Group Blog
 
All blogs
 

เพลงผีบอก

หลังจากเสร็จสิ้นการสอนติวเตอร์สาวก็ถูกคุณหนูไฮโซควบคุมไปแต่งองค์ทรงเครื่องณ ร้านหรูในห้างดัง

เมื่อลูกค้าคนสำคัญมาพนักงานก็มะรุมมะตุ้มตามตำแหน่งหน้าที่ของตน จนคนถูกรุมชักปวดหัวก็ตั้งแต่เกิดมาเคยต้องมาทำอะไรยุ่งยากแบบนี้ที่ไหน

“เอ่อ เอาแต่พองามนะคะคือไม่ชอบให้จัดมาก”

“แต่งหน้าไม่จัดหรอกค่ะเพราะมีพื้นฐานสวยอยู่แล้ว แค่เขียนคิ้ว กรีดตา และลงสีแก้มกับปากอีกนิดหน่อยจะเน้นที่ทรงผมมากกว่า” เมคอัพอาร์ตติสมือหนึ่งของร้านรีบชี้แจง

“ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ ร้านนี้เขารับแต่งเฉพาะงานใหญ่หรือคนสำคัญฝีมือเป็นแชมป์ระดับโลกค่ะ” ดุจดาวให้เครดิต ซึ่งถ้าหากครอบครัวเธอไม่มีเงินเป็นถุงเป็นถังก็อย่าฝันว่าที่นี่จะต้อนรับพรพิสุทธิ์เพียงถอนหายใจเบาๆแต่ก็สุดจะหนักอกกับชีวิตที่วุ่นวาย

“เรียบร้อยแล้วค่ะ” ได้ยินแบบนี้เด็กเจ้ากี้เจ้าการรีบวางหนังสือเรียนปรี่เข้ามาดูติวเตอร์ส่วนตัวที่บัดนี้ได้กลายเป็นนางฟ้าส่วนตัวไปแล้ว

"พี่แจน..สวยเหมือนนางฟ้าเลยค่ะ” คนถูกชมยิ้มเก้อๆ

“เวอร์ไปแล้ว ชุดล่” ยังไม่ทันจะขาดคำแมสเซนเจอร์ก็เอาชุดเดรสมาส่ง พรพิสุทธิ์สังเกตเห็นว่ามีมาเพียงชุดเดียว

“ทำไมมีชุดเดียว“

“ของเค้าไปแต่งที่งานน่ะ ตอนนี้พี่รีบไปแต่งตัวเถอะเดี๋ยวจะสายเอาน้า"ดุจดาวรีบดุนหลังพี่สาวให้เข้าไปเปลี่ยนชุด เธอยังอยากอุบบางเรื่องเอาไว้ก่อน โชคช่วยพอประมาณที่พี่สาวสนใจอยู่กับชุดมลังเมลืองณ เบื้องหน้า

พรพิสุทธิ์หอบเอาชุดราตรียาวVersace สีม่วงสุดหวานไปเปลี่ยนในห้องแต่งตัวบรรจงสวมใส่อาภรณ์ด้วยความระมัดระวังก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพินิจเรือนกายของตนด้วยความตะลึงงัน หากแต่มิใช่เพราะหลงรักรูปลักษณ์ของตนเองจากกระจกเงาแบบNarcissus ที่หลงในความงามของตนจากเงาสะท้อนของผืนน้ำอันเป็นที่มาของปมหลงตนเอง (NarcissusComplex) แต่เพราะเธอไม่คิดฝันมาก่อนต่างหากว่าชีวิตนี้จะได้มีโอกาสมาแต่งโฉมแต่งหน้าทำผมไปออกงานสังคมของชนชั้นสูงที่ล้วนมีทรัพย์มหาศาล แค่จินตนาการถึงขาก็สั่นใจเต้นระรัวแล้ว

ร่างสูงเพรียวในชุดแสนงามยืนหมุนตัวสำรวจความเรียบร้อย

“เสร็จหรือยังเจ้าคะ My tutor เค้ารอดูอยู่นะ"เด็กแสบมาเคาะประตูร้องเรียกแซวพี่สาวสนุกปาก ตื่นเต้นไม่แพ้กัน

พรพิสุทธิ์เปิดประตูออกมายืนประจันหน้ากับลูกศิษย์สาวจอมป่วน

“แฟนดาวสวยจัง” ดุจดาวยื่นหน้าเข้ามากระซิบกระซาบเมื่อผู้ใหญ่ได้ยินแบบนั้นก็อดหมันไส้ในความก๋ากั่นไม่ได้ ตีแขนให้พอรู้สึกไปซะ1ที

“โอ้ย! เค้าเจ็บนะ” ตามเคยกับการร้องโอดโอยเกินอาการ

“แก่แดดแก่ลมนะเราใครมาได้ยินเข้ามันไม่ดี”

“ก็เค้าถึงกระซิบไง แหมเค้ารู้หรอกน่า” เด็กสาวแสนงอนแต่แค่ผู้ใหญ่ยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มก็อดไม่ได้ที่ต้องหลุดยิ้มออกมา

“ทีตัวเองนะทำยิ่งกว่าพูดซะอีก ชิส์” ดุจดาวกุมแก้มข้างที่ถูกหอมไม่ทิ้งท่าแสนงอน ก่อนจะดันร่างพี่สาวให้กลับเข้าไปในห้องมือน้อยๆเปิดกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินออกเผยให้เห็นสร้อยมุกเส้นใหญ่

“เค้าเห็นว่าที่คอมันดูโล่งไปนะ พี่แจนสวมสร้อยเส้นนี้มันน่าจะลงตัว”

พรพิสุทธิ์ส่ายหน้าสวยไหวๆ ใจคิดว่ามันคงหนักพิลึกอีกทั้งเธอไม่อยากจะให้ตัวเองดูอลังฯไปมากกว่านี้แล้ว

“เดี๋ยวเค้าใส่ให้นะ“คุณหนูผู้ที่ไม่เคยผิดหวังจากความต้องการของตนเอื้อมมือไปคล้องสร้อยบนคอพี่สาว พรพิสุทธิ์เองก็จนใจหมดทางแข็งขืน

“เหมาะกับพี่แจนมาก นี่คุณแม่ตั้งใจให้เป็นของขวัญเชียวนา“

“หือ ของขวัญอะไร พี่ขอปฏิเสธไม่รับนะ” ติวเตอร์สาวรู้สึกลำบากใจขึ้นมาทันที ก็เธอเป็นแค่ติวเตอร์ทำหน้าที่เป็นผู้สอนแม้จะเข้ามาแล้วไม่คิดจะลาจากอยากจะสานสัมพันธ์ต่อก็ตาม แต่นี่มันก็มากเกินไปที่จะมารับของมูลค่าสูงเช่นนี้ไว้

“เอาไว้เคลียร์กับคุณแม่เองแล้วกัน”เด็กสาวตอบตัดบทง่วนอยู่กับการจัดแจงเครื่องประดับให้เข้าที่ความใกล้ชิดเพียงระยะลมหายใจราดรดกันทำให้เกิดความหวั่นไหวอีกครา ร่างที่สูงกว่าอดใจไมได้ที่จะยื่นปลายจมูกไปแตะแก้มใสแต่กลับต้องสะดุดหยุดกึก เพราะบางสิ่งที่ไม่มีชีวิตสัมผัสเข้ากับแขนของ พรพิสุทธิ์ คือมือเย็นเฉียบของเดือนดารานั่นเอง

“ยัยจอมฉวยโอกาส เสร็จก็ออกไปได้แล้ว” โดนผีจอมจุ้นตำหนิเอาครูสอนพิเศษจึงได้แต่เซ็ง

“พี่แจนเป็นอะไรรึเปล่า” ดุจดาวสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ

“ป่าวนี่” พรพิสุทธิ์ปฏิเสธหน้าตาเฉย ดุจดาวเองที่ไม่รู้ความจึงปล่อยผ่านไปโดยง่าย

ดุจดาวพานางฟ้าเดินดินมาขึ้นราชรถที่จอดรอไว้แล้ว

เมื่อมาถึงงานที่โรงแรมหรูใจกลางเมืองที่ห้องบอลรูม พรพิสุทธิ์เดินเข้ามาในงานพร้อมกับน้องน้อย ความประหม่ามาเต็มในความรู้สึกสายตากวาดมองไปรอบๆเห็นประดาแขกเหรื่อที่แต่ละคนนวลผ่องรัศมีเปล่งประกาย แต่งองค์ทรงเครื่องกันเต็มยศทั้งเสื้อผ้าแพรพรรณอลังการ เครื่องประดับกายระยิบระยับยิ่งกว่าแสงแฟลช

“นี่คือสถานที่โคจรมารวมกันของดาวฤกษ์ทั่วฟ้าเมืองไทยหรือยังไงนะหิ่งห้อยอย่างพี่ที่ต้องคอยรับแสงอีกทอดของอีกทอดของอีกทอดน่ะหรือจะ ริอาจไปเทียบเคียงเขาได้ ดาวพาพี่มาอยู่ผิดที่ผิดทางแล้วล่ะ” พรพิสุทธิ์เปรยขึ้นอย่างเห็นความจริง ตอนนี้สาวมั่นผู้ไม่เคยหวาดหวั่นชักเกร็งๆกับบรรยากาศและผู้คนที่ไม่คุ้นเคยขาชักจะก้าวไม่ค่อยออก เส้นสายในร่างกายดูติดขัดไปหมด

“พี่แจนคนเก่งของเค้า พี่เคยสอนไว้นี่ว่าทุกอย่างคือการเรียนรู้ถ้าไม่มาอยู่ตรงนี้แล้วจะเข้าใจได้ยังไงว่าคนพวกนี้เขาใช้ชีวิตกันแบบไหน” ลูกศิษย์ถึงคราวย้อนคำครู

“ดาว..ดีใจจังที่มา พี่นึกว่าจะไปอีกงานเสียอีก” ยังไม่ทันจะต่อความให้รู้ผลคุณหนูก็มีคนรู้จักซึ่งเป็นคนในแวดวงเดียวกันมาทักทาย

"อ้าว..ปุ๊กลุ๊กโลกกลมจัง” พรพิสุทธิ์ได้เจอคนรู้จักคนเดียวกับที่เดินเข้ามาทักดุจดาวสืบสาวกันพอเป็นพิธีก็รู้ได้ว่าหญิงสาวนามปุ๊กลุ๊กคือเพื่อนที่เรียนปริญญาโทมาด้วยกันกับพรพิสุทธิ์อีกทั้งยังรู้จักสนิทสนมกับครอบครัวของ ดุจดาวเป็นอย่างดี

“รู้จักกันก็ดีแล้วเดี๋ยวดาวขอตัวไปกราบท่านผู้หญิงจรัสลักษณ์ประธานของงานก่อนคุณแม่ท่านฝากเงินมาทำบุญด้วย พี่แจนอยู่แถวๆนี้นะ เดี๋ยวจะมี staff มาดูแลและพาไปนั่ง” เด็กสาวสบโอกาสชิ่งเมื่อเห็นพี่สาวมีเพื่อน

“หือ…จะมาทิ้งกันไว้กลางงานแบบนี้นี่นะ” พรพิสุทธิ์ตีหน้ายักษ์โวยใส่น้องน้อย

“แจนดูโน่นสิ นางในชุดเหลืองเหมือนแหนมตุ้มเลยเนอะ คริคริ” ปุ๊กลุ๊กเบี่ยงเบนความสนใจด้วยการสะกิดเพื่อเริ่มปฏิบัติการซุบซิบชี้ชวนให้มองดูสาวร่างอวบระยะสุดท้ายที่แต่งกายในชุดรัดติ้ว พรพิสุทธิ์ที่ปกติไม่ค่อยวิพากษ์ใครเห็นเข้าก็อดขันไม่ได้เหมือนกัน

“เราว่าเหมือนลูกขนุนกลิ้งหลุนๆมากกว่า ไม่มีใครเตือนนางเรื่องการแต่งตัวเลยหรือไง”

“นางคงคิดว่าเด่นไง เดินไปไหนก็มีแต่คนมอง” พรพิสุทธิ์พยักหน้าเห็นด้วยแต่ก็นะคนมีเงินทำอะไรก็มักดูดีเสมอ มีสติคิดได้หันมาอีกทีน้องสาวตัวแสบก็หายเข้ากลีบเมฆไปแล้วพรพิสุทธิ์ชักจะเคืองใจเด็กที่ทำอะไรปุบปับนึกจะทิ้งก็ทิ้งกันไปไม่สนใจคนที่ไม่รู้ที่ทางบ้าง

“ไม่ต้องมองหาดาวหรอก” เสียงของเดือนดาราดังแว่วเข้ามานี่ก็เป็นอีกหนึ่งความขุ่นใจ ดูเหมือนวิญญาณของเดือนดาราจะตามติดชีวิตเธอไปมันทุกที่เลยซิน่า

“เป็นผีนี่ดีจังเนาะ ไปได้ทุกที่แม้ไม่มีใครอนุญาตหรือเชิญชวน” พรพิสุทธิ์แดกดัน

“ลองมาเป็นผีไหมล่ะ กำลังหาเพื่อนมาอยู่ด้วยเชียว”

"ฉันไม่รีบ อย่ามาชวนซะให้ยาก” พรพิสุทธิ์หยุดการต่อปากต่อคำเมื่อนึกได้ว่าเพื่อนสาวตัวเป็นๆยืนอยู่ด้วย

สักพักก็มีทีมงานพาพรพิสุทธิ์ไปนั่งประจำที่ติวเตอร์สาวขอร้องแกมบังคับให้เพื่อนสาวปุ๊กลุ๊กมานั่งด้วยกันเพื่อความอุ่นใจ

“สวัสดีค่ะท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ณ โอกาสนี้สมาคมฯขอต้อนรับทุกท่านอย่างเป็นทางการ…” เสียงใส ที่คุ้นหูประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้เลยนอกเสียจาก…

“น้องดาวนี่มืออาชีพเลยนะแจน งานไหนงานนั้น”ปุ๊กลุ๊กชื่นชมจริงใจ พรพิสุทธิ์เพียงรับทราบไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด หากในหัวมีแต่ภาพของ เด็กแสบจอมป่วน ยียวนก็ที่หนึ่ง ซ้ำยังเถียงคำไม่ตกฟากเอาแต่ใจก็ชนะเลิศ ง้องแง้งไร้สาระ ข้อเสียช่างเยอะแยะมากมาย แต่มันแพ้คำๆเดียว

‘ก็คนมันชอบ

แต่นี่ก็ถือได้ว่าเป็นsurprise ย่อมๆจากดุจดาว

“บรรดาหนุ่มๆลูกท่านหลานเธอทั้งหลายหมายตาอยากสอยน้องดาวกันทั้งนั้นก็อย่างว่านะ ทั้งสวยแถมยังฉลาด ใครได้ควงแขนออกงานหน้าคงบานจนแทบจะผ่านประตูเข้างานไม่ได้” ปุ๊กลุ๊กพูดไปเรื่อยตามความรู้สึกแต่คนฟังนี่ซิแอบจี๊ดในใจไม่อยากให้หนุ่มหน้าไหนมาสนใจหรือวอแวกับคนของตนจากใบหน้าผ่องแผ้วกลายเป็นมู่ทู่หัวคิ้วขมวดจนคิ้วแทบจะรวมเป็นเส้นเดียวกัน

ทีมงานเดินเข้ามาบอกกำหนดการกับพรพิสุทธิ์ว่าหลังจากพิธีมอบโล่เกียรติคุณและร่วมถ่ายรูปหมู่แล้ว พรพิสุทธิ์จะต้องขึ้นไปแสดงเดี่ยวเปียโนต่อทันทีร่างเพรียวในชุดหวานรู้สึกร้อนรุ่มแทบนั่งไม่ติด เหงื่อซึมออกที่มือและตามไรผมทั้งๆที่อุณหภูมิภายในห้องเย็นยะเยือกในใจนึกเค่นแค้นเด็กสาวที่พาตนมาอยู่ในบรรยากาศที่ชวนท้องไส้ปั่นป่วนแบบนี้

“แจนกังวลมากเลยเหรอ แต่เราว่านะตอน defend thesis ยากกว่านี้หลายขุมไม่ต้องตื่นเต้นนะท่องไว้ๆ ความสวยชนะทุกสิ่ง” ปุ๊กลุ๊กใช้วาทศิลป์เข้าปลุกปลอบให้กำลังใจหลังจากที่เห็นอาการขาดความมั่นใจของเพื่อนคนฟังยิ้มรับเป็นการขอบคุณ

ม่านของเวทีเปิดขึ้นเสียงดนตรีเปิดงานดังกระหึ่มแปรผันตรงกันกับความระทึกขวัญของพรพิสุทธิ์ ตามาด้วยเสียงปรบมือพร้อม spotlight สาดส่องมายังกลางเวที ภาพเบื้องหน้าคือนางเอกของงาน ‘ดุจดาว’ เป็นการเปิดตัวที่เรียบง่ายแต่โดดเด่นยิ่งพิธีกรวัยใสปรากฏกายด้วยชุดราตรียาวสีชมพู คราวนี้ติวเตอร์สาวได้ตาค้างกับความงามของศิษย์…ที่รัก

“แจนรู้หรือเปล่าว่าชุด Prada ที่น้องดาวใส่มันเป็น collection เดียวกับ KatyPerry เลยนะ ในเมืองไทยมีแค่ 2ตัวคือที่ชมพู่ อารยาและที่น้องดาวใส่อยู่” ปุ๊กลุ๊กชื่นชมออกนอนกหน้าแต่เหมือนพรพิสุทธิ์สูญเสียความสามารถในการรับฟังไปเสียแล้วเพราะกำลังจดจ่ออยู่กับสาวสวยบนเวทีก็จริงดั่งที่เพื่อนสาวพูดทุกประการนะ ดุจดาวดูเฉิดฉายมากเวลาอยู่บนเวที ดูมีชีวิตชีวาเปล่งประกายเจิดจรัสวาจาฉะฉานชัดทุกอักขระ ท่าทางคล่องแคล่วประหนึ่งได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี คมในฝักมันเป็นแบบนี้นี่เอง

งานดำเนินไปตามกำหนดการวินาทีสุดตื่นเต้นใกล้เข้ามาทุกขณะจิต ติวเตอร์สาวมือเย็นเฉียบแทบไร้ความรู้สึก

“ณ บัดนี้ น้องดาวขอนำทุกท่านพบกับการแสดงเดี่ยว piano โดยคุณพรพิสุทธิ์บุศยมาศ บุตรสาวบุญธรรมของคุณหญิงประภาศรี บุศยมาศ พี่สาวคนใหม่ของน้องดาวเองค่ะ” เจ้าของชื่อยังนั่งนิ่งเพราะไม่คิดว่าเป็นตน ก็นามสกุลมันไม่ใช่!

“แจน ขึ้นเวทีซิ” ปุ๊กลุ๊กหันมาสะกิดเพื่อนสาวให้ตื่นจากภวังค์แม้จะออกมาภวังค์แล้วแต่ก็ยังดูงงๆ

“เขาหมายถึงแกนั่นแหละ”

“ฉันเนี่ยนะลูกบุญธรรมคุณหญิง?”

“เออ แก่นั่นแหละ ออกไปได้แล้ว” ปุ๊กลุ๊กยันเพื่อนให้รีบออกไป ดุจดาวบนเวทีเห็นพี่สาวยังไม่ยอมขึ้นเวทีมาจึงย้ำชื่ออีกรอบพร้อมกับเดินมารอรับที่ขอบเวที เมื่อเห็นว่าคือตนแน่ๆแล้วพรพิสุทธิ์จึงเดินขึ้นเวทีมาด้วยในอาการงงๆใจยังไม่เลิกคิดถึงเรื่องลูกบุญธรรม

“พี่แจนทำได้ นะคะคนเก่งของดาว” พิธีกรสาวกระซิบกระซาบส่งพลังใจขยิบตาและยิ้มหวานให้ก่อนจะเดินผละออกมา ที่พรพิสุทธิ์อยากจะกระชากกลับมาจูบซะให้สาสมกับเรื่องวุ่นๆที่หล่อนสร้างขึ้นกับเธอในวันนี้

พรพิสุทธิ์ไปนั่งประจำที่เก้าอี้ที่เบื้องหน้าคือเปียโนตัวโตอย่าว่าแต่จะให้เล่นเลยแค่นั่งเก้าอี้เปียโนนี่ยังเป็นครั้งแรก โน๊ตเพลงมี เจ็ดหรือ แปด หรือเก้าตัวเธอยังตอบไม่ได้ ในหัวมีแต่ความไม่รู้ไม่ นี่มันคือแท่นประหารฆาตกรรมเธอต่อหน้าสาธารณะชนชัดๆนักเปียโนกำมะลอลอบถอนหายใจ ระหว่างที่ละล้าละลังในการจัดวางมือบนเปียโนอยู่นั้นเองStaffคนหนึ่งก็วิ่งหลุนๆไปหาดุจดาวและพรพิสุทธิ์บอกว่าระบบเครื่องเสียงมีปัญหา

ตายล่ะวา!ดุจดาวหน้าเจื่อน เพราะนั่นเท่ากับว่า ติวเตอร์ภาษาอังกฤษต้องสำแดงสดนี่มันยิ่งกว่า improvised อีก พิธีกรสาวพูดประวิงเวลาเพื่อคิดหาหนทางแก้ไขแต่ก็มืดแปดด้าน สำหรับพรพิสุทธิ์ยิ่งแล้วใหญ่อกกำลังจะแตกตายเพราะกดดันแม้คุณหนูวัยซนจะมีไหวพริบปฏิภาณเป็นเลิศแต่รายการสดขนาดนี้ก็ไม่ไหวจะรับมือระหว่างที่ทำอะไรกันไม่ถูกนั้นเอง เสียงที่คุ้นเคยก็ดังลอดเข้ามาในโสตรับรู้ของพรพิสุทธิ์

“เธอไม่ต้องกังวล ตอนนี้วางมือบนแป้นนะ ทำใจให้สงบและผ่อนคลายฉันจะช่วยเธอเอง”

“พูดอย่างกับว่าจะสิงฉันแต่ถ้าจะสิงจริงๆก็อย่าลืมออกด้วยนะสองตนในร่างเดียวมันจะทำให้น้ำหนักฉันขึ้น”

“แล้วใช่เวลาพูดเล่นไหม” เสียงของเดือนดาราแผดลั่นจนแสบแก้วหู เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังซีเรียสจึงยอมทำตามอย่างว่าง่ายและ theshow must go on จึงเริ่มขึ้น

“ผ่อนคลายตั้งแต่ต้นแขนจนถึงมือให้มากที่สุดนะจากนี้เริ่มขยับมือ” พรพิสุทธิ์ยอมทำตามเชื่อมั่นในตัวเพื่อนสาวต่างมิติ เสียงเปียโนดังขึ้นแบบไม่เป็นท่วงทำนองแต่ดุจดาวแก้เกี้ยวให้ว่ามันคือการ Warm up ชั่วอึดใจ พรพิสุทธิ์รู้สึกได้ว่าสติการรับรู้ของตนลดลงไปกว่าครึ่งรู้สึกหนักๆหน่วงๆที่หัว

“อย่าหยุดดีดนะ อย่าแข็งขืน จากนี้ให้นับถอยหลังสิบถึงศูนย์แล้วเราจะไปพร้อมๆกัน” เสียงของเดือนดาราชักจะลางเลือนเหมือนอยู่ห่างไกลออกไปทุกทีๆพรพิสุทธิ์นับสิบและลดลงเรื่อยไป นิ้วมือขยับอยู่บนแป้นไม่หยุดหย่อน สติขาดลงไปที่สุดเมื่อนับถอยหลังมาจนถึงศูนย์

ภาพเบื้องหน้าในขณะนี้ผู้ชมนับร้อยเห็นสาวสวยหลับตาพริ้มโยกศีรษะบรรเลงเปียโนอย่างพริ้วไหวในบทเพลงsymphony no. 5 ของศิลปินชื่อก้องโลกอย่าง LudwigVan Beethoven ผู้ฟังในบอลรูมต่างเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกดดุจดาวน้ำตารินไหลเป็นทางเพราะรู้ดีแก่ใจว่าเป็นใครที่เล่น ผ่านไปราวสิบนาทีบทเพลงก็สิ้นสุดลงเรียกเสียงปรบมือดังสนั่นลั่นห้องสติของ พรพิสุทธิ์ค่อยๆกลับคืนมาแต่ร่างกายยังรู้สึกอ่อนแรง

หญิงสาวร่างสูงเพรียวในชุดราตรีที่งดงามลุกขึ้นยกมือไหว้ขอบคุณผู้ชมก่อนจะเดินลงมาจากเวทีที่แสนจะยากเย็นเพราะยังไร้ซึ่งเรียวแรงที่ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะพลังชีวิตถูกใช้ไปกับการสอดประสานเข้ากับดวงวิญญาณที่เป็นพลังงานไร้รูปมีหนุ่มหล่อในเครื่องแบบที่ดูดีเชียวแหล่ะ นำดอกไม้ช่อโตมามอบให้ก่อนจะยื่นแขนให้หญิงสาวเกาะและเดินไปส่งยังที่นั่งภาพนี้ช่างขัดตาคุณหนูวัยซนนัก ก็เธอหวง! เสียงใสๆของพิธีกรสาววัยสั่นพล่าเล็กน้อยแต่ก็ไม่พอจะให้ใครจับสังเกตได้

“ไฟไหม้ๆ!! หนีเร็วแจน” ผู้คนต่างแตกตื่นกับเสียงนี้รวมทั้งพรพิสุทธิ์

เอาอีกแล้วเหรอเนี่ย เกิดเรื่องขึ้นอีกแล้วตอนนี้ผู้คนต่างชุลมุนหนีตายสักพักไฟในห้องบอลรูมดับพรึ่บลงไป เปลวไฟที่แดงฉานลุกโชนมาจากบริเวณหลังเวทีผ้าม่านและอุปกรณ์ตกแต่งเป็นเชื้อเพลิงชั้นยอดให้ไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็วบรรยากาศครื้นเครงเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยความโกลาหลวุ่นวายเกินบรรยาย แต่พรพิสุทธิ์มิได้เป็นห่วงตัวเองวิ่งหนีเอาตัวรอดเช่นคนอื่นๆในหัวมีเพียงชื่อ… ดุจดาว

พรพิสุทธิ์วิ่งสวนคนเข้าไปร้องเรียกชื่อดุจดาวซ้ำแล้วซ้ำเล่าในความมืด

“ดาวอยู่ที่ห้องแต่งตั” เสียงของเดือนดารา

“ได้โปรดพาฉันไปที” พรพิสุทธิ์ขอความช่วยเหลือเพราะไม่รู้ที่ทางไม่มีเสียงใดตอบกลับมา มีเพียงมือที่กำลังสัมผัสอยู่กับบางสิ่งที่เย็นเฉียบจากนั้นร่างได้ถลาไปตามแรงดึง พรพิสุทธิ์ฝ่าควันไฟที่เริ่มก่อตัวหนารบกวนระบบหายใจและเป็นอุปสรรคยิ่งต่อสายตาจนมาถึงห้องแต่งตัวในที่สุด

“ดาว ดาวอยู่ไหน แค๊กๆ” ไร้ซึ่งเสียงตอบ พรพิสุทธิ์ร้องเรียกเพื่อนผีเพื่อขอความช่วยเหลือแต่ก็เงียบเช่นกัน เปลวไฟล้อมกระชับพื้นที่เข้ามาเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว

“โครม เสียงเหมือนวัตถุขนาดใหญ่ล้มลง

“พี่แจน เสียงนี้ดังมาจากจุดที่มีวัตถุขนาดใหญ่ล้ม ติวเตอร์สาวใจหายวาบรีบวิ่งเข้าไปดูหากจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับดาวเธอคงจะให้อภัยตัวเองไม่ได้ไปชั่วชีวิต ภาพตรงหน้าตอนนี้ทำให้พรพิสุทธิ์แทบหยุดหายใจเมื่อราวเสื้อผ้าอันใหญ่ล้มลงมาเฉียดร่างของดุจดาวไปเพียงคืบและที่ต้องช็อคซ้ำสองคือร่างของเดือนดาราเหลือเพียงซีกเดียว

“ไม่ต้องห่วงฉัน ช่วยดาวก่อน” เพื่อนผีผลักไส รู้แก่ใจว่าตนคงไม่ตายรอบสองแน่ๆ

“พี่แจน พี่เดือน อูย คุณหนูร้องโอดโอย พรพิสุทธิ์รีบเข้าไปประคองร่างที่ถูกกองเสื้อผ้ามหึมาล้มทับเปลวไฟระอุไล่เข้ามาแล้ว

“ย้อนกลับไปทางเดิม อย่าวิ่งเข้าหาไฟ”

“ไปด้วยกันซิ” ไม่วายอาทรผีสาว

“ไม่ ฉันใช้พลังฝืนกฎไปมากแล้ว ได้เวลาที่ฉันต้องไปเสียที”

“พี่เดือน ดาวรักพี่นะ” ดุจดาวน้ำตาไหลพรากปะปนกันระหว่างผลพวงจากควันไฟและความเศร้าโศกาในจิต

“รีบไปยัยดาว” สิ้นเสียงร่างของเดือนดาราก็ได้อันตรธานไป ปริศนาที่พรพิสุทธิ์สงสัยบัดนี้ได้คลี่คลายไปแล้วเกือบทั้งหมดแต่เวลานี้เธอต้องพา ดุจดาวออกไปจากที่นี่ให้ได้ มิเช่นนั้นต้องพากันถูกไฟครอกตายศพไม่สวยได้อายเขาแย่

แต่เธอเชื่อมั่นอยู่ลึกๆว่ามันยังไม่ถึงเวลาของเธอ!




 

Create Date : 29 มกราคม 2559    
Last Update : 29 มกราคม 2559 18:26:43 น.
Counter : 420 Pageviews.  

เพราะเชื่อมั่นในเธอ

กริ้ง กริ้ง…เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นพรพิสุทธิ์เลิกคิ้วแปลกใจที่สมัยนี้ยังมีคนโทรเข้าเบอร์บ้านกันอยู่อีกเหรอก็โทรศัพท์มือถือออกจะสะดวกสบายกว่าแถมราคาค่าโทรก็แสนถูกแต่ก็เดินไปรับแต่โดยดี

“สวัสดีค่ะ”

“หนูแจน ลุงแผนเอง” ใช่ใครอื่น เพื่อนบ้านรั้วติดกันนี่เอง

“ลุงแผนมีอะไรคะ คราวหน้าตะโกนเรียกแจนก็ได้เดี๋ยวแจนออกไปหา”

“ลุงรู้แต่ตอนนี้มันมีเหตุการณ์ไม่ปกติที่หน้าบ้านหนูแจน”

“หน้าบ้านแจนมีอะไรคะ”

“มีผู้ชายท่าทางไม่น่าไว้วางใจสองคนมาด้อมๆมองๆอยู่หน้าบ้านหนูพักใหญ่แล้วนี่ลุงก็โทรแจ้งสายตรวจไปแล้ว ลุงเป็นห่วงหนูแจนเลยโทรมาบอกให้ระวังตัว”

“ขอบคุณมากค่ะลุง” อะไรกันอีกหนอ ทำไมช่วงนี้ถึงมีเรื่องวุ่นวายได้ไม่ขาด พรพิสุทธิ์สุดหน่ายใจหลังจากวางสายจึงรีบออกไปดู

“อย่าออกไป มันเป็นอสูรกายจำแลงมา”ยังไม่ทันจะก้าวขาออกจากบ้านก็ต้องชะงัก เสียงนี้ที่คุ้นเคยดังเข้ามาในโสตรับรู้แต่เหตุผลมันพิลึกเกินไปไหม อสูรกายอะไรจะมาอยู่แถวนี้ก็ลุงแผนบอกอยู่เมื่อกี้ว่าเป็นคน

“เชื่อเถอะน่า” เดือนดาราย้ำซ้ำคนคิดเยอะด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนสุดท้ายพรพิสุทธิ์จำต้องเชื่อในคำเตือนหันหลังร้อยแปดสิบองศาเดินกลับเข้าบ้านไป แต่สมองยังไม่หยุดความคิดฟุ้งซ่านกับเหตุผลที่ยากจะหาคำตอบทำไมเธอรู้สึกว่าในช่วงระยะเวลานี้ดวงเธอแตกละเอียดยิบไม่เพียงโชคร้ายเจ็บตัวถึงขั้นเลือดตกยางออก ซ้ำยังหวุดหวิดจะเกิดอุบัติเหตุที่อาจถึงขั้นเสียชีวิตแล้วยังจะเรื่องที่โดนปล้นอีกหรือจะเป็นเหตุจากเบญจเพส 25 หรือที่แท้แล้วมีใครจงใจให้มันดูเป็นเรื่องบังเอิญแต่ความจริงคือตั้งใจ

‘โอ้ย! ปวดหัวจะระเบิด’สุดท้ายก็ต้องเลือกที่จะหยุดคิด ทู่ซี้คิดต่อไปคงจะได้ประสาทกินแน่ๆ

เสียงโทรศัพท์มือถือของดุจดาวดังขึ้นแต่เจ้าตัวกลับทำไม่รู้ไม่ได้ยินปล่อยให้มันดังจนเงียบไปเองแต่ไม่นานมันก็ดังซ้ำขึ้นมาอีก

“ทำอย่างกับหนีหนี้ จะไม่รับก็ปิดเครื่องไปหนวกหู”พรพิสุทธิ์เดินกลับเข้ามาในห้องบ่นอุบทันทีกับเสียงเร้าที่พาให้หงุดหงิดอารมณ์ค้างมาจากหลายเรื่องที่คิดไม่ออก

“คุณหญิงแม่โทรมา เค้าไม่อยากรับเลย”

“มีความผิดติดตัวกับท่านหรือไง ถ้าไม่มีก็รับซะท่านอาจจะมีเรื่องด่วนหรือจะให้พี่รับให้ก็ได้” พรพิสุทธิ์ทำตามปากว่าเดินเข้าไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาจะกดรับแต่คุณหนูมือไวที่แย่งกลับไปได้ทัน

“ค่ะคุณหญิงแม่

ดาวไม่ลืมหรอกค่ะ

ทราบค่ะ ดาวนัดลุงหมายไว้แล้วและก็ดาวจะพาพี่แจนไปด้วยนะคะ”

หือ…คนถูกพาดพิงออกอาการเหวอยัยคุณหนูจะหาเรื่องวุ่นวายอะไรมาให้เธออีกเห็นเธอเป็นอะไรที่เจ๊กจะลากไปไทยจะลากมาก็ได้งั้นเหรอ แต่เด็กสาวทำเป็นมองไม่เห็นอาการนั้น

“ค่า..ดุจดาวของคุณหญิงแม่ซะอย่าง ไม่ต้องห่วงค่ะ คิดถึงคุณหญิงแม่นะคะสวัสดีค่ะ” สาวแสบวางสายยิ้มอย่างคนอิ่มสุขกับปัญหาที่ได้รับการคลี่คลายแล้วแต่มันดูไม่น่าไว้วางใจเลยสำหรับพรพิสุทธิ์

“อะไร จะพาพี่ไปไหน” ติวเตอร์สาวขอใช้สิทธิ์ในการถูกพาดพิงโดยด่วน

“ดาวก็แค่ขอให้พี่แจนไปงานเลี้ยงการกุศลเป็นเพื่อนก็เท่านั้นหรอก”

บ้าไปแล้ว! จะให้สาวบ้านๆอย่างเธอไปออกงานที่มีแต่คุณหญิงคุณนายไฮโซเนี่ยนะผิดที่ผิดทางแล้วอีนางเอ๋ย

“ใช่เรื่องไหมนั่น แล้วทำไมพี่จะต้องไปพี่เป็นครูนะไม่ใช่ผู้ติดตามของใคร”

“ลืมไปหรือไงคะว่าพี่แจนเป็นพี่แจนของน้องดาว” จึก! ดาบนั้นคืนสนองอีกแล้วแม้แต่สิ่งที่คิดว่ามันเป็นเรื่องดีๆมันยังกลับมาทำร้ายเรา

“ดาวก็ใช่ว่าอยากจะไป แต่เพราะคุณหญิงแม่ท่านติดงานสำคัญอีกงานและงานนี้ก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันถ้าไม่มีใครสักคนในบ้านไป คงจะเกิดคำครหานินทาให้ต้องตามแก้ข่าวยืดยาวแน่ๆพี่แจนไม่ต้องคิดว่าช่วยดาวก็ได้ คิดซะว่าช่วยคุณหญิงแม่” อ่าว…เอาคุณหญิงแม่มาเอี่ยวด้วยแบบนี้มันมัดมือชกกันชัดๆ

“แต่พี่ว่า พี่จะไปทำท่านขายหน้ามากกว่าช่วยให้ดีนะ”

“พูดแบบนี้แสดงว่าพี่รับปากจะไปแล้วเย้ๆ” สาวรุ่นเริงร่ากระโดดโลดเต้นชูมือชูไม้ประดุจสอบติดเลยทีเดียวแต่ผู้ใหญ่นี่ซิปวดสมองแบบยกกำลัง ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรกอีกพรพิสุทธิ์ตั้งท่าจะปฏิเสธแต่สายตาพลันไปเห็นผีสาวนามเดือนดารายืนเด่นหราอยู่เบื้องหน้ายิ้มอ่อนๆพยักหน้าน้อยๆส่งให้เธอ ความหมายคือ ไม่ให้เธอปฏิเสธ! นี่กลายเป็นว่าทั้งคนทั้งผีร่วมแรงร่วมใจกันยกกำลังสอง ประชาธิปไตยไม่อาจแบ่งโลกต่างมิติได้จริงๆว่าแต่ แม่ผีหน้าสวยมาเกี่ยวอะไรด้วย!

“เล่ารายละเอียดมา เมื่อไหร่ อะไร ยังไง”น้ำเสียงของคนจนทางที่ไม่มีใครในที่นี่สนใจที่จะเห็นใจหากมีแต่ความยินดีดุจดาวโผเข้าหอมแก้มผู้ใหญ่ใจดีฟอดใหญ่เป็นการขอบคุณ นั่นยังไม่พอ เพื่อนต่างโลกยังเคลื่อนกายเข้ามาใกล้ทำท่าจะยื่นหน้าสวยเข้ามามันพฤติกรรมเลียนแบบหรือไง

เอิ่ม…แต่ไม่นะ แค่พบเจอพูดคุยด้วยก็หลอนจะแย่แล้วอย่าให้ถึงขั้นสัมผัสกายกันเลยคือมันหยองๆอ่ะ ผีสาวสุดสวยได้ยินความคิดจึงหยุดเคลื่อนไหวในระยะห่างเพียงศอกเดียวส่งยิ้มสวยให้ก่อนจะหายวับไป

‘โล่งไปที เล่นเอาใจหายใจคว่ำ’

“แค่งานการกุศลธรรมดาๆเองค่ะมีทานเลี้ยง โชว์ตัว ส่วนงานมีพรุ่งนี้ค่ำๆ" ดุจดาวเจื้อยแจ้วดั่งไม่มีสาระแต่สำหรับแขกที่ไม่อยากถูกรับเชิญนี่ซิรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ

“เดี๋ยวๆ แล้วที่ว่าโชว์ตัวคือโชว์อะไร

“เดี่ยวเปียโน"

“อ้อ หมายถึงดาวขึ้นโชว์ใช่มะ" ได้เบาใจไป

“พี่แจนต่างหากที่จะขึ้นโชว์"นั่นปะไร ว่าละว่ามันต้องมีอะไร งานงอกอีกแล้ว

“จะบ้ารึไงพี่เล่นเป็นที่ไหน อย่าว่าแต่จะให้เล่นเปียโนเลยแค่ตบมือยังผิดจังหวะ" อันนี้ไม่ได้เกินจริงเลยสักนิดเธอไม่สามารถจินตนาการหยั่งไปถึงศิลปะทางดนตรีได้จริงๆ

“เค้านิ้วล็อกอยู่ นี่ดูซิ” ไม่พูดเปล่าดุจดาวยื่นมือน้อยๆของตนแบให้พี่สาวดู ก่อนจะงอมันแล้วไม่เด้งกลับที่ค่อนข้างสมจริงจนต้องเชื่อว่ามันจริง

“พี่ไม่ต้องกังวลอะไรหรอกค่ะเราใช้เปิด sound พี่แจนก็แค่ไปนั่งหน้าสวยกรีดกรายนิ้วโยกตัวทำเป็นอินกับเพลงก็เท่านั้น”

“ง่ายจังเนอะ แต่เรื่องของตัวก็จัดการเองซิ"

“ก็เค้าบอกแล้วไงว่านิ้วล็อกแล้วอีกอย่างเขาก็ทำแบบนี้กันทั้งนั้นต่อให้เก่งอภิมหาเทพแค่ไหน แต่คงเว้นไว้คน…" ดุจดาวหยุดคำ

“ใคร”

“ใครก็ช่างเถอะค่ะ” พรพิสุทธิ์ประติดประต่อเรื่องแบบเพ้อๆว่าดุจดาวจะมีสัมพันธ์อะไรสักอย่างกับแม่ผีหน้าสวยก็อยู่ๆเดือนดาราก็เข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจของเธอในเรื่องไปงานการกุศลกับยัยคุณหนูชื่อก็ ด ด เหมือนกัน ดูรวยมากเหมือนกัน หรือว่า…

“พี่ไปก็ได้แต่โชว์เปียโนพี่ไม่เอาด้วยนะ ไม่อยากไปทำสะเหร่อทำลายบรรยากาศงานเขา แล้วเรื่องชุดจะยังไงพี่ไม่มีหรอกนะไอ้ชุดหรูฟูฟ่องอ่ะ ที่มีอยู่หรูสุดก็แค่ชุดแซกธรรมดาๆ"

“แหม… พี่แจนขา ลืมไปเหรอคะว่าดาวเป็นใคร คุณหนูเจ้าของมรดกพันล้านเชียวนค้า…เดี๋ยวดาวจัดให้ครบเซตเลยค่ะ”

“จะเสกให้พี่เป็นนางซินว่างั้น"

“ไม่อ่ะ เป็นพี่แจนของน้องดาวนี่แหล่ะสุดยอดแล้ว"ติวเตอร์สาวได้เพียงถอนใจอยู่ในอก ไม่เข้าใจตัวเองว่าเดินมาถึงจุดนี้ได้ยังไงจุดที่ยอมให้เด็กแสบทำตามใจตัวเองไปเสียทุกเรื่อง

เมื่อเคลียร์เรื่องไปงานการกุศลจบการติวจึงเริ่มขึ้น

ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง เมื่อเห็นว่าลูกศิษย์มีท่าจะรับไม่ไหวแล้วจึงหยุดเพียงเท่านี้ด้วยคอแห้งผากเพราะพูดเยอะจึงเดินลงไปหาน้ำดื่มในครัว คุณหนูวัยซนปิดตำราอ้าปากหาวหวอดๆก่อนลุกเดินโต๋เต๋แบบตาจะปิดไปเอาอุปกรณ์อาบน้ำแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ไม่ถึงสิบนาทีเด็กสาวร่างบางนุ่งกระโจมอกเดินออกมากลิ่นกายหอมหวนอบอวลไปทั่วห้อง พรพิสุทธิ์เปิดประตูเดินเข้ามาเห็นน้องน้อยนั่งทาครีมอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งแผ่นหลังนวลเนียนกับหยดน้ำที่เกาะพราวเล่นกับแสงไฟช่างเป็นภาพที่เย้ายวนสายตาและความรู้สึกของคนมองเหลือเกินพรพิสุทธิ์เดินตรงเข้าไปหาเด็กสาวดั่งต้องมนต์ มือเรียวลูบไล้ต้นคอขาวลากมือลงมาจนถึงหัวไหล่คุณหนูที่ไม่ประสาในกลของอารมณ์หวามไหวไปตามคำชี้ชวนทางกายของคนมีประสบการณ์ หลับตาพริ้มเผลอไปกับอีกฝ่ายไร้สติมาหักห้ามกายใจจนอีกฝ่ายย่ามใจว่าสมยอมโน้มหน้าใสๆของตนลงมาซุกไซ้ซอกคอขาวนวลเนียนและหอมหวนดั่งดอกไม้แรกแย้มสองมือประคองไหล่ของน้องน้อยให้หันมาเพื่อเชยชมให้สมใจ

พรพิสุทธิ์หวังได้เห็นใบหน้าผุดผาดของดุจดาวแต่… หน้าที่หันมากลับไม่ใช่ดุจดาว กลายเป็นหน้าแฉล้มของเพื่อนสาวต่างมิติ 'เดือนดารา' ที่กำลังยิ้มระรื่นให้ตน

“ยัยผีบ้า!” พรพิสุทธิ์ก็สบถออกมาอารามตกใจและผละออกมาอย่างไว

“คริ คริ คริ” ผีสาวหัวเราะร่วนก่อนร่างจะจางจนหายไป

อีกครั้งที่ประตูห้องน้ำเปิดออกโดยเด็กสาวร่างบางเดินนุ่งกระโจมอกหน้าตาตื่นมาหาพี่สาว

“พี่แจนเป็นอะไรไปรึเปล่าดาวได้ยินเสียงโหวกเหวกแล้วดูซิหน้าซีดเชียวไม่สบายหรือเปล่า”

“ไม่มีอะไรหรอก พี่คงเหนื่อยน่ะ"ติวเตอร์สาวปรับอารมณ์ดึงสติให้กลับมาสู่ปัจจุบัน เธอไม่อยากเอื้อนเอ่ยถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านมาแม้ใจจะนึกโกรธยัยผีขี้เล่นเป็นที่สุด

“ก็บอกแล้วว่าสอนดาวคนเดียวพอ” คุณหนูจอมป่วนได้ทีย้ำซ้ำๆถึงสิ่งที่เอื้อประโยชน์ให้ตน

“พี่เป็นครูนะ เลือกลูกศิษย์ได้หรือ?"

“ก็ลูกศิษย์กำลังเลือกคุณครูอยู่นี่ไงคะสอนเค้าคนเดียวครูจะได้ไม่เหนื่อยมาก”

“สอนหล่อนนี่แหละตัวเหนื่อยมาเลยทั้งรู้มาก ทั้งชอบป่วน”

“แหม…แต่ก็น่ารักใช่มั้ยล่ะ” ดุจดาวอ่อล้อ

ก็ใช่…อันนี้ไม่ได้ตอบแค่คิด

สาวรุ่นเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบชุดชั้นในทั้งบนและล่างออกมาสวมใส่ก่อนจะสวมชุดนอนพรพิสุทธิ์อมยิ้มกับการกระทำของเด็กสาว

“ยิ้มอะไรไม่ทราบ" ดุจดาวแหวใส่ แค่จ้องเธอตาไม่กระพริบเธอก็อายจะแย่นี่ยังมาอมยิ้มอีกกำลังคิดลามกอยู่แน่ๆ คืนนี้จะรอดไหมนี่เรา

“ยิ้มคนใส่ชั้นในนอนไง”

“ปกติเค้าไม่ใส่หรอก แต่ในภาวะที่สุ่มเสี่ยงเค้าก็ต้องป้องกัน” คุณหนูให้เหตุผล

“ทำมาเป็นหวงตัว ไหนว่าผ่านมาเยอะโดนมาแยะแล้วไงจ๊ะ”

“ฮ้าว… ง่วงละ นอนดีกว่า” ดุจดาวกระโจนขึ้นเตียงสวนทางกับพี่สาวที่กำลังเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแต่ตอนนี้เด็กสาวประคองสติไม่ไหวแล้วขอตัวไปเฝ้า พระอินทร์ก่อนแล้วกัน

shop แบรนด์ดังในห้างสรรพสินค้าชั้นนำย่านราชประสงค์ ผีสาวเดือนดาราจูงมือพรพิสุทธิ์เทียวเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ลองชุดกันสนุกสนานบานตะเกียงสี่มือหิ้วถุงพะรุงพะรัง

“วันนี้ฉันมีความสุขมากเลย”เดือนดาราเปรยขึ้นกับเพื่อนคนสวย นัยน์ตาเป็นประกายวับวาว ตาปรายมามองไปที่นาฬิกาข้อมือสุดหรูที่ข้อมือของพรพิสุทธิ์

“จะเอาคืนเหรอ ได้ซิ”พรพิสุทธิ์ทำท่าจะถอดคืนให้ แต่มือเย็นเฉียบมาจับห้ามเอาไว้

“นาฬิกาเรือนนี้เป็นของสุดรักสุดหวงของฉันเก็บรักษามันให้ดีๆอะไรก็ตามที่ฝากให้ดูแลเธอไม่มีสิทธิ์จำหน่าย จ่าย แจก ให้ใคร ไม่แม้กระทั่งจะส่งคืนกลับมา”

“ตอนแรกที่เธอบอกให้ฉันถอยห่างเธอหมายถึงให้ถอยห่างจากดุจดาวใช่ไหม”

“ชอบดุจดาวหรือเปล่า” เดือนดาราไม่ตอบแต่ยิงคำถามกลับ

“ตกลงเธอมีความสัมพันธ์อะไรกับดาวพี่สาวเหรอ” ตานี้ต่างฝ่ายต่างโยนคำถาม ไม่มีใครสนใจจะตอบ

“ไม่เป็นไรไม่ตอบฉันก็ได้เดี๋ยวฉันไปสืบเองแต่ฉันจะตอบคำถามเธอว่า ใช่! ฉันชอบดาว แต่เธอสบายใจได้ว่าฉันไม่กล้าเอื้อมไปเด็ดดอกฟ้าหรอกดาวยังเด็กและโดยฐานะและสังคมเราต่างกันมากเกินไป และดาวเองก็อาจไม่ได้เป็นแบบฉันเป็นผู้หญิงที่รักผู้หญิง” พรพิสุทธิ์พูดในสิ่งที่รู้สึก

“ทุกเรื่องที่เธอสงสัยเมื่อถึงเวลาเธอจะได้รู้เองแต่ที่ฉันจะบอกกับเธอได้คือฉันรักดาวมาก เธอรับปากกับฉันได้ไหมว่าเธอจะรักและดูแลดุจดาวให้ได้เท่ากับที่เธอรักตัวเอง” พรพิสุทธิ์นิ่งไป จะใหญ่หลวงเกินไปไหมหากเธอจะรับปาก

“ไม่ต้องใช้เหตุผลซิใช้ใจ”เท่านั้นล็อคในใจของพรพิสุทธิ์ที่มีต่อดุจดาวก็หลุดออกมา

“ฉันจะดูแลดาวให้ดีที่สุดเท่าที่ผู้หญิงสวยคนหนึ่งจะทำได้” ยังไม่วายยียวนแต่พอกันเลยทั้งผีทั้งคนเลย ชอบบงการเธอ

“ขอบใจ”

พรพิสุทธิ์สะดุ้งตื่นขึ้นมาจากความฝัน

‘นี่เธอฝันเป็นตุเป็นตะเลยรึนี่’ เมื่อพลิกตัวไปทางเด็กสาวกลับพบเพียงความว่างเปล่า

อ่าว…น้องหาย!!

พรพิสุทธิ์กระโจนลงจากเตียงทันทีด้วยความร้อนใจเป็นห่วงหากจะเกิดเรื่องร้ายๆขึ้นกับน้องน้อย เมื่อวิ่งลงมาข้างล่างก็พบดุจดาวนั่งชันเข่าร้องไห้กระซิกๆอยู่กลางบ้าน

“ดาว ลงมาทำไม” พรพิสุทธิ์มานั่งลงข้างๆ ไต่ถามด้วยความห่วงใย

“เขามาหาพี่ใช่ไหม”

‘เขา’หมายถึงเดือนดารา?

สองสาวอยู่ในภาวะเงียบงันเพราะวนเวียนอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองที่แสนจะว้าวุ่นและสับสน

“พี่ชอบดาวนะ” อยู่ๆพรพิสุทธิ์ก็พูดคำนี้ออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยช่วยดึงเด็กสาวออกมาจากเรื่องที่ตนกำลังว้าวุ่นได้ชะงัก

“ก็บอกไว้ก่อนเผื่อพี่เป็นอะไรไปจะไม่มีโอกาสได้บอก กลัวนอนตายตาไม่หลับ”ติวเตอร์สาวพยายามทำบรรยากาศให้รื่นรมย์เพราะรู้ดีว่าได้พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไปใจฐานะที่เธอเป็นครูและที่สำคัญดุจดาวยังเด็ก

“ทำไมพี่ถึงพูดเป็นลางอย่างนั้นล่ะ”

“เพราะโลกนี้มันไม่มีอะไรแน่นอนอย่างไรล่ะวันนี้อยู่พรุ่งนี้อาจจากลากันไปชั่วชีวิตก็ได้”

“ทำไมพี่แจนถึงชอบดาว”

“ไม่รู้เหมือนกัน รู้ตัวอีกทีก็ชอบไปละ”

“ดาวไม่รู้หรอกว่าความรักแบบผู้หญิงรักกันมันเป็นแบบไหนเพราะยังไม่มีประสบการณ์ดาวรู้แค่ว่าดาวหวงพี่แจนและดาวไม่อยากให้สาวๆสวยๆคนไหนมาเข้าใกล้พี่ดาวอยากให้สายตาของพี่มองแค่ดาว ใจของพี่แคร์แค่ดาวพี่แจนจะบอกดาวได้ไหมว่าทั้งหมดมันคืออะไร” ไม่มีคำตอบใดมีเพียงจุมพิตที่อบอุ่นไปบนหน้าผากมนเกินคาดคิดเมื่อเด็กสาวตอบกลับด้วยการจุมพิตแต่เป็นที่ริมฝีปากแถมยังเนิ่นนานกว่าจะถอนออกมา

“ดึกมากแล้วไปนอนกันเถอะ” ว่าแล้วเด็กน้อยก็จูงมือผู้ใหญ่พาเดินขึ้นห้องไป 




 

Create Date : 14 มกราคม 2559    
Last Update : 14 มกราคม 2559 9:28:01 น.
Counter : 313 Pageviews.  

คนเค้าหวง

คุณหนูเอาแต่ใจออกอาการกระฟัดกระเฟียดทางสายตาเมื่อเห็น ติวเตอร์ส่วนตัวคุยกระหนุงกระหนิงกับแม่แก้มคนสวยซึ่งไม่พ้นโสตรับรู้ของพี่สาวที่นึกสนุกอยากแกล้งน้องน้อยเป็นกำลังก็เธอชอบให้เด็กหวง

“พี่แจนคะ คือแก้มอยากจะชวนพี่ไปทานข้าวเย็นค่ะแก้มรู้จักร้านอร่อยแถวนี้หลายร้าน” กรสุมาแค่อยากสานสัมพันธ์กับคนเก่งๆไว้ก็เท่านั้นเผื่อวันหนึ่งในอนาคตอาจจะต่อยอดในบางเรื่องได้

“ทานข้าวน่าจะไม่ได้แล้วค่ะเพราะมีนัดแล้ว และพี่ก็มีงานต่อด้วย เอาเป็นแค่เบาๆนั่งจิบกาแฟแล้วกันเนาะ”

“พี่แจน!เค้ารอนานแล้วนะ” มารยาทไม่ต้องมีมันแล้วคุณหนูอารมณ์ร้ายโพล่งทะลุขึ้นมากลางลำ เดินมาเกาะแขนพรพิสุทธิ์อวดลูกศิษย์หน้าสวยให้มันรู้เสียบ้างว่าใครเป็นใคร

“ดูน้องสาวพี่แจนจะหวงพี่สาวจังนะคะ” กรสุมาหลุดถามความในใจออกมา ลึกๆก็ชักหมันไส้ยัยเด็กจอมป่วนนี่แล้ว

“ไม่ใช่น้องค่ะ เป็นแฟน”

เหวอกันไป ทั้งพรพิสุทธิ์ และกรสุมา

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ แก้มอย่าเข้าใจผิด” เมื่อมีสติติวเตอร์สาวรีบแก้ต่างส่วนเจ้าตัวต้นเหตุกลับลอยหน้าลอยตาทำไม่รู้ไม่ชี้

“ขอตัวสักครู่นะคะ” พรพิสุทธิ์ดึงมือเด็กสาวออกไปกรสุมามองตามสองสาวเข้าใจในสิ่งที่ตนสงสัยก่อนหน้าว่าทำไมน้องสาวพี่แจนดูไม่ชอบเธอที่แท้ก็คู่รัก เซอร์ไพร้ส์จังที่พี่แจนเป็นเลสเป็นเพศตรงข้าม…

“ดาวพูดอะไรออกไปมันไม่ดีรู้มั้ยคนเขาจะเข้าใจผิดเอาได้”

“ดาวพูดอะไรผิด" เด็กสาวสบตาตรงไร้แววเดียงสา ที่ผู้ใหญ่นึกอยากจะจับไปฟัดซะให้เข็ดหลาบ

“ก็พูดออกมาได้ยังไงว่าเป็นแฟนพี่”

“พี่แจนเป็นปลาทองหรือไง ก็ตัวเองนอนร่วมเตียงกับเค้าสองคืนเต็มๆเลยนะทำเป็นลืม” ผู้ใหญ่ปวดหัวจี๊ดกับเหตุผลพามึน

“ยัยบ๊อง แล้วมันเกี่ยวกับเป็นแฟนกันยังไงไม่ทราบห๊ะ"

“เกี่ยวซิรู้ไว้ด้วยดาวไม่เคยนอนร่วมเตียงกับใคร” เด็กสาวยังแถไปเรื่อยแม้สีข้างจะถลอกเป็นแผลเหวอะหวะแล้วก็เถอะก็เธอมั่นใจว่าคำให้การของเธอเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีทั้งพนักงานอัยการและศาลรวมถึงสังคมต้องรับฟังและสงสารเหยื่อเช่นเธอจับจิต

“แต่เราไม่ใช่เจ้าชีวิตพี่นะ พี่มีสิทธิ์จะไปไหนกับใครก็ได้"

“ไม่ใช่วันนี้ แต่อีกไม่นานเค้าก็เป็น"ผู้ใหญ่ชักอ่อนใจกับเด็กที่เล่นไม่เลิกคิดแต่จะเอาชนะแล้วก็ชักจะแรงขึ้นทุกที

“พี่พูดจนปากเปียกปากแฉะแล้วว่าเขามาเรียนพี่ก็ทำตามหน้าที่ จบ courseแล้วก็ต่างแยกย้าย ทำไมเรื่องแค่นี้ไม่เข้าใจ"

“แล้วพี่แจนคิดแค่นั้นกับดาวด้วยใช่ป่าวพี่แจนฟันเค้าแล้วทิ้ง" เด็กยังเพ้อเจ้อไม่เลิก

“พูดบ้าอะไร แล้วทีกับผู้ชายที่บอกผ่านมาเป็นสิบไม่เห็นจะยี่หระจะมาอะไรกับพี่นัก" ก็ไม่อยากจะเอาประเด็นนี้ขึ้นมาพูดแต่ก็ต้องทำความเข้าใจกัน

“ก็…พวกนั้นไม่เหมือนพี่แจน”น้ำเสียงแผ่วเบาดั่งคนขาดความมั่นใจ คล้ายจะปล่อยโฮออกมา ชักมารยา 108เล่มเกวียนออกมาใช้ น้ำตาเปลี่ยนโลกมานักต่อนักแล้วร้อยทั้งร้อยแพ้น้ำตากันทั้งนั้น ตอนนี้พรพิสุทธิ์ชักไม่แน่ใจแล้วว่าจุดที่ตนยืนอยู่นี้มันดีจริงหรือไม่จากที่เพียงคิดหยอกแกล้งกันแต่กลับเป็นตัวเองที่เหมือนโดนแกล้งเสียเอง กรรมของเวรดาบนั้นคืนสนองทันใจจริงๆ

พรพิสุทธิ์เอามือทั้งสองของตนประกบไปที่ใบหน้านวลของเด็กที่กำลังงอแงจะเอาชนะให้ได้

“ฟังพี่นะคะคุณหนูดาว พี่รับปากเขาไว้แล้วแค่ดื่มกาแฟแก้วเดียวเอง ดาวอย่าให้พี่ต้องเสียผู้ใหญ่เพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องเลยนะเราไปกันเถอะ” ดุจดาวจำใจพยักหน้าแม้จะยังไม่พอใจแต่ก็กลัวว่ามันจะมากเกินไปจนกลายเป็นเด็กน่ารำคาญ ท้ายที่สุดพี่สาวก็ทนไม่ไหวฝ่ายพรพิสุทธิ์เข้าใจดีวิธีปราบเด็กเอาแต่ใจคือต้องเอาแต่ใจมากกว่า โดยใช้ร่างที่ใหญ่กว่าดันแม่ตัวดีกลับเข้าไปในสถาบันก่อนจะปั้นหน้าสวยบอกกับลูกศิษย์วัยไล่เลี่ยกันว่าพร้อมแล้ว

ที่ร้านกาแฟ ครูสอนพิเศษสุดสวยและลูกศิษย์หน้าหวานคุยกันถูกคอเรื่องส่วนใหญ่เป็นเรื่องกึ่งวิชาการที่ดุจดาวไม่เข้าใจด้วยรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกิน

“ความจริงแก้มไม่อยากเรียนต่อนักหรอกค่ะติดว่าขัดใจที่บ้านไม่ได้ นี่แก้มเองก็คันไม้คันมืออยากทำงานเต็มแก่แล้ว"หาเรื่องคุยไปเท่านั้นหรอกยัยจอมแอ๊บ ท่าทางหยิบโหย่งอย่างหล่อนดูปร๊าดเดียวก็รู้ว่าคงเอาดีได้แค่เรื่องเรียนเท่านั้นแหละคุณหนูคิดดูแคลนในใจ แต่พรพิสุทธิ์ยิ้มสวยให้กำลังใจ เธอเข้าใจความรู้สึกที่ว่านั้นดี

“เป็นปกติของคนจบใหม่ค่ะไฟแรงกันแทบทุกคนพี่เองก็เป็นค่ะ แต่แก้มเรียนต่อน่ะดีแล้ว สมัยนี้วุฒิสูงๆก็สำคัญและเป็นถึงระดับเจ้าของกิจการใหญ่โตจะรู้น้อยกว่าลูกจ้างก็อาจจะต้องเหน็ดเหนื่อยแสดงศักยภาพเพื่อเปิดใจการเรียนต่อในระดับสูง ตัววิชาความรู้มันเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งเท่านั้นค่ะที่สำคัญกว่านั้นมากคือมันช่วยให้เรามีกระบวนการทางความคิดที่เป็นระบบ รู้จักวิเคราะห์แยกแยะข้อมูลในเชิงลึกและอีกเรื่องที่สำคัญ คือเครือข่ายค่ะ การที่เราได้ไปเรียนในระดับสูงเราจะมีโอกาสได้พบเจอเพื่อนใหม่จากหลากหลายอาชีพที่อาจจะช่วยส่งเสริมต่อยอดธุรกิจของเราได้ ยิ่งหากมีกำลังการเรียนต่อต่างประเทศยิ่งเป็นสิ่งที่ควรมากๆเพราะระบบความคิดของฝรั่งไปไกลกว่ากะลาแลนด์บ้านเราหลายเท่านัก ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่พี่จะอวยหรือนิยมฝรั่งมังค่านะพี่พูดตามความเนื้อผ้า” กรสุมาจดจ่อสนใจฟัง รวมถึงเด็กสาวด้วยได้ฟังอะไรแบบนี้จากพี่สาวก็ยิ่งปลาบปลื้มภูมิใจในตัวพี่สาว

“ลองคิดง่ายๆว่าเมื่อเจ็ดร้อยกว่าปีก่อนเรามีสุโขทัยเป็นราชธานี เศรษฐกิจแบบพอเพียงออริจินอล แต่แก้มรู้ไหมคะว่าช่วงเวลาเดียวกันนั้นยุโรปเอาแค่ที่อังกฤษก็พอ เขามีมหาวิทยาลัยกันแล้ว อยากให้นึกถึง 3 tude ในการพัฒนาศักยภาพตนเองค่ะ ที่ไม่ใช่จู๊ดๆท้องเสียนะ” ติวเตอร์สาวพูดติดตลกเพื่อไม่ให้เบื่อกันไปเสียก่อน

“ข้อแรกคือ altitude ทัศนคติ เราต้องปรับทัศนคติให้เป็นคนของโลก (cosmopolitan) เมื่อทัศนคติได้ก็จะต้องยกระดับ aptitude คือทักษะความสามารถอะไรพร่องก็เติมเข้าไป ส่วนที่ขาดก็ส่งเสริม เมื่อ 2ประการข้างต้นพรักพร้อมเราจะได้มาซึ่งประการที่ 3 คือ altitude ระดับความสูง หมายถึงจุดที่เรายืนอยู่เหนือคนอื่นได้ เป็นยอดคนนั่นเอง"พรพิสุทธิ์ร่ายยาวแชร์ความคิดตนเอง แก้มอ้าปากหวอนั่นรวมถึงดุจดาวด้วยที่นั่งตาปริบๆพี่แจนล้ำมากเลย และแน่นอนเด็กแสบรู้แก่ใจดีว่าพี่แจนชอบคนที่เท่าทันกันพูดภาษาเดียวกัน กับยัยแก้มอะไรนี่จะใช่หรือเปล่านะ

“พี่แจนนี่วิสัยทัศน์เหมือนคนอายุสักสี่ห้าสิบเลยนะคะคือแก้มหมายถึงว่าดูเป็นผู้ใหญ่น่ะค่ะ ฉลาดแหลมคมมาก IQ EQ น่าจะสูงทะลุเพดานเลยแก้มอยากเป็นแบบนี้บ้างจัง อิจฉาค่ะอิจฉา" สาวหน้าหวานช่างเจรจารู้ช่องเอาใจคนเล่าก็พลอยมีความสุขตอนนี้คุณหนูจอมป่วนชักนั่งไม่ติดเก้าอี้ ก็ยัยหน้าสวย คอยหยอดคำหวานหูอยู่ตลอดไม่ได้การละปล่อยไปเรื่อยๆมีแต่นางจะเพิ่มคะแนนให้ตัวเอง

“สมัยนี้ดูแค่ 2 Q ไม่พอนะคะ มันต้องดูกันถึง Q ตัวที่ พรพิสุทธิ์ยังชวนคิดชวนคุยต่อ

“หืออะไรกันคะ Q ตัวที่ 7 แก้มไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย"เด็กสาวยิ่งฉงนหนักกว่า พรพิสุทธิ์ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ ยิ้มอ่อนๆก่อนจะเข้าสู่โหมดวิชาการต่อ

“มีงานวิจัยสรุปความฉลาดของมนุษย์เอาไว้7 ด้านค่ะ และเรียกขานกันสั้นๆให้เข้าใจว่าเป็น ความฉลาดทั้ง7 , 7 Quotients” กรสุมานัยน์ตาเป็นประกายตื่นเต้นกับเรื่องที่กำลังฟังพยักหน้าไหวๆให้ผู้รู้รีบเล่าต่อ ดุจดาวมองอย่างหมันไส้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

“IQ และ EQ คงรู้แล้วงั้นพี่ข้ามไปตัวที่สามเลยก็คือ CQ (creative Quotient) ค่ะเป็นความฉลาดในเชิงสร้างสรรค์เป็นพวก innovative คิดนอกกรอบ ไอเดียร์บรรเจิดสมองแล่นฉิวอะไรทำนองนั้น

Q ตัวที่ 4 คือ MQ (MoralQuotient) ความฉลาดในด้านศีลธรรมจริยธรรมแบบที่เขารณรงค์กันในตอนนี้ค่ะ คือเก่งไม่พอต้องเป็นคนดีด้วย

Q ตัวที่ 5 คือ PQ (Play Quotient)เป็นความฉลาดที่เกิดจากการเล่นข้อนี้เด่นชัดในวัยเด็กที่มีพัฒนาการทางสมองแต่พี่ว่าผู้ใหญ่ก็เล่นแล้วฉลาดขึ้นได้ เช่นพวก เกม puzzle ลับสมองต่างๆ

Q ตัวที่ 6 ก็คือ AQ (AdversityQuotient) ความฉลาดในการแก้ปัญหาค่ะฝรั่งเรียกคนที่ฉลาดแก้ปัญหาเก่งว่าเป็นพวก decisive ส่วนคนไทยเรียกว่าความเฉลียวแก้มคงเคยเห็นนักวิชาการที่อยู่บนหอคอยงาช้างใช่ไหมคะ คือคนพวกนี้จะเก่งแต่ตำรับตำราปฏิบัติเข้าจริงกลับตกม้าตายเพราะไม่รู้จักการประยุกต์ใช้ความรู้และไร้ซึ่งความสามารถในการเผชิญปัญหาหรือที่เขาชอบแซวกันขำๆว่า เป็นพวกทฤษฎีจัดแต่ปฏิบัติศูนย์

Q ตัวสุดท้ายก็คือ SQ (SocialQuotient) ความฉลาดในการเข้าสังคมไม่มีใครปฏิเสธการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้แน่นอนว่าคนเก่งจะต้องรู้จักบริหารความสัมพันธ์ การวางตัว มารยาททางสังคม

สรุปอีกทีว่าคนฉลาดจะต้องรอบรู้มิใช่เพียงแค่ความรู้จากตัวหนังสือหรือไปจำใครเขาพูดมาคนฉลาดที่สุดคือคนที่รู้ว่าตัวเองยังโง่ ยังต้องพัฒนาค่ะ”

“ความรู้สึกเหมือนฟังอาจารย์บรรยายในห้องเล็คเชอร์เลยสุดยอดเลย” กรสุมาชมเปาะจากใจ

“อ่านมากก็ได้รู้ได้เห็นมากค่ะ อีกหน่อยเมื่อแก้มได้ไปเปิดโลกก็จะมีเรื่องราวมาแชร์แบบนี้พี่เผลอๆจะมากกว่าพี่ด้วยซ้ำ”

“สาธุ ขอให้สมพรปากพี่แจนนะคะ” สองสาวส่งยิ้มสวยให้กัน ช่างขัดตา ขัดใจเด็กสาวนัก พรพิสุทธิ์เอียงหน้ามามองน้องน้อยที่นั่งซังกะตายจึงขอใช้ Adversity Quotient ความฉลาดในการแก้ปัญหาเข้าเสริมบรรยากาศให้ดีขึ้น

“พี่มีคำถามลับสมองประลองปัญญาค่ะ แต่ไม่ใช่ปัญหาเชาว์หรือมุกตลกห้าบาทสิบบาทนะจริงจัง! เริ่มจากแก้มกับดาวรู้ไหมว่าใครฉลาดที่สุดในวรรณกรรม3 ก๊ก”

“จูกัดเหลียง ขงเบ้งซิคะผู้หยั่งรู้ดินฟ้า เห็นจะไม่มีใครเกิน” สาวหวานตอบออกมาทันทีด้วยไม่คิดนานก็เรื่องนี้ขงเบ้งเป็นตัวเอก

“ผิดค่ะ ให้ตอบใหม่อีกที” คราวนี้เด็กแสบที่เคยหงอยเหงากลับดูมีชีวิตชีวาขึ้น โธ่เอ้ย ยัยจอมแอ๊บพี่แจนไม่ถามคำถามง่ายดายอย่างนั้นหรอกย่ะกรสุมาคิดอยู่ชาวอึดใจก็ตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสนเบาความมั่นใจหดหายไปกว่าครึ่ง

“โจโฉ นายกตลอดกาลมั้งคะ” พรพิสุทธิ์ส่ายหน้ายิ้มๆ แทนคำพูดว่าไม่ใช่ เตรียมจะเฉลยแต่…

“ก็คนแต่งไง หลอกว้านจง ฉลาดล้ำที่สุดแล้ว” คุณหนูจอมป่วนไวกว่าชิงตอบก่อน ช่างถูกใจคนเป็นพี่ พรพิสุทธิ์ลูบหัวเหม่งของเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู

“เก่งมาก แล้วบอกพี่ซิว่าทำไมถึงเป็นคนนี้”

“ก็คนแต่งเขาจับตัวละครเป็นพันตัวทั้งที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ประกอบกับตัวละครที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่มาร้อยเรียงด้วยบทสนทนาที่แยบคาย ทั้งกลศึกที่ซับซ้อนคนที่ดูฉลาดที่สุดในเรื่องก็มาจากมันสมองของคนแต่ง” คนตอบภาคภูมิใจในความรู้ของตนเองแต่ดูเหมือนกรสุมาจะไม่ได้ใส่ใจสิ่งที่เด็กสาวเจื้อยแจ้วนักเพราะรู้สึกเหมือนถูกหักหน้าหาทางออกให้ตัวเองโดยการชวนเปลี่ยนเรื่อง

“แก้มคงต้องพัฒนาตัวเองอีกเยอะเลยค่ะพี่แจนเก่งจังเลยนะคะ แถมสวยอีกต่างหาก ใครได้เป็นแฟนคงโชคดีที่สุดใน 3 โลกเลยค่ะ” กรสุมาชักใจเอนเอียงไปทางเสน่หาคุยกับพี่แจนไม่เท่าไหร่ก็รู้สึกว่าจะหลงเสน่ห์พี่แจนเข้าแล้ว ก็เธอชอบคนฉลาดก่อนหน้านี้เธอคงจะไม่รู้สึกอะไรแบบนี้ถ้ายัยเด็กแก่แดดนี่ไม่พรีเซ้นส์ตัวเองคงต้องงัดข้อกันซักตั้งแล้วหล่ะยัยเด็กเมื่อวานซืน!

“ชมเกินไปแล้วค่ะ เท้าพี่จะไม่ติดดินอยู่แล้วแก้มเองก็เถอะค่ะ สวยอย่างกะดารา ดีกรีก็ไม่เบา แบบนี้มาทั้งร้อยก็เก็บใช่รึป่าว”

อีกครั้งดุจดาวกลับมาเป็นตัวประกอบพี่แจนเองก็ดูยินดีไปกับเขา ใช่ซิ ก็หล่อนทั้งสวย แถมฐานะก็ไม่น่ากระจอกและที่สำคัญอยู่กับแม่นี่ก็คงจะไม่น่าเบื่อเหมือนอยู่กับเด็กเอาแต่ใจอย่างเธอ

จะเอาไงดี จะเดินสะบัดก้นออกมาเฉยๆ แต่มันก็เท่ากับเธอประกาศยอมแพ้สงครามครั้นจะนั่งอยู่ต่อ แต่ก็เป็นเพียงอากาศธาตุที่เขาไม่แยแส แต่เราจะมาแพ้ยัยหน้าสวยจอมแอ๊บเนี่ยนะ

ใช่! มารยามีตั้ง108 เล่มเกวียณ

“อูย เสียงของคุณหนูจอมป่วนดึงความสนใจจาดพรพิสุทธิ์เมื่อหันมองก็ได้เห็นน้องน้อยเอามือกุมท้องร้องโอดโอยหน้าเหยเกแสดงถึงความเจ็บปวด

“เป็นอะไรยัยดาว”พรพิสุทธิ์ตกใจ รีบดูอาการ

“ดาวปวดท้อง ยาก็ลืมไว้บ้านพี่แจน”

“งั้นก็ต้องรีบกลับบ้านกันซินะ”ดุจดาวพยักหน้าน้อย เซื่องซึมผิดวิสัยจนผู้ใหญ่ใจคอไม่ดี แต่กรสุมานี่ซิแตกต่างเพราะคิดว่าเท่าทัน

มารยา!

พรพิสุทธิ์หันมาล่ำลาลูกศิษย์หน้าหวานก่อนจะประคองร่างที่บางกว่าเดินออกไป

“แวะหาหมอก่อนไหม” ผู้ใหญ่อาทร

“ไหวสิ กินยาก็หายแล้ว”

“อ่อ”พรพิสุทธิ์พยักหน้าน้อยๆเป็นการรับทราบ ก่อนจะกลับไปมีสมาธิอยู่กับการขับรถอยากจะเหยียบสัก 120 จะได้ถึงบ้านเร็วๆใจเป็นกังวลว่าน้องน้อยจะเป็นอะไรมาก

เมื่อถึงบ้านพรพิสุทธิ์ประคองคนป่วยเข้าบ้านตรงขึ้นไปบนห้องทันทีกะว่าทานยาแล้วจะได้นอนพัก

“ยาอยู่ไหน เดี๋ยวพี่ไปหยิบให้” พรพิสุทธิ์ถามขึ้นเมื่อส่งคนป่วยถึงเตียงแล้ว

“ยา เอ่อ …” ดุจดาวอึกอักเจออาการแบบนี้พรพิสุทธิ์ก็ถึงบางอ้อทันที

หึ! เด็กแสบยังไงก็เป็นเด็กแสบวันยังค่ำ

“โกหกพี่ใช่มั้ย” ตาคมคาดคั้นเอาความ

“คือ…”เด็กสาวหน้าซีดสลดไป เมื่อเห็นอีกฝ่ายดูจริงจัง

“เค้าขอโทษ ก็ถ้าไม่ใช้วิธีนี้พี่แจนคงคุยกับยัยหน้าหวานยันร้านปิดแน่ๆ”

“ก็ใช่ที่พี่อาจจะคุยติดลมไปหน่อย แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่ดาวจะเป็นเด็กเลี้ยงแกะได้อย่างถูกต้องนะ"ก็เข้าใจเด็กนะ แต่ว่าผ่อนปรนให้จะยิ่งได้ใจ

“รอลงอาญาก่อนได้มั้ยอ่ะ" เด็กน้อยต่อรอง

“ไม่ได้!" พี่สาวเสียงแข็ง

“แล้วพี่แจนจะลงโทษอะไรดาว” ให้รู้ก่อนว่าจะลงโทษอะไรแล้วค่อยต่อรองอีกทีกับพี่แจนแค่ออดอ้อนหวานๆนิดหน่อยก็ใจอ่อนแล้ว

“นั่นซิ พี่จะลงโทษอะไรเด็กเลี้ยงแกะดีน้า” ไม่พูดเปล่า หญิงสาวร่างสูงเดินเข้าไปใกล้ใช้ 2แขนคร่อมร่างจำเลยไว้ ตอนนี้หน้าของทั้งสองสาวอยู่ในระยะที่ลมหายใจเป่าถึงที่เด็กสาวกำลังพยายามเอนไปด้านหลังเพื่อหลีกหนีรู้สึกแปลกๆเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย

“พี่ พี่แจนจะทำอะไรดาวอ่ะ” นัยน์ตาสั่นระริกเป็นกังวลต่างกับเด็กสาวจอมซ่าคนเดิมยิ่งปลุกเร้าให้ผู้ใหญ่อยากรุกไล่กลั่นแกล้ง

“ดาวอยากเป็นแฟนพี่ไม่ใช่เหรอ คนเป็นแฟนกันเขาก็ทำกันแบบนี้”

อ่าว… อยู่ๆผู้ใหญ่เปลี่ยนประเด็นเฉยเลย

“แต่เค้ายังเด็กอยู่นะและที่พูดไปแบบนั้นเพราะไม่อยากให้พี่ไปใกล้ชิดกับใครต่างหากเล่าเค้าผูกขาด” ตานี้เด็กสาวต้องยกมือขึ้นพร้อมยันอีกฝ่ายที่รุกไล่เข้าใกล้มากขึ้นทุกทีแต่คิดเหรอว่า 2 มือน้อยๆแค่นี้จะเอาผู้ใหญ่จอมขี้แกล้งอยู่ร่างที่แข็งแรงกว่าดันร่างของเด็กสาวหงายราบไปบนที่นอนจนได้

“อุ่ยดุจดาวยิ่งขวัญกระเจิงกระเจิงเมื่อแผ่นหลังของตนสัมผัสกับที่นอนนี่พี่แจนเป็นบ้าไปแล้วหรือไง ทำไมยังเล่นไม่เลิก

“เป็นอะไรไป ตัวสั่นเชียว หนาวเหรอ” พรพิสุทธิ์ทำตาใสซื่อหยอกเย้าไม่ดูอารมณ์เด็กก่อนจะทิ้งตัวลงไปบนร่างของเด็กสาวจากที่แค่คิดจะแกล้งกันแต่ตอนนี้เธอเองก็หวั่นไหวใจเต้นรัวไม่แพ้กันก็เธอไม่ใช่พระอิฐพระปูนสักหน่อยเด็กดาวเองก็ใช่ว่าจะขี้ริ้วขี้เหร่ ไม่ซิสวยมากเลยแหละ และความใกล้ชิดที่มันชิดจนแนบนี้กำลังบอกเธอว่า ‘ดุจดาวไม่ใช่เด็กแล้ว’

“ไหนเมื่อเช้าคุยว่าผ่านผู้ชายมาเป็นสิบไงจะผ่านพี่อีกสักคนจะเป็นไรไป” จึก! ดาบนั้นคืนสนอง

“พี่แจนลามก หื่นกาม” เมื่อรู้ความคิดร้ายๆของผู้ใหญ่เด็กจึงออกฤทธิ์อาละวาดแบบไม่เกรงใจสองมือน้อยๆทั้งผลักทั้งดันผู้ใหญ่หน้าสวยที่กำลังเป็นจอมฉวยโอกาส

“ปล่อยเค้าเดี๋ยวนี้นะคนลามก” เด็กน้อยแผลงฤทธิ์จนผู้ใหญ่รำคาญ สองมือน้อยๆจึงถูกรวบและตรึงไว้หนาแน่นเกินอีกฝ่ายจะขัดขืนได้

“พี่แจนอ่ะ”ดุจดาวเสียงอ่อยเมื่อสิ้นฤทธิ์หมดทางสู้

“อะไร”ยังมีอารมณ์ต่อความกับเด็ก

“พี่แจนรักเค้าเหรอ”

หือ… ถามยากขนาดนี้ใครจะตอบได้

“ก็ไหนว่าชอบง่ายๆแบบน้ำแตกแล้วแยกกันไปไงแล้วทำไมตอนนี้ถึงต้องการเหตุผลอะไรมากมายนัก”

“ก็ตอนนั้นมันไม่เหมือนตอนนี้”

“แล้วมันต่างกันยังไง”

“ก็ตอนนี้ดาวอยากได้ความรัก” เมื่อเด็กเข้าโหมดจริงจัง อารมณ์อยากแกล้งของผู้ใหญ่เลยพลอยหดหายพรพิสุทธิ์ยันตัวขึ้นแต่ยังใช้สองแขนคร่อมตัวไว้

“รู้จักความรักเหรอ” ดุจดาวเมินหน้าหนีเมื่อเจอคำถามยากๆ เธอรู้สึกได้ถึงความรักแต่ก็ยากที่จะอธิบายออกมา

“เด็กน้อยเอ้ย”พรพิสุทธิ์ยีหัวเด็กสาวจนยุ่งด้วยความเอ็นดูก่อนจะผละออกไปปล่อยเด็กสาวให้เป็นอิสระดุจดาวเองก็ดันตัวขึ้นมาทันที

“ความผิดเรายังติดตัวอยู่นะ พี่นึกวิธีลงโทษเราได้เมื่อไหร่ค่อยจัดการ”

แล้วเมื่อกี้ทำอะไรเธอไปตั้งเยอะแยะไม่นับว่าเป็นการลงโทษหรือไงแค่คิดแต่ไม่กล้าพูดภาวะเสียเปรียบแบบนี้พูดมากไปรังแต่ของจะเข้าตัว

“กลับมาแล้วครับ”เสียงของบอยดังขึ้นมาพรพิสุทธิ์จึงยอมรามือและเดินออกจากห้อง

“พี่แจนลามก”ดุจดาวพูดไล่หลังคนที่เดินออกไปเบาๆกลัวอีกฝ่ายได้ยินเดี๋ยวบานปลายก่อนจะเดินตามลงไป

พรพิสุทธิ์เห็นบอยหอบหิ้วข้าวของมาเต็มสองมือฟันธงอย่างมั่นอกมั่นใจว่าเจ้าน้องชายคงไปหลงคารมพวกขายตรงมาแล้วแน่ๆ กำลังจะอ้าปากด่าเรียกสติแต่คุณหนูจุ๊ปากห้ามไว้ก่อนกระซิบกระซาบว่าเรื่องนี้จะจัดการเองดุจดาวเดินไปทักทายคนวัยเดียวกันเพื่อสืบราชการลับ พรพิสุทธิ์เฝ้าดูจากระยะไกลรอดูฝีมือคุณหนูจอมป่วน

อ่าว…ยัยคุณหนูกำลังทำอะไรนั่น เขียนอะไร กรอกอะไร แถมมียื่นเงินให้อีก ไหนว่าจะไปสืบไหงเสียท่าไปสมัครกับมันเสร็จสิ้นดุจดาวก็เดินฮัมเพลงกลับมาอย่างอารมณ์ดี เป็นปฏิภาคกลับกับพี่สาวที่กำลังขัดเคืองใจเป็นเด็กแสบชิงเปิดประเด็นก่อน

“พี่แจนไม่ต้องห่วงบอยหรอกเขาก็แค่หารายได้พิเศษหนุกหนานกันไปน่า”

“แล้วไม่เคยได้ยินข่าวเรื่องบริษัทขายตรงหลอกลวงสมาชิกบ้างหรือไงเขาโกงกันออกโจ๋งครึ่มที่มากกว่านั้นบอยจะไม่เป็นอันเรียน เดี๋ยวสัมมนา เดี๋ยวอบรม ชีวิตจะวุ่นวายไม่สิ้นสุดแล้วหล่อนก็ยังจะไปสมัครอีกคน” พรพิสุทธิ์ค่อนไปในทางอคติมากกับธุรกิจMLM เธอเองก็เคยโดนหลอกให้ไปสมัครงานอยู่หลายที่ซ้ำบุคคลที่รู้จักที่ประกอบอาชีพนี้เธอไม่เห็นจะมีใครประสบความสำเร็จกันสักคนเห็นมีแต่หนี้สินที่งอกเงย

“ก็เค้าอยากช่วยเป็นกำลังใจเท่านั้นหรอกพี่แจนก็รู้ว่าเค้าจะไปฟังสัมมนาอะไรนั่นได้ยังไงเค้าต้องอ่านหนังสือหรือจะให้ไปเร่หาสมาชิกขายของ คุณหนูไฮโซผู้เลอโฉมจะไปทำอะไรแบบนั้นได้ยังไงเสียลุคแย่คิดซิคิด”

“ย่ะแม่คนรู้มากน้ำใจงาม ไม่มีอะไรแล้วก็ตามพี่ไปที่ห้อง” พรพิสุทธิ์ออกคำสั่งด้วยเสียงเรียบแต่เฉียบในทีเด็กสาวถึงกับเสียวสันหลังวาบ ตายละหวา…ตานี้พี่แจนจะมาไม้ไหนหนอไม่ใช่แบบก่อนหน้านี้นะ

“ได้เวลาต้องติวกันแล้วซินะ” กระนั้นก็ดีความฉลาดเฉลียวในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของคุณหนูดีเลิศเข้าขั้นยกเอาประเด็นนี้มาเป็นทางเลือกทางรอดให้ตัวเอง พรพิสุทธิ์ไม่ได้ว่าอะไร แต่เมื่อให้หลังก็เดินอมยิ้มขึ้นห้องไปเอ็นดูในความเฉลียวฉลาดดุจดาวทำให้เธอรู้สึกพราวในใจเสมอเมื่อได้ใกล้ชิด เมื่อได้รับความสำคัญ




 

Create Date : 05 มกราคม 2559    
Last Update : 5 มกราคม 2559 14:22:38 น.
Counter : 227 Pageviews.  

คนเค้าหวง

คุณหนูเอาแต่ใจออกอาการกระฟัดกระเฟียดทางสายตาเมื่อเห็น ติวเตอร์ส่วนตัวคุยกระหนุงกระหนิงกับแม่แก้มคนสวยซึ่งไม่พ้นโสตรับรู้ของพี่สาวที่นึกสนุกอยากแกล้งน้องน้อยเป็นกำลังก็เธอชอบให้เด็กหวง

“พี่แจนคะ คือแก้มอยากจะชวนพี่ไปทานข้าวเย็นค่ะแก้มรู้จักร้านอร่อยแถวนี้หลายร้าน” กรสุมาแค่อยากสานสัมพันธ์กับคนเก่งๆไว้ก็เท่านั้นเผื่อวันหนึ่งในอนาคตอาจจะต่อยอดในบางเรื่องได้

“ทานข้าวน่าจะไม่ได้แล้วค่ะเพราะมีนัดแล้ว และพี่ก็มีงานต่อด้วย เอาเป็นแค่เบาๆนั่งจิบกาแฟแล้วกันเนาะ”

“พี่แจน!เค้ารอนานแล้วนะ” มารยาทไม่ต้องมีมันแล้วคุณหนูอารมณ์ร้ายโพล่งทะลุขึ้นมากลางลำ เดินมาเกาะแขนพรพิสุทธิ์อวดลูกศิษย์หน้าสวยให้มันรู้เสียบ้างว่าใครเป็นใคร

“ดูน้องสาวพี่แจนจะหวงพี่สาวจังนะคะ” กรสุมาหลุดถามความในใจออกมา ลึกๆก็ชักหมันไส้ยัยเด็กจอมป่วนนี่แล้ว

“ไม่ใช่น้องค่ะ เป็นแฟน”

เหวอกันไป ทั้งพรพิสุทธิ์ และกรสุมา

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ แก้มอย่าเข้าใจผิด” เมื่อมีสติติวเตอร์สาวรีบแก้ต่างส่วนเจ้าตัวต้นเหตุกลับลอยหน้าลอยตาทำไม่รู้ไม่ชี้

“ขอตัวสักครู่นะคะ” พรพิสุทธิ์ดึงมือเด็กสาวออกไปกรสุมามองตามสองสาวเข้าใจในสิ่งที่ตนสงสัยก่อนหน้าว่าทำไมน้องสาวพี่แจนดูไม่ชอบเธอที่แท้ก็คู่รัก เซอร์ไพร้ส์จังที่พี่แจนเป็นเลสเป็นเพศตรงข้าม…

“ดาวพูดอะไรออกไปมันไม่ดีรู้มั้ยคนเขาจะเข้าใจผิดเอาได้”

“ดาวพูดอะไรผิด" เด็กสาวสบตาตรงไร้แววเดียงสา ที่ผู้ใหญ่นึกอยากจะจับไปฟัดซะให้เข็ดหลาบ

“ก็พูดออกมาได้ยังไงว่าเป็นแฟนพี่”

“พี่แจนเป็นปลาทองหรือไง ก็ตัวเองนอนร่วมเตียงกับเค้าสองคืนเต็มๆเลยนะทำเป็นลืม” ผู้ใหญ่ปวดหัวจี๊ดกับเหตุผลพามึน

“ยัยบ๊อง แล้วมันเกี่ยวกับเป็นแฟนกันยังไงไม่ทราบห๊ะ"

“เกี่ยวซิรู้ไว้ด้วยดาวไม่เคยนอนร่วมเตียงกับใคร” เด็กสาวยังแถไปเรื่อยแม้สีข้างจะถลอกเป็นแผลเหวอะหวะแล้วก็เถอะก็เธอมั่นใจว่าคำให้การของเธอเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีทั้งพนักงานอัยการและศาลรวมถึงสังคมต้องรับฟังและสงสารเหยื่อเช่นเธอจับจิต

“แต่เราไม่ใช่เจ้าชีวิตพี่นะ พี่มีสิทธิ์จะไปไหนกับใครก็ได้"

“ไม่ใช่วันนี้ แต่อีกไม่นานเค้าก็เป็น"ผู้ใหญ่ชักอ่อนใจกับเด็กที่เล่นไม่เลิกคิดแต่จะเอาชนะแล้วก็ชักจะแรงขึ้นทุกที

“พี่พูดจนปากเปียกปากแฉะแล้วว่าเขามาเรียนพี่ก็ทำตามหน้าที่ จบ courseแล้วก็ต่างแยกย้าย ทำไมเรื่องแค่นี้ไม่เข้าใจ"

“แล้วพี่แจนคิดแค่นั้นกับดาวด้วยใช่ป่าวพี่แจนฟันเค้าแล้วทิ้ง" เด็กยังเพ้อเจ้อไม่เลิก

“พูดบ้าอะไร แล้วทีกับผู้ชายที่บอกผ่านมาเป็นสิบไม่เห็นจะยี่หระจะมาอะไรกับพี่นัก" ก็ไม่อยากจะเอาประเด็นนี้ขึ้นมาพูดแต่ก็ต้องทำความเข้าใจกัน

“ก็…พวกนั้นไม่เหมือนพี่แจน”น้ำเสียงแผ่วเบาดั่งคนขาดความมั่นใจ คล้ายจะปล่อยโฮออกมา ชักมารยา 108เล่มเกวียนออกมาใช้ น้ำตาเปลี่ยนโลกมานักต่อนักแล้วร้อยทั้งร้อยแพ้น้ำตากันทั้งนั้น ตอนนี้พรพิสุทธิ์ชักไม่แน่ใจแล้วว่าจุดที่ตนยืนอยู่นี้มันดีจริงหรือไม่จากที่เพียงคิดหยอกแกล้งกันแต่กลับเป็นตัวเองที่เหมือนโดนแกล้งเสียเอง กรรมของเวรดาบนั้นคืนสนองทันใจจริงๆ

พรพิสุทธิ์เอามือทั้งสองของตนประกบไปที่ใบหน้านวลของเด็กที่กำลังงอแงจะเอาชนะให้ได้

“ฟังพี่นะคะคุณหนูดาว พี่รับปากเขาไว้แล้วแค่ดื่มกาแฟแก้วเดียวเอง ดาวอย่าให้พี่ต้องเสียผู้ใหญ่เพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องเลยนะเราไปกันเถอะ” ดุจดาวจำใจพยักหน้าแม้จะยังไม่พอใจแต่ก็กลัวว่ามันจะมากเกินไปจนกลายเป็นเด็กน่ารำคาญ ท้ายที่สุดพี่สาวก็ทนไม่ไหวฝ่ายพรพิสุทธิ์เข้าใจดีวิธีปราบเด็กเอาแต่ใจคือต้องเอาแต่ใจมากกว่า โดยใช้ร่างที่ใหญ่กว่าดันแม่ตัวดีกลับเข้าไปในสถาบันก่อนจะปั้นหน้าสวยบอกกับลูกศิษย์วัยไล่เลี่ยกันว่าพร้อมแล้ว

ที่ร้านกาแฟ ครูสอนพิเศษสุดสวยและลูกศิษย์หน้าหวานคุยกันถูกคอเรื่องส่วนใหญ่เป็นเรื่องกึ่งวิชาการที่ดุจดาวไม่เข้าใจด้วยรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกิน

“ความจริงแก้มไม่อยากเรียนต่อนักหรอกค่ะติดว่าขัดใจที่บ้านไม่ได้ นี่แก้มเองก็คันไม้คันมืออยากทำงานเต็มแก่แล้ว"หาเรื่องคุยไปเท่านั้นหรอกยัยจอมแอ๊บ ท่าทางหยิบโหย่งอย่างหล่อนดูปร๊าดเดียวก็รู้ว่าคงเอาดีได้แค่เรื่องเรียนเท่านั้นแหละคุณหนูคิดดูแคลนในใจ แต่พรพิสุทธิ์ยิ้มสวยให้กำลังใจ เธอเข้าใจความรู้สึกที่ว่านั้นดี

“เป็นปกติของคนจบใหม่ค่ะไฟแรงกันแทบทุกคนพี่เองก็เป็นค่ะ แต่แก้มเรียนต่อน่ะดีแล้ว สมัยนี้วุฒิสูงๆก็สำคัญและเป็นถึงระดับเจ้าของกิจการใหญ่โตจะรู้น้อยกว่าลูกจ้างก็อาจจะต้องเหน็ดเหนื่อยแสดงศักยภาพเพื่อเปิดใจการเรียนต่อในระดับสูง ตัววิชาความรู้มันเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งเท่านั้นค่ะที่สำคัญกว่านั้นมากคือมันช่วยให้เรามีกระบวนการทางความคิดที่เป็นระบบ รู้จักวิเคราะห์แยกแยะข้อมูลในเชิงลึกและอีกเรื่องที่สำคัญ คือเครือข่ายค่ะ การที่เราได้ไปเรียนในระดับสูงเราจะมีโอกาสได้พบเจอเพื่อนใหม่จากหลากหลายอาชีพที่อาจจะช่วยส่งเสริมต่อยอดธุรกิจของเราได้ ยิ่งหากมีกำลังการเรียนต่อต่างประเทศยิ่งเป็นสิ่งที่ควรมากๆเพราะระบบความคิดของฝรั่งไปไกลกว่ากะลาแลนด์บ้านเราหลายเท่านัก ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่พี่จะอวยหรือนิยมฝรั่งมังค่านะพี่พูดตามความเนื้อผ้า” กรสุมาจดจ่อสนใจฟัง รวมถึงเด็กสาวด้วยได้ฟังอะไรแบบนี้จากพี่สาวก็ยิ่งปลาบปลื้มภูมิใจในตัวพี่สาว

“ลองคิดง่ายๆว่าเมื่อเจ็ดร้อยกว่าปีก่อนเรามีสุโขทัยเป็นราชธานี เศรษฐกิจแบบพอเพียงออริจินอล แต่แก้มรู้ไหมคะว่าช่วงเวลาเดียวกันนั้นยุโรปเอาแค่ที่อังกฤษก็พอ เขามีมหาวิทยาลัยกันแล้ว อยากให้นึกถึง 3 tude ในการพัฒนาศักยภาพตนเองค่ะ ที่ไม่ใช่จู๊ดๆท้องเสียนะ” ติวเตอร์สาวพูดติดตลกเพื่อไม่ให้เบื่อกันไปเสียก่อน

“ข้อแรกคือ altitude ทัศนคติ เราต้องปรับทัศนคติให้เป็นคนของโลก (cosmopolitan) เมื่อทัศนคติได้ก็จะต้องยกระดับ aptitude คือทักษะความสามารถอะไรพร่องก็เติมเข้าไป ส่วนที่ขาดก็ส่งเสริม เมื่อ 2ประการข้างต้นพรักพร้อมเราจะได้มาซึ่งประการที่ 3 คือ altitude ระดับความสูง หมายถึงจุดที่เรายืนอยู่เหนือคนอื่นได้ เป็นยอดคนนั่นเอง"พรพิสุทธิ์ร่ายยาวแชร์ความคิดตนเอง แก้มอ้าปากหวอนั่นรวมถึงดุจดาวด้วยที่นั่งตาปริบๆพี่แจนล้ำมากเลย และแน่นอนเด็กแสบรู้แก่ใจดีว่าพี่แจนชอบคนที่เท่าทันกันพูดภาษาเดียวกัน กับยัยแก้มอะไรนี่จะใช่หรือเปล่านะ

“พี่แจนนี่วิสัยทัศน์เหมือนคนอายุสักสี่ห้าสิบเลยนะคะคือแก้มหมายถึงว่าดูเป็นผู้ใหญ่น่ะค่ะ ฉลาดแหลมคมมาก IQ EQ น่าจะสูงทะลุเพดานเลยแก้มอยากเป็นแบบนี้บ้างจัง อิจฉาค่ะอิจฉา" สาวหน้าหวานช่างเจรจารู้ช่องเอาใจคนเล่าก็พลอยมีความสุขตอนนี้คุณหนูจอมป่วนชักนั่งไม่ติดเก้าอี้ ก็ยัยหน้าสวย คอยหยอดคำหวานหูอยู่ตลอดไม่ได้การละปล่อยไปเรื่อยๆมีแต่นางจะเพิ่มคะแนนให้ตัวเอง

“สมัยนี้ดูแค่ 2 Q ไม่พอนะคะ มันต้องดูกันถึง Q ตัวที่ พรพิสุทธิ์ยังชวนคิดชวนคุยต่อ

“หืออะไรกันคะ Q ตัวที่ 7 แก้มไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย"เด็กสาวยิ่งฉงนหนักกว่า พรพิสุทธิ์ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ ยิ้มอ่อนๆก่อนจะเข้าสู่โหมดวิชาการต่อ

“มีงานวิจัยสรุปความฉลาดของมนุษย์เอาไว้7 ด้านค่ะ และเรียกขานกันสั้นๆให้เข้าใจว่าเป็น ความฉลาดทั้ง7 , 7 Quotients” กรสุมานัยน์ตาเป็นประกายตื่นเต้นกับเรื่องที่กำลังฟังพยักหน้าไหวๆให้ผู้รู้รีบเล่าต่อ ดุจดาวมองอย่างหมันไส้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

“IQ และ EQ คงรู้แล้วงั้นพี่ข้ามไปตัวที่สามเลยก็คือ CQ (creative Quotient) ค่ะเป็นความฉลาดในเชิงสร้างสรรค์เป็นพวก innovative คิดนอกกรอบ ไอเดียร์บรรเจิดสมองแล่นฉิวอะไรทำนองนั้น

Q ตัวที่ 4 คือ MQ (MoralQuotient) ความฉลาดในด้านศีลธรรมจริยธรรมแบบที่เขารณรงค์กันในตอนนี้ค่ะ คือเก่งไม่พอต้องเป็นคนดีด้วย

Q ตัวที่ 5 คือ PQ (Play Quotient)เป็นความฉลาดที่เกิดจากการเล่นข้อนี้เด่นชัดในวัยเด็กที่มีพัฒนาการทางสมองแต่พี่ว่าผู้ใหญ่ก็เล่นแล้วฉลาดขึ้นได้ เช่นพวก เกม puzzle ลับสมองต่างๆ

Q ตัวที่ 6 ก็คือ AQ (AdversityQuotient) ความฉลาดในการแก้ปัญหาค่ะฝรั่งเรียกคนที่ฉลาดแก้ปัญหาเก่งว่าเป็นพวก decisive ส่วนคนไทยเรียกว่าความเฉลียวแก้มคงเคยเห็นนักวิชาการที่อยู่บนหอคอยงาช้างใช่ไหมคะ คือคนพวกนี้จะเก่งแต่ตำรับตำราปฏิบัติเข้าจริงกลับตกม้าตายเพราะไม่รู้จักการประยุกต์ใช้ความรู้และไร้ซึ่งความสามารถในการเผชิญปัญหาหรือที่เขาชอบแซวกันขำๆว่า เป็นพวกทฤษฎีจัดแต่ปฏิบัติศูนย์

Q ตัวสุดท้ายก็คือ SQ (SocialQuotient) ความฉลาดในการเข้าสังคมไม่มีใครปฏิเสธการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้แน่นอนว่าคนเก่งจะต้องรู้จักบริหารความสัมพันธ์ การวางตัว มารยาททางสังคม

สรุปอีกทีว่าคนฉลาดจะต้องรอบรู้มิใช่เพียงแค่ความรู้จากตัวหนังสือหรือไปจำใครเขาพูดมาคนฉลาดที่สุดคือคนที่รู้ว่าตัวเองยังโง่ ยังต้องพัฒนาค่ะ”

“ความรู้สึกเหมือนฟังอาจารย์บรรยายในห้องเล็คเชอร์เลยสุดยอดเลย” กรสุมาชมเปาะจากใจ

“อ่านมากก็ได้รู้ได้เห็นมากค่ะ อีกหน่อยเมื่อแก้มได้ไปเปิดโลกก็จะมีเรื่องราวมาแชร์แบบนี้พี่เผลอๆจะมากกว่าพี่ด้วยซ้ำ”

“สาธุ ขอให้สมพรปากพี่แจนนะคะ” สองสาวส่งยิ้มสวยให้กัน ช่างขัดตา ขัดใจเด็กสาวนัก พรพิสุทธิ์เอียงหน้ามามองน้องน้อยที่นั่งซังกะตายจึงขอใช้ Adversity Quotient ความฉลาดในการแก้ปัญหาเข้าเสริมบรรยากาศให้ดีขึ้น

“พี่มีคำถามลับสมองประลองปัญญาค่ะ แต่ไม่ใช่ปัญหาเชาว์หรือมุกตลกห้าบาทสิบบาทนะจริงจัง! เริ่มจากแก้มกับดาวรู้ไหมว่าใครฉลาดที่สุดในวรรณกรรม3 ก๊ก”

“จูกัดเหลียง ขงเบ้งซิคะผู้หยั่งรู้ดินฟ้า เห็นจะไม่มีใครเกิน” สาวหวานตอบออกมาทันทีด้วยไม่คิดนานก็เรื่องนี้ขงเบ้งเป็นตัวเอก

“ผิดค่ะ ให้ตอบใหม่อีกที” คราวนี้เด็กแสบที่เคยหงอยเหงากลับดูมีชีวิตชีวาขึ้น โธ่เอ้ย ยัยจอมแอ๊บพี่แจนไม่ถามคำถามง่ายดายอย่างนั้นหรอกย่ะกรสุมาคิดอยู่ชาวอึดใจก็ตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสนเบาความมั่นใจหดหายไปกว่าครึ่ง

“โจโฉ นายกตลอดกาลมั้งคะ” พรพิสุทธิ์ส่ายหน้ายิ้มๆ แทนคำพูดว่าไม่ใช่ เตรียมจะเฉลยแต่…

“ก็คนแต่งไง หลอกว้านจง ฉลาดล้ำที่สุดแล้ว” คุณหนูจอมป่วนไวกว่าชิงตอบก่อน ช่างถูกใจคนเป็นพี่ พรพิสุทธิ์ลูบหัวเหม่งของเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู

“เก่งมาก แล้วบอกพี่ซิว่าทำไมถึงเป็นคนนี้”

“ก็คนแต่งเขาจับตัวละครเป็นพันตัวทั้งที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ประกอบกับตัวละครที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่มาร้อยเรียงด้วยบทสนทนาที่แยบคาย ทั้งกลศึกที่ซับซ้อนคนที่ดูฉลาดที่สุดในเรื่องก็มาจากมันสมองของคนแต่ง” คนตอบภาคภูมิใจในความรู้ของตนเองแต่ดูเหมือนกรสุมาจะไม่ได้ใส่ใจสิ่งที่เด็กสาวเจื้อยแจ้วนักเพราะรู้สึกเหมือนถูกหักหน้าหาทางออกให้ตัวเองโดยการชวนเปลี่ยนเรื่อง

“แก้มคงต้องพัฒนาตัวเองอีกเยอะเลยค่ะพี่แจนเก่งจังเลยนะคะ แถมสวยอีกต่างหาก ใครได้เป็นแฟนคงโชคดีที่สุดใน 3 โลกเลยค่ะ” กรสุมาชักใจเอนเอียงไปทางเสน่หาคุยกับพี่แจนไม่เท่าไหร่ก็รู้สึกว่าจะหลงเสน่ห์พี่แจนเข้าแล้ว ก็เธอชอบคนฉลาดก่อนหน้านี้เธอคงจะไม่รู้สึกอะไรแบบนี้ถ้ายัยเด็กแก่แดดนี่ไม่พรีเซ้นส์ตัวเองคงต้องงัดข้อกันซักตั้งแล้วหล่ะยัยเด็กเมื่อวานซืน!

“ชมเกินไปแล้วค่ะ เท้าพี่จะไม่ติดดินอยู่แล้วแก้มเองก็เถอะค่ะ สวยอย่างกะดารา ดีกรีก็ไม่เบา แบบนี้มาทั้งร้อยก็เก็บใช่รึป่าว”

อีกครั้งดุจดาวกลับมาเป็นตัวประกอบพี่แจนเองก็ดูยินดีไปกับเขา ใช่ซิ ก็หล่อนทั้งสวย แถมฐานะก็ไม่น่ากระจอกและที่สำคัญอยู่กับแม่นี่ก็คงจะไม่น่าเบื่อเหมือนอยู่กับเด็กเอาแต่ใจอย่างเธอ

จะเอาไงดี จะเดินสะบัดก้นออกมาเฉยๆ แต่มันก็เท่ากับเธอประกาศยอมแพ้สงครามครั้นจะนั่งอยู่ต่อ แต่ก็เป็นเพียงอากาศธาตุที่เขาไม่แยแส แต่เราจะมาแพ้ยัยหน้าสวยจอมแอ๊บเนี่ยนะ

ใช่! มารยามีตั้ง108 เล่มเกวียณ

“อูย เสียงของคุณหนูจอมป่วนดึงความสนใจจาดพรพิสุทธิ์เมื่อหันมองก็ได้เห็นน้องน้อยเอามือกุมท้องร้องโอดโอยหน้าเหยเกแสดงถึงความเจ็บปวด

“เป็นอะไรยัยดาว”พรพิสุทธิ์ตกใจ รีบดูอาการ

“ดาวปวดท้อง ยาก็ลืมไว้บ้านพี่แจน”

“งั้นก็ต้องรีบกลับบ้านกันซินะ”ดุจดาวพยักหน้าน้อย เซื่องซึมผิดวิสัยจนผู้ใหญ่ใจคอไม่ดี แต่กรสุมานี่ซิแตกต่างเพราะคิดว่าเท่าทัน

มารยา!

พรพิสุทธิ์หันมาล่ำลาลูกศิษย์หน้าหวานก่อนจะประคองร่างที่บางกว่าเดินออกไป

“แวะหาหมอก่อนไหม” ผู้ใหญ่อาทร

“ไหวสิ กินยาก็หายแล้ว”

“อ่อ”พรพิสุทธิ์พยักหน้าน้อยๆเป็นการรับทราบ ก่อนจะกลับไปมีสมาธิอยู่กับการขับรถอยากจะเหยียบสัก 120 จะได้ถึงบ้านเร็วๆใจเป็นกังวลว่าน้องน้อยจะเป็นอะไรมาก

เมื่อถึงบ้านพรพิสุทธิ์ประคองคนป่วยเข้าบ้านตรงขึ้นไปบนห้องทันทีกะว่าทานยาแล้วจะได้นอนพัก

“ยาอยู่ไหน เดี๋ยวพี่ไปหยิบให้” พรพิสุทธิ์ถามขึ้นเมื่อส่งคนป่วยถึงเตียงแล้ว

“ยา เอ่อ …” ดุจดาวอึกอักเจออาการแบบนี้พรพิสุทธิ์ก็ถึงบางอ้อทันที

หึ! เด็กแสบยังไงก็เป็นเด็กแสบวันยังค่ำ

“โกหกพี่ใช่มั้ย” ตาคมคาดคั้นเอาความ

“คือ…”เด็กสาวหน้าซีดสลดไป เมื่อเห็นอีกฝ่ายดูจริงจัง

“เค้าขอโทษ ก็ถ้าไม่ใช้วิธีนี้พี่แจนคงคุยกับยัยหน้าหวานยันร้านปิดแน่ๆ”

“ก็ใช่ที่พี่อาจจะคุยติดลมไปหน่อย แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่ดาวจะเป็นเด็กเลี้ยงแกะได้อย่างถูกต้องนะ"ก็เข้าใจเด็กนะ แต่ว่าผ่อนปรนให้จะยิ่งได้ใจ

“รอลงอาญาก่อนได้มั้ยอ่ะ" เด็กน้อยต่อรอง

“ไม่ได้!" พี่สาวเสียงแข็ง

“แล้วพี่แจนจะลงโทษอะไรดาว” ให้รู้ก่อนว่าจะลงโทษอะไรแล้วค่อยต่อรองอีกทีกับพี่แจนแค่ออดอ้อนหวานๆนิดหน่อยก็ใจอ่อนแล้ว

“นั่นซิ พี่จะลงโทษอะไรเด็กเลี้ยงแกะดีน้า” ไม่พูดเปล่า หญิงสาวร่างสูงเดินเข้าไปใกล้ใช้ 2แขนคร่อมร่างจำเลยไว้ ตอนนี้หน้าของทั้งสองสาวอยู่ในระยะที่ลมหายใจเป่าถึงที่เด็กสาวกำลังพยายามเอนไปด้านหลังเพื่อหลีกหนีรู้สึกแปลกๆเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย

“พี่ พี่แจนจะทำอะไรดาวอ่ะ” นัยน์ตาสั่นระริกเป็นกังวลต่างกับเด็กสาวจอมซ่าคนเดิมยิ่งปลุกเร้าให้ผู้ใหญ่อยากรุกไล่กลั่นแกล้ง

“ดาวอยากเป็นแฟนพี่ไม่ใช่เหรอ คนเป็นแฟนกันเขาก็ทำกันแบบนี้”

อ่าว… อยู่ๆผู้ใหญ่เปลี่ยนประเด็นเฉยเลย

“แต่เค้ายังเด็กอยู่นะและที่พูดไปแบบนั้นเพราะไม่อยากให้พี่ไปใกล้ชิดกับใครต่างหากเล่าเค้าผูกขาด” ตานี้เด็กสาวต้องยกมือขึ้นพร้อมยันอีกฝ่ายที่รุกไล่เข้าใกล้มากขึ้นทุกทีแต่คิดเหรอว่า 2 มือน้อยๆแค่นี้จะเอาผู้ใหญ่จอมขี้แกล้งอยู่ร่างที่แข็งแรงกว่าดันร่างของเด็กสาวหงายราบไปบนที่นอนจนได้

“อุ่ยดุจดาวยิ่งขวัญกระเจิงกระเจิงเมื่อแผ่นหลังของตนสัมผัสกับที่นอนนี่พี่แจนเป็นบ้าไปแล้วหรือไง ทำไมยังเล่นไม่เลิก

“เป็นอะไรไป ตัวสั่นเชียว หนาวเหรอ” พรพิสุทธิ์ทำตาใสซื่อหยอกเย้าไม่ดูอารมณ์เด็กก่อนจะทิ้งตัวลงไปบนร่างของเด็กสาวจากที่แค่คิดจะแกล้งกันแต่ตอนนี้เธอเองก็หวั่นไหวใจเต้นรัวไม่แพ้กันก็เธอไม่ใช่พระอิฐพระปูนสักหน่อยเด็กดาวเองก็ใช่ว่าจะขี้ริ้วขี้เหร่ ไม่ซิสวยมากเลยแหละ และความใกล้ชิดที่มันชิดจนแนบนี้กำลังบอกเธอว่า ‘ดุจดาวไม่ใช่เด็กแล้ว’

“ไหนเมื่อเช้าคุยว่าผ่านผู้ชายมาเป็นสิบไงจะผ่านพี่อีกสักคนจะเป็นไรไป” จึก! ดาบนั้นคืนสนอง

“พี่แจนลามก หื่นกาม” เมื่อรู้ความคิดร้ายๆของผู้ใหญ่เด็กจึงออกฤทธิ์อาละวาดแบบไม่เกรงใจสองมือน้อยๆทั้งผลักทั้งดันผู้ใหญ่หน้าสวยที่กำลังเป็นจอมฉวยโอกาส

“ปล่อยเค้าเดี๋ยวนี้นะคนลามก” เด็กน้อยแผลงฤทธิ์จนผู้ใหญ่รำคาญ สองมือน้อยๆจึงถูกรวบและตรึงไว้หนาแน่นเกินอีกฝ่ายจะขัดขืนได้

“พี่แจนอ่ะ”ดุจดาวเสียงอ่อยเมื่อสิ้นฤทธิ์หมดทางสู้

“อะไร”ยังมีอารมณ์ต่อความกับเด็ก

“พี่แจนรักเค้าเหรอ”

หือ… ถามยากขนาดนี้ใครจะตอบได้

“ก็ไหนว่าชอบง่ายๆแบบน้ำแตกแล้วแยกกันไปไงแล้วทำไมตอนนี้ถึงต้องการเหตุผลอะไรมากมายนัก”

“ก็ตอนนั้นมันไม่เหมือนตอนนี้”

“แล้วมันต่างกันยังไง”

“ก็ตอนนี้ดาวอยากได้ความรัก” เมื่อเด็กเข้าโหมดจริงจัง อารมณ์อยากแกล้งของผู้ใหญ่เลยพลอยหดหายพรพิสุทธิ์ยันตัวขึ้นแต่ยังใช้สองแขนคร่อมตัวไว้

“รู้จักความรักเหรอ” ดุจดาวเมินหน้าหนีเมื่อเจอคำถามยากๆ เธอรู้สึกได้ถึงความรักแต่ก็ยากที่จะอธิบายออกมา

“เด็กน้อยเอ้ย”พรพิสุทธิ์ยีหัวเด็กสาวจนยุ่งด้วยความเอ็นดูก่อนจะผละออกไปปล่อยเด็กสาวให้เป็นอิสระดุจดาวเองก็ดันตัวขึ้นมาทันที

“ความผิดเรายังติดตัวอยู่นะ พี่นึกวิธีลงโทษเราได้เมื่อไหร่ค่อยจัดการ”

แล้วเมื่อกี้ทำอะไรเธอไปตั้งเยอะแยะไม่นับว่าเป็นการลงโทษหรือไงแค่คิดแต่ไม่กล้าพูดภาวะเสียเปรียบแบบนี้พูดมากไปรังแต่ของจะเข้าตัว

“กลับมาแล้วครับ”เสียงของบอยดังขึ้นมาพรพิสุทธิ์จึงยอมรามือและเดินออกจากห้อง

“พี่แจนลามก”ดุจดาวพูดไล่หลังคนที่เดินออกไปเบาๆกลัวอีกฝ่ายได้ยินเดี๋ยวบานปลายก่อนจะเดินตามลงไป

พรพิสุทธิ์เห็นบอยหอบหิ้วข้าวของมาเต็มสองมือฟันธงอย่างมั่นอกมั่นใจว่าเจ้าน้องชายคงไปหลงคารมพวกขายตรงมาแล้วแน่ๆ กำลังจะอ้าปากด่าเรียกสติแต่คุณหนูจุ๊ปากห้ามไว้ก่อนกระซิบกระซาบว่าเรื่องนี้จะจัดการเองดุจดาวเดินไปทักทายคนวัยเดียวกันเพื่อสืบราชการลับ พรพิสุทธิ์เฝ้าดูจากระยะไกลรอดูฝีมือคุณหนูจอมป่วน

อ่าว…ยัยคุณหนูกำลังทำอะไรนั่น เขียนอะไร กรอกอะไร แถมมียื่นเงินให้อีก ไหนว่าจะไปสืบไหงเสียท่าไปสมัครกับมันเสร็จสิ้นดุจดาวก็เดินฮัมเพลงกลับมาอย่างอารมณ์ดี เป็นปฏิภาคกลับกับพี่สาวที่กำลังขัดเคืองใจเป็นเด็กแสบชิงเปิดประเด็นก่อน

“พี่แจนไม่ต้องห่วงบอยหรอกเขาก็แค่หารายได้พิเศษหนุกหนานกันไปน่า”

“แล้วไม่เคยได้ยินข่าวเรื่องบริษัทขายตรงหลอกลวงสมาชิกบ้างหรือไงเขาโกงกันออกโจ๋งครึ่มที่มากกว่านั้นบอยจะไม่เป็นอันเรียน เดี๋ยวสัมมนา เดี๋ยวอบรม ชีวิตจะวุ่นวายไม่สิ้นสุดแล้วหล่อนก็ยังจะไปสมัครอีกคน” พรพิสุทธิ์ค่อนไปในทางอคติมากกับธุรกิจMLM เธอเองก็เคยโดนหลอกให้ไปสมัครงานอยู่หลายที่ซ้ำบุคคลที่รู้จักที่ประกอบอาชีพนี้เธอไม่เห็นจะมีใครประสบความสำเร็จกันสักคนเห็นมีแต่หนี้สินที่งอกเงย

“ก็เค้าอยากช่วยเป็นกำลังใจเท่านั้นหรอกพี่แจนก็รู้ว่าเค้าจะไปฟังสัมมนาอะไรนั่นได้ยังไงเค้าต้องอ่านหนังสือหรือจะให้ไปเร่หาสมาชิกขายของ คุณหนูไฮโซผู้เลอโฉมจะไปทำอะไรแบบนั้นได้ยังไงเสียลุคแย่คิดซิคิด”

“ย่ะแม่คนรู้มากน้ำใจงาม ไม่มีอะไรแล้วก็ตามพี่ไปที่ห้อง” พรพิสุทธิ์ออกคำสั่งด้วยเสียงเรียบแต่เฉียบในทีเด็กสาวถึงกับเสียวสันหลังวาบ ตายละหวา…ตานี้พี่แจนจะมาไม้ไหนหนอไม่ใช่แบบก่อนหน้านี้นะ

“ได้เวลาต้องติวกันแล้วซินะ” กระนั้นก็ดีความฉลาดเฉลียวในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของคุณหนูดีเลิศเข้าขั้นยกเอาประเด็นนี้มาเป็นทางเลือกทางรอดให้ตัวเอง พรพิสุทธิ์ไม่ได้ว่าอะไร แต่เมื่อให้หลังก็เดินอมยิ้มขึ้นห้องไปเอ็นดูในความเฉลียวฉลาดดุจดาวทำให้เธอรู้สึกพราวในใจเสมอเมื่อได้ใกล้ชิด เมื่อได้รับความสำคัญ




 

Create Date : 05 มกราคม 2559    
Last Update : 5 มกราคม 2559 14:22:38 น.
Counter : 592 Pageviews.  

ไขปริศนา

ของสำหรับใส่บาตรจัดไว้สามชุดดุจดาวกุลีกุจอมาช่วยถือออกมารอพระสงฆ์ที่หน้าบ้านด้วย อากาศยามเช้าหลังฝนปรอยเย็นสบายเสริมให้จิตใจของทั้งสองสาวยิ่งผ่องแผ้วเป็นกุศล

“นิมนต์เจ้าค่ะ”พรพิสุทธิ์นิมนต์พระสงฆ์มี 3รูปพอดิบพอดีรูปสุดท้ายเป็นหลวงอาพระผู้ใหญ่แก่พรรษาที่คุ้นเคยเห็นพรพิสุทธิ์มาตั้งแต่ยังเดินกระเตาะกระแตะหลังจากที่ใส่บาตรและรับพรแล้ว หลวงอาได้หยุดสนทนาธรรมด้วย

“อายุเท่าไหร่แล้วโยม”

“ยี่สิบห้าเจ้าค่ะหลวงอา”

“ตามโบราณเขาว่าไม่ดีซินะแต่อาตมาว่าหากไม่ดีจริงเขาคงข้ามจากยี่สิบสี่ไปเป็นยี่สิบหกเลย” พระผู้ใหญ่เทศนาเป็นข้อคิดพรพิสุทธิ์ค้อมศีรษะรับ

”ได้ข่าวจากโยมแม่เมื่อต้นปีว่าโยมกำลังจะเรียนจบแล้วตอนนี้ทำงานทำการอะไร”

“เพิ่งได้งานเป็นอาจารย์ที่สถาบันกวดวิชาเมื่อสองสามวันนี้เองเจ้าค่ะ”

“ครูบาอาจารย์เป็นสัมมาอาชีพที่สร้างบุญสร้างกุศลในตัวเองและช่วยนำพาชีวิตให้เจริญรุ่งเรื่องได้ดีหากยึดมั่นถือมั่นในจรรยาบันและมีจิตที่เมตตา เจริญสติภาวนาบ้างนะโยมเพื่อสร้างเสริมปัญญาและบารมีการใดก็ดีโยมจงได้ไตร่ตรองก่อนที่จะพูดและกระทำการทั้งปวง เจริญพร” พรพิสุทธิ์และดุจดาวก้มลงกราบพร้อมกัน หลวงอามองเลยสองสาวออกไปแววตาเปี่ยมล้นด้วยเมตตาธิคุณ

“ไม่ต้องกังวลหรอกนะโยมคนที่อาวรณ์เขายังเฝ้าตามปกป้องดูแลไม่ห่าง โยมเป็นเด็กดีพึงตั้งมั่นเอาเป้าหมายเป็นหลักชัย ตั้งใจปฏิบัติตามหน้าที่ภายหน้าจะเป็นที่พึ่งพิงของบุพการี” หลวงอากล่าวกับดุจดาวก่อนจะเดินจากไป

“ใครที่คิดถึงหลวงอาหมายถึงใคร” พรพิสุทธิ์หันมาซักไซ้คุณหนูจอมป่วนแต่ดุจดาวพลิ้วเช่นเคยเดินลอยลมเข้าบ้านไปหน้าตาเฉย

“เดี๋ยวสิกลับมาคุยให้รู้เรื่องก่อน นี่ๆแล้วทำไมไม่ช่วยพี่ถือของ” พรพิสุทธิ์ทำได้แค่บ่นกระปอดกระแปดแต่ก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านก็ไม่ลืมที่จะกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับทุกสรรพสิ่งรวมถึงเดือนดารา

“ขอบคุณมากนะ”เป็นเสียงที่แทรกเข้ามาในโสตรับรู้พรพิสุทธิ์ยิ้มหวานให้เพื่อนที่ไร้ตัวตนเป็นปลื้มที่รู้ว่าบุญกุศลที่ตั้งใจทำให้ครั้งนี้ delivery ถึงเจ้าตัวเป็นแน่แท้

“สบายอยู่แล้วแต่อาหารไทยยังพอทำเนานะ ถ้าอาหารฝรั่งต้องขอบายเพราะต้นทุนในการผลิตสูง อิอิ”สาวสวยอารมณ์เบิกบานเดินเข้ามาในบ้าน ที่โต๊ะอาหารคุณหนูจัดแจงช่วยเหลือตัวเองตักข้าวใส่จานใบสวยและเผื่อแผ่พี่สาวด้วยก่อนจะนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อรอ

“หือ…วันนี้พี่มีคุณหนูไฮโซมาบริการถึงบ้านรึเนี่ย” ติวเตอร์สาวหยอกเย้าเสียดสีเล็กๆ

“ก็บอกแล้วไงเค้าไม่ใช่คนหยิบโหย่งนะ ทำได้ทุกอย่างแหละถ้ามีโอกาสได้ทำ”

“แล้วจะอยากทำไปทำไมในเมื่อมีคนพร้อมทำให้อยู่แล้ว” อันนี้เธอสงสัยจริงๆ

“ก็เค้าอยากดูแลคนอื่นบ้างไงเล่า แค่นี้ก็ไม่รู้ไม่คุยแล้ว หิวจะแย่” จากนั้นเด็กสาวก็หันไปให้ความสนใจกับเมนูสุดโปรด เหมือนจะเป็นบาปเป็นกรรมหากเธอจะเข้าไปขัดจังหวะคนหิวจึงยอมสงบปากชั่วคราว

“อร่อยมั้ย” แม่ครัวเฉพาะกิจลุ้นในคำตอบ ส่วนน้องน้อยจะทำหน้าฟินแทนคำตอบ

“แต่ออกเค็มไปนิดนึง”พรพิสุทธิ์รีบฝานมะนาวมาเสี้ยวหนึ่งบีบใส่ชามเพื่อตัดรสก่อนจะออกตัว

“ครั้งแรกก็แบบนี้สงสัยหนักมือไปหน่อย ไหนขอชิมบ้างสิ” ช้อนก็อยู่ในมือตัวเองนะแต่กลับไม่ขยับเขยื้อนก็อยากให้เด็กเอาใจบ้างไรบ้าง ดุจดาวทำเป็นไม่เข้าใจ ก้มหน้าสนใจอาหารในจาน

แง่ว…

พรพิสุทธิ์รู้สึกเหมือนขับสิบล้อแหกโค้ง หน้าแตกเพราะไม่ได้รับความร่วมมือ

“ตักเองก็ได้”ผู้ใหญ่พึมพำกับตัวเอง

“ขมอ่ะ”

“ขมอะไร อร่อยออกลิ้นพี่แจนมีปัญหาแล้ว”

“เหรอ หรือว่าเป็นที่ช้อน” ดุจดาวเสียรู้รีบใช้ช้อนของตนตักน้ำแกงให้อีกฝ่ายชิมห่วงใยหากลิ้นพี่สาวจะมีปัญหาขึ้นมาจริงๆ

“หูว…อร่อยมากอย่างกับได้ขึ้นสวรรค์” ตานี้เด็กรู้แล้วว่าหลงกล

“พี่แจนอ่ะ เป็นครูบาอาจารย์ทำไมถึงเจ้าเล่ห์แสนกลนัก”

“ตอนนี้เป็นพี่แจนของน้องดาวต่างหาก” พรพิสุทธิ์รุกไล่นัยน์ตาวิบวับเป็นประกายทำเจ้าชู้ยักษ์ใส่เด็ก ร้ายกาจนักก็ต้องปราบกันแบบนี้แหละ

“เจ้าชู้ใส่เค้าเหรอ” เจอเด็กสู้สายตาแถมวาจายังไม่มียอมลงให้ทำเอาผู้ใหญ่เหวอไปเลยทีเดียวเธอกำลังต่อกรอยู่กับเด็กปีศาจชัดๆ

“ทำอะไรทาน หอมจัง” เสียงบอยดังขึ้นขัดจังหวะ ทำให้สองสาวยอมสงบคำต่อกันชั่วคราว บอยเดินหล่อออกมาจากห้องตรงเข้าไปหาสองสาว

“พี่แจนบอยขอโทษพอดีเมื่อคืนเจอรุ่นพี่ที่โรงเรียนเก่า เขาชวนคุยเรื่องงานพิเศษก็เลยมีสังสรรค์กันเล็กน้อย”บอยรีบแถลงไขเรื่องเมื่อคืนตระหนักรู้ว่ามันคือความผิดแต่พรพิสุทธิ์ยังนิ่งเงียบจนบรรยากาศชักมาคุ คุณหนูเลยช่วยผ่อนคลายสถานการณ์ด้วยการตักหอยลายมาแกะเอาแต่เนื้อป้อนให้พี่สาวทำเป็นเอาอกเอาใจที่ความจริงคือหวังปิดปากก่อนจะเอ่ยปากชวนเพื่อนชายวัยเดียวกันให้มาร่วมโต๊ะกินโป๊ะแตกก่อนที่วงจะแตก พรพิสุทธิ์เคี้ยวจนหมดคำนั่นพอจะทำให้ความขุ่นมัวสลายลงไปบ้าง

“ถ้ารู้สึกผิดจริงๆพี่ก็ไม่ว่าอะไร แต่ต่อไปอย่าไปเมามายไร้สติแบบนี้อีกดื่มดูกำลังตัวเองด้วย หรือถ้าอยากจะเมาให้เต็มที่ก็หาที่หลับนอนซะเมาแล้วกลับบ้านมันอันตราย ประเดี๋ยวจะได้ใบมรณะบัตรก่อนใบปริญญา” น้ำเสียงเรียบเย็นแต่แฝงความเฉียบขาด

“ครับ” บอยหย่อนกายลงนั่งจากสีหน้าจ๋อยเจื่อนและอาการเซื่องปนซึมบ่งบอกว่าสำนึกผิดและคิดได้

“รีบทานข้าวซะ จะได้ออกไปพร้อมกัน”

“วันนี้ผมลงหน้าปากซอยนะครับจะไปหารุ่นพี่เขาจะฝากงานให้”

“งานอะไรไม่ใช่โดนเขาหลอกไปเป็นเด็กส่งยานะ ดูดีๆ” พี่สาวมองในแง่ร้ายสุดๆไว้ก่อนเจ้าน้องชายตัวดีก็ออกจะแสนซื่อค่อนไปทางบื่อไม่ทันคนเลยด้วยซ้ำ

“เป็นงานออฟฟิศน่ะพี่เย็นนี้พี่เขาให้เข้าไปนั่งฟังจะมีบรรยายที่โรงแรมอะไรสักอย่างพี่เขายังฝากมาชวนให้ไปกันเยอะๆด้วย” จริงแท้หรือไม่ไม่รู้แต่เธอชักได้กลิ่นตุๆ คุ้นๆว่ามันเป็นวิธีการของธุรกิจขายตรงแต่ก็นะเด็กมันอยากรู้อยากลองก็ต้องปล่อยผ่านไปก่อน ห้ามปรามตอนนี้มันจะติดค้างคาอยู่ในใจไปยืดยาว ต้องให้ไป ให้ได้รู้

“น่าสนใจจังดาวอยากทำงานโรงแรมบ้าง” ดุจดาวพลอยตื่นเต้นยินดีไปกับเพื่อนด้วยรอยยิ้มที่เคยกว้างขวางของบอยเปลี่ยนไปเป็นยิ้มแห้งๆทันที ก็มันไม่ใช่งานโรงแรมอย่างที่เพื่อนสาวเข้าใจหากแต่ไปฟังงานที่โรงแรมเท่านั้นเอง

class วันที่3 เป็นไปตามปกติ เด็กๆยังนั่งหน้าสลอนกันเต็มห้อง บ่งบอกถึงคุณค่าในตัวผู้สอน พรพิสุทธิ์กวาดสายตาไปจนถึงมุมห้องหลังสุดเห็นสาวชุดแดงนั่งอยู่วันนี้จัดเต็มกว่าเดิมด้วยชุดแซกแดงล้วนมีซิปตรงกลางตัวอักษรโรมัน C ไขว้กันเป็นโลโก้แบรนด์ Chanel สุดหรู fashionista ตัวแม่จริงๆ วันนี้ตากลมโตของหล่อนฉายแววสุขสันต์ผิวพรรณดูมีออร่าเปล่งประกายไม่ซีดขาวอย่างเคย ครั้งก่อนที่เจอว่าแจ่มแล้ว แต่ตอนนี้มันโคตรแจ่มเลยต่างหากติวเตอร์สาวยิ้มหวานส่งให้นัยน์ตาดูเป็นประกายพิเศษ จนเด็กหวงติวเตอร์ส่วนตัวชักผิดสังเกตก็เวลาพี่แจนเจอคนสวยทีไรก็ออกอาการแบบนี้ทุกที ชิส์!คนเจ้าชู้ประตูดิน สาววัยซนอดไม่ได้ที่จะเอี้ยวตัวหันไปมอง

ดุจดาวใจหายวาบกับสิ่งที่เห็นเกือบหลุดร้องออกมาด้วยความตกใจดีที่ยั้งไว้ทันก่อนที่จะหันกลับมาหน้าตาตื่น ลุกลี้ลุกลนก้นไม่ติดเบาะ พรพิสุทธิ์เห็นผิดสังเกตด้วยความเป็นห่วงน้องน้อยจึงส่งสายตาถามว่าเป็นอะไรเด็กสาวส่งสัญญาณมือตอบกลับว่า โอเค การสอนจึงดำเนินไปต่อ

เมื่อหมดเวลาเรียน พรพิสุทธิ์ตั้งใจจะเข้าไปถามสาวชุดแดงที่หลังห้องว่าเมื่อวานทำไมไม่เข้าเรียนแต่ก็ติดที่เด็กคนอื่นๆเข้ามารุมล้อมต่างเอาสิ่งที่สงสัยมาปรึกษาหารือไม่นับรวมถึงเอาวิชาอื่นมาถามอีกด้วยจนกระดิกกระเดี้ยตัวไปไหนไม่ได้ ส่วนดุจดาวแยกจากกลุ่มเพื่อนออกมานั่งรอพี่สาวด้านนอก

กว่าจะเคลียร์คิวจากเด็กๆก็กินเวลาไปเกือบยี่สิบนาทีเมื่อมองไปที่หลังห้อง แหงหล่ะ ตอนนี้จะมีใครอยู่ ทั้งห้องเหลือแต่เก้าอี้ว่างเปล่าไว้ให้ดูต่างหน้าสายตามองไปยังที่นั่งของเจ้าแม่แฟชั่นสะดุดกับอะไรบางอย่าง น้องเขาลืมนาฬิกาไว้บนโต๊ะพรพิสุทธิ์เดินตรงรี่มาที่โต๊ะหยิบนาฬิกาขึ้นดูมันคือนาฬิกา Paneraiแบบ unisex สายหนังสุดหรู เธอรู้จักเพราะเคยเห็นในinternet หรอก ไม่เคยคิดว่าชีวิตจริงจะมีวาสนาได้สัมผัสมันและของราคาเรือนแสนทำไมถึงมาวางทิ้งไว้กลางโต๊ะดั่งเป็นของไร้ค่าแบบนี้ แต่คิดไปก็ไล้ฟบอยแถมไม่ใช่เรื่องติวเตอร์สาวเจ้าของคลาสจึงนำเอานาฬิกาไปฝากไว้กับพี่หยกเพื่ออำนวยความสะดวกหากเมื่อเจ้าของเขานึกได้แล้วกลับมาเอา

“ฉันให้เธอ” เสียงที่คุ้นเคยแทรกเข้ามาในโสตรับรู้ พรพิสุทธิ์คลี่ยิ้มออกมาด้วยความยินดีเปล่าเลย มันไม่ใช่ความยินดีที่ได้ของสวยงามราคาแพง แต่เพราะเธอได้คำตอบในบางเรื่องแล้วต่างหากนี่คือบทสรุปที่ชัดเจนว่า เดือนดารากับสาวไฮโซชุดแดงคือวิญญาณตนเดียวกันแล้วผีแม่ลูกล่ะ?

“พี่แจนทำไมช้าจังเค้ารอนานมากแล้วนะ” เสียงขุ่นเคืองของคุณหนูเอาแต่ใจดังลั่นห้องพาให้คนที่กำลังอยู่ให้ห้วงความคิดสะดุ้งน้อยๆ

“ขวัญเอ๋ยขวัญมานะคะ” ดุจดาวรู้สึกผิดที่ทำให้อีกฝ่ายตกใจรีบเดินเข้าไปปลอบโยนใกล้

“อะไรคะ”เด็กสาวสนใจของในมือพี่สาว

“อ๋อ Panerai”ไม่แปลกหรอกที่ดุจดาวจะรู้จักเพราะคุณค่าและเงินในกระเป๋านั้นคู่ควร แต่มันแปลกที่ลูกศิษย์จอมป่วนมีอาการตื่นเต้นเกินเหตุกับของในมือเธอเมื่อตอนเรียนก็มีท่าทีแปลกๆแบบนี้ทีนึงแล้ว

“เป็นอะไรไป” คนถูกถามพยายามเก็บอาการอึกอัก

“อ๋อ เค้าแค่ตกใจ ก็นาฬิกาแบบนี้ในเมืองไทยจะมีสักกี่เรือนเรือนนี้เหมือนกับที่คุณแม่มีเป๊ะๆเด๊ะๆ นี่ถ้าคุณแม่มาเห็นนะ ท่านต้องรีบขายหรือจ่ายแจกของท่านทิ้งแน่ๆ”เด็กสาวเปลี่ยนประเด็นให้ไกลจากเรื่องที่ทำให้ใจตนเต้นแรง

“ขนาดนั้นเลย คนรวยนี่คิดอะไรแปลกๆนะ”

“ก็ใช่น่ะซิ เสียเงินไม่ว่าแต่เสียหน้ามันยอมกันไม่ได้จริงๆ” ดุจดาวรีบดึงมือพี่สาวออกมาจากห้อง

“แต่ก็นะมีเงินซะอย่างอยากทำอะไรก็ทำ” พรพิสุทธิ์ไม่ยี่หระกับคนรวย

“รอพี่แป็บนะ เดี๋ยวพี่ไปล้างมือก่อน” ดุจดาวฉวยเอากระเป๋าพี่สาวมาถือแสดงความเป็นเจ้าของ ชั่วโมงนี้ไม่ว่าจะเป็นเจ๊อึ๊มหรือลูกศิษย์คนอื่นๆ ควรจะรู้ซะบ้างว่าใครเป็นคนสำคัญของพี่แจน ชิส์

“เอามาให้ฉันทำไมของแพงขนาดนี้ไม่เหมาะกับฉันหรอกมันจะดูหมดราคาซะเปล่าๆ” ระหว่างล้างมือพรพิสุทธิ์พูดขึ้นมาลอยๆเมื่อแน่ใจว่าตนอยู่ลำพังเมื่อเงยหน้าขึ้นมองเข้าไปในกระจกก็ปรากฏร่างในชุดขาวขึ้นขัดเคืองใจเล็กๆที่หล่อนชอบทำให้ให้ใจหาย

“หลอนนะนี่” แต่ตอนนี้ก็เริ่มๆจะชินบ้างแล้วเพราะผีสาวไม่ได้มาร้ายแถมยังช่วยชีวิตเธอไว้หลายครั้งและที่สำมะคัญคือนางน่าฮักเอ้ย! น่ารัก ถ้า ดุจดาวได้มาล่วงรู้ความคิดเข้าคงจะได้ต่อว่ากันแน่ๆว่ากับผีก็ยังจะเจ้าชู้

“เก็บไว้เถอะ” วิญญาณผีสาวยังคงยืนยันเจตนารมณ์

“ได้โปรดบอกฉันหน่อยเถอะว่าเธอต้องการอะไร” ติวเตอร์สาวเปิดน้ำล้างมือไปพลาง ปากก็พร่ำพูดกับเพื่อนต่างมิติเสมือนว่ามีตัวตนอยู่ข้างๆ

“ฉันเตือนเธอแล้ว ให้อยู่ห่างๆแต่เธอก็ยังดื้อ จากนี้เธอสองคนจะต้องเจอกับเรื่องวุ่นวายอีกมากมาย และฉันไม่อาจจะปกป้องเธอได้ทุกเรื่องหรอกนะ” พรพิสุทธิ์เคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง โลกมนุษย์มีกฎเกณฑ์ฉันใดโลกวิญญาณก็มีข้อกำหนดไม่แตกต่าง สมองประมวลผลจนขบแตกได้ในที่สุด

“เธอหมายถึงฉันกับเด็กดาวเหรอ”

“…” ไม่มีคำตอบใด และนั่นแหละคือคำตอบ

“เธอเป็นใครกัน และมีความเกี่ยวพันธ์ยังไงกับเด็กดาว” ถึงคราวต้องซักไซ้ให้หมดเปลือก แต่ก็มีเพียงเงียบงันดังเดิมพรพิสุทธิ์จึงเงยหน้าขึ้นมองในกระจก หล่อนไม่อยู่แล้ว

“จะเข้าไคลแม็กซ์ทีไรเป็นหายตัวทุกที” เมื่อล้างมือเสร็จติวเตอร์สาวจึงเดินไปดึงทิชชู่มาเช็ดมือ

“พี่แจน!!” ได้ใจหายกันอีกรอบจากเสียงเรียกของดุจดาววันๆนึงจะต้องใจหายกันสักกี่รอบเนี่ยเมื่อเด็กสาวเดินเข้ามาใกล้ก็ได้เห็นคราบน้ำตาบนแก้มใส

“หือ…ร้องไห้ทำไมใครแกล้ง” พรพิสุทธิ์พูดติดตลกเพื่อให้ใจที่หนักของเด็กสาวคลายลงก่อนจะดึงเข้ามาเกาะกอดปลอบประโลมดั่งพี่โอ๋น้อง

“ดาวบอกไม่ได้ พี่แจนอย่าคาดคั้นอะไรดาวเลยนะ”

“อื่อ ไม่บอกก็ได้แต่วันนี้พี่ขอไปฝากท้องบ้านดาวนะเบื่อฝีมือตัวเองเต็มทีแล้ว” เธอต้องการใช้โอกาสนี้ต่อยอดบางเรื่อง ดุจดาวไม่ได้ตอบอะไรเพราะในหัวยังวนเวียนอยู่กับโลกส่วนตัว

“แจน พี่กำลังต้องการตัวอยู่พอดี” คนถูกเรียกยิ้มรับพาน้องน้อยที่กำลังมีปมในใจมานั่งลูบหัวอย่างเอ็นดู ก่อนจะหันมาสนใจคุยกับหยกมณี

"มีน้องมาสมัครคอร์สprivate ลง GMAT เอาไว้ตั้งแต่เมื่อเย็นวานน้องเขาจบ business inter ตอนเช้าเห็นน้องแจนยุ่งๆพี่เลยเพิ่งมาบอกเอายังไงดีแจนจะสอนให้พี่ได้ไหมคะ" พรพิสุทธิ์ปรายตามองคุณหนูที่ยังดูเศร้าสร้อยเป็นเชิงขออนุญาตว่าแต่ทำไมเธอต้องมาทำอะไรแบบนี้ ทำไมต้องไปขออนุญาตยัยเด็กดาวด้วยก็เด็กดาวไม่ใช่เจ้านาย ไม่ใช่เจ้าชีวิตเธอสักหน่อย ดุจดาวทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้นั่นหมายถึงอนุญาต

“ได้สิคะ GMAT นี่ถนัดเลยเพราะมันเป็นพื้นฐานที่แจนเรียนมาโดยตรงว่าแต่น้องเขาสะดวกเรียนวันไหนรายละเอียดเป็นยังไงคะ”

“วันนี้เลยจ้ะถ้าน้องแจนสะดวกคือน้องเขาอยากเรียนเร็วๆ นั่นพูดถึงก็มาพอดี" ประตูกระจกถูกผลักให้เปิดออกโดยหญิงสาวเอวบางหน้าหวาน ผมสีบรอนซ์สวยเฉี่ยวดั่งกับหลุดออกมาจากนิตยสารแฟร์ชั่น

“น้องแก้มคะคนนี้คือแจน ติวเตอร์คนสวยกระบี่มือหนึ่งของสถาบันค่ะ จะมาเป็นผู้สอนคอร์สของน้อง แจนคะน้องแก้มที่พี่เพิ่งพูดถึง" หยกมณีรวบยอดแนะนำตัวครูผู้สอนและลูกศิษย์ด้วยความคล่องแคล่ว

“สวัสดีค่ะพี่แจน แก้มขอฝากตัวด้วยนะคะ” กรสุมาหรือแก้มยกมือไหว้พรพิสุทธิ์ท่าทีนอบน้อมน่าดู คนที่วัยไม่น่าจะไกลกันนักยกมือรับไหว้แทบไม่ทัน

“ไม่ต้องไหว้หรอกค่ะ อายุเราน่าจะห่างกันไม่กี่ปี” พรพิสุทธิ์รีบออกตัว หาเรื่องลดวัย

“ค่ะ พี่แจน” กรสุมามีไมตรีที่ดี

"แต่จบ business inter ไม่ต้องติวแล้วก็ได้มั้งคะ" ติวเตอร์สาวแสดงความคิดเห็น กลัวจะกลายเป็นเอามะพร้าวห้าวมาขายสวน

"เพื่อความมั่นใจน่ะค่ะ อยากสอบครั้งเดียวให้ผ่านได้คะแนนสูงๆแก้มดีใจจังค่ะที่ได้เจอพี่แจนดูแว๊บเดียวก็รู้แล้วว่าดีเด่นชนะเลิศ" กรสุมาอวยตามความรู้สึก

“ชมเกินไปแล้วค่ะ ยังไงวันนี้ Pre-test ก่อนสองชั่วโมงนะคะถ้าโอเคแล้วค่อยนัดเวลาครั้งต่อไปกับพี่หยกอีกที ดีมั้ยคะพี่หยก” ติวเตอร์สาวหันไปขอความคิดเห็น

“ก็ดีนะคะ วันนี้ดูแนวกันก่อน ถ้าโอเคค่อยจัดเต็มกันครั้งต่อไป” หยกมณีเห็นด้วย

“โอเคเลยค่ะ” กรสุมายิ้มยินดีเพราะใจร้อนอยากติวไวๆ เธอต้องการเวลาสำหรับการเตรียมความพร้อมตอนนี้บรรยากาศของสามสาวเต็มไปด้วยความชื่นมื่น แต่เด็กสาวนี่ซินอกจากจะไม่ชื่นมื่นด้วยแล้วยังจะเซ็งยกกำลัง ตอนอนุญาตไปก็ไม่คิดว่าคนมาเรียนจะสวยขนาดนี้เกิดพี่แจนหวั่นไหวไปกับนางเธอได้หัวเน่ากันพอดีและเกิดแม่นั่นรู้รสนิยมพี่แจนแล้วเกิดอยากลองของแปลกขึ้นมาพี่แจนจะเหลือเวลาตอนไหนมาติวให้เธอ ไม่ได้!ต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม

“พี่แจนเค้าขอคุยด้วยหน่อยสิ” คุณหนูแสดงอิทธิฤทธิ์ทันทีโดยการลุกไปคว้าแขนพี่สาวที่ไม่ทันตั้งหลักออกมานอกสถาบันด้วยท่าทางกระตือรือร้นจนอีกฝ่ายนึกแปลกใจก็ก่อนหน้านี้ยังเศร้าสร้อยอยู่เลย

“ดาวไม่ให้พี่สอนผู้หญิงคนนี้” เด็กสาวเสียงเข้มดูจริงจัง

“อะไร แล้วทำไมพี่ถึงจะสอนเขาไม่ได้แล้วอีกอย่างตอนนี้พี่มีอาชีพเป็นติวเตอร์นะต้องทำมาหากินไม่ได้เสกเงินใช้เองได้มากมายอย่างดาว”ผู้ใหญ่กำลังไม่เข้าใจเด็ก

“งั้นดาวขอซื้อเวลาของพี่แจนตลอดเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงแบบไร้กำหนดสิ้นสุดด้วยคิดเท่าไหร่ว่ามาเลย”

‘ป๊อก’ พี่สาวเขกกะโหลกเบาๆเตือนสติ

‘โอ๊ย’ เด็กสาวทำท่าเจ็บเกินจริง

“ทำเป็นโชว์รวย เอาเงินมาฟาดหัวพี่ เงินทองหาได้เองแล้วหรือไงหรือเพราะใช้ติวเตอร์ซ้ำกับคนอื่นไม่ได้ ต้องการเป็นหนึ่งเดียวอย่างนั้นเหรอ” พรพิสุทธิ์จี้ใจแต่ที่จริงมันลึกซึ้งกว่านั้น

“ก็ดาวไม่ชอบให้พี่อยู่ใกล้คนสวยนี่ดาวหวง" ดุจดาวพูดออกไปดั่งใจคิด ก็เธอหวง!

พรพิสุทธิ์เลิกคิ้วสงสัย หวง หวงแบบไหนแบบเด็กหวงของเล่น หรือแบบ หึงหวง แต่ก็นะ อยากรู้แต่ไม่อยากถาม เธอไม่อยากนำพาเด็กดาวเข้าเรื่องรักๆใคร่เพราะไม่เห็นทางไปต่อ

“ฟังพี่นะคะสาวน้อยพี่ไม่มีวันจีบลูกศิษย์มาเป็นแฟนหรอก มันผิดจรรยาบรรณ” ผู้ฟังเหมือนจะดีใจแต่ก็เพียงครึ่งเดียวเพราะเธอเสมือนเป็นพื้นที่ทับซ้อนเป็นsubset ในนิยามนี้ด้วย ตอนนี้ดุจดาวรู้สึกเหมือนอภิสิทธิ์ที่เคยมีหล่นหายเธอมันก็แค่ลูกศิษย์เหมือนคนอื่นๆ

“งั้นก็ตามใจพี่แจนเถอะ” เด็กสาวแทบไม่ต้องทำอะไรมากเลย แค่หน้าเศร้าๆกับน้ำเสียงซึมๆก็ทำให้ใจของอีกฝ่ายวุ่นวายได้แล้ว

“แต่ดาวไม่ได้เป็นแค่ลูกศิษย์เหมือนคนอื่นๆนะ” เด็กสาวช้อนตามองคนที่เพิ่งขัดใจรอฟังสิ่งที่อีกฝ่ายจะพูดตานี้ถ้ายังพูดไม่เข้าหูอีกแม่จะกลับไปเผาบ้านให้เหลือแต่ตอเลย โทษฐานทำเค้าเสียใจ ชิส์

“ดาวยังเป็นน้องดาวของพี่แจนด้วยไง” แม้จะไม่ใช่คำดั่งใจหวังแต่ก็ยังดี ว่าแต่…เธอหวังอะไรเธอก็แค่… แค่อะไรเด็กสาวชักสับสนกับวังวนความคิดและความรู้สึกของตน จะอะไรก็ไม่รู้แหละ รู้แค่ว่าเธอหวง!

“พี่มีอาชีพเป็นติวเตอร์ต้องพบเจอผู้คนมากมายมันเป็นเรื่องปกติดาวเองก็มีหน้าที่เรียนหนังสือเพราะดาวยังเด็กมากดาวเองยังต้องเรียนรู้โลกและพบเจอผู้คนอีกมาก วันนี้พี่อาจเป็นแค่ของถูกใจที่เด็กอยากได้มาครอบครอง ที่มันอาจจะเป็นแค่ความไม่เข้าใจก็หวังว่าดาวจะพอเข้าใจที่พี่พูดนะ"พูดจบ พรพิสุทธิ์ก็เดินกลับเข้าสถาบันไปพยักหน้าให้กับหยกมณีส่งสัญญาณว่าเคลียร์รันเวย์เรียบร้อยแล้ว แลนด์ดิ้งได้ หยกมณีพยักหน้าน้อยๆเป็นการรับทราบก่อนจะเดินไปเปิดห้องเล็กตระเตรียมอุปกรณ์สื่อการเรียนการสอน

แม้จะเป็นคอร์สส่วนตัวแต่ก็หาได้ส่วนตัวสองต่อสองไม่ เพราะติวเตอร์มีน้องสาวมาคุม

กรสุมารู้สึกอยู่ลึกๆว่าน้องสาวติวเตอร์ดูจะไม่ชะตากับตนจากอาการเย็นชาทั้งที่เธอพยายามผูกมิตรด้วย แต่ก็ช่าง ก็แค่เด็กกระโปโลคนหนึ่ง

ตลอดสามชั่วโมงดุจดาวนั่งเฝ้าติวเตอร์ส่วนตัวไม่ให้คลาดสายตาสองชั่วโมงยาวนานเหมือนเธอเรียน ม.ปลายถึงสามปีในใจสุดว้าวุ่นสุดๆ





 

Create Date : 04 มกราคม 2559    
Last Update : 4 มกราคม 2559 15:06:11 น.
Counter : 141 Pageviews.  

1  2  3  4  

writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.