Group Blog
 
All blogs
 
เพราะเชื่อมั่นในเธอ

กริ้ง กริ้ง…เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นพรพิสุทธิ์เลิกคิ้วแปลกใจที่สมัยนี้ยังมีคนโทรเข้าเบอร์บ้านกันอยู่อีกเหรอก็โทรศัพท์มือถือออกจะสะดวกสบายกว่าแถมราคาค่าโทรก็แสนถูกแต่ก็เดินไปรับแต่โดยดี

“สวัสดีค่ะ”

“หนูแจน ลุงแผนเอง” ใช่ใครอื่น เพื่อนบ้านรั้วติดกันนี่เอง

“ลุงแผนมีอะไรคะ คราวหน้าตะโกนเรียกแจนก็ได้เดี๋ยวแจนออกไปหา”

“ลุงรู้แต่ตอนนี้มันมีเหตุการณ์ไม่ปกติที่หน้าบ้านหนูแจน”

“หน้าบ้านแจนมีอะไรคะ”

“มีผู้ชายท่าทางไม่น่าไว้วางใจสองคนมาด้อมๆมองๆอยู่หน้าบ้านหนูพักใหญ่แล้วนี่ลุงก็โทรแจ้งสายตรวจไปแล้ว ลุงเป็นห่วงหนูแจนเลยโทรมาบอกให้ระวังตัว”

“ขอบคุณมากค่ะลุง” อะไรกันอีกหนอ ทำไมช่วงนี้ถึงมีเรื่องวุ่นวายได้ไม่ขาด พรพิสุทธิ์สุดหน่ายใจหลังจากวางสายจึงรีบออกไปดู

“อย่าออกไป มันเป็นอสูรกายจำแลงมา”ยังไม่ทันจะก้าวขาออกจากบ้านก็ต้องชะงัก เสียงนี้ที่คุ้นเคยดังเข้ามาในโสตรับรู้แต่เหตุผลมันพิลึกเกินไปไหม อสูรกายอะไรจะมาอยู่แถวนี้ก็ลุงแผนบอกอยู่เมื่อกี้ว่าเป็นคน

“เชื่อเถอะน่า” เดือนดาราย้ำซ้ำคนคิดเยอะด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนสุดท้ายพรพิสุทธิ์จำต้องเชื่อในคำเตือนหันหลังร้อยแปดสิบองศาเดินกลับเข้าบ้านไป แต่สมองยังไม่หยุดความคิดฟุ้งซ่านกับเหตุผลที่ยากจะหาคำตอบทำไมเธอรู้สึกว่าในช่วงระยะเวลานี้ดวงเธอแตกละเอียดยิบไม่เพียงโชคร้ายเจ็บตัวถึงขั้นเลือดตกยางออก ซ้ำยังหวุดหวิดจะเกิดอุบัติเหตุที่อาจถึงขั้นเสียชีวิตแล้วยังจะเรื่องที่โดนปล้นอีกหรือจะเป็นเหตุจากเบญจเพส 25 หรือที่แท้แล้วมีใครจงใจให้มันดูเป็นเรื่องบังเอิญแต่ความจริงคือตั้งใจ

‘โอ้ย! ปวดหัวจะระเบิด’สุดท้ายก็ต้องเลือกที่จะหยุดคิด ทู่ซี้คิดต่อไปคงจะได้ประสาทกินแน่ๆ

เสียงโทรศัพท์มือถือของดุจดาวดังขึ้นแต่เจ้าตัวกลับทำไม่รู้ไม่ได้ยินปล่อยให้มันดังจนเงียบไปเองแต่ไม่นานมันก็ดังซ้ำขึ้นมาอีก

“ทำอย่างกับหนีหนี้ จะไม่รับก็ปิดเครื่องไปหนวกหู”พรพิสุทธิ์เดินกลับเข้ามาในห้องบ่นอุบทันทีกับเสียงเร้าที่พาให้หงุดหงิดอารมณ์ค้างมาจากหลายเรื่องที่คิดไม่ออก

“คุณหญิงแม่โทรมา เค้าไม่อยากรับเลย”

“มีความผิดติดตัวกับท่านหรือไง ถ้าไม่มีก็รับซะท่านอาจจะมีเรื่องด่วนหรือจะให้พี่รับให้ก็ได้” พรพิสุทธิ์ทำตามปากว่าเดินเข้าไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาจะกดรับแต่คุณหนูมือไวที่แย่งกลับไปได้ทัน

“ค่ะคุณหญิงแม่

ดาวไม่ลืมหรอกค่ะ

ทราบค่ะ ดาวนัดลุงหมายไว้แล้วและก็ดาวจะพาพี่แจนไปด้วยนะคะ”

หือ…คนถูกพาดพิงออกอาการเหวอยัยคุณหนูจะหาเรื่องวุ่นวายอะไรมาให้เธออีกเห็นเธอเป็นอะไรที่เจ๊กจะลากไปไทยจะลากมาก็ได้งั้นเหรอ แต่เด็กสาวทำเป็นมองไม่เห็นอาการนั้น

“ค่า..ดุจดาวของคุณหญิงแม่ซะอย่าง ไม่ต้องห่วงค่ะ คิดถึงคุณหญิงแม่นะคะสวัสดีค่ะ” สาวแสบวางสายยิ้มอย่างคนอิ่มสุขกับปัญหาที่ได้รับการคลี่คลายแล้วแต่มันดูไม่น่าไว้วางใจเลยสำหรับพรพิสุทธิ์

“อะไร จะพาพี่ไปไหน” ติวเตอร์สาวขอใช้สิทธิ์ในการถูกพาดพิงโดยด่วน

“ดาวก็แค่ขอให้พี่แจนไปงานเลี้ยงการกุศลเป็นเพื่อนก็เท่านั้นหรอก”

บ้าไปแล้ว! จะให้สาวบ้านๆอย่างเธอไปออกงานที่มีแต่คุณหญิงคุณนายไฮโซเนี่ยนะผิดที่ผิดทางแล้วอีนางเอ๋ย

“ใช่เรื่องไหมนั่น แล้วทำไมพี่จะต้องไปพี่เป็นครูนะไม่ใช่ผู้ติดตามของใคร”

“ลืมไปหรือไงคะว่าพี่แจนเป็นพี่แจนของน้องดาว” จึก! ดาบนั้นคืนสนองอีกแล้วแม้แต่สิ่งที่คิดว่ามันเป็นเรื่องดีๆมันยังกลับมาทำร้ายเรา

“ดาวก็ใช่ว่าอยากจะไป แต่เพราะคุณหญิงแม่ท่านติดงานสำคัญอีกงานและงานนี้ก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันถ้าไม่มีใครสักคนในบ้านไป คงจะเกิดคำครหานินทาให้ต้องตามแก้ข่าวยืดยาวแน่ๆพี่แจนไม่ต้องคิดว่าช่วยดาวก็ได้ คิดซะว่าช่วยคุณหญิงแม่” อ่าว…เอาคุณหญิงแม่มาเอี่ยวด้วยแบบนี้มันมัดมือชกกันชัดๆ

“แต่พี่ว่า พี่จะไปทำท่านขายหน้ามากกว่าช่วยให้ดีนะ”

“พูดแบบนี้แสดงว่าพี่รับปากจะไปแล้วเย้ๆ” สาวรุ่นเริงร่ากระโดดโลดเต้นชูมือชูไม้ประดุจสอบติดเลยทีเดียวแต่ผู้ใหญ่นี่ซิปวดสมองแบบยกกำลัง ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรกอีกพรพิสุทธิ์ตั้งท่าจะปฏิเสธแต่สายตาพลันไปเห็นผีสาวนามเดือนดารายืนเด่นหราอยู่เบื้องหน้ายิ้มอ่อนๆพยักหน้าน้อยๆส่งให้เธอ ความหมายคือ ไม่ให้เธอปฏิเสธ! นี่กลายเป็นว่าทั้งคนทั้งผีร่วมแรงร่วมใจกันยกกำลังสอง ประชาธิปไตยไม่อาจแบ่งโลกต่างมิติได้จริงๆว่าแต่ แม่ผีหน้าสวยมาเกี่ยวอะไรด้วย!

“เล่ารายละเอียดมา เมื่อไหร่ อะไร ยังไง”น้ำเสียงของคนจนทางที่ไม่มีใครในที่นี่สนใจที่จะเห็นใจหากมีแต่ความยินดีดุจดาวโผเข้าหอมแก้มผู้ใหญ่ใจดีฟอดใหญ่เป็นการขอบคุณ นั่นยังไม่พอ เพื่อนต่างโลกยังเคลื่อนกายเข้ามาใกล้ทำท่าจะยื่นหน้าสวยเข้ามามันพฤติกรรมเลียนแบบหรือไง

เอิ่ม…แต่ไม่นะ แค่พบเจอพูดคุยด้วยก็หลอนจะแย่แล้วอย่าให้ถึงขั้นสัมผัสกายกันเลยคือมันหยองๆอ่ะ ผีสาวสุดสวยได้ยินความคิดจึงหยุดเคลื่อนไหวในระยะห่างเพียงศอกเดียวส่งยิ้มสวยให้ก่อนจะหายวับไป

‘โล่งไปที เล่นเอาใจหายใจคว่ำ’

“แค่งานการกุศลธรรมดาๆเองค่ะมีทานเลี้ยง โชว์ตัว ส่วนงานมีพรุ่งนี้ค่ำๆ" ดุจดาวเจื้อยแจ้วดั่งไม่มีสาระแต่สำหรับแขกที่ไม่อยากถูกรับเชิญนี่ซิรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ

“เดี๋ยวๆ แล้วที่ว่าโชว์ตัวคือโชว์อะไร

“เดี่ยวเปียโน"

“อ้อ หมายถึงดาวขึ้นโชว์ใช่มะ" ได้เบาใจไป

“พี่แจนต่างหากที่จะขึ้นโชว์"นั่นปะไร ว่าละว่ามันต้องมีอะไร งานงอกอีกแล้ว

“จะบ้ารึไงพี่เล่นเป็นที่ไหน อย่าว่าแต่จะให้เล่นเปียโนเลยแค่ตบมือยังผิดจังหวะ" อันนี้ไม่ได้เกินจริงเลยสักนิดเธอไม่สามารถจินตนาการหยั่งไปถึงศิลปะทางดนตรีได้จริงๆ

“เค้านิ้วล็อกอยู่ นี่ดูซิ” ไม่พูดเปล่าดุจดาวยื่นมือน้อยๆของตนแบให้พี่สาวดู ก่อนจะงอมันแล้วไม่เด้งกลับที่ค่อนข้างสมจริงจนต้องเชื่อว่ามันจริง

“พี่ไม่ต้องกังวลอะไรหรอกค่ะเราใช้เปิด sound พี่แจนก็แค่ไปนั่งหน้าสวยกรีดกรายนิ้วโยกตัวทำเป็นอินกับเพลงก็เท่านั้น”

“ง่ายจังเนอะ แต่เรื่องของตัวก็จัดการเองซิ"

“ก็เค้าบอกแล้วไงว่านิ้วล็อกแล้วอีกอย่างเขาก็ทำแบบนี้กันทั้งนั้นต่อให้เก่งอภิมหาเทพแค่ไหน แต่คงเว้นไว้คน…" ดุจดาวหยุดคำ

“ใคร”

“ใครก็ช่างเถอะค่ะ” พรพิสุทธิ์ประติดประต่อเรื่องแบบเพ้อๆว่าดุจดาวจะมีสัมพันธ์อะไรสักอย่างกับแม่ผีหน้าสวยก็อยู่ๆเดือนดาราก็เข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจของเธอในเรื่องไปงานการกุศลกับยัยคุณหนูชื่อก็ ด ด เหมือนกัน ดูรวยมากเหมือนกัน หรือว่า…

“พี่ไปก็ได้แต่โชว์เปียโนพี่ไม่เอาด้วยนะ ไม่อยากไปทำสะเหร่อทำลายบรรยากาศงานเขา แล้วเรื่องชุดจะยังไงพี่ไม่มีหรอกนะไอ้ชุดหรูฟูฟ่องอ่ะ ที่มีอยู่หรูสุดก็แค่ชุดแซกธรรมดาๆ"

“แหม… พี่แจนขา ลืมไปเหรอคะว่าดาวเป็นใคร คุณหนูเจ้าของมรดกพันล้านเชียวนค้า…เดี๋ยวดาวจัดให้ครบเซตเลยค่ะ”

“จะเสกให้พี่เป็นนางซินว่างั้น"

“ไม่อ่ะ เป็นพี่แจนของน้องดาวนี่แหล่ะสุดยอดแล้ว"ติวเตอร์สาวได้เพียงถอนใจอยู่ในอก ไม่เข้าใจตัวเองว่าเดินมาถึงจุดนี้ได้ยังไงจุดที่ยอมให้เด็กแสบทำตามใจตัวเองไปเสียทุกเรื่อง

เมื่อเคลียร์เรื่องไปงานการกุศลจบการติวจึงเริ่มขึ้น

ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง เมื่อเห็นว่าลูกศิษย์มีท่าจะรับไม่ไหวแล้วจึงหยุดเพียงเท่านี้ด้วยคอแห้งผากเพราะพูดเยอะจึงเดินลงไปหาน้ำดื่มในครัว คุณหนูวัยซนปิดตำราอ้าปากหาวหวอดๆก่อนลุกเดินโต๋เต๋แบบตาจะปิดไปเอาอุปกรณ์อาบน้ำแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ไม่ถึงสิบนาทีเด็กสาวร่างบางนุ่งกระโจมอกเดินออกมากลิ่นกายหอมหวนอบอวลไปทั่วห้อง พรพิสุทธิ์เปิดประตูเดินเข้ามาเห็นน้องน้อยนั่งทาครีมอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งแผ่นหลังนวลเนียนกับหยดน้ำที่เกาะพราวเล่นกับแสงไฟช่างเป็นภาพที่เย้ายวนสายตาและความรู้สึกของคนมองเหลือเกินพรพิสุทธิ์เดินตรงเข้าไปหาเด็กสาวดั่งต้องมนต์ มือเรียวลูบไล้ต้นคอขาวลากมือลงมาจนถึงหัวไหล่คุณหนูที่ไม่ประสาในกลของอารมณ์หวามไหวไปตามคำชี้ชวนทางกายของคนมีประสบการณ์ หลับตาพริ้มเผลอไปกับอีกฝ่ายไร้สติมาหักห้ามกายใจจนอีกฝ่ายย่ามใจว่าสมยอมโน้มหน้าใสๆของตนลงมาซุกไซ้ซอกคอขาวนวลเนียนและหอมหวนดั่งดอกไม้แรกแย้มสองมือประคองไหล่ของน้องน้อยให้หันมาเพื่อเชยชมให้สมใจ

พรพิสุทธิ์หวังได้เห็นใบหน้าผุดผาดของดุจดาวแต่… หน้าที่หันมากลับไม่ใช่ดุจดาว กลายเป็นหน้าแฉล้มของเพื่อนสาวต่างมิติ 'เดือนดารา' ที่กำลังยิ้มระรื่นให้ตน

“ยัยผีบ้า!” พรพิสุทธิ์ก็สบถออกมาอารามตกใจและผละออกมาอย่างไว

“คริ คริ คริ” ผีสาวหัวเราะร่วนก่อนร่างจะจางจนหายไป

อีกครั้งที่ประตูห้องน้ำเปิดออกโดยเด็กสาวร่างบางเดินนุ่งกระโจมอกหน้าตาตื่นมาหาพี่สาว

“พี่แจนเป็นอะไรไปรึเปล่าดาวได้ยินเสียงโหวกเหวกแล้วดูซิหน้าซีดเชียวไม่สบายหรือเปล่า”

“ไม่มีอะไรหรอก พี่คงเหนื่อยน่ะ"ติวเตอร์สาวปรับอารมณ์ดึงสติให้กลับมาสู่ปัจจุบัน เธอไม่อยากเอื้อนเอ่ยถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านมาแม้ใจจะนึกโกรธยัยผีขี้เล่นเป็นที่สุด

“ก็บอกแล้วว่าสอนดาวคนเดียวพอ” คุณหนูจอมป่วนได้ทีย้ำซ้ำๆถึงสิ่งที่เอื้อประโยชน์ให้ตน

“พี่เป็นครูนะ เลือกลูกศิษย์ได้หรือ?"

“ก็ลูกศิษย์กำลังเลือกคุณครูอยู่นี่ไงคะสอนเค้าคนเดียวครูจะได้ไม่เหนื่อยมาก”

“สอนหล่อนนี่แหละตัวเหนื่อยมาเลยทั้งรู้มาก ทั้งชอบป่วน”

“แหม…แต่ก็น่ารักใช่มั้ยล่ะ” ดุจดาวอ่อล้อ

ก็ใช่…อันนี้ไม่ได้ตอบแค่คิด

สาวรุ่นเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบชุดชั้นในทั้งบนและล่างออกมาสวมใส่ก่อนจะสวมชุดนอนพรพิสุทธิ์อมยิ้มกับการกระทำของเด็กสาว

“ยิ้มอะไรไม่ทราบ" ดุจดาวแหวใส่ แค่จ้องเธอตาไม่กระพริบเธอก็อายจะแย่นี่ยังมาอมยิ้มอีกกำลังคิดลามกอยู่แน่ๆ คืนนี้จะรอดไหมนี่เรา

“ยิ้มคนใส่ชั้นในนอนไง”

“ปกติเค้าไม่ใส่หรอก แต่ในภาวะที่สุ่มเสี่ยงเค้าก็ต้องป้องกัน” คุณหนูให้เหตุผล

“ทำมาเป็นหวงตัว ไหนว่าผ่านมาเยอะโดนมาแยะแล้วไงจ๊ะ”

“ฮ้าว… ง่วงละ นอนดีกว่า” ดุจดาวกระโจนขึ้นเตียงสวนทางกับพี่สาวที่กำลังเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแต่ตอนนี้เด็กสาวประคองสติไม่ไหวแล้วขอตัวไปเฝ้า พระอินทร์ก่อนแล้วกัน

shop แบรนด์ดังในห้างสรรพสินค้าชั้นนำย่านราชประสงค์ ผีสาวเดือนดาราจูงมือพรพิสุทธิ์เทียวเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ลองชุดกันสนุกสนานบานตะเกียงสี่มือหิ้วถุงพะรุงพะรัง

“วันนี้ฉันมีความสุขมากเลย”เดือนดาราเปรยขึ้นกับเพื่อนคนสวย นัยน์ตาเป็นประกายวับวาว ตาปรายมามองไปที่นาฬิกาข้อมือสุดหรูที่ข้อมือของพรพิสุทธิ์

“จะเอาคืนเหรอ ได้ซิ”พรพิสุทธิ์ทำท่าจะถอดคืนให้ แต่มือเย็นเฉียบมาจับห้ามเอาไว้

“นาฬิกาเรือนนี้เป็นของสุดรักสุดหวงของฉันเก็บรักษามันให้ดีๆอะไรก็ตามที่ฝากให้ดูแลเธอไม่มีสิทธิ์จำหน่าย จ่าย แจก ให้ใคร ไม่แม้กระทั่งจะส่งคืนกลับมา”

“ตอนแรกที่เธอบอกให้ฉันถอยห่างเธอหมายถึงให้ถอยห่างจากดุจดาวใช่ไหม”

“ชอบดุจดาวหรือเปล่า” เดือนดาราไม่ตอบแต่ยิงคำถามกลับ

“ตกลงเธอมีความสัมพันธ์อะไรกับดาวพี่สาวเหรอ” ตานี้ต่างฝ่ายต่างโยนคำถาม ไม่มีใครสนใจจะตอบ

“ไม่เป็นไรไม่ตอบฉันก็ได้เดี๋ยวฉันไปสืบเองแต่ฉันจะตอบคำถามเธอว่า ใช่! ฉันชอบดาว แต่เธอสบายใจได้ว่าฉันไม่กล้าเอื้อมไปเด็ดดอกฟ้าหรอกดาวยังเด็กและโดยฐานะและสังคมเราต่างกันมากเกินไป และดาวเองก็อาจไม่ได้เป็นแบบฉันเป็นผู้หญิงที่รักผู้หญิง” พรพิสุทธิ์พูดในสิ่งที่รู้สึก

“ทุกเรื่องที่เธอสงสัยเมื่อถึงเวลาเธอจะได้รู้เองแต่ที่ฉันจะบอกกับเธอได้คือฉันรักดาวมาก เธอรับปากกับฉันได้ไหมว่าเธอจะรักและดูแลดุจดาวให้ได้เท่ากับที่เธอรักตัวเอง” พรพิสุทธิ์นิ่งไป จะใหญ่หลวงเกินไปไหมหากเธอจะรับปาก

“ไม่ต้องใช้เหตุผลซิใช้ใจ”เท่านั้นล็อคในใจของพรพิสุทธิ์ที่มีต่อดุจดาวก็หลุดออกมา

“ฉันจะดูแลดาวให้ดีที่สุดเท่าที่ผู้หญิงสวยคนหนึ่งจะทำได้” ยังไม่วายยียวนแต่พอกันเลยทั้งผีทั้งคนเลย ชอบบงการเธอ

“ขอบใจ”

พรพิสุทธิ์สะดุ้งตื่นขึ้นมาจากความฝัน

‘นี่เธอฝันเป็นตุเป็นตะเลยรึนี่’ เมื่อพลิกตัวไปทางเด็กสาวกลับพบเพียงความว่างเปล่า

อ่าว…น้องหาย!!

พรพิสุทธิ์กระโจนลงจากเตียงทันทีด้วยความร้อนใจเป็นห่วงหากจะเกิดเรื่องร้ายๆขึ้นกับน้องน้อย เมื่อวิ่งลงมาข้างล่างก็พบดุจดาวนั่งชันเข่าร้องไห้กระซิกๆอยู่กลางบ้าน

“ดาว ลงมาทำไม” พรพิสุทธิ์มานั่งลงข้างๆ ไต่ถามด้วยความห่วงใย

“เขามาหาพี่ใช่ไหม”

‘เขา’หมายถึงเดือนดารา?

สองสาวอยู่ในภาวะเงียบงันเพราะวนเวียนอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองที่แสนจะว้าวุ่นและสับสน

“พี่ชอบดาวนะ” อยู่ๆพรพิสุทธิ์ก็พูดคำนี้ออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยช่วยดึงเด็กสาวออกมาจากเรื่องที่ตนกำลังว้าวุ่นได้ชะงัก

“ก็บอกไว้ก่อนเผื่อพี่เป็นอะไรไปจะไม่มีโอกาสได้บอก กลัวนอนตายตาไม่หลับ”ติวเตอร์สาวพยายามทำบรรยากาศให้รื่นรมย์เพราะรู้ดีว่าได้พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไปใจฐานะที่เธอเป็นครูและที่สำคัญดุจดาวยังเด็ก

“ทำไมพี่ถึงพูดเป็นลางอย่างนั้นล่ะ”

“เพราะโลกนี้มันไม่มีอะไรแน่นอนอย่างไรล่ะวันนี้อยู่พรุ่งนี้อาจจากลากันไปชั่วชีวิตก็ได้”

“ทำไมพี่แจนถึงชอบดาว”

“ไม่รู้เหมือนกัน รู้ตัวอีกทีก็ชอบไปละ”

“ดาวไม่รู้หรอกว่าความรักแบบผู้หญิงรักกันมันเป็นแบบไหนเพราะยังไม่มีประสบการณ์ดาวรู้แค่ว่าดาวหวงพี่แจนและดาวไม่อยากให้สาวๆสวยๆคนไหนมาเข้าใกล้พี่ดาวอยากให้สายตาของพี่มองแค่ดาว ใจของพี่แคร์แค่ดาวพี่แจนจะบอกดาวได้ไหมว่าทั้งหมดมันคืออะไร” ไม่มีคำตอบใดมีเพียงจุมพิตที่อบอุ่นไปบนหน้าผากมนเกินคาดคิดเมื่อเด็กสาวตอบกลับด้วยการจุมพิตแต่เป็นที่ริมฝีปากแถมยังเนิ่นนานกว่าจะถอนออกมา

“ดึกมากแล้วไปนอนกันเถอะ” ว่าแล้วเด็กน้อยก็จูงมือผู้ใหญ่พาเดินขึ้นห้องไป 




Create Date : 14 มกราคม 2559
Last Update : 14 มกราคม 2559 9:28:01 น. 0 comments
Counter : 314 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.