Group Blog
 
All blogs
 

โปรดเรียกหนูว่า...มาเฟียรี่10

Practice

ฝึกปรือ

ช่วงเย็นศุภสุตาพาเกตน์นิภาออกมาวิ่งที่สวนสาธารณะ หลายๆคน มีความเข้าใจว่าการออกกำลังกายช่วงเช้าเป็นสิ่งที่ดีความจริงนั้น ช่วงเช้าร่างกายของเรายังตื่นไม่เต็มที่ดังนั้นการออกกำลังกายในช่วงเย็นจึงดีกว่าและยังทำให้หลับสบายอีกด้วย

“อะไรนะคะวิ่งไปกลับสี่รอบ เกตได้ขาดใจตายแน่ๆ” บัตเลอร์สาวถอดใจตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้น

“ร่างกายจะได้ฟิตๆไงคะไม่ต้องห่วงเดี๋ยวจะวิ่งไปเป็นเพื่อนนะ” แป้งให้กำลังใจ

สองสาวสวยวิ่งคู่กันผ่านไปหนึ่งรอบเกตเริ่มถูกทิ้งห่างโดยนายสาวจนแป้งต้องชะลอฝีเท้า เมื่อเหลียวหลังกลับมาดูเกตน์นิภานั่งหอบอยู่ที่ริมทางเดินเหงื่อโทรมกาย แป้งหยิบผ้าซับเหงื่อมาซับให้แม่บ้านสาวเบาๆ

“วันสองวันแรกมันจะเหนื่อยมากร่างกายยังไม่ชิน ต่อไปหล่อนวิ่งได้ชิวชิวเลยล่ะ”

ปล่อยให้ระบบหายใจเป็นปกติได้สักพักก็ฉุดนักวิ่งหน้าใหม่ให้ขึ้นมาวิ่งต่อ เกตวิ่งไปได้สักพักก็ร้องลั่น

“โอ้ย! โอ้ย! นาย เกตเจ็บ”

สิ้นเสียงร้องแม่บ้านสาวร่างเล็กก็นั่งจ้ำเบ้าลงไปที่พื้นมือน้อยๆกุมไปที่น่อง แป้งตกใจหันมาดูรีบเดินเข้ามา คุกเข่าดูอาการพอรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไรก็หัวเราะร่าออกมา

“ฮิฮิไงยัยตัวดี ตะคริวกินเอาแล้วเห็นมั้ย อยู่นิ่งๆนะอย่าเกร็ง”

มาเฟียสาวจัดการยืดขาคนเป็นตะคริวออกมาตรงๆให้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อเกตร้องลั่น

“โอ้ย! นาย เกตเจ็บ เบาๆสิคะ”

“นิดหน่อยน่าอย่าเกร็งสิคะ”

สาวรุ่นหน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดแป้งนั่งลงหลังคลายกล้ามเนื้อเสร็จ

“เอาล่ะวันแรกทำได้เท่านี้ก็น่าพอใจมากแล้ว เดินไหวมั้ยคะ เรากลับบ้านกัน”

นายสาวพยุงคนร่างเล็กขึ้นมาขาที่ยังไร้เรี่ยวแรงทำให้ทรงตัวไว้ไม่อยู่เซมาอยู่ในอ้อมกอดของมาเฟียสาว

“อย่าไปทำแบบนี้กับใครนะชั้นโกรธตายเลย” แป้งกระเซ้ายิ้มกว้าง

“ค่ะก็มีนายคนเดียวแหล่ะที่แกล้งเกตได้ขนาดนี้”สาวรุ่นตอบโต้

“ใครแกล้งเปล่านะ ฝึกร่างกายมันก็ต้องจริงจังสิคะ เกตต้องไปอยู้ในดงเสือดงจรเข้นะชั้นตามไปปกป้องหล่อนไม่ได้ตลอดเวลา ต้องรู้จักปกป้องตัวเองรู้มั้ยคะ” ทั้งน้ำเสียงแววตาบ่งบอกว่าเป็นเช่นนั้นจริง

“นาย...นายห่วงเกตหรือห่วงงาน”หญิงสาวอยากรู้ความในใจ

“ก็...ก็ทั้งสองอย่างอ่ะ” คนฟังหน้างอสะบัดหน้าไปอีกทางนายสาวยิ้มออกมาทั้งเอ็นดูในความน่ารักน่าตี

“โอ๋ๆต้องห่วงคนสิคะ ถ้าคนไม่เป็นอะไรงานก็ตามมาเอง”

นายสาวพูดและลูบไปที่หัวของสาวร่างเล็กเกตรับรู้ถึงความรู้สึกอบอุ่นจากหญิงสาวตรงหน้า การกระทำสำคัญกว่าคำพูด แม้นายสาวจะไม่เคยเอ่ยวจีใดๆว่าชอบหรือรักเธอแต่เกตน์นิภาก็สุขใจแล้ว ที่นายสาวแสดงความเป็นห่วงเธอออกมาเช่นนี้

แป้งพยุงร่างบัตเลอร์คู่ใจมาถึงหน้าบ้าน ทั้งคู่นั่งพักตรงม้านั่งในสวน

“ดีขึ้นรึยังเอ่ย”ศุภสุตาถาม เกตพยักหน้า

“จันจัน เอายานวดคลายกล้ามเนื้อมาให้หน่อยสิ”

นายใหญ่ตะโกนเรียกสาวใช้ไม่นานจันก็เอายามาให้ แป้งรับยาหลอดนั้นมา บีบใส่มือและจับขาเกตมานวด

“นายนายทำอะไรคะ ไม่เอา เดี๋ยวเกตทำเอง”

สาวรุ่นปฏิเสธพัลวันมันไม่เหมาะเลยที่เจ้านายจะมาทำอะไรแบบนี้กับสาวใช้

“ไมอ่ะอย่าดิ้นสิ ยาเลอะหมดแล้ว”

“มันไม่ดีอ่ะค่ะนายเป็นเจ้านายเกตนะ มาทำอะไรแบบนี้มันไม่เหมาะ” เกตพยายามเตือนสติให้นายสาวรู้ตัวแต่แคร์ที่ไหนกัน

“ชั้นทำในฐานะอื่น”

เกตอายหน้าแดงเพราะรู้ดีแก่ใจว่ามันหมายความว่ายังไง ไม่รู้เป็นอะไรได้ยินคำพวกนี้แล้วสาวรุ่นใจเต้นตูมตามทุกครั้งไป

“นายอ่ะเค้าเขินนะ”

“เหรอแล้วแบบนี้อ่ะ” แป้งจุ๊บไปที่แก้มใสๆของคนขี้อายหนึ่งที

“อุ๊ยนายอ่ะอายคนอื่นเค้านะคะ” สาวรุ่นพูดได้เท่านั้นก็โดนระดมจูบอีกชุดใหญ่ เกตน์นิภายกมือปัดป้องพัลวัน

“พอแล้วค่ะแก้มเกตช้ำหมดแล้วนะคะ”

มาเฟียสาวแกล้งจนพอใจและจูงมือสาวน้อยเข้าไปในบ้าน วันนี้คนในบ้านทานอาหารเย็นกันพร้อมหน้าพร้อมตาและคนร่วมโต๊ะก็เพิ่มขึ้นจากเดิมสี่คนตอนนี้เพิ่มเป็นหก

ก็แม่ลูกสาวคุณหนูทั้งสองต่างก็มีคนสนิทคนรู้ใจอยู่ข้างกายไม่ห่างตัวชายชนม์ผู้เป็นพ่อก็เข้าใจและไม่ว่าอะไร เรื่องส่วนตัวของลูกๆเขาไม่ยุ่งอยู่แล้ว

ชายชนม์บอกกับแป้งและปอนด์ว่าช่วงนี้เขายุ่งมากคงไม่ค่อยอยู่ติดบ้าน ลูกสาวทั้งสองก็ไม่พูดอะไรเข้าใจดีส่วนเรื่องที่ปอนด์ไปมีเรื่องเอาไว้ กับเรื่องวุ่นๆของแป้งนายใหญ่ที่สุดของบ้านก็รับรู้มาก่อนหน้าจากมณี และเขาก็ไม่ได้ตำหนิอะไรเพราะถึงเวลาที่ลูกๆควรจะจัดการปัญหาได้ด้วยตัวเอง เพราะวันหนึ่งข้างน้าหากไม่มีบารมีเขาคุ้มหัวอยู่ลูกๆทั้งสองก็ต้องเรียนรู้ที่จะสร้างมันขึ้นมาเองและอยู่ในโลกสีเทานี้ให้ได้ชายชนม์ลุกจากโต๊ะเดินไปที่ตึกสีเทา ทิ้งให้ลูกๆอยู่กันตามประสาส่วนมณีก็ขอตัวไปพักผ่อน

“ป้าขอตัวนะคะรู้สึกแน่นๆ”

“เกตว่าจะถามป้าอยู่เหมือนกันค่ะเกตเห็นป้าดื่ม น้ำเต้าหู้ทุกวันเลย” หมอยาประจำบ้านตั้งข้อสังเกต

“มันไม่ดีเหรอคะ”

“น้ำเต้าหู้ดีค่ะเพียงแต่ว่าไม่ควรทานบ่อยเกินไปเพราะว่ามันจะไปลดประสิทธิภาพการย่อยของกระเพาะอาหารลงเกินกว่าครึ่งหนึ่งทีเดียว ที่ป้ารู้สึกท้องอืดเป็นเพราะอาหารมันไม่ย่อยค่ะ”

ผู้สูงวัยทำหน้าไม่เชื่อ

“ป้าไม่ต้องเชื่อเกตนะคะแต่ลองลดน้ำเต้าหู้ลง สังเกตดูว่าระบบการย่อยดีขึ้นไหมค่ะ” บัตเลอร์สาวเพียงให้คำแนะนำของแบบนี้ต้องลองปฏิบัติเองเห็นเองเจ้าตัวจึงจะเชื่อ

“ค่ะงั้นป้าไปก่อนนะคะคุณๆ” มณีเดินออกไป คราวนี้ก็เหลือกันแต่สี่สาวสวย

“เดี๋ยวเราไปอาบน้ำถูหลังกันนะคะวันนี้จะถูหลังให้คนเป็นตะคริว” แป้งพูดกับแม่บ้านสาวหวังเช็คอาการน้องตัวดีไปในที

“แหมๆมีอาบน้ำถูหลังให้กันด้วย เชอะ ไปกางเขนเราก็ไปอาบน้ำกันบ้างดีกว่า”

อ้าวไหงมาตกเอาที่สาวรุ่นได้กางเขนหน้าแดง ก็หล่อนเคยอาบน้ำพร้อมกับนายน้อยซะที่ไหนกัน

“คุณปอนด์อ่าพูดอะไร กางเขนอายเค้านะ ไม่จริงนะคะ กางเขนไม่เคยอาบน้ำพร้อมคุณปอนด์เลย”

“ก็วันนี้ไงไป เราจะน้อยหน้าเขางั้นเหรอ” นายน้อยคะยั้นคะยอล๊อบบี้สุดฤทธิ์

“คุณปอนด์อ่ะ”

ทั้งโต๊ะหัวเราะกันลั่นเว้นแต่สาวรุ่นคนเดียว เธอไม่สนุกด้วยเลยสักกะติ๊ด

“ไปกันเถอะค่ะ ทิ้งให้เขาเคลียร์กันเอง เสร็จแล้วคืนนี้จะสอนให้เล่นโป๊กเกอร์”

แป้งจูงมือเกตขึ้นข้างบนเป็นอันว่าชัดเจนแล้วว่า น้องสาวตัว ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับแม่บ้านข้างกายเจ้าเสน่ห์ผู้นี้อีกต่อไปแป้งยิ้มอย่างมีความสุขที่สุด เดินผ่านหน้ารูปแม่เจี๊ยบและกล่าวว่าฝันดีค่ะแม่เช่นเคย

ศุภสุตาเดินโทงๆออกมาจากห้องน้ำแม่บ้านสาวก็เดินตามออกมาในสภาพเดียวกันมันกลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้วกับคนทั้งสองศุภสุตาเดินมานั่งที่โต๊ะเครื่องแป้ง เกตน์นิภาหยิบผ้าเช็ดผมมาเช็ดให้นายสาวเอาเสื้อคลุมมาคลุมให้และจัดการกับตัวหล่อนเอง แป้งเดินมานั่งที่โซฟายาวหยิบไพ่หนึ่งสำรับมาวางบนโต๊ะ เกตนั่งลงตาม

“คงจำได้คร่าวๆใช่มั้ยว่ามันเป็นยังไง”

“ค่ะแต่ยังไม่ค่อยเข้าใจวิธีนับแต้มอ่ะค่ะ”

“เขาก็นับแต้ม เริ่มจากต่ำสุดคือ 2 ไล่มาจนถึง 10, J, Q K , A ค่ะ แล้วสัญลักษณ์โพธิ์ดำแบบนี้ใหญ่สุดรองลงมาก็เป็นโพธิ์แดง ข้าวหลามตั่ดแล้วก็ดอกจิก”

นายสาวหยิบไพ่สัญลักษณ์ต่างๆให้แม่บ้านสาวดู

“ถัดมาก็จะเป็นไพ่แต้มสูง ได้แก่รอยัลสเตรทฟลัช (Royal Straight Flush) คือไพ่ที่ประกอบด้วยA , K , Q , J , 10 ที่มีดอกเดียวกัน ดอกได้ก็ได้(ถ้าหากมีเหมือนกันให้ถือว่าโพดำใหญ่สุดแบบนี้ค่ะ”

แป้งเรียงไพ่ให้ดู สาวน้อยพยักหน้าค่อยๆเรียนรู้

“โอกาสที่จะเกิดไพ่แบบนี้มีเพียง0.0015% เท่านั้น”

“โห อย่างนี้ก็ชนะใสๆเลยสิคะ” เกตทำตาลุกวาวนายสาวฉวยหอมไปทีแก้มทีนึง

“อุ้ย นายอ่ะ เล่นทีเผลออีกแล้ว” สาวรุ่นทำท่าทางจะเอาเรื่องแต่คนตรงหน้ากลับไม่สนใจทำท่าทีจริงจังอธิบายต่อ

“อือ แต่มันคงเป็นเรื่องฟลุ๊คเอามากๆเลย แล้วดูไพ่แบบนี้นะคะ”

ศุภสุตาเรียงไพ่ 5 ใบ ที่เรียงลำดับกันและมีดอกเดียวกัน

“แบบนี้เขาเรียกสเตรทฟลัช หรือเรียงสีค่ะ มันก็เหมือนกันกับรอยัลเพียงแต่แต้มไม่สูงเท่า ส่วนความน่าจะเป็นก็คือ 0.0015% เท่านั้น”

หลังจากนั้นแป้งก็สอนรายละเอียดเกี่ยวกับการนับแต้มทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น โฟร์การ์ดหรือQuad คือไพ่ที่มีแต้มเท่ากัน 4 ใบ ฟูลเฮ้าส์หรือ ตองคู่ ประกอบด้วยตองและคู่ ฟลัชหรือสี คือไพ่ที่มีดอกเดียวกัน 5 ใบและสเตรทหรือเรียง คือเป็นไพ่ดอกใดก็ได้ที่มีแต้มเรียงลำดับต่อกัน 5 ใบ

“พอเข้าใจไหมคะสาวน้อย”

นายสาวมองไปที่ใบหน้าคนงงๆ ทำไมเธอต้องมาเรียนอะไรแบบนี้ด้วย?เกตพยายามทำความเข้าใจแต่ก็ไม่วายสงสัยอยู่ดี

“ก็พอเข้าใจค่ะ แต่ถ้าได้เห็นวิธีเล่นหรือว่าลองเล่นจริงๆคงเข้าใจได้เร็วขึ้น”

ศุภสุตายิ้มออกมา หล่อนหยิบไอแพดขึ้นมา เปิดยูทูบให้แม่บ้านสาวดูเกมการแข่งขันจริงหลังจากนั้นก็เปิดโปรแกรมแบบออน-ไลน์ให้เกตลองเล่น

ผ่านไปราวชั่วโมงเศษ เกตน์นิภายังง่วนอยู่กับการเล่นโป๊กเกอร์บนโลกออน-ไลน์ส่วนนายสาวก็ผลอยหลับไปบนตักหล่อน

เมื่อรู้สึกตัวเหลือบดูเวลาก็ตกใจ และคิดได้ว่าการพนันมันเป็นแบบนี้นี่เอง ถ้าใครจิตอ่อนก็จะลุ่มหลงหมกมุ่นและตกเป็นทาสมันได้โดยง่ายเกตวางไอแพดและปลุกนายสาวให้ไปนอนบนเตียง สาวรุ่นล้มตัวลงนอนข้างกายมาเฟียสาวแม้รู้ว่าสิ่งที่นายสอนมันจะเป็นสิ่งที่ไม่ดีหากถ้ามันเป็นการช่วยให้นายได้แก้ปัญหาหล่อนก็ยินดีและเต็มใจที่จะทำมัน

รุ่งขึ้นแป้งเรียกให้ปอนด์กับกางเขนอยู่ที่บ้าน เพราะว่าวันนี้จะมีการเรียนหลักสูตรการป้องกันตัวสำหรับผู้หญิงเบื้องต้น นายสาวติดต่ออาจารย์พิเศษมาสอนตัวต่อตัวถึงที่บ้านหล่อนบอกจันให้เปิดห้องออกกำลังกาย จัดวางเบาะและอุปกรณ์การฝึกไว้เรียบร้อย

ไม่นานอาจารย์พิเศษก็มาถึงแป้งแสดงความเคารพเพราะเคยเป็นศิษย์อาจารย์กันคุ้นเคยมาก่อน ครูฝึกชื่ออีริคเป็นชาวฝรั่งเศสที่อดีตเคยเป็นถึงหน่วยสืบราชการลับของฝรั่งเศส หน่วย MOSSAD อันลือลั่น

กล่าวกันว่าหน่วยนี้เก่งที่สุดในโลกมากกว่า CIA ของอเมริกา หรือว่า KGBของรัสเซียเสียอีกและชำนาญการต่อสู้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นแบบมือเปล่าหรืออาวุธหนักเบา

อีริคได้เมียสาวชาวไทย จึงตัดสินใจทิ้งชีวิตที่ลึกลับผาดโผนและมาใช้ชีวิตเรียบง่ายในเมืองไทยจากนั้นเขาได้เปิดสอนหลักสูตรการต่อสู้ขึ้น ซึ่งค่าเรียนนั้นแพงมากๆอีริคคิดค่าตัวชั่วโมงละ สองพันเหรียญ! นอกจากนี้ไม่ใช่ว่ามีสตางค์แล้วจะได้เรียนนั่นเพราะอาจารย์คนนี้เลือกผู้ที่จะสอนด้วยนั่นเอง อีริคพอพูดไทยได้ เพราะมาอยู่เมืองไทยได้เกือบสิบปีแล้ว

“เอาล่ะครับเราจะมาเริ่มเรียนถึงวิธีการป้องกันตัวกัน มีกฎง่ายๆอยู่ข้อเดียวนะครับและจงจำให้แม่น คือ การป้องกันตัวนั้นยาก แต่การจู่โจมนั้นง่าย”

สองสาวคือเกตและกางเขนทำหน้างงๆไม่เข้าใจสิ่งที่ฝรั่งตัวโตพูด

“ครูหมายความว่าเราจะต้องฝึกการป้องกันและหลบหลีกให้ชำนาญ อย่าเพิ่งคิดตอบโต้หรือบวกกลับเพราะมันอันตรายมาก โดยเฉพาะกับผู้หญิงตัวเล็กๆ เราไม่อาจสู้แรงปะทะได้”

ครูฝรั่งไซส์ยักษ์อธิบายเกตพยักหน้ารับ ส่วนกางเขนยังไม่ค่อยเข้าใจ

“เอาล่ะเวลาเราน้อย มาเริ่มเลยนะครับ ท่าแรกเป็นท่ายืนป้องกัน จะเริ่มจากการฝึกยืนตรงกางขาเล็กน้อยรักษาสมดุลของร่างกายไว้นั่น อย่างนั้น ดีมาก”

แป้งกับปอนด์อาสามาเป็นคู่ฝึกทำให้การเรียนรวดเร็วยิ่งขึ้น

“ดีมากทุกคนเข้าใจแล้วนะครับ จากนั้นก็ยืนเฉียงซ้าย เฉียงขวาแบบนี้”

อีริคยืนกางขาเล็กน้อยสืบเท้าขวามาอยู่ด้านหน้าและเอียงตัวเป็นแบบสี่สาวทำตาม

“คราวนี้ลองตั้งการ์ดดูนะครับเพื่อเป็นการป้องกันจะตั้งแบบกำมือทั้งสองข้างก็ได้กำข้างหนึ่งแบข้างหนึ่งก็ได้หรือว่าจะตั้งแบบแบมือทั้งสองข้างและยกแขนมาไขว้กันแบบนี้ดีมากครับ”

แป้งตั้งการ์ดเป็นเหมือนนักมวยปิดเป้าใหญ่ตรงหน้า มือหนึ่งแบออกอีกมือหนึ่งกำหมัดน้อยๆไว้อีริคเห็นว่าทั้งหมดทำตามได้แล้วจึงเริ่มขั้นตอนต่อไป

“โอเคต่อไปเป็นการเคลื่อนไหวนะครับ มีสเตปสืบเท้า แบบนี้ครับ”

ครูฝรั่งตัวโตแต่กลับเคลื่อนไหวคล่องแคล่วสอนการสืบเท้าโยกย้ายส่ายตัวไปด้วยทั้งทางซ้าย ขวาและหน้าหลังสี่สาวทำตามรู้สึกสนุกสนาน

“ต่อมาก็สปริงข้อเท้าถ้าคนไทยก็เรียกฟุตเวิร์คครับ ดีมากสาวๆ ต่อมาครับ เราจะเบี่ยงตัวซ้าย ขวา ดีครับไหนลองก้มตัวหลบซิครับ เก่งมากครับ”

อีริคสอนสเตปการเคลื่อนที่ทุกกระบวนท่าเน้นไปที่ความรวดเร็วในการเคลื่อนไหวร่างกายเล็กๆบางๆของทั้งเกตและกางเขนจึงไม่ใช่อุปสรรคต่อการฝึก

“โอเคทบทวนนะครับ ดีครับ” ครูฝรั่งสั่งทบทวนจนสาวๆเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว

“เอาล่ะครับถัดมาเป็นการเคลื่อนไหวทั้งสี่ทิศนะครับมันจะมีประโยชน์มากๆเวลาเราเจอคู่ต่อสู้ที่มีมากกว่าหนึ่งคน แบบนี้ครับ”

แป้งและปอนด์ทำท่าเป็นคู่ต่อสู้ยืนขนาบทั้งซ้ายและขวา ต่างก็สาวหมัด และเตะเข้ามาเกตก้มหลบหมัดของแป้งอย่างคล่องแคล่วและหมุนตัวหลบเท้าของปอนด์ส่วนกางเขนยังเงอะงะอยู่เล็กน้อย ชีวิตหล่อนเคยมาทำอะไรแบบนี้ที่ไหนกัน

“ดีมากครับเราพักกันสักห้านาทีนะครับ”

สี่สาวดื่มน้ำดื่มท่าหัวร่อต่อกระซิกและยืดเส้นยืดสายผ่อนคลายอิริยาบถ เมื่อครบเวลาพักก็เริ่มฝึกเรียนต่อ

”ต่อมาเราจะสาธิตถึงการถูกจับแขนด้วยมือข้างเดียว สองข้างและถูกล็อคคอนะครับ จากนั้นเราจะเบรกกลางวันกันแล้วช่วงบ่ายจะเริ่มฝึกการตอบโต้รวมไปถึงการป้องกันตัวเมื่อถูกทำร้ายด้วยอาวุธนะครับ”

ครูพิเศษฝึกสองสาวจนชำนาญจนมั่นใจได้ว่าหากถูกคนปองร้ายก็จะสามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์คับขันได้โดยการฝึกทั้งหมดจะเน้นไปที่การหลบหลีกเป็นหลักเมื่อคู่ต่อสู้เปิดช่องก็ฉวยโอกาสโจมตีอย่างรวดเร็วและเอาตัวรอดออกมา

หลังจากผ่านการฝึกอย่างเข้มงวดด้วยหลักสูตรเร่งรัดพิเศษเบื้องต้นครบถ้วน อีริคก็ขอลากลับไปสองสาวสวยนอนแผ่หราหมดแรง แป้งกับปอนด์ยิ้มหวานให้กัน เป็นอันว่าเกตพร้อมเข้าสู่สนามรบแล้ว...

หลังจากนั้นอีกหนึ่งสัปดาห์เต็มเกตกับกางเขนก็จะต้องมาฝึกที่ห้องนี้ทุกวันโดยมีคู่ฝึกเป็นคุณหนูทั้งสองนั่นเอง จนทั้งสองเริ่มชำนาญขึ้นเรื่อยๆและแป้งเห็นแล้วว่า พอไปวัดไปวาได้ จึงเริ่มสอนด้วยมีดคารัมบิต

สองสาวเรียนรู้อีกสามวันแป้งก็จัดบททดสอบขึ้นโดยให้ลูกสมุนของพ่อมาเป็นคู่ประลองเชิง

คู่ต่อสู้ของเกตเป็นชายร่างสูงเกือบร้อบแปดสิบเมื่อยืนเทียบกันแม่บ้านสาวนั้นสูงแค่ไหล่

“ไม่ต้องกลัวนะคะคิดว่าเขาตัวเล็กกว่าเราสิ สู้ๆนะคะสาวน้อย” ศุภสุตาให้กำลังใจบัตเลอร์สาวที่ยืนตัวสั่น

หนุ่มร่างสูงถือมีดสาวเท้าก้าวเข้ามา เกตตั้งการ์ดตามอย่างที่เรียนมา ทันใดนั้นชายหนุ่มก็ปรี่เข้าจ้วงมีดจะแทงเกตเบี่ยงตัวหลบฉากอย่างไวไปทางด้านซ้าย คู่ต่อสู้เหวี่ยงมีดกลับหมายซ้ำทำให้เปิดช่องโหว่เข้าที่ด้านข้างเกตใช้ท่อนแขนน้อยๆฟาดเข้าไปที่ต้นคอเต็มแรง ซ้ำด้วยการเตะผ่าหมาก

หนุ่มร่างยักษ์ทรุดตัวลงแม่บ้านสาวไม่รอช้าถีบเข้าที่ยอดอก ทำให้ชายหนุ่มล้มตึงสาวรุ่นรีบชาร์จเข้ามาใช้เท้าเหยียบที่ข้อมือแย่งมีดมาทำท่าแทง จบเกม...

“สุดยอดค่ะเยี่ยมมาก” นายสาวตะโกนให้กำลังใจเป็นอันว่าผ่าน...

เสียงปรบมือจากกองเชียร์ดังเกรียว

เกตน์นิภาโผเข้ากอดนายสาวด้วยความตื่นเต้นยินดี

“เกตทำได้ทำได้จริงๆ นายดูสิ ไอ้ยักษ์นี่ล้มไปแล้ว” เธอพร่ำออกมาอย่างกับเด็กน้อยเริงร่ายิ้มหน้าบานเป็นจานเชิง

“ค่ะเกตเก่งมาก แต่สถานการณ์จริงมันคับขันอันตรายมากๆนะ เกตต้องมีสติและอย่าประมาทจำไว้นะคะ”

มาเฟียสาวกำชับและกระชับวงกอดแน่นส่วนกางเขนนั้นไม่ต้องทดสอบ เพราะแป้งตั้งใจให้เรียนรู้ไว้เผื่อยามฉุกเฉินเท่านั้น

“เอาล่ะจากนี้อีกสามวันเราจะไปเจอเฮียอ้วนกันวันนั้นจะมีงานประมูลของเก่าหายากเกตจะต้องโดดเด่นที่สุดในงาน”

เกตน์นิภาทำหน้างงๆ

อีกแล้วนายที่รักจะให้หล่อนไปทำอะไรพิเรนทร์ๆอีก สาวรุ่นรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงไม่น้อย

รุ่งขึ้นแป้งพาแม่บ้านสาวไปทำสวยเข้าสปาและจับแต่งเนื้อแต่งตัวเสียใหม่ หลังจากออกจากสปาศุภสุตาตะลึงงันกับความงามตรงหน้า

“เกตเกตสวยจริงๆเลยค่ะ”

“นายทำไมต้องให้เกตทำอะไรแบบนี้ด้วยคะ เกตไม่ชอบเลยอ่ะ” เกตน์นิภาบ่นอุบ

“เอาน่าเห็นมั้ยว่าน่ารักน่ากอดขนาดไหน นึกไม่ถึงเลยจะมีเมียสวยขนาดนี้” นายสาวกระเซ้า

“นายอ่ะ”เกตเขินตามเคย

“เอาล่ะเกตคะฟังไว้นะ จากนี้ไป เกตคือมิสซูซี่ เป็นลูกครึ่งลูกสาวมาเฟียจากไต้หวันและเข้างานประมูลของเก่าอีกสองวันถัดจากนี้ เพื่อเข้าถึงตัวเฮียอ่ำเกตต้องทำทุกวิถีทางให้เฮียอ้วนหลงให้ได้ เข้าใจนะ”

“นี่นายจะใช้เกตเป็นนางนกต่อ?”

“ถูก”

“นายไม่กลัวว่าเกตจะพลาดเหรอคะ”

“high risk highreturn หล่อนเคยได้ยินไหม”

เกตน์นิภาจำใจรับแผนร้ายของนายรักแม้จะรู้ว่าเสี่ยงก็คงต้องขอลอง...

วันงานศุภสุตานัดคุยกับชัยทางหนึ่ง เพื่อดึงความสนใจจากลูกน้องเก่าและปล่อยให้เกตไปกับปอนด์ที่งานประมูล ป้ามณีกับจันช่วยเกตแต่งตัว โดยมีนายสาวคอยกำกับอีกทีหนึ่งเกตน์นิภาอยู่ในชุดราตรียาวสีดำ การแปลงโฉมทำให้หล่อนสลัดคราบแม่บ้านกิ๊กก๊อกทิ้งไปณ ตอนนี้หล่อนคือมิสซูซี่ ไฮโซสาวชาวไต้หวัน

“ดูแลตัวเองดีๆนะคะอย่าประมาท มีอะไรให้รีบกลับมาที่รถ ปอนด์จะรออยู่ด้านนอก”

เกตน์นิภาใจหายเล็กๆที่ต้องจากนายสาวหนึ่งเดือนที่ผ่านมาตัวติดกันตลอดแทบไม่คลาดสายตากันเลยนี่เจ้านายยังใจร้ายปล่อยหล่อนไปเผชิญหน้ากับมาเฟียใหญ่ตัวเก๋า แบบต้องฉายเดี่ยวอีก

“นายคะเกตรักนายนะ เกตอยากบอกกับนายเผื่อว่า...” แม่บ้านสาวเข้าสวมกอดนายใหญ่

“บ้าสิคะมาพูดเรื่องเป็นตายเอาตอนจะออกรบแบบนี้มันเสียฤกษ์หมด”

แป้งตัดบทเพราะรู้ว่าสาวน้อยของหล่อนจะพูดอะไรต่อ หล่อนจุมพิตเข้าที่ริมฝีปากอวบอิ่มของคนรู้ใจหวังให้ความอบอุ่นและกำลังใจพอถอนริมฝีปากออกมา แม่บ้านสาวจึงพูดขึ้น

“ไปกันเถอะค่ะนายได้เวลาแล้ว”

สองสาวสวยมาดมาเฟียเดินลงบันไดคู่กันมาปอนด์ตาค้างกับภาพตรงหน้า ดั่งเหมือนพญาหงส์สองตัวบินเคียงคู่กัน กางเขนก็ขนลุกซู่เกตราศีจับจริงๆ ส่วนนายใหญ่ก็ไม่ต้องพูดถึง รัศมีมาเฟียผู้มากบารมีแผ่ซ่านมาแต่ไกล

“ปอนด์ชั้นฝากเกตด้วยนะ ตอนนี้เราต้องทำงานกันเป็นทีม มีอะไรแกต้องปกป้องเกตอย่าให้บอบช้ำแม้รอยเล็บข่วน เข้าใจมั้ย”

“จ้าแม่นางสิงห์ปอนด์ก็ห่วงและหวงเกตไปไม่น้อยไปกว่าแป้งหรอก”

สามสาวสวยเดินมาหาป้ามณีขอพรจากผู้อาวุโสที่เคารพรักเปรียบเหมือนแม่แท้ๆ

“คุณหนูทั้งสองและหนูเกตขอให้โชคดีมีชัยสำเร็จลุล่วงตามแผนนะคะ ป้าจะเป็นกำลังใจให้ตรงนี้”

สามสาวไหว้ลาปอนด์หันมาสวมกอดกางเขนที่เริ่มจะน้ำตาไหล

“นี่ปอนด์ไม่ได้ไปสงครามนะ ร้องไมอ่ะ อย่าทำให้ใจเสียสิ”

กางเขนไม่ได้พูดอะไรคลายอ้อมกอด แป้งมองที่รูปแม่เจี๊ยบ

“แม่คะคุ้มครองแป้งปอนด์และคนของแป้งด้วยนะคะ”สามสาวมุ่งหน้าปฏิบัติภารกิจด้วยใจที่มั่นคง




 

Create Date : 06 มีนาคม 2558    
Last Update : 6 มีนาคม 2558 20:47:20 น.
Counter : 681 Pageviews.  

โปรดเรียกหนูว่า...มาเฟียรี่9

ตอน 10 จะลงเป็นตอนสุดท้ายนะคะ พร้อมกับการเปิดจองหนังสือ และไฟล์

ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามและชื่นชอบชอบผลงานของนักเขียนมือใหม่คนนี้นะคะ

อนงค์รดี

........................................


My hero my special one
หญิงเดียวในใจ

แป้งเข้าไปคุยธุระกับผู้จัดการคาสิโน ราวครึ่งชั่วโมงก็เดินออกมา หอบหิ้วกระเป๋าออกมาหนึ่งใบใหญ่ และชวนแม่บ้านสาวกลับ

ระหว่างทางที่จะข้ามกลับฝั่งไทยแป้งเห็นพระธุดงค์อยู่รูปหนึ่งกำลังเดินอยู่ริมถนน คนบาปหนาอย่างหล่อนต้องทำบุญเสียหน่อย

ธุดงค์ หมายถึงความสันโดษมักน้อยในเรื่องความเป็นอยู่ พระธุดงค์จึงเป็นผู้มักน้อยในเรื่องของขบฉัน เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัยหลับนอนและยาบำบัดโรคาพยาธิ

พระธุดงค์จำเป็นที่จะต้องเดินทางไปในที่ทุรกันดาร รกร้างและป่าเขาเพื่อกำจัดกิเลสตัณหาทีมีกองอยู่ในขันธสันดานให้เหือดหาย

นายสาวบอกให้คนรถจอด และจูงมือเกตน์นิภาลงมาจากรถ ทั้งสองก้มลงกราบพระรูปนั้นมองจากวัตรปฏิบัติก็รู้ได้ว่าเป็นอริยสงฆ์ที่ควรแก่การกราบไหว้ ศุภสุตานิมนต์หลวงตาไปที่ใต้ต้นไทรใหญ่ร่มรื่นที่อยู่ใกล้ นายสาวสั่งให้คนรถกลับไปเอาอาหารที่คาสิโนมาถวายเพล

“ไปไหนกันมาเหรอโยม กำลังจะกลับฝั่งไทยใช่ไหม”

“เอ่อ...”

ต่อหน้า พระถ้าจะโกหกก็ยิ่งเป็นการสร้างบาปกรรม กรรมหนักเสียด้วย เอายังไงดี สองสาวสบตาทำหน้าเลิ่กลั่ก

“อาตมาไม่ได้อยากรู้เรื่องผู้อื่นหรอกนะ แค่ถามไถ่แบบที่คนไทยเขานิยมทักทายกันเท่านั้นเอง” หลวงพ่อเข้าใจ

“หลวงพ่อรอสักครู่นะเจ้าคะ ดิฉันกำลังให้คนไปเตรียมสำรับมาถวาย” แป้งเรียนและถามต่อ

“เอ่อ ไม่ทราบว่าหลวงพ่อเป็นพระที่ฝั่งไทยหรือว่าฝั่งนี้เจ้าคะ” มาเฟียสาวสงสัยเพราะหลวงพ่อท่านพูดไทยชัดมาก

“อาตมาจำวัดอยู่ที่อุบลฯโยม เมื่อปีกลายอาตมาก็ออกธุดงค์มาเรื่อยๆ ค่ำไหนก็นอนนั่น เดินจนเลยเข้าชายแดนที่ช่องเม็ก แล้วก็กำลังจะกลับเข้าไทยเอาที่ปอยเปตนี่แหล่ะ”

“โอ้โห! หลวงพ่อเดินไกลจังนะเจ้าคะ” เกตทำตาโต แค่หล่อนเดินไปตลาดก็แทบขาลากแล้ว

“มันอยู่ที่จิตนะโยม ทั้งหมดล้วนอยู่ที่เรากำหนด” หลวงพ่อเปรยเป็นคำสอนง่ายๆสั้นๆ

“เจ้าค่ะ” สองสาวรับคำพร้อมกัน

“ช่วงนี้ลำบากหน่อยนะโยมคนตัวสูงผมยาวน่ะ ทำอะไรขอให้จิตจับไปที่สติ แล้วโยมจะเห็นทางแก้ปัญหา อาตมาพูดได้เท่านี้ เพราะมันไม่ใช่กิจของสงฆ์” หลวงพ่อเคี้ยวหมากที่ชาวบ้านแถวนี้ถวายให้ก่อนพูดต่อ

ศุภสุตาตาวาวที่หลวงพ่ออ่านใจหล่อนออกว่ากำลังกลัดกลุ้มเรื่องงาน

“ส่วนโยมคนผมสั้น พ่อกับแม่ของโยมสบายดีไม่ต้องกังวลอะไร เพียงแต่หมั่นทำบุญกุศลอุทิศไปให้ท่านอย่าได้ขาด” หลวงพ่อพูดราวกับตาเห็น และเห็นเข้าไปถึงความรู้สึกข้างในของทั้งสองอุบาสิกา

“เจ้าค่ะ” อีกครั้งที่ทั้งสองรับคำพร้อมเพรียง

“โยมทั้งคู่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลายภพชาติ มันจึงไม่แปลกที่โยมทั้งสองจะมาใกล้ชิดกันในชาตินี้ แต่ก็นั่นอีกล่ะ มันไม่ใช่กิจของสงฆ์ที่อาตมาจะพูดได้มากกว่านั้น” หลวงพ่อพูด คายหมากห่อในเศษผ้า วางไว้ข้างหน้าสองสาวและล้วงเข้าไปในย่าม

“โยมมีผ้าให้อาตมาสักผืนมั้ย”

เกตเปิดดูในกระเป๋าสะพาย หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาและถวายผ้าเช็ดหน้าให้หลวงพ่อ ภิกษุรูปนั้นก็วางของลงบนผ้าผืนนั้นสองชิ้นรวมกับเศษชานหมากที่คายออกมา มันเป็นเครื่องรางของขลัง

“โยม อาตมาให้โยมทั้งสองเอาไว้ปกปักษ์รักษาตัวนะ”

หญิงสาวทั้งสองก้มลงกราบพระสงฆ์ตรงหน้า ก่อนจะหยิบเครื่องรางนั้นมาดู

“อันของโยมคนสูงเขาเรียกว่าเบี้ยแก้ ข้างในเป็นปรอท โยมเอาเก็บไว้ที่ตัวปกป้องคุ้มครองภยันตรายได้ดีนักแล แก้กันสิ่งอัปมงคลสารพัด ส่วนที่โยมผมสั้นถือ เขาเรียกโหงพราย”

“ห..โหงพราย”

เกตตกใจหน้าซีดเผือดเกือบทำเจ้าโหงพรายหล่นพื้น แต่ใจนี่สิหล่นตุ๊บไปแล้ว

แป้งก็มองมาที่แม่บ้านสาว หล่อนก็ไม่รู้จักเหมือนกัน แต่ฟังชื่อแล้วน่ากลัวชะมัดยาด

“โหงพรายนี้ อาตมาได้วิชามาจากพระอาจารย์อีกทอดหนึ่ง มันเป็นวิชาแรงสายเขมรที่สืบทอดมากว่าพันปี”

เกตพลิกดูหน้าหลังกับเครื่องรางที่ว่า ไม่เข้าใจว่าทำไมพระธุดงค์รูปนี้จึงให้เธอ

“เครื่องรางนี้ทำมาจากวัตถุอาถรรพ์หลายอย่าง ผสมรวมกัน อาตมาจะไม่บอกว่ามีอะไรบ้างเพราะมันไม่สลักสำคัญอะไร โยมรู้ไว้เพียงว่ามันเด่นทางด้านมหาเสน่ห์และเสี่ยงโชค แต่โยมไม่ต้องห่วงนะ สำหรับผู้มีศีลมีธรรมใช้ในทางที่ถูกที่ควรไม่มีอันตราย”

แป้งและเกตก็เบาใจที่ได้ยินเช่นนั้น

ไม่นานคนรถก็กลับมา หอบหิ้วสำรับกับข้าวมาเต็มสองมือ ทั้งสองถวายภัตตาหารแด่พระรูปนี้

รอฉันเสร็จหลวงพ่อก็ให้พร และให้โอวาทสั้นๆ

“ปมาโท มจฺจุโน ปทํ : ความประมาทเป็นทางแห่งความตายนะโยม ความไม่ประมาท หมายถึง การมีสติตื่นอยู่เสมอ รู้ว่ากำลังทำอะไรในปัจจุบัน และเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดในอนาคต มีหลักง่ายๆในการปฏิบัติที่หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความประมาท 3 ข้อ

1. ไม่ควรละเลยหน้าที่

2. ไม่ควรอวดเก่ง

3. ไม่ควรลืมตัว

อาตมาสอนโยมได้เท่านี้นะ

พอแก่เวลา ทั้งสองสาวก็กราบนมัสการลา



ช่วงเย็นสองนายบ่าวก็กลับมาถึงบ้าน เห็นกางเขนและนายน้อยชมนกชมไม้อยู่ในสวนหลังบ้านก็ชื่นใจ ทั้งหมดกินข้าวเย็นด้วยกัน

“เป็นยังไงบ้างกางเขน” นายใหญ่ของบ้านทัก

“ก็ดีขึ้นแล้วค่ะ กางเขนไม่อยากนอนซมอยู่แต่ที่เตียง แต่คุณปอนด์แกกลัวว่าไข้จะกลับ ก็เลยไม่ค่อยให้เดินเหินเท่าไหร่” กางเขนตอบเป็นเชิงบ่นๆ

“นั่นสิ แกนี่ดูแลกางเขนน้อยยังกะไข่ในหิน”

พี่สาวหันมาแซว ประโยคนี้ทำเอาคนป่วยหน้าแดงกล่ำ ปลาบปลื้มใจยิ่งนัก

“เอ่อ..ก็สงสารกางเขน ไม่มีใครน่ะ ว่าแต่เกตไม่ค่อยอยู่บ้านเลยช่วงนี้ปอนด์คิดถึงนะ”

อ้าวมาคิดถึงคนของเค้าได้ไง ตัวก็มีของตัวอยู่แล้ว พี่สาวหวงของขึ้นมาทันใดมองไปที่แม่บ้านสาวอย่างเคืองๆ รีบวางช้อนส้อมและขึ้นบนห้องไปทันที เล่นเอาเหวอกันไปทั้งโต๊ะ เว้นแต่ป้ามณีที่ยังนั่งสงบเช่นเคย

เกตทำท่าจะลุกตามแต่กลับฉุกคิดได้ว่าไม่ควร เดี๋ยวไปอาบน้ำให้คงหายงอน หันมายิ้มแห้งๆให้กับนายน้อย

สังเกตได้ว่ากางเขนยังไออยู่เป็นระยะๆ จึงได้โอกาสเปลี่ยนประเด็น

“กางเขนยังรู้สึกร้อนๆที่ตัวอยู่ใช่มั้ยจ๊ะ แต่ว่าวัดปรอทแล้วกลับไม่มีไข้”

คนฟังถึงกับประหลาดใจที่แม่บ้านสาวรู้ถึงอาการภายในของเธอ ทั้งๆที่ยังไม่เคยได้เอ่ยปากบอกเลย

“จ้ะ แล้วก็ไอแค้ก แค้กอยู่ตลอดเลยเหมือนหมาเห่ายังไงยังงั้น แถมยังมีเสมหะอีกด้วย” กางเขนแจงอาการกับหมอยาประจำบ้าน

“อย่างนี้เขาเรียกลมปลายไข้จ๊ะ เอาอย่างนี้เดี๋ยวเกตจะใช้ยาตำรับไทย ชื่อว่า แดงดับพิษ ชื่อแดงแต่ว่าสมุนไพรตัวนี้เป็นยาเย็น มันจะไปดับความร้อนหรือการอักเสบที่เป็นลมปลายไข้ภายในร่างกายเรา”

เกตจดรายละเอียดให้จันไปซื้อตามรายการ และระบุวิธีทำเอาไว้

“กางเขนต้องกินยานี้โดยชงด้วยน้ำอุ่น กินทุก 4 ชั่วโมง ต้องกินไป 2-3 วันหรือกว่านั้นเล็กน้อย จนกระทั่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นแม่เนื้อเย็น คือจับดูผิวกายไม่มีอาการรุมๆอีกแล้ว และกางเขนก็ไม่กลัวหนาวอีกต่อไป รับลมเย็นได้อย่างปกติ นั่นคือแปลว่า พิษของลมปลายไข้ถูกกำจัดไปแล้วจ้ะ”

สาวรุ่นราวคราวเดียวกันฟังแล้วก็งวยงง เช่นเดียวกับปอนด์

ไม่รอช้า เกตรีบลุกไปหานายใหญ่แสนงอนทันที เป็นไปตามคาด พอนายสาวแช่น้ำอุ่นๆ มีสาวสวยคอยขัดสีฉวีวรรณให้ แถมยังเจอลูกอ้อนสารพัดสารพัน ทำเอาใจอ่อนในบัดดล



รุ่งขึ้นปอนด์เห็นว่ากางเขนโอเคแล้วจึงออกไปดูร้าน ก็เห็นว่าปกติไม่มีอะไรเสียหายแต่ก็กำชับลูกน้องเช่นเคยว่าอย่าได้ประมาท

ว่าแล้วก็รู้สึกเซ็งๆที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ คิดอะไรออกจึงรีบกลับบ้าน พากางเขนออกมาสูดอากาศริมทะเลดีกว่าไม่ได้ไปเสียนาน

โศภิษฐา เรียกอ่ำมาที่บ้านให้ขับรถไปให้ จุดหมายปลายทางคือพัทยา

ปอนด์พากางเขนเดินเล่นอยู่ที่ชายหาด เที่ยวเล่นตามประสาจนเย็นย่ำตะวันต่ำคล้อย ทั้งสามก็ไปนั่งกินอาหารทะเลริมหาดรับบรรยากาศอยู่ที่พัทยาใต้ ที่ร้านไม่มีเหล้าขายปอนด์จึงสั่งให้อ่ำไปซื้อที่มินิมาร์ท จังหวะที่สองสาวอยู่กันตามลำพังนั้นเอง...

จู่ๆก็มีชายวัยประมาณ ยี่สิบกลางๆสองคนเดินเข้ามาล้มโต๊ะที่สองสาวนั่งอยู่ ทำเอาทั้งปอนด์และกางเขนล้มกลิ้งไปพร้อมกับถ้วยชามที่กระจายเกลื่อนกลาด โต๊ะข้างๆก็ตกใจร้องกรี๊ดและรีบหนีกันไป

ปอนด์ตั้งหลักได้ รู้ว่าโดนลอบทำร้ายจึงรีบเข้ามากันกางเขนไว้ ลูกสาวมาเฟียจึงโดนบาทาของสองหนุ่มฉกรรจ์ไปหลายตุ๊บ ปอนด์ถึงกับจุกแต่ก็ฮึดสู้ ไว้ลายมาเฟียน้อย

หล่อนเหลือบเห็นจานชามข้างกายจึงฉวยและขว้างไปที่คู่อริ ทำเอาทั้งสองชะงักไปพักหนึ่ง สองสาวลุกขึ้นมาได้ ปอนด์รีบผลักสาวรุ่นให้ไปไกลๆ แต่กางเขนก็ห่วงนายสาวสุดหัวใจ จึงทำได้แต่ออกมาไม่ห่างนัก

ปอนด์อยู่ในท่าเตรียมสู้ แต่ดูรูปการณ์จากนักเลงใจหมาแล้ว หล่อนเห็นทีจะเสียเปรียบเพราะมากันถึงสองคนแถมยังตัวใหญ่กว่า สาวร่างเล็กจึงตะโกนออกไป

“ไอ้หน้าตัวเมียรุมกูผู้หญิงตัวคนเดียว แน่จริงมึงมาทีละคนสิวะ”

แม้จะดูชอบใช้แต่กำลังปัญญาไม่ค่อยมีเท่าไหร่ ชายทั้งสองก็มีศักดิ์ศรีพอ พยักหน้าให้กัน ชายคนหนึ่งแยกไปจับตัวกางเขนไว้ ปอนด์ก็ห่วงลูกน้องสาวในใจคิดว่าต้องจัดการไอ้พวกมารสังคมให้ได้โดยไว

อ่ำที่มัวแต่ไปหลีสาวรัสเซียเพิ่งเดินกลับมา เห็นนายกับน้องสาวตกอยู่ในอันตราย จึงรีบวิ่งกลับมาและคว้ามีดอีโต้เล่มใหญ่มาจากร้านริมทาง ไอ้สองหนุ่มเห็นท่าไม่ดีจึงรีบถอยฉาก แต่กลับเอาตัวกางเขนไปด้วย ลากสาวสวยขึ้นรถตู้ไป

“นายช่วยกางเขนด้วย พี่อ่ำ” สาวรุ่นกรี๊ดร้อง ขอความช่วยเหลือ

“ไอ้อ่ำ ออกรถตามไป” ปอนด์วิ่งตามไปที่รถ โทรหาพี่สาวทันที

“แป้ง ปอนด์มีปัญหา แป้งโทรบอกเฮียรุจให้มาช่วยปอนด์ด้วย ตอนนี้กำลังไล่ล่ากันอยู่ที่หาดพัทยาใต้ แค่นี้ก่อนนะ”

ปอนด์ขึ้นรถและอ่ำขับตามเหยียบมิดไมล์ แน่นอนว่ารถที่แรงกว่าสามารถที่จะทำความเร็วไปทันอยู่แล้ว แต่ทว่าอ่ำก็ใจไม่ถึงพอที่จะทำอะไรบ้าบิ่นแบบนั้น

“ปัง!! ปัง!!”

เสียงปืนดังมาจากรถตู้ ปอนด์ใจหายวาบเมื่อรู้ว่ากระสุนแหวกอากาศทะลุกระจกหน้าและเฉี่ยวเข้าที่แขนซ้ายของเธอ

“นาย นาย โอเคมั้ย” อ่ำตกใจสุดขีด เบรครถตัวโก่ง

สาวเท่ห์เป่าปากฟู่ พอได้สติกลับมาหล่อนนึกถึงหน้าแม่เจี๊ยบ ภาวนาในใจให้ช่วยคุ้มครองลูกด้วย คราวนี้มันเล่นกันแรงจริง

“ไอ้อ่ำ ตามไปไม่ต้องตกใจ ขับส่ายๆหน่อย พอใกล้ แกชนเลย”

“นายกางเขนมันอยู่ในรถนะนาย”

อ่ำออกรถเร่งความเร็วแต่ก็ยังกังวล ถึงความปลอดภัยน้องสาว

“ไม่เป็นไร กางเขนอยู่ด้านหลัง แกขับไปชนเป็นสามเหลี่ยมให้ได้มุมมากที่สุดจากด้านคนขับเข้าใจมั้ย ตั้งสติดีๆ เครนะ”

รถมาใกล้แล้ว เสียงกระสุนปืนยังยิงสาดมาเรื่อย ปอนด์ไม่กล้ายิงโต้เพราะกลัวกางเขนโดนลูกหลง อ่ำเหยีบคันเร่งจนสุดปาดออกขวา รถเลนสวนที่ตรงมาก็บีบแตรยาวหลบไปทางซ้ายสุดเสยกับฟุตบาทและแผงขายผลไม้ อ่ำหักพวงมาลัยซัดเข้าเต็มลำ

“โครม!!!”

รถทั้งสองเบียดกันไปสักระยะ ตามแรงเฉื่อยและหยุดสนิท ควันขึ้นกลิ่นเบรคไหม้คละคลุ้ง

ปอนด์กับอ่ำไม่เป็นอะไร เพราะแอร์แบคถึงเจ็ดลูกในรถคันนี้ หล่อนเปิดประตูไม่ออกเพราะติดอยู่กับรถตู้ จึงต้องข้ามมาออกที่ฝั่งประตูด้านคนขับ เมื่อออกมานอกรถ สองวายร้ายกลับวิ่งหนีและยิงสวนมาเป็นระยะจนกระสุนหมดแม็กและวิ่งหนีไปแต่ก็แสนลำบากเพาะว่าต้องถูลู่ถูกังสาวรุ่นตัวประกันไปตามชายหาด อ่ำวิ่งตามมาทันแต่ก็โดนซัดด้วยด้ามปืน ล้มกลิ้งไม่เป็นท่า ปอนด์ที่รีบวิ่งตามมาก็ยิงปืนขึ้นฟ้า

ปัง!!

สองชายโฉดหยุดวิ่งหันกลับมา เมื่อเห็นหน้าชัดๆจึงจำได้ว่าเป็นไอ้หนุ่มนักแข่งคนเดิม

“เมื่อกี้ด่ากูว่าหน้าตัวเมีย แล้วมึงล่ะ จะใช้ปืนกับคนมือเปล่าเหรอ” ไอ้เลวตะโกนท้าประลอง

“ได้”

ปอนด์ยื่นปืนไปให้อ่ำ ไอ้หนุ่มสวะสังคมส่งลูกน้องมาสู้ ตัวเองคุมตัวกางเขนไว้

ชายหนุ่มคู่ต่อสู้ตรงหน้า ได้เปรียบทั้งรูปร่างและพละกำลัง ดึงมีดสั้นมาจากเอว ปอนด์ตั้งการ์ดสู้ หล่อนเห็นว่าไม่มีทางเลือก คนช่วยก็ไม่รู้ว่าจะตามมาถูกไหม มาเฟียน้อยดึงมีด คารัมบิตออกมา

มีดคารัมบิต เดิมเป็นมีดพื้นบ้านของฟิลิปปินส์กับอินโดนีเซีย รูปร่างโค้งคล้ายพระจันทร์เสี้ยวขนาดเล็ก น้ำหนักเบาเหมาะมือ และสรีระหญิงสาว

การจะใช้มีดคารัมบิต ผู้ใช้จะต้องผสมผสานระหว่างการหลบหลีกและการจู่โจมให้เป็นแม่ไม้เดียวกัน คือเริ่มต้นจากการตั้งรับ ก่อนเปลี่ยนมาเป็นรุก

ปอนด์คำนวณแล้วว่า การต่อสู้กับชายอกสามศอก ใช้แรงปะทะอย่างไรก็เสียเปรียบ มีแต่การใช้ความคล่องแคล่วว่องไวในการหลบหลีกและฉวยโอกาสโต้กลับฉับพลันเท่านั้น หล่อนและแป้งสองสาวจึงฝึกการใช้มีดชนิดนี้อย่างชำนาญ และร้ายกาจ

เป็นไปตามที่คาดคิด จะด้วยความประมาทและไม่รู้ พิษสงของคู่ต่อสู้หรืออย่างใดก็ตาม

ไอ้หนุ่มต่ำชั้นจู่โจมเธอก่อน จ้วงมีดตรงมาที่ใบหน้าหญิงสาว ปอนด์เบี่ยงตัวหลบออกด้านซ้ายใช้ท่อนแขนซึ่งเป็นส่วนที่แข็งแรงที่สุดบล็อคเอาไว้ พร้อมทั้งดันคู่ต่อสู้ให้มาทางด้านซ้าย และเอามือซ้ายล็อคแขนไว้ ด้วยความไวราวปีศาจ ปอนด์ตวัดปลายมีดขึ้นและลงเข้าที่ข้อพับ เลือดกระฉูดออกมาทันทีราวกับต่อประปาแตก เพราะมันตัดเข้าที่เส้นเลือดใหญ่

ลูกสาวมาเฟียเตะตัดที่ขาพับ คนตรงหน้าล้มลงไปกองที่พื้น ชายหนุ่มร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด อ่ำรีบเข้ามาชาร์จ เสร็จไปหนึ่ง

ส่วนอีกหนึ่งก็ปรี่เข้ามาหมายให้ปอนด์ไม่ทันตั้งตัว ยื่นเท้ายาวๆจะเตะ ปอนด์ใช้กลยุทธ์เดิมเบี่ยงตัวหลบฉากจับขาคู่ต่อสู้เอาไว้ จ้วงแทงมีดเข้าที่ต้นขาและน่อง กระชากผมขึ้นและจับล๊อคคอ ทุ่มลงไปที่พื้นอย่างแรง มีดจ่อไปที่คอหอย ทั้งสองหนุ่มถูกสาวร่างเล็กจัดการราบคาบในเวลาไม่ถึง สิบวินาที

“มึงลูกน้องใคร” ปอนด์ตะคอกเสียงลั่นหาด

“กูถามว่ามึงลูกน้องใคร” มีดปลายแหลมจมลึกเข้าไปในเนื้อ

“เฮียชัย ชัยราชพฤกษ์” พูดได้เท่านั้นปอนด์ก็ซัดหมัดน้อยๆเข้าที่ใบหน้า

“ไปบอกนายมึงด้วย ข้าวแดงแกงร้อนที่พ่อกูเคยชุบเลี้ยงรู้จักสำนึกบุญคุณสียบ้าง”

ชายหนุ่มคลานหนี ปอนด์เห็นว่าการต่อสู้จบลงแล้วจึงสั่งให้อ่ำปล่อยชายอีกคน ส่วนหล่อนก็รีบไปดูสาวรุ่น

“กางเขนเป็นอะไรมั้ย ไม่ต้องกลัวนะคะคนดี ปอนด์อยู่ตรงนี้จะไม่มีใครทำอะไรกางเขนได้”

มาเฟียสาวกอดสาวร่างบางกลางชายหาด ท่ามกลางเสียงคลื่นและลมแรง และล้มตัวลงนอนแผ่หราบนผืนทรายด้วยความเหน็ดเหนื่อย

กางเขนลูบที่ใบหน้านายสาว จูบเบาๆไปที่หน้าผาก น้ำตาไหลริน

“เก่งจังค่ะ คุณปอนด์ ฮีโร่ตลอดกาลของกางเขน”

“อือ เกือบแย่ไปเหมือนกัน”

สาวร่างเล็กมองมาที่คนเจ้าน้ำตา แสงไฟที่สาดส่องพอมองเห็นว่านายน้อยมีเลือดไหลซึม

“ว้าย! นายเลือดออก พี่อ่ำ มาดูนายเร็ว” อ่ำรีบวิ่งมาดู เลือดไหลซิบที่ใกล้ๆหัวใหล่

“เมื่อกี้นายโดนกระสุนถากไปน่ะ”

“ไม่เป็นไรหรอก ไกลหัวใจ แต่ตอนนี้เหนื่อยมาก ขอพักแปป”

ไม่นานรถของเฮียรุจก็ตามมาช่วย เฮียเป็นลูกพี่ลูกน้องของปอนด์ ลูกของเพื่อนชายชนม์ผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งในย่านพัทยาบางละมุงนี่เอง เฮียรุจพาปอนด์ไปทำแผล นอนพักที่บ้านในเขตพัทยาและรุ่งเช้าให้คนรถขับมาส่งทั้งสามถึงบ้าน



ปอนด์ กางเขน และอ่ำเดินเข้าบ้านมาสภาพสะบักสะบอม พี่สาวป้ามณีพร้อมเกตที่รออยู่ได้รับฟังเรื่องราวจากเฮียรุจแล้วก็เบาใจ แต่เห็นสภาพนายน้อยที่ต้องพันผ้าพันแผลที่หัวไหล่แล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้

“แกนี่ ขยันหาเรื่องจริงๆนะ โชคดีที่เฮียเค้าเคลียร์คดีได้ ไม่งั้นแกได้ไปแนอนในมุ้งสายบัวแน่”

“ใครหาเรื่อง พวกแม่..ต่างหาก ปอนด์ก็พากางเขนไปรับลมทะเล กินข้าวอยู่ดีๆ อ้อ อีกอย่างนะ มันเป็นลูกน้องชัย ใครกันแน่ที่ทำให้ปอนด์เดือดร้อน”

“เอ๊ะแกนี่ ก่อเรื่องแล้วยังมาแขวะชั้นอีก ชั้นเสียแม่ไปคนแล้วนะ ถ้าเสียแกไปอีกชั้นจะทำยังไง ไอ้แสบ”

“แป้งอ่ะ ปอนด์ไม่เป็นอะไรก็จะมาแช่งชักหักกระดูกกัน ไม่ต้องห่วงหรอก ปอนด์จะพยายามหายใจเข้าไว้แล้วกัน โอเคมั้ย”

เมื่อเห็นว่าสองพี่น้องจะยังฟาดปาก ปะทะคารมกันอีกนาน เกตจึงอดรนทนไม่ไหว

“พอกันได้แล้วค่ะ ทั้งคู่เลย ตอนนี้มันเวลาวิกฤตนะคะ แทนที่จะมานั่งปรึกษาหารือกัน กินข้าวหม้อเดียวกันแท้น้อ”

เมื่อโดนแม่บ้านสาวปรามแป้งจึงคิดได้ว่า เรื่องชัยสำคัญที่สุด ถ้าไม่หยุดที่ต้นตอ ไม่เธอก็ปอนด์ก็จะต้องเจอเหตุการณ์ระทึกใจซ้ำอีกไม่ช้าก็เร็ว

“หนูเกตพูดถูกค่ะคุณหนูทั้งสอง ทำใจร่มๆกันก่อนนะคะ” มณีสนับสนุนความเห็นของแม่บ้านสาว

“แป้งยังไม่รู้จะทำยังไงเลยค่ะ มืดแปดด้านไปหมด แม่ป้าช่วยแป้งคิดหน่อยสิคะ”

“ธรรมชาติของชัยมันชอบหักหลังคนอยู่แล้ว คุณหนูแป้งไม่คุยกับเฮียอ้วนโดยตรงล่ะคะ ป้าว่าน่าจะง่ายกว่า จับมือกับเฮียอ้วน แล้วคุณหนูแป้งก็ถือโอกาสขายธุรกิจที่คุณหนูแป้งไม่ชอบให้เฮียแกไปถูกๆ ผูกมิตรกันไปด้วย แล้วจากนั้นก็ค่อยเขี่ยชัยทิ้ง”

ป้ามณีเสนอความคิด

“นั่นหล่ะค่ะปัญหา แม่ป้าก็รู้ว่าบ้านเราไม่มีใครเข้าหน้าเฮียอ้วนติดเลย และที่เฮียอ้วนรับชัยไปเป็นลูกน้องก็เพราะว่าเฮียแกมองบ้านเราเป็นศัตรูตัวสำคัญเลยมากกว่า” แป้งถอนใจยาว

“ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรหรอกค่ะคุณหนู วงการมาเฟียกับการเมืองก็คล้ายกัน ถ้ามีผลประโยชน์ร่วมกัน ศัตรูก็เปลี่ยนมาเป็นมิตรเพียงชั่วการเจรจา”

มณีให้แง่คิด

“ถ้าเป็นอย่างที่แม่ป้าบอก ประเด็นสำคัญคือเราต้องเปิดการเจรจาให้ได้”

“ใช่ค่ะไม่มีสงครามครั้งไหนไม่ใช้การเจรจา คุณหนูลองส่งคนหน้าใหม่ๆไปบ้างสิคะ เผื่อจะถูกโฉลกกัน”

ผู้อาวุโสมองมาที่แม่บ้านสาว เกตสะดุ้งเฮือก นี่หล่อนเป็นแค่แม่บ้านนะ จะให้มาทำอะไรบู๊โลดโผนแบบคุณปอนด์หล่อนไม่ไหวแน่

“เกต..เกต”

“ใช่แล้ว แม่ป้าแหลมคมที่สุดเลย”

นายสาวสวนขึ้นมา ตกลงปลงใจกับวิธีนี้เสียแล้ว ฝั่งปอนด์ก็ห่วงเกตนะ แต่หล่อนก็จนปัญญาหาวิธีเหมือนกัน

สรุปว่า หวยมาออกที่บัตเลอร์สาว

“เกต นี่คือภารกิจใหม่ของหล่อน อย่าลืมสิว่าหล่อนยังไม่พ้นโปรนะ นะ ช่วยชั้นครั้งนี้ครั้งเดียวแล้วจะไม่ร้องขออะไรอีกแล้ว”

นายสาววิงวอนทั้งข่มขู่และออดอ้อนระคนกัน

“เอางั้นก็ได้ค่ะ”

เกตจนใจ เพราะทุกคนเห็นด้วย

“เย็นนี้หล่อนต้องเรียนคอร์สพิเศษกับชั้น เริ่มต้นด้วยฝึกศิลปะการป้องกันตัว”

“หา!! ทำไมเกตต้องทำอะไรแบบนั้นด้วยคะ เกตไม่ใช่สายลับนะ”

“เข้าใจถูกต้องแล้ว หล่อนต้องเป็นทั้งนักการทูตและสายลับ”

เกตน์นิภาส่ายหน้าหนักใจเป็นที่สุดกับภารกิจแสนโหด ให้ไปคุยกับมาเฟียตัวใหญ่ของวงการนี่นะ เฮ้อ!!

ช่วงสายๆ เกตน์นิภานั่งทำบัญชีที่ห้องทำงานส่วนตัวของนายสาว ส่วนศุภสุตาเดินไปที่ตึกสีเทา

“เฮ้อ!”

เกตทำรายรับรายจ่าย เห็นตัวเลขแล้วก็ถอนหายใจยาว ตัวเลขรายรับนั้นสูงมากก็จริงอยู่แต่รายจ่ายกลับสูงเสียยิ่งกว่า

ธุรกิจที่พอมีกำไรก็มีหวยกับบ่อน ส่วนอาบอบนวดแม้จะมีกำไรแต่ก็ตกลงมากเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ เพราะแนวโน้มขณะนี้คนชอบเที่ยวแบบ นวดเฉพาะจุดหรือที่วงการเรียกกันว่า นกป. ‘นวดกระปู๋’ ซะมากกว่า อีกทั้งยังมีสาวๆไซด์ไลน์ขายบริการกันเองผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์คโดยตรง เกตทำสรุปวิเคราะห์ แยกแยะให้เสร็จสรรพ

ในความเป็นจริงตัวเลขมันฟ้องว่า ธุรกิจในมือทั้งหมดมันเป็นบวก เพียงแค่ว่าหักลบกลบหนี้กับรายจ่ายแล้วตัวเลขกลับเป็นสีแดงโร่ เพราะไหนจะต้องส่งส่วยให้กับบรรดาผู้มีสีทั้งหลายที่แบคอัพอยู่ข้างหลัง ต้องจ่ายเบี้ยบ้ายรายทางตั้งแต่นายสิบยันนายพล เดือนหนึ่งๆเกือบห้าสิบล้าน!!

และด้วยความที่ชายชนม์เกี่ยวพันกับวงการการเมือง ทำให้เขาต้องจ่ายค่าโสหุ้ยมากมาย และยังต้องเป็นที่พึ่งพิงให้กับชาวบ้านอีก ไม่ว่างานแต่งงานศพ กฐินผ้าป่าสารพัด

พูดถึงพวกชาวบ้าน ความจริงหวยก็กำไรดีมากๆ แต่ว่ามันเป็นเงินเบี้ยหัวแตก เก็บเงินก็ไม่ค่อยได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ขึ้นเป็นบัญชีคงค้างเติ่งอยู่แบบนั้น เดือนๆหนึ่งหลายแสนบาท พวกที่เบี้ยวไม่จ่ายก็หนีกันไปแทงเจ้าใหม่ อีรุงตุงนังกันไปหมด

เกตเห็นแล้วก็ปวดเฮดแทนนายรัก ทั้งสงสารและหมดทางช่วยเหลือ นั่งกุมขมับและเกาหัวแกรกๆ

“เครียดเหรอคะ สาวน้อย”

เสียงหวานแทรกเข้ามาในโสตเข้ามาทำเอาคนใจลอยสะดุ้งโหยง แป้งเดินเข้ามาในห้องพร้อมโอวัลตินร้อนแก้วหนึ่ง

โอวัลตินมีต้นกำเนิดจากหมอชาวสวิตเซอร์แลนด์คนหนึ่งนี้ได้คิดค้นหาวิธีที่ช่วยให้คนไข้ของเขา ซึ่งกินอะไรไม่ค่อยได้ ได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนจึงได้นำ ไข่, มอลต์ และ โกโก้ มาผสมกันเพื่อให้คนไข้ดื่ม เมื่อเห็นว่าได้ผลดี จึงได้ทำออกมาขายให้คนทั่วไป ในตอนที่โอวัลตินกำเนิดมานั้นชื่อ Ovomaltine โดยมาจากคำว่า “Ovum” ที่แปลว่า ไข่ และ “Malt” ที่เป็นส่วนผสมหลัก แต่เมื่อนำออกขายนอกสวิตเซอร์แลนด์จึงใช้ชื่อว่า Ovaltine และกลายมาเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมทั่วโลก

“ดื่มซะนะคะ คนดีกำลังร้อนเลย จะได้รู้สึกสดชื่นขึ้น” นายสาวเอาใจ

“ตกลงว่าเราสลับหน้าที่กันแล้วเหรอคะ นายเป็นบ่าว บ่าวเป็นนาย อิอิ” เกตแซวขำๆ

“แหมก็คนน่ารักเค้าทำงานให้ ก็ต้องเอาอกเอาใจเป็นธรรมดาสิคะ”
ว่าแล้วก็จูงแม่บ้านสาวลุกออกมาจากโต๊ะทำงานและมานั่งด้วยกันที่โซฟา

“เกตเห็นตัวเลขแล้วสงสารนายจัง”

“อือ นี่เย็นนี้เราจะเริ่มฝึกซ้อมกันแล้วนะ” แป้งพยายามไม่รับรู้เพราะเหนื่อยเหลือเกินแล้ว

“ฝึกซ้อม?”

“ค่ะ”

“นายจะเอาจริงเหรอคะ” เกตน์นิภายังไม่เชื่อมือตัวเอง

“กลัวเหรอ”

“เอาจริงๆก็นิดหน่อยค่ะ แต่เพื่อนายแล้วให้เกตไปลุยเจ็ดคาบสมุทรก็บ่ยั่น” แม่บ้านสาวตอบเอาใจ
“อย่ามาทำปากหวานหน่อยเล้ย”

“เกตเปล่านะ พูดจริงจริง”

“ทำไมถึงทำดีกับคนอย่างชั้น คนที่ไม่มีดีอะไรเลย วันๆสร้างแต่บาปกรรม”

“พรหมลิขิตมั้งคะ ถ้าวันนั้นลมไม่พัดเอาเอกสารของเกตปลิว และนายไม่ขับรถสาดน้ำใส่ ก็คงไม่มีวันนี้” เกตน์นิภานึกย้อนถึงเหตุการณ์ในวันแรกแล้วก็อมยิ้ม

“เธอเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ”

“ค่ะ เชื่อหมดใจ”

“เกตชั้นอยากเลิก”

คำพูดกำกวมทำเอาแม่บ้านสาวใจแป้ว นายสาวสบตาคนตรงหน้า ระบายความอัดอั้นตันใจ

“เลิกเป็นมาเฟีย เลิกทำเรื่องเลวร้ายเสียที” เกตน์นิภา โล่งอก นึกว่าเป็นเรื่องของตัว

“เกตก็อยากให้นายเลิกค่ะ แต่เราทิ้งไปกลางคันแบบนี้ไม่ได้ นายจะทิ้งภาระหนักอึ้งไว้ให้คุณผู้ชายจัดการเพียงคนเดียวเหรอคะ” บัตเลอร์สาวให้เหตุผล

“ชั้นไม่รู้จะทนอยู่ในสภาพนี้ได้นานเท่าไหร่ บางทีอาจจะตายก่อนได้เลิก จุดจบของมาเฟียไม่ตายก็ไปอยู่ในคุก” ศุภสุตามองเห็นอนาคตที่เลวร้ายของตน

“นายอย่าเพิ่งคิดมากตีตนไปก่อนไข้นะคะ เราค่อยๆแก้ไปทีละเรื่องนะ จำคำหลวงพ่อท่านได้ไหมคะ”

“เกต หล่อนจะเดินออกไปจากชีวิตชั้นก็ได้นะ ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินชั้นจะให้เธอเท่าที่ต้องการ”
แป้งพูดและเดินไปที่ลิ้นชัก หยิบสร้อยทองออกมาจากเก๊ะ สามเส้น กำใส่ในมือแม่บ้านสาว

“ชั้นให้ นี่คือคำสั่งอย่าปฏิเสธ”

“ไม่ปฏิเสธก็ได้ค่ะ แต่แค่ฝากเอาไว้ก่อน” ชั้นเชิงของแม่บ้านสาวทำเอาคนฟังยิ้มเล็กๆที่มุมปาก

“ไป เราไปอาบน้ำกันดีกว่า วันนี้ชั้นจะขัดหลังให้หล่อนเอง” แป้งเดินออกจากห้องเดินขึ้นบันไดไปอย่างว่อง เกตหน้าแดงนึกภาพตามแล้วก็สยิวกิ้ว

“บ้า นายอ่ะ เรื่องทะลึ่งนี่ไวเชียวนะคะ” ว่าแล้วก็รีบเดินตามมาเฟียสาวไป


ปอนด์ออกมาดูร้านอย่างเคยหอบหิ้วเอากางเขนมาด้วย เลียนแบบพี่สาวเป๊ะที่มีผู้ติดตามเป็นสาวสวย

“วันนี้ไม่เห็นทำอะไรมาให้กินเลย” นายน้อยทวงของว่าง

“อ้าวนายกระเตงกางเขนไปโน่นมานี่ แล้วจะเอาเวลาที่ไหนทำให้นายล่ะคะ”

“นั่นสินะ แต่ครั้นจะทิ้งเธอไว้ลำพังที่ร้านก็ไม่ไว้ใจสถานการณ์เรายังน่าเป็นห่วงนี่นา”
สาวรุ่นรับฟัง ลังเลใจอยู่พักหนึ่งว่าจะพูดออกมาดีหรือไม่

“คุณปอนด์อย่าทำดีกับกางเขนมากไปกว่านี้ได้ไหมคะ”

“ทำไมล่ะ” โศภิษฐามองไปที่หน้าใสๆ สาวใช้รวบรวมความกล้าทั้งหมดพูดออกไป

“กางเขนรู้ว่ามันไม่สมควร แต่กางเขนหักห้ามใจที่จะไม่รักคุณปอนด์ไม่ได้แล้ว”
กางเขนชัดเจน สารภาพรักเจ้านายสาว เดินมาใกล้ คุกเข่าลงตรงหน้าโศภิษฐา

“คุณปอนด์จะเป็นหญิงเดียวในใจ เป็นฮีโร่ของกางเขนตลอดกาล”
นายสาวอึ้งๆไปคำตอบและคำสารภาพของหญิงสาวตรงหน้า

“เอ่อ คุณปอนด์ลืมๆมันไปเถอะค่ะ ถือว่าเสียงกางเขนเป็นเพียงเสียงนกเสียงกา กางเขนรู้ว่าที่จริง...”

“ที่จริงอะไร” ปอนด์ซักไซ้พยุงร่างบางให้ยืนขึ้นมา

“ที่จริงคุณปอนด์ชอบคุณเกต กางเขนเข้าใจค่ะ ขอเพียงที่เล็กๆในซอกใจให้กางเขนได้ยืน ได้มีโอกาสดูแลคุณปอนด์บ้าง กางเขนต้องการแค่เท่านั้น”

โศภิษฐาไม่ตอบอะไร สวมกอดสาวรุ่น ตอนนี้เธอก็ไม่แน่ใจกับความรู้สึกของตัวเองเหมือนกัน...




 

Create Date : 02 มีนาคม 2558    
Last Update : 2 มีนาคม 2558 17:13:57 น.
Counter : 692 Pageviews.  

โปรดเรียกหนูว่า...มาเฟียรี่8

All I give you
คิดจะรักต้องลืมคำว่าเสียใจ


รุ่งเช้าเกตรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา นายสาวกกกอดเธออย่างกับเป็นหมอนข้าง ในใจก็นึกห่วงกางเขนกับคุณปอนด์แต่ก็ไม่กล้าปลุกคนข้างๆ

ว่าแล้วก็ทำเป็นขยับตัวยุกยิกๆ ได้ผล นายสาวจอมเจ้าเล่ห์ลืมตาขึ้นมา และสิ่งแรกที่ทำหลังจากลืมตาก็คือ...

“อื้อ อื้อ...นายอ่ะ สกปรก ฟันก็ยังไม่ได้แปรงเลย”

เกตวีนอย่างเซ็งๆกับจอมฉวยโอกาส ก็คุณเจ้านายน่ะสิ จูบหล่อนตั้งแต่เช้าเลย

“อืม หล่อนไม่รู้เหรอว่าการแลกเปลี่ยนน้ำลายกันระหว่างคนสองคนมันทำให้น้ำลายในปากเราอยู่ในภาวะสมดุล” นั่นตรรกะประหลาดแท้ เกตน์นิภาส่ายหน้าพัลวัน

“นายอย่ามามั่วหน่อยเลย เอาทฤษฎีอะไรมาอ้างเกตก็ไม่เชื่อ ไปค่ะ แปรงฟันก่อนนะ แล้วจะทำอะไรเกตก็ยอม” สาวรุ่นฉุดนายสาวให้ลุกจากเตียง

“จริงนะ ห้ามคืนคำด้วย” คิดจะต่อรองกับมาเฟียใจต้องถึง

“ว้าย!! นายอ่ะ ทำไมชอบจับนมเกตนักนะ นมตัวเองมีก็ไม่จับ ลามกที่สุด!” แป้งหัวเราะสะใจที่ได้แกล้งคนน่ารัก

“ฮิฮิ ก็รู้ว่าชอบไงคะ มัดจำเอาไว้ก่อน ผู้หญิงเราปากไม่ตรงกับใจใช่มั้ยคะ” คราวนี้นายสาวยอมลุกจากเตียงนอนเดินเข้าห้องน้ำไปง่ายดาย

สาวใช้ลุกตามและพูดเป็นเชิงขออนุญาต

“นายคะ เดี๋ยวเกตไปดูกางเขนหน่อยนะคะ แล้วเจอกันข้างล่างค่ะ”

“อือ อย่าลืมแต่งตัวชุดที่ซื้อมาให้ด้วย จัดกระเป๋าเตรียมตัวไปค้างข้างนอกคืนนึง”

เกตเป็นงงกับคำสั่ง เดินมาดูนายสาวที่กำลังแปรงฟัน

“แล้วนายจะให้เกตจัดกระเป๋าให้เลยมั้ยคะ”

แป้งส่ายหน้า ทำท่าเหมือนให้รีบๆไป แม่บ้านสาวก็เดินไปดูกางเขนที่ห้องนายน้อย

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“คุณปอนด์ กางเขน ตื่นหรือยังคะ เกตเอง”

ปอนด์ที่นั่งฟุบหลับที่หัวเตียงสะดุ้งตื่นตามเสียงเรียกและเดินไปเปิดประตู

“อ้าวเกต ตื่นแล้วเหรอคะ วันนี้กินข้าวกันไปก่อนเลยนะ ปอนด์ยังไม่ลงไป” นายน้อยทักทายยังสลึมสลือพูดงัวเงีย ยกมือขยี้ตา

“ค่ะ เดี๋ยวเกตรีบไปทำอะไรมาให้คุณปอนด์กับกางเขนนะคะ รอแปป”

เกตน์นิภากึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ครัว แม้ว่าจะดูยุ่งเหยิง แต่การดูแลคนในบ้านมันเป็นทั้งหน้าที่และความรักที่หล่อนเต็มใจทำ

ไม่นานเกตก็ให้จันเอาอาหารไปให้คุณปอนด์ เพราะหล่อนต้องรีบจัดการเรื่องของตัวเองอีก เกตน์นิภาต้มซุปไก่กับต้นหอม มันช่วยให้คนเป็นไข้หวัดรู้สึกดีขึ้นและฟื้นตัวเร็ว ส่วนของคุณปอนด์ จันเตรียมไว้ให้แล้ว

บัตเลอร์สาวรีบไปอาบน้ำ แต่งตัวและจัดกระเป๋าตามที่นายบอก มือกำที่จี้ห้อยคอ ตั้งจิตอธิษฐานถึงบุพการีขอให้คุ้มครองเธอด้วย วันนี้เธอคงต้องเดินทางไกล

หญิงสาวคว้ากระเป๋าออกมาและเดินมาที่เรือนใหญ่ แป้งลงมารอกินข้าวเช้าพร้อมแม่บ้านคู่ใจ ส่วนชายชนม์ไม่อยู่บินไปมาเก๊าเพราะนี่ก็ใกล้ช่วงเลือกตั้งแล้ว พ่อจะยุ่งและต้องคอยติดตามนักการเมือง ส่วนป้ามณีก็มาร่วมโต๊ะด้วยยิ้มน้อยๆ รู้ว่าคู่นี้เขากำลังกิ๊กกั๊กกัน แป้งมองไม่เห็นน้องสาวแล้วก็เปรยๆขึ้นว่า

“ยัยปอนด์นี่ชักยังไงอยู่นา แม่ป้าว่ามั้ยคะ ตั้งแต่รับเด็กกางเขนเข้ามาก็ขลุกอยู่ด้วยกันตลอดเลย เหมือนๆว่ากำลังหลงเด็ก”

“ป้าว่าคุณหนูปอนด์ก็เหมือนคุณหนูแป้งนั่นแหล่ะค่ะ มีต้นแบบนี่คะ”

คำตอบทำเอาหญิงสาวทั้งสองที่อ่อนวัยกว่า แทบสำลักข้าว ก็ผู้ใหญ่ช่างสังเกตเล่นเอาของเข้าตัว

พอกินข้าวเสร็จแป้งก็บอกกับป้ามณีว่า วันนี้จะไม่กลับฝากดูแลบ้านด้วย มณีก็รับคำ แป้งเดินจูงมือเกตไปขึ้นรถ

ผู้สูงวัยมองตาม และยิ้มอบอุ่นอย่างเคย มองไปที่รูปแม่เจี๊ยบคิดถึงคนในรูปที่ผูกพัน วันนี้ลูกรักทั้งสองของหล่อนได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่มีการงานรับผิดชอบ และยังมีคนรู้ใจมาช่วยดูแล

จากนี้หล่อนคงวางใจ และไม่แน่อาจจะตามไปอยู่กับคนในรูปเร็วๆนี้ มณีจับจิตอยู่กับมรณะสติด้วยความไม่ประมาท ทุกขณะลมหายใจเข้าและออก

ที่ห้องโศภิษฐา จันเอาสำรับขึ้นมาให้ นายน้อยขอบอกขอบใจและเอาซุปที่เกตทำมาให้ป้อนกางเขน ที่ตอนนี้ไข้ลดลงแล้ว แต่ยังมีอาการเพลียอยู่ เสร็จแล้วก็ป้อนยา และปอนด์ก็จัดการกับอาหารของตนจนหมด

หันกลับมามองสาวน้อยอีกที เจ้าตัวก็ผลอยหลับไปเสียแล้ว ปอนด์เดินมาดูที่เตียง เอ็นดูสาวน้อยอย่างที่สุด บรรจงจูบไปที่หน้าผากคนป่วย ในใจเริ่มหวั่นไหว

หรือว่าเรา...เรา...

ไม่นะเราชอบเกต อย่าโลเลสิแม่ปอนด์ นายน้อยห้ามความรู้สึกตัวเอง

ทันใดนั้นก็ต้องสะดุ้งเฮือก จันมาเคาะประตูเรียก

“นายคะ อ่ำมารอพบอยู่ข้างล่างค่ะนาย หน้าตาตื่นมาเชียวไม่รู้ร้อนอกร้อนใจอะไรมาค่ะนาย” สาวใช้ตะโกนอยู่ด้านนอก ปอนด์รีบลงมาดู

“นาย เกิดเรื่องแล้ว” สมุนคู่ใจต้องคาบข่าวร้ายมาแน่ๆ นายน้อยหน้าเสีย

“ไรวะ ไอ้อ่ำ น้องแกยังป่วยไม่หายเลย เอาเผือกร้อนอะไรมาโยนให้ชั้นอีก” ปอนด์เหนื่อยอ่อนทั้งแรงกายและใจ

“นาย คือ..” อ่ำละล้าละลังไม่กล้าพูด

“เอ้า! มีอะไรก็รีบพูดๆมา จะขึ้นไปดูน้องแกต่อแล้ว” คุณหนูคนเล็กเร่งเร้าไม่อยากเสียเวลา

“เมื่อคืนตอนตีสามร้านถูกปาระเบิดขวดนาย” คนฟังแทบช๊อค รู้ทันทีว่าอะไรเป็นอะไร

“แล้วมีใครเป็นอะไรมั้ย แล้วรถลูกค้าหล่ะ”

นายน้อยห่วงไปหมด ใจหนึ่งก็อยากจะไปดูร้านเสียตอนนี้แต่ก็อดเป็นห่วงคนที่นอนซมอยู่บนเตียงไม่ได้

“ไม่มีใครเป็นอะไรนาย ของก็ไม่มีอะไรเสียหาย มันปาข้ามรั้วเข้ามา” อ่ำรายงาน

“แล้วกล้องจับไว้ได้มั้ย” ปอนด์ซักลูกน้องต่อ

“ได้นาย ก็อย่างที่นายคิดหล่ะ” อ่ำทำเป็นรู้ใจนาย

“ต่อแต่นี้ไปแกต้องระวัง จัดเวรยาม เฝ้าไว้อย่างน้อยสองคน มีอะไรโทรเข้ามาได้ตลอด” นายน้อยสั่ง

“ครับนาย แล้วกางเขนล่ะเป็นไงบ้าง” อ่ำเป็นห่วงน้องสาวเพียงคนเดียว

“ก็ดีขึ้นแล้ว ไม่แน่บ่ายๆเดี๋ยวชั้นจะเข้าไปร้าน แกรีบกลับไปก่อน จำไว้นะ ห้ามประมาท แล้วก็ดูแลรถลูค้าให้ดีๆด้วย”โศภิษฐากำชับ

“ครับนาย”

อ่ำรีบเดินออกไป ปอนด์ถอนหายใจยาว ไอ้หมอนั่นมันคงมีแบ๊คดีแน่ๆถึงได้กล้ามาเหยียบจมูกลูบคม ทั้งๆที่มันรู้แล้วว่าชั้นลูกใคร ดี! จะมาไม้ไหนก็เชิญเลย โศภิษฐาคิดในใจและเดินขึ้นไปบนห้อง


ในรถของศุภสุตา นายสาวชวนคนข้างๆกายคุย

“วันนี้เราจะไปบ่อนคาสิโน ที่ฝั่งตรงข้ามเขตประเทศเพื่อนบ้าน”

เกตทำหน้างงๆต้องการคำอธิบาย

“เมื่อก่อนบ่อนนี้ชัยเคยคุมอยู่ พอชัยมันออกไปก็ไม่มีคนดูแล แถมนักเล่นตัวยงหน้าม้าของเราก็มาออกไปอยู่กับอีกบ่อน ปัญหาเยอะมาก ชั้นเลยคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องขายมัน”

มาเฟียสาวต้องการเคลียร์กับธุรกิจวุ่นๆ

“หน้าม้า?” เกตน์นิภายังงุนงง

“อ๋อ มันเป็นแบบนี้จ้ะ การเปิดบ่อนนี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยนะ มันเป็นเรื่องระดับโลกเลยทีเดียว เกตรู้มั้ยว่าไม่ใช่ว่าเราอยากจะเปิดก็เปิดได้ มันอาจล่มจมได้ถึงขายประเทศกันเลยทีเดียว”

นายสาวเล่าเบื้องลึกเบื้องหลังอันสลับซับซ้อน พยายามคิดคำพูดเล่าให้คนนอกฟังอย่างเข้าใจง่ายๆ

“ยังไงคะ” แม่บ้านสาวตั้งอกตั้งใจฟัง

“การจะเปิดบ่อนเราต้องคุยกันกับคนที่เขาทำอยู่ก่อน ไม่ว่าจะเป็นมาเก๊าหรือว่ามาเลเซียทั้งหมดเลย เพราะว่าเขาอาจจะส่งคนมาเล่นกับเราจนราหมดตัวได้”

เกตอึ้งไปกับธุรกิจสกปรกแบบนี้

“ค่ะ แล้วหน้าม้าล่ะคะ เป็นยังไง”

“หน้าม้าก็คือ กลุ่มคนที่เวลาเราเล่น สมมติว่าโต๊ะหนึ่งมีสิบคน เจ็ดในสิบจะต้องเป็นคนของเรา และนั่นคือหน้าม้า”

“หมายความว่าฮั้วกัน?” เกตน์นิภาเริ่มเข้าใจโลกสีเทา

“ใช่ เกตไม่เอะใจเหรอว่า ทำไมคาสิโนแต่ละแห่งมันใหญ่โตหรูหราและจ้างพนักงานได้มากมาย ส่วนเจ้าของก็รวยเอาๆ เพราะมันมีระบบแบบนี้ไง ทั้งเวกัส มอนติคาโล มาเก๊า มันเป็นระบบนี้ทั่วโลก ไว้กลับไปเดี๋ยวเราดู 007 casino royal เกตจะเห็นภาพมากขึ้นจ้ะ” มาเฟียสาวอธิบายพร้อมๆกับสอนงานไปในที

“ค่ะ น่ากลัวจังนะคะ”

สาวรุ่นสัมผัสถึงความอันตราย ที่อยู่รายรอบนายสาวอันเป็นที่รัก ตัวหล่อนเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนในชีวิตว่าจะต้องมาคลุกคลีกับวงการนี้

“ถ้ามันเป็นไปตามระบบมันก็ไม่น่ากลัวหรอกค่ะ”

นายสาวกลับมองเป็นเรื่องธรรมดา แหงสิ หล่อนโตมาก็เห็นสิ่งพวกนี้ตั้งแต่ยังพูดไม่ได้ด้วยซ้ำ เกตนั่งนิ่งไปพักหนึ่งก่อนนึกอะไรออก

“นายคะ... ทำไมนายไม่ลองยื่นข้อเสนอนี้กับชัยล่ะคะ เกตว่าชัยน่าจะยอมรับนะ เพราะว่าเขาก็เคยดูบ่อนมาก่อนนี่นา” นายสาวมองหน้าบัตเลอร์คู่ใจหยั่งความคิด

“หมายความว่า เกตอยากให้ชั้นแลกบ่อนกับเขตทำมาหากิน”

สาวรุ่นยิ้มน้อยๆ

“ค่ะ ยังไงนายก็ไม่อยากดูมันดูแล้ว เราก็ขายให้เขาถูกๆ”

“คิดน่ะมันง่าย ชัยมันเป็นคนที่ไว้ใจไม่ได้ เกตเคยได้ยินไหม ข้าสองเจ้าบ่าวสองนาย แค่นี้ก็บ่งบอกคนแล้วว่าเป็นอย่างไร”

ใช่ คนที่แป้งจะไม่ไว้ใจที่สุดในโลกก็คือชัย

“ค่ะ เกตก็แค่คิดเล่นๆค่ะ” เมื่อเห็นว่าทำท่าจะฟาวล์ เกตน์นิภาก็หยุดความคิดไว้เท่านั้น

“อือ ชั้นก็ไม่ได้ปฏิเสธหรอกนะ ยังพอมีเวลาคิด ไว้กลับบ้านไปแล้วค่อยว่ากันอีกที” นายสาวยังไม่ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง เพียงแต่พยายามหาวิธีที่ดีที่สุด

“เดี๋ยวเราแวะกินข้าวกันก่อน แล้วค่อยข้ามไปฝั่งโน้น เราเอารถข้ามไปได้เลย”

“ค่ะ”

หลังจากแวะทานข้าวกลางวัน ที่ชายแดนฝั่งไทยรถของทั้งสองสาว ทำพิธีผ่านด่านศุลกากรและข้ามฝั่งไป จากชายแดนขับรถมาแค่เพียงไม่เกินสิบนาทีก็ถึงที่หมาย

สองสาวก้าวลงจากรถ เบื้องหน้าเป็นตึกสูง ดูเผินๆก็โรงแรมหรูระดับห้าหกดาวดีๆนี่เอง ผู้จัดการชาวไทยเดินมาต้อนรับนายใหญ่และพาทั้งคู่เดินเข้ามาภายในอาคาร ที่หน้าประตูทางเข้ามีระบบตรวจจับอาวุธอย่างดี การ์ดทำท่าจะขอตรวจบัตรเพราเห็นว่าสาวรุ่นนั้นเด็กเหลือเกิน

ผู้จัดการให้สัญญาณว่ากลุมนี้เป็น VIP การ์ดจึงโค้งคำนับ ประตูร้องเตือนเสียงดัง มาเฟียสาวจึงควัก ปืน 1911 Ed Brown Special Force Carry ออกมาจากเอว เกตตกใจสุดขีด นี่นายสาวสุดเลิฟพกปืนด้วยหรือนี่

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เกตน์นิภา มาสัมผัสกับบ่อนคาสิโน สาวรุ่นแข้งขาสั่นจนนายสาวต้องเดินประคอง สายตาก็เมียงซ้ายแลขวา พอเริ่มชินก็รู้สึกว่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

มันเป็นเหมือนสรวงสวรรค์ของผีพนันเสียมากกว่า เดินมาถึงบริเวณโถงกลาง มีรถโรลส์-รอยซ์คันงามจอดโชว์อยู่ เป็นเหมือนการโปรโมทของบ่อนว่า นี่เป็นรางวัลใหญ่ ด้านซ้ายเป็น ช๊อปปิ้งมอลล์สุดหรู มีแบรนด์ดังจากทั่วทุกมุมโลกไม่ต่างจากห้างหรูๆที่กรุงเทพ เบื้องซ้ายเป็นห้องขนาดใหญ่ แป้งจูงมือเกตเดินเข้าไปดู ผู้คนขวักไขว่จอแจ

ภายในห้องนั้นเป็นโดมขนาดใหญ่ เกตเห็นที่ผนังเพดานด้านบนทำเป็นท้องฟ้าเทียมสวยงามมาก หล่อนเห็นเหมือนตู้เกมวางเรียงรายอยู่ตามทางเดิน มีเคาน์เตอร์เครื่องดื่มอยู่ด้านหน้า

“ตู้เกมเหรอคะนาย”

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ลองเล่นดูมั้ยคะ”

นายสาวเดินมาที่ตู้สล๊อตตู้หนึ่ง พยักหน้าเป็นสัญญาณ ไม่นาน ผู้จัดการเอาชิปมาให้หนึ่งถาด แป้งยื่นให้สาวน้อยตรงหน้า

“เอาไปหยอดตรงที่หยอดเหรียญสิคะ” มาเฟียสาวเชิญชวน

เกตนึกสนุก หยอดเหรียญเข้าไป

“กดปุ่มสีเขียวแถวล่างเลย”

แม่บ้านสาวทำตาม ตาก็มองดูที่หน้าจอ มันเป็นตัวเลขและสัญลักษณ์อะไรบางอย่าง เรียงกันอยู่ห้าแถวกับสี่คอลัมน์ แป้งเอานิ้วมาจิ้มที่ปุ่มแดง สัญลักษณ์ที่หน้าจอก็สลับไปมาและหยุดลง เกตไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่

ทันใดนั้นเหรียญก็ไหลออกมาจากช่องข้างๆไม่ขาดสายกองเต็มถาดไปหมด

“แจ๊คพ็อต เกตเธอเก่งมาก มือขึ้นนะนี่” สาวรุ่นเห็นนายสาวดีอกดีใจก็ยิ้มไปด้วยแต่ก็งงๆอยู่ดี กดๆๆแล้วเงินก็ไหลออกมานี่นะ

“ไหนลองอีกทีซิคะ”

เกตน์นิภาทำซ้ำตามขั้นตอนเดิม ตานี้สาวน้อยเริ่มตื่นเต้นลุ้นว่าหน้าจอจะออกมาอย่างไร

“ว้า โดนกินซะละ ไม่เป็นไรเอาใหม่”

แม่บ้านสาวเล่นอยู่อย่างนั้นสี่ซ้าห้าตา ชักเพลินบวกอารมณ์อยากเอาคืน แป้งเห็นว่าสาวเจ้าได้บทเรียนแล้วจึงสะกิดให้ลุกมา ในใจสาวสวยยังค้างคาด้วยความอยากจะเอาชนะ

“เข้าใจหรือยังสาวน้อย นี่แหล่ะการพนัน มันท้าทายเราให้เอาชนะ พอมีได้ก็อยากได้มากขึ้นอีก พอมีเสียก็อยากเอาคืน”

เกตน์เข้าใจสิ่งที่นายสาวกำลังต้องการจะสื่อและสอน

“ค่ะ เกตเข้าใจแล้วนาย ว่าการพนันเป็นยังไง และเราไม่มีทางเอาชนะมันได้”

นายสาวครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนถาม

“หล่อนเกิดวันอะไร”

“วันศุกร์ค่ะ”

“อืม...ไป เราไปตรงนู้นกัน”

นายสาวจูงมือแม่บ้านไปที่โต๊ะกลมตัวใหญ่ มันเป็นวงโป๊กเกอร์

“ไพ่เหรอคะนาย”

“จ้ะ เขาเรียกว่าโป๊กเกอร์รู้จักมั้ย” เกตน์นิภายิ้มแหย

“โป๊กเกอร์เป็นเกมไพ่ ที่มีผู้เล่นนิยมเล่นมากที่สุดอันดับหนึ่งของโลก วิธีการเล่นไม่สลับซับซ้อน และต้องใช้ความคิดไหวพริบในการประกอบการตัดสินใจ”

แม่บ้านสาวฟังนายอธิบาย ตาก็มองไปที่ผู้เล่น

“เราจะเห็นว่ามีนักเล่นพนันบางคน ยึดเอาไปเป็นอาชีพเลยก็มี ในหลายๆประเทศในโซนยุโรป และอเมริกา รวมทั้งมีการจัดการแข่งขันเวิร์ลซีรียส์ขึ้นด้วย”

แป้งเล่าต่อเดินไปหยิบไพ่มาสำรับหนึ่ง

“ประวัติความเป็นมาของโป๊กเกอร์นั้นมีหลายที่มา จึงยังไม่แน่ใจนักว่าเริ่มต้นที่ไหน แต่หลายๆคนคาดว่ามาจากประเทศฝรั่งเศสเพราะชื่อโป๊กเกอร์มาจากคำว่า poque ซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศส”

นายสาวนั่งลงที่โต๊ะตัวหนึ่ง เรียกเกตมานั่งข้างๆ และบอกให้ผู้จัดการเดินเข้ามาใกล้ๆ กระซิบกระซาบอะไรกันบางอย่างที่สาวรุ่นไม่เข้าใจ

ไม่นานก็มีคนแปลกหน้ามานั่งร่วมโต๊ะ และพนักงานของคาสิโนคนหนึ่งในชุดยูนิฟอร์มแบบแอร์โฮสเตส สวมหมวกและถุงมือก็เดินมาที่หัวโต๊ะ แป้งหันมาเล่าต่อ

“เมื่อวัฒนธรรมยุโรปแพร่ขยายไปตามลัทธิจักรวรรดินิยม โป๊กเกอร์ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมอเมริกา โดยคำต่างๆอย่างเช่น ace in the hole, beats me, blue chip, call the bluff, cash in, pass the buck, poker face , wild card และอื่นๆมากมายถูกใช้เป็นคำสามัญในชีวิตไปเรียบร้อยแล้ว”

“poker face ที่เลดี้กาก้ามาร้องนี่เหรอคะ”

มาเฟียสาวพยักหน้า ด้านพนักงานก็กำลังทำไพ่

“มีหลายคนกล่าวไว้ว่า โป๊กเกอร์เป็นเกมการพนันที่อาศัยทั้งโชค ศาสตร์แห่งความน่าจะเป็น จิตวิทยา และความเชี่ยวชาญในการเล่นเพื่อที่จะได้กำไรในการเล่นก็ว่าได้ อันดับของไพ่ในโป๊กเกอร์จากมากไปหาน้อยจะเรียงได้จาก A K Q J T 9 8 7 6 5 4 3 2” แป้งอธิบายจบก็พอดีกับที่ทำไพ่เสร็จ สาวสวยคนนั้นก็พูดขึ้น

“This turn I beg you to give me 50 chips + 5 to buy in”

แป้งวางชิปไปตรงหน้าและหันมามองคนข้างๆ

“เขาบอกว่า ให้เราจ่ายห้าสิบชิปต่อการเล่นตาหนึ่ง เงินกองนี้จะเอามารวมกัน และผู้ชนะก็ get it all ส่วนห้าชิปเป็นค่าโสหุ้ยค่ะ”

เกตยิ้มสวยยังไงหล่อนก็ไม่เข้าใจอยู่ดี พนักงานแจกไพ่ให้ผู้เล่นทั้ง 4 เวียนจนครบ 5 ใบ

“เอาล่ะ เรามาดูกันว่ามันสนุกตรงไหน เริ่มเลยสาวน้อย” ศุภสุตาหยิบไพ่ขึ้นมาด้วยมือซ้ายวางสลับเรียงตำแหน่ง แม่บ้านสาวเห็นไพ่ในมือนายสาวขึ้นมาเป็น 8 9 10 แจ๊ค แหม่ม คิง ทุกใบล้วนเป็นโพธิ์ดำ!!

แบบนี้เขาเรียก Straight Flush คือไพ่ 5 ใบ ที่เรียงลำดับกัน และมีดอกเดียวกัน ความน่าจะเป็นในกรณีนี้คือเพียง 0.0015% !! พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือ 1 ครั้งครึ่งต่อพันครั้ง

แป้งเก๋าเกมพอที่จะไม่แสดงอาการอันใด ทั้งทางสีหน้า แววตาและอากัปกิริยา ส่วนผู้เล่นอีกสามคนที่เหลือมีส่ายหน้าขอหมอบไปหนึ่งคน และขอเปลี่ยนไพ่สองคน การเปลี่ยนไพ่ในมือสามารถทำได้เพียงครั้งเดียว เท่านี้แป้งก็รู้แล้วว่าหล่อนชนะ ทิ้งไพ่ในมือบนโต๊ะ และกวาดชิปกองกลางมาวางตรงหน้า เกตยิ้มรู้สึกสนุก ตาถัดไปอีกราวๆสามสี่ตาก็เป็นฝ่ายศุภสุตาที่กินเรียบ สองสาวขอหยุดและเดินออกมาจากวงทิ้งให้อีกสามขาที่เหลือนั่งตาค้าง ก็ไพ่ที่เปิดขึ้นมามันเป็นไพ่แต้มสูงทั้งสิ้น

สองนายบ่าวเดินประคองกันกระหนุงกระหนิง เกตมีเซเล็กน้อยเพราะกินคอกเทลเข้าไปสามแก้ว หันมาหานายสายตาหยาดเยิ้ม

“โกงเขารึเปล่าคะนายเรา”

“บ้าเหรอ ใครจะไปทำแบบนั้น มากับคนน่ารักต่างหาก” พูดจบก็จุ๊บไปที่แก้มทีนึง

“นายอ่ะ”

สาวรุ่นแก้มแดงระเรื่อ ไม่รู้ว่ามาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือว่าอายจริง

“ชั้นว่าหล่อนเกิดมาเพื่อสิ่งนี้นะ”

เกตน์นิภาทำหน้างุนงงจากเดิมที่มึนๆอยู่แล้ว คราวนี้เลยยิ่งทวีคูณ ตามนายสาวไม่ทัน แป้งลังเลใจอยู่พักหนึ่งก่อนตัดสินใจพูดต่อ

“เกิดวันศุกร์ เสียด้วย น่าจะไม่พลาด”

พูดยังไม่ทันจะได้ความสาวรุ่นก็คอพับคออ่อนซบลงไปบนร่างสูง แป้งพยุงคนเมามาที่ห้องพักสุดหรูในคาสิโนนั้นเอง


เกตพอได้สติตื่นขึ้นมา ก็เห็นร่างตัวเองเปลือยเปล่า เหลียวซ้ายก็ขอบเตียง เอ๊ะเธอมาอยู่ในสภาพนี้ได้อย่างไร มันห้องสี่เหลี่ยม โรงแรมนี่น่า พอเหลียวขวามาเท่านั้น...

“ว้าย นายอ่ะ นายมันคนฉวยโอกาส นายลักหลับแป้งอีกแล้ว”

คนนอนสบายๆก็สะดุ้งโหยงมื่อมีกำปั้นน้อยๆทุบเข้าที่ต้นแขน

“โอ้ย! โอ้ย! เบาๆหน่อยสิ จะเป็นไรนักหนา ผัวจะนอนกับเมียนี่ไม่ได้เลยหรือไง”

เกตอายสุดชีวิตรีบลุกไปแต่งตัว นายสาวตะโกนไล่หลังแบบขุ่นๆ

“เมื่อคืนหล่อนเมาไม่รู้เรื่อง อ้วกแตกอ้วกแตน จะให้นอนไปแบบนั้นก็กระไรอยู่ เราเหรออุตส่าห์หวังดี มาหาว่าเราบ้ากาม เชอะ”

ได้ผลแฮะ วิธีนี้ แม่บ้านสาวรีบมานั่งที่ปลายเตียงเกาะขานายสาว

“เหรอคะ เกตขอโทษ ต่อไปเกตจะไม่ว่านายอีกแล้ว นายอย่างอนเลยนะนะนะ”

“ไม่หาย จนกว่า...” ไม่รอในนายพูดจบ แม่สาวรุ่นก็รีบประกบปากคนขี้แกล้งทันที่

“เกตขอโทษนายแล้วนะคะ เอ่อ... ต่อไปถ้านายจะทำอะไร เกตก็ยอม แต่ให้เกตรู้ตัวบ้างสิคะ”

สาวรุ่นกล้าๆพูด ทำเอาคนฟังยิ้มแก้มแทบแตก

“ไม่อ่ะ ชั้นเป็นโรคจิต ชอบลักหลับคน”

นายสาวหาเรื่องแกล้งต่อไป เคยทำอะไรกับหล่อนเกินเลยที่ไหนกัน แม่หน้าใส ศุภสุตาอยากเฉลยออกมาให้รู้แล้วรู้รอด

“อ้าว ไม่แฟร์เลยนายอ่ะ ไว้วันหลังเกตจะทำบ้าง”

สาวสวยทั้งสองหัวร่อต่อกระซิก ลุกไปอาบน้ำและเปลี่ยนชุดลงมาด้านล่าง

ระหว่างที่กินอาหารเช้า นายสาวก็พูดขึ้น

“เมื่อคืนหล่อนเรียนรู้อะไรบ้างสาวน้อย”

“ก็ หลายอย่างค่ะ เช่นไม่ควรเมาต่อหน้าคนที่ไว้ใจไม่ได้” ม้านสาวแซวคนตรงหน้า

“นี่แน่ะ ชั้นป็นนายหล่อนนะ” แป้งจี้ไปที่เอวบาง

เกตหัวเราะขำๆ

“เอาจริงๆก็ เรื่องพนันขันต่อล่ะค่ะ มีได้ก็ต้องมีเสีย”

“อืม เกตรู้มั้ย บางสิ่งที่เรามั่นใจและเกทับไป มันอาจพลิกผันได้ตลอดเวลา และสิ่งที่เราทุ่มเทกับมันไป สุดท้ายเราจะไม่มีวันได้มันกลับมาอีกเลย”

นายสาวพาแม่บ้านผู้อ่อนต่อโลกเดินมาดูที่ห้องหนึ่ง แป้งกดรหัสผ่าน ประตูเลื่อนเปิดออก เกตน์นิภาตกตะลึงกับภาพตรงหน้า มันเป็นคลังมหาสมบัติเลยนั่นเทียว ข้าวของเครื่องใช้หรูหราราคาแพงจัดเรียงในตู้กระจกและล๊อคเกอร์ ศุภสุตาเดินมาที่ตู้เซฟใบใหญ่ นั่งลงและหมุนรหัสสองชั้น เปิดออกให้สาวรุ่นดู มันเป็นสร้อยทองและแหวนเพชร อย่างต่ำๆน่าจะมีสามสี่ร้อยบาท

“โหนาย อะไรจะมากมายขนาดนี้คะ” เกตน์นิภาไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

แป้งพยักหน้าและพูดต่อ

“เห็นมั้ย ทั้งหมดนี่คือของมีค่าที่คนมาเล่นทุ่มจนหมดตัว และสูญเสียมันไปตลอดกาล บางคนผีพนันเข้าสิง โชคร้ายถึงขนาดที่ต้อง...สูญเสียคนรัก” พูดถึงตรงนี้น้ำตามาเฟียสาวก็ไหลริน

เกตตกใจมาก ไม่คิดเลยว่านางสิงห์ใจเด็ดจะมาเสียน้ำตาต่อหน้าลูกน้อง แม่บ้านสาวโผเข้ากอดนายรักหวังปลอบโยน

“นาย ไม่เป็นไรนะคะ เกตอยู่ตรงนี้อยู่กับนาย ไม่ร้องนะคะคนดี”

แม้จะไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง แต่สาวเจ้าก็ฉลาดพอที่จะประติดประต่อเอาจิ๊กซอว์แต่ละชิ้นมาประกอบกัน สาวรุ่นค่อนข้างแน่ใจว่านายสาวหมายความเป็นนัยว่า การสูญเสียคงเกี่ยวพันกับแม่สุดที่รักของเธอ

“เห็นชั้นเลวถึงขนาดนี้จะลาออกไปและอยู่ห่างๆกันชั้นก็ไม่ว่านะ”

“เกตรักนายค่ะ ไม่ว่านายจะเกี่ยวข้องกับสิ่งไม่ดีอีกร้อยพัน แต่เกตรับรู้ได้ว่าทั้งหมดที่เห็นมันไม่ใช่ นายของเกตเป็นคนดี และเกตก็ยินดีมอบทั้งใจและกายรับใช้นายตลอดไปค่ะ”

คำพูดหวังปลอบใจ แต่กลับเป็นการกระตุ้นให้ต่อมความรู้สึกที่สั่นไหว ถูกซัดกระหน่ำจากความบริสุทธิ์ของจิตใจคนตรงหน้า

“เกต หล่อนจำคำที่ชั้นสอนไว้นะ สิ่งที่เกตกำลังทำมันเหมือนกำลังเล่นพนันอยู่รู้มั้ย เกตกำลังเกหมดหน้าตัก ถ้าคิดจะรักศุภสุตา มาเฟียใหญ่ล่ะก็ ให้เผื่อเหลือเผื่อใจเอาไว้บ้าง”

เกตน์นิภาเงยหน้ามองคนที่สูงกว่า นัยน์ตาใสจริงใจ

“รักมาเฟียรี่ เกตคนนี้ไม่มีเผื่อใจอยู่แล้วค่ะ”

พูดได้เท่านั้นก็ซบไปที่อกอุ่น

มันช่างเปลี่ยวดาย แม้จะถูกสวมกอดโดยสาวใสซื่อที่พร้อมเคียงข้างเธอตรงหน้า เบื้องหลังแลซ้ายขวาก็กลาดเกลื่อนไปด้วยประดาเงินทอง ความกดดันที่ถาโถมเข้ามา ศุภสุตาเกินกำลังที่จะรับไหวแล้ว...





 

Create Date : 01 มีนาคม 2558    
Last Update : 1 มีนาคม 2558 12:59:43 น.
Counter : 475 Pageviews.  

โปรดเรียกหนูว่า...มาเฟียรี่7

Confess

สารภาพรัก

“สวัสดีค่ะวันนี้ต้องขอโทษด้วยคุณพ่อไม่ค่อยสบายเลยให้ดิฉันมาเป็นตัวแทน ศุภสุตาค่ะลูกสาวคนโตของชายชนม์ เคยเจอท่านแล้วครั้งหนึ่ง ตอนที่ท่านมาที่บ้าน”

แป้งแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญมากมายนักชายชนม์จะมอบหมายให้ลูกสาวคนโตจัดการแทน

ชายหุ่นเฟิร์มยิ้มอารี ยื่นมือมาสัมผัสทักทาย

“ยินดีที่ได้รู้จักหนูแป้ง เรียกอาว่าอาป้องนะความจริงอาเห็นหนูมาตั้งแต่เล็กๆแล้ว”

แท้จริงแล้วคนที่แนะนำตัว ชื่อป้องการุณย์ เป็นนายตำรวจฝีมือดีและมีอนาคตไกลชายชนม์ชุบเลี้ยงมาตั้งแต่เขาเป็นนายร้อย ตอนนี้ก้าวขึ้นมาเป็นระดับผู้กำกับแล้ว

ทั้งสองเดินมาที่โต๊ะรับแขก เกตน์นิภาชงกาแฟหอมกรุ่นมาเสิร์ฟ

“นี่เป็นผู้ช่วยของดิฉันค่ะ เธอชื่อเกตน์นิภา” นายสาวแนะนำตัวด้านเกตก็ยกมือไหว้สวัสดี

“อืม อาขอเข้าเรื่องเลยนะ พอดีช่วงบ่ายต้องมีตรวจราชการ”

ชายหนุ่มไม่รอรี เปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจัง แป้งก็จดจ่อกับบทสนทนา

“ตอนนี้การแข่งขันวิ่งตำแหน่ง มันเข้มข้นดุเดือดเลือดพล่านมากอารู้ว่า เฮียชนม์ก็ล๊อบบี้ช่วยอาอยู่ตลอด แต่เพื่อความมั่นใจอาต้องขอให้หนูช่วยอีกแรง”

แป้งพอเข้าใจความหมายที่คู่สนทนาต้องการจะสื่อ ใครเขาจะเอ่ยปากกันตรงๆ มาเฟียสาวยิ้มเก๋ถามถึงตัวเลข

“ถึงยี่สิบมั้ยคะ”

ชายหนุ่มไม่ตอบ พยักหน้าเล็กน้อยศุภสุตายังยิ้มหวานไม่มีอาการหวั่นไหว

“อีกสองวันคุณอามารับได้ที่บ้าน แป้งจะเตรียมไว้ให้ค่ะ”มาเฟียสาวพูดเสียงเรียบๆทรงพลังอำนาจ ฝ่ายเกตก็นั่งฟังแบบมึนๆไม่รู้ว่าผู้ใหญ่เขาเจรจาความอะไรกัน

“ฝากขอบคุณเฮียด้วยนะ อ้อ อามีอีกเรื่องหนึ่ง”

ชายหนุ่มเว้นจังหวะ มองหน้ามาที่คู่เจรจาเป็นทีว่าต้องการความเป็นส่วนตัว

“เชิญคุณอาพูดได้เลยค่ะ”

“อาได้ข่าวมาว่า ชัยมันเหิมเกริมมาก ตอนนี้มันใช้เด็กแว้นเป็นแก๊งค์ส่งยาด้วยแถมยังหากินข้ามเขตมาที่เฮียชนม์อีก ช่วยบอกเฮียให้ระวังด้วยนะ ชัยมันใจถึง”

หญิงสาวรับฟังและพยักหน้าตอบคนชื่อชัยนี่เป็นหนามตำใจหล่อนเสียเหลือเกิน

หลังจากเจรจาได้ความครบถ้วน เข้าใจกันดีทั้งสองฝ่ายชายหนุ่มจิบกาแฟจนหมดแก้ว สักพักก็ขอตัวกลับ แป้งเดินมาส่งที่หน้าห้องก่อนกลับหล่อนย้ำใจความสำคัญ

“พ่อหนูดูแลอามาอย่างดี หวังว่าอาคงไม่ทำให้พ่อผิดหวังนะคะ”

ชายหนุ่มยิ้มเช่นเดิมไร้การตอบกลับ ก่อนจะออกจากห้องไปเกตยิ่งไม่เข้าใจทำไมเขาทำอะไรกันคลุมเครือแบบนี้นะ เมื่อนายกลับมานั่ง สาวรุ่นขี้สงสัยจึงซัก

“นายคุยอะไรคะ เกตไม่เห็นเข้าใจเลย” ใบหน้าคนช่างสงสัยมันน่าหมั่นเขี้ยวยิ่งนัก

มาเฟียสาวยิ้มๆ ส่ายหัวเล็กน้อยสาวน้อยสวยใสไร้ประสบการณ์ถ้าเข้าใจล่ะก็แปลก

“เรื่องมันยาวนะ ตอบได้สั้นๆตรงนี้ก่อนว่าคนที่มาเมื่อ ตะกี้ เขาเป็นนายตำรวจใหญ่ระดับผู้กำกับ”คนฟังถึงกับอ้าปากเหวอ

“นาย นายตำรวจ” แป้งพยักหน้า

“เวลามีการโยกย้ายตำแหน่งกันไม่ว่าภูธรหรือนครบาลตำรวจพวกนี้ต้องวิ่งเต้นกันฝุ่นตลบเพื่อตำแหน่งทั้งบนดินและใต้ดินอาป้องเป็นคนที่พ่อสนับสนุนมาตลอดเพื่อให้คอยคุ้มครองธุรกิจและเคลียร์คดีความนอกจากนี้พ่อยังต้องจ่ายส่วยรายเดือนอีกเดือนละห้าล้าน และคราวนี้ต้องใช้เงินมากแต่ชั้นก็ไม่คิดว่ามันจะมากมายถึงขนาดนั้น”

นายสาวพูดถอนหายใจยาว สีหน้าเป็นกังวลชัดเจน

“นายอย่าบอกว่ายี่สิบคือ หน่วยล้าน??”เกตแทบไม่เชื่อหูตัวเอง

“อาจจะมากกว่านั้น พื้นที่นครบาลแข่งขันกันสูงมากๆ ผลประโยชน์มันเยอะใครๆก็อยากมาลงตำแหน่งนี้กันทั้งนั้น”

“หมายถึงเส้นของเส้นของเส้นเลยเหรอคะ”

“ใช่”

ศุภสุตายังมีสีหน้ากังวลไม่ใช่เพราะเรื่องเงินแต่เป็นเรื่องความไว้ใจต่างหาก โบราณเขาว่า รถไฟ เรือเมล์ ยี่เก ตำรวจ คบยาก

“เห็นหรือยังว่ามันน่าปวดหัวแค่ไหนวันนี้หล่อนต้องนวดคอร์สพิเศษให้ชั้นด้วย”

จะพิเศษสักแค่ไหนกัน มันทำให้ผู้ฟังชวนสงสัยปนสยิวเพราะที่ผ่านมามันก็พิสดารพันลึกเหลือเกินแล้วนาย

“อ้าว! วกกลับมาเรื่องนี้ได้ยังไงคะ ไม่เห็นเกี่ยวกันเล้ยย” เกตตอบบ่ายเบี่ยง

“เกี่ยวสิ รู้ตัวมั้ยว่าหล่อนเป็นกำลังใจเดียวที่ชั้นมีตอนนี้”ประโยคที่ได้ยินทำเอาคนฟังยิ่งขวยอาย

“ไปเถอะค่ะนาย”

เกตเปลี่ยนเรื่องเพราะตัวหล่อนกำลังเสียเปรียบสองสาวนั่งรถกลับมาที่บ้าน แต่จู่ๆแป้งก็สั่งให้คนรถแวะที่ห้างแห่งหนึ่งเกตหันมามองหน้านายสาว

“ไป เราไปช๊อปปิ้งกันดีกว่า”

พูดเสร็จแป้งก็จูงมือแม่บ้านสาวไปคลายเครียดมันเป็นวิธียอดนิยมตลอดกาลของสาวๆอยู่แล้ว

ศุภสุตาซื้อชุดใหม่ให้สาวรุ่นสามชุดเกตพยายามปฏิเสธแต่แป้งกลับอ้างว่าจะให้ใส่ไปทำงาน หล่อนจึงจนใจจำใจรับก็แต่ละชุดที่นายสาวซื้อให้ตัวหนึ่งร่วมๆหมื่น ไม่เพียงเท่านั้นนายสาวยังจัดแจงแอคเซสซอรี่ครบครันทั้งกระเป๋า เข็มขัด นาฬิกาเกตอดรนทนไม่ไหวบ่นออกมา

“นายขา พอแล้วค่ะ รู้มั้ยว่ากี่แสนแล้ว” แม่บ้านสาวเตือนสติ

“จิ้บจ๊อยน่า ชั้นต้องแปลงโฉมหล่อน เดินคู่กันจะได้ไม่อายใครไง”

มาเฟียสาวตอบไม่รู้ร้อนรู้หนาว ขนาดยี่สิบล้านยังให้คนไม่รู้ใจได้ทำไมหล่อนจะทำอะไรๆเพื่อคนรู้ใจบ้างไม่ได้ล่ะ

“แต่เกตเป็นแค่แม่บ้านนะคะนาย” สาวใช้เจียมตัว

“ใครว่า ตอนนี้เธอเป็นผู้ช่วยชั้น แล้วก็...”

นายสาวส่งสายตาเจ้าเล่ห์จ้องมองไปที่หน้าอก เกตเขินสุดประมาณเบี่ยงหน้าหลบไม่อยากสบตาคนสเน่ห์แรงจอมฉวยโอกาส

“แล้วก็เป็นเมียชั้นด้วย!”

แป้งเข้ามากระซิบที่หูและเดินไปไกล ทิ้งให้เกตน์นิภายืนเซ่อฝันหวานอยู่อย่างนั้นจนได้สติหล่อนก็เห็นหลังนายสาวเข้าไปที่ร้านดีวีดีอยู่ไวๆจึงรีบเดินตามไป

ศุภสุตาเลือกซื้อหนังต่างประเทศมาเกือบยี่สิบแผ่น เกือบทั้งหมดล้วนเป็นหนังแอคชั่นทั้งสิ้น

“นายชอบดูเจมส์บอนด์เหรอคะ” นายสาวยิ้มๆไม่ตอบอะไร

เกตรับแผ่นมาดู นอกจากนั้นยังมีเจสันบอร์นอีกต่างหากและก๊อดฟาเธอร์ครบทั้งสามภาค ดาวินชี โค้ดส่วนแผ่นสุดท้ายเป็นภาพสองสาวกำลังสบตากัน ชื่อเรื่องว่า Blue Is the Warmest Color

BlueIs the Warmest Color เป็นหนังรักแนวเลสเบี้ยนที่ได้รางวัลปาล์มทองคำในปี 2013 และเป็นปาล์มทองที่พิเศษกว่าทุกครั้งเพราะนอกจากจะให้กับผู้กำกับแล้วยังให้กับ 2 นักแสดงนำหญิงของเรื่องอีกด้วยเป็นกรณีพิเศษปกหน้าของหนังทำให้เกตสนอกสนใจมาก นายสาวเห็นอากัปกิริยาเลยเดินเข้ามาใกล้

“ไว้เดี๋ยวคืนนี้เราดูด้วยกัน” แป้งเดินไปจ่ายเงินโทรเรียกคนรถให้มารับของและจูงมือแม่บ้านสาวออกไป

เมื่อกลับมาถึงบ้านลงจากรถเรียบร้อยศุภสุตาเห็นน้องสาวตัวดียืนกระวนกระวายใจรออยู่ที่หน้าบ้านจึงถามน้องสาวกลัวว่าจะไปก่อเรื่องก่อราวมา

“มีอะไร มายืนบริจาคเลือดให้ยุงเหรอ” ศุภสุตาทักทายทีเล่นทีจริง

“เกต ช่วยปอนด์ด้วย กางเขนตัวร้อนจี๋เลย”

นายน้อยหันกลับไปพูดกับแม่บ้านสาวแทน ทำเอาแป้งหมั่นไส้ เดินกระแทกฝีเท้าไปแบบดังๆบ่งบอกว่า งอน

เกตทำหน้ากระอักกระอ่วนใจ ครั้นจะวิ่งตามมาเฟียสาวเจ้านายแสนงอนไปก็ดูจะแล้งน้ำใจกับนายน้อยไปสักหน่อย เกตน์นิภาปั้นหน้าหวานหันมาที่ปอนด์

“แล้วทำไมคุณปอนด์ไม่พากางเขนไปหาหมอล่ะค่ะ” คำตอบที่แสนง่ายทำให้โศภิษฐาหัวเราะออกมาในความเซ่อทึ่มของตน

“ฮิฮิ นั่นสินะ ปอนด์นี่โง่จัง พอดีคิดอะไรไม่ออกแล้วก็เห็นว่าเกตเป็นเหมือนแม่หมอน่ะ”

“แหม ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ แล้วกางเขนอยู่ไหนคะ”

“พาไปนอนอยู่ที่ห้องปอนด์เอง ไปเถอะค่ะเราไปดูกางเขนกัน”

นายน้อยพาแม่บ้านสาวไปที่ห้องเห็นสาวร่างบางเพื่อนใหม่นอนห่มผ้าอยู่เนื้อตัวสั่นเทิ้ม ปากก็เพ้อว่า หนาวหนาวเกตดูอาการ แล้วก็หันมาพูดกับปอนด์

“ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ คงเป็นไข้หวัดธรรมดา เดี๋ยวเกตจะเช็ดตัวให้แล้วก็ต้มข้าวต้มร้อนๆมาให้นะคะ กางเขนจะได้ทานยา”

“งั้นเกตไปทำข้าวต้มเถอะนะ เดี๋ยวปอนด์เช็ดตัวให้กางเขนเอง”

เอ๊ะยังไง คุณหนูบ้านนี้แปลก ชอบแสดงอาการหวงเด็กของตัวเกตชักสงสัยในท่าทางเป็นห่วงเกินจำเป็น แต่ก็ไม่ได้อะไรมาก กลับดีใจเสียอีกเพราะคุณปอนด์จะได้ไม่มายุ่มย่ามกับเธอ ขี้เกียจไปเคลียร์ใจกับ เอ่อ...กับนายตัวจริงแสนงอนนั่น ว่าแล้วก็รีบออกจากห้องไป

ไม่นาน เกตน์นิภาก็ขึ้นมาพร้อมกับข้าวต้มอุ่นๆแม่บ้านสาวเห็นท่าทางเก้กังๆของนายน้อย ที่พยายามจะเช็ดตัวให้คนป่วยหยิบจับอะไรแบบงุ่มง่ามก็รู้สึกขัดหูขัดตา แต่มันก็เป็นภาพที่น่ารักไปอีกแบบบัตเลอร์ยืนมองนายน้อยและยิ้มกริ่ม หล่อนปล่อยให้ปอนด์เช็ดตัวคนป่วยจนเสร็จหยิบถ้วยข้าวต้มมาทำท่าจะป้อนแต่...

“เดี๋ยวปอนด์ป้อนเอง ขอบใจเกตนะคะ มีอะไรก็ไปทำเถอะนะ”

“งั้นเดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมง เกตขึ้นมานะคะอ้อคุณปอนด์เตรียมถุงเท้าไว้ด้วยนะ” แม่บ้านสาวเดินออกจากห้องไปต้องไปดูนายใหญ่เสียหน่อยแล้ว ป่านนี้คงบ่นอุบ

เกตน์นิภาเดินลงบันไดมาเห็นนายสาวกำลังเล่นโทรศัพท์ก็เลยไม่อยากกวนเดินเลี่ยงไปทางด้านหลัง

“เดี๋ยว”

เสียงเรียกทำเอาบัตเลอร์สะดุ้ง เดินตัวลีบเข้ามาหา เตรียมใจโดนเล่นงาน

“เดี๋ยวไปดูหนังกันนะคะ”

เอ๋! มาแปลก ทำไมหายงอนเร็วจัง มาแผนไหนล่ะนี่นาย

“ค่ะ”

นายสาวลุกขึ้นจูงมือแม่บ้านไปที่ห้องเปิดหนัง Blue Is the Warmest Colorที่เพิ่งซื้อมา แป้งนั่งลงที่โซฟายาวเอนกายอย่างสบายใจกดรีโมทในมือและเรียกสาวรุ่นมาใกล้ๆ

“มานั่งนี่สิคะ”

เกตเดินมานั่งข้างๆกายแป้งนายสาวได้ทีเอนตัวไปนอนบนตักเล็กๆของแม่บ้านสาว เกตก็ไม่ว่าอะไรเพราะเข้าใจว่าวันนี้นายเจอเรื่องหนักอกหนักใจมาหน้าที่ของหล่อนคือทำให้นายสบายใจตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน

สองสาวตั้งอกตั้งใจดูหนังตรงหน้า มันเป็นเรื่องราวของสาวเลสเบี้ยนเนื้อเรื่องและบรรยากาศที่แปลกตาของหนังดึงดูดความสนใจของเกตมากนายสาวเหลือบดูจอทีเงยหน้ามามองที

“เมื่อยมั้ยคะเมียขา” แป้งออดอ้อนใครจะไปเชื่อว่านี่คือเบื้องหลังของมาเฟีย

“นายพูดอะไรคะ เดี๋ยวใครก็มาได้ยินเข้าหรอก”สาวรุ่นละสายตาจากหน้าจอมามองคนขี้อ้อน

“ดีสิ เขาจะได้รู้กันไปทั้งสามโลกเล้ย”

แป้งทำเสียงดังกลบเสียงหนังที่ฉายอยู่ เกตเงยหน้ามาสนใจหนังต่อมันกำลังเป็นฉากเข้านางเลยทีเดียว

“นายคะ ทำไมผู้หญิงฝรั่งชอบโกนขนตรงนั้นด้วย ดูสิตลกจังเหมือนเด็กๆเลย”

“มันอธิบายยากน่ะค่ะ แล้วแต่วัฒนธรรม ฝรั่งเค้าไม่ชอบรกรุงรังและมีความกล้ามากกว่า ส่วนคนเอเชียค่อนข้างอนุรักษ์นิยมเลยไม่ค่อยจะไปยุ่งกับมันตัวอยากทำเหรอ เดี๋ยวโกนให้เอามั้ย”

“บ้า! นายสกปรกออก”

“ใครว่าล่ะ ถ้ามันเป็นของสกปรกมนุษย์ทุกคนก็สกปรกน่ะสิ มันเป็นจุดกำเนิดของมนุษย์นะ เกตมองหน้านายด้วยสนใจกับความคิด

“แต่มันก็มีบางสังคมนะ ที่รับไม่ได้ เช่นที่เกาหลีถ้าผู้หญิงคนไหนไม่มีขนตรงนั้น เขาถือว่าเป็นกาลกินี”

สาวรุ่นทำหน้าประหลาดใจ

“อย่างนั้นเลยเหรอคะ”

“อือ ส่วนใหญ่พวกคนเอเชียจะนิยมไว้ขนด้วยซ้ำ ผู้หญิงฮ่องกงกับจีนนี่ไว้ขนรักแร้กันตรึมเลยแล้วลองนึกภาพสิเวลาใส่เสื้อแขนกุดมันประหลาดพิลึก”

สองสาวหัวเราะรื่น นึกภาพตามแล้วก็รู้สึกจั๊กกะเดียมจึ๊กกะดึ๋ย

“นายเคยเห็นเหรอคะ เล่าซะเห็นภาพเลย บรื๋อออ”

“อือ เคยไปดูโชว์ที่มาเก๊า ผู้หญิงบางคนนี่ยังกับป่าดงดิบ”แป้งเล่าไปก็ขำไป

“บางคนก็ชอบนะ ความชอบแบบนี้ทางการแพทย์เขาเรียกกันว่า fetish จะว่าไปมันก็คล้ายๆกับเป็นโรคจิตอ่อนๆคือคลั่งไคล้ในบางสิ่งบางอย่างและสิ่งเหล่านั้นก็สามารถทำให้เกิดความสุขทางกามารมณ์ได้ อาบอบนวดของพ่อเชียร์แขกยังมาเล่าให้ฟังเลยว่า แขกบางคนก็ชอบขนน้อยๆ บางคนก็ชอบขนเยอะๆ”

“นายนี่รอบรู้จังเลยนะคะ ทำอย่างกับว่าเป็นหมอนพพรมาเอง”แม่บ้านสาวแซวขำๆ

“เรื่องเกี่ยวกับตัวเองก็ต้องรู้ไว้บ้างสิเพศศึกษาไม่ใช่สิ่งน่าละอายสักหน่อยนี่ยังไม่ได้สอนท่าตรวจเต้านมหล่อนแบบยืนเลยนะ”

เกตแก้มแดง อายก็อายรู้สึกเสียวก็เสียว

“บ้า! ไม่เอาแล้วนายชอบฉวยโอกาสจับนมเกต”

“อ้าว! คนเป็นผัวเมียกันจะเป็นไรไป นี่แน่ะ!!”ว่าแล้วก็เอื้อมมือมาบีบแตรซะงั้น

“ว้าย!! นายอ่ะ ทะลึ่งจัง”

“แล้วชอบมั้ยอ่ะคะ เห็นนั่งนิ่งเชียว” แป้งกระเซ้า

“...” อายเกินกว่าที่จะพูดออกไป

หญิงสาวกลับมาสนใจหนังต่อ เรื่องดำเนินมาถึงบทรักระหว่างตัวนางทั้งสองภาพกิจกรรมบนเตียงในหนังทำเอาสาวรุ่นหายใจแรงและถี่ ตัวเกร็ง ที่มือเผลอไปจิกหมอนเม้มริมฝีปากโดยอัตโนมัติ

หญิงสาวอินโนเซ้นส์เรียนรู้ว่าบทรักระหว่างผู้หญิงเขาทำกันเช่นไร นายสาวจ้องมาที่ใบหน้าใสและขยับตัวลุกขึ้นมาแป้งเริ่มต้นจุมพิตไปที่ริมฝีปากสาวรุ่นเนิ่นนานและดูดดื่มบทรักที่หน้าจอจบลงไปแล้ว แต่สองสาวบนโซฟากำลังเริ่มต้นขึ้นนายสาวถอนริมฝีปากออกมา มองไปที่หน้าที่แดงซ่านเพราะเลือดกายสาวสูบฉีด

“ดูหนังแล้วเป็นไงบ้าง” แป้งอยากรู้ความรู้สึกจากก้นบึ้งของแม่บ้านสาว

“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เกตตอบนายไม่ได้รู้แต่เพียงว่าเกตตื่นเต้นมากเวลา นางเอกทั้งสองกอดก่ายกัน มันเหมือน...”

“เหมือนอะไรคะ”

“เหมือนตอนนี้เวลาที่เกตอยู่กับนาย เกต...เกต”

แป้งเข้าใจไม่รุกเร้าต่อ แม่บ้านสาวพยายามเปลี่ยนประเด็น

“ในหนังเค้าทำกันแบบนั้น แต่ทำไมเมื่อคืน เกตไม่รู้สึกเลยว่านาย...”

แป้งรีบตัดบทเฉไฉเลี่ยงบาลี

“แล้วรังเกียจความรักแบบนี้ไหมคะสาวน้อย”

เกตน์นิภานิ่งงันไปพักหนึ่ง ตาเหลือบดูหน้าจอ ทอดความคิดไปไกลนายสาวลุ้นจริงจังกับคำตอบ

“ไม่เลยค่ะ เกตคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติที่เราจะมีความรู้สึกพิเศษกับใคร ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นเพศเดียวกันหรือเพศตรงข้ามสำหรับเกตแล้วเรื่องเพศไม่ใช่อุปสรรคสำหรับความรักค่ะ”

“แล้วกับคนตรงหน้าล่ะคะ” สายตาเว้าวอนหยาดเยิ้ม คนฟังแทบจะลายแล้ว

เกตลังเลเล็กน้อย ไม่กล้าตอบเพราะกลัวไม่เหมาะ

“ว่ายังไงคะ”

เอาวะตกเป็นของเค้าแล้วนี่ สารภาพออกไปคงไม่เป็นไรมั้ง

“เกต..เกตรักนายค่ะ”สิ้นสุดประโยคกับความในใจและกลับเป็นเกตน์นิภาที่เป็นฝ่ายเริ่มต้นจูบมาที่แก้มใสๆของนายสาวหญิงสาวจับมือนายมาวางที่ตัก

“เกตเริ่มไม่แน่ใจ กังวลและรู้ตัวว่าไม่อยู่ในสถานะที่คิดแบบนั้นกับนายได้แต่สุดท้ายมันก็เป็นแบบที่นายเห็น แต่เกตให้สัญญาว่าจะไม่เรียกร้องอะไรขออยู่ใกล้ๆดูแลนายไปแบบนี้ ปรนนิบัตินายไปแบบนี้”

แป้งสุดซาบซึ้งกับแม่บ้านหน้าหวาน สวมกอดน้ำตาปริ่มๆ

“แล้วหล่อนไม่สนใจเหรอว่าชั้นรู้สึกยังไง” แป้งย้อนถามบ้าง

“สนใจสิคะ แต่ว่า...อุ๊ยตายแล้ว!!”บัตเลอร์สาวผละจากอ้อมกอด

“เกตลืมไป ต้องไปดูกางเขนก่อนค่ะ เดี๋ยวกลับมานะคะนาย” สาวรุ่นกล่าวลุกพรวดออกจากห้องไป ทิ้งให้นายสาวค้างงงง

โธ่ถัง กำลังมาซึ้งๆ ไหงมาตกม้าตายแบบนี้เนี่ย ยัยเกตนะยัยเกตกลับมาจะจัดให้หนักเลยคอยดู มาเฟียสาวยิ้มกับความน่ารักของแม่บ้านสาวปิดดีวีดีและล้มตัวลงนอน

เกตรีบวิ่งมาที่ห้องของปอนด์เห็นนายน้อยกำลังใช้มือแตะหน้าผากคนนอนซมอยู่สีหน้าอิดโรยเพราะคงเฝ้าไข้อยู่ไม่เป็นทำอะไร

“คุณปอนด์นอนพักบ้างก็ได้นะคะ”เกตน์นิภาเดินมาใช้มืออังที่หน้าผากของกางเขน

“ไข้ลดลงไปหน่อยแล้วนี่คะ คุณปอนด์สบายใจได้แล้วค่ะ”

แม่บ้านสาวพูดเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยิบกระปุกวิคส์ออกมา

“คุณปอนด์คะ ขอถุงเท้าด้วยค่ะ”

นายน้อยเดินไปที่ลิ้นชัก เปิดออกมาและหยิบถุงเท้ามาคู่หนึ่งยื่นให้บัตเลอร์หมอยาประจำบ้าน

เกตรับมา เดินไปที่ปลายเตียง เปิดกระปุกวิคส์และทาไปที่ฝ่าเท้าของกางเขนจากนนั้นก็จัดการสวมถุงเท้าให้ทั้งสองข้างลุกยืนขึ้นและบอกกับนายน้อยที่มองดูการรักษาแบบประหลาดๆ

“คุณปอนด์คะ เกตไปก่อนนะ แล้วเดี๋ยวเช้าจะมาดูใหม่ พักผ่อนบ้างนะคะเดี๋ยวไม่สบายไปอีกคน กางเขนคงเสียใจ”

“อือ ว่าจะนอนแล้วเนี่ย ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน” ปอนด์พูดทำเสียงง่วงๆเกตเริ่มแน่ใจเล็กๆว่า ปอนด์ต้องกุ๊กกิ๊กกับกางเขนแน่ๆกางเขนดูบอบบางน่าทนุถนอมแบบนั้น เหมาะกับคุณปอนด์จะตายเพียงแต่เจ้าตัวคงยังไม่รู้ใจตัวเองว่าแล้วก็รีบบึ่งกลับไปที่ห้องนายสาวที่รักทันที

เปิดประตูมาก็เห็นว่าเจ้านายสาวหลับไปแล้วเกตจัดแจงห่มผ้าให้อย่างเคยและจุ๊บที่หน้าผากแผ่วเบา

“นายคะ ทำไมเกตจะไม่อยากรู้ว่านายคิดกับเกตยังไงแต่ไม่ว่านายจะเห็นเกตเป็นแค่ของเล่น เป็นทาสบำเรอสวาท หรืออะไรก็ตามเกตยังยืนยันที่จะดูแลนายไปแบบนี้และตลอดไป กู๊ดไนท์ค่ะ มายมาเฟียรี่” พูดจบสาวรุ่นก็ปิดไฟและกำลังจะเดินออกไปนอกห้อง

“เดี๋ยวสิคะ” เกตแทบใจตกไปที่ตาตุ่ม ก็หล่อนแอบขโมยจูบหน้าผากนาย

“นาย นายยังไม่หลับ นายหลอกเกต”

“ไม่อย่างงั้นก็อดกู๊ดไนท์คิสน่ะซี มามะมานอนด้วยกัน เร็วสิคะ”เสียงออดอ้อนอีกแล้ว

“เดี๋ยวก็ไม่เป็นอันนอนน่ะสิคะ” สาวสวยพยายามบ่ายเบี่ยง

“ไม่อ่ะ สัญญาค่ะขอนอนกอดอย่างเดียว น้านะนะ”เกตมองไปที่นัยน์ตาเจ้าเลห์อย่างไม่ไว้ใจ

“จริงจริ๊ง” นายสาวดึงมือคนลังเลลงมานอนที่เตียง เกตใจเต้นตูมตามแล้วคืนนี้หล่อนจะนอนหลับมั้ยนี่...




 

Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2558    
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2558 10:21:06 น.
Counter : 1864 Pageviews.  

โปรดเรียกหนูว่า...มาเฟียรี่6

Falsify

ผิดแผน

โศภิษฐา เดินจูงมือฑุลิกาเข้ามาในบ้านดึกมากแล้วแต่ละคนคงแยกย้ายกันหลับนอน มีเพียงตึกหลังสีเทาที่ยังคึกคักปอนด์พากางเขนมาที่ครัวและเดินขึ้นไปตามเกตที่ห้อง

“เกต เกต เกตคะปอนด์เอง”

นายน้อยร้องเรียกและเคาะอยู่หน้าห้อง ยืนรออยู่นานสองนานจนยุงเริ่มกัดจันที่อยู่ห้องข้างๆเปิดประตูออกมาดูเพราะจำได้ว่าเป็นเสียงใคร

“เกต เขาอยู่ที่ห้องนายใหญ่ค่ะคุณปอนด์มีอะไรให้จันทำแทนก็ได้นะคะ”

“อ้าวเหรอ เอ... งั้นชั้นฝากสาวน้อยที่นั่งรออยู่ในครัวด้วยนะ หล่อนชื่อกางเขนเป็นเด็กชั้นเอง เอ่อ...คือหมายถึงเป็นเด็กในอุปการะชั้นน่ะอย่าเพิ่งซักอะไรเลยนะเอาเป็นว่า จันหาชุดมาเปลี่ยน พาเจ้าหล่อนไปอาบน้ำอาบท่าแล้วก็รบกวนฝากให้นอนกับจันไปก่อนแล้วกันแค่นี้ก่อนนะ อูย”

ปอนด์ฝากฝังกางเขน พูดไปมือก็เกาแกรกๆ ยุงเยอะเสียจริงเท่านั้นก็รีบลงบันไดไปไม่ใช่เพราะกลัวยุง แต่กลัวพี่สาวเธอต่างหากดึกดื่นป่านนี้ยังกักตัวแม่ตาหวานไว้ในห้อง ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ปอนด์รีบวิ่งไปที่เรือนใหญ่ใจลอยจนเกือบสะดุดบันได กางเขนเห็นนายสาวลงมาทำท่าจะตาม

“ไม่ต้องตาม ขึ้นไปข้างบน คุยกับจันคนตัวคล้ำๆอวบๆหน่อยเท่านี้นะชั้นรีบ”

โศภิษฐาจ้ำอ้าวไปยังห้องนอนของแป้งทันที เปิดประตูด้วยวิสาสะและเป็นจริงอย่างที่หล่อนคิด!!

ภาพตรงหน้าเป็นเกตกำลังลูบไล้น้ำมันลงบนหลังเปลือยเปล่านวลเนียนของแป้งเกตน์นิภาตกใจสุดขีด เป็นหล่อนเองที่ลืมล๊อคห้อง

“ว้าย คุณปอนด์ เกตตกใจหมดเลยค่ะ”

ด้านศุภสุตาก็ลุกพรวดขึ้นมา ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าปอนด์ส่ายหน้าไม่อยากเชื่อสายตา ทั้งเจ็บปวดเหลือจะเอ่ยแป้งก็น่าจะรู้ว่าหล่อนคิดอย่างไรกับเกตมาเป็นสมภารกินไก่วัดเสียเองอย่างนี้มันน่านัก

“ทำอะไรกัน บัดสีบัดเถลิง!”

ปอนด์จะว่าพี่สาวก็ไม่เต็มปากเพราะเจ้าหล่อนก็คิดมิดีมิร้ายกับสาวใช้อยู่เหมือนกันติดที่ไม่มีโอกาส

“พี่ก็แค่ให้เกตเค้ามานวดอโรมาให้ มาทำด้วยกันมั้ยว่าแต่แกน่ะหายไปไหนมาทั้งวี่วัน ไม่ต้องมาทำเป็นว่าเค้ากลบเกลื่อนความผิดตัวเลยแอบไปซิ่งมาใช่มั้ย”

นายใหญ่เห็นน้องสาวจอมแสบแต่งตัวเต็มยศซะขนาดนั้นเลยตอกกลับไป

“ใครกันแน่ที่กลบเกลื่อนความผิด แป้งก็รู้ว่าปอนด์จีบเกตอยู่ทำไมทำนิสัยแบบนี้อ่ะ ไอ้เราก็นึกว่าเอามาช่วยงาน ที่แท้ก็เอามานอนกอดเล่น” คำพูดตรงๆแทงใจดำทำเอาผู้เป็นพี่หน้าชา

“ยัยปอนด์ เดี๋ยวนี้เถียงพี่ ไม่รักพี่แล้วใช่มั้ย” ศุภสุตาพูดได้เท่านั้นคิดอะไรไม่ออก

“นั่นสิ คำนี้แป้งต้องถามตัวเองมากกว่าไม่รักปอนด์แล้วเหรอมาทำแบบนี้”

สงสัยคืนนี้จะเถียงกันทั้งคืนเป็นแน่แท้เกตเหลือจะทนที่นายสาวทั้งสองเห็นตัวเองเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ลุกพรวดจากเตียงเดินมาที่โศภิษฐา

“คุณปอนด์คะ เกตผิดเองค่ะ เกตเห็นนายบ่นปวดคอกับปวดหลังเกตเลยอาสานวดให้ แค่นั้นจริงๆค่ะ”

เกตน์นิภาแก้ตัวให้นายสาว อาสงอาสาอะไรกันแป้งเสียอีกที่รบเร้าแม่บ้านสาว ศุภสุตายังนั่งอยู่นิ่งๆบนเตียง

ส่วนปอนด์ยังลังเล เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

“แล้วนวดภาษารัสเซียหรือไง ทำไมต้องแก้ผ้าแก้ผ่อนด้วย”ยังไงก็ต้องจับให้มั่นคั้นให้ตาย

“ภาษาไทยนี่หล่ะค่ะ นวดน้ำมันมันก็ต้องให้ซึมเข้าไปที่ผิวสิคะนวดทั้งเสื้อผ้าได้อย่างไร คุณปอนด์”

เกตตอบฉะฉานทำเอาคนฟังเชื่อหมดใจ แป้งเกือบหลุดยิ้มออกมาดีที่ยังเก๊กหน้าเข้มไว้ทัน

“แกเข้าใจชัดแล้วใช่มั้ย ไปนอนได้แล้ว ชั้นจะนวดต่อ”คำพูดนี้ทำเอาบัตเลอร์สาวถึงกับเหวอ อะไรกันได้ใจใหญ่เลยอะนะ แก้ตัวเข้าให้หน่อยเหลิงเลยนายจ๋า

“จริงๆนะ เกตไม่ได้โกหกปอนด์นะ” โศภิษฐาหันมาเค้นต่อ

“ค่ะ เกตมันแค่คนรับใช้จะไปทำอะไรแบบนั้นกับนายได้ยังไงคะ”คำพูดเชือดเฉือนทำเอาสะอึกไปตามๆกัน

“เอาล่ะ แกไปสิ ยืนทำบ้าอะไร ชั้นง่วงแล้ว” พี่สาวออกปากไล่กันตรงๆ

“ดีเลยงั้นเดี๋ยวปอนด์เดินไปส่งนะ ไปค่ะเกต”

เกตน์นิภาโล่งอกที่หาทางรอดได้ขืนต้องอยู่กับนายต่อมีหวังโดนด่ายันลูกบวช หล่อนทำท่าเดินตามนายน้อยออกไป

“เดี๋ยว” สองสาวไซส์มินิหันมามองที่ต้นเสียง

“เกตยังต้องทำงานให้พี่ต่อ แกไปนอนก่อนแล้วกัน”

อ้าวนายนี่ทำไมเป็นคนดื้อดึงคิดแต่จะเอาชนะนักนะ ซวยจิ๊งเกตเอ๋ย

“เฮ้ย! ไอ้พี่แป้ง ใช้งานน้องเขาเยี่ยงทาสเลยนะ พอแล้วดึกมากแล้ว”

“ไม่ได้”

รู้สึกว่าระฆังยกสองกำลังจะริ่มต้นขึ้น ศึกชิงนางครั้งนี้ไม่มีใครยอมใครกันเลยทีเดียว

“นายคะ เกตไม่ใช่ตัวอะไรที่นายทั้งสองจะยื้อแย่งกันไปมานะคะ เกตเข้าใจในฐานะคนกลางค่ะ เกตจะอยู่รับใช้นายใหญ่ก่อนแล้วพรุ่งนี้เกตจะดูแลคุณปอนด์อย่างดีเลย โอเคมั้ยคะ”

สาวรุ่นพูดออกไปส่งๆ หวังเพียงให้คุณหนูปอนด์ออกไปจากเวทีนี้ไปก่อนการกลับกลายเป็นว่า...

“เกตพูดแล้วนะ ลูกผู้หญิงต้องรักษาคำพูด แป้งเป็นพยานด้วย”

นายใหญ่ชักจะเหนื่อยใจกับน้องสาวจอมตื้อเหมือนกัน เลยสรุปเรื่องให้

“โอเค คืนนี้ยัยเกตต้องอยู่กับชั้น ปอนด์แกไปพักผ่อนก่อน โอเคนะ”

“ไม่โออ่ะ”

“อ้าวแกนี่พูดไม่รู้ความ จะเอาอะไรอีก”

“คือ พรุ่งนี้เกตต้องมานวดให้ปอนด์บ้าง แบบนี้เลย ปอนด์อยากลองนะนะเกต นะคะ” นายน้อยขี้อ้อนทำเอาแม่บ้านสาวอ่อนใจ

“คือ...”

“ไม่ได้ เกตทำแบบนี้กับชั้นได้คนเดียวนี่คือคำสั่ง” ศุภสุตาพูดเสียงดังจริงจังสุดๆ

“เฮ้! อีกไม่กี่วันเกตก็จะมาเป็นแฟนปอนด์แล้ว มากกว่านี้ปอนด์ก็จะทำนี่อุตส่าห์มาขอกันดีๆแล้วนะเดี๋ยวเกิดปอนด์หน้ามืดฉุดเด็กขึ้นมาล่ะก็อย่ามาว่ากันทีหลัง”

ปอนด์ชักฉุนพี่สาวหวงอะไรกันหนัหนา กับแค่แม่บ้านเพียงคนเดียว

“คุณนายทั้งสองคะ จะยื้อแย่งเกตกันไปเพื่ออะไร เกตไม่สนุกด้วยเลยนะสัญญาค่ะว่าเกตจะให้ความยุติธรรมทั้งสองคน แยกย้ายกันได้แล้วนะคะ เกตเพลีย” บัตเลอร์สาวไม่สนุกกับเขาด้วย

“เอ้า เห็นแก่เกตนะเนี่ย แป้งจำไว้เลยนะปอนด์จะจีบเกตแล้วถ้าเป็นแฟนกันแล้วล่ะก็ แป้งเตรียมหาแม่บ้านคนใหม่ได้เลย”น้องสาวจอมตื้อกัดไม่ปล่อยเดินออกไป

เกตยืนเกาหัวแกรกๆ ไม่เข้าใจพี่น้องบ้านนี้เลย เหลือบมองมาที่นายใหญ่ทำหน้ามุ่ยก็รู้ชะตาตัวเองดีได้โดนลงโทษแน่ๆ เพียงแต่ไม่รู้สถานหนักเบา ว่าแล้วก็เดินมาใกล้ๆ

ท่าทางแบบนี้ทำเอาแป้งถึงกับหัวเราะออกมา ผิดคาดแฮะทำไมนายถึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ บัตเลอร์สาวไม่เข้าใจ

ความจริงแป้งตั้งใจให้มันออกมาแบบนี้อยู่แล้วแผนการนางนกต่อใกล้สมบูรณ์แบบ แต่มันอาจจะฟาวล์ก็ได้เพราะเจ้านายเกิดหวงของขึ้นมานิดๆ

“มานั่งนี่ซิ” ศุภุตาเรียกแม่บ้านสาวเสียงหวาน

“ค่ะ” เกตเดินมาอย่างว่าง่ายเพราะขัดขืนกันไปเธอจะมีแต่เสียกับเสีย

“ชอบปอนด์รึเปล่า”

แม่บ้านสาวตกใจเล็กน้อย ทำไมนายถามแบบนี้นะคุณปอนด์เธอก็แค่แหย่เล่นขำๆมิใช่รึที่หล่อนทำไปก็แค่อยากเอาชนะพี่สาวตามประสาน้องคนเล็กที่เอาแต่ใจ

“เกตจะไปชอบใครได้ยังไงกันคะ” ด้วยใจที่ล่องลอยเผลอพูดออกไป

“อุ๊ย! ไม่ใช่ เกตหมายถึงว่า คุณปอนด์สูงส่งแบบนั้น เกตจะไปคิดได้ยังไงอ่ะคะ”สาวรุ่นแก้ตัวพัลวัน

“แล้วถ้าเปลี่ยนสถานะปอนด์ให้เป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่เข้ามาจีบล่ะ”

เกตเอะใจกับคำถามแปลกๆ ทันใดความคิดก็วาบเข้ามาในหัว

“ว้าย! คุณปอนด์ คุณปอนด์เป็น...”

“อือ”

นายสาวพยักหน้าเฉลย เขารู้กันทั้งบางแล้วมีแต่หล่อนน่ะยัยทึ่ม

“ชั้นถามว่าแล้วถ้าเป็นแบบนั้น หล่อนจะชอบมั้ย” เกตน์นิภาส่ายหัว

“แล้วเจ๊พรล่ะ” นายสาวซักไซ้ต่อ เธออยากรู้

“เจ๊ไหนก็ไม่ทั้งนั้นแหล่ะค่ะ” สาวสวยตอบตามจริงหล่อนไม่เคยหวั่นไหวกับผู้ใดเลยยกเว้น...

“แล้วคนตรงหน้าล่ะ”

แป้งจับใบหน้านุ่มๆด้วยสองมือมองไปที่นัยน์ตาใส

“เอ่อ...คือ” เกตน์นิภาลังเลใจ

“นายหมายความว่า...นายก็...ก็..”

ไม่รอให้นางทาสสาวพูดจบ แป้งยืนยันความเป็นสาวแอลแตะริมฝีปากเบาๆไปที่ปากอวบอิ่มของสาวน้อย เกตตะลึงทั้งตกใจทั้งอายทั้งคิดไม่ถึงเจ้านายหล่อนชอบผู้หญิงด้วยกัน บ้าไปแล้ว และที่บ้ายิ่งกว่าก็คือตัวหล่อนเอง

“นายล้อเกตเล่นใช่มั้ยคะ”

เธอค่อยๆนึกถึงเหตุการณ์ย้อนหลังเป็นแฟลชแบค ทีละฉาก ทีละฉากช้าๆ

“แล้วที่นายใช้ให้เกตถูหลังให้ แล้ว...ที่นายแอบขโมยจับนมเกตหมาย...หมายความว่าทั้งหมดทั้งปวงนายตั้งใจ ไม่ใช่แค่แกล้งลงโทษ”

สาวน้อยนึกได้เท่านั้นก็มึนงงสุดประมาณหายใจไม่ทันเป็นลมล้มลงไปกองบนที่นอนนั้นเอง นายสาวหายาดมยาหม่องมาให้แล้วก็จัดแจงปลดกระดุมเสื้อออก เพื่อที่จะให้หายใจได้สะดวกจัดแจงท่านอนของสาวรุ่นให้เป็นที่เป็นทาง ยิ้มเอ็นดูและเพ่งพิศไปที่คนตรงหน้าใช้มือลูบหัวเบาๆ

“ยัยเกต น่ารักให้มันน้อยกว่านี้ได้ไหม ชั้นอดใจไม่อยู่แล้วนะไม่อยากผิดแผน”

ว่าแล้วนายสาวก็ปิดไฟ และล้มตัวลงนอนข้างกายแม่บ้านสาว ไม่นานก็หลับไปง่ายดาย

เกตน์นิภารู้สึกตัว เมื่อรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็งงงงที่ตัวเองมานอนบนเตียงนุ่ม จะทำท่าขยับพลิกตัวก็รู้สึกเหมือนข้างๆกายมีใครมานอนแนบชิด เพี้ยงขออย่ให้เป็นอย่างที่คิดเล้ย!

เมื่อหันไปดูก็ตกใจสุดขีดจะหวีดร้องก็ไม่กล้ากลัวนายตื่นเอามือมาปิดปากอ้าหวอของตัวเองไว้

นี่หล่อนมานอนอยู่บนเตียงเดียวกัน กับนายสาวได้อย่างไรเกตพยายามคิดทบทวนก่อนที่จะสิ้นสติ นึกถึงได้ว่ากำลังคุยกับนายสาว และหล่อนก็รู้ว่านายเป็นเลส

คิดได้ดังนั้นก็ลุกพรวดรู้สึกเย็นๆที่หน้าอกก้มลงมองดูเสื้อตัวเองเห็นว่ามีร่องรอยถูกแกะออก!โดยสัญชาติญาณเกตเอามือไปคลำสำรวจน้องสาวของตนก็ไม่พบความผิดปกติ ยังไงกัน??

แป้งขยับตัวตื่นเพราะรู้สึกว่าอีกคนมาทำอะไรก๊อกแก๊กๆอยู่บนเตียง

“นายทำอะไรเกตคะนายปล้ำเกตเหรอ” เกตน์นิภาทักทายคนเพิ่งตื่นด้วยคำถามที่ตนอยากรู้ที่สุด

แป้งยังสลึมสลือแต่ก็ไวพอที่จะคิดออกเห็นเป็นที่ได้เปรียบเพราะอยากแกล้งแม่บ้านสาวหน้าใสเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงสวมบทเสือสวมรอย

“อือ” สั้นๆ ยอมรับ

“หมายความว่า นายหลักหลับเกต นายมันคนฉวยโอกาส นายมันลามก นายฮือ...ฮือ”

สาวรุ่นคว้าหมอนมาตีคนตรงหน้าอย่างบ้าคลั่ง ร้องไห้ฟูมฟายออกมาแป้งแพ้ทางน้ำตา อดสงสารไม่ได้ยอมให้สาวเจ้าทุบตีจนสาแก่ใจ

“โอ้ย! โอ้ย! ดูสิ ตัวระบมไปหมดแล้วเนี่ย นี่แม่คุณนอนกับชั้นนี่มันน่าเศร้าขนาดนี้เลยเหรอ”

คนถามตัดพ้อ

“ก็ เกตยัง...เกตยังไม่เคยเลย”

สาวรุ่นปล่อยโฮออกมาเสียใจเป็นที่สุดที่เสียความบริสุทธิ์ที่อุตส่าห์รักษามายี่สิบปี

นายสาวเชื่อหมดใจว่าหล่อนพูดจริงไอ้ครั้นจะเฉลยมันก็ดูง่ายดายไปหน่อยไม่ลุ้นเลย เอาน่าขอลองใจอีกสักยกสองยกแล้วกัน

“จำไว้นะว่าเธอเป็นเมียชั้นแล้ว เกตน์นิภา ไม่สิต้องเรียกว่านางบำเรอถึงจะถูก เลิกร้องไห้ซะ แล้วต่อไปนี้ต้องเชื่อฟังคำสั่งในฐานะแม่บ้านแล้วก็เมีย” นายสาวทำเป็นพูดเสียงเข้ม กลบเกลื่อน

เกตยังกระซิกๆนายสาวไม่มีแม้แต่คำขอโทษแถมยังเรียกเค้าเต็มปากว่าเมียอีก คำนี้มันทำให้สาวเจ้าวูบวาบพิกลนิ่งงันกันไปสักพักสาวน้อยก็พยายามทำใจ เอาเถอะตกเป็นของเค้าแล้วนี่ความจิ้นมันก็เรียกคืนไม่ได้แล้ว ยังไงก็ต้องจำยอม

แป้งเห็นคนตรงหน้าพอจะหยุดร้อง ก็เอามือมาเช็ดน้ำตาลูบหัว และสวมกอด

“เกต เธอเป็นผู้หญิงของชั้น ต่อแต่นี้ไปต้องอยู่ข้างกายชั้นตลอดเวลาเข้าใจนะ”

สาวรุ่นไม่พูดอะไร จัดแจงเตียงนอนของนายสาวทำท่าจะออกไปนอกห้องแต่ก็โดนมือนุ่มฉุดรั้งไว้

“จะไปไหน กับข้าวกับปลาก็ปล่อยคนอื่นเขาทำไป ชั้นยังง่วงอยู่เลยแล้วสายๆเราค่อยออกไปธุระข้างนอกกัน เงื่อนไขข้อสองของเธอไง เกตน์นิภา” แม่บ้านสาวไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง

ทั้งสองก็ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง แป้งรู้สึกมีความสุขเป็นที่สุดกับหมอนข้างอันใหม่ที่มีชีวิตแถมยังน่ารักน่าทนุถนอมอีกต่างหาก

ส่วนเกตก็หักห้ามใจที่ จะไม่รักนายสาวอีกต่อไปไม่ไหวแล้วเหมือนกันยิ่งมาตกเป็นของเขาแล้วด้วย

‘เกตรักนายนะนายจ๋าได้เกตแล้วอย่าทิ้งเกตไปนะ’ จิตสุดท้ายของสาวรุ่นก่อนหลับลึกลงไปอีกครั้ง

หลังจากมื้อเช้า ป้ามณีบอกเกตว่าอาการเก๊าท์ของเธอดีขึ้นมากไม่มีปวดอีกเลยและรอยบวมก็ยุบลงชัดเจน เกตยิ้มดีใจ

อันความเจ็บป่วยนั้นใครไม่เป็นไม่มีทางได้รู้เลยว่ามันทุกข์ทรมานเพียงใด พูดถึงทุกข์ตอนนี้เธอก็ทุกข์เหลือเกินทุกข์เพราะรัก...

เกตออกมาเดินเล่นสูดอากาศท่ามกลางสวนสวยเพื่อรอนายสาวแต่งตัว

ปอนด์ทำท่าจะลุกตามมาเพราะมีเรื่องกางเขนที่ต้องบอกกับเกต ไม่ใช่อะไร กลัวแม่กลอยใจจะเข้าใจผิดน่ะสิเล่นเอาสาวรุ่นน่ารักเข้ามาที่บ้านแบบนี้ มารู้ทีหลังเดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โต จึงไปตามกางเขนมาพบ

“เกตคะ ปอนด์จะบอกว่า ปอนด์เอา เอ้ย รับเด็กมาอุปการะที่บ้านคนนึงเธอชื่อกางเขน”

“สวัสดีค่ะ” กางเขนยกมือไหว้แม่บ้านสาว

“ไม่ต้องไหว้มั้งคะ ทีจริงเราน่าจะไล่เลี่ยกันนะ”เกตดูท่าทางคนตรงหน้า

“นั่นสิ เกตอายุเท่าไหร่” นายน้อยถาม

“ยี่สิบค่ะ”

“เห็นมั้ย ตกลงว่าเกิดปีเดียวกันเลย เอาเป็นว่าปอนด์ขอฝากเด็กคนนี้ด้วยนะ คือให้ช่วยหยิบจับอะไรก็ได้ เด็กมันก็เอาการเอางานอยู่อีกอย่างกางเขนก็ชอบทำขนมด้วย”

“จริงเหรอ ดีจัง”

เกตเดินมาจับมือเพื่อนใหม่ ดีใจสุดๆ

ส่วนกางเขนที่ดูเงียบขรึมกว่าก็ยิ้มให้อย่างอายๆความจริงหล่อนก็ดีใจเหมือนกัน เพื่อนใหม่คนนี้ออกจะน่ารัก แต่เอ...ดูเหมือนคุณหนูปอนด์จะดูแปลกๆกับแม่เกตนี่จัง สาวน้อยชักสงสัยขึ้นมา

“ไปกันได้แล้วเกต”เสียงนายสาวตัวจริงผู้เป็นทั้งนายจ้างและนายหัวใจเรียกให้มาที่รถเกตโบกมือลาสองสาวสวยตรงหน้า

“เกตไปก่อนนะคะ คุณปอนด์ แล้วเย็นๆจะมาเม้าท์ด้วยนะกางเขน”

“อ้าวเร็วสิ สายแล้วนะ” ผู้เป็นนายเร่งเร้า เกตจึงรีบวิ่งไปที่รถ

“ไปนั่งทำไมข้างหน้า มานั่งด้วยกัน เร็ว”

บัตเลอร์สาวจำใจมานั่งข้างๆนายปอนด์ที่เฝ้าดูแต่ไกลๆเริ่มเห็นอาการหวงของที่หนักหน่วงขึ้นทุกวี่วันของพี่สาวนี่ยังจะกระเตงกันไปไหนต่อไหนอีก คิดแล้วก็พาลอิจฉาน้อยๆ แป้งกะจะเคลมเกตแน่ๆ หนอย! ทำเป็นหวงกันท่าเราทุกอย่าง

“งานนี้ใครดีใครได้”

ปอนด์เผลอพูดออกมา ทำเอากางเขนงงงงนายน้อยยิ้มแก้เก้อก่อนจูงมือสาวรุ่นเดินไปที่รถมอเตอร์ไซค์ไปที่ร้านอย่างเคย

ในรถระหว่างทางแป้งเล่ารายละเอียดงานให้แม่บ้านสาวฟัง

“ตอนนี้เรามีปัญหาหนัก เฮียอ้วนมาเฟียรายใหญ่ย่านฟังธนฯมาหากินข้ามเขตทับกับพื้นที่ของเราที่เป็นแบบนั้นเพราะเฮียอ้วนมี ชัย ซึ่งเป็นลูกน้องเก่าของพ่อออกไปอยู่ด้วย”

“นายอย่าบอกว่าจะให้เกตไปเจรจากับเฮียอ้วนผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเกตทำไม่ได้หรอกค่ะ” บัตเลอร์สาวไม่เชื่อฝีมือตัวเอง

“ยังไม่ได้ฟังคำสั่งเลยก็คิดเป็นตุเป็นตะไปซะแล้วใช่งานนี้มันยากและเสี่ยง เกตน์นิภา เธอจะข้ามมันไปทำภารกิจข้อสามเลยก็ได้นะชั้นไม่ว่า” แป้งก็รู้เธออยากทำมันด้วยตัวเองแค่เอาสาวรุ่นมาเป็นกำลังใจเท่านั้น

“นายน่ะสิคะ คิดไปเองนายรู้มั้ยเกตดีใจและภูมิใจเสมอเวลาได้อยู่ใกล้ๆคอยรับใช้นายและก็อยากเป็นแบบนี้ตลอดไปด้วย”

แม่บ้านสาวพูดจากใจจริง นายสาวมองมาที่ใบหน้าใสที่แสนจะอินโนเซ้นส์

“เธอยังเด็กเกินไป ที่จะเข้าใจว่าโลกของมาเฟียมันโหดร้ายขนาดไหนเกตน์นิภา”

“เกตไม่รู้หรอกค่ะ รู้ก็แต่ว่าเกตไม่เคยมาเฟียคนไหนเป็นแบบนายเลย” สาววัยทีนต่อวาจา

“ยังไง?”

“เท่าที่เกตเห็นนะคะนายจิตใจดีพยายามช่วยเหลือคนแล้วก็ไม่เคยเอาเปรียบใคร”

“ใช่ แต่มาเฟียก็คือมาเฟีย ยังไงมันก็เป็นคนไม่ดี สร้างแต่บาปกรรม”

แป้งพูดพาลน้ำตาซึม เกตจับมือนายสาวเอามากุมไว้ หวังปลอบใจ

“ถ้านายจะเป็นคนไม่ดีในสายตาของคนทั้งโลกเกตก็ขอยอมตามืดบอดมองนายเป็นคนที่ดีที่สุด มายมาเฟียรี่ที่รัก”

เกตเอามือน้อยๆมาจับที่ใบหน้าหม่นหมองของลูกสาว มาเฟียแป้งใจชื้นยิ้มน้อยๆพอคลายเศร้าสร้อยลงได้บ้าง

รถของศุภสุตามาถึงโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ย่านใจกลางเมืองแป้งพาแม่บ้านสาวขึ้นไปยังห้องสูท เกตสงสัยแต่ไม่ได้ซักถามอะไรคิดไปว่านายคงมีนัดพบแขกสำคัญ ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้น

ทั้งสองนั่งรอบุคคลที่จะมาพบ เกตก็สังเกตอะไรไปเรื่อยเปื่อย

“เดี๋ยวหล่อนนั่งฟังปั้นหน้าสวยๆเข้าไว้ อยู่เฉยๆนะ” นายสาวกำชับกำชา

“ค่ะนาย”

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ศภสุตาเดินมาดูที่ตาแมวและเปิดประตูให้บุคคลที่มาพบนายน้อยเป็นชายวัยสี่สิบเศษ สวมชุดสูทลำลองหุ่นสมาร์ทดูจากลักษณะท่าทางก็เดาได้ไม่ยากว่าน่าจะเป็นคนมีสี




 

Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2558    
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2558 12:23:23 น.
Counter : 519 Pageviews.  

1  2  

writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.