต่ก็ต้องสบถออกมาเพราะลูกน้องเขาปิดเครื่อง

“บัดซบ ให้มันได้อย่างนี้สิ” ชายหนุ่มเสริ์ชหาเบอร์ลูกน้องคนอื่นแต่การก็กลับเป็นทำนองเดียวกันคือไม่มีคนรับก็ปิดเครื่อง น้องนุชเห็นดังนั้นก็อาศัยแสงไฟจากหน้าจอโทรศัพท์ของชายที่ติดอยู่ด้วยกันล้วงหาโทรศัพท์ในกระเป๋าของเธอทันทีที่คว้ามาได้ก็โทรหาไหมเงิน

“ว่าไงยะ กำลังไป ดีเสียอีกไม่ใช่เหรอที่ช้าน่ะหล่อนจะได้สวีทกับอีตาบอสเกย์นานๆไง” เสียงกระแนะกระแหนดังมาจากปลายสายไหมเงินเข้าใจไปว่า คุณบอสแอ๊บแมนสั่งให้โทรมาตาม

“นุชติดอยู่ในลิฟท์กับคุณคมเดชน์” น้องนุชตอบกลับไปเสียงสั่นนักเขียนชื่อดัง ฟังเข้าก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องเล่นๆเสียแล้ว




Create Date : 07 มิถุนายน 2558
Last Update : 7 มิถุนายน 2558 15:53:59 น. 0 comments
Counter : 436 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.