Group Blog
 
All blogs
 

ตอนที่ 15 : Pra Bang

พระบางที่รัก

ที่วังเวียงเก๋ตื่นมารู้สึกว่าตัวเองมึนๆเล็กน้อย แน่ล่ะ เมื่อคืนซัดเบียร์แทนน้ำเลยนี่นามองไปที่คนข้างๆที่ยังคงหลับไหล เจ้าหล่อนก็คงเมามิใช่น้อย สมน้ำหน้าอยากมอมเราดีนัก

มาฆวรัตน์ยังไม่ปลุกสาวคิ้วเข้มหล่อนเข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัวจนเสร็จเมื่อเดินออกมาก็เห็นว่าสาวรุ่นกำลังจัดแจงเก็บข้าวของลงกระเป๋าอาจารย์สาวขี้แกล้งเกิดหมั่นเขี้ยวเดินเข้ามาใกล้ ใช้มือเรียวยีไปที่หัวฟูเบาๆ

“พี่เก๋อ่ะแกล้งกันแต่เช้าเลย” สาวเชียงคานทำหน้างอนๆคว้าผ้าเช็ดตัวและเดินเข้าห้องน้ำไป จากนั้นทั้งคู่ก็ลงมาทานอาหารเช้าของโรมแรมเป็นข้าวต้มร้อนๆ เหมาะกับคนยังไม่สร่างดีนักแล

เก๋มองงดูนาฬิกาเห็นว่ายังพอมีเวลาเก็บบรรยากาศวังเวียงในตอนเช้า แม้หากไม่มีเวลาก็เป็น to do list ทั้งสองเช็คเอาท์และ ค่อย ๆ เดินทอดน่องจูงมือกันอย่างไม่เร่งรีบ แม้จะไม่เห็นแสงแรกของวันแต่ก็ทันได้เห็นดวงอาทิตย์สีส้มแก่ๆท่ามกลางสายน้ำและขุนเขา ชาวประมงที่ออกหาปลาเด็กๆที่ปั่นจักรยานไปโรงเรียนทั้งคู่ตบท้ายวังเวียงด้วยการนั่งจิบกาแฟดำเข้มๆที่ร้านน่ารักๆ มันเป็นกาแฟสด ‘กาแฟดาว’ กาแฟลาวที่โด่งดังที่สุดในประเทศนี้ปัจจุบันกาแฟนี้เป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกที่สร้างชื่อ และเราสามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป

“ลาก่อนวังเวียงที่รัก เราจะไม่วังเวงที่วังเวียง” เก๋พูดขึ้นออกจากร้านกาแฟ มุ่งหน้าไปพระบางจุดมุ่งหมายสุดท้ายของทริปนี้

จากเมืองวังเวียง สู่หลวงพระบาง เป็นระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตรเศษ สภาพเส้นทางลัดเลาะไปตามภูเขาด้านซ้ายเป็นเหวลึกส่วนด้านขวาเป็นภูผา โดยผ่านเมืองกาสี เมืองพูคูน และเมืองกิ่วกระจำ ที่นี่เป็นเมืองที่อยู่สูงที่สุดของประเทศลาวหลังจากผ่านเมืองกิ่วกระจำ ก็เป็นเส้นทางลงเขาเขา จากนั้นอีกไม่ไกลก็ถึงเมืองหลวงพระบาง

แม้เส้นทางจะไม่ยากระดับปายหรือดอยอ่างขาง ที่ดูจะใกล้เคียงเห็นจะเป็นสังขละบุรีหรือเขาค้อ แต่ก็เล่นเอาน้ำผึ้งเสียวเหมือนกันเพราะหล่อนไม่ค่อยได้เดินทางไกล แถมนานๆทีจะมีรถวิ่งสวนมาสักคันนี่ถ้าจับพลัดจับผลูเกิดยางแตกหรือรถเสียขึ้นมาล่ะก็ บรื๋อออ !!

สาวคิ้วเข้มไม่อยากจะคิดต่อ ตอนนี้ยางไม่แตกก็จริงแต่ท่อเธอกำลังจะแตกนั่งตัวเกร็งกำมือแน่นหลังงอคอหด จนคนขับรถสังเกตถึงความผิดปกติ

“เป็นอะไรคะ กลัวเหรอ?” มาฆวรัตน์ถามด้วยความเป็นห่วงก็ดูแม่ตาหวานนั่งเข้าสิ

“อีก อีกไกลมั้ยคะ” เสียงที่ไถ่ถามทำให้เก๋หลุดยิ้มออกมารู้ได้ทันทีว่า สาวรุ่นปวดชิ๊งฉ่อง ความจริงเธอก็เริ่มปวดเล็กๆเหมือนกันกาแฟเริ่มออกฤทธิ์แล้ว แต่ก็ทนเอา อีกไม่ไกลคงมีจุดแวะพักตามเมืองเล็กๆรายทาง

“เราเพิ่งออกมาได้สองชั่วโมงเอง อีกราวๆสี่ชั่วโมงอ่ะค่ะแต่จากนี้ไปทางมันจะค่อยๆชันขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเวียนหัวก็ให้มองออกไปไกลๆนะคะถ้าไม่ไหวจริงๆก็หยิบยาแก้แพ้ออกมา อยู่ในกระเป๋าใบเล็กของพี่”

“เปล่าค่ะ น้ำผึ้งปวดฉี่ จะราดแล้วด้วย” สาวปากหนักเอ่ยออกมาจนได้

“ฮิฮิ ก็กินกาแฟไปซะแก้วใหญ่นี่นา พี่ดูแผนที่แล้วอีกเป็นชั่วโมงเลยกว่าจะเจอเมืองเอาเป็นว่าเดี๋ยวเราแวะเด็ดดอกไม้เอาข้างทางเลยแล้วกัน นั่นไงข้างหน้านี่เลย” อาจารย์สาวชะลอความเร็วและหยุดรถข้างทางเปิดไฟกะพริบเอาไว้ เมื่อเห็นว่าข้างๆเป็นป่าหญ้า สองนารีรีบลงจากรถโดยพลันวิ่งเข้าไปในพงหญ้าที่สูงมิดศรีษะ

“จับคนช้าหนึ่งนาย คนช้าจะต้องโดนลงโทษ” เสียงใสๆดังมาจากอีกฟากด้วยความเป็นสาวชาวบ้านนา น้ำผึ้งสังเกตได้ว่านี่คือหญ้าเจ้าชู้หล่อนจึงเดินออกไปเสียไกลระวังระไวด้วยกลัวผลที่แหลมของมันจะติดเสื้อผ้ามา

“พี่เก๋ระวังหญ้าเจ้าชู้ด้วยค่ะ”

เสียงแหลมตะโกนกลับไป ไม่ทันเสียแล้วสาวเมืองกรุงนั่งยองๆหย่อนก้นลงตรงที่คิดว่าสะดวก แถมหูยังได้ยินประมาณว่าเธอเป็นคนเจ้าชู้

‘อืม เดี๋ยวเถอะแม่ตัวดี ถึงรถแล้วจะแกล้งขับให้เมาเลย หนอยมาว่าเราว่าเจ้าชู้ประตูดิน เชอะ’ สาวเนิร์ดรี่กลับมาที่รถหลังเสร็จภารกิจส่วนแม่ตาหวานยังอ้อยอิ่งเดินนวยนาดกลับมาอย่างช้าๆ

“เพี้ย!”

“โอ้ย! อะไรกันคะ” สาวเมืองกรุงหมั่นไส้ตีไปที่ต้นแขนเบาๆ

“มาว่าพี่ว่าเจ้าชู้อะไรกัน พี่ยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”

“เปล่า น้ำผึ้งแค่บอกว่าให้พี่ระวังหญ้าเจ้าชู้ มันจะติดเสื้อผ้าเอาน้ำผึ้งเลยเดินไปที่ชายป่าโน่นไงคะ”

“อ้าวเหรอ แล้วหญ้าเจ้าชู้มันเป็นยังไง?” คนขี้สงสัยเป็นงงเกิดมาก็ไม่เคยได้ยิน ดอกเตอร์ใช่ว่าจะรู้เสียทุกอย่าง มธุบิณฑ์ส่ายศรีษะยิ้มๆเดินไปที่ต้นหญ้า แกะเม็ดเล็กหยิบติดมือมาและเดินมาที่คนไม่รู้เอาเม็ดแหลมๆเล็กมาแปะไว้ที่เสื้ออาจารย์สาว

“นี่ค่ะ เห็นมั้ย มันจะติดเสื้อผ้าเรา แล้วก็รู้สึกเจ็บๆคันๆคราวหน้าพี่เก๋ต้องระวังนะคะ”

“อ๋อ แบบนี้นี่เอง เขาถึงเรียกว่าหญ้าเจ้าชู้” คนเมืองถึงบางอ้อหยิบเจ้าเม็ดเล็กขึ้นมาพิจารณา โยนทิ้งไปและเดินขึ้นรถทั้งคู่มุ่งหน้าไปตามทางอีกครั้ง

ขับรถมาได้สักราวห้านาที พลขับก็มีอาการยุกยิกขยับท่าทางให้เข้าที่หลายต่อหลายครั้ง สาวคิ้วเข้มยิ้มเยาะ นั่นไงโดนดีเข้าให้แล้วสาวเมืองกรุงหันมามองที่หน้าใส เจ้าตัวทำท่าเลิ่กลั่กเหงื่อแตกซิกทั้งๆที่แอร์ในรถแสนจะฉ่ำเย็น

“เป็นอะไรคะ นั่งไม่เป็นสุขเลย กางเกงในเข้าวินเหรอ คริคริ”สาวเชียงคานทำหน้าตาทะเล้นได้ทีหยอกเย้าอาจารย์สาว

“บร้า!เข้าวงเข้าวินอะไรกัน แต่พี่ว่า... พี่โดนหญ้าเจ้าชู้ทำพิษเข้าแล้วมากกว่า” สิ้นคำเท่านั้นสาวคิ้วหนาก็ฮาแตก

“ฮะ ฮะ ฮะ แล้วโดนจู่โจมเข้าที่ตรงไหนล่ะเจ้าคะ ยุกยิกแบบนี้สงสัย...”

“ลามกจริงๆนะเรา แต่ก็เป็นอย่างที่ตัวคิดนั่นแหล่ะ เอาไงดีอ่ามันทั้งเจ็บทั้งคันเลย อูยพี่ไม่ไหวแล้ว น้ำผึ้ง ทำไงดี” สาวเมืองกรุงรู้สึกเจ็บเข้าที่ส่วนสำคัญจะเการึก็ให้กระดากอาย หันมามองเข้าที่ใบหน้าใสที่สะใจสุดขีดก็สงสารอยู่หรอกนะแต่ช่วยไม่ได้ ไม่ตั้งใจฟังคำเตือนเอง

“ฮิฮิ คุณพี่ก็จอดข้างทางสิคะ มันติดตรงไหนก็เอาออกซะ แค่นั้นเอง” จริงดังคำแนะนำคนขับรถเบรคหัวทิ่ม เดินตัวงอไปหาที่ทางเหมาะๆ สาวรุ่นเตรียมจะลงไปสังเกตการณ์แต่ก็โดนโบกไม้โบกมือยับยั้งเอาไว้มาฆวรัตน์เดินมาที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เหลียวซ้ายแลขวาหน้าหลัง เมื่อให้เป็นที่แน่ใจแล้วว่าไม่มีใครก็จัดการปฏิบัติการกู้ภัย

ราวสามนาที อาจารย์สาวก็กลับเข้ามานั่งประจำที่ สีหน้าผ่อนคลายน้ำผึ้งยังขำไม่หาย นึกถึงเจ้าเม็ดเล็กๆที่ติดอยู่ตามซอกหลืบสำคัญแล้วก็ให้สงสารเธอหยิบทิชชู่มาซับเหงื่อหลายเม็ดที่ใบหน้านวลๆของอีกฝ่ายเป็นการปลอบใจ

“แน่ใจนะคะว่าหมดแล้ว หญ้าเจ้าชู้มันคือไอ้ตัวแสบยิ่งตามซอกหลืบมันยิ่งชอบ”

“แน่เสียยิ่งกว่าแช่แป้ง พี่โยนกางเกงในทิ้งไปแล้ว หายห่วง” อาจารย์สาวโพล่งออกไปด้วยความโมโห

“คริคริ พี่เก๋นี่ตลกจังไม่ยักกะรู้ว่าคนเป็นดอกเตอร์เขาจะแก้ปัญหาแบบนี้”

“ก็...มันติดอีรุงตุงนังไปหมดอ่ะ พี่ไม่รู้จะทำไงโยนทิ้งมันเสียเลยให้รู้แล้วรู้รอดไป” น้ำผึ้งยิ่งฟังก็ยิ่งขำมองมาที่กระโปรงบานสั้นๆ แม่อาจารย์สาวเห็นดังนั้นก็พูดสวนขึ้นมา

“เอาน่า เดี๋ยวถึงที่ที่มันสะดวกพี่ค่อยใส่ตัวใหม่” รถแล่นต่อไปยังจุดหมายอีกราวสี่ชั่วโมงกับทางที่คดเคี้ยวไปตามขุนเขา เก๋จอดแวะพักถ่ายรูปบ้างประปรายตามเมืองเล็กๆก็มีร้านอาหารและน้ำดื่มขายอยู่บ้าง

ระหว่างการเดินทางตามทิวเขาสูงมาฆวรัตน์เล่าให้สาวรุ่นฟังถึงวิถีชีวิตของชาวลาวที่แตกต่างกัน ระหว่างชาวลาวตามริมน้ำและชาวลาวเทิงซึ่งก็คือคนลาวที่อยู่บนดอยบนที่สูง การใช้ชีวิต ความเป็นอยู่และธรรมชาติที่สวยงามกับอากาศเย็นสบาย

อิทธิพลของการท่องเที่ยวเริ่มเข้ามาเมื่อมีร้านเพิงหมาแหงนข้างทางจำหน่ายสินค้าให้กับนักท่องเที่ยวดูๆไปก็คล้ายเขาค้อและภูทับเบิกเหมือนกัน สินค้าที่ชาวเขาลาวนำมาขายก็เช่นฟักแม้ว ผลไม้เมืองหนาวต่างๆ

สองสาวต่างเพลิดเพลินใจกับการเดินทางที่แวดล้อมไปด้วยป่าไม้เขียวขจีที่หาดูได้ยากยิ่งในเมืองไทย

“ลาวเขามีประชากรเบาบางมากค่ะพื้นที่ทั้งประเทศมีขนาดพอๆกับภาคอีสานของเรา แต่ประชาชนทั้งประเทศกลับมีราวๆแค่สิบล้านคนน้อยกว่ากรุงเทพฯเสียอีก” อาจารย์สาวกล่าวขึ้น ทำเอาแม่น้ำผึ้งตาโต

“โห มิน่าล่ะ เขาถึงรักษาป่าไว้ได้เขียวครึ้มแบบนี้”

“อีกสามสิบกิโลฯถึงหลวงพระบาง” สองสาวอ่านป้ายบอกทางที่เป็นภาษาลาวที่อ่านได้ง่ายๆออกมาแทบจะพร้อมกัน รู้สึกตื่นเต้นยิ่ง

หลวงพระบาง (ຫຼວງພຣະບາງ)อยู่ทางภาคเหนือของประเทศตัวเมืองตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงและแม่น้ำคานจุดที่ไหลมาบรรจบกัน

หลวงพระบาง เป็นเมืองเก่าแก่ของอาณาจักรล้านช้างตั้งแต่สมัยสถาปนาอาณาจักร ซึ่งแต่เดิมมีชื่อว่าเมืองซวา (ออกเสียงว่า ซัว) ราวพ.ศ. 1300 ขุนลอ ซึ่งถือเป็น ปฐมกษัตริย์ของลาว ได้ทรงตั้งเมืองซวาเป็นราชธานีของอาณาจักรล้านช้างและขนานนามเมืองใหม่ว่าเชียงทอง

ต่อมาลาวได้ย้ายเมืองหลวงลงมาทางใต้ ซึ่งก็คือเวียงจันทน์เชียงทองก็ยังคงความสำคัญในฐานะเมืองเอกเรื่อยมา และได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นหลวงพระบางตามพระบางพระคู่บ้านคู่เมืองที่เดิมประดิษฐานอยู่ที่เมืองเวียงคำอัญเชิญมาประดิษฐาน ณ เชียงทอง ผู้คนจึงเรียกหลวงพระบางติดปากกันมาจนถึงปัจจุบัน

หลวงพระบาง ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกเพราะ มีโบราณสถานอันประกอบไปด้วยวัดวาอารามเก่าแก่มากมายมีบ้านเรือนอันเป็นเอกลักษณ์โคโลเนียลสไตล์ตัวเมืองตั้งอยู่ริมน้ำโขงท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามและชาวหลวงพระบางมีบุคลิกที่ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นมิตรและมีขนบธรรมเนียมประเพณีที่งดงาม

“มาถึงแล้วซินะ.. หลวงพระบางในฝัน” ทั้งสองแวะเที่ยวชมน้ำตกตาดกวางสี ซึ่งนับว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในลาวเหนือตาดกวางสีหมายถึงน้ำตกกวางหนุ่ม น้ำตกนี้มีความสูงถึง 70 เมตรนับเป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง หลังจากจอดรถและเสียค่าเข้าชมราวแปดเก้าสิบบาทสองสาวก็จูงมือกันเดินมาตามทางเขียวชอุ่ม เสียงน้ำตกดังลั่นมาแต่ไกล จุดแวะพักแรกคือศูนย์ช่วยเหลือหมี เป็นหมีที่อุทยานยึดมาจากชาวบ้านที่ไปล่าในป่าลึกเพื่อเอามาค้าขายอย่างผิดกฎหมาย

ความงามของน้ำตกแห่งนี้ อยู่ที่สายน้ำที่ไหลบ่าลงมาตามหน้าผาผ่านโขดหินน้อยใหญ่ ลงสู่แอ่งน้ำสีเขียวมรกตเบื้องล่างโดยเป็นน้ำตกที่มีน้ำไหลตลอดปี

เป็นที่รู้กันในหมู่นักท่องเที่ยวว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเที่ยวน้ำตกคือ ปลายฝนต้นหนาว เพราะน้ำจะใส ป่าจะเขียว และอากาศก็เย็นสบาย

เก๋และน้ำผึ้งเดินมาอยู่ที่บริเวณด้านล่างน้ำตก หากเป็น ทริปเที่ยวเล่นเย็นๆใจป่านฉะนี้พวกหล่อนคงโดดน้ำเล่นกันสักตูมสองตูมอีกอย่างเมื่อวานทั้งสองก็ได้เล่นน้ำจนชุ่มปอดแล้ววันนี้จึงขอเพียงชื่นชมความงามและเก็บภาพประทับใจไว้เท่านั้น

สองนารีมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองมรดกโลก หลวงพระบาง

“อืมมม!!” หลังจากลงรถ เพื่อเมียงมองโรงแรมเหมาะๆสักแห่งที่มีให้เลือกสรรมากมายมาฆวรัตน์สูดอากาศบริสุทธิ์ชนิดที่หาได้ยากเย็นในเมืองฟ้าอมรที่หล่อนพำนักยกมือทั้งสองขึ้นเหนือศรีษะผ่อนคลายอิริยาบถหลังจากต้องจดจ่ออยู่ที่พวงมาลัยและคันเร่งเป็นเวลากว่า 6 ชั่วโมง

หลังจากเวียนวนวอล์คอิน ที่โรงแรมริมฝั่งโขงในตัวเมืองใกล้กับตลาดมืดได้สามแห่งมาฆวรัตน์ก็ตกลงกับมธุบิณฑ์ว่าจะเลือกเอาแห่งสุดท้ายเพราะราคาและสภาพของห้องก็ใกล้เคียงกันเพียงแต่ที่สุดท้ายนั้นมีห้องริเวอร์วิวและระเบียงกว้างขวาง หลังจากทำเรื่องเช็คอินเรียบร้อยเป็นเพลาสายัญสวาทพอดี ทั้งคู่ชวนกันลงมาเสกของดีหลวงพระบางเข้าท้องเสียหน่อย เดินเล่นชิวชิวที่ตลาดมืดหน้าโรงแรมนั้นเอง

ตลาดมืด หรือ ตลาดข้าวเหนียว หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากในนาม ถนนคนเดินหลวงพระบาง ถนนย่านช็อปปิ้งอันโด่งดัง

“นี่ถ้าเป็นที่เมืองไทยคงเรียกว่า ตลาดค่ำ แถวภาคอีสานบ้านน้ำผึ้งคงเว้าว่าเอิ้น ตลาดแลง ภาคเหนืออู้ กาดเมื่อแลงทางภาคใต้แหลงว่า ลาดมุ้งมิ้ง กันหรือเปล่าก็ไม่รู้สินะ...คริคริๆๆ”

มธุบิณฑ์เดินจูงมือคนงามเมืองกรุงเจื้อยแจ้วอย่างอารมณ์ดี  ไม่ว่าแต่ละภูมิภาคของไทยจะเรียกกันอย่างไร ตลาดมืด ที่หลวงพระบาง ก็คือถนนคนเดิน หรือตลาดนัดนั่นเอง ตลอดเส้นทางของถนนศรีสว่างวงค์ ที่ปิดเส้นทางห้ามรถเข้านอกจากจักรยานจัดเป็นตลาดถนนคนเดิน พ่อค้าแม่ขายต่างตั้งร้านเรียงรายตามถนน เรียกนักท่องเที่ยวให้เข้ามาแวะชมสินค้า ถนนคนเดินที่นี่มีทุกวัน ต่างจากที่เชียงคานเชียงใหม่หรือที่อื่นๆเมืองไทยที่จะมีเฉพาะ เสาร์-อาทิตย์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์เพียงเท่านั้น

"ตลาดมืด" จะตั้งขายกันตั้งแต่หน้าพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบาง ทั้งสองสาวเดินดูโน่นนี่นั่นมาเรื่อยๆ สองข้างทางจะเป็นตัวอาคารเก่าดัดแปลงเปิดเป็นร้านอาหารบ้าง ร้านค้าขายของที่ระลึกประเภท เครื่องเงินบ้างโปสการ์ดบ้างกระเป๋า สินค้าหัตถกรรมกระดาษสา กางเกงผ้าฝ้ายผ้าขะม้า ผ้าซิ่นผืนงามลวดลายต่างๆ และอื่นๆอีกบ้างประปราย

เก๋สังเกตดู เห็นว่าสินค้ามีไม่ค่อยหลากหลาย อาจเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจและวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่แต่กลับมีเสน่ห์ยั่วยวนเงินในกระเป๋าเธออยู่ไม่น้อย

“ที่นี่ไม่มี ร้านสะดวกซื้อ พวกเซเว่นฯ มินิมาร์ท โลตัสบิ๊กซีเลยนะคะ” สาวเชียงคานเดินมาสักพักก็ให้คอแห้ง ด้วยความเคยชินเธอมองหาแต่ร้านจำพวกนั้น เพราะที่เมืองไทยแทบจะมีทุกซอกมุม

“หาให้ตายก็ไม่เจอค่ะสาวน้อยเพราะทางการลาวไม่ให้มาเปิดกิจการขายแข่งกับชาวหลวงพระบางให้ รำคาญลูกกระตา...อีกทั้งที่นี่ เขาถูกจัดให้เป็น เมืองมรดกโลก แล้วด้วยคงหาร้านที่ว่าได้ไม่”อาจารย์สาวให้ความเห็นจูงมือคนช่างสงสัยมาที่ซุ้มร้านกาแฟแห่งหนึ่ง หยิบ เบยลาว กระป๋องยาวเย็นเจี๊ยบจากตู้แช่จ่ายเงินราคาเหยียบหมื่น...กีบ เปิดกระป๋องและยื่นให้คนตรงหน้า

“แหม มาลาวนี่กลายเป็นแม่คอทองแดงเลยนะคะ ไม่เอาอ่ะ น้ำผึ้งหิวน้ำ” สาวรุ่นส่ายหน้าปฏิเสธเธอคว้าขวดน้ำดื่มยี่ห้อหนึ่งที่อิมพอร์ตจากไทยแลนด์มาเปิดกิน

“ก็ทำตัวเข้ากับบรรยากาศหน่อยไงคะ อูยยย ฟินฝุดๆ”เก๋กระดกเบียร์เข้าปาก นานๆเธอจะได้ปลดปล่อยความเป็นเนิร์ดเสียครั้งหนึ่ง

“ว้าย!”สาวคิ้วเข้มซุกหน้ามาที่ไหล่ของคนเมืองกรุง ทำเอาเธอ ฟิน กว่าเดิม เพราะสาวน้อยน่ารักมาแนบชิด... หุหุหุ

ไม่ทันจะได้ฟินไปกว่านั้น เก๋ก็ตกใจสะดุ้งโหยงไม่แพ้กัน กับภาพตรงหน้า เมื่อมันคืออสรพิษดองในเหล้าขาวที่ถูกจับเอาไปไว้ในขวดหลากหลายรูปทรง มีทั้งงู ตะขาบ แมลงป่องเหล่าสรรพสัตว์ที่เธอทั้งกลัวทั้งขยะแขยงด้วย...บรื๋ออออ หยองมั่กมาก กระนั้นก็ตามสาวเมืองกรุงก็ไม่วายที่จะเขยิบขยับ เข้าไปเก็บภาพ เธออยากส่งไลน์ไปให้ชิออนดู

“สักขวดมั้ยคะพี่เห็นว่าจะทำตัวให้เข้าบรรยากาศเขาว่ากันว่ามันเป็นยาโป๊วบำรุงกำลังชั้นยอดเลยเชียวนา” น้ำผึ้งเดินเกาะแขนแน่นแต่ก็ยังมิวายแซว

“เอาสิ ถ้าน้องน้อยกล้าจิบเป็นเพื่อนพี่ก็สู้ไม่ถอย ยิ่งเป็นยาโป๊วแล้ว เกิดพี่คึกขึ้นมา น้ำผึ้งจะได้รับศึกรักทันไง” อาจารย์สาวตาลุกวาวตอบโต้คารมเจอการท้าทายแบบจริงจังทำเอาสาวรุ่นยอมสยบ เพราะเธอมีแต่เสียกับเสียเท่านั้น

สองนารีเดินมาหยุดที่หน้าร้านผ้าซิ่น ผ้าที่นี่ใช้กี่กระตุกที่หายากทอด้วยมือ ผ้าของหลวงพระเนื้อดี ขึ้นชื่อลือชามาแต่โบราณ

อาจารย์สาวได้จังหวะเลือกของฝาก เพราะเธอตั้งใจที่จะซื้อไปเป็นการขอบคุณอาจารย์ผกาวรรณผู้ให้คำแนะนำและแม่ชิออนที่ป่านนี้คงใช้บ้านของเธอนอนแช่น้ำในอ่างทั้งวัน

“ช่วยพี่เลือกหน่อยสิคะ เอาสามผืนนะ” เก๋เว้าวอนสาวบ้านนาที่มีประสบการณ์เรื่องพรรค์นี้มากกว่าจึงทำตามอย่างว่าง่าย ไม่นานน้ำผึ้งก็เลือกเฟ้นลายถูกใจได้ ดอกเตอร์หน้าใสจ่ายเงินมันแพงเอาการอยู่เหมือนกัน คนขายก็เชียร์ให้ซื้ออีกผืนและบอกว่าจะคิดราคาพิเศษสุดๆให้สาวลาวโฆษณาว่าหากทำบุญใส่บาตรด้วยผ้าซิ่นจะมีกินมีใช้ เงินทองไม่ขาดมือเก๋หันมามองหน้าสาวรุ่น น้ำผึ้งพยักหน้ารับว่าจริงคนแถบนี้เขามีความเชื่อกันเยี่ยงนั้น อาจารย์สาวจึงตกลงปลงใจ เอามาทั้งหมดสี่ผืน และบอกให้คนขายแยกถุงและผืนด้วยเมื่อชำระหนี้ตามกฏหมายเสร็จสิ้น ดอกเตอร์สาวรับถุงมาและยื่นให้สาวน้อยใบหนึ่ง

“พี่ซื้อให้แม่ของน้ำผึ้งค่ะ ถือเป็นของรับไหว้เอ้ย ไม่ใช่ ของฝากเล็กๆน้อยๆ” น้ำผึ้งสีหน้าออกว่าไม่สบายใจก็ผืนหนึ่งใช่ถูกเสียเมื่อไหร่กัน แต่ก็ประทับใจในความอารีของนายจ้าง

“พี่เก๋...น้ำผึ้งว่า...”

“อย่าปฏิเสธน้ำใจพี่เลยนะคะถือเสียว่าเป็นค่าตอบแทนที่เอาลูกสาวเขามาลำบาก”

“ขอบคุณมากค่ะ พี่เก๋น่ารักที่สุดเลย” หญิงสาวจนใจ ไหนๆเขาก็ตั้งใจเสียขนาดนี้ยกมือไหว้งามและยื่นมือมารับไป

“น่ารักก็รักได้นะคะ ไม่ห้ามแต่ที่ห้ามคือคราวหน้าไม่ต้องไหว้แล้วนะ เพราะพี่จะต้องทำอะไรอีกหลายๆอย่างเพื่อหนู”

“พี่เก๋อ่ะ บร้า! บร้ามาก” เป็นครั้งแรกที่รุกหนักจนสร้างความหวามไหวให้คนฟัง เล่นเอาหน้าแดงไปในบัดดล สาวรุ่นได้แต่เพียงต่อว่าหันหน้าไปอีกทางและรีบเดินไปให้ห่าง เธอกลัวใจตัวเอง

‘เอ๋? เพิ่งดื่มไปอึกเดียว ทำไมแม่ชาเย็นปากหวานเสียจริง’

อาจารย์สาวแม้จะไม่ค่อยได้จีบใคร แต่รุกคืบมาเสียขนาดนี้แล้วต้องรีบเผด็จศึกหล่อนเดินตามมาและฉวยคว้าข้อมือเล็กไว้ พากันเดินมาหยุดที่ร้านเสื้อ เก๋เลือกเสื้อยืดสกรีน ‘สบายดีหลวงพะบาง’ มาสองตัวและพูดลอยๆ

“พรุ่งนี้ใส่ด้วยกันนะคะ ใส่เป็นคู่เพราะเรานั้นคู่กัน” โอย! โอย! อะไรกันนี่พอเวลาจะรดน้ำเล่นมาเป็นโอ่งแบบนี้ ใครเขาจะตั้งตัวทัน

“พี่เก๋เมาหรือเปล่าคะนี่ ไปเถอะค่ะ กลับห้องกัน” สาวรุ่นเดินจ้ำไปไม่รอรีขืนได้สบตาหรืออยู่ใกล้กันมากกว่านี้เธออาจจะละลายได้

“ไม่เมาเหล้าแล้วเรายังเมารักสุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืน” สาวกรุงเทพฯรีบวิ่งตามมาท่องบทกลอนสุนทรภู่ให้ทรามวัยฟัง เป็นอันปิดฉากบทเกี้ยวสาวที่พะบางอย่างสมบูรณ์แบบ สาวเชียงคานอายม้วนเป็นปลาหมึกโดนเปลวไฟ

‘ปากหวานแบบนี้เดี๋ยวแม่จะแกล้งเสียให้เข็ด’ ทันใดนั้นความคิดทะเล้นก็ผุดขึ้นในสมองเธอหยุดฝีเท้าและหันมาบอกกับหญิงงาม

“พี่เก๋ เรายังไม่ได้กินข้าวแลงเลยนะคะมัวแต่ช็อปกันเพลินเลย ซะหน่อยมั้ยคะดูร้านนั้นสิน่านั่งม๊ากมาก”

อาจารย์สาวก็เห็นด้วย ราตรีนี้ยังยาวไกลยิ่งดื่มเข้าไปด้วยท้องว่างคงไม่ดี

‘แต่เอแม่หน้ามนคิดจะมอมเราอย่างเคยสินะ ไม่ได้การห้ามกินเบียร์อีกนะยัยเก๋’ สาวเมืองกรุง ที่สลัดคราบเนิร์ดทิ้งลงแม่น้ำโขงเสียสิ้นปรามตัวเองในใจ

ทั้งคู่นั่งกินมื้อเย็นชิวๆที่ร้านอาหารสั่งอาหารพื้นเมืองรสจัดจ้านมากิน เป็นดังคาดน้ำผึ้งพยายามรินเบียร์จิบต่อจิบให้ มาฆวรัตน์ที่ยกดื่มแทนน้ำเปล่าก็แม่จอมแสบเขาแอบเดินไปสั่งแม่ครัวให้ทำเผ็ดๆสุดยอดและทิปพิเศษกับพนักงานเสริ์ฟ โดยให้บอกกับแม่อาจารย์สาวว่าน้ำเปล่าหมด กว่าจะรู้ตัวโลกของเธอก็หมุนติ้วพูดต่อว่าแม่ทรามเชย

“มอมมมเบียร์พี่อีกแล้ว คนอาร้ายยทำให้พี่หลงงงแล้วยังมาทำให้มาวววอิ๊ก” เมื่อเห็นว่าคนกรุงสิ้นสภาพก่อนที่จะแย่ไปกว่านี้ แม่จอมวางแผนก็สั่งเก็บเงิน มื้อนี้ทั้งคู่หมดไปแสนกว่ากีบ!! น้ำผึ้งประคองร่างบางที่ทัดเทียมกันเดินมาถึงห้องพักใช่เพียงเท่านี้เธอยังมีแผนสองต่อเนื่อง สาวรุ่นพาเก๋เดินมานั่งที่ระเบียงที่สามารถมองเห็นแม่น้ำโขงที่ตอนกลางคืนเงียบสงัดและวังเวงมาก

“แม่น้ำสวยนะคะ” สาวรุ่นเปรยขึ้นจะปูทางสู่ตอนสำคัญ

“สวยสิ ไม่ใช่แม่น้ำนะ พี่หมายถึงคนข้างๆพี่” สาวรุ่นตกใจที่คนเมาดูเหมือนจะกลับคืนสภาพปกติก็...ก็ตะกี้ยังยืนแทบไม่ไหวอ่ะ งั้น ก็หมายความว่า...พี่เก๋แกล้งเมา ตายละวาเธอโดนซ้อนกลเข้าจนได้!!

สาวรุ่นจำต้องงัดแผนสองออกมาใช้

“พี่เก๋เคยได้ยินเรื่องภูติแม่น้ำโขงไหมคะ”

“อ้าวแล้วกัน ใครเขาใช้ให้พูดเรื่องแบบนี้กันเล่าคะไม่เอาอย่าเล่านะพี่กลัว” สาวเมืองกรุงทำท่าจะเดินกลับเข้ามาข้างในสมใจคนแกล้งที่กลั้นหัวเราะเอาไว้ เดินเกมต่อ

“คริคริ พี่เก๋เป็นถึงดอกเตอร์แต่ก็กลัวผีนี่นะคะ น้ำผึ้งไม่อยากจะเชื่อเลยน้ำผึ้งว่าคนน่ากลัวเสียยิ่งกว่าผี ผีจะหลอกก็มาให้เห็น คนบางคนหน้าไหว้หลังหลอกกลับกลอกปลิ้นปล้อน รู้หน้าไม่รู้ใจ รู้ความเคลื่อนไหวไม่รู้ความคิด รู้...”

“พอแล้วค่ะ ที่พูดมาพี่ไม่ได้มีเลยสักนิด ไว้ใจกันนะคะ” อีกคนก็พยายามโยงมาเรื่องรัก อีกคนก็พยายามแกล้งใครจะชนะกันละนี่...




 

Create Date : 02 มิถุนายน 2558    
Last Update : 2 มิถุนายน 2558 13:17:07 น.
Counter : 445 Pageviews.  

ตอนที่ 14 : Treasure hunters

นักล่าสมบัติ

ที่วังเวียง หลังจากกลับมาเปลี่ยนชุดที่โรงแรมเก๋และน้ำผึ้งก็ออกมาเดินเล่นที่ถนนคนเดินของวังเวียง เห็นคนต่อคิวที่ร้านโรตียาวเหยียดก็คงต้องขอลิ้มลองโรตีลาวกะเขาเสียบ้าง ไม่อย่างนั้นจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่องร้านโรตีที่วังเวียงกำลังอินเทรนด์ สาวลาวหันมาขายโรตีกันตามๆกันหลากหลายจุด เพราะเห็นว่าร้านอื่นขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

ถนนคนเดินในวังเวียงยามค่ำคืน ยึดพื้นที่สนามบินเก่าครั้งอเมริกาทำสงครามเวียดนามแล้วใช้ลาวเป็นฐานทัพ ดูๆไปบรรยากาศเหมือนงานวัด มีเต็นท์ขายของ มีปาลูกโป่งที่เรียกแขกได้พอดู ถนนคนเดินในวังเวียง ก็คล้ายปาย ต่างกันตรงที่ไม่มีร้านขายของที่ระลึกมีแต่ร้านขายอาหารให้กิน ให้ดื่ม เท่านั้น แต่อีกไม่นานก็คงมีเพราะขนาดโรตียังมา ความเจริญและรูปแบบของการท่องเที่ยวมันไปถึงกันหมด

“กลับกันเถอะค่ะ พี่ง่วงแล้ว” เก๋ชวนสาวหน้าใสกลับที่พักพรุ่งนี้หล่อนต้องขับรถอีกหลายชั่วโมง หญิงสาวคิดเพียงเท่านั้นจริงๆ ลืมเรื่องจูบไปเสียสนิทใจ

ตรงข้ามกับน้ำผึ้ง เจ้าหล่อนกังวลกลัวว่าชะตาริมฝีปากจะขาดรอนๆประวิงเวลา หาเรื่องคะยั้นคะยอให้สาวกรุงดื่ม

“พี่เก๋จะไม่ดื่มสักหน่อยเหรอคะ บรรยากาศดีนะเดี๋ยวน้ำผึ้งจะนั่งเป็นเพื่อนเอง”

“เอ๋?? นึกครึ้มอกครึ้มใจอะไรคะมาชวนเค้าดื่ม ไหนบอกว่ากลัวแก่เร็วไง”อาจารย์สาวยังไม่เท่าทันความคิด ก็หล่อนง่วงจริงๆ

“จะได้แก่ทันคนเจ้าเล่ห์ยังไงล่ะคะ ไปเถอะคะไหนๆก็มาแล้ว ดูสิเค้ามานั่งดื่มกันเป็นคู่เลย”หญิงรุ่นต่อปากต่อคำ เชิญชวนสุดลิ่มทิ่มประตูจูงมือสาวเมืองกรุงมานั่งกรึ๊บเข้าจนได้ มธุบิณฑ์สั่งเบยลาวมาสองกระป๋องหล่อนจำใจต้องดื่มเพราะไม่งั้นก็ต้องกลับห้อง

พอเครื่องติดก็ยากที่จะมีอะไรมาฉุดรั้ง เก๋สั่งเบียร์มาอีกสองขวดน้ำผึ้งกับแอลกอฮอล์ที่ไม่ถูกกันเท่าไหร่ก็ชักจะกึ่มๆพอประมาณหน้าแดงด้วยฤทธิ์น้ำเมา มาฆวรัตน์จ้องไปที่ตาแดงๆแบบไม่กะพริบแต่น้ำเปลี่ยนนิสัยก็ทำให้น้ำผึ้งเกิดความกล้าขึ้นมาทันใด หล่อนเริ่มเปิดประเด็นที่ค้างใจมาหลายวัน

“พี่เก๋ เคยมีแฟนเหรอออคะ?” น้ำเสียงเริ่มยานคางเล็กๆเก๋ที่คอแข็งกว่านัยน์ตาเชื่อมยิ้มแก้มปริ

‘ชิชะ ที่แท้ก็สนใจใคร่รู้เรื่องของเรา’

“ฮิฮิ พี่อายุก็ป่านนี้แล้วจะยังให้จิ้นเหรอคะ มันก็ต้องมีบ้างไรบ้าง”อาจารย์สาวในคราบนักดื่มกระดกเบียร์จนหมดขวด หัวและไหล่ก็เริ่มโยกไปตามจังหวะเพลง

“แล้วววมาจีบน้ำผึ้งแบบนี้ไม่กลัวแฟนว่าเหรอออ” สาวรุ่นยิงตรงประเด็นไหนๆก็ลงทุนเมาซะขนาดนี้แล้วต้องรู้ให้ได้

“ใคร? ใครจะว่า ตอนนี้เค้าโสดดดโลดดด” เก๋ปฏิเสธพัลวันแม้จะรู้สึกคิดช้าทำช้าแต่หล่อนก็รู้ว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดแล้วที่จะเคลียร์ใจกับสาวร่างบางหล่อนลุกขึ้นและเขยิบมานั่งข้างๆกายสาวเชียงคาน เอามือเรียวมาเกาะกุมมือน้อยๆไว้ยกขึ้นมาแทบแนบอกอุ่นที่ตอนนี้ใจเต้นแรง ไม่รู้เป็นเพราะฤทธิ์ของเบยลาว หรือว่าเสน่ห์ร้อนแรงของคนหน้าแดงๆแก้มชมพู

“ใช่ พี่เคยมีอดีตที่ไม่ค่อยน่าจดจำเท่าไหร่ พี่เคยรักคนๆหนึ่งรักมากอย่างที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะรักได้ เราเคยมีความสุขด้วยกัน ไม่เคยห่างกันเป็นของกันและกัน แต่วันหนึ่งวันนั้นเหมือนฟ้าฟาดลงมาที่กลางใจพี่เธอผู้นั้นได้ทิ้งพี่ไปแต่งงาน พี่น็อตหลุดไปพักใหญ่ ชิออนเคยบอกพี่ว่าเวลาที่ผ่านไปมันจะช่วยเยียวยา แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลยเวลามันเป็นเหมือนหมุดตอกย้ำให้พี่ฝังรักอยู่กับความหลัง พี่เองก็อยากจะลืมๆมันไปแต่ก็ทำไม่เคยได้ น้ำผึ้งรู้มั้ยว่า โลกของพี่มันมืดมิดมานานนานเสียจนพี่ไม่คาดคิดว่าจะเจอแสงสว่างอีกครั้งแล้ว พี่ต้องนอนร้องไห้ทุกคืนหลับไปพร้อมกับน้ำตาและความเหงาพี่ก็เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งที่อยากมีความสุข แต่ก็ไม่เคยมีจนเมื่อไม่กี่วันก่อน พี่ได้เรียนรู้ว่าโลกของพี่สดใสขึ้น ฟ้าเปลี่ยนจากสีเทามาเป็นสีชมพูแล้วเพราะคนที่นั่งอยู่ข้างๆพี่คนนี้” สารภาพเสียสิ้น มธุบิณฑ์แทบสร่างเมาไม่คิดว่าคนข้างๆจะจมอมทุกข์ได้ถึงเพียงนั้นและคาดคิดไม่ถึงว่าคนอย่างเธอจะกลายมาเป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจที่แห้งเหี่ยวของคนชาเย็นให้กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นได้อีกครั้ง หล่อนซบลงตรงไหล่ของสาวเมืองกรุง

“พี่เก๋...” เสียงเพลงของร้านดังขึ้นมา มันช่างเหมาะเจาะเสียเหลือเกินมาฆวรัตน์ขยับปากร้องตาม

‘ในหัวใจที่มันมืดมน ไม่เห็นใครไม่มีสักคน บนหนทางที่มันอ่อนล้าและสับสนทนมานานมันเหงาเกินไป

แค่สักคนที่ใจเฝ้ารอ แค่สักคนที่พอเข้าใจแค่สักคนที่เป็นดั่งแสงเป็นความหมาย ส่องสว่างให้เห็นปลายทางสักที

ฉันรู้มาเนิ่นนาน ก่อนความหวัง จะหมดไป นาทีสุดท้ายเห็นแสงทอมาริบหรี่

เธอใช่ไหมจะเข้ามา เป็นดั่งตะวันส่องใจดวงนี้ให้ฉันทีบอกซิใช่เธอหรือเปล่า’

เสียงเพลงจบลง มาฆวรัตน์ลูบไล้ไปที่หัวเบาๆ เป็นสาวรุ่นที่พูดขึ้น

“พี่เก๋คะ...น้ำผึ้งไม่ได้มีค่ามากขนาดนั้นหรอกค่ะกลับไปกรุงเทพฯ ไม่เกินสามวัน จากนารีเป็นอื่น สาวเชียงคานคนนี้ก็หมดความหมายแล้ว”เก๋ใช้สองมือจับเข้าที่ไหล่ของคนกลัว สบสายตาบอกความจริงใจที่มี

“การกระทำย่อมสำคัญกว่าน้ำคำเสมอค่ะ น้ำผึ้งก็เป็นอยู่อย่างนี้ไม่ต้องปรุงแต่ง ไม่ต้องเพิ่มเติมอะไร ไม่ต้องกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึงแค่เพียงสาวน้อยคนนี้ไม่รังเกียจพี่ ก็ดีที่สุดแล้ว เราจะใช้ทุกวินาทีที่นี่ให้คุ้มค่า”สิ้นเสียงมาฆวรัตน์ก็บรรจงจุมพิตยื่นใบหน้าของตนประกบเข้ากับริมฝีปากบางของสาวรุ่นอย่างดูดดื่มและเนิ่นนาน ไร้ซึ่งการขัดขืน มธุบิณฑ์ปล่อยให้อาจารย์สาวดำเนินบทรักสอดประสานกับทำนองเพลงรักที่ร้านเปิดขึ้น...จนกระทั่งพอใจและอิ่มเอม เก๋ถอนริมฝีปากออกมา

เสียงปรบมือดังก้องร้าน ฝรั่งหัวแดงหัวทองต่างส่งเสียงเชียร์คู่สาวหัวดำจากเมืองไทย ที่กำลังพลอดรักกันอย่างดูดดื่มน้ำผึ้งรู้ตัวว่าตกเป็นเป้าสายตาก็ให้ได้อาย

“อุ๊ย!!เบาๆสิคะพี่เจ็บนะ” คนหน้าหวานเอากำปั้นน้อยๆทุบเข้าที่ต้นแขน แก้อาการขวยเขิน

“บร้า!!ขโมยหัวใจเค้าไปยังไม่พอ ก็มาขโมยจูบกันเสียอีก ดูสิ เขามองกันทั้งวังเวียงแล้วน้ำผึ้งก็อายเป็นนะคะ” เก๋ยิ้มพึงใจที่สาวรุ่นเผยความในออกมา ไม่ได้ต่อความต่อเรียกเก็บเงินแล้วก็จูงมือคนหน้ามนเดินประคองกันกลับมายังโรงแรม ทันทีที่ประตูห้องเปิดคนเจ้าเล่ห์ก็ฉวยจังหวะจู่โจมแม่แก้มใสด้วยการหอมเข้าไปฟอดใหญ่

“อุ้ย! พี่เก๋อ่ะเอาอีกแล้วนะคะ กว่าจะถึงหลวงพระบางแก้มของน้ำผึ้งต้องช้ำหมดแน่ๆ” สาวรุ่นต่อว่าทำท่าจะใช้กำปั้นทุบเข้ามาที่ไหล่ดังเดิม แต่คนเมืองเท่าทัน คว้าเข้าที่ข้อมมือตั้งรับไว้ได้ทันพูดสวนออกไปด้วยสายตาเยิ้ม

“ก็น่ารักให้มันน้อยๆหน่อยสิคะ ไม่แค่ที่แก้มนะพี่จะเอาให้ช้ำไปทั้งตัวเลย มามะ” สาวขี้แกล้งทำปากจู๋ เตรียมระดมทำอย่างคำว่าสาวรุ่นดิ้นรนสลัดหลุดจากการเกาะกุม วิ่งหนีมาที่เตียง คนเมาเดินโซซัดโซเซตามมา ยังไม่ทันได้ถึงเตียงดีก็ทรุดกายลงสิ้นฤทธิ์เดชกองอยู่ที่ปลายเตียงนั้นเอง

น้ำผึ้งเห็นเข้าก็ตกใจ เธอเองเล่าก็เมาน้อยกว่ากันเสียที่ไหนพยายามใช้เรี่ยวแรงที่มีลากคนเมาสิ้นสติขึ้นมาที่เตียง กว่าจะสำเร็จก็เล่นเอาสาวร่างบางเหนื่อยหอบสาวเชียงคานไม่เหลือกำลังกายที่จะจัดแจงเช็ดหน้าคนเมาให้อย่างเคยได้แต่เอามือเรียวลูบไล้ไปตามเส้นผมละเอียด

“พี่เก๋ก็น่ารักให้น้อยลงได้ไหมคะ น้ำผึ้งไม่อยากรักพี่เลย น้ำผึ้งก็กลัวเสียใจเหมือนกันนะคะ”สาวรุ่นผู้ไม่เคยมีประสบการณ์รัก พูดออกมาด้วยเพราะกลัวคนเมืองจะเชยชมแล้วทิ้งขว้างมธุบิณฑ์ล้มตัวลงนอนข้างๆอาจารย์สาวอย่างเหนื่อยอ่อน

ไม่นาน ทั้งคู่เล่นเกมส์ซ่อนตาดำ ผลอยหลับไปข้างๆกันนั้นเอง

........................

ที่ผับหรูย่านทองหล่อที่เดิม

สาวมั่นเข้ามานั่งที่เคาน์เตอร์บาร์ สั่งวิสกี้มาดื่มเช่นเคยสายตาก็สอดส่ายหาชายร่างสูง

‘นี่ก็นานพอควรทำไมยังไม่มาเสียที แล้วทำไมเราต้องมานั่งคอยให้ฝ่ายนั้นคอยปั่นหัวเล่นด้วยนะ’ไนท์หยิบโทรศัพท์มากดเล่นฆ่าเวลาอีกสิบนาทีถ้าตานั่นยังไม่โผล่มาก็คงต้องกลับแล้ว

“เครื่องดื่มพิเศษ เหมาะกับคนพิเศษเช่นคุณ” เสียงเรียบๆ พูดให้หลังรัตติกาลเก็บโทรศัพท์เหลียวมามองและยิ้มกว้างออกมา อินทัชยื่นแก้ววิสกี้มาให้

“ขอโทษนะที่ปล่อยให้คุณเมียต้องรอนานเราไปหาที่เงียบๆคุยกันดีกว่ามั้ย” สายตาเชิญชวนทำเอาสาวมั่นเคลิ้มไป หล่อนตกอยู่ในอำนาจชายผู้นี้เสียสิ้น

“ไนท์กลัวว่าจะไม่ได้คุยกันน่ะสิคะ” หญิงสาวตอบกลับไปทีเล่นทีจริงกระดกแก้ววิสกี้จนหมด

“ไปกันเถอะครับ” ชายหนุ่มทำไม้ทำมือกับพนักงานเป็นทีว่าให้ลงบัญชีไว้เดินเข้ามาอุ้มร่างเล็ก

“ว้าย! นี่คุณ ปล่อยนะฉันมีขาเดินเองได้ ปล่อย!”

“คุณรู้ไหม รัตติกาล คุณมันช่างยั่วยวนเสียเหลือเกินไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆเลย” ชายร่างสูงเหมือนจะพูดไปคนละประเด็นอุ้มร่างบางออกมานอกร้าน เป็นเป้าสายตาให้ผู้คนในสถานที่แห่งนั้นจับจ้องและซุบซิบ

ที่ลานจอดรถในมุมมืด อินทัชกดรีโมทและเปิดประตูรถอย่างคล่องแคล่วทั้งๆที่ยังอุ้มไนท์อยู่

“นี่คงทำแบบนี้กับสาวทุกคนเลยใช่ไหมคะ” ชายหนุ่มไม่ตอบวางร่างเล็กลงที่เบาะคนนั่ง ปรับตำแหน่งให้เหมาะ เขาระดมจูบไปทั่วร่าง

“อื้อ อื้อ อืมมม”

รัตติกาลดีดดิ้นอยู่พักหนึ่งพองาม ก่อนจะเปลี่ยนโหมดมาเป็นคล้อยตามทั้งสองแลกลิ้นกันอย่างเมามัน มือไม้ของอินทัชเริ่มอยู่ไม่สุขจัดการล้วงเข้าไปในเสื้อของคู่นอนอย่างชำนาญ

จนสมอุรา อินทัชถอนปากออกมาและทำท่าจะกลับไปประจำการในที่ของตนรัตติกาลไฟลุกโชนเข้าเสียแล้ว ดึงมือชายร่างสูงไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อนกาย ทำสายตาเว้าวอน

“ทำให้ไนท์ตรงนี้เลยได้มั้ย ไนท์อยากแล้ว” ไม่พูดเปล่าสาวมั่นรูดซิปกางเกงลง และจัดการมันด้วยอยากจะกลืนกิน

...............................................

“อัปรีย์จัญไร นรกจะกินหัว น้ำจะท่วมฟ้า ปลาจะกินดาว”

เสียงของหญิงสาวสูงวัยตะโกนขึ้น เมื่อเห็นภาพอุจาดบาดตาของหญิงชั่วและชายโฉดกำลังสมสู่กัน อยู่ที่โขดหินริมลำธารใส ชายหญิงคู่นั้นผงะออกจากกัน ไอ้หนุ่มรีบคว้าผ้าผ่อนและวิ่งหนีหายเข้าไปในป่าทิ้งให้สาวเจ้าตกอยู่ในอาการค้างคาที่บทรักไม่ถึงฝั่งฝัน ร่างเปลือยยืนขึ้นเพื่อดูว่าเป็นมันผู้ใดที่บังอาจมาแอบดู

“แม่...แม่นางอันธิกา” หญิงชราผมขาวโพลน ตกใจเป็นที่สุดเมื่อไม่คาดฝันว่า มุขมนตรีใหญ่ของราชสำนัก ในฐานะผู้คุมกฎ จะแอบมาทำในสิ่งต้องห้ามของชาวเวียงกาญจน์เสียเอง

หญิงชราแอบย่องมาดู หลังจากบ่าวสองนางมาฟ้องร้องเรียนถึงเรือนว่ามีชายหญิงกำลังลักลอบได้เสียกันซึ่งนับเป็นการฝ่าฝืนกฎที่สำคัญของอาณาจักรแห่งนี้

“รู้เสียก็ดีแล้ว จากวันนี้ไปเราจะได้ไม่ต้องหลบซ่อนอีก”มุขมนตรีกล่าวขึ้นด้วยเสียงอันดัง ไม่สำนึกเลยสักเพียงนิดว่าตนได้กระทำการชั่วร้าย

“จับตัวแม่นางไว้ เราจะนำตัวนางไปเข้าเฝ้าพระนาง อาทิตยา”

หญิงชราสั่งบ่าวไพร่ด้านอันธิกาก็ยอมให้จับกุมแต่โดยดี แม้ด้วยจะรู้ว่าต้องโทษถึงขั้นประหัดประหารเพราะหล่อนอยากไปใช้ชีวิตที่โลกหน้า ด้วยเบื่อเมืองที่มีแต่หญิงสาวเต็มทน

ที่พลับพลาริมสระน้ำ หญิงสาวสะคราญนำพวงมาลัยที่ร้อยอย่างประณีตงดงามหมอบคลานมาถวายให้ใส่พานทองคำแก่เจ้านางผู้เลอโฉม

“งามเสียจริงหนอ”

“ขอบพระทัยเพคะ” เจ้านางอาทิตยารับพวงมาลัยนั้นมา ส่งให้นางสนอง และใช้พระหัตถ์เกี่ยวช้อนใบหน้างามงอนให้สบดวงเนตร

“ข้าหมายถึงเจ้า ศศิ แม่หญิงงามของข้า” อนงค์นางหลบสายตาไม่กล้าสบพระพักตร์เจ้านางประคองร่างบางให้ลุกขึ้น มานั่งเคียงข้างที่แท่นอาสน์ เอากรขวาเรียวงามประดับประดาด้วยกำไลทองลูบเข้าที่แก้มเลือดฝาด

“นี่ก็ใกล้วันเสกสมรสเข้ามาเต็มทน เพียงชั่วร้อยทิวาราตรีเท่านั้นแต่ข้ากลับอดใจไม่ไหวอีกต่อไป ทั้งยังรู้สึกหวาดหวั่นสังหรณ์ในใจอย่างไรชอบกลอยู่อยากจะเชยชมเจ้าเสียบัดเดี๋ยวนี้”

“อดพระทัยไว้เถิดเพคะ หากผิดประเพณีเข้า บรรดาบรรพกษัตริย์จะขุ่นเคืองพระทัยและอาจจะลงทัณฑ์ให้ชาวไพร่ฟ้าให้ได้เป็นทุกข์ร้อน”

อนงค์นางให้เหตุผล ธรรมเนียมของเวียงกาญจน์ที่สืบทอดมานับร้อยๆปีการรับหญิงใดเข้าเป็นชายา หญิงผู้นั้นจะต้องเป็นสาวบริสุทธิ์

“ข้ารู้ ก็เป็นด้วยเหตุผลฉะนี้ ข้าจึงหักห้ามใจ ไม่ล่วงเกินเจ้าหากข้าจะรับเจ้าเป็นเพียงทาสบำเรอกาม ไฉนเลยจะต้องยุ่งยากถึงเพียงนี้”

“เจ้านางเพคะ แม่ย่ามาขอเข้าเฝ้าเพคะ” สิ้นเสียงของนางสนองหญิงชราเดินนำหน้าพร้อมร่างเปลือยถูกมัดมือไพล่ถูกควบคุมตัว หลังตามเข้ามาอย่างกระชั้นชิด

“นี่มันเป็นเรื่องอันใดกัน ถึงกับต้องพันธนาการท่านมุขมนตรีเช่นนี้” เจ้านางอาทิตยาตรัสถามเอาความ

“ท่านมุขมนตรีได้ก่อความผิดสถานหนัก ลักลอบคบชู้สู่ชายซึ่งเป็นการละเมิดประเพณีและกฎของเวียงกาญจน์อย่างร้ายแรง”

“เป็นเรื่องจริงรึ?”

“เพคะข้าเห็นมาด้วยสองตาและนางทาสทั้งสองก็เป็นประจักษ์พยานในเรื่องนี้ได้” หญิงชรากล่าวต่อพระพักตร์เจ้านางหันมาสอบสวนฟังความจากอีกฝ่ายที่ถูกกล่าวโทษอย่างเท่าเทียม

“เจ้ามีสิ่งอันใดจะแก้ต่างหรือไม่ อันธิกา” มุขมนตรีสาวไม่เอ่ยวจีอันใดคล้ายยอมรับข้อกล่าวโทษทุกสิ่งว่าเป็นจริงดังว่า เจ้านางถอดถอนพระทัยตรัสด้วยพระสุร เสียงอันดัง

“เอาล่ะ กฎก็ต้องเป็นตามกฎ ไม่ละเว้นโทษให้กับผู้ใดแม้บุคคลนั้นจะมียศถาสูงส่งเพียงใดก็ตามแม่ย่าโปรดจงสืบเอาความและจัดการตามแก่เห็นควรเถิด”

“เพคะ” หญิงชราสนองโองการ นำตัวร่างเปลือยขุนนางใหญ่ออกมาจากพลับพลาที่ประทับ

“ศศิ ข้าลาก่อน” หญิงที่ถูกพันธนาการ กล่าวลากับแม่หญิงงามที่นั่งอยู่ข้างเจ้านางศศิก็รู้สึกให้อาวรณ์ยิ่งนัก ด้วยเพราะความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาเก่าก่อน

“เจ้านางเพคะ ไม่มีหนทางจะลดหย่อนผ่อนปรนบ้างเลยดอกหรือเพคะมุขมนตรีที่มีทั้งฝีมือการรบพุ่งและบารมีในการปกครองเหล่าทหารหาญเยี่ยงนี้พระองค์จะไปเสาะหาทั่วทั้งเวียงกาญจน์ หม่อมฉันเกรงว่าจะหาผู้ใดเสมอเหมือนนางไม่” หญิงที่จะเข้าพิธีเสกสมรสกล่าวเป็นนัยทั้งขอร้องและให้คิดถึงการข้างหน้า

“แม้ข้าจะเป็นใหญ่ในแผ่นดินนี้แต่ก็มิอาจจะฝ่าฝืนกฎมณเฑียรบาลที่สืบทอดมาแต่บรรพชนเสียเอง กระนั้นก็ดีที่เจ้าพูดก็มิผิดเพี้ยน ข้าเองยังหนักใจด้วยต้องสูญเสียกำลังสำคัญอย่างนางไปอันธิกาแม้จะมากด้วยตัณหาราคะก็จริงอยู่แต่ฝีมือการบังคับบัญชาแลการปกครองเวียงวังข้านั้นแจ้งใจ แต่ศศิ ข้าเชื่อเวียงกาญจน์นั้นหรือจะสิ้นเสียคนดีเล่าไซร้ อันคนดีนั้นมาฝึกปรือเสียให้เก่งได้ฉันนั้นหาจึงพอจะรับมือเตรียมการไว้บ้าง ขอบน้ำใจที่เจ้าเป็นห่วงข้าจงลืมแม่นางอันธิกาเสีย แผ่นดินนี้จะยังต้องคงอยู่ไม่ว่าจะมีผู้ใดหรือไม่มี เอาล่ะเราไปสรงน้ำเล่นให้สบายอุรากันเสียเถิด” ได้สดับรับฟังรับสั่งเยี่ยงนั้นศศิก็หมดหนทางจะขอพระราชทานอภัยโทษ หญิงสาวครุ่นคิดถึงตัวเองหากวันหนึ่งวันใดในภายภาคหน้าอนาคตกาล หล่อนได้กระทำผิดสิ่งใดขึ้นมา ในฐานะชายาก็คงจะไม่สามารถรอดพ้นการลงทัณฑ์ไปเสียได้ ชีวิตในวังช่างอันตรายยิ่งนักหากเป็นไปได้ หล่อนอยากกลับไปใช้ชีวิตอยู่เสียนอกรั้ววังอย่างเก่าก่อน

ร่างเล็กเดินตามเจ้านางที่ดำเนินไปสรงน้ำก่อนหน้า ใช้ความคิดอย่างหนักกับชีวิตภายหน้าของตน

..........................................................

พนักงานรักษาความปลอดภัยมือใหม่ที่เข้ามาประจำการที่นี่วันแรกเข้ามาตรวจตราความเรียบร้อยภายในลานจอดรถที่ดัดแปลงจากพื้นที่รกร้างให้เป็นพื้นที่จอดรถตามใบเวลาเห็นรถหรูคันหนึ่งโยกไหวไปมา เข้าใจว่าน่าจะมีการงัดรถเกิดขึ้นเป็นแน่แท้เขาตัดสินใจเดินมาดู มือก็เตรียมพร้อมจะหยิบเอากระบองข้างกายมาเป็นอาวุธหากต้องมีการต่อสู้กันขึ้น

แสงจากไฟฉายสว่างจ้าสาดส่องเข้ามาภายในรถที่ติดฟิล์มดำทึบมืดมิดแต่ก็มิอาจจะหยุดยั้งกิจกรรมโยกเยกภายในระหว่างคู่หนุ่มสาวมากตัณหาได้ หากเป็นรปภ.ผู้อื่นคงเข้าใจว่าอะไรเกิดขึ้นและเดินจากไปด้วยเพราะเป็นเรื่องออกจะธรรมดาเสียด้วยซ้ำ สำหรับเหตุการณ์ตรงหน้า

แต่เด็กหนุ่มผู้นี้ไร้ซึ่งประสบการณ์ รถที่ยิ่งโยกไหวก็ยิ่งสร้างความแคลงใจให้กับมือใหม่ยิ่งเขาสืบเท้าเข้ามาประชิดรถ มือข้างหนึ่งก็สาดไฟจ้าสายตาสอดส่อง

รปภ. อ่อนด้อยเห็นเงาตะคุ่มๆสองร่าง ร่างหนึ่งเป็นหญิงสาวผมสั้นกำลังนั่งทาบทับอีกร่างซึ่งเขาเห็นไม่ถนัดถนี่และทั้งคู่ก็เหมือนทำอะไรบางอย่างกันอยู่!! เด็กหนุ่มยืนตะลึง ไฟฉายหล่นมาทับเท้าตัวเองแต่เขาก็มิได้รู้สึกเจ็บเทียบเท่าความตื่นเต้นตรงหน้า

ทันใดนั้นกระจกก็ลดลงแสงไฟอ่านหนังสือในรถก็สว่างขึ้น เผยให้เห็นอย่างชัดเจน หญิงสาวผมสั้นกำลัง...นั่งเทียนอยู่บนตัวของชายหนุ่มไร้ซึ่งยางอาย แต่กลับมีเสียงก่นด่าจากสาวเท่เล็ดลอดออกมาแทน

“ซี๊ด โอ้ย โอ้ย เอ้าไอ้น้องยืนดูอยู่นั่น อยากจะร่วมวงไพบูลย์ด้วยหรือไงซี๊ด โอ้ยๆ เห็นมั้ยว่าคนเขากำลังเอากันอยู่ ไปๆได้แล้ว”

สาวมั่นโบกมือทำท่าไล่ รปภ.คนซื่อให้ออกไปเด็กหนุ่มยิ่งตกใจเมื่อเห็นหนังสดอยู่ตรงหน้าห่างเพียงคืบ ขาแข็งก้าวไปไหนไม่ออก

ไนท์เซ็งโลก ไอ้ทึ่มนี่จะเอายังไงของมัน เธอล้วงกระเป๋าและฉวยหยิบแบงค์ได้สองใบไม่ทันจะได้เห็นหรอกว่าเป็นสีอะไร ยื่นส่งให้ออกไปนอกกระจก

“โอ้ยๆ ไปซะไอ้น้อง พี่ไม่นิยมโชว์สด กลับไปเปิดหนังโป๊ที่บ้านดูเอาแล้วกันนะไปชิ่วชิ่ว”

เมื่อเห็นว่าเป็นแบงค์สีม่วงตรงหน้า รปภ.แสนซื่อก็ยื่นมือมารับก้มหยิบไฟฉายและก้าวขาแข็งออกมาแบบงงๆ กระจกรถถูกเลื่อนปิดสนิทรถยังคงโยกโอนเอนไปมาตามจังหวะ

“เป็นบุญของไอ้ทิดโว้ย ได้ดูสาวสวยเล่นหนังสดต่อหน้า ดูดิ นมแม่..กลมดิ๊กเลยกระเพื่อมเด้งขึ้นเด้งลง โอ้ย บุญตากูจริงแถมยังมีเงินตั้งพันติดมือกลับมาอีกชีวิตรปภ.ใครว่าไม่ดีวะ สวรรค์กูเลยงานนี้”

พนักงานรักษาความปลอดภัยตะโกนลั่นเห็นทีเขาต้องมาตรวจตราให้บ่อยกว่าที่ใบเวลากำหนดเสียแล้วแถวนี้น่าจะมีของดีให้ชมฟรีกันทุกค่ำคืนเป็นแน่

คล้อยหลังไปพักใหญ่ รถหรูคันงามก็หยุดการเคลื่อนไหวร่างทะมัดแมงซบบนอกหนา

“ไนท์ตื่นเต้นจัง ดูไอ้ทึ่มนั่นสิ ป่านนี้คงกลัดมันน่าดูว่าแต่เราไปต่อกันที่ไหนดีคะผัวขา” นี่เป็นเพียง appetizer เท่านั้น ส่วน main dish ยังรอทั้งคู่อยู่ในค่ำคืนที่ยาวนาน

“ไปกันที่คอนโดคุณดีกว่านะ อย่าลืมว่าก่อนอื่นเรามีเรื่องสำคัญต้องคุยกัน” อินทัชตอบทำท่าจะลุกออกจากร่างบางที่กำลังจัดแจงเสื้อผ้าของตนให้เข้าที่

“ได้คะ ทัชอยากไปไหนไนท์จะตามใจหมดเลย เดี๋ยวให้ไนท์ขับนะคะเมื่อกี้ไนท์นั่งแท็กซี่มา ก็เพราะรู้ว่าที่รักจะไปส่ง” คนกำลังลุ่มหลงลุกพรวดออกมาที่รถบึ่งไปคอนโดของตนอย่างว่อง ในก็คิดเพ้อไปถึงเกมรักต่อไป เอามันที่ระเบียงมันเลยมั้ยสะใจดี

สันดานดิบเดิมที่มากด้วยราคะของรัตติกาล ติดตัวข้ามภพข้ามเวลามิจางหายไปเมื่อถึงหน้าคอนโดหรูย่านบางนาสาวที่มักมากในกามคุณเริ่มจู่โจมคู่นอนอีกครั้ง โดยการดูดเข้าไปที่ต้นคอแต่กลับถูกปฏิเสธ อินทัชเบนตัวหนีออกมา

“อืม เราต้องคุยเรื่องสำคัญกันก่อนจากนั้นผมจะจัดหนักกับคุณแน่คุณเมีย”

“ก็ได้ค่ะ ไนท์ก็อยากรู้ว่าจะหนักฮาร์ดคอประเภทไหน” สาวไวแสงรับคำนั่งลงตรงโซฟายาว จุดบุหรี่ Marlboro Ice Blast stamp นอกขึ้นสูบ

Marlboro เป็นบุหรี่ชื่อดังที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของโลกคำว่า Marlboro เป็น Acronym ย่อมาจาก Men Always Remember Love Because OfRomance Only: ผู้คนจดจำความรักได้เสมอเนื่องด้วยเพียงความโรแมนซ์

อินทัชเดินตามเข้ามานั่งใกล้ๆ สาวมั่นจุดอีกมวนให้คู่นอน

“คุณเมียรู้ไหมว่าอาชีพที่แท้จริงของผัวคืออะไร” ชายร่างสูงเริ่มบทสนทนาด้วยคำถามหญิงสาวได้แต่ยิ้ม ไม่ใส่ใจและไม่สนใจเรื่องราวอื่นใดนอกจากรู้เพียงว่าเรื่องเซ็กส์ของคู่นอนนั้นยอดเยี่ยม

“ผมเป็นนักล่าสมบัติขั้นเทพ”

“หือ? นักล่าสมบัติ? พูดอย่างกับตัวเองเป็นอินเดียน่าโจนส์”

“ใช่ และคุณผัวฟาดมาเรียบทั้งไทย พม่า เขมรและลาวทั้งกรุพระและของโบราณล้ำค่า คุณผัวทำส่งทั้งนั้น” ไม่พูดเปล่าอินทัชย้ำว่าไม่ได้โม้สร้างราคาคุย ด้วยการเปิดรูปถ่ายในโทรศัพท์ให้ดูมันเป็นภาพโกดังเก็บของล้ำค่ามีของนับร้อยนับพันชิ้นไล่ตั้งแต่เครื่องเงินทองโบราณ พระพุทธรูปเล็กใหญ่ อาวุธโบราณ เกราะทองคำ งาช้างและอีกสารพัน

“ว้าว เท่สุดๆเลยค่ะ” รัตติกาลสไลด์รูปไปก็ตาลุกวาวนอกเสียจากราคะที่มากล้น หล่อนยังมีโลภะจริตเป็นที่ตั้งอีกด้วย

“ไม่ใช่แค่นั้น เราจะร่ำรวยอย่างมหาศาลผมมีออร์เดอร์จากนักการเมืองผู้หนึ่ง ถ้าเอ่ยชื่อไปเป็นต้องรู้จักท่านให้ผมแกะรอยเมืองเวียงกาญจน์ที่สาบสูญ ผมได้ข้อมูลจากอาจารย์ยามาโมโต้เวียงกาญจน์ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นทองคงไม่ต้องบอกคุณเมียว่าจะมีสมบัติล้ำค่ามหาศาลเพียงใดซุกซ่อนอยู่และถ้าหากเราหาเจอ ของในภาพที่เห็นจะเป็นเด็กๆไปเลยสิ่งที่ผมอยากได้มากที่สุดตอนนี้คือคัมภีร์โบราณ ที่ตอนนี้อยู่ในมือของคนที่ชื่อดร.มาฆวรัตน์เอ่อ เก๋น่ะ ผู้ที่ร่วมเดินทางไปกับเราด้วย มันมีโค้ดลับของแผนที่เมืองซ่อนอยู่” อินทัชเล่าความอย่างละเอียดสาวมั่นเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้บ้าง

“หมายความว่า เราจะแย่งชิงคัมภีร์และบุกเวียงกาญจน์กัน”

“ไม่ ยังเร็วไปที่จะแย่งชิง และดูเหมือนไม่แนบเนียนเรามีแผนที่ดีกว่านั้น ผมกำลังจะบอกคุณเมียว่า ที่เราได้ร่วมเป็นคณะเดินทางเปรียบเหมือนประตูสวรรค์ได้เปิดทางขึ้นแล้วจากนี้ไปเราจะใช้พวกเขาเข้าใกล้พื้นที่ให้มากที่สุด จากนั้นก็ค่อยลงมือแย่งชิงและกำจัดพวกเขาทิ้ง ซึ่งมันง่ายดายมากในป่าเราที่จะสร้างหลักฐานเท็จอะไรขึ้นเพื่อเป็นการอำพราง”รัตติกาลอึ้งไปเล็กน้อย นี่เธอกำลังอยู่กับจอมปีศาจร้ายสินะพูดเรื่องฆ่าแกงคนได้อย่างเย็นใจนั่นมันรวมถึงชิออนแม่หน้ามนที่เธอหมายปองอยู่ด้วย แต่ช่างปะไร ร่ำรวยขึ้นมา จะกี่ชิออนเธอก็หาได้ไม่ยาก

“แล้วทัชจะกำจัดฝ่ายนั้นยังไง เขามีกันตั้งสี่คน”

“จะไปกลัวอะไร เราก็มีสี่เท่ากัน อย่าลืมว่าลูกหาบก็เป็นคนของคุณผัวนะ”แผนทุกอย่างถูกเตรียมมาเป็นอย่างดี ก็งานนี้มันงานช้าง

“แล้ว แล้วไนท์จะมั่นใจได้ยังไงว่าไนท์จะไม่ตกเป็นเหยื่อของคุณอีกคน” สาวมั่นเริ่มหวาดหวั่นด้วยกลัวจะถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือ พอสมประโยชน์ก็อาจฆ่าเธอหมกป่าอีกคนเป็นมั่น

“ถามได้ฉลาดมาก รัตติกาลยอดยาหยีคุณลองคิดดูว่าผมจะมาบอกเรื่องนี้กับคุณทำไม ลำพังผมคนเดียวก็เอาอยู่หรือไม่ก็หาเรื่องเอาแม่ชิออนมาเป็นเมียเสีย มันก็แสนง่ายดายที่ผมเลือกคุณก็เพราะความพิเศษในตัวคุณที่คนอื่นไม่มี และไม่ต้องห่วงครับอินทัชไม่เคยหักหลังใครก่อน” น้ำเสียงจริงจังและความสมเหตุสมผลทำให้รัตติกาลปักใจเชื่อ อย่างน้อยก็ให้ดีใจที่ปีศาจร้ายไม่คิดกำจัดเธอ

“แล้วไนท์ต้องทำอะไรบ้างคะ?”

“ไม่ต้องทำอะไรเลย ทำตัวตามสบาย ทำใจร่มๆเป็นตัวของตัวเองอย่างที่เคยเป็น เมื่อถึงเวลา คุณก็แค่เล่นตามบทที่คุณผัวบอกโอเคนะ”

“ค่ะ แต่ตอนนี้ไนท์อยากเล่นบทเมียใจแทบขาดแล้ว” สิ้นเสียง เธอก็กระชากเสื้อของปีศาจร้ายออกเผยให้เห็นหน้าอกที่มีไรขนขึ้นเต็ม หล่อนโลมเลียไปที่อกใหญ่นั้นอย่างตะกละตะกราม

“เพล้งงง!!” เสียงหลอดไฟดวงหนึ่งระเบิดขึ้นคล้ายเป็นลางเตือนภัยว่ามีผู้ที่ไม่พึงใจกับบทสนทนาดังกล่าว

รัตติกาลเพียงหันมาดูแวบหนึ่งก่อนที่จะหันมาสนใจอกกว้างๆตรงหน้าไม่มีอะไรหยุดยั้งความกำหนัดที่ลุกโชนในใจเธอได้แล้ว เช่นเดียวกับอินทัชความโลภโมโทสันทำให้เขาเลือกเส้นทางเดินชีวิตแบบนี้ เส้นทางที่หากมีใครขวางเขาผู้นั้นจะต้องมีอันเป็นไป




 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2558    
Last Update : 8 พฤษภาคม 2558 9:06:00 น.
Counter : 371 Pageviews.  

ตอนที่ 13 : Captain

หัวหน้าทีม

วังเวียงเมืองเล็กๆในหุบเขาแห่งนี้กลับมีสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมเด่นๆ ที่น่าสนใจมากมาย ตั้งแต่ล่องห่วงยาง พายเรือคายัคบนสายน้ำซอง วังเวียงยังมีถ้ำสวยงามให้เลือกชมหลายแห่งอาทิ ถ้ำจัง ถ้ำน้ำ ถ้ำช้าง และเมืองลับแลดินแดนว่างเปล่าในหุบเขาที่เคยเป็นหมู่บ้านของชาวม้งมีสายน้ำซางหรือวารีบำบัดไหลผ่าน ที่นี่จึงเป็นเหมือนสรวงสวรรค์สำหรับเธอและน้ำผึ้งเลยทีเดียว

สองสาวปรึกษากันและเลือกกิจกรรมและสถานที่เด่นๆ เพราะมีเวลาแค่ครึ่งวันเท่านั้นเช้าวันรุ่งพวกหล่อนจะมุ่งหน้าต่อไปยังหลวงพระบางทันที

น้ำผึ้งอ้อนวอนอยากพายเรือคายัคและไปชมถ้ำสักหนึ่งที่ เก๋พยักหน้าเห็นด้วยจัดแจงเปลี่ยนชุดพร้อมลุยน้ำเป็นเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นและตรงรี่ไปที่เคาน์เตอร์ขายทัวร์ทันที

ไม่ต้องรอนานเมื่อรวมรวบสมาชิกได้มากพอไกด์ท้องถิ่นก็พาสองสาวขึ้นรถสองแถวกะป้อร่วมกับฝรั่งอีกสี่คนมาที่จุดพายเรือคายัค

จุดเริ่มต้นของกิจกรรมยอดนิยมนี้ อยู่ที่บริเวณผาตั้ง การล่องเรือใช้เวลา 6 ชั่วโมงระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตรจึงจะครบเส้นทาง แต่ถ้าหากเวลาน้อยก็สามารถตัดช่วงได้เริ่มต้นจากบริเวณผาตั้ง เป็นภูเขาหินปูนตั้งเด่นกลางทุ่งนา สูงประมาณ 800 เมตรลักษณะคล้ายกระโดงปลาฉลาม

ไกด์นำทางเริ่มสาธิตการพายคายัคให้ถูกวิธีพร้อมทั้งสอนการช่วยเหลือตนเองในขณะที่เรือพลิกคว่ำ เป็นการวอร์มอัพก่อนลงเรือ และบอกจุดแวะพักต่างๆจากนั้นก็เริ่มลงเรือล่องสายน้ำซองในช่วงแรกเป็นช่วงที่น้ำไหลไม่แรงและไม่ยากจนเกินไป บางจุดที่ริมตลิ่งมีสลิงให้ห้อยโหนมีสไลเดอร์แบบฉบับของวังเวียงดึงดูดและท้าทายนักท่องเที่ยวที่รักการผจญภัยสองนารีจากเมืองไทยแวะพักเรือ กระโดดน้ำเล่นกันอย่างสุขใจทั้งวักน้ำสาดกันราวกับเป็นเด็กน้อย บริเวณใกล้ๆมีคู่ฝรั่งกำลังจูบและพรอดรักกันอย่างดูดดื่มท้าทายสายตาประชาชี จนน้ำผึ้งต้องอายแทน ส่วนนักท่องเที่ยวที่มาลำพังก็นั่งกระดกกระป๋องเบียร์อย่างผ่อนคลายดูวิถีชีวิตริมน้ำของชาววีงเวียงที่บ้างก็กำลังทอดแห บ้างก็ซักผ้าซึ่งหาดูได้ยากยิ่งสำหรับชีวิตคนเมืองเช่นเราๆ

“พี่เก๋ดูโน่นสิคะ เราไปเล่นกันนะ”

น้ำผึ้งนึกสนุกชี้มือไม้ไปที่สลิงริ่มตลิ่งที่ต้นไม้ใหญ่ท้าประลองอาจารย์สาว เก๋ลังเลอยู่พักหนึ่ง โดนสาวเชียงคานคะยั้นคะยอและท้าทาย

“ที่แท้พี่เก๋ก็ป๊อด”

มธุบิณฑ์เดินลุยน้ำมากระซิบที่ข้างหู และเดินไปที่ต้นไม้ใหญ่เก๋เกิดทิฐิมานะ ชาวกรุงอย่างเธอจะมาแพ้เด็กกะโปโลได้อย่างไรกันหล่อนเดินตามสาวรุ่นไปทันใด

“เร็วสิคะ ใครกระโดดสลิงและสไลด์เดอร์ได้ครบก่อนชนะ และถ้าพี่เก๋ชนะน้ำผึ้งจะให้หอมแก้ม”

สาวเชียงคานตะโกนท้าทายอย่างมั่นอกมั่นใจอาจารย์สาวเหมือนได้ยาโด๊ปเมื่อได้ยินรางวัลล่อใจ รีบจ้ำมาอย่างกระชั้นชิดน้ำผึ้งก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้ใครจะยอมให้เชยชมแก้มชมพูได้อย่างง่ายดายเล่า

“ตูมมม”

สาวรุ่นกระโดดสลิงลงมาก่อน อาจารย์สาวทำท่าละล้าละลัง

“ฮิฮิ โดดเลยๆ”

น้ำผึ้งร้องเชียร์ กำลังจะไปที่สไลดืเดอร์ด้านอาจารย์สาวกลัวก็กลัวอยู่หรอก แต่เมื่อนึกถึงแก้มใสๆก็กลั้นใจกระโดดลงมา

“ตูมมม”

“เร็วสิคะ น้ำผึ้งจะชนะแล้วนะ”

“...........”

มธุบิณฑ์ผิดสังเกต เมื่อเห็นว่าคู่แข่งยังไม่โผล่พ้นจากน้ำขึ้นมาหล่อนเริ่มตกใจ หรือว่า!!

“พี่เก๋!!....”

สาวรุ่นรีบกลับมางมหาคนจมน้ำด้วยใจที่เป็นห่วงกังวลยิ่งหรือว่าพี่เก๋จะเป็นตะคริว ยิ่งน้ำเย็นๆแบบนี้

ระหว่างที่ดำผุดดำว่ายอยู่นั้นเองอาจารย์สาวก็โผล่พ้นจากน้ำมาใกล้สไลด์เดอร์

“พี่อยู่นี่!!”

หล่อนตะโกนกลับมาที่คนเสียรู้ น้ำผึ้งรีบว่ายกลับมา แต่ไม่ทันการเสียแล้วเธอพ่ายแพ้แม่ชาเย็นจอมกะล่อน

“พี่เก๋ขี้โกงงงง”

คนแพ้แล้วพาลตีโพยตีพายแกล้งโวยวายไปอย่างนั้นเพราะรู้ชะตากรรมแก้มใสๆของตนดี

“ไม่ต้องมาเนียนเลยแม่ตัวดี มามะ ไหนน้า ใครบอกจะให้เราหอมแก้มคริคริ”

จนแต้ม จนมุม เก๋เดินเข้ามาใกล้ น้ำผึ้งเอียงหน้าหนีแต่ไม่ทันเสียแล้วสาวเมืองกรุงจู่โจมเข้าอย่างรวดเร็วรวบเอวบางมากอดไว้

น้ำผึ้งหาทางรอด

“เอา...เอาตรงนี้เลยเหรอคะ น้ำผึ้ง...อายเค้านะ”

“อือ คนแพ้แล้วยังจะมาโยกโย้ต่อรองอีก”

อาจารย์สาวทำเป็นกล้า เธอเองก็อายใช่น้อยอยู่เสียเมื่อไหร่กันแต่ทำเก็กกลัวเสียฟอร์ม

“ขอเป็นที่โรงแรมได้มั้ย นะคะ นะนะ”

น้ำเสียงและท่าทางออดอ้อนในอ้อมกอดทำให้คนชนะได้ทีขี่แพะไล่

“ก็ได้ แต่ต้องเปลี่ยนเป็นจูบ”

คนเจ้าเล่ห์เพิ่มข้อต่อรองเข้าไปเอาประโยชน์เข้าตัว

“จูบ? โอ้ยพี่เก๋อ่ะ”

สาวรุ่นม้วนหน้าหนีแต่จะหนีได้อย่างไร มือปลาหมึกเกาะแน่นซะขนาด

“หรือว่าจะให้พี่ทำมากกว่านั้นคะ”

การรุกไล่ยังคงต่อเนื่อง เก๋ทำเสียงเข้มขู่ขวัญ ได้ผลสาวเชียงคานจำใจรับคำส่งๆให้พ้นตัวไปก่อน

“เอาค่ะๆ จูบก็จูบ แต่ตอนนี้ปล่อยน้ำผึ้งเถอะนะคะ พลีสสส”

เมื่อได้ในสิ่งที่พอใจ อาจารย์สาวก็ละอ้อมแขนจากเอวบางแต่ไม่วายขู่สำทับ

“ถ้าคืนนี้ตุกติกล่ะก็ แม่จะจับแก้ผ้าเลยเชียว เอาล่ะ ไปกันต่อเถอะเดี๋ยวจะค่ำมืดเอา”

เก๋จูงมือสาวรุ่นกลับไปที่เรือ สองสาวพายเรือกันจนฉ่ำอุราและล่องตามลำน้ำมาจนถึงบริเวณถ้ำช้าง การมาพายคายัคล่องแม่น้ำซองจึงเป็นกิจกรรมแบบ 2 อิน 1ที่จะได้สนุกสนานกับการพายเรือและแวะเที่ยวชมถ้ำไปด้วย หลังจากสนุกสนานกันเต็มที่แล้วก็ถึงเวลากลับโรงแรม ซึ่งก็เป็นช่วงพลบค่ำพอดี

...............................

ในขณะที่เพื่อนรักกำลังมีความสุขสำราญใจกับแม่สาวเชียงคานที่วังเวียงเมืองแห่งขุนเขาและสายน้ำนั้นเอง

ในวันเดียวกันที่กรุงเทพฯช่วงสาย รัตติกาลก็มารับ ชนารดีตามเวลานัดหมายวันนี้ทั้งคู่มีนัดกับอาจารย์ยามาโมโต้เพื่อสรุปภารกิจและอาจารย์จะแนะนำลูกศิษย์ก้นกุฏิคนหนึ่งให้ร่วมเป็นคณะเดินทางแทนอาจารย์ด้วยสองสาวมายังล็อบบี้โรงแรมที่ปรมาจารย์ชาวญี่ปุ่นนั่งรออยู่ก่อนหน้าแล้วพร้อมกับชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดสูทสีดำซึ่งนั่งหันหลังให้กับสองนารี

“โอะฮาโย โกไซอิมัส”

ชิออนกล่าวทักทายเป็นภาษาญี่ปุ่นและยกมือไหว้งามๆ อาจารย์ยามาโมโต้ลุกขึ้นต้อนรับ รัตติกาลก็ยกมือไหว้เช่นกัน ชายร่างสูงในชุดสูทลุกขึ้นอย่างทะมัดทะแมงหันมาทางแขกของอาจารย์

“สะหวัดดีครั้บ อ่า นี่คือ อินตั๊ช ลูกศิษย์ของอาจารย์เองวันนี้เชิญมาทำความรู้จักกันไว้ เพราะต้องร่วมเดินทางไปด้วยกัน”

สำเนียงญี่ปุ่นกล่าวแนะนำลูกศิษย์ที่เกริ่นเอาไว้ก่อนหน้าอย่างเป็นทางการ

“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จัก คุณชนารดีและคุณรัตติกาล” ชายร่างสูงกล่าวทักทายเสียงเรียบตรงกันข้ามกับรัตติกาลสิ้นเชิง

ทั้งหมดนั่งลงประจำที่ แต่ไนท์กลับยืนนิ่ง หน้าถอดสี เธอตกใจสุดขีดเมื่อชายหนุ่มที่ยามาโมโต้แนะนำ เป็นคนๆเดียวกับที่หล่อนนอนด้วยเมื่อคืน!!

หญิงสาวทำตัวไม่ถูกแต่เมื่อเห็นคู่นอนทำเป็นทองไม่รู้ร้อน หล่อนก็ต้องปกปิดความลับนี้เอาไว้เช่นกัน

แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นคาสโนวี่ตัวแม่แต่เจอสถานการณ์คับขันแบบนี้ เธอต้องขอไปตั้งหลักก่อน

“อาจารย์คะ คุยกับชิออนไปก่อนนะคะ หนูขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่ค่ะเดี๋ยวมานะคะชิออน”

ไนท์พูดเสียงสั่น เก็บอาการไม่ค่อยจะอยู่ รีบเดินออกมาให้พ้นสายตา

“ฟู่ฟฟฟ”

ไนท์เป่าปากโล่งอกที่ความยังไม่แตก และก็ยังโชคดีที่ ชิออนไม่ทันได้สังเกตอะไรส่วนคนที่ชื่ออินทัช ศิษย์เอกอะไรนี่ดูท่าทางจะเก๋าพอตัว

‘ดูแววตาวาวโรจน์นั่นสิ เดาใจไม่ถูกเลย ทริปนี้ท่าทางจะไม่สนุกแล้ว’

สาวมั่นเริ่มหวาดหวั่นเดินเข้าห้องน้ำไปทำใจและปรับสีหน้าแววตาให้เป็นปกติที่สุด

หลังจากมั่นใจว่าทุกอย่างโอเคและเตรียมคำแก้ต่างไว้หากหนุ่มคนนั้นเกิดโพล่งขึ้นมารัตติกาลก็เดินออกมาจากห้องน้ำแต่ต้องตกใจเป็นเท่าทวีคูณ

คู่นอนคนเมื่อคืน ยืนดักเธออยู่ตรงหน้าห้องน้ำนั่นเองสาวมั่นชะงักไปนิดหนึ่ง แต่ก็ต้องรับความจริง ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะหนีเพราะเรามันก็แค่สนุกเป็นครั้งคราวส่วนตัวจริงของเธอจะไม่ปล่อยให้หลุดลอยเป็นอันขาดทั้งอาจารย์ยามาโมโต้ที่จะช่วยเหลือเรื่องวิทยานิพนธ์นั่นอีก

รัตติกาลเดินสวนผ่านชายหนุ่มออกมาโดยไม่พูดแม้เพียงคำน้อย ไม่ทันได้พ้นรัศมีของวงแขนอินทัชก็คว้าสาวผมสั้นมากอดไว้

“เดี๋ยวสิครับ ไม่คิดจะทักทายผัวหน่อยหรือ”

ชายหนุ่มเริ่มบทสนทนาอันหยาบโลนรัตติกาลเดาไม่ออกเลยว่าเขาจะมากระบวนท่าไหน

“จะเอาอะไรก็บอกมาตรงๆ ฉันไม่มีเวลาเล่นสำนวนกับคุณ”

เธอทำได้เพียงพูดเสียงขุ่นๆ

“จุ๊ๆ ไม่ต้องตกใจไป ผมเข้าใจคุณดี รัตติกาล เราทุกคนต่างมีเป้าหมายผมหมายถึง จะรังเกียจไหมถ้าเราจะเป็นทีมเดียวกัน”

คำพูดที่ฟังดูดี แต่เต็มเปี่ยมด้วยนัยยะมากล้น

“ทีม?”

ไนท์ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่อินทัชสื่อความ จ้องมองไปที่แววตาวาวโรจน์ตั้งคำถามสารพัน

“เรื่องมันยาวนะ ยาวเหมือนของผม เอาไว้คืนนี้เราค่อยคุยกัน ที่เดิมตอนนี้เราต่างก็เล่นไปตามบท เอาล่ะ ออกมานานแล้วเดี๋ยวจะผิดสังเกตเชิญคุณเมียไปก่อน เดี๋ยวผมจะตามกลับเข้าไป”

ชายหนุ่มพูดติดเรทและเดินเข้าไปในห้องน้ำ ทิ้งปริศนาให้รัตติกาลขบคิดทีม? เป้าหมาย?

สาวมั่นเดินกลับมาที่ล็อบบี้และเห็นว่าชิออนกำลังนั่งดูแผนที่กับยามาโมโต้และปรึกษาหาความกันอยู่อารมณ์และสีหน้าของหล่อนเริ่มเข้าที่เข้าทาง สักพักอินทัชก็ตามกลับเข้ามา

ทั้งหมดสรุปความกันได้ว่าหากจะนำรถไปน่านจะเป็นการลำบากในการข้ามแดนและเสียเวลา สู้ยอมอ้อมโดยเข้าลาวผ่านทางเชียงของซึ่งมีด่านผ่านแดนถาวรน่าจะสะดวกกว่า

นอกจากนี้อินทัชยังมีอาเป็นพ่อเลี้ยง ผู้กว้างขวางในแถบนั้นด้วยแน่นอนการเข้าป่าเข้าพงจำเป็นต้องมีปืนเป็นอาวุธสำหรับป้องกันตัวซึ่งพ่อเลี้ยงจะจัดหาและตระเตรียมไว้ให้ ส่วนอุปกรณ์เดินป่าและรถ ชิออนจะเป็นผู้รับผิดชอบ

คณะเดินทางทั้งหมดจะมี แปดคนคือ ชิออน เก๋ น้ำผึ้ง ไนท์ อินทัชและลูกหาบอีกสองคนซึ่งอินทัชจะเป็นฝ่ายจัดหาไว้ให้

จากนั้นจะออกเดินทาง โดยใช้รถโฟร์วีลไดร์ฟสมรรถนะสูงสองคันแบ่งออกเป็นคันละสี่คน เมื่อข้ามแดนไปยังฝั่งลาวก็จะขับรถตามเส้นทางหลัก ไปให้ใกล้กับบริเวณที่คาดว่าจะเป็นเมืองเชียงกาญจน์เก่าให้มากที่สุดจนเมื่อรถเข้าไปไม่ถึง ทั้งแปดชีวิตจะต้องเดินเท้าซึ่งพรานบุญจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำทางคณะทั้งหมดไปให้ถึงจุดหมาย

“ค่ะ ตามนี้ ถ้าเจอตัวพรานบุญและลงมากรุงเทพฯเมื่อไหร่เราก็จะออกเดินทางกันทันที วันนี้ไม่รบกวนอาจารย์แล้ว ชิออนขอบคุณอาจารย์มากนะคะสำหรับคำแนะนำและเอกสารเพิ่มเติม ส่วนคุณอินทัช ชิออนต้องขอฝากเนื้อฝากตัวไว้ด้วยเป็นผู้ชายคนเดียวในทีมต้องดูแลสาวๆตั้งสี่คนอย่าว่าอย่างงั้นอย่างนี้เลยนะคะถ้าชิออนจะยกให้คุณเป็นหัวหน้าคณะของเรา”

“ถือเป็นเกีรยติอย่างสูงครับและไม่ต้องเป็นห่วงผมจะทำให้สุดความสามารถ สมกับที่อาจารย์ยามาโมโต้ให้ความไว้วางใจเสมอมา”

สิ้นเสียงของชายหนุ่ม ไฟของโรงแรมก็ดับลง

ชิออนรู้ได้ทันทีว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอนมันเป็นสัญญาณเตือนบางอย่าง และบางอย่างที่ว่าไม่น่าจะเป็นนิมิตหมายที่ดี

ชนารดี ร่ำลาอาจารย์อาวุโสและศิษย์โปรด เดินออกมาพร้อมสารถีส่วนตัวซึ่งไม่ได้แสดงพิรุธใดๆออกมา เมื่อถึงลานจอดรถชิออนก็ชวนเพื่อนใหม่ไปเดินดูอุปกรณ์เดินป่าที่ร้านจำหน่ายอุปกรณ์แคมป์ปิ้งแห่งหนึ่งมีหรือที่จอมเจ้าชู้จะปฏิเสธ แถมยังแข็งขันอาสาเต็มที่

เมื่อถึงร้านอุปกรณ์เดินป่าขนาดใหญ่สี่คูหาเจ้าของร้านเข้ามาให้การตอนรับและให้ความรู้เป็นอย่างดีเมื่อทราบถึงวัตถุประสงค์และรายการสิ่งของที่ชนารดีต้องการ เจ้าของร้านก็นำมาเสนอและให้ลูกครึ่งสาวเลือกทีละอย่างๆ

“ที่ร้านของเราให้การบริการแบบครบวงจรครับ มีทั้งของที่ผลิตในประเทศและสินค้านำเข้าที่นักผจญภัยระดับโลกเขาใช้กัน แบบเดียวกับที่ร้านหลังกระทรวง(มหาดไทย) และตาม เวบไซด์ขายกันแต่ที่นี่เราทำแบบ วันสต๊อบเซอร์วิสลูกค้ามาที่ร้านเราได้ของครบครันไม่ต้องไปเสียเวลาหาที่อื่นอีกที่สำคัญเราสาธิตวิธีการใช้ให้ทุกขั้นตอน บริการหลังการขายดีเยี่ยมและราคาตามคุณภาพครับ”

ชายหนุ่มโฆษณาเสียยืดยาว พาสองสาวมาดูที่เต็นท์เป็นอันดับแรก

“อุปกรณ์แคมปิ้งและเดินป่า จะแบ่งเป็นหลายหมวดครับ เริ่มตั้งแต่เครื่องนอน เครื่องแต่งกาย อุปกรณ์ช่วยชีวิต อุปกรณ์นำทางเครื่องมือใช้สอยที่จำเป็น ผมพาคุณผู้หญิงทั้งสองมาเลือกเต็นท์ก่อนเห็นว่าต้องการสองหลังใหญ่ใช่ไหมครับ”

ชิออนพยักหน้าและยิ้มสวย

“เต็นท์เปรียบเสมือนเป็นบ้านของเราครับ เต็นท์ที่ดีทำให้เรานอนหลับได้อบอุ่นสบายใจ โดยปราศจากการรบกวนจากยุง แมลงสัตว์เลื้อยคลานบางชนิด และกันแดดกันฝน อีนที่ผมจะแนะนำมีน้ำหนักเบา ผลิตจากผ้าไนล่อนสามารถป้องกันฝนได้ 100% แน่นอนครับ แต่เต็นท์ประเภทนี้มีข้อเสียอยู่นิดหน่อยคืออาจจะรู้สึกไม่สบายตัวอยู่บ้างหากเป็นคืนที่มีอากาศร้อนอบอ้าว”

“แล้วมีแบบที่นอนสบายหน่อยไหมคะ”

รัตติกาลเสนอความคิดเห็นออกมาบ้าง ก็หล่อนมันคนขี้ร้อน เจ้าของร้านยิ้มอารีและตอบกลับไป

“มีครับ ที่ด้านซ้ายมือนี่ครับ”

ชายหนุ่มพาลูกค้าสาวสวยทั้งสอง เดินมาที่อีกฝั่งและอธิบายเพิ่มเติม

“เพราะอากาศบ้านเราค่อนข้างร้อน ผู้ผลิตเต็นท์เข้าใจดีเลยตอบโจทย์นี้เรียบร้อยแม้ว่าจะไม่สามารถกันน้ำกันฝนได้ 100% แต่ว่าจะมีผ้าคลุมเต็นท์ หรือที่ฝรั่งรียกกันว่าFly Sheet อีกชั้นหนึ่งเพื่อช่วยป้องกันน้ำค้างและน้ำฝนได้100% ครับ”

“แล้วนายห้างมีวิธีกางเต็นท์แบบง่ายๆไหมคะคือว่าคนที่เดินทางไปส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงน่ะค่ะ เรื่องตอกสมงสมออะไรนั่นคงไม่ถนัด”

ชิออนออกตัว เจ้าของร้านยิ้มกว้างเช่นเคย

“อ๋อ คุณผู้หญิงไม่ต้องห่วงครับ ทางเราได้แถมซีดีสาธิตการกางและเก็บรวมถึงวิธีดูแลรักษาไปให้ด้วย หรือจะเข้าไปดูในยูทูบก็ได้ครับเสริ์ชคำว่าวิธีการกางเต็นท์ก็ขึ้นมาให้ดูเป็นร้อยๆคลิป”

ไนท์เดินมาจับเต็นท์คล้ายสงสัยไม่เชื่อคำ คนขายก็พูดสำทับความคิดตน

“เต็นท์ของเราใช้ง่ายครับ ผู้หญิงก็กางได้ ไม่กี่นาทีก็เสร็จแล้วส่วนสมอบกจำเป็นต้องใช้ครับเพื่อช่วยให้เต็นท์มั่นคง”

“โอเคค่ะ งั้นเอาแบบนี้สองหลังค่ะ สีแดงและเขียวค่ะ เอนายห้างคะ มีเต็นท์แล้วจำเป็นต้องมีถุงนอนด้วยไหมคะ”

ชิออนไม่มั่นใจ เพราะการซื้อเผื่อไว้เป็นเรื่องดีก็จริงแต่ว่าการแบกสิ่งของที่ไม่จำเป็นมากๆเดินเท้าเข้าไพรก็เป็นภาระอันหนักหนาได้เหมือนกัน

“มันคนละวัตถุประสงค์กันครับ เมื่อสักครู่ผมเปรียบไว้ว่าเต็นท์ก็คือบ้านส่วนถุงนอนก็เปรียบเสมือนเป็นผ้าห่มที่ ให้ความอบอุ่นได้ดีกว่าถุงนอนมีขนาดกระทัดรัด น้ำหนักเบาครับแต่ละคนสามารถใส่เป้ส่วนตัวได้เลย ในถุงนอนของเราจะบรรจุใยสังเคราะห์โพลีเอสเตอร์ที่มีความเหนียวแน่นทนทาน ไม่เปื่อยง่าย ไม่มีการเสื่อมของเส้นใยและเป็นฉนวนเก็บความร้อนที่ไม่ถ่ายเทออกไป จึงให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายได้ดีครับ”

เจ้าของร้านให้ความรู้อย่างเต็มใจส่วนชิออนก็พยักหน้าที่ข้อสงสัยกระจ่างชัด

“ค่ะ งั้นเอาแปดชุดแปดสีเลยนะคะ จะได้ไม่ซ้ำกัน”เจ้าของร้านส่งสัญญาณให้ลูกน้องจดออร์เดอร์และพาลูกค้ารายใหญ่เดินมาเลือกของชิ้นต่อไป

“คุณผู้หญิงสนใจจะรับเป้ด้วยไหมครับ”

“ความจริงก็มีกันอยู่บ้างแล้ว แต่ก็ต้องดูเผื่อคนที่ไม่มีด้วยค่ะมีแบบไหนแนะนำบ้างคะ”

เรื่องเป้สะพายหลังนั้นชิออนเชี่ยวชาญเป็นอย่างดี ก็หล่อนมันนักแบกเป้เดินทางไปมาแล้วค่อนโลก ที่ถามก็เผื่อแม่สาวมั่นตรงหน้าเพราะหล่อนรู้ดีว่าเจ้าหล่อนไม่มีของพรรค์นี้แน่ๆ

“ครับ เป้ที่ดีจะต้องผลิตจากเนื้อผ้าที่มีความแข็งแรงทนทาน แผ่นรองหลังให้มีความนุ่มสบายและระบายอากาศได้ดีมีตัวปรับสายสะพายไหล่ สายรัดอก สายรัดเอว และสายรั้งเป้ ให้กระชับกับสรีระร่างกายตัวล็อคจะต้องมีความหนานุ่ม เพื่อป้องกันการเจ็บเมื่อต้องแบกเป้นานๆ มีโครงเพื่อช่วยการกระจายน้ำหนักไปทั่วแผ่นหลัง และลูกค้าสามารถเลือกแบบที่มีฟังก์ชั่นเสริมอื่นๆเพื่อประโยชน์ใช้สอยครับแบบของเราก็มีเช่น กระเป๋าเล็ก/ใหญ่ทั้งด้านหน้าและด้านข้างแถบสะท้อนแสงที่ทำให้เห็นเด่นสะดุดตาในเวลาค่ำคืน หูจับสายสะพายไหล่เพื่อช่วยรั้งเป้ให้กระชับกับร่างกายขณะเดินครับ”

ชิออนมองมาที่รัตติกาล เป็นทำนองว่าให้เลือกตามใจชอบของแบบนี้มันอยู่ที่รสนิยมของแต่ละบุคคลด้วยนอกเหนือจากประโยชน์ใช้สอย

ไม่นานไนท์ก็เลือกได้ใบหนึ่ง เป็นเป้ขนาดกลางที่มีโครงทำจากผ้าไนล่อน และมีผ้าคลุมเป้ป้องกันฝนสีสันสดใสตามสไตล์ ส่วนลูกครึ่งสาวเลือกอีกแบบหนึ่งเป็นเป้ขนาดกลางเหมือนกันเธอเตรียมไว้ให้น้ำผึ้ง

“ถัดมาเป็นเครื่องแต่งกายครับ”

สองสาวสบตากัน เข้าใจและต้องการตรงกันว่าขอบายรายการนี้ชิออนตอบเจ้าของร้านออกไป

“ไม่เป็นไรค่ะ ขอดูแค่รองเท้าก็พอค่ะ”

“ได้ครับ ร้านเรามีรองเท้าที่ออกแบบมาพิเศษสำหรับการเดินป่าโดยเฉพาะ การเดินทางยาวไกลการแบกเป้น้ำหนักมาก การเดินไปบนเส้นทางที่ยากลำบาก รองเท้า พวกนี้จึง มีโครงสร้างแข็งแรงที่สามารถรองรับและป้องกันเท้าของนักเดินทางไม่ให้เกิดการบาดเจ็บ สวมใส่สบายแม้จะต้องเดินในเส้นทางยาวไกลในวันที่ยาวนานติดต่อกันหลายๆวันกันน้ำแต่ขณะเดียวกันก็ถ่ายเทอากาศได้ดีเพื่อลดการอับชื้น มีพื้นที่แข็งแรงและสามารถยึดเกาะพื้นผิวทุกรูปแบบที่จะแนะนำมี 2 แบรนด์นะครับ The North Face กับ Asolo เป็นระดับโลกทั้งคู่ แล้วแต่ชอบเลยครับ”

“ว้าว สวยจังค่ะ เลือกไม่ถูกอ่ะค่ะขอเหมาทั้งสองยี่ห้อเลยได้มั้ยคะ”

ชิออนตาลุกวาวเมื่อเห็นรองเท้าของชอบตรงรี่มาลองรองเท้าเหมือนเด็กเห็นของเล่นถูกใจนอกจากประโยชน์ใช้สอยที่มากมายมันยังมากับความเท่ไม่เหมือนใครอีกด้วยลูกครึ่งสาวคุ้นเคยกับรองเท้าพวกนี้ดีเช่นกัน เพราะญี่ปุ่นนั้นขึ้นชื่อลือชาเรื่องรองเท้าแปลกๆอยู่แล้วเธอตัดสินใจเลือกหุ้มข้อของ Asolo สีม่วงและ แบบสปอร์ตนิดๆของ The North Face สีฟ้าและเลือกแบบเดียวกันแต่คนละสีให้เพื่อนรักกับน้ำผึ้งของคู่นั้นเขาต้องสีม่วงเอาเหมือนกันเลย น่ารักดี

ด้านสาวมั่นยังเลือกไม่ถูกสวมเข้าสวมออกอยู่นั่น จน ชิออนต้องเข้ามาช่วย

“คู่นี้ดีไหมคะ เหมาะกับไนท์มั่กมาก”

ชนารดีเลือกบู๊ทสีดำของ The North Face ยาวเกือบครึ่งแข้ง รัตติกาลลองสวมดูมันเข้ากับเธอจริงๆ ยิ่งเพิ่มความเก๋ไก๋ราวกับป็นนางแบบไปเดินในพงไพร

หลังจากเพลิดเพลินกับการเลือกของอยู่ที่ร้านนี้ราวสองชั่วโมงชนารดีกับรัตติกาลก็ได้อุปกรณ์ครบครันดังที่เจ้าของร้านคุยโตเอาไว้

อุปกรณ์ที่ว่าก็มี กล้องส่องทางไกลเลนส์ MULTI COATED กันน้ำ ถุงมือถุงเท้ากันทาก ขวดกรองน้ำ ขวดน้ำพับได้ ตะเกียงแก๊สแก๊สกระป๋อง หัวพ่นไฟ ไฟฉายคาดหัว ไฟฉายซันไลท์ ชุดอุปกรณ์โรยตัวเข็มทิศ แท่งจุดไฟฉุกเฉินแบบพกพาที่ทนน้ำ และควมชื้น ไฟแช็คกันน้ำ อุปกรณ์ฉุกเฉิน ที่เป็นทั้ง ที่ทุบกระจก และตัดสายเบลท์ ชุดสำรองไฟ และแผงโซลาร์เซล เลื่อยโซ่สำหรับตัดไม้ขนาดพกพา ที่สามารถตัดไม้ขนาดใหญ่ได้นกหวีดที่เป่าได้แม้แต่ใต้น้ำ มีดอเนกประสงค์ ขวาน พลั่วพับได้สเปรย์กันแมลง ชุดยาขดลวดต้มน้ำ ถุงอาบน้ำร้อน ผ้าเช็ดตัวแห้งเร็ว กระจกส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือและเชือก

“โหชิออนเปิดร้านแข่งกับเฮียได้เลยนะเนี่ย” รัตติกาลไม่เชื่อสายตาจะไปป่ากันทั้งทีมันต้องเคตรียมการถึงขนาดนี้เลยหรือ

“ค่ะ นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเรายังต้องเตรียมรถ และเสบียงพวกอาหารแห้งอีก ไปค่ะ กลับกันดีกว่าท่าทางนายห้างจะเหนื่อยน่าดู เดี๋ยวชิออนจะส่งแผนที่ที่จะให้ไปส่งของทางไลน์นะคะ”

“โอเคครับคุณผู้หญิงทางเราจะบริการจัดส่งไปให้นะครับ ขอบคุณมากครับที่ไว้วางใจเราขาดเหลืออะไรก็ไลน์มาถามได้นะครับ ผมยินดีบริการเต็มที่”

เจ้าของร้านยิ้มแก้มปริยกมือไหว้ขอบคุณเพราะลูกค้ารายใหญ่เหมาไปแทบหมดร้าน

สองสาวขึ้นรถไนท์เหลือบมองนาฬิกาเห็นว่ายังพอมีเวลาสำหรับมื้อเย็นสักหน่อยก่อนที่หล่อนจะมีนัดกับอินทัชคู่นอนผู้ซึ่งอ้างว่ามีเรื่องระดับท็อปซีเคร็ทจะคุยกับเธอไม่ถามคนที่นั่งมาด้วยว่าเต็มใจหรือไม่รัตติกาลเลี้ยวรถเข้าไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ด้านชิออนก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะหล่อนเองก็รู้สึกหิวเหมือนกัน สองสาวสั่งอาหารมาทานกันแบบง่ายๆ

ชิออนสังเกตว่า รัตติกาลดูจะไม่ค่อยมีสมาธิกับเธอเท่าไหร่นักถามอพไรไปก็ไม่ค่อยมีปฏิกิริยาตอบสนอง แต่ก็มิได้ไถ่ถามอะไรเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน หล่อนก็ขี้เกียจจะมานั่งฟังสาวมั่นพูดจาแทะโลม และหาโอกาสคอยจะงาบทุกครั้งคราวไปหลังจากอิ่มเรียบร้อยไนท์ก็มาส่งชิออนที่บ้านและวันนี้ ลูกครึ่งสาวก็ให้โล่งใจเมื่อสาวมั่นไม่ได้ขอดื่มกาแฟเช่นวันวาน

สมาธิของเธอไปอยู่ที่อินทัชจนสิ้นรัตติกาลรีบบึ่งรถไปที่นัดหมาย




 

Create Date : 04 พฤษภาคม 2558    
Last Update : 4 พฤษภาคม 2558 11:53:56 น.
Counter : 384 Pageviews.  

ตอนที่ 12 : Exile


เนรเทศ

ที่โรงแรมที่พักในเวียงจันทน์น้ำผึ้งเปิดโทรทัศน์นั่งดูละครอยู่บนเตียงซึ่งสามารถรับช่องจากเมืองไทยได้หลายช่อง ส่วนเก๋ลิ้มลองรสชาติของเบยลาวและข้าวก่ำใบหน้าขาวเปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อตามปริมาณแอลกอฮอล์ที่เพิ่มขึ้น

อาจารย์สาวนึกครึ้มอกครึ้มใจก่อนจะแกล้งทำเป็นเนียน แอ๊บว่าเมา เริ่มปฏิบัติการค้นใจด้วยการลุกขึ้นพร้อมแก้วเหล้าข้าวก่ำเดินมานั่งเข้าใกล้ๆสาวหน้ามน

“เอาสักหน่อยมั้ยคะรสชาติดีทีเดียวนะ”

อาจารย์สาวยื่นแก้วให้ น้ำผึ้งหันเหความสนใจจากหน้าจอมาเป็นมองที่หน้าแดงๆของนายจ้าง

“ไม่ดีกว่าค่ะน้ำผึ้งยังเด็กอยู่ กินเหล้าแล้วเดี๋ยวแก่เร็ว”

สาวรุ่นปฏิเสธพร้อมให้เหตุผลแต่คนข้างๆสวมวิญญาณมวยบู๊สู้ไม่ถอย

“หือไปได้ยินเรื่องแบบนี้มาจากไหนกัน”

แววตาเชื่อมทำให้สาวน้อยเชื่อหมดใจว่าเมาแล้วน้ำผึ้งหรี่เสียงทีวีให้เบาลง และหันมาปรามคนที่แก่กว่า

“พี่เก๋พอแล้วดีกว่ามั้งคะพรุ่งนี้ต้องขับรถนะ”

มาฆวรัตน์กระดกแก้วจนหมด ทำทีเป็นโอนเอน จะพิงกายมาที่ตักนุ่มๆ แต่สาวรุ่นรู้ทันขยับร่างหนี

“วืดดดด”

อาจารย์สาวจึงได้แต่จั่วลม ล้มตัวลงนอนอยู่บนเตียง

แป่วววคิดจะล่วงล้ำอธิปไตยสาวเชียงคานนี่ไม่ง่ายเลยเก๋พูดตัดพ้อ

“ไอ้เรารึก็นึกว่าห่วงที่แท้ก็เป็นห่วงตัวเอง กลัวว่าเค้าจะพาไปไม่ถึงใช่มั้ย”

“ก็ห่วงสิค้าถึงได้ห้ามไงเล่า ไม่เอาแล้ว พี่เก๋เมา คุยกันไม่รู้เรื่องแล้วน้ำผึ้งจะไปอาบน้ำดีกว่า ห้าวว”

สาวเชียงคานทำเป็นหาวหวอดอ้าปากกว้างจะลุกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำดังว่า แต่กลับทำได้แค่ตั้งใจ

“ว้าย!! พี่เก๋”

ร่างบางถูกฉุดลงมานอนแนบกายคนกรุงเจ้าเล่ห์เก๋รีบฉวยนาทีทองทาบทับบนตัวคนชอบรู้ทัน

“พ...พี่เก๋จะทำอะไรคะ พี่เก๋เมาแล้วนะ”

สาวรุ่นพูดเสียงสั่นพยายามดิ้นรนให้หลุดออกจากร่างอุ่นที่อยู่บนตัวเธอแต่ยิ่งดิ้นก็เหมือนร่างกายจะสัมผัสกันใกล้ชิดเนื้อแนบเนื้ออะไรๆบนร่างกายสาวต่างเบียดเสียดกัน ยิ่งสร้างความหวั่นไหวในใจสาวน้อยให้ยิ่งสะท้านทรวง

“พี่เก๋ปล่อยน้ำผึ้งเถอะนะคะ”

สาวเชียงคานยังคงดิ้นรนต่อเนื่องด้วยแรงทั้งหมดที่มีเหลือหวังให้หลุดพ้น แต่แม่เสือที่ตะปปเหยื่อเอาไว้ได้แล้วมีหรือที่จะปล่อยเข้าป่าให้หลุดรอดไปได้

จากเดิมที่เพียงต้องการแกล้งหยอกเย้าแต่เมื่อเนื้อกายกอดก่ายกันเยี่ยงนี้ อารมณ์ราคะที่รุ่มร้อนจึงควบคุมไว้ได้ยากเย็นน้ำผึ้งหยุดขยับเขยื้อนกายด้วยหมดแรงสู้ และคล้ายๆจะโอนอ่อนผ่อนตามโดยอัตโนมัติ

สองสาวค้างคาอยู่ในท่าทางนี้ยาวนานต่างไม่เอ่ยวจีอันใด นอกเสียจากเสียงลมหายใจถี่และแรงของทั้งคู่ สองสายตาสอดประสานกันสัมผัสถึงความรู้สึกเบื้องลึกจริงใจที่มีให้กันและกัน

เกินจะห้ามแล้วหัวใจกับความน่ารักสดใสตรงหน้าเก๋ยื่นหน้าเตรียมบรรจงจุมพิตริมฝีปากเข้าที่แก้มชมพูป่องๆ ของสาวรุ่นหวังเชยชมให้สมอารมณ์หมาย น้ำผึ้งใจเต้นระรัวเป็นกลองสะบัดชัย หลับตาพริ้ม แต่แล้ว...

“ก๊อกก๊อก ก๊อก”

“ก๊อกก๊อก ก๊อก”

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นเบี่ยงเบนความสนใจของทั้งคู่ สาวน้อยเรียกสติกลับมาและไวเท่าความคิดรีบฉวยจังหวะดันตัวอาจารย์สาวออกไปให้พ้นการทาบทับ

สำเร็จเธอดิ้นหลุดจากนางเสือได้ วิ่งรี่ไปที่ห้องน้ำ ล็อคกลอนประตูอย่างแน่นหนา

เก๋คว้าน้ำเหลวอีกคำรบแสนเสียดาย จะได้จูจุ๊บแม่เนื้อนวลอยู่รอมร่อใครกันนะช่างพิเรนทร์มาขัดจังหวะรักจังหวะเลิฟ

“ก๊อกก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครา

เก๋ลุกพรวดมาที่ประตูส่องที่ตาแมวและเห็นว่าพนักงานชายคนหนึ่งถืออาหารมาหนึ่งถาด มาฆวรัตน์เกาหัวแกรกๆ ผิดหวังเสียเต็มประดาที่พลาดจังหวะสำคัญเปิดประตูออกไปอย่างเสียมิได้

“น้องส่งผิดห้องแล้วนะคะพี่ไม่ได้สั่ง”

เสียงขุ่นๆเป็นเชิงตำหนิพนักงานหยิบดูใบออร์เดอร์อีกรอบแล้วจึงยิ้มจ๋อยๆ ขอโทษขอโพยเป็นภาษาลาวเก๋โบกไม้โบกมือให้รีบๆไป ปิดประตูและเดินมายืนใช้ความคิดอยู่ที่หน้าห้องน้ำ

“น้ำผึ้งคะเปิดประตูเถอะนะ พี่ปวดฉี่”

“......”

ไร้ซึ่งการตอบสนองอาจารย์สาวงัดไม้ตาย แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นฝ่ายไหนกันแน่

“ก็ตามใจจะนอนอยู่ในห้องน้ำทั้งคืนพี่ก็ไม่ว่า พี่ก็จะเฝ้าน้ำผึ้งอยู่หน้าห้องน้ำเลยแล้วก็จะฉี่ราดมันเสียตรงนี้ด้วย”

สาวเชียงคานยืนพิงประตูด้วยความลังเลหล่อนพึ่งหลุดรอดจากปากเหยี่ยวปากกามาได้ ขืนเปืดประตูออกมาอีกก็เท่ากับว่าสมยอมให้แม่ชาเย็นทำอะไรกับเธอก็ได้ตามอำเภอใจงั้นรึ จะเอายังไงดี??

เวลาผ่านไปพร้อมความเงียบงันราวนาทีเศษ มธุบิณฑ์ยอมใจอ่อนทั้งยังเป็นห่วงว่าสาวกรุงจะเมามาย

“กริ๊ก”

บานประตูถูกเปิดแง้มออกสาวรุ่นโผล่ศรีษะออกมาดูเมื่อเห็นว่าตรงหน้าไม่มีคนเจ้าเล่ห์ยืนขวางเมื่อหันไปมองทางซ้ายกลับเห็นอาจารย์สาวนั่งจุมปุกอยู่ในท่ายองๆเผยให้เห็นรอยยิ้มหวาน

“ขอบคุณนะคะที่เปิดประตูหัวใจให้”

น้ำผึ้งเจอมุกนี้เข้าไปถึงกับหัวเราะออกมา นั่งลงข้างๆแม่ชาเย็นจอมละลายหัวใจ

“คริคริไหวไหมคะนี่ ไหนบอกฉี่จะราดแล้วไง หรือว่าราดไปแล้ว?”

สาวเชียงคานหยอกเย้าเก๋รวบตัวเข้ามากอด แต่คราวนี้ คนหน้าใสไม่ดิ้นรนอย่างเคย

ไม่ใส่ใจที่จะตอบคำถามเก๋สานต่อตอนจบที่กำลังค้างคา ในใจคิดว่าแม้ฟ้าจะผ่า ไฟจะดับแผ่นดินจะสะเทือนเลื่อนลั่น เธอจะไม่ยอมให้มีสิ่งใดมาหยุดยั้งได้อีก

“พี่ชอบน้ำผึ้งนะคะ”พูดได้เท่านั้นก็ยื่นหน้านวลเข้ามาใกล้น้ำผึ้งไม่ยอมให้สาวชาวกรุงกำหนดเกมแต่ฝ่ายเดียว

‘จูบแรกทั้งทีมาทำเอาตรงหน้าห้องน้ำนี่นะ ขอแบบโรแมนซ์หน่อยได้ไหมอาจารย์ขา‘

มธุบิณฑ์ประคองร่างที่ดูเหมือนจะเมาเข้าจริงๆขนาดยืนเฉนๆยังแทบทรงตัวไว้ไม่อยู่เดินมาที่ระเบียง ภายใต้พระจันทร์ดวงกลมโต

“แหมมมต้อง การบรรยากาศก็ไม่บอกตั้งแต่แรกกกก”

จอมชาเย็นเริ่มเก็ทพูดเสียงยานคาง บรรยากาศพร้อมคนพร้อม...

แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะเริ่มๆผะอืดผะอมอาจารย์สาวไม่อยากขายหน้า วิ่งแจ้นขาปัด ไปที่ห้องน้ำ ล้วงคอและอาเจียนออกมา

“อ๊อกกอ๊อกก”

น้ำผึ้งตกใจวิ่งตามเข้ามาลูบหลังให้แผ่วเบา

“เห็นมั้ยคะว่าเมาแล้ว”

มธุบิณฑ์หยิบทิชชู่มาซับให้ที่ปากบางอาจารย์สาวเอามือน้อยๆสัมผัสเข้าที่มืออีกฝ่าย และจ้องมองเข้าไปในนัยน์ตาหวานเพียงเท่านี้ก็ฟินฝุดๆ

จบลงแล้วในความพยายามภาษากายที่ผ่านสายตาบอกความในทุกอย่างของทั้งคู่เสียสิ้นเก๋สิ้นสติตรงข้างๆกายสาวน้อยนั่นเอง ด้วยฤทธานุภาพแห่งความรักและแอลกอฮอล์ผสมกัน

“พี่เก๋พี่เก๋ตื่นก่อน จะมาชุ่ยหลับในห้องน้ำนี่ไม่ได้นะคะ” น้ำผึ้งเขย่าเข้าที่ตัวร่างเมามายไร้สตินอนนิ่งเป็นท่อนไม้น้ำผึ้งใช้แรงทั้งหมดที่มีลากเอาคนเมาออกมาที่เตียงจนได้ สาวเชียงคานเหนื่อยหอบมองไปก็ส่ายหัวไป

“สิ้นสภาพอาจารย์กันก็คราวนี้”

สาวน้อยหันไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่บิดน้ำพอหมาดๆมาเช็ดเข้าที่ใบหน้าและลำคออุ่นๆ

“อย่าทิ้งพี่ไปไหนนะพี่คงทำใจไม่ได้กับความผิดหวัง” สาวชาวกรุงละเมอออกมาเป็นระยะๆน้ำใสๆไหลออกมาจากสองตาที่หลับอยู่เป็นทาง

จิตใต้สำนึกของเธอคงกำลังระบายความอัดอั้นออกมา ทำให้น้ำผึ้งรับรู้ถึงความรู้สึกผิดหวังของแม่ชาเย็นในครั้งเก่าก่อนก็ยิ่งให้เวทนา เจ้าหล่อนตอบกลับไป ด้วยแม้จะรู้ว่าอีกฝฝ่ายจะไม่สามารถรับรู้ก็ตามที

“น้ำผึ้งก็ชอบพี่ค่ะถ้าพี่ไม่ทิ้งน้ำผึ้งไปก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่น้ำผึ้งจะจากลา”

สาวรุ่นเอาผ้าเช็ดน้ำตาคนโศกเศร้าจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้และลุกไปอาบน้ำก่อนจะกลับมาล้มตัวลงนอนข้างๆด้วยความเพลียและไม่นานก็หลับไป

.................................................

ทางด้านรัตติกาลเมื่อออกจากบ้านของชิออน อารมณ์ค้างและขุ่นมัวยังไม่จางหายไปหล่อนจึงอยากหาทางระบาย ขับรถไปยังสถานที่คุ้นเคยด้วยความเร็ว

ที่ผับหรูย่านทองหล่อแห่งหนึ่งแหล่งบันเทิงเริงใจของเหล่าบรรดาไฮโซ ที่มักจะมาหาคู่นอนกันที่นี่

สาวมั่นนั่งอยู่ที่หน้าบาร์น้ำสั่ง Jim beam 8 yearson the rock มาย้อมใจ

ออนเดอะร๊อค คือ วิสกี้ประมานถ้วยตะไลผสมกับน้ำแข็งก้อนไม่ใช่น้ำแข็งบดหรือทุบละเอียด เสริ์ฟในถ้วยแก้วใสขนาดประมาณไม่ถึงคืบหรือแก้วทรงเตี้ย ไม่ผสมอะไรเลย ดื่มวิสกี้ กับน้ำแข็งเย็น ๆเท่านั้น โดยวิสกี้ที่เหมาะกับออนเดอะร๊อค จะเป็นวิสกี้อายุประมาณ 15 ปี เช่นจอห์นนี่ วอคเกอร์ โกลดเลเบล ด้วยรสชาติที่ลงตัว นุ่มไม่บาดคอ กลิ่นหอม แต่ในความเป็นจริงขึ้นชื่อว่าเป็นเหล้าอะไรก็ออนเดอะร็อคได้ทั้งสิ้น

หากเป็นวิสกี้ระดับที่สูงกว่านั้น จะดื่มกันแบบเพียวๆ(neat)เพราะลงตัวสุด ๆ เช่น จอห์นนี่ บลู ดื่มแล้วตบท้ายด้วยน้ำเปล่า เพียงเท่านั้นก็ยอดเยี่ยมแล้ว

รัตติกาลนั่งดื่มได้เข้าแก้วที่สามเสียงเพลงแดนซ์ยิ่งกระตุ้นอารมณ์คึก

“Chivas RegalRoyal Salute 50-years-old สำหรับคุณสุภาพสตรีครับ”

แก้วใสที่บรรจุน้ำสีอำพัน แก้วหนึ่งถูกยื่นให้รัตติกาลพร้อมเสียงนุ่มๆจากชายหนุ่มที่เข้ามานั่งๆข้างชื่อของเหล้าแก้วนี้ทำให้รัตติกาลถึงกับตาลุกวาว ก็มันธรรมดาเสียที่ไหนกัน

ขึ้นชื่อว่าเป็น ชีวาส ริกัลนักดื่มคุ้นชื่อกันเป็นอย่างดีเพราะเเบรนด์นี้ได้ทำตลาดในเมืองไทยนาน ชีวาส ริกัลรอยัล ซาลุท 50 ปีนี้ เป็นการบรรจุออกมาเพื่อเฉลิมฉลองการครองราชครบ50 ปีของสมเด็จพระราชินีอลิซาเบ็ทที่2 แห่งอังกฤษในปี 2002 โดยเหล้านี้ถูกบ่มในถังในตั้งแต่ปี1952 และถูกเปิดบรรจุในปี2002 รวมเป็นเวลา 50 ปีพอดิบพอดีและผลิตออกมาเพียง 255 ขวดทั่วโลกเท่านั้น สนนราคาก็แค่10,000 ดอลลาร์ต่อขวดเท่านั้นเอง!!!

รัตติกาลหันมามองที่เจ้าของเสียงนุ่มหัวใจพองโต แม้แสงไฟจะสลัวๆแต่ก็ดูไม่ยากว่าร่างสูงตรงหน้าคมคายไม่เบา จมูกโด่งเป็นสันหนวดเครานิดๆดูเผินๆเหมือนหนุ่มตาน้ำข้าวชาวอิตาเลียน

เป็นธรรมดาที่สาวสวยและหนุ่มหล่อจะสปาร์คกันไม่ยาก หลังจากชนแก้วกันได้สักพักสายตาประสานกันอย่างรู้ใจ ทั้งคู่ก็ชวนกันไปหาความสำราญอย่างอื่นที่น่าอภิรมย์กว่าการดื่มเหล้า

แม้สาวมั่นจะแสดงออกชัดเจนว่าเธอค่อนข้างจะออกไปในแนวสาวหล่อแต่ถ้าเจอะเจอหนุ่มถูกใจรัตติกาลก็พร้อมกลายร่างเป็น ‘สาว’ ขึ้นมาทันใด

ใช่เธอเป็น ไบเซ็กส์ชวล ได้ทั้งหญิงและชาย สะเทิ้นบกสะเทิ้นน้ำพร้อมเสียบและถูกเสียบทุกสถานการณ์

.........................

ผู้คนมามุงดูที่ลานกว้างต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กับภาพตรงหน้าสาวร่างเปลือยผมทรงดอกกระทุ่มถูกมัดมือมัดเท้าล่ามโซ่ตรวนผูกติดไว้กับเสากระโดงไม้ไผ่ยืนสลบอยู่อย่างนั้น ที่พื้นเบื้องหน้าของหล่อนมีกองฟืนอยู่รายรอบ

“ซู่....”

น้ำจากถังใบใหญ่สาดเข้าที่ร่างเปลือยสาวผู้ถูกพันธนาการฟื้นขึ้น สิ่งแรกที่หล่อนทำคือการ กรีดร้อง โวยวาย

“วี๊ดดดดด...ปล่อยข้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้”

สาวผมทรงดอกกระทุ่มทุรนทุรายอยู่อย่างนั้นเสียงก่นด่าและสาบแช่งของผู้คนที่มามุงดูดังอื้ออึง หลายคนก็ระดมปาก้อนหินเล็กใหญ่เข้ามาที่ร่างไร้อาภรณ์

“อีนางกาลกิณีไปตายซะ เจ้าจะนำความฉิบหายมายังที่นี่”

“อีดอกทองสมสู่กับมนุษย์ผู้ชาย นรกจะกินหัวเจ้า”

“โอ๊ย!! ปล่อยข้า ข้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิดปล่อยข้าบัดเดี๋ยวนี้”

ร่างที่ถูกตรึงไว้ดิ้นรนทั้งร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดยิ่งหญิงชราผู้ที่อยู่ในมณเฑียรปรากฎกายขึ้นพร้อมคบไฟในมือ เสียงเซ็งแซ่เอ็ดตะโรก็พลันเงียบลงทันใด หญิงชราก้าวมาตรงหน้าของผู้ที่ถูกตรึงเอาไว้

“เจ้าทำผิดประเพณีแห่งอาณาจักรเราลักลอบสืบพันธุ์กับมนุษย์ผู้ชาย หากมิใช่ครั้งเดียวและคนเดียวทุกคนจงดูไว้เป็นเยี่ยงอย่าง ความผิดประการฉะนี้ มีโทษสถานเดียวคือเผาทั้งเป็น”

“ไม่นะไม่ ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถิด ไม่...”

สาวร่างเปลือยผู้ถูกกล่าวโทษตะโกนขึ้นมา ร้องขอชีวิต แต่ดูเหมือนจะไร้ผล โทษได้ถูกตัดสินแล้วหญิงชราวาดคบไฟกลางอากาศ หลับตาลง ปากก็บริกรรมคาถาไป

เสลี่ยงของแม่นางผู้สูงศักดิ์ถูกแบกมาแหวกฝูงชนที่อยู่รายล้อมให้เปิดทาง และต่างยกมือไหว้ท่วมหัว

“เจ้านางอาทิตยาเสด็จแล้ว”

เสียงของมหาดเล็กสาวนางหนึ่งตะโกนขึ้นหยุดความเคลื่อนไหวของทุกสิ่งตรงหน้า ไม่เว้นแม้แต่หญิงชรา หญิงเปลือยที่ถูกพันธนาการไว้ก็ยิ้มร่าออกมาด้วยความดีใจ

“เจ้านางเจ้านางมาช่วยข้าแล้ว”

แม่นางผู้สูงศักดิ์ถูกประคองให้ลงจากเสลี่ยงและกล่าวด้วยสรุเสียงอันดัง

“ช้าก่อนแม่ย่า จริงอยู่ ที่หญิงผู้นี้ทำผิดประเพณีของเชียงกาญจน์เราอย่างสาหัสเกินจะให้อภัย แต่ด้วยความที่นางอันธิกาเป็นถึงมุขมนตรีของเราได้เคยกระทำการเป็นความดีความชอบให้แก่แผ่นดินอยู่เสียก็หลายคราการถอดยศการประจานให้ได้อับอายเสื่อมเสียเกียรติและเป็นตัวอย่างให้แก่ชาวเรือนทั่วไปเช่นนี้แล้ว ก็น่าจะสาสมกับความผิดนั้นอยู่เราดำริเห็นเป็นอันควรว่า คงเหลือให้ลดโทษเป็นเนรเทศก็น่าจะเหมาะแก่การ”

หญิงชราเห็นเป็นเช่นนั้นก็ส่งคบไฟให้บริวาร ยกมือขึ้นท่วมหัว

“เป็นพระกรุณาธิคุณที่แม่นางมีพระหฤทัยเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตาขอให้เจ้านางอาทิยตยาทรงพระเกษมศานต์ยิ่งยืนนาน”

“ขอให้เจ้านางอายุยืนหมื่นปีๆ”

เสียงผู้คนโดยรอบบริเวณตะโกนแซ่ซ้องเจ้านางดำเนินมาใกล้พยักพระพักตร์ให้บริวารปลอดปล่อยร่างเปลือยให้หลุดพ้นเสียซึ่งพันธนาการ บริวารสาวสองนางต่างกุลีกุจอรับคำสั่งไม่นาน ร่างเปลือยที่บอบช้ำ ก็เป็นอิสระ เดินโซซัดโซเซมาคุกเข่าลงตรงหน้าเจ้านาง ยกมือทั้งสองขึ้นพนมไว้

“ข้าพระองค์เป็นปิติสุดประมาณที่เจ้านางได้ประทานอภัยโทษให้”

ไม่ปล่อยให้พร่ำเพ้อเจ้านางอาทิตยาหันหลังกลับ บริวารประคองขึ้นเสลี่ยงและจากไปผู้คนที่มามุงดูต่างก็แยกย้ายไปใช้ชีวิตของตน ทิ้งให้อันธิกาอดีตมุขมนตรีของเชียงกาญจน์นั่งคุกเข่าเปลือยอยู่อย่างนั้น

ตามธรรมเนียมปฏิบัติการเนรเทศก็คือมาตรการลงโทษทางสังคมขั้นสูงสุดผู้ถูกเนรเทศจะไม่มีใครมาข้องแวะสุงสิงด้วยเขาผู้นั้นจึงเปรียบเสมือนต้องใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังขัดกับพื้นฐานของมนุษย์ที่เป็นสัตว์สังคม

อันธิกาเห็นว่าตนน่าจะใช้ชีวิตอยู่อย่างยากแค้นในเชียงกาญจน์ ร่างเปลือยซึ่งไร้ยศถาทรัพย์ศฤงคารใดๆในแว่นแคว้นนี้ กระทั่งอาภรณ์จะห่อหุ้มร่างกายยังหามิได้

เจ้าตัวตัดสินใจเดินออกจากประตูเมืองไปแสวงหาดินแดนถิ่นฐานบ้านเรือนเสียใหม่ดินแดนที่มนุษย์ทุกผู้สามารถเสพสุขกันได้โดยปราศจากเงื่อนไข

.......................................

สาวมั่นรู้สึกตัวตื่นขึ้นหลังผ่านศึกรักมาโชกโชนรัตติกาลอิ่มเอมในรสรักเมื่อพลิกตัวก็เห็นว่าหนุ่มข้างกายที่ไม่รู้แม้แต่ชื่อเสียงเรียงนามไม่ได้อยู่บนเตียงแล้วหญิงสาวยักใหล่ทำท่าไม่ยี่หระ

‘แค่หิวก็กิน’

รู้สึกแค่นั้นจริงๆ

รัตติกาลหยิบโทรศัพท์กดหาชิออนตอนนี้หล่อนอยากกินของหวานอิมพอร์ตจากเจแปน

“ตื่นหรือยังอีกสองชั่วโมงจะไปรับนะคะ”

สาวมั่นโยนโทรศัพท์ไปที่เตียงยิ้มเจ้าเล่ห์นัยน์ตาเป็นประกายและเดินเข้าห้องน้ำแต่งตัวออกจากม่านรูดนั้นไป

.............................................

ที่เวียงจันทน์

น้ำผึ้งปลุกอาจารย์สาวให้ตื่นขึ้น ทั้งคู่กินอาหารเช้าที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้เป็นแบบบุฟเฟ่ต์และเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังวังเวียง ก็แวะที่ตลาดเช้าเสียก่อน

ตลาดเช้า (ภาษาลาวว่า “ตลาดเซ้า”) อยู่ที่ มุมถนนล้านช้างตัดกับคูเวียงอยู่ติดกับสถานีจอดรถโดยสาร เป็นตลาดหลัก และ ศูนย์กลางของการค้าขายที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นที่นัดพบปะของผู้คนในนครเวียงจันทน์  ชื่ออาจจะบ่งบอกว่าขายเฉพาะในช่วงเช้าหากความจริงแล้วตลาดเปิดบริการตลอดทั้งวัน

สินค้าที่ขายก็มีตั้งแต่สินค้าพื้นเมือง เครื่องเงินทองอันเลื่องชื่อและสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ เช่น เครื่องมุกจากเวียดนาม นาฬิกาจากรัสเซีย ของใช้เบ็ดเตล็ดจากจีน เครื่องแก้วจากเชกโกสโลวาเกีย

เก๋เลือกซื้อแบบเรียนภาษาลาวน่ารักๆ มาสองเล่ม และเสื้อยืดเบยลาวส่วนสาวรุ่น ไม่รู้จะซื้ออะไร หยิบเพียงแค่ แมกเนทติดตู้เย็นพอให้ระลึกถึงว่าได้มาเวียงจันทน์ก็เท่านั้น

สองสาวซื้อเสบียงตุนไว้เข้าห้องน้ำพรักพร้อมเพราะจากเวียงจันทน์ไปวังเวียง จุดหมายปลายทางต่อไปเป็นระยะทางอีกราว 170 หลัก(กิโลเมตรภาษาลาว)มุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข13 เหนือ หากเป็นที่ประเทศไทยคงใช้เวลาราวสองชั่วโมงจะได้แต่ที่นี่ต้องคูณสองเข้าไป เพราะทางเป็นเลนสวนแม้จะลาดยางตลอดเส้นทางแต่ก็มีถนนเป็นหลุมบ่อและขรุขระเป็นช่วงๆ

ออกนอกเขตนครหลวงเวียงจันทน์มาได้สักพัก ก็เจอด่าน ตำรวจลาวนายหนึ่งเข้ามาขอตรวจเอกสารด้วยท่าทีเป็นมิตร เก๋ถามว่าอีกไกลบ่ตำรวจหนุ่มยิ้มกว้างตอบกลับมาว่าบอกว่าอีกร้อยปาย (ร้อยกว่าๆ)

ตลอดสองข้าง ทางที่คนนั่งอย่างน้ำผึ้งต้องหัวโยกหัวคลอนตลอดเพราะทางแสนจะทุรกันดารมาฆวรัตน์ จอดแวะพักถ่ายรูปเป็นระยะๆ

สองสาวสวยผ่านหมู่บ้านชาวประมงที่ บ้านท่าปลาที่สองข้างทางยาวเกือบกิโลตามร้านริมทางจะแขวนปลาแห้งแข่งกันขายอย่างคึกคักเก๋เล็งๆเอาไว้ก่อนโดยตั้งใจจะซื้อในตอนขากลับ น้ำผึ้งซื้อหมูสวรรค์ลาวเป็นหมูพวงแดดเดียวทอดรสชาติก็คือๆกับหมูแดดเดียวของไทย

ผ่านมาได้อีกสักพัก เก๋และน้ำผึ้งยังต้องตื่นตะลึงและตกใจเมื่อมีสัตว์ป่าทั้งแบบเป็นตัวและแปลงรูปเป็นอาหารแล้ว มาวางขายกันริมถนนแบบโจ๋งครึ่มทั้งบ่าง กวาง เก้ง อีเห็น เพราะที่ลาวกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่ายังไม่เข้มงวดแต่อีกไม่ช้านาน ภาพแบบนี้ก็จะไม่มีให้เห็นอีกต่อไปเมื่อลาวเปิดประเทศและกฏหมายระหว่างประเทศ เกี่ยวกับสัตว์ป่าจะเข้มงวดขึ้นมากอาจารย์สาวบันทึกเอาไว้ทั้งภาพนิ่งและวีดีโอเก็บเป็นความทรงจำและเอาไว้สอนลูกศิษย์

เมืองวังเวียง เป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งใหม่ของประเทศลาวเป็นส่วนหนึ่งของแขวงเวียงจันทน์ ในอดีตเมือง วังเวียงเป็นเพียงทางผ่าน ของนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปเยือนมรดกโลกที่หลวงพระบาง

สาเหตุที่วังเวียงเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวคือ สภาพภูมิศาสตร์แบบภูเขาหินปูนที่ละม้ายคล้ายคลึงกับ กุ้ยหลิน ของประเทศจีนไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็จะพบคลื่นทะเลภูเขาสีเขียว ท่ามกลางไอหมอกสีขาวนวล ลอยพาดผ่านไปตามซอกเขามีสายน้ำซอง สายน้ำแห่งชีวิตที่หล่อเลี้ยงชาวเมืองวังเวียงมาตั้งแต่อดีตกาลเป็นภาพโฟร์กราวน์

นอกจากวังเวียงจะเปรียบเสมือนเมืองกุ้ยหลินแล้วบรรยากาศของเมืองนี้ยังคล้ายกับอำเภอปายจังหวัดแม่ฮ่องสอน จนมีใครหลายคนขนานนามว่าเป็นเมืองคู่แฝดของกันและกัน

สองนารีมาถึงวังเวียงก็เป็นเวลาเที่ยงพอดิบพอดีสภาพของเมืองเล็กๆแห่งนี้ สวยงามและเงียบสงบจริงดังคำว่า หล่อนเห็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประเภทแบ็คแพกเกอร์หลายสิบชีวิต บ้างก็มาเป็นคู่ๆพาลให้อิจฉาตาร้อน แต่ช่างปะไรเธอก็มีสาวสวยอยู่เคียงข้างเช่นกัน อาจารย์สาวคิดในใจยิ้มกรุ้มกริ่ม

เก๋จูงมือน้ำผึ้ง walk-in หาโรงแรมริมน้ำที่มีให้เลือกนับสิบแห่งและก็ได้เลือกเอาสไตล์บูติก หนึ่งห้อง มาฆวรัตน์ขอลีฟเล็ตเอกสารข้อมูลการท่องเที่ยวจากฟ้อนต์ที่โรงแรมมาดูและต้องประหลาดใจ




 

Create Date : 28 เมษายน 2558    
Last Update : 28 เมษายน 2558 9:28:32 น.
Counter : 586 Pageviews.  

ตอนที่ 11 : Displease

รู้ไหมว่าใครเคือง

ชิออนเปิดเปลือกตาขึ้นพบว่าตนเองเผลอไผลหลับใหลอยู่ในอ่างอาบน้ำก็เตรียมจะลุกขึ้น

“กรี๊ดดดดด”

สาวลูกครึ่งร้องลั่นบ้านแทบแตกลุกพรวดออกจากอ่างอาบน้ำและวิ่งออกมานอกห้อง ทันทีที่สายตาเหลือบไปเห็นว่าตัวเองกำลังนอนแช่อยู่ในน้ำสีแดงฉานกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง เต็มห้อง ชนารดีแทบจะอาเจียนออกมา เอามือน้อยๆจะมาปิดปากแต่กลับยิ่งสยองเป็นร้อยเท่าเมื่อมือของเธอทั้งสองข้างเต็มไปด้วยคราบเลือด

หญิงสาวตาลีตาลานทำอะไรไม่ถูกสติแตกละเอียด น้ำตาไหลออกมาด้วยเพราะตกใจกลัวสุดชีวิตภาพสุดท้ายจับความรู้สึกได้เพียงเท่านั้น สาวลูกครึ่งสลบไปเพราะความกลัว...

“ตรู๊ดดดดดด”

“ตรู๊ดดดดดด”

ชิออนได้สติกลับคืนมาอีกครั้งเพราะเสียงเรียกเข้าจากปลายสายที่ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดเธอพบว่าตัวเองนอนแอ้งแม้งเปลือยเปล่าอยู่ที่หน้าห้องน้ำหญิงสาวประคองร่างของตนขึ้นมาอย่างช้าๆ เจ้าตัวยังรู้สึกวิงเวียนศรีษะเล็กๆพยายามทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นหล่อนจำได้ดีว่าภาพสุดท้ายคือสองมือที่เต็มไปด้วยคราบเลือด แต่ก็ยังไม่กล้ายกมือทั้งสองขึ้นมาดูเพราะจิตยังไม่เข้มแข็งพอ

ประสาทสัมผัสรับรู้ถึงกลิ่นคาวเลือดก่อนหน้าจางหายไป เมื่อเห็นเป็นเช่นนั้นชิออนจึงรวบรวมความกล้ายกมือทั้งสองขึ้นมาดู รู้สึกโล่งใจและประหลาดใจปนเปมือขาวเนียนของเธอไร้ร่องรอยคราบเลือดที่เห็นก่อนหน้า เธอสำรวจตนเองก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ

สาวลูกครึ่งเดินมาที่เตียงระหว่างนั้นหล่อนต้องเดินผ่านกระจกบานใหญ่ที่โต๊ะเครื่องแป้งสาวสวยไม่กล้าพอที่จะเหลียวมองร่างเปลือยของตนเธอหยิบโทรศัพท์มาดูและพบว่ามีสายเรียกเข้าที่ไม่ได้รับถึงยี่สิบสายชิออนดูนาฬิกาจากหน้าจอ เธอสิ้นสติสลบไปราวสี่ชั่วโมง!!

บ้าจริง!!

สาวสวยสบถกับตัวเองเมื่อแน่ใจแล้วว่าเหตุการณ์น่าจะเป็นปกติจิตเธอคงหมกมุ่นกับเรื่องประหลาดมากไปจนเก็บไปฝันหรือไม่ก็หลอนไปเองหญิงสาวให้ข้อสรุปกับตนเอง

เธอโทรหารัตติกาลเพื่อนใหม่เพื่อนัดหมายให้ไปพบอาจารย์ยามาโมโต้ด้วยกันเนื่องด้วยเจ้าตัวเอ่ยปากขอร้องอยากได้ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์รัตติกาลดีใจเป็นที่สุด ไม่ใช่เพราะได้ที่ปรึกษาแต่เป็นเพราะเธอสามารถเปิดทางรักได้สำเร็จเป็นเบื้องต้น ไนท์รบเร้าขอให้ชิออนรออยู่ที่บ้านเธอจะอาสาเป็นสารถีคอยรับส่งเองเพราะต้องการตอบแทนน้ำใจเพื่อนใหม่ที่มี

ชิออนจนทางปฏิเสธความเป็นจริงหล่อนก็ต้องการเพื่อนมาอยู่ใกล้ๆสักคนเพราะไม่ไหวแล้วกับเรื่องบ้าบอที่เกิดขึ้นอยู่คนเดียวมากไปจิตอาจหลอนขึ้นมาได้ทุกเมื่อชนารดีจัดแจงแต่งองค์ทรงเครื่องและลงมารออยู่หน้าบ้านไม่นานรัตติกาลก็ขับรถหรูมารับ

เมื่อได้พบกับอาจารย์ยามาโมโต้ที่ล๊อบบี้ของโรงแรมแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมืองชนารดีแนะนำเพื่อนใหม่ ให้ได้รู้จักกับอาจารย์ผู้มากชื่อเสียง ทั้งหมดคุยกันถูกคอเพราะ รัตติกาลเป็นลูกศิษย์เอกของเพื่อนร่วมรุ่นยามาโมโต้นั่นเองสาวเท่จัดการฝากฝังตัวเองเสร็จสรรพ

หลังจากนั้นชิออนก็เล่าเรื่องราวและความคืบหน้าทั้งหมดให้อาจารย์ฟังโดยมีไนท์ที่รับฟังอย่างตื่นเต้นอาจารย์อาวุโสให้ความเห็นว่าปรากฎการณ์ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้จะต้องสามารถอธิบายได้ด้วยเหตุผลและมันก็เป็นหน้าที่ของนักวิจัยอย่างเราๆที่จะต้องทำทุกวิถีทางที่จะหาไอ้เจ้าเหตุผลนี้มาอธิบายเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นกับชนารดีให้จงได้

อาจารย์ยามาโมโต้สนับสนุนการเดินทางไปเมืองเชียงกาญจน์ที่ว่า โดยตัวเขาจะคอยเป็นหน่วยเสริมอยู่ที่กรุงเทพเพราะรู้ว่าสังขารที่ร่วงโรยน่าจะเป็นตัวถ่วง ทำให้การเดินทางล่าช้าเสียมากกว่าเขาจะทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดในเรื่องข้อมูลทางวิชาการ คอนเน็คชั่นและงบประมาณชิออนเข้าใจดีเพราะคาดการณ์ไว้แล้วตั้งแต่ต้นและเห็นด้วยกับอาจารย์ทุกประเด็นผู้อาวุโสจะนัดหมายอีกครั้งเมื่อมาฆวรัตน์กลับมา พร้อมกับพรานบุญจากนี้อาจารย์จะเตรียมพาหนะและอุปกรณ์จำเป็นสำหรับการเดินป่าไว้ให้พรักพร้อม

...................................

ที่เวียงจันทน์สองสาวที่ตั้งใจจะเที่ยวเมืองหลวงก่อนที่วันรุ่งขึ้นจะมุ่งหน้าไปหลวงพระบางลงมาสอบถามข้อมูลจาก รีเซฟชั่นหน้าขาวผู้อารีที่สื่อสารภาษาไทยได้อย่างฉะฉาน

มาฆวรัตน์ถามหาที่แลกเงินสาวรีเซฟชั่นให้คำแนะนำว่า สามารถใช้เงินไทยได้ในทุกๆที่ เพราะคนลาวชอบเงินไทยมากร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม รถรับจ้าง สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆรับเงินบาทหมดแต่จะรับเฉพาะธนบัตรเท่านั้น แต่อย่างไรก็ดีควรพกเงินกีบติดตัวไว้บ้างเพราะบางอย่างใช้เงินกีบจะลงตัวกว่า

สาวรีเซฟชั่นใจดีบอกกับเก๋ว่าให้ไปหาแลกแถวๆนี้ก็ได้ ประเทศลาวใช้เงินสกุลกีบ มีหน่วยเงินเป็นตัวย่อว่า Kip หรือ LAK (The Lao Kip) อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท ต่อเงินกีบ จะอยู่ที่ ประมาณ 1 บาท : 250 กีบ (อัตราแลกเปลี่ยนณ มีนาคม 2557: ผู้แต่ง) การคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณให้ใช้วิธีตัดศูนย์สามตัวหลังของเงินกีบออก แล้วคูณด้วยสี่ จะเป็นเรทเงินบาท เงินกีบจะมีแต่ธนบัตรเท่านั้น ไม่มีเหรียญ

น้ำผึ้งบอกให้เก๋เช่าเหมารถตุ๊กตุ๊กพร้อมคนขับ เพื่อเที่ยวชมสถานที่สำคัญในเวียงจันทน์เช่น ประตูชัยพระธาตุหลวง หอพระแก้วได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย ในเวลาที่จำกัดจำเขี่ยเช่นนี้ เมื่อเที่ยวเสร็จแล้วรถก็ส่งเราที่หน้าโรงแรมเลย

อาจารย์สาวพยักหน้ารับเห็นด้วยสองสาวเดินออกมาจากโรมแรม ทันทีที่ก้าวพ้นประตูโรงแรม คนขับรถชนิดต่างๆ มาเสนอตัวเป็นโชว์เฟอร์หลายคน มาฆวรัตน์เลือกคนแรกที่เข้ามาเพราะไม่อยากให้ผิดใจกันตกลงราคากันที่ 700บาท

คนขับสามารถฟังและพูดโต้ตอบเป็นภาษาไทยได้ราวกับว่าเป็นคนไทยเลยเก๋และน้ำผึ้งคุยกับคนขับรถ ได้แลกเปลี่ยนความรู้หลายสิ่งอย่าง เช่นคนลาวปัจจุบันสามารถพูดและอ่านไทยได้ถึง80-90% ส่วนที่พูดไม่ได้ก็ฟังภาษาไทยออก เพราะคนลาวเค้าดูทีวีไทยกัน

น้ำผึ้งถามเก๋ว่าถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปภาษาลาวจะถูกกลืนไหม อาจารย์สาวอธิบายกับคนที่นั่งข้างๆว่าอย่างน้อยๆก็เป็นความชาญฉลาดในการปรับตัวต่อกระแสวัฒนธรรมอันเชี่ยวกรากที่จะรักษาภาษาของตนไว้ให้คงอยู่ เก๋บอกกับน้ำผึ้งต่อว่า ภาษาลาวยังหลงเหลือเป็นอักษรมาจนปัจจุบันแตกต่างจากภาษาเวียดนามที่คงเหลือแต่ภาษาพูดเท่านั้นทั้งๆที่เวียดนามมีประชากรเหยียบร้อยล้านคนแต่ก็มิอาจสืบทอดไว้ได้แต่อนาคตอีกยี่สิบสามสิบปีข้างหน้าสำหรับลาวนั้นก็ไม่แน่เพราะนับวันฉภาษาลาวก็ใกล้เคียงพี่ไทยเข้าไปทุกทีๆ น้ำผึ้งรับฟังชื่นชมคนเก่งกาจแสนรอบรู้

‘คนอะไร สวยแล้วยังฉลาดอีก นี่ถ้าลดความเย็นชาลงละก็นะ’

สาวเชียงคานเริ่มมีใจเอนเอียงจนแทบจะบอกได้ว่ารักชอบคนข้างๆเอาเสียแล้ว

คนขับรถเห็นว่านักท่องเที่ยวสาวทั้งสองสนใจในประเทศตนจึงออกความเห็นขึ้นมาบ้าง เขาเล่าว่าในประเทศลาวต้องนำเข้าสินค้าจากไทยเกือบทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นสินค้าอุปโภค บริโภคทั้งหลาย ขนม เครื่องดื่ม ของใช้ในบ้าน น้ำมันแก๊ส ทำให้ค่าครองชีพในลาวค่อนข้างสูง สวนทางกับรายได้ที่ไม่มากเพราะเศรษฐกิจของลาวยังเป็นการเกษตรแบบดั้งเดิมเป็นหลัก

รถตุ๊กๆมาถึงจุดวะชมสถานที่แรก คือพระธาตุหลวงหรือ พระเจดีย์โลกะจุฬามณี (ພຣະທາດຫລວງ) เป็นศาสนสถานที่สำคัญที่สุดในประเทศลาว เรียกได้ว่าใครมาเวียงจันทน์ก็ต้องมาที่พระธาตุหลวงไม่งั้นจะถือว่ามาไม่ถึง ตามประวัติบอกว่าพระธาตุหลวงสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 238 พร้อมกับเมืองเวียงจันทน์ ผู้สร้างคือ บุรีจันอ้วยล้วยหรือ พระเจ้าจันทบุรีประสิทธิศักดิ์ เจ้าเหนือหัวผู้ครองนครเวียงจันทน์พระองค์แรกพร้อมกับพระอรหันต์ คนขับรถอธิบายประวัติความเป็นมาอย่างภาคภูมิใจ

เก๋และน้ำผึ้งเดินเข้ามาภายในโดยคนขับรถขอรออยู่ที่ด้านนอก ตัวองค์พระธาตุมีลักษณะคล้ายดอกบัวตูมมีความสูง 45 เมตร ทาด้วยสีทอง มีหอไหว้พระอยู่ทั้ง 4ด้าน มีรั้วล้อมรอบ ด้วยความสำคัญของพระธาตุหลวง จึงมีการนำสัญลักษณ์ของพระธาตุหลวงไปเป็นส่วนหนึ่งตราแผ่นดินลาวตั้งแต่ปีพ.ศ. 2534 เป็นต้นมา ระหว่างที่เดินเที่ยวชมรอบๆสองนารีที่เดินจูงมือกันเห็นคู่รักคู่หนึ่งมาถ่าย Pre-weddingพาลให้อิจฉา

“ไม่รู้ว่าพี่จะได้มีโอกาสแบบนี้กับเขาบ้างไหมในชีวิต” อาจารย์สาวเปรยออกมามองไปยังคู่รักชื่นมื่นเสียงเศร้าหมดสิ้นซึ่งความหวัง

น้ำผึ้งมองมาที่นัยน์ตาของคนที่เอาแต่จมปลักอยู่กับอดีตแสนขมขื่น

“มีสิคะพี่ยังสาวยังสวย การศึกษารึก็สูง ทำไมเอาแต่ลดคุณค่าตัวเองแบบนี้ละคะ”สาวรุ่นกระชับมือแน่นหวังให้กำลังใจ

“ค่ะพี่จะเริ่มต้นใหม่กับใครคนนั้น คนที่เห็นคุณค่าหัวใจของพี่”อาจารย์สาวหันมาพูดประโยคนี้เน้นๆ ยิงกันตรงๆ จีบใครไม่เป็นก็ไม่ต้องอ้อมค้อมกันละ

สาวเชียงคานทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กลับจูงมือคนที่ไร้วาทศิลป์ไปอีกด้านของตัวพระธาตุ

ที่พระธาตุหลวงตัวพระธาตุหลวงมีลักษณะเป็น 4 เหลี่ยมมีทางเดินได้โดยรอบ พื้นที่ไม่กว้างมาก ใช้เวลา15-20 นาทีก็เดินจนทั่วแล้ว เก๋และน้ำผึ้งถ่ายรูปกันจนหนำใจเดินออกมาที่หน้าพระธาตุ ซึ่งมีร้านขายของฝาก ของที่ระลึกเหมือนตามสถานที่ท่องเที่ยวทั่วๆไปของที่ขายก็มีเสื้อยืดที่ระลึก ผ้าซิ่น เครื่องเงิน กระเป๋าผ้า พวงกุญแจ

เก๋มาสะดุดที่หน้าร้านเครื่องเงิน เมื่อเห็น กำไลเงิน ฝังพลอยพญานาคนพเก้าหลากสีสันประกอบไปด้วย สีแดง สีส้ม สีเหลือง สีขาว สีชมพู สีฟ้าอ่อน สีฟ้าครามสีน้ำเงิน สีเขียว รวมทั้งหมด 9 สี คนขายรีบเข้ามาอธิบายเป็นภาษาไทย

สีแดง เป็นสีแห่งฤทธิ์อำนาจ ช่วยให้ปลอดภัยจากอันตราย สีส้มป้องกันอาวุธ สีเหลือง นำโชคนำลาภ ความก้าวหน้า ความราบรื่นในชีวิต สีขาวใสพลังสมาธิ สงบและมั่นคง ใจกว้างพร้อมเสียสละ สีชมพู สร้างเสริมสง่าราศีมีความโดดเด่น มีเสน่ห์จากผู้คนรอบข้าง สีฟ้าอ่อน ติดต่อค้าขายสะดวก คล่องตัวน้ำใจกว้างขวาง น่าเคารพ สีน้ำเงิน เสริมสร้างบารมี มีอายุยืนยาวคล่องตัวในทุกเรื่อง สีเขียว มีความรอบรู้ในทุกด้าน น่าเชื่อถือทำให้เกิดความเคารพ สีม่วง มีพลัง หนักไปในทางดึงดูดทรัพย์ และมิตรสหาย

เก๋สอบถามราคา พบว่าราคาไม่แพงอย่างที่คิด ราคาที่บอกมาก็ไม่ได้บวกเยอะเว่อร์เหมือนตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ นี่ถ้าเป็นเมืองไทยนะ เหยียบหมื่นแน่ๆ มาฆวรัตน์ต่อรองราคาอีกนิดหน่อยแต่หนึ่งในความสนุกของการชอปก็คือการต่อนี่แหล่ะ

อาจารย์สาวหยิบเงินไทยออกมา และแม่ค้าก็ไม่ลังเลที่จะรับทันทีที่ได้ของถูกใจมา เก๋ก็ยื่นให้คนตรงหน้า

“ยื่นมือมาสิคะ”

“เอ๋?”

มธุบิณฑ์ทำหน้างงๆ ไม่คิดและคิดไม่ถึงว่าแม่ชาเย็นจะซื้อของแพงเช่นนี้ให้เธอ

สาวชาวกรุงพยักหน้า จับเข้าที่ข้อมือขาวๆสวมกำไลเข้าให้ปากก็พูดขึ้น

“เห็นมั้ย มันเหมาะกับน้ำผึ้งมากเลยใส่แล้วสวยเด่นเชียวดูสิ”

สาวรุ่นส่ายหน้า ไม่อยากรับของมีค่าใช่วันนี้แม่ชาเย็นอาจชอบพอหล่อน แต่ถ้าวันหนึ่งวันใดเกิดผิดใจกันขึ้นมาล่ะ

“อย่าปฏิเสธเลยนะคะ พี่คงใจสลายแน่ๆวันนี้พี่เจอคนที่จะเริ่มต้นใหม่แล้วของชิ้นนี้จะเป็นสัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นของเรา”

คำพูดแสนซึ้งออกมาจากปากของจอมวิชาการแม้ใจในจะไม่เห็นด้วย แต่เจอคำอ้อนวอนทั้งปนสงสารก็มิอาจบอกปัด น้ำผึ้งยกข้อมือขึ้นดูมันก็เหมาะกับเธอจริงนั่นล่ะ

“ขอบคุณค่ะ สำหรับสิ่งของและน้ำใจไมตรีที่มอบให้น้ำผึ้งแต่ก็มิได้หมายความว่าน้ำผึ้งเออออห่อหมกยอมเริ่มต้นกับพี่นะคะเราเพิ่งจะรู้จักกันเอง”

สาวรุ่นตอบอย่างฉลาดไม่ปฏิเสธน้ำใจแต่ก็ไม่ได้รับความสัมพันธ์เสียทีเดียวทั้งๆที่ก็รู้สึกหวั่นไหวกับคนตรงหน้าเป็นที่สุด ในส่วนลึกหล่อนไม่อยากไปแทนที่ใครและไม่อยากขึ้นชื่อว่า คบไปเพื่อให้ลืมใครบางคน

“พี่เข้าใจว่ามันยังเร็วเกินไป แต่แค่น้ำผึ้งรับไว้และไม่ปฏิเสธพี่ เท่านี้พี่ก็ดีใจเป็นที่สุดแล้ว”

อาจารย์สาวพูดได้เท่านั้นแต่กลับเป็นสาวเชียงคานที่จูงมือคนมีอดีตเดินไปที่รถ

“ไปค่ะ นี่แค่จุดเริ่มต้นเองเรายังมีระยะทางแสนยาวไกลให้ก้าวเดินนะ”

น้ำเสียงสดใส ทั้งกริยาท่าทางปลุกให้สาวสวยผู้เศร้าสร้อยให้รู้จักโลกในแง่มุมหวานเดินยิ้มแก้มปริตามสาวรุ่นไปอย่างว่าง่าย โลกสีชมพูมันเป็นแบบนี้นี่เอง

จากนั้นทั้งคู่ก็ขึ้นรถไปต่อที่ประตูชัยที่อยู่ไม่ห่างกันนัก ใช้เวลาเดินทางราว 10 นาทีเท่านั้น

ประตูชัย หรือ ปะตูไซ (Patuxay) เป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของเวียงจันทน์ สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานให้กับประชาชนที่ต่อสู้และเสียชีวิตในสงครามก่อนการปฏิวัติพรรคคอมมิวนิสต์

สถาปัตยกรรมของประตูชัย เป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมของฝรั่งเศส กับสถาปัตยกรรมทางท้องถิ่นของลาวถ้าดูไกลๆ จะเห็นว่าคล้ายกับประตูชัยที่ปารีส ฝรั่งเศส (Arcde Triomphe)

สองสาวชมประตูชัยเสร็จก็บ่ายแก่ๆตั้งใจว่าจะหาอะไรทานมื้อเย็นเสียแถวนี้ แต่ก็ไม่เห็นมีร้านอาหารเลยทั้งๆ ที่เป็น 1ในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเวียงจันทน์

สอบถามเอาความจากคนขับรถ ก็ได้เป็นความรู้ใหม่ว่าในลาวไม่ค่อยมีร้านอาหารมากนักเพราะคนลาวนิยมกลับไปกินข้าวที่บ้าน ข้ามตามร้านอาหารมันแพง ไว้ขายให้นักท่องเที่ยวเท่านั้น

เก๋ตัดสินใจให้พี่คนขับรถใจดีพาไปที่ตลาดริมโขงเพื่อเดินเล่นชิวๆและหาของกินง่ายๆเอาที่นี่เลย

ตลาดริมโขงก็มีสภาพคล้ายๆ ตลาดนัดบ้านเรา มีขายเสื้อผ้าของใช้ อุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ แต่โชคร้ายและผิดคาดไปนิดตรงที่ไม่ค่อยมีของกิน ผู้คนเดินกันคึกคักขวักไขว่ทั้งคนเวียงจันทน์และนักท่องเที่ยว

ที่ถนนเลียบแม่น้ำโขง จะเป็นที่ออกกำลังกายของคนเวียงจันทน์มีคนมาวิ่ง ปั่นจักรยานออกกำลังกายกันเยอะมาก ไฟส่องสว่างทั่วถนน ปลอดภัยมาก พี่คนขับรถกลับมาส่งที่หน้าโรงแรม

ตลอดสองข้างทางอาจารย์สาวสังเกตเห็นรถหรูๆ มากมาย วิ่งกันประชันโฉม เป็นที่น่าสงสัยว่าจริงๆ แล้วคนลาวก็มีคนรวยเยอะเหมือนกันหรือไม่ก็เป็นรถของคนไทยที่ซื้อในลาว เห็นพี่คนขับรถบอกว่าภาษีรถหรูในลาวถูกกว่าเมืองไทย เก๋เห็นรถหลายคันเป็นรถพลังงานไฟฟ้า หรูหราและทันสมัยมากเพราะในเมืองไทยยังไม่มีใช้เลย

มื้อเย็นสองสาวกินกันง่ายๆ เป็นไก่ย่าง – ข้าวเหนียวหลังจากที่เดินหาร้านกันอยู่นานจนชักท้อเก๋สังเกตว่าร้านอาหารที่เวียงจันทน์จะไม่ค่อยมีร้านอาหารท้องถิ่นส่วนมากจะเป็นอาหารฝรั่ง เห็นว่าเป็นร้านข้างถนนแบบนี้ ตอนเรียกเก็บเงินแทบจะเป็นลมเพราะราคาแพงกว่าบ้านเราอีก ไก่ย่างไม้ละ 70 บาท ข้าวเหนียว20 บาท

“อาหารที่ลาวแพงจริงๆ” เก๋บ่นๆ

ก่อนขึ้นห้องพัก อาจารย์สาวซื้อ เบียร์ลาว ที่เขียนว่าเบยลาวอันเลื่องชื่อและคนไทยเอามาล้อกันสนุกปากว่าเป็น เขยลาว มาขอชิมสองกระป๋อง

เบียร์ลาว (ເບຍລາວ) ผลิตโดยบริษัท ลาวบริวเวอรี จำกัด เป็นเบียร์ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงที่สุดถึงเก้าสิบแปด%นับเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมและเชิดหน้าชูตาของประเทศ

คนขายยังได้แนะนำเหล้าข้าวก่ำ ให้กับอาจารย์สาวอีกด้วยความเป็นคนอยากรู้อยากลองทำให้มาฆวรัตน์ซื้อมาหนึ่งขวด

ข้าวก่ำ(Purple Rice) เป็นข้าวพื้นเมืองภาคพื้นทวีปของเอเชียมีหลายชื่อ ชื่อที่คนภาคกลางรู้จักกันดีคือ ข้าวเหนียวดำ (Black StickyRice)

ข้าวก่ำนั้น นอกจากจะมีการนำมาบริโภคในรูปของอาหารแล้วยังมีการนำมาใช้เป็นยารักษาโรคอีกด้วย โดยพบว่าในสมัยก่อนหากสตรีใดคลอดลูกและมีการตกเลือดมากจะนำเอาต้นข้าวก่ำมาต้ม เคี่ยวน้ำให้งวดลงเล็กน้อยแล้วให้กิน

“คืนนี้ถ้าเมาแล้วจะทำยังไงคะ น้ำผึ้งดูแลพี่ไม่ไหวหรอกนะคะ”

สาวเชียงคานบ่นๆพี่เก๋ต้องขับรถทางไกลอีก ก็เธอเป็นห่วง

“กับเบียร์แค่สองกระป๋องแล้วก็เหล้าขวดนึงนี่นะคะบ่ยั่นหรอกแม่นาง อีกอย่างน้ำผึ้งก็ช่วยพี่กินด้วยสิคะ”เก๋ออกตัวมีแผนร้ายประสงค์รัก

“คิดจะมอมเหล้าน้ำผึ้งหรือไง”

หญิงสาวเท่าทันทำเอามาฆวรัตน์ยิ้มเอ็นดูในความฉลาดเฉลียว

“บร้าใครเค้าจะทำแบบนั้นกัน ไปเถอะค่ะ ขึ้นห้องกัน มีเรื่องสนุกๆรออยู่เยอะเลย”

อาจารย์สาวเชิญชวนด้วยประโยคให้ไปตีความได้อีกไกลสาวรุ่นเขินอายม้วนต้วน แต่ก็จูงมือนายจ้างไปอย่างว่าง่าย

..........................

ที่กรุงเทพฯ

สองสาวสวยคุยกับอาจารย์ยามาโมโต้เสียจนเพลินกระทั่งลืมเวลาไปมารู้ตัวอีกทีก็ค่ำมืดเสียแล้วจึงได้ร่ำลาปราชญ์ผู้น่าเลื่อมใส รัตติกาลขับรถมาส่งชิออนที่บ้านอย่างเสียมิได้ทั้งๆเจ้าตัวอยากใช้เวลาอยู่กับลูกครึ่งสาวให้นานเท่านานเมื่อรถคันงามมาถึงหน้าบ้าน สาวเท่จึงอ้อนวอนขอเข้าห้องน้ำและดื่มกาแฟสักแก้ว

ชิออนจนใจมิอาจบอกปัดด้วยมารยาทที่ดีและเพื่อการสานสัมพันธ์ ลูกครึ่งสาวพาแขกเข้ามาในบ้านของเพื่อนรักไนท์ทำทีเป็นขอเข้าห้องน้ำทั้งที่ไม่ได้รู้สึกปวดหนักปวดเบาสาวเจ้าเล่ห์ถือโอกาสและวิสาสะสำรวจตัวบ้านไปในคราวนี้ชิออนชี้มือไม้บอกทางและขอตัวไปชงกาแฟให้

รัตติกาลเดินไปที่ห้องน้ำสังเกตเห็นว่า ในบ้านขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ได้รับการตกแต่งเป็นอย่างดี แม้จะมีแต่ตู้หนังสือบ่งบอกว่าเจ้าของบ้านน่าจะเป็นหนอนหนังสือตัวแม่ไนท์มองไปทางใดก็ให้เห็นแต่รูปของสาวสวยอีกนางหนึ่ง เธอกลับมานั่งที่โซฟายาวรับแขกก็ยิ่งขุ่นเคืองเมื่อเห็นกรอบรูปบานหนึ่งตั้งอยู่ที่โต๊ะกระจกมันเป็นรูปของชิออนกับแม่คนสวยคนนั้น อยู่ในท่าทางที่กำลังป้อนไอศกรีมให้กันและกัน

อิจฉาริษยาวิทยาเป็นที่ตั้งรัตติกาลมโนไปไกลว่า คนในรูปคงไม่แคล้วเป็นเจ้าของหัวใจของชิออน

‘ช่างปะไรจะแย่งเสียอย่าง’

สาวเท่ทึกทักเอาอย่างนั้นพยายามเก็บซ่อนอาการไม่พอใจและสันดานดิบเอาไว้ให้มิดชิดเป็นจังหวะเดียวกับที่เจ้าของบ้านเดินเข้ามาพร้อมถ้วยกาแฟในมือ

“ได้แล้วค่ะกาแฟร้อนๆ แต่ดื่มตอนนี้อาจจะตาแข็งหลับไม่ลงได้นะคะ”ชิออนวางแก้วกาแฟและนั่งลงข้างๆ

“แม้ไม่มีกาแฟถ้วยนี้ไนท์ก็หลับไม่ลงอยู่แล้ว”

ไม่พูดเปล่ารัตติกาลขยับตัวเข้ามาใกล้เอามือของตนมาเกาะกุมอีกฝ่าย

ชิออนสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ไม่มากไปกว่านั้น หล่อนไม่ได้ดึงมือกลับด้วยเพราะอยากรู้บทเกี้ยวตอนต่อไป แค่นั้นไม่ได้มีอะไรพิเศษ

“รู้ไหมว่าไนท์ตกหลุมรักชิออนตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาเจอหน้าใสๆของชิออนเมื่อคืนบนรถจากนั้นทุกเวลาที่เราห่างกันไนท์ก็เฝ้าแต่เห็นใบหน้าขาวนวลผุดขึ้นมาในความคนึงตลอด ไนท์ไม่สนใจหรอกนะว่าชิออนจะมีใครอยู่ดูแล ขอโอกาสให้ไนท์ได้เข้ามาใกล้ชิดพบเจอพูดคุยบ้างเท่านี้ก็สุขใจที่สุดแล้ว”

ประโยคหวานหูแต่ไม่ได้ทำให้คนฟังหวามไหวชิออนอึ้งไปพัก เพราะไม่คิดว่ามันจะรวดเร็วขนาด แม้จะไม่เคยรับฟังหญิงใดมาโอ้โลมปฏิโลมแบบนี้มาก่อนลูกครึ่งสาวใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว มีเพียงยิ้มน่ารักๆออกมาจากมุมปากมองไปที่นัยน์ตาใสเป็นประกายของอีกฝ่ายคล้ายค้นหาความจริงใจชนารดีต้องการรู้ถึงจุดลงเอยของบทรักตอนนี้

ไม่ต้องรอนานสาวมั่นโน้มใบหน้าใสเข้ามาใกล้หวังจะเผด็จศึกแม่นางน่ารักน่าชังที่ดูเหมือนจะคล้อยตาม

“เพล้งงงง!!”

“ว้าย!!”

สองสาวสะดุ้งตกใจชิออนสลัดมือออกจากคนข้างๆด้วยความหวาดหวั่น หล่อนโดนเล่นงานเข้าอีกแล้ว

แก้วกาแฟตกมาจากโต๊ะแตกกระจายน้ำนองเต็มพื้น มันลงมาเองแบบไม่มีสาเหตุ แต่ชนารดีเข้าใจได้ทันทีว่าสาเหตุคืออะไรหล่อนกวาดสายตาไปรอบๆ ภาวนาว่าอย่าให้เกิดอะไรผิดสำแดงไปมากกว่านี้หล่อนยังต้องการให้รัตติกาลเป็นเพื่อนร่วมทาง

ไนท์เซ็งสุดชีวิตหมดมู๊ด อารมณ์รักกระเจิงไปทันใดจะ เคลมได้อยู่แล้วเชียว

“ไนท์กลับไปก่อนดีกว่าดึกแล้วด้วยชิออนขอเก็บเศษแก้วก่อนนะคะ เดินระวังด้วยนะคะเศษอาจกระเด็นไปไกล ขอโทษที่ไม่ได้ไปส่งพรุ่งนี้เจอกันค่ะ”

ชนารดีได้โอกาสไล่แขกรัตติกาลหัวเสีย หล่อนไม่ชอบให้ใครมาออกคำสั่ง แต่ก็ปั้นหน้าตอบกลับไป

“ค่ะเอางั้นก็ได้”

รัตติกาลทำหน้าเซ็งโลกกำลังจะลุกเดินไป

“ชิออนดีใจที่ไนท์รู้สึกดีกับชิออนนะคะแต่ชิออนแค่ขอเวลาหน่อย เราเพิ่งเจอกันเอง”

เจ้าบ้านทิ้งท้ายแบบที่คนฟังมีความหวังเรืองรอง รัตติกาลยิ้มกว้าง พูดออกไปแบบไม่คิด

“ไนท์ก็ดีใจที่ชิออนให้โอกาสแน่นอนค่ะ เรายังต้องเรียรุ้กันอีกมาก บ๊ายบายนะคะ พรุ่งนี้เช้า ไนท์จะมารับ”

สาวมั่นพูดและเดินออกจากบ้านไปเมื่อให้หลัง ชิออน มองดูผลงานของใครบางคนที่ทำเอาไว้หล่อนจัดการเก็บเศษแก้วที่เกลื่อนกระจายจนเรียบร้อยและเดินขึ้นไปชั้นบนในใจก็ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ แล้วก็หลุดขำออกมา

‘วิธีการจีบของสาวเท่ดูไม่ค่อยเป็นลำดับขั้นเท่าไหร่เมื่อกี้ยังจะหาเรื่องฟักกับเราอยู่เลย มาตอนนี้ทำเป็นขอโอกาส แม่เสือสาวคนนี้ไวไฟน่าดูคราวหน้าคงต้องระวังระไวให้จงดี’

สาวลูกครึ่งฉลาดพอที่จะเรียนรู้จิตใจมนุษย์ว่ายากแท้หยั่งถึง ความสะสวยเป็นเพียงเปลือนอกที่ฉาบเอาไว้ แม้จะ เสแสร้งและสวมหน้ากากเข้าหากันแต่ไม่มีใครหรอกที่จะสามารถสวมหน้ากากไปได้ตลอด เมื่อถึงเวลาตัวตนที่แท้จริงก็จะเปิดเผยออกมา




 

Create Date : 24 เมษายน 2558    
Last Update : 24 เมษายน 2558 10:18:34 น.
Counter : 529 Pageviews.  

1  2  3  

writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.