Group Blog
 
All blogs
 
Overcome กำราบปราบหัวใจ

คมเดชน์มายืนดักรอที่หน้าประตูเปล่า...เขาไม่ได้จะมาเคลียร์อะไรกับลูกน้องขี้ยั๊วะขาดสติให้มากความ ตรงกันข้ามเขากลับเติมเชื้อไฟอารมณ์ที่คุกรุ่นขุ่นเคืองให้พัดโหมลุกโชนขึ้นอีก

“นุช อย่าเพิ่งกลับนะ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย ไม่นานหรอกเสร็จแล้วจะไปส่งที่คอนโด” มันเป็นประโยคคำสั่งไม่ใช่ประโยคขอร้องน้องนุชเลิกลั่กทำตัวไม่ถูก จะว่าเป็นคนกลางรึก็ใช่ที่ อย่างที่รู้ๆเธอต้องยืนข้างไหมเงินอยู่แล้ว

“ตามใจนุชแล้วกัน ถ้าจะอยู่ก็หาข้าวกินเองนะ ไหมไม่รอแล้ว ไปยัยขวัญ”คนโมโหหาทางออกให้ จะว่ายินยอมก็ไม่ใช่ จะว่าไม่ให้ก็ไม่เชิงน้องนุชได้แต่ยืนละล้าละลังอยู่อย่างนั้น หันมาอีกทีไหมเงินก็จูงน้องน้อยเดินลิ่วๆไปไกลแล้ว จะจากไปเฉยๆก็เสียมารยาทอย่างน้อยก็อยู่ร่ำลากันเสียก่อนแล้วกัน

“เอ่อ..นุช...อุ๊ย!! คุณคมเดชน์” ร่างเล็กไม่ทันจะพูดจบก็โดนชายร่างสูงคว้าแขนลากเธอให้เดินตามออกไปน้องนุชขัดขืนร้องโวยวาย

“คุณคมเดชน์ ปล่อยนุชก่อนสิ นุชเดินเองได้เดี๋ยวยายไหมเห็นเข้าจะยิ่งโกรธนะคะ”

ชายหนุ่มทำเป็นหูทวนลม ไม่ละมือจากร่างเล็กยิ่งพอได้ยินว่าไหมจะโกรธก็ยิ่งย่ามใจ เร่งฝีเท้าเพิ่มขึ้นไปอีก ไม่ทันเสียแล้วพอเดินลงบันไดมาถึงชั้นล่าง รถของไหมเงินก็เลี้ยวออกไปลับตา

ไหมเงินขับรถออกมาด้วยความขุ่นเคือง ที่ยังเปี่ยมล้นใจตรงกันข้ามกับสาวรุ่นที่นั่งนิ่ง ไม่เจื้อยแจ้วเจรจาอย่างที่แล้วมาหลังจากเหลือบมองสองรอบ ผู้อุปการะก็อดรนทนไม่ไหว เอ่ยถามความในของยัยผมยุ่ง

“อยากมั้ย?” สาวรุ่นเป็นงงกับคำถาม แต่เมื่อสบหน้ากับคนโมโห ที่ทำตาถมึง คาดคั้นเอาความก็ตอบส่งๆไป เพราะใจเธออยากให้พี่สาวไปสงบสติอารมณ์ที่โลกส่วนตัวของหล่อนยิ่งเร็วก็ยิ่งดี

“ไม่หิวค่ะ”คำตอบของเจ้าหนูจำไมสร้างรอยยิ้มให้กับผู้ฟังได้อย่างน่าประหลาดพลันนึกได้ว่าเธอพลาดที่ตั้งคำถามห้วนไปหน่อย

“พี่ถามว่า อยากไปทำงานกับอีตาบอสบ้านั่นมั้ย”ขวัญข้าวก็หลุดหัวเราะออกมาเช่นกัน กับการแปลความผิดๆของตัวเอง ก่อนจะปรับอารมณ์หันมาตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“คนอย่างหนูไม่เหมาะกับที่ดีๆแบบนั้นหรอกค่ะ” ขวัญข้าวพูดเสียงอ่อยด้วยเจียมตัว รู้ตัวดีว่าเป็นแค่เด็กจรหมอนหมิ่น

“ตอบให้มันตรงคำถามหน่อย” เสียงเข้มดุดันทำให้สาวรุ่นห่อไหล่ด้วยเกรงกลัว เบี่ยงหน้าหลบไปทางหน้าต่าง ไหมเงินเห็นท่าทางแบบนั้นก็สงสารจับใจแต่ไม่ลดละอาการแข็งกร้าว ไม่รู้แหล่ะ ก็..ก็เธอโกรธ

“ตามแต่พี่ไหมจะตัดสินใจค่ะ” คนผมยุ่งตอบไปแบบไม่เต็มเสียงนักเตรียมตัวเตรียมใจและเตรียมหู โดนคำเสียดแทง ไม่ผิดจากที่คาดไว้ไหมเงินสวนกลับมาทันควัน

“ให้มันได้อย่างนี้สิก็เธอมันไม่มีความคิดเป็นของตัวเองเลยต้องมาใช้ชีวิตแบบนี้ไงอย่าได้โทษบุญกรรมเลยยัยหัวยุ่ง ทุกอย่างที่มันเฮงซวยในชีวิตมันเกิดจากตัวหล่อนเองทั้งนั้น”

แม้จะเตรียมพร้อม แต่ถ้อยคำมันช่าง...มันช่างเจ็บปวดเหลือเกินพี่สาวใจดีช่างต่อว่าได้อย่างแสบสันต์สาวรุ่นอยากจะเปิดประตูวิ่งหนีไปเสียเดี๋ยวนี้ ไปใช้ชีวิตในที่ที่เธอควรอยู่หัวสมองที่เพิ่งโดนต่อว่า พยายามจะเข้าใจคนข้างๆว่าอยู่ในห้วงอารมณ์โกรธอาจจะเผลอไผลพูดเสียดแทงเพื่อระบายความขุ่นข้องเนื้อแท้พี่สาวไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ระบบความคิดที่ต่อสู้กันจิตใจของสาวรุ่นสับสนเหลือประมาณ น้ำตาเริ่มไหลริน พยายามจะคิดคำอธิบายแต่ในหัวสมองมันโล่งโจ้งไปหมด ความน้อยใจ เสียใจต่ำต้อยด้อยค่าผสมปนเปรวมกันเป็นเนื้อเดียวจนยากที่จะแยกออกที่ทำได้ดีที่สุดคือนิ่งเงียบและปล่อยให้เขาต่อว่าจนสาแก่ใจ

“นั่นไง เอะอะก็ร้องไห้ แม่คนเจ้าน้ำตา อย่าคิดนะว่าวิธีนี้จะได้ผล”ไหมเงินสะเทือนใจอยู่ไม่น้อย แต่เธอไม่ผิดทำไมล่ะผู้ใหญ่จะต่อว่าเด็กในความดูแลบ้างไม่ได้หรือไร ขืนปลอบใจอารีอย่างที่แล้วมาก็จะยิ่งได้ใจ นานเข้าจะเอาไม่อยู่เป็นแน่ ไหมเงินคิดเหตุผลได้เท่านี้ก็ตัดใจ ไม่หันกลับมามองให้คิดมากอีกเหยียบคันเร่งมุ่งหน้ากลับที่พัก

..............................

“ไหมเป็นคนดื้อ จะว่าดื้อเงียบก็ได้ เธอชอบเอาชนะ นุชเข้าใจผมใช่มั้ย”ชายร่างสูงอธิบายเหตุผลที่แกล้งยั่วเย้าญาติสาวของเธอต่างๆสารพันน้องนุชได้แต่รับฟัง พยักหน้าหงึกๆ ไม่ปริปากพูดอะไรออกไปแต่ในใจก็เห็นด้วยกับคุณบอสทุกอย่าง

“ผมต้องฝากนุชดูแลไหมด้วย เป็นผู้หญิงด้วยกันแถมยังสนิทรู้ใจกันมากน่าจะปรามกันได้ไม่ยาก ไหมเปรียบเหมือนไม้แก่ดัดยากเสียแล้วขนาดพ่อกับแม่ของเธอยังหักไม่ลงได้แต่ปลงตก ผมเองก็จนใจ”ชายหนุ่มผู้ที่รักไหมเงินเปรียบเสมือนน้องสาวแท้ๆพูดขึ้น

น้องนุชเข้าใจความปรารถนาดีของคมเดชน์ เธอเองก็รู้ว่าไหมเงินอีโก้เข้าขั้น ด้วยจะเป็นเพราะชีวิตหยิบจับอะไรก็ประสบความสำเร็จมาโดยตลอดมากเสียด้วย ทำให้ไหมเงินมั่นใจถึงขีดสุด มันเป็นความมั่นใจที่ปิดหูปิดตาตนเองไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น เพื่อนฝูงรุ่นราวคราวเดียวกันก็ไม่คบหาแถมหนุ่มๆที่แวะเวียนเข้ามาขายขนมจีบ ก็กลับโดนไล่ตะเพิดวิ่งหนีกันแทบไม่ทันเพราะเข้าใจและรับรู้ไปว่าความคิดอ่านไม่เท่าทันเธอที่สนิทกับน้องนุชก็ด้วยเป็นเพราะทำงานอยู่แวดวงเดียวกัน ความเข้าอกเข้าใจกันจึงมากกว่าคนอื่นอีกทั้งลูกพี่ลูกน้องคนนี้ รู้จังหวะจะโคน หากไหมเงินแรงมาเธอจะถอยหนีและไม่ก้าวล่วงเกินจำเป็น

วิธีที่จะปราบไหมเงินอยู่หมัดคือ จะต้องมีคนที่เข้าใจเธออย่างแท้จริงพร้อมเสียสละและให้อภัย รวมถึงเป็นแบบอย่างที่ดี แล้วคนๆนั้นล่ะเป็นใคร?เกิดหรือยังก็ไม่รู้?

“นุชจะพยายามนะคะ แต่ไม่รู้ว่าจะเอาไหมอยู่มั้ย” สาวร่างเล็กพูดขึ้นด้วยยังไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรหาวิธีรับมืออย่างไร

“เรื่องนั้นต้องถามแม่ขวัญข้าว” คมเดชน์เอ่ยถึงแม่สาวผมยุ่งทำให้น้องนุชประหลาดใจยิ่งจริงอยู่ที่เธอมองเห็นว่า ยัยไหมให้ความสำคัญกับหนูน้อยน่าสงสารคนนี้เกินปกติ ‘แต่คนอินโนเซ๊นส์แบบขวัญข้าวนี่นะที่จะมากำราบหัวใจดื้อรั้นให้สยบยอม แค่คิดก็ผิดแล้ว เหอเหอเหอ’

“เอ๋?..ขวัญข้าวนี่นะคะเธอออกจะเป็นกระโถนท้องพระโรงรองรับอารมณ์เสียมากกว่า”

“ก็ต้องดูกันต่อไป มาพูดเรื่องของเราดีกว่า” ชายมาด เนี๊ยบกล่าวอย่างมั่นใจก่อนจะเปลี่ยนประเด็นมาวกเข้าเรื่องที่เขาต้องการจะพูดกับเธอน้องนุชก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาพลัน หลังจากได้ยินคำว่าเรื่องของเรา ‘มันมีด้วยรึ? คำๆนี้คมเดชน์กับน้องนุช อร้ายยๆ อะไรกันคะคุณบอส’

“ผมมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณ...อีกเรื่อง” คมเดชน์เกริ่นนำน้องนุชพยายามปรับอารมณ์ไม่ให้ตื่นเต้นจนเกินไปเดี๋ยวคนฉลาดอย่างบอสจะจับผิดได้ถึงความในที่มีต่อเค้า

“ว่ามาเลยค่ะ นุชยินดีและเต็มใจ”

“คือว่า เดือนหน้าจะมีละครเวทีการกุศล และผมได้รับเชิญให้ร่วมแสดงด้วยคุณก็รู้ว่าเรื่องพรรค์นี้ไม่ใช่ทางของผมเลย แต่ก็จนใจจนทางปฏิเสธอีกอย่างมันจะเป็นภาพลักษณ์ที่ดีของบริษัทผม ก็นะ เลยตามเลยตามน้ำกันไปปัญหาก็คือ...การแสดงของผมมันแข็งเป็นท่อนไม้ท่อนซุงก็ไม่ปาน” ชายร่างสูงร่ายยาวน้ำเสียงขึ้นลงตามรูปประโยค น้องนุชเข้าใจได้ทันทีถึงเป้าประสงค์ของการสนทนา

“คุณคมเดชน์ อย่า...อย่าบอกนะคะว่าจะให้นุชช่วยติวการแสดง?”

“ให้ผมไปหาคุณก็ได้ จะให้บอกว่าขอร้องก็ไม่ผิด”น้องนุชแทบจะควบคุมความรู้สึกของตนเองไม่ได้ เมื่อคนเจ้ายศเจ้าอย่างนิดๆแบบคมเดชน์ชายหนุ่มที่เธอปลื้มมาแสนนาน ขอร้องขอความช่วยเหลือด้วยปากตนเอง ‘แล้วนี่ก็เท่ากับว่าเราจะต้องใกล้ชิดกันสินะแล้วบทแสดงมันเป็นยังไง โอยๆๆ นุช ทำใจดีๆไว้’

“นุชยินดีค่ะ แต่เกรงว่าจะมีเวลาให้คุณคมเดชน์ได้ไม่เต็มที่เพราะช่วงนี้งานของนุชรัดตัวมากเลยค่ะ นี่ก็ต้องหอบผ้าผ่อนมานอนกับไหม” ร่างเล็กตอบแบ่งรับแบ่งสู้เปิดทางถอยให้ตัวเอง

“ผมขอบคุณคุณนุชมาก แต่ถ้ามันเป็นอย่างนั้นผมไม่รบกวนน่าจะเป็นการดีกว่า” คมเดชน์กล่าวนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่น้องนุชรับรู้ได้ถึงความรู้สึกว่าคุณบอสเป็นคนที่คาดเดาใจได้ยากแท้หยั่งถึงมากๆคนหนึ่ง

“มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ เวลาก็พอเจียดพอปันได้ แต่นุชเกรงใจคุณคมเดชน์มากกว่าที่จะต้องมารออีกอย่างนุชมันก็แค่คนเขียนบทตัวเล็กๆคนหนึ่งเรื่องการแสดงแอคติ้งอะไรนั่นนุชไม่ใคร่สันทัดจัดเจน คุณคมเดชน์อาจจะไว้เนื้อเชื่อจผิดคนก็ได้นะคะ” สาวร่างเล็กออกตัวไม่ใช่ว่าจะเล่นลิ้นเล่นตัวเพลย์บอดี้อะไรนั่นหรอก แต่เธอรู้ขีดความสามารถของตัวเองดีไม่อยากให้คมเดชน์มาฝากความหวังไว้

“สายตาผมไม่เคยมองอะไรผิด” ชายหนุ่มตอบแสดงความมั่นใจถึงขีดสุด

รถมาถึงหน้าคอนโดแล้ว น้องนุชเตรียมจะเปิดประตูก้าวลงไปหันมายกมือไหว้ลา ก่อนจะพูดทิ้งท้ายทีเล่นทีจริงให้คนขับรถได้คิดบ้าง

“แหม เพิ่งตำหนิลูกน้องคนโปรดไป แต่เจ้านายก็รั้นไม่แพ้กันเลยนะคะ”

“ผมถึงได้หาคนมากำราบหัวใจอยู่นี่ไง อย่าหักโหมนะครับแล้วพรุ่งนี้จะโทรมาทวงสัญญา” เรื่องต่อความแถมทำให้คู่เจรจางงงวยต้องไปตีความหลายชั้นชายร่างสูงมาดเนี๊ยบคนนี้ไม่เคยเป็นสองรองใคร น้องนุชแม้จะชอบพอ ปลาบปลื้มและเคลิบเคลิ้มอยู่บ้างกับคำป้อแต่เจอบทสนทนายากๆชนิดต้องปีนบันไดแหงนคอรอฟังก็รีบตัดบทก็เธอไม่อยากจะตกเป็นเหยื่อเกมหัวใจของใคร

“สวัสดีค่ะเอาไว้ค่อยคุยกันนะคะ งานนุชเร่งมากๆเลย” ร่างบางดีดตัวออกจากรถวินเทจอย่างรวดเร็วสาวเท้าก้าวออกมาให้พ้นระยะสายตา ก่อนจะแอบเหลียวไปมองรถที่เคลื่อนออกไปสาวร่างเล็กทรุดตัวลงบนม้านั่งในสวนหย่อมหน้าคอนโด ลมหายใจที่ถี่แรง บ่งบอกว่าอาการลักษณะนี้มันเข้าตำรามากกว่าชอบไปแล้วแต่เธอก็ยังไม่อยากจะเทใจให้หนุ่มผู้ดีคนนี้ไปเสียทั้งหมด รักครั้งแรกใครๆก็ไม่อยากจะเสียใจกันทั้งนั้น

‘หาคนมากำราบหัวใจ’คำนี้วนเวียนอยู่ในสมอง ‘คุณบอสเขาคิดอะไรของเขานะ?ในหัวสมองนอกจากแผนการธุกิจเจิดจรัสแล้ว เขายังมีแก่ใจคิดเรื่องอื่นอีกด้วยหรือขนาดว่างานการกุศลเขายังฝืนใจทำได้อย่างแนบเนียนเพียงเพื่อพรีเซนต์ภาพลักษณ์ตัวเองเลย ไหนเลยจะทำมาตีสนิทกับเราด้วยเป้าหมายอื่นที่ซ่อนเร้น ชะรอยเราต้องไม่คล้อยไปตามเกมของเขา ใช่! น้องนุช เกมนี้เธอจะต้องเป็นคนกำหนดเอง’ ร่างบางให้ข้อสรุปกับตนเอง

“ตรู๊ดดด ตรู๊ดดด”สายของไหมเงินโทรเข้ามา น้องนุชกดรับทันที

“อยู่ไหนแล้ว ตกลงจะให้ซื้อข้าวไปฝากมั้ย ไปสวีทกันถึงไหน หัวหินหรือพัทยาบาร์เกย์เอ้ยบาร์เบียร์?” ก็รู้นะว่าเป็นห่วงแถมยังเคืองกัน แต่ทำไมต้องจิกกัดด้วยไม่ลดราวาศอกเสียบ้าง น้องนุชเอือมระอาเจ้านายลูกน้องคู่นี้ยิ่งนัก

“หัวหินบ้าบออะไร มีแต่ก้อนหินที่หน้าคอนโดนี่เอากระเพาะปลาแล้วกัน อยากกินอะไรร้อนๆหน่อย”

“ยังร้อนไม่พออีกหรือวันนี้” คนเจ้าอารมณ์ยังไม่หยุดแขวะนักเขียนบทสาวพยายามสะกดอดกลั้น เวลานี้ไม่ใช่การที่จะหาเรื่องกัน

“ไหม นุชเหนื่อยแล้วนะ ตอนนี้ไม่อยากจะต่อตีด้วย” น้ำเสียงระอาใจกลับหยุดคนอารมณ์ร้ายได้ชะงัด

“เครๆ อีกสิบนาทีเจอกัน”

น้องนุชวางสาย และเข้าเฟสบุ๊คอัพเดท สเตตัส “มีคนกล่าวไว้ว่า กฏธรรมชาติคือ action = reaction เสมอแต่เราขอเสนอมุมมองของพวก anti-social สักหน่อยนะคะ เขากล่าวกันว่ามันจะมีพวกที่ take more action กับอีกพวกที่do less reaction เสมอเช่นกันค่ะ”...

หลังจากที่สามสาวมากันครบ ทั้งหมดก็ขึ้นไปที่ห้อง บรรยากาศช่างมาคุอย่าว่าแต่จะพูดคุยกันเลย ต่างไม่มีใครมองหน้ากันเสียด้วยซ้ำน้องนุชนั่งง่วนอยู่กับงานเขียนส่วนยัยผมยุ่งก็ปัดกวาดเช็ดถูไม่อยู่นิ่งไปตามเรื่องและดูประหนึ่งว่าสาวรุ่นยังไม่หายเสียใจ เอามือปาดน้ำตาที่ยังไหลรินเป็นระยะๆแม้จะพยายามซุกซ่อนไม่ให้ผู้ใดในห้องเห็นแต่มันก็ไม่รอดพ้นจากสายตาคมเฉี่ยวของผู้อุปการะได้ไหมเงินก็รู้ตัวว่าเธอเป็นต้นเหตุของสถานการณ์อึมครึมหล่อนตัดสินใจออกจากห้องลงมาเดินเล่นในยามเย็น ชมนกชมไม้เสียหน่อยเผื่อว่าความขุ่นมัวในใจจะลดลงได้บ้าง

ที่สระว่ายน้ำส่วนกลางของคอนโดผู้ปกครองต่างจูงลูกหลานมาว่ายน้ำออกกำลังกาย บ้างก็หยิบหนังสือมาอ่านเนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ บริเวณนี้จึงคึกคักเป็นพิเศษนักเขียนสาวหย่อนกายลงบนเก้าอี้ริมสระ พลางบ่นกับตัวเองว่าน่าจะฉวยเอาชุดว่ายน้ำลงมาด้วย แม้จะอยากเล่นน้ำแต่ก็ขี้เกียจจะเดินขึ้นไปหยิบเพราะไม่อยากเจอหน้ายัยขี้แย‘หมั่นไส้ เชอะ!โดนว่านิดหน่อยทำเป็นสะอึกสะอื้นแล้วแบบนี้จะไปใช้ชีวิตบนโลกอันโหดร้ายได้อย่างไร’เจ้าหล่อนพาลไปคิดถึงเจ้าหนูจำไมอีกครั้ง ทั้งๆที่เพิ่งเดินหนีกันมา

“ไหม! อยู่นี่เอง ดีใจจังฮะ นึกว่าจะไม่เจอเสียแล้วไลน์ไปก็ไม่ตอบ” เสียงแหลมเล็กที่พยายามจะดัดให้ใหญ่ดุจเดียวกับเสียงของชายหนุ่มทำให้ร่างบางดีดตัวลุกพรวดขึ้นมา ส่งยิ้มกับสายตาแสนหวานให้โดยอัตโนมัติ

“น้อยหน่า กลับมาแล้วเหรอคะ แล้วนี่ตามมาเจอได้ยังไง?”

“หัวใจเรียกร้องมั้งฮะ เรากะว่าจะเดินลัดไปอีกฝั่งหนึ่งพอดีเห็นรถของไหมจอดอยู่แล้ว ก็เลยกะว่าจะไปดักรอ” น้อยหน่ายังไม่ทิ้งคารมคมคายแม้เธอจะเตือนตัวเองมาก่อนหน้าว่าอย่าใช้คำหวานให้มันเฝือนักแม่งามงอนเขาไม่ใคร่ชอบ แต่อารามดีใจคนเราก็เผลอไผลไปบ้างไรบ้าง ไหมเงินนึกสนุกกับการย้อนถามจึงต่อความกลับไป

“แหม แล้วถ้าไหมไม่ลงมาถึงเช้า ตัวเองจะนั่งรอเหรอคะ” นักเขียนชื่อดังเริ่มให้ความสนิมสนมกับคนตรงหน้าเมื่อเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกคนข้างกาย

“ก็รอเท่าที่ไหวฮะ ถ้าง่วงเมื่อไหร่ก็กลับ” สาวห้าวตอบกลับแบบซื่อๆนักเขียนสาวก็แสนปลื้มใจที่ได้ยิน เธอสังเกตเห็นในมือของน้อยหน่ามีถุงหิ้วสีใสข้างในมีห่อข้าวสองสามกล่อง น้ำสีดำๆ น้ำซุปแล้วก็ต้นหอมสีเขียวกำหนึ่ง เดาได้ว่ามันน่าจะเป็นข้าวหมูแดง

“ซื้อข้าวมากินเหรอคะ เยอะแยะเชียว”

“อ๋อ เปล่าหรอกฮะ เมื่อช่วงบ่ายเราแวะไหว้องค์พระฯ แล้วก็เลยตั้งใจซื้อข้าวหมูแดงเจ้าอร่อยมาฝากคนแก้มแดง”น้อยหน่าตอบยื่นถุงมาโชว์อย่างภูมิใจนำเสนอ

“ยังเลยค่ะ พูดถึงก็หิวพอดีเลย...งั้นเรามานั่งกินตรงนี้เลยดีมั้ย”สาวห้าวยิ้มดีใจสุดประมาณ รีบวิ่งออกไปยังอีกฟากหนึ่งของสระน้ำ โดยไม่บอกกล่าวทิ้งให้ไหมเงินเป็นงง กับอาการกระโดกกระเดกไม่อยู่กับร่องกับรอยนึกจะมาก็มาจะไปก็ไป เธอมองดูถุงข้าวก็คิดจะเอาไปกินข้างบนก็ได้แต่ตอนนี้ยังไม่อยากจะขึ้นไปบนห้อง กำลังบิ้วท์อารมณ์เบิกบานอย่างได้ที่ขอนั่งเล่นเย็นๆใจสักยี่สิบนาทีครึ่งชั่วโมงก่อนแล้วกันเธอหยิบโทรศัพท์ตั้งใจจะไลน์บอกก็ให้หงุดหงิดตัวเอง ‘มิน่าเล่าเมื่อกี้น้อยหน่าบอกว่าไลน์มาไม่ตอบ ที่แท้เราก็ลืมโทรศัพท์ไว้นี่เอง’

“มาแล้ว” เสียงเจื้อยแจ้วดังมาแต่ไกลร่างกระฉับกระเฉงเดินกลับมาพร้อมกับช้อนส้อมและถ้วยหนึ่งใบในมือไหมเงินเห็นเข้าก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เธอพึงใจเป็นอย่างยิ่งที่สาวห้าวตรงหน้ากระตือรือล้นใส่ใจในเรื่องของเธอทั้งคู่ช่วยกันแกะถุงข้าวและนั่งกินอยู่ริมสระน้ำ แสงตะวันเริ่มคล้อยลงไฟริมสระก็เปิดขึ้นสะท้อนผิวน้ำเป็นเลื่อมพราย เดทแรกมันก็โรแมนติกไปอีกแบบเรียบๆง่ายๆแต่ก็มีความสุขได้

“เดี๋ยวเราไปปั่นจักรยานเล่นย่อยอาหารกันดีมั้ยฮะ” น้อยหน่าเอ่ยปากชวนหลังจากอิ่มหนำสำราญใจ ไหมเงินได้ทีแกล้งคนตรงหน้า ตีหน้าขรึมส่ายหัวปฏิเสธ

“ไม่!!”

“อ้าว เรานึกว่าไหมว่าง ไม่เป็นไร ไว้วันหน้าก็ได้ฮะ”คนชวนหน้าเจื่อนไปนิด แต่ก็ไม่อะไรมาก เพราะเพียงเท่านี้ตัวเธอก็ฟินแล้ว

“ไม่...รอช้าต่างหาก คริคริ เร็วเข้าสิคะ”ไหมเงินหักมุมอย่างที่ชอบเขียนใช้ในงานเขียนของเธอ สาวห้าวปรับอารมณ์แทบไม่ทันเก็บช้อนส้อมและถ้วยเอาไปคืนร้านค้าที่หยิบยืมมา ก่อนจะรีบกลับมารับสาวสวย

“อยากไปไหนฮะ?”

“อัพทูยู” ไหมเงินยิ้มสวย เธออารมณ์ดีเป็นพิเศษ สาวนักปั่นยิ้มตอบก่อนจะเดินนำหน้าไป

“งั้นก็เล็ตสะโก...” 




Create Date : 15 มิถุนายน 2558
Last Update : 15 มิถุนายน 2558 8:14:26 น. 0 comments
Counter : 415 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.