Group Blog
 
All blogs
 

ใบไม้และก้อนหิน

“เอ่อ..หมายถึงว่ามันน่าจะสนุกหากเจ้าถิ่นอย่างเธอนำทางไปไงเล่า”ปิ่นปัทม์แก้ตัวไปส่งๆ

“เราจะออกกันสายๆหน่อยสักสิบโมงค่ะ”

“หาเรื่องอู้สิเดี๋ยวฉันคิดค่าตัวแค่ครึ่งวันหรอก” ปิ่นปัทม์ชักสีหน้าทั้งแค่นเสียงข่มขู่ไม่ลืมยื่นเงินค่าจ้างเมื่อวานให้ตามข้อตกลง ริโกะยกมือประนมฉีกยิ้มเห็นฟันกระต่าย ปลื้มปริ่มกับน้ำพักน้ำแรงสุจริต

“ไปเช้าก็เบียดเสียดยัดทะนานกับคนทำงานในรถไฟคุณชอบเหรอคะ อีกอย่างร้านรวงเขาไม่เปิดกันเช้านัก”

“เครๆ..ตามนั้น”เมื่อคุยกันคนละภาษาปิ่นปัทม์จึงไม่เห็นประโยชน์อันใด จ้างแม่นี่มาแล้วหากไม่เชื่อน้ำยาก็ไม่ต่างอะไรกับการไม่ไว้วางใจตนเอง

ริโกะนำทางนายจ้างคนสวยมาถึงตลาดอะเมโยโกะ(Ameyoko)เป็นสุดยอดสถานที่ยอดนิยมของคนไทยหากไม่มาก็พลาดมหันต์ไม่นับว่าถึงโตเกียว มีหลายซอยกินอาณาบริเวณกว้างขวางที่โดดเด่นที่สุดจะเป็นซอยใหญ่สองซอยขนานกันมีของขายสัพเพเหระตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันอะไหล่เครื่องบินบรรยากาศคลับคล้ายคลับคลาตลาดนัดสวนจตุจักรของกรุงเทพฯ ผิดแผกกันที่ร้านรวงดูสะอาดตาไม่ระเกะระกะ

“เมื่อก่อนบริเวณนี้เป็นแหล่งขายขนมและลูกกวาดค่ะภาษาญี่ปุ่นเรียกร้านรวงพวกนี้ว่า อะเมโยโกะก็เลยเรียกติดปากกันมาเรื่อย”ปิ่นปัทม์นึกภาพออก ก็เหมือนสำเพ็งที่เมืองไทย เมื่อก่อนขายไม่กี่อย่างเดี๋ยวนี้สารพัดจะขาย

“ก่อนอื่นฉันหิวแล้ว”ปิ่นปัทม์เอามือลูบท้อง ไกด์สาวก็รู้สึกไม่ต่างกันคราวนี้เธอขอใช้เอกสิทธิ์นำทางโดยไม่มีการถาม มั่นใจเต็มพิกัดชนิดที่หากไม่ประทับใจยินดีไม่รับค่าจ้างเลยเชียวสองสาวมาหยุดที่ร้านอาหารหนึ่งมีรูปข้าวสารพัดหน้าให้เลือกสรรมีข้าวหน้าปลาดิบและไม่ดิบ ต่อมเรื่องเยอะของปิ่นปัทม์ไม่ทำงานเพราะเธอชอบใจมากตั้งแต่มาย่ำแดนซากุระยังไม่ได้ลิ้มลองเลย จังหวะที่จะเดินเข้าร้านท้องเรื่องที่ดำเนินมาเอื่อยๆจะถูกเพิ่มจังหวะจะโคนก็คราวนี้

ภัยคุกคามกำลังจะเริ่มต้นขึ้นเมื่ออิโอริเพื่อนสุดแสบของริโกะเห็นหลังสาวฟันกระต่ายอยู่ไวๆเท่านั้นก็เป็นเรื่อง สาวใจแตกยกหูโทรบอกสองชายโฉดทันที

“ช่วยไม่ได้นะริโกะ เพราะฉันเองก็โดนหางเลขไอ้บ้าสองตัวนั่นขมขู่อยู่หนักเหมือนกัน”อิโอริเพียงปัดความรับผิดให้ไปตกแก่จำเลย กันตนเองออกมาในฐานะผู้เคราะห์ร้าย...

“นี่มันมหาวิทยาลัยนิจะพาฉันมาสมัครเรียนเหรอหรือว่ามาเก็บค่าแป๊ะเจี๊ยะหรือว่าสร้างภาพมามอบทุนการศึกษา”สุพรรษาซักไซ้เดาสุ่มไปเรื่อยทันทีที่รถเปิดประทุนเลี้ยวมาจอดหน้ามหาวิทยาลัยโตเกียวที่อื่นน่าเที่ยวชมมีล้านแปด เลือกมาสถานศึกษานี่นะ

“เมื่อเช้าน่ะแค่ออร์เดิร์ฟ ตอนนี้คือ maindish” เมงุมิชี้ทางสว่าง

“แสดงว่าที่นี่มีแปะก๊วยเหมือนกัน”

“เป็นต้นไม้ประจำของมอเลยเราเรียกที่นี่ว่า ‘โทได’ ย่อมาจาก โทเกียวไดงะกุ”เกริ่นนำพอให้เป็นลำนำประกอบ เมงุมิไม่อ้อยอิ่งเธอจูงมือสาวไทยเดินมายังพิกัดที่ดีที่สุดในการชมเจ้าใบแปะก๊วยเปลี่ยนสี ณ บริเวณทางเดินไปหอนาฬิกา ถนนเส้นนี้จะปลูกต้นแปะก๊วยรายทางตลอดทั้งสองฝั่งที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง คือใบไม้จะนัดแนะเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองกาญจนาพร้อมกันมลังเมลืองไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัยใบที่ร่วงลงสู่พื้นยังเป็น prop ชั้นเลิศเพริดแพร้วปกคลุมพื้นถนนจำแลงเป็นลำธารสีทองจากความสวยงามตระการตาเบื้องหน้าตัดกับสถาปัตยกรรมตะวันตกของรูปทรงอาคารเรียนเบื้องหลัง สุพรรษารู้สึกประหนึ่งว่าเธอคือAlice in wonderland ก็มิปาน

“เมงุมิเธอเก่งจังรู้จักที่แบบนี้ด้วย”

“ชมเกินไปแล้ว” เมงุมิเนือยๆไม่ยินดีกับคำป้อยอสุพรรษาจึงแจกค้อนให้ด้วยความหมั่นไส้

'เชอะ! แม่เสือยิ้มยาก เก๊กชงค์ให้ได้ตลอดรอดฝั่งแล้วกัน'

“อย่าฟอร์มจัดนักเลยหัดรับๆไว้บ้างก็ได้ ใจคอจะรับแต่เงินหรือไง” สุพรรษาโพล่งออกมาไม่ทันยั้งคิดเมื่อคิดได้จึงโมโหตัวเอง บรรยากาศดีๆกลับทำลายเสียอย่างนั้นยากูซ่าสาวยังอยู่ในอาการเดิม เธอมันหน้าเดียวอยู่แล้วเดินเชิดมานั่งลงที่เก้าอี้ใต้ต้นแปะก๊วยยกขาขึ้นไขว่ห้าง จุ๊ยสิ้นดี!! สุพรรษาบ่นกะปอดกะแปดภายใน เดินฉากออกมาไม่อยากเสียอารมณ์ บริเวณใกล้กันพ่อแม่วัยหนุ่มสาวหลายคู่จูงลูกน้อยวัยกำลังหัดเดินมากระเตาะกระแตะบ้างก็นั่งอยู่ในรถเข็นวัยกลางคนขึ้นมาหน่อยกลับจูงน้องหมาชิวาว่าเดินพาเหรดอวดโฉมคอตั้งราวกับหนูๆสี่ขาเป็นเซเลบบนแคทวอล์ค ธรรมชาติของเขาล่ะ หยิ่งๆ เชิดๆ อ้อนแต่เจ้านาย ถัดออกไปวัยคุณลุงคุณป้าจับจองหามุมเหมาะเพื่อวาดรูป ขนอุปกรณ์มากันครบตั้งแต่แผ่นรองวาดขาตั้ง เก้าอี้พับ ดินสอ พู่กัน สีน้ำ พำนักพักแรมในญี่ปุ่นมาสองสามวันมโนสำนึกบอกได้ทันทีว่าคนญี่ปุ่นเป็นคนที่มีศิลปะในหัวใจ ไม่เว้นแม้แต่ยัยยากูซ่านี่ด้วยสถานที่สวยๆ บรรยากาศโรแมนซ์ เกือบทุกแห่งหนจะมีคนมาหามุม ไม่วาดภาพก็เป็นตากล้องสุพรรษามองกลับไปที่เมงุมิ

ในมุมมองของศิลปิน ทุกmoment& movement ของผู้คนล้วนมีความงามในตัวเอง คิดดังนั้นจึงคันไม้คันมือดูซิว่าฝีมือบวกมุมมองทางศิลป์ของเธอจะยังใช้การได้ดีอยู่ไหมหรือว่าสนิมจับกรังมือแข็งเสียแล้ว สาวสวยร้องถามน้องนักศึกษาคนหนึ่งที่เดินผ่านมา

“ที่นี่มีร้านเครื่องเขียนไหมคะ”ไม่ตอบแต่น้องน้อยกลับเดินพาไปเสียเลยน้ำใจหาได้ทุกหนทุกแห่งในดินแดนอาทิตย์อุทัยจริงๆสุพรรษาหันมาบอกกับยากูซ่าหน้าหยก

“รอที่นี่นะประเดี๋ยวฉันกลับมา” เช่นเคยที่สาวเจ้านิ่งเป็นปฏิกิริยาตอบกลับสุพรรษาจ้ำฝีเท้าตามติดผู้อารีไปเพียงไม่นานก็กลับมาพร้อมกับอุปกรณ์วาดเขียนสีน้ำครบชุดประกอบด้วย สีเป็นหลอดกระดาษวาดเขียน 200 แกรม พู่กัน 4 เบอร์คือ0,4,6,10 5 อัน จานสี ขวดน้ำ ที่รองวาด สีไม้ระบายน้ำเพื่อแต่งรายละเอียดและที่ขาดไม่ได้ คืออาวุธหลัก ดินสอวาดเขียน สุพรรษาไม่ต้องหามุมเพราะเล็งเหมาะเหม็งไว้แล้วก่อนหน้านั่งลงที่พื้น ปรับโหมดทำจิตให้ผ่องแผ้วพิสุทธิ์ งานศิลป์ขึ้นอยู่กับอารมณ์เป็นเอกหากแม้นจิตเจือด้วยความขุ่นข้องเพียงน้อยภาพที่ออกมาก็ขมุกขมัวตาม

'คอยดูเถอะแม่จะทำให้ยิ้มไม่หุบเทียว'เธอเริ่มต้นตวัดมือลงสายลายเส้นด้วยดินสอแบบสดๆ จะเป็นภาพอะไรไปได้ก็ยากูซ่าสาวที่นั่งไขว่ห้างสวยเริ่ด เชิด หยิ่งอยู่ที่เก้าอี้ใต้ต้นแปะก๊วยนั่นไง ตามด้วยละเลงสี ราวครึ่งชั่วโมงหย่อนมาหน่อยก็เสร็จสุพรรษานั่งอมยิ้มภาคภูมิกับผลงานเพียงครู่ ลุกและรุดไปหายากูซ่าสาว

“ไปกันเถอะนั่งจนตัวแข็งแล้ว”

“ก็ถ้าวาดดิฉันนานกว่านี้อีกสักห้านาทีได้แข็งจริงๆแน่”

“เธอรู้จิตรกรคนสวยตีมึนถามไปอย่างนั้น โฉ่งฉ่างเสียขนาดนี้ไม่รู้สิแปลก

“แหงสิคุณเล่นขนอุปกรณ์มาเสียครบสูตร” กระดาษวาดเขียนในมือถูกส่งต่อให้คนในภาพวาด

“ฉันให้เธอ เมงุมิ”สาวผู้จมอยู่ในโลกสีเทารับมา กางออกดู มันเป็นภาพตัวการ์ตูนน่ารักน่าชังล้อเธอภายใต้ใต้ต้นแปะก๊วยอร่ามอำพันแม้จะดูเหงาเดียวดายแต่เส้นสายสีสันกลับกลบมันได้มิดรอยยิ้มที่คาดหวังผุดผาดเต็มใบหน้าคมคายเป็นครั้งแรกที่เมงุมิผู้เย็นชาแสดงออกทางอารมณ์อย่างแจ่มชัดสุพรรษายิ้มปลาบปลื้มตาม เธออยากเห็นมันบ่อยๆ คนสวยยิ้มโลกมันน่าอยู่ขึ้นเยอะ

“ขอบใจคุณมากนะอะเมะเหมือนอยู่ในยุโรปเลยเนอะ”

“เคยไปเหรอ”

“ไม่เคยหรอก แต่ถ้าคิด ดิฉันจะไปกับคุณอะเมะ Christmas นี้เลยดีไหม”สุพรรษาอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะยอกย้อนแบบไทยๆทุยๆ

“Christmas comes every year but if you want to kissme , I'll be here all year and everyday : Christmas มีทุกปีแต่ถ้าจะให้จะ คิสมีได้ตลอดปีและทุกวัน” ได้ผลเมงุมิขำท้องคัดท้องแข็งแต่เป็นเพียงพักเดียวหน้าสวยๆปรับโหมดเข้าสู่สภาวะจริงจังอีกครั้ง

“ดิฉันพูดจริงๆนะ”

“ทะ..ทำไม”สุพรรษาไม่อยากจะคาดหวังกับคำตอบ สมการแห่งความสมหวังคืออย่างน้อยที่สุดสิ่งที่คาดต้องมากกว่าหรือเท่ากับสิ่งตอบรับ

“ไม่รู้สิ รู้แค่นั้นคุณเป็นสิ่งเดียวในโลกก็ได้ที่ทำให้ดิฉันรู้ว่า ชีวิตนี้ยังมีสิทธิ์ได้เลือกบ้าง” ลิ้นลมช่างคมนักสุพรรษาแม้นจะพึงใจในสมการ แต่เมื่อมองใบหน้าคมคายของคู่สนทนาแล้วกลับสะท้อนใจ หากมันลำบากและทุกข์สาหัสกับการเป็น อยู่ คือ ยากูซ่าไฉนเลยแม่สาวหน้านิ่งไม่คิดขยับเขยื้อนลุกขึ้นมาทำอะไรกับชีวิตบ้าง เมงุมิก้มลงหยิบใบแปะก๊วยที่ร่วงหล่นมาไว้ในกำมือ พิจารณามันอย่างปลดปลงนัยน์ตาคมแฝงรอยโศกเด่นชัด

“ดูท่าเธอจะเป็นคนเครียดนะ เมงุมิ”สุพรรษาพยายามทำให้เรื่องดูเบา เพียงได้แค่ประคับประคอง การปลอบใช่จะทำเป็นพลันแลเห็นก้อนหินใหญ่เล็กกองอยู่ที่พื้น ปรัชญาพุทธถูกหยิบยกมาใช้ได้ทันการ

“อึ๊บ...” สุพรรษาลงทุนเวอร์วังด้วยการเลือกยกเจ้าหินก้อนที่ใหญ่ที่สุดมันหนักอึ้งจริงๆจนมือและแขนสั่น ดวงหน้าเหยเก

“ทำอะไรของคุณ โชว์พาวเหรอ”ยากูซ่าสาวไม่เข้าใจที่จู่ๆสาวไทยหาเรื่องเหนื่อยใส่ตัว

“หินก้อนนี้ถือเอาไว้นานๆก็เมื่อยและหนัก นี่คือทุกข์ แล้วเธอถือไว้ตั้งกี่ก้อนปล่อยและวางมันเสียบ้าง” สาวไทยเฉลยความ เมงุมิหักล้างตามที่เธอเข้าใจ

“ก็แค่ผ่อนผลัดให้มันเผชิญช้าลงเท่านั้นดอกก้อนหินไม่ได้หายไป นานวันกองสุมเป็นภูเขาเลากาทลายลงมามิบาดเจ็บหนักกว่าเพียงเหนื่อยหรือ” สุพรรษายอมความ เธอมิอาจล่วงรู้ว่าชีวิตของยากูซ่ามันจะมีมุมลำบากทุกข์ยากตรงไหนและเท่าใดบ้าง

“จริงของเธอ…อยากระบายอะไรไหม”

“ตอนนี้ยังอ่ะไปกันเถอะได้เวลาทำงานแล้ว” สาวทะมัดทะแมงลุกขึ้นยืนจัดผ้าพันคอของสุพรรษาให้เรียบร้อยก่อนจะจูงมือเดินออกจากมหาวิทยาลัยสาวไทยรู้สึกให้ว่าร่างข้างๆเปรียบประดุจกำแพงสูงตระหง่านแกร่งหนาราวภูผาแกรนิตที่เธอมิอาจพังมันลงไปได้เลย...

ที่ตลาดอะเมโยโกะปิ่นปัทม์ยังเพลิดเพลินจำเริญตากับการเทียวเข้าเทียวออกตามร้านรวงต่างๆโดยเฉพาะที่ร้านรองเท้านับสิบๆร้าน ในห้วงที่เลือกคู่แต่ยังไม่ถูกจริตเธอลอบเห็นไกด์สาวหยิบๆจับๆรองเท้าผ้าใบNike สีชมพูสุดแหววขาช็อปรู้แจ้งแทงทะลุ แม่ดอกมะลิคงอยากได้เต็มประดา แต่ติดขัดต้องประหยัดล่ะสิปิ่นปัทม์ชื่นชมในใจ ริโกะเพิ่งได้เงินจากเธอมาเมื่อเช้าแต่รู้จักยับยั้งชั่งใจเป็นเธอเงินคงปลิวและหิ้วรองเท้ามาแทน

“ที่ญี่ปุ่นนี่รองเท้ายี่ห้อไหนดังบ้าง”ปิ่นปัทม์กระแซะเข้ามาใกล้ แสร้งถาม

“อะไรที่ made in U.S.A. มักจะ popular ค่ะแต่เว้นไว้อย่างคือ Rolex” ละไว้ในฐานที่เข้าใจ นาฬิกาแบรนด์นี้เขา popular ทั่วทั้งโลก

“แล้วไนกี้นี่ล่ะ”ประเด็นเริ่มถูกขีดวง อันที่จริงบัณฑิตคณะบริหารธุรกิจอย่างเธอช่ำชองเรื่องแบรนด์เป็นทุนอยู่ก่อนแล้วอาจารย์ที่คณะฯเคย lecture ให้ปิ่นปัทม์ฟังว่า แบรนด์ Nikeมีที่มาจาก เทพีไนกี้ในเทพปกรณัมกรีกร่างเป็นหญิงงดงามมีปีกนับถือกันว่าเป็นเทพแห่งชัยชนะ ปีกของเทพีไนกี้เป็นสัญลักษณ์อันแสดงถึงชัยชนะที่ว่องไวปราดเปรียว โลโก้ที่เป็นรูปโค้งยาวคล้ายเครื่องหมายถูกของรองเท้าNike ก็สื่อถึงปีกของเทพีไนกี้นั่นเองนอกจากนี้แล้ว ไนกี้ยังเป็นเทพีที่เป็นสัญลักษณ์อยู่บนกระโปรงหน้ารถยี่ห้อโรลส์-รอยซ์ รถหรูระดับ hi-end อีกด้วย

“ก็ดังอันดับต้นๆค่ะ สูสีกับ Adidasส่วนแบรนด์ท้องถิ่นก็ Onitsuka มาวินค่ะ” ริโกะแจงตามที่รู้ ก่อนจะเดินออกจากร้านเหมือนจะทิ้งเยื่อใยให้กับรองเท้าที่หมายตาคล้องใจคู่นั้น ปิ่นปัทม์ไม่ได้เดินตามเธอคว้ารองเท้าคู่นั้นมาไว้ในครอบครอง ชำระเงินเสร็จสรรพกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามไกด์สาวมา

“นี่..แม่ดอกมะลิจะเดินเหินหัดมองคนที่มาด้วยกันบ้างสิ ฉันหลงไปจะทำยังไง”ปิ่นปัทม์โวยวายพอเป็นพิธี ยื่นถุงรองเท้าให้สาวฟันกระต่ายตีความไปว่าต้องการให้ช่วยถือ ซึ่งมันเป็นหน้าที่โดยตรงของเธอริโกะรับมาและเดินงุดๆไป ปิ่นปัทม์ชักไม่สนุก เธอต้องการ action ที่เปี่ยมไปด้วย passion

“ยัยทึ่ม!!..ฉันซื้อให้เธอนะเปลี่ยนมันเดี๋ยวนี้” ริโกะฟังพอจะเข้าใจ แต่ยังสงวนท่าที ยืนหน้าเป๋อๆเป้ยๆแถวกรุงเทพฯเรียกว่าอิดออดนั่นแหล่ะ

“ฉันไม่หักจากค่าจ้างหรอกน่า เปลี่ยนซะ”คนเจ้ากี้เจ้าการกุลีกุจอแกะกล่องรองเท้าออก บ้าเห่อแทนคนได้รับความสุขและสนุกของการจับจ่ายคือตอนนี้เอง

“ขอบคุณค่ะ”ริโกะจนทางปฏิเสธเพราะรู้ว่านายจ้างที่จิตเต็มไปด้วยความอยากเอาชนะในความรู้สึกของคุณเขาก็แค่ฟาดเศษเงินแกล้งเธอเท่านั้นแต่ปฏิภาคกลับจากมุมมองของสาวญี่ปุ่นคนหนึ่งการซื้อรองเท้าให้กันมันมีความหมายลึกซึ้งมาก ชาวญี่ปุ่นขึ้นชื่อว่าเดินเยอะการซื้อรองเท้าให้ใครสักคนจึงต้องมีความสัมพันธ์พิเศษมากกว่านั้นในระดับชั้นลึกที่สุดคือหมายความว่า

'ฉันจะมีเธอเคียงข้างร่วมทางตลอดไป'

“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็น..”

“อะไรคะริโกะเอียงคอรอฟังระทึกคึกโครมภายใน ลุ้นแบบหวาดเสียว คุณเขาเคยน้อยเคยง่ายไหมเล่า

“ยังนึกไม่ออกสิ แปะไว้ก่อนเนอะ”ปิ่นปัทม์ส่งสายตาที่ริโกะไม่อาจไว้วางใจได้เลย ไกด์สาวจำต้องท้วงหนักๆ

“คุณติดฉันเป็นเรื่องที่สองแล้วนะคะ”

“ไว้เรื่องที่สามจะบอกทั้งหมด.. เครป่ะ” สาวไทยยังหาเรื่องพลิ้วไหวไปได้เรื่อยๆ

“ทำไมทุกอย่างต้องลงที่สามล่ะคะ”ริโกะก้มลงนั่งเปลี่ยนรองเท้าตามคำสั่ง ไม่เข้าใจระบบความคิดสักนิดไหนจะเรื่องจ้างเธอด้วยค่าตัวแสนแพงเพียงแค่สองวันแรกที่เจอกัน ไม่บอกชื่อนามทั้งยังซื้อรองเท้าให้ หรือที่เมืองไทยเขาเป็นกันแบบนี้หมดน้อ??

“อย่าทำตัวเป็นอัยการซักฟอกซักค้านหน่อยเลยน่าอุ๊ยๆ!! มีร้านเครปด้วย น่ากินจัง” ปิ่นปัทม์มาหยุดที่หน้าร้านเครปญี่ปุ่นต้นตำรับเช่นเคยที่มีตู้โชว์โมเดล มีให้เลือกเป็นร้อยหน้า สารพัดสารพัน filling ยั่วกิเลสตัวหนา ตามธรรมเนียมไทยของคาวไปแล้วก็ต้องของหวานล้างคอใจของสาวสวยอยากลองถึงสองแต่ต้องตัดใจ รู้อยู่ว่าที่นี่ให้เยอะวิธีสั่งก็แสนง่ายดายเพียงแค่จำตัวเลข เดินไปที่แคชเชียร์บอกแจ้งออร์เดอร์และชำระเงิน ระหว่างที่รอเครปปิ่นปัทม์สังเกตเห็นสาวแคชเชียร์นางน้อยช่างน่ารักน่าขอไลน์แต่ไม่อาจก้าวข้ามชนะคนข้างๆไปได้หรอก ขนมหวานสัญชาติยุ่นในซองกระดาษถูกยื่นให้ปิ่นปัทม์กินไปมองดูริโกะทีชม้ายชำเลืองมองสาวเสิร์ฟอีกทีหนึ่งที่เคยอนุมานไว้ก่อนหน้าว่าการทำอาชีพที่ดูเหมือนว่าลำบากขาแข็งอาบเหงื่อต่างน้ำมันจะไม่พอเลี้ยงชีพคงไม่จริงนอกจากสองนางตรงนี้ ร้านรวงที่แวะเวียน ผู้สาวญี่ปุ่นวัยประมาณ 20-25 หน้าตาจิ้มลิ้มต่างพาเหรดกันมาเป็นแคชเชียร์หรือพนักงานขาย เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ว่ารายได้คงไม่น้อยแล้ว

จิตที่เตลิดทำให้ครีมขาวเลอะเปื้อนแก้มใสไปแบบไม่รู้ตัวริโกะจำต้องร้องทักนายจ้างพิไล

“คุณคะ คุณ”

“หือ

“เครปเลอะหมดแล้วค่ะ” ริโกะไม่เพียงพูดเธอเดินไปขอกระดาษทิชชู่เพิ่มจากแคชเชียร์วัยเดียวกัน กลับมายืนข้างๆเช็ดแก้มนวลให้ปิ่นปัทม์แผ่วเบารสชาติเครปว่าฟินแล้ว การกระทำนี้เป็น action ที่เรียก passionกระแทกใจจากเธอเต็มเปา

“อยากมาเป็นเลขาฉันไหม”ปิ่นปัทม์ยื่นข้อเสนอเพื่อสิทธิ์การครอบครองอย่างสมบูรณ์น่ารักน่าเย้าแบบนี้ทิ้งไว้แค่การเป็นไกด์และนักท่องเที่ยวไร้สัมพันธ์ที่สานต่อมันเสียดายของ

“เลขา..ที่เมืองไทยเหรอคะ”นี่เป็นอีกครั้ง ที่คุณคิดแปลกๆ ริโกะไม่ได้เตรียมคำตอบไว้หากคุณไม่คิดทีเล่นแต่จะเอาจริงๆขึ้นมาเธอจะตัดสิน ใจอย่างไร

“เลขาหมายถึงการติดตามเจ้านายไปทุกๆที่ไง”

“เรา…เพิ่งรู้จักกันไม่ยังถึงสามวันดีเลยนะคะ”

“จะสามวันหรือสามปีค่ามันก็เท่ากันเพราะฉันเลือกเธอแล้ว ไปกันเถอะหวานมากมันเลี่ยน”ปิ่นปัทม์ขยำห่อกระดาษทิ้งลงถังลุกเดินไปไม่รอรี ริโกะได้แต่เดินตามนั่นรวมไปถึงการไล่ตามความคิดด้วยลำพังอุปสรรคทางภาษาก็สื่อสารกันเข้าใจยากอยู่ก่อนแล้วนี่ยังจะใช้การเปรียบเปรยให้ต้องขบอีก ‘เฮ้อออ..คุณนะคุณ’

เดินไปสักพักสองสาวเจอกับร้านขายผลไม้ฝานเป็นชิ้นเสียบไม้ มีสับปะรด เมล่อนเขียวสนนราคาเป็นกันเอง 100 เยนส่วนเมล่อนสีส้มและสตอเบอรี่แพงกว่า อยู่ที่ 200 เยน

“อยากกินเหรอ”ไกด์สาวพยักหน้ารับแววตาสุกใสราวกับเป็นเด็กน้อยขอฉันทานุมัติจากผู้ปกครองริโกะเคยชินฝังเข้าไปใน DNA เวลาที่อยู่ในงานเธอถูกพร่ำสอนอบรมมาว่า‘ห้าม’ ทำเรื่องส่วนตัวเด็ดขาดปิ่นปัทม์เองแม้จะจุกแน่นจากเครปแต่บรรดาผลไม้เสียบสีสดมันก็น่าลองเขาว่าเมล่อนญี่ปุ่นคือที่สุดของผลไม้ชนิดหนึ่ง เรื่องนี้ต้องพิสูจน์นักท่องเที่ยวจากแดนสยามจ่ายเงินซื้อมาอย่างละไม้ ยื่นไปแทบจะทิ่มหน้าของริโกะ

“คือว่า..ฉันทานเองได้ค่ะ”

“อวดดี! ของพะรุงพะรังเต็มมือจะกินยังไง”ปิ่นปัทม์ตวาดลั่นตรอก ไม่ได้เผลอ ตั้งใจสุดๆเลยล่ะ

“ทำไมต้องดุด้วย” สาวฟันกระต่ายหงอรับประทานเสียงอ่อย ไหล่ห่อคอตก

“ฉันเป็นนายจ้างเธอจะเสียงดังหรือกระซิบก็มีสิทธิ์เต็มขั้นจำไว้ อ้าปาก!! เร็วปากรูปกระจับอ้าอย่างขวยเขิน

ระหว่างที่เมลอนสีส้มกลิ่นหอมหวานจะเข้าปากริโกะต้องตกใจเป็นกำลัง เมื่อเห็นสองชายโฉดที่เธอตกกระไดพลอยโจนไปมีปัญหาด้วยเดินสอดส่ายมองซ้ายแลขวาเหมือนว่าตามหาใครสักคนมาในระยะสิบเมตรแน่นอนว่าใครสักคนไม่พ้นเป็นตัวเธอ อดีตสาวเสิร์ฟสุดลนลาน ใจเต้นระทึกชั่วเสี้ยววินาทีไม่เกินสองวินาทีจากนี้เธอจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อหลบให้พ้นสายตาอาฆาตทั้งสี่ไม่มีอิทธิฤทธิ์หายตัว ไร้ซึ่งปาฏิหาริย์ดำดินหนี ทางเลือกทางรอดมีเพียงวิธีเดียว

“ขอโทษนะคะคุณฉันจำเป็นจริงๆ” ริโกะเอ่ยคำน้อย ไสร่างของคุณคนสวยเข้าหากำแพงตรงมุมทางเดินประกบริมฝีปากบางของตนบนปากนายจ้างสาวอย่างสายฟ้าแลบ ใช่วิธีสุดวาบหวามนี้เป็นไปเพื่อบังสายตายากูซ่าขาโหด

ได้ผล ทั้งชายร่างท้วมและชายผมหยักศกเพียงชำเลืองมองแต่ไม่ได้สนใจไปมากกว่านั้น เดินเลยผ่านไปในที่สุด วัฒนธรรมที่นี่โอเพ่นหญิงสองคนจะจูบกันกลางถนนไม่ใช่เรื่องที่จะจดจ้องเอาเป็นเอาตาย

Action สุดหวามมันเกิดขึ้นราวกับภาพ superslow motion ที่ถูกถ่ายทำด้วยกล้องคุณภาพสูง

“อื้ออออ..แม่ดอกมะลิ ทำอะไร” ปิ่นปัทม์ร้องอู้อี้ในลำคอ ก่อนจะสลัดหลุดออกมาไม่ปฏิเสธว่าพึงใจกับสาวน้อยฟันกระต่ายผู้น่ารักยิ่งแต่รับไม่ทันกับการจู่โจมสุดประหลาด ริมฝีปากร้อนวูบวาบแผ่ซ่านไปทั่วทั้งใบหน้ามนที่สำคัญมันคือ 'จูบแรก' ในชีวิตสาวสมบูรณ์แบบอย่างเธออร๊ายยยย!!

ริโกะยังหน้าตาตื่นไม่ปฏิเสธเช่นกันว่ารู้สึกพิเศษกับนายจ้างผู้ไม่รู้จักแม้แต่ชื่ออย่างไรก็ดีอารมณ์สะท้านไหวในใจต้องเก็บไว้ก่อน เธอเพียงกระซิบกระซาบกับปิ่นปัทม์เรื่องนี้หมายความสำคัญถึงชีวิตน้อยๆของเธอเทียว

“ชายสองคนนั่นไปหรือยังคะ”

“อะไร? ใครปิ่นปัทม์ให้งง อยู่ๆก็มาจูบเธอแล้วมาถามอะไรบ้าๆแก้เก้อหรืออย่างไร เดี๋ยวแม่เอาคืนซะหรอก ความคิดยังไปได้ไม่สุดริโกะรีบคล้องแขน พานายจ้างสาวก้าวฝีเท้ายาวๆกึ่งเดินกึ่งวิ่ง

“เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วค่ะ”ด้วยความรีบหรือจะเป็นเพราะถึงคราวเคราะห์อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ริโกะหันหลังกลับไปชนเข้ากับอาซิ้มจากแดนมังกรจังเบอร์ ผลไม้ในถุงของหญิงสูงวัยตกลงพื้นลูกพลับกลิ้งหลุนๆกระจัดกระจายไร้ทิศทาง

“อุ๊ย! หนูขอโทษค่ะ” คนโชคร้ายยกมือไหว้และกระวีกระวาดก้มลงเก็บผลไม้ส่งคืนให้

“อะไรของลื้อวะเดินไม่ดูทางเลย” อาซิ้มเดือดดาลล้งเล้งลั่นซอยตามประสา เกิดเป็นจุดสนใจขึ้นมา นั่นรวมไปถึงชายทั้งสองคนผมหยักศกปะสายตาบ้องแบ๊วของผู้ที่กำลังตามหาเข้าเต็มๆ

“เฮ้ย! เจอแล้วตามไปเร็ว” มันแหกปากบอกกับคู่หู ก้าวย้อนศรฝ่าฝูงชนมาหาเป้าหมาย

“คุณคะ วิ่ง ริโกะหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมดคว้าแขนอ่อนของนายจ้างออกวิ่งสุดฝีเท้าไม่คิดชีวิต

“อะไรแม่สาวน้อย เดี๋ยวสิ”ปิ่นปัทม์ได้แต่ร้องถาม วิ่งตามแรงฉุดของริโกะไปแบบไม่เข้าใจโลก

”กรุณาอย่าเพิ่งถามอะไรเลยค่ะเราต้องหนี ไปให้ไกลจากที่นี่” สองสาววิ่งกระหืดกระหอบมาถึงสี่แยกผู้คนต่างหยุดรอเมื่อสัญญาณไฟรูปคนขึ้นเป็นสีแดงเต็มพรืดเบื้องหลังคือชายฉกรรจ์ทั้งสองที่ตามมากัดไม่ปล่อยกระชั้นชิดในระยะเพียงไม่เกินยี่สิบเมตร

'ไม่ เราจะไม่มีวันยอมแพ้'ริโกะครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้ว...




 

Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2559    
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2559 14:51:27 น.
Counter : 595 Pageviews.  

ฉันซื้อเธอแล้ว

“ถึงแล้วสินะรปปงหงิ”ปิ่นปัทม์คลำทางด้วยตนเองมายังสถานีรปปงหงิจนได้ ย่านรปปงหงิ (Roppongi) ที่อยู่ค่อนไปทางทิศใต้ของมหานครโตเกียว เคยเป็นอดีตหมู่บ้านของซามูไรชั้นสูงในสมัยเอโดะ (ช่วงเวลาเทียบได้ประมาณปลายกรุงศรีอยุธยาถึงต้นรัชสมัยรัชกาลที่5 แห่งรัตนโกสินทร์) หากปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ถูกพัฒนาด้วยโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับmega project กลายเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติเป็นที่ตั้งของสถานทูตหลายประเทศ จึงทำให้มีร้านค้าและร้านอาหารแนว western& fusion มากมายเป็นศูนย์รวมสถานที่ท่องเที่ยวยามราตรีอันหรูหรา สไตล์โมเดิร์น เช่นคลับและบาร์ สถาปัตยกรรมต่างๆในบริเวณนี้ถูกออกแบบโดยใช้ความลื่นไหล เส้นโครงและลวดลายที่อ่อนช้อยหลากหลายแบบมาเป็นรูปทรงของตึกถือเป็นการออกแบบที่ดูสวยงาม ทันสมัยสุนทรียศิลป์และสอดรับกับการใช้งานเป็นความลงตัววิจิตรยิ่ง

ทันทีที่ออกมาจากสถานีจุดมุ่งหมายมิใช่การมา shopping ปิ่นปัทม์ต้องการจะมาดูการแสดงไฟใกล้เทศกาลคริสต์มาสและส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เช่นนี้แน่นอนว่าประดาเมืองใหญ่ของโลกจะต้องมีการประดับแสงไฟเฉลิมฉลองโตเกียวก็เป็นหนึ่งในเมืองเหล่านั้นคนญี่ปุ่นแม้จะไม่ใช่คริสต์ศาสนิกชนแต่กระตือรือร้นขอมีส่วนร่วมชนิดที่เรียกว่าคลั่งไคล้เข้าขั้นฟีเวอร์ ตามร้านรวงแฟชั่นจะมีทั้งเสื้อผ้า accessoriesที่วางขายเป็น theme เกี่ยวกับ Christmasโดยเฉพาะ ปิ่นปัทม์ไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อยเพราะพี่ยุ่นเขานิยมแต่ง cosplayอยู่แล้ว สาวสวยนึกภาพตาม ในคืน Christmas’ Eve บรรยากาศคงจะคึกครื้นเริงรื่นน่าดูชมมีเหล่าซานต้าสวยๆเซ็กซี่แต่ง cosplay การประดับแสงไฟตามอาคารและท้องถนนนับเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่เธอเฝ้ารอและรปปงหงินับรวมเป็นหนึ่งในสถานที่เลื่องชื่อเพราะความเป็นตะวันตกที่มากกว่าย่านอื่นทางการและภาคเอกชนจึงร่วมกันจัดงานแสงสีเป็นประจำทุกๆปี

ปิ่นปัทม์มาถึงส่วนบริเวณที่เรียกว่า TokyoMidtown ซึ่งมีการจัด event แสดงแสงไฟ LEDอะร้าอร่ามหลากสีสันสวยงามบนพื้นสวนกว้างประกอบดนตรี classic ทุกค่ำคืนตลอดช่วงหนึ่งเดือนเศษ

‘แม่คนนี้ขาลายสิ้นดี’เทคนิคการจดจำสีสันในสมัยมัธยมปลายถูกนำมาใช้เมื่อพี่ๆน้องๆ ม่วง คราม น้ำเงินเขียว เหลือง แสด แดง ต่างมารายงานตัววับวาวบนฟลอร์ถ้วนหน้าปิ่นปัทม์มิอาจลึกซึ้งเข้าใจความหมายของแสงสีที่สว่างวูบขึ้นแล้ววิ่งไปมาจากมุมซ้ายทแยงจรดมุมขวาบางครั้งกลุ่มแสงสีน้ำเงินก็วาบขึ้นมาก่อนจะแตกกระจายดูคล้ายหยดน้ำเธอเพียงเสพความงดงามก็อิ่มใจแล้ว

นักท่องเที่ยวและคนญี่ปุ่นเองจากทั่วสารทิศรายล้อมเข้ามาดูประติมากรรมชิ้นเอกท่ามกลางผู้คนมากมายและการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นเต้นที่ฉาบไว้เป็นเปลือกส่วนลึกปิ่นปัทม์กลับเกิดความรู้สึกเคว้ง..ใจหายคนที่ถูกทิ้งมันเป็นแบบนี้เอง

จังหวะที่ปิ่นปัทม์มัวแต่ทุ่มความสนใจบันทึกvideoการแสดงเบื้องหน้า ไม่ระวังระไวจึงเผลอเดินชนเข้ากับร่างหนึ่งเข้าจังเบอร์

“I'm sorry.” สาวไทยรีบขอโทษขอโพยครั้นเมื่อเงยหน้าสวยของตนขึ้นมากลับต้องตกใจสุดขีด

“ยัยเด็กเสิร์ฟ!! โตเกียวนี่มันแคบแค่นี้เองรึไง”เสียงแหลมแหวกอากาศกระทบเข้าโสตของริโกะ

“คุณ!!” สาวฟันกระต่ายม่านตาขยายกว้างตกอกตกใจไพ่แพ้กัน ข้างกายเป็นเพื่อนพริตตี้สาวชื่อ ฮารุกะ ที่มาดูไฟด้วยกัน

“โอะ นะมะเอะ วะ นานเดสก๊ะ”ปิ่นปัทม์นึกครึ้ม ขอลองวิชา ถามไถ่ชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่นเธอเพิ่งท่องจนขึ้นใจกรุ่นๆเมื่อตอนขึ้นรถไฟฟ้าเอง ภาษาญี่ปุ่นนี่ก็แปลก มีโอะนั่นก๊ะนี่ตลอด

“วะตะชิ วะ ริโกะ เดส (ชื่อริโกะค่ะสาวไทยเปิดแอพฯ dictionary บนสมาร์ทโฟน เงยหน้าขึ้นมามองแล้วก็ยิ้มที่มุมปาก ริโกะแปลว่าดอกมะลิเบ่งบานสีขาวบริสุทธิ์ส่งกลิ่นหอมรัญจวนใจ

“อ้อ..แม่ดอกมะลิ” ริโกะได้แต่ยืนตาปริบๆเป็นที่รู้กันว่าภาษาอังกฤษไม่กระดิกหูได้เพียงคำพื้นๆโดดๆ yes, no, ok, thankyou, sorry อะไรเทือกนั้น ฮารุกะที่ยืนข้างกันหันมาอาสาเป็นล่ามให้ การสื่อสารของทั้งหมดจึงง่ายขึ้น

“มาทำอะไรที่นี่เวลานี้เธอต้องอยู่ร้านไม่ใช่เหรอ หรือว่าเป็นวันหยุด”

“ฉันลาออกแล้วค่ะมาสมัครงานละแวกนี้พอเสร็จจึงมาเดินเล่นแล้วก็บังเอิญเจอคุณ” ริโกะตอบตามจริง

“ออก?!” ปิ่นปัทม์ได้แต่ทวนคำไม่แปลกใจเกินควรเพราะรู้อยู่ว่างานเสิร์ฟมันจะไปพอยาไส้อะไร

“ค่ะ..มีเรื่องให้ต้องเปลี่ยนงาน”ผู้ตอบไม่บอกลงลึกในรายละเอียด คุณคนนี้ดูท่าปากคอเราะรายอาจโดนค่อนขอดว่าโอ้อวดและฮารุกะถ่ายทอดตรงไปตรงมาแปลความตามนั้น ปิ่นปัทม์หมุนศีรษะซ้าย-ขวารอบหนึ่งเหมือนใช้ความคิด ยื่นหน้าสวยของตนมาใกล้พินิจอดีตสาวเสิร์ฟตลอดกายเนื้อ สาวไทยผู้เลิศเลอยิ้มออกมาอีกครั้งการเที่ยวครั้งนี้ของเธอจะไม่เดียวดายแล้วล่ะ

“ฉันจะจ้างเธอเป็นไกด์..โอเคไหมริโกะเพียงจับความแค่อะไรไกด์ๆกับโอเคเป็นฮารุกะเจ้ากี้เจ้าการคิดแทน

“เพื่อนฉันค่าตัวแพงนะคะ”เพื่อนตัวดีปล่อยหมัดตรงหมายเข้าแสกหน้าตีหัวเข้าบ้านแม้ตระหนักดีกว่าเป็นไกด์นำเที่ยวมันเหนื่อยกว่าการมายืนปั้นหน้าสวยๆแต่เจอลูกค้ากระเป๋าหนักหนทางก้าวหน้าย่อมมีมากกว่าขายของด้วยเรือนกายแน่ๆ ปิ่นปัทม์เชิดหน้า หาได้แยแสรู้มาก่อนหน้าว่าแม่สาวร้อนเงินจะต้องโก่งค่าตัว

“ฉันสู้ทุกราคา”ฮารุกะมองหน้าเพื่อนตาหวาน เหลือบมามองคู่ต่อรอง ก่อนจะทำ quotation ทางวาจา

“วันละสามหมื่นเยน”ปิ่นปัทม์สะอึกน้ำลายเหนียวคอเธอไม่รู้ถึงระบบค่าจ้างค่าแรงของที่นี่ว่าเป็นอย่างไร แต่ไม่นึกว่าสองนางนี้จะโหดฝุดๆอย่างไรก็ดีคนเอาชนะเป็นหลักชัยมีหรือที่จะยอม

“ไม่มีมัดจำ จ่ายเมื่อจบวันต่อวันพาฉันเที่ยวและตามใจเท่านั้น ถ้าไม่ตอบภายในหนึ่งนาทีจะจ่ายแค่ครึ่งเดียว”ปิ่นปัทม์ยื่นเงื่อนไขบ้าง นี่ถ้า สุพรรษาอยู่ด้วย ดีลแบบนี้ไม่มีวันได้แอ้มเงินในกระเป๋า ใช่.. ปิ่นปัทม์ยอมรับหากยึดตามหลักความเป็นจริงคงถือว่าเธอโง่มากๆที่ยอมทุ่มกับเด็กเสิร์ฟมือสมัครเล่นแต่จากสัญชาตญาณเธอเชื่อว่าตัดสินใจถูก

“ตกลงค่ะเดี๋ยวฉันขอคุยกับริโกะก่อนนะคะ” ฮารุกะรีบตกลงแรกทีเดียวเปิดราคาไว้ด้วยเกรงว่าจะโดนต่อสะบั้นหั่นแหลกไหงมันง่ายยิ่งกว่าอ้าปากง่ำโตเกียวบานานาเช่นนี้เพื่อนสุดแสบคว้าแขนของริโกะที่ยังโก๊ะๆ เดินหลบมุมไปคุยกันสองคน

“เฮ้ยๆ! ใครตกลงนี่แกก็รู้ฉันพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แล้วไปเรียกราคาเลือดสาดขนาดนั้นเขาจะว่าเอาได้ว่าคนญี่ปุ่นหน้าเลือดไร้ซึ่งน้ำใจ” หลังจากที่รู้ว่าเจรจาความถึงตัวเธอริโกะรีบโวยเพื่อนอัตราจ้างอาชีพมัคคุเทศก์ทั่วไปอยู่ที่วันละไม่เกินหมื่นเยนเท่านั้นหรอก

“จะปฏิเสธก็ได้นะ ฉันจะกลับไปบอกคุณเขาดีไม่ดีฉันขออนุญาตรับงานนี้ไว้เสียเอง” ฮารุกะขู่หนักๆ ริโกะประมวลเหตุการณ์ดูแล้วคุณคนไทยสุดสวยน่าจะจ้างเธอไม่น้อยกว่าสามวันสี่วันงานพริตตี้หรือก็ยังไม่เริ่ม เงินหลักแสนเยนมารอตรงหน้า ใครจะไม่ฉวยคว้าไว้

“เครๆ.. แล้วมีเงื่อนไขอะไรอีก”

“ไม่รู้สิยังไม่ได้คุยลงในรายละเอียดเลย แค่คุณเธอบอกว่าให้พาเที่ยวและก็ตามใจเท่านั้น”

“อ้าวแกนี่ ชุ่ยจังฮารุกะว่าแต่แกจะหักค่านายหน้าเท่าไหร่”

“หูย ใครจะไปคิดกับแกลงคร้าเพื่อนช่วยฉันไว้ยามยากก็ตั้งหลายหน เจ๊าๆกันไปเนาะ” ริโกะซาบซึ้งนึกเปรียบกับอิโอริที่นำพาความเดือดร้อนมาให้เพื่อนดีและร้ายมีปะปนกันอยู่ที่การเลือกคบจริงๆเธอยังนิ่งเป็นต้นไม้ไร้ลมโบก ไม่ได้เคลือบแคลงว่าเพื่อนสาวไม่ตรงไปตรงมาที่ยังปากหนักเพราะสังหรณ์ใจแปลกๆต่างหาก

“เถอะน่าคุณเขาหน้าตาสะสวยดูผู้ดี๊ผู้ดีขนาดนี้คงไม่เรื่องมากหรอกแค่พาไปดูโน่นนั่นนี่ก็หมดวันรับเงินเละแล้วแกเอ๋ย” ฮารุกะรบเร้าต่อเนื่องครึ่งประโยคหลังน่ะเพื่อนตัวดีพูดถูกทุกพยางค์ แต่ไอ้เรื่องไม่มากเห็นท่าจะไม่ใช่แล้วดูจากทรงคุณเธอเชิดๆรั้นๆชอบเอาชนะแบบนี้ ไหนจะเรื่องการสื่อสารที่เป็นปัญหาอีกปวดหัวอลวนอลเวงแน่นอนริโกะจัง.. สองนารีชาวญี่ปุ่นเดินกลับมาหานายจ้างริโกะค้อมตัวอย่างนอบน้อม

“โยโรชิกุโอเนะกาอิไซมาซซซซ (ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะปิ่นปัทม์พยักหน้ารับเข้าใจเนื้อความดีเธอเป็นคนเรียนรู้ไวได้ยินและทวนซ้ำเพียงครั้งก็สามารถจำสิ่งนั้นๆได้ราวกับกดเซฟไว้ใน flashdrive

“ฉันจะใช้เธอให้คุ้มค่าตัวทุกเยนเลยล่ะแม่สาวน้อย”ประโยคมุบๆมิบๆในภาคภาษาไทยไร้ซับไตเติ้ล ทำให้ริโกะและฮารุกะแปลความไม่ได้แต่รอยยิ้มที่มุมปากเก๋ๆอย่างเคยมันแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มที่ดูร้ายลึกพิกลริโกะชักเสียวสันหลัง

“โฮเทรุ..งานแรกคือพาฉันกลับโรงแรม ” ปิ่นปัทม์เริ่มต้นออกคำสั่งทิ้งถุง shoppingเดินตัวปลิวสุดแสนสบายใจ ริโกะโบกมืออำลาฮารุกะก่อนจะเดินตามนายจ้างแกะกล่องต้อยๆ สองมือถือข้าวของพะรุงพะรัง...

เมื่อเจอเจ้าถิ่นปิ่นปัทม์ก็ไม่ต้องปวดหัวกับระบบรางเส้นทางคมนาคมทางใต้ดินที่ซับซ้อนอีกต่อไปเพียงยื่นนามบัตรของโรงแรมให้ สาวฟันกระต่ายก็พาเดินย่ำต๊อกซอกแซก

“ไกลหรือเปล่านายจ้างสุดพิไลสปีคอิงลิช ริโกะยิ้มแหย กลายเป็นภูเขาบังเส้นผมมืดมนกับการสื่อสาร ปิ่นปัทม์หาหนทางไว้ล่วงหน้าแล้ว เธอฉวยโทรศัพท์ขึ้นมาอาศัยตัวช่วยด้วยการเปิด Dictionary นิ้วน้อยๆกดตัวอักษรป้อนศัพท์ h-o-w f-a-r? ตัวคันจิเด้งขึ้นมาปรากฎบนหน้าจอยื่นให้ริโกะ ไกด์สาวส่ายหน้าบ่งบอกว่าไม่ไกลมาก ปิ่นปัทม์ใช้วิธีการเดิมคือเมื่อต้องการสิ่งใดใช้การพิมพ์เป็นวิธีส่งสาร เป็นคำๆอันภาษาทั่วโลกรูปประโยคล้วนกำเนิดมาจากคำ เพียงแต่จะวางประธานกริยาและกรรมเรียงลำดับกันอย่างไรเท่านั้น

“ฉันอยากนั่งแท็กซี่”

“มันแพงนะคะ”ริโกะทักท้วงพิมพ์ข้อความกลับส่งคืนไปบ้าง ปิ่นปัทม์หน้ามู่ยืนกรานว่าจะเอา เท่านั้นเธอพยักหน้ารับจำทำตามความต้องการ พาเดินมาถึงจุดเรียกแท็กซี่ซึ่งอยู่หน้าสถานีรถไฟ ปิ่นปัทม์เห็นมีคันหนึ่งจอดรออยู่สังเกตไฟสีเขียวตรงมุมล่างขวาที่ด้านหน้ากระจก จ้ำฝีเท้าจะก้าวขึ้นรถริโกะคว้าท่อนแขนห้ามเอาไว้

“ต้องขึ้นคันที่มีไฟสีแดงเรดค่ะเรด”

“อ้าว ใครจะไปรู้”ปิ่นปัทม์เป็นงงกับระบบสีที่น่าจะเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลกทั้งสองรอจนรถคันที่มีไฟสีแดงเข้ามาเทียบท่า เป็นรถ Toyota Crown รุ่นเก่าสีดำทรงกล่องไม้ขีดดูเทอะทะริโกะกระวีกระวาดเปิดประตูให้นายจ้างสาวเข้าไปนั่งก่อนที่เธอจะขึ้นตามไปส่งนามบัตรของโรงแรมให้คุณลุงคนขับท่าทางใจดีและสุภาพนอบน้อม สวมสูทผูกเนคไทและสวมถุงมือขาว ภายในรถดูสะอาดกว้างขวาง ตัวเลขที่มิเตอร์สตาร์ทที่ 700 เยน

“นอนโรงแรมแคปซูลไม่ต้องห่วง” ไลน์ข้อความจากสุพรรษาเด้งเป็นสีเขียวขึ้นมา หลังจากปิ่นปัทม์กดอ่านเธอรู้สึกชาไปทั่วร่าง เข้าใจอยู่ว่าเพื่อนโกรธจัดแต่ก็ไม่น่าหักหาญทิ้งเธอไว้ลำพัง

'เรามันนิสัยแย่ขนาดเพื่อนรักที่สนิทรู้ใจยังทิ้งกันได้ลงเรามันแย่มากๆเลยสินะ' ปิ่นปัทม์รำพันโทษความผิดทั้งมวลลงที่ตนแสงไฟสลัวจากท้องถนนและอาคารภายนอกสาดส่องต้องใบหน้านวลของปิ่นปัทม์ที่ดูซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัดริโกะลอบสังเกตเห็นนายจ้างคนสวยมีน้ำใสๆปริ่มที่ขอบตา

'คุณคนสวยต้องทะเลาะกับแฟนแน่ๆอาการเฮิร์ทแบบนี้' ริโกะคิดดังๆในใจ อนุมานจากภาพตรงหน้าไม่ใช่ก็น่าจะไม่พ้นเรื่องปัญหาหัวใจ ลังเลอยู่พักใหญ่ๆว่าจะถามดีหรือไม่เกรงว่าจะก้าวล่วงความเป็นส่วนบุคคล

“โอเคไหมคะคุณคำน้อยที่ห่วงใยหลุดจากปากจนได้

“คืนนี้เธอต้องนอนกับฉัน..ที่โรงแรมนี่ คุณลุงช่วยแปลให้ทีค่ะ”ปิ่นปัทม์ออกคำสั่งและขอร้องลุงคนขับพร้อมๆกับหยดน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้มริโกะอึกอักและอึดอัด จะให้เธอค้างอ้างแรมกับสาวต่างชาติซ้ำยังไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำนี่นะ ที่สำคัญกำลังเศร้าอยู่นี่สิเขาว่าคนภาวะทุกข์ตรมอารมณ์จะค่อนข้างแปรปรวนปกติคุณคนสวยก็เรื่องเยอะขี้วีนเป็นทุนรอนสะสมมากโขอยู่แล้ว นึกภาพไม่ออกเลยจริงๆคุณลุงโชว์เฟอร์พามาส่งถึงหน้าโรงแรมที่พัก ปิ่นปัทม์จ่ายค่าโดยสารตามมิเตอร์ไม่ได้ใส่ใจว่าเป็นมูลค่าเท่าไหร่ เพราะเรื่องของแม่ไกด์สาวสำคัญกว่านัก

“คุณลุงคะช่วยเป็นล่ามต่อให้อีกสักหน่อยนะคะ หนูขอร้อง” สาวไทยยกมือไหว้ท่วมหัวคุณลุงพยักหน้ารับด้วยความเต็มใจ

“อย่าลืมสิว่าต้องตามใจทำตามคำสั่งฉันฉันซื้อเธอแล้วนะแม่ดอกมะลิ” ผู้สูงวัยทำหน้าที่อย่างแข็งขันแต่ไม่ได้ใส่ passionเผ็ดร้อนลงไปด้วยนั่นไม่สำคัญเพราะอาการเกรี้ยวกราดของปิ่นปัทม์บอกแจ้งครบถ้วนสาวฟันกระต่ายต้องการสยบให้นายจ้างสงบเสียก่อน เธอไม่ชอบความรุนแรงทุกประเภท

“เมืองไทยเลิกทาสไปแล้วนี่นาแล้วอีกอย่างคุณซื้อฉันได้แต่ตัว รู้ไว้ด้วยว่าฉันไม่ได้เต็มใจ”

“เลิกแล้วก็ขุดกลับขึ้นมาใช้ใหม่ได้อย่าเรื่องมาก และฉันต้องการเพียงตัวเธอ ไม่ได้ต้องการหัวใจ”ปิ่นปัทม์ตอกกลับระรัวเป็นไฟ ลุงคนขับก็แปลได้ไม่ครบ ฟังทันบ้างไม่ทันบ้างด้วยความเกรงใจ ท้ายที่สุดริโกะจำต้องยอมตามอย่างเสียมิได้...

ถึงห้องพักสิ่งแรกที่ทำคือปิ่นปัทม์ยกหูโทรศัพท์หามารดา

“เป็นยังไงบ้างลูก หนาวไหม”วรรณพิไลทักทายแบบที่ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง

“ปัทม์หาซื้อชาเขียวยี่ห้อที่คุณแม่ชอบได้แล้วนะคะแม่ดูแลตัวเองดีๆ ปัทม์คิดถึงนะ..” ปิ่นปัทม์วางสายทิ้งโทรศัพท์ลงบนเตียงถอนหายใจจนร่างโยน หางตาเห็นแม่ไกด์สาวยืนเป็นแบ๊วทำหน้าปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่หน้าห้อง

“โอกาซัง (แม่) น่ะ” นายจ้างสาวเปรยขึ้นเพื่อคลายสงสัยริโกะคันปากยุบยิบๆจะถามว่าทำไมไม่พาคุณแม่มาเที่ยวที่นี่ด้วยกันแต่ต้องยั้งไว้กลัวว่าจะโดนด่ายับนึกถึงแล้วหลับตาปี๋ หน้าจ๋อยไปพลัน

“เป็นอะไร??” ถามไปอย่างนั้นเองไม่ได้ต้องการคำตอบ ปิ่นปัทม์เปลื้องเสื้อตัวนอกตัวในและตามติดด้วยกางเกงออกจนเหลือแต่อันเดอร์แวร์บางเบาสีเบจห่อหุ้มเรือนกายงามก่อนจะเปลี่ยนเป็นชุดยูกาตะ ริโกะที่ยังยืนอยู่ที่เดิมลอบมองนายจ้างในสภาพกึ่งเปลือยหลบแล้วก็แอบมองใหม่ พวงแก้มฝาดโลหิตระเรื่อแดงจัดบ่งชี้ชัดถึงความรู้สึกหวิวๆแปลกๆแบบที่อธิบายไม่ถูกรู้แค่ว่ามันแตกต่างมากเหลือเกินจากโมเมนต์ที่เธอเข้าออนเซ็นหรือชั่วโมงพละศึกษาที่เพื่อนสาวๆเปลี่ยนชุดในสภาพแบบเดียวกันนี่แหล่ะ

“มองอะไร!!” ปิ่นปัทม์ตะคอกถาม ริโกะสะดุ้งสุดตัวอีกครั้ง เธอเคยดูหนังและละครไทยมาบ้างตามยูทูปแหวๆเสียงดังๆเท่าที่เห็นจะมีแต่ตัวอิจฉานะเออ

ด้านสาวไทยแอบสะใจเล็กๆอย่างน้อยการมีสาวน่ารักมาคอยรองรับอารมณ์หมองหม่นของเธอก็ไม่เลวร้ายเกินจนไปปิ่นปัทม์จ้องมองสาวฟันกระต่ายส่งนัยน์ตาเจ้าเล่ห์เหลี่ยมพรายนึกสนุกด้วยยังไม่หนำใจ มาถึงญี่ปุ่นขอทำอะไรๆแบบที่คนญี่ปุ่นเขาทำกันบ้างทั้งยังค้นพบวิธีการสื่อสารแบบใหม่ เข้าอากู๋ google พิมพ์ข้อความที่ต้องการสื่อถึง เสิร์ชรูป เท่านี้ก็เข้าใจต้องตรงกันเธอเริ่มต้นจากคำว่า ถู--ลั-ง รูปหญิงสาวสองคนนุ่งผ้าขนหนูกระโจมอกในอ่างน้ำเด้งขึ้นมานี่แหล่ะแบบนี้เลยๆที่อยากด้ายยยย

“มานี่ซิสาวน้อยนั่งลงตรงนี้” คนเอาแต่ตนเป็นที่ตั้งกวักมือเรียกเย้วๆ ตบเตียงดังปังๆริโกะละล้าละลัง ค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ หย่อนกายนั่งลงข้างๆปิ่นปัทม์ เตียงเล็กยุบยวบลงไปตามน้ำหนักตัวสาวฟันกระต่ายสุดประหวั่นนัยน์ตาสั่นระริกด้วยเริ่มเห็นนายจ้างสาวจำแลงกายเป็นแม่เสือดุร้ายเตรียมจะขย้ำเหยื่อเข้าไปทุกขณะจิต

“สอนฉันอาบน้ำแบบญี่ปุ่นหน่อย”ไม่พูดเปล่า คนออกคำสั่งส่งภาพสีให้ดูกระจ่างชัด ริโกะแค่นเสียงสูงเข้าสู้ทันที

“มันก็แก้ผ้าอาบน้ำเหมือนๆกันทั้งโลกหรือว่าที่เมืองไทยไม่ใช่” รู้ความว่าปฏิเสธ ทั้งยังยอกย้อนแบบนี้ปิ่นปัทม์ยิ่งชอบใจ

“คนญี่ปุ่นเขาชอบให้ถูหลังกันไม่ใช่เหรอสาธิตหน่อยสิ” ริโกะก้มหน้างุด ตัวสั่นสะท้านเป็นลูกนกแรกเกิดจะมองว่าเป็นเรื่องแสนธรรมดาก็ใช่ นั่นสินะทำไมเธอต้องกลัวถึงขนาดนี้ด้วยรู้สึกร่างตนเองเบาหวิวอยู่ในสภาพไร้น้ำหนักจนแทบจะครองสติไว้ไม่ได้

เห็นหน้าซีดและอาการป้อแป้สิ้นฤทธิ์ของริโกะเท่านั้นปิ่นปัทม์ก็หมดเรื่องแกล้งเอาเข้าจริงเธอก็ใจสั่นหวั่นไหว แม้ไม่มากแต่ก็ไม่นับว่าน้อยทำอวดเก่งฝีปากกล้าข่มนางไปอย่างนั้นเอง

“เครๆ..แม่คนหวงเนื้อหวงตัว แกล้งเย้านิดเดียว เปราะจังนะยะหล่อน” ปิ่นปัทม์ล้มเลิกความตั้งใจเสียดื้อๆยื่นมือเรียวของตนช้อนใต้คางแหลมของคนน่ารักก่อนจะลุกพรวดพาร่างของตนเข้าห้องน้ำไป ริโกะสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากอุ้งมือมารเอ้ย..อุ้งมือนุ่มนิ่มของนายจ้างต่างชาติหาข้อสรุปให้ตนเองไม่ได้ว่าเป็นบ้าเป็นบออะไร?

“ฉันไม่ได้เจ็บได้ป่วยไม่ต้องเป็นห่วงเป็นใย

แค่ฉันขาดความอบอุ่น..ทางใจ

แค่กอดกันก็พอ ถ้าหากจะขอได้ถ้าขอได้

ก็ขอแค่นี้แล้วกัน

แค่กอดกันก็พอที่เหลือก็ปล่อยฉัน

มันเพ้อมันพล่ามของมัน..ไป”

เสียงใสๆฮัมเพลงอย่างมีความสุขในห้วงที่ร่างเปลือยนอนแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำจู่ๆก็ถูกขัดจังหวะ ริโกะมายืนเคาะประตูเรียก

“ก๊อกๆ...”

“อะไรอีกสาวน้อยโทรศัพท์เหรอ” ปิ่นปัทม์ตะโกนถาม ลุกจากอ่างไม่ทันที่จะคว้าผ้าขนหนูมาห่อหุ้มปล่อยให้ฟองสบู่ขาวเกาะพราวตามเนื้อตัว แง้มบานประตูออกในระยะหนึ่งฝ่ามือ

“ฉัน…ฉันจะถูหลังให้คุณไงคะ”ริโกะพูดเสียงเบากว่าเบา สาวฟันกระต่ายไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่แต่ก็ปลงใจแล้วมือโชว์ผ้าขนหนูผืนเล็กยื่นสอดเข้ามา

“อุต๊ะ!!” ปิ่นปัทม์ใจเต้นระรัวยิ่งกว่ากลองสะบัดชัย เอาแล้วไงยัยปัทม์เอ๋ยยั่วนางไว้เจอเกมรุกสวนกลับ จะทำยังไงดี...




 

Create Date : 29 มกราคม 2559    
Last Update : 29 มกราคม 2559 14:00:09 น.
Counter : 351 Pageviews.  

เป้าหมายที่ถูกเปลี่ยน??

ย่านอากิฮาบาระริโกะรับจ๊อบรายชั่วโมงแข็งขันยืนโต้ลมหนาวแจกกล่องกระดาษทิชชู่ภายในสอดแทรกแผ่นพับเล็กๆเป็นการโฆษณาสินค้าไว้ด้วยนับเป็นกลยุทธ์การตลาดที่เรียกว่า opportunityshare บ่อยครั้งที่การแจกแผ่นพับ leaflet , brochure ต่างๆมักเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำอย่างสูญเปล่าผู้ได้รับไม่เพียงไม่สนใจอ่าน กลับขยำเป็นก้อนและโยนทิ้งตรงหน้าต่อเมื่อได้รับสิ่งของที่เป็นประโยชน์ ไม่เพียงไม่ทิ้งขว้างผู้ได้กลับใส่ใจพินิจสิ่งที่สอดแทรกมา เฉกกระดาษชำระที่ได้รับหนังสือพิมพ์ที่แจกฟรีตามย่านธุรกิจทุกๆเช้านับเป็น opportunity share เช่นกัน นอกจากข่าวสารและบทความสาระที่น่าอ่านการโฆษณากลับได้ผลมากกว่าเพียงยื่น brochure กันตรงๆทื่อๆ ริโกะเองก็ไม่เข้าใจลึกซึ้งหรอกเพียงสังเกตว่ายามใดที่แจกของเปรียบเทียบกับแจกเพียงแผ่นพับโดดๆ ผลตอบรับมันแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญสาวฟันกระต่ายใช้เวลาเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงภารกิจจึงลุล่วงเงินค่าจ้างนั้นรับมาเต็มจำนวนแล้วเธอเก็บของเดินลงทางใต้ดินไล่ตามฝันด้วยมีนัดสมัครงานเป็นพริตตี้รถยนต์หรูที่จะเปิดบู๊ทในย่านรปปงหงิ(Roppongi) บุคลิกที่ยิ้มแย้ม หน้าตาจิ้มลิ้มหุ่นเพรียวบางกรอบ ดึงดูดลูกค้า จึงไม่ยากที่ริโกะจะได้งานนี้แน่นอนว่าค่าจ้างย่อมดีกว่ายืนอุดอู้เป็นพนักงานเสิร์ฟเป็นไหนๆ...

สี่โมงเย็นเศษแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ค่อยๆเลือนลับมุมตึกและถูกแทนที่ด้วยแสงไฟหลากสีสันที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อเอาชนะความมืดมิดได้อย่างเด็ดขาดวิวัฒนาการมาตั้งแต่คบไฟ ตะเกียง หลอด incandescentหลอด fluorescent จนกระทั่งหลอด LED ปิ่นปัทม์เดินไปตามถนนเพียงลำพังสวนกระแสธารคลื่นมนุษย์ย่านฮาราจูกุที่ยิ่งไร้ตะวันทอแสงยิ่งคึกคักร่างบางกระชับเสื้อชั้นนอกให้มิดชิดขึ้น

นี่เป็นครั้งแรกระหว่างเธอและสุพรรษานับตั้งแต่รู้จักกันมาที่หมางเมินกันรุนแรงถึงขนาดต้องเดินไปคนละทางแต่ชีวิตก็เป็นแบบนี้

การดำรงอยู่หรือสูญเสียเป็นส่วนหนึ่งของกฎธรรมชาติไม่มีใครสามารถอยู่กับเราได้ชั่วกัลปวสาน

หญิงสาวหลับตาทบทวนตลอดชีวิตจากวัยกระเตาะ เธอเห็นตนเอง ได้มาและสูญเสียไปซึ่งของรัก หัวเราะและร้องไห้พบเจอและพลัดพราก ทุกสิ่งเกิดขึ้นหมุนเวียนมิอาจรู้จุดเริ่มต้นหรือสิ้นสุดแม้ใจปรารถนาจะหอบหิ้วกระเตงสุพรรษาเพื่อนรักให้ไปไหนด้วยกันตลอดไปก็ตามและแม้นว่าจะไม่มีปัญหาผิดใจกันธรรมชาติรวมถึงพระกาลก็บังคับให้ความเป็นเราสูญสิ้นอยู่เอง

แต่ละปัจเจกต่างก็เป็นนักเดินทางผู้โดดเดี่ยวสถานภาพทางสังคมเท่านั้นดอกที่บังคับให้เราสวมหัวโขน ทำหน้าที่และปฏิบัติเป็น พ่อแม่ วงศ์วาน เพื่อน คนรัก ศัตรูหรือสถานะอื่นใด

เราต่างอุปโลกน์และถูกหลอกว่ามีสิ่งนั้นสิ่งนี้ทั้งๆที่ในความเป็นจริง ทุกร่างไม่อาจมีแม้เงาติดตามดวงจิตวิญญาณไปได้เลย

ปิ่นปัทม์มิได้จะแต่งเรียงความส่งประกวดมิใช่ทฤษฎีที่ต้องการพิสูจน์หากมันคือสัจธรรมที่เธอประสบมานานเนิ่นและเพิ่งค้นพบเมื่อครู่...

“หนูแยกกับปัทม์มาได้ชั่วโมงแล้วค่ะคุณน้า”สุพรรษาโทรศัพท์ด้วยแอพพลิเคชั่นไลน์ข้ามแดนรายงานความเคลื่อนไหวต่อวรรณพิไลรับทราบด้วยน้ำเสียงที่พยายามยิ่งยวดให้เป็นปกติ

“ดีแล้วจ้ะหนูมีอะไรคืบหน้าก็โทรมาบอกน้านะ อากาศหนาวไหม อย่าลืมใส่เสื้อผ้าหนาๆนะแล้วก็ไม่ต้องหาซื้ออะไรมาฝากน้าให้วุ่นวายลำบากลำบน น้าได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว” มาตรว่าจะไม่เห็นสีหน้าและอากัปกิริยาจากปลายสายแต่คนโทรคาดเดาจากน้ำเสียงได้ไม่ยากว่า ผู้มีพระคุณพึงพอใจเป็นนักหนา

“ค่ะคุณน้า” สุพรรษาวางสายไปพร้อมๆกับถอนหายใจสองเฮือกใหญ่ แม้ส่วนลึก สภาพจิตใจสุดว้าวุ่นเป็นกังวลให้ห่วงว่ายัยปัทม์เพื่อนรักจะเป็นอย่างไรบ้างจะสามารถใช้ชีวิตตามลำพังได้ไหม ไม่มีคนรองรับอารมณ์นางจะไปเยอะไปบ่นกับใครแล้วแม่นางยากูซ่าเหลี่ยมพรายจัดๆนั่นอีก หากทั้งความโกรธและน้อยใจที่ยังไม่จางลงข้อสรุปว่าคืนนี้และอาจรวมถึงวันต่อๆไป ขอเที่ยวโตเกียวในแบบฉบับของเธอเอง

ปิ่นปัทม์มีรสนิยมชมชอบความทันสมัยหรูหราสมัครใคร่เที่ยวชมตึกรามและแสงสีส่วนตัวเธอเล่า พื้นเพจากเด็กบ้านนอกจึงผูกพันกับวิถีธรรมชาติปรารถนาเยี่ยมเยือนภูเขา น้ำตก ซึมซับดื่มด่ำสีเขียวขจีและท้องนทีธาราใสความที่ต้องตามใจและเกรงใจเพื่อนรักกลับไม่มีโอกาส เพลานี้สบเหมาะสุพรรษาขอประพฤติตนเป็นดั่งสายน้ำไม่ไหลย้อนกลับไปร่วมวงไพบูลย์ สาวสวยเข้า websiteเพื่อหาโรงแรมแคปซูลนอนสัมผัสลิ้มลองประสบการณ์แปลกใหม่เพียงไม่นานก็ได้ข้อมูล เธอจับรถไฟกลับมาที่สถานี Asakusa

จากประตูทางออกสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินไม่เกินสามร้อยเมตรสุพรรษามาหยุดอยู่ที่หน้าตึกบล็อกสี่เหลี่ยมสูงราวห้าหกชั้น หญิงสาวหน้าหวานจากเมืองไทยตรงดิ่งเข้าไปติดต่อพนักงานแต่แล้วกลับต้องเดินคอตกออกมา มิใช่ด้วยห้องพักเต็มแต่ที่นี่เขาไม่เปิดให้บริการกับเพศหญิงต่างหาก

“โว๊ะ! นี่มัน เลือกปฏิบัติ discrimination ชัดๆ“สุพรรษาบ่นไปตามท้องเรื่องหากในความจริงเธอรู้ดีว่าไอ้เรื่องการแบ่งแยกกีดกันทางเพศสำหรับดินแดนศิวิไลซ์คงไม่มีทางเจ้าของคงจะคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นปฐมมากกว่าเธอออกเดินมายังโรงแรมอีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนักจากข้อมูลที่พนักงานโรงแรมเมื่อครู่ได้ให้ไว้

“ขอบคุณค่ะขอให้มีความสุขและหลับสบาย” หลังจาก check-in และชำระเงินจำนวน2,500 เยน สุพรรษารับกุญแจมาจากพนักงานและตรงมาที่ห้องพัก

ขนาดของห้องพักแคปซูลกว้างยาวไม่เกินสองเมตรความสูงก็พอจะให้คนตัวโตๆโก้งโค้งกงโก้กงกกได้ไม่หัวโขกหากยัยปัทม์มาเห็นเธอจะต้องโวยวายเต็มปากว่าเป็นเหมือนคอนโดฯเก็บศพในวัดซึ่งมันก็ไม่ได้ห่างจากสิ่งที่เปรียบเปรยสักนิด สุพรรษาหาได้คิดมากและหวาดกลัวเด็กบ้านนอกคอกนาอย่างเธอนอนได้สบายใจอยู่แล้ว ตาเนื้อสำรวจไปรอบๆแถวยาวแคปซูลจะเรียงต่อกัน 2 ชั้น ตัวห้องทำจาก ไฟเบอร์กลาสแข็งแรงทนทาน สาวสวยมุดเข้าไปในบริเขตของตนแสงไฟส่องสว่างและต้องแปลกใจเมื่อช่องสี่เหลี่ยมกะทัดรัดกลับมีหมอน ผ้าห่มผืนหนาโทรทัศน์ นาฬิกาปลุก และเครื่องปรับอากาศให้บริการ สุดยอดนวัตกรรมจริงๆ

‘เง้อ!!’ สุพรรษาถึงกับร้องดังๆในใจเมื่อผู้ทอมผมสั้นสกินเฮดเบอร์12 หรือ 38 มิลลิเมตรใส่ต่างหูอันเขื่องราวกับเป็นลูกตุ้มเหล็กซ้ำยังเจาะจมูก ไอ้เท่น่ะก็ใช่แต่ออกแนวน่ากลัวมากกว่าง่ะ เดินสะพายเป้ส่งสายตาฉ่ำเยิ้มเกินกว่ามิตรร่วมโลกยิ้มหวานให้เธอแบบบรรจงถวายพานก่อนจะมุดหายเข้าไปในแคปซูลข้างๆกัน

‘เหอ เหอ.. หนีจากเพื่อนรักเรื่องเยอะมาเจอกับเสือร้ายหลงป่าหรือเปล่านี่กุลกัลยาชักหวั่นๆ อะไรก็ไม่น่ากลัวเท่ากับคนหื่น ชะอุ่ย..ขนลุกๆๆ! คนตัวเปล่าเดินมาสำรวจห้องน้ำที่อยู่ด้านนอกเป็นห้องน้ำรวมใกล้กันมีตู้อัตโนมัติให้หยอดเหรียญเป็นจำพวก snack บะหมี่ถ้วยส่วนของผู้พักอาศัยเพศชายอยู่ชั้นบน

สาวเจ้ายังไม่รู้สึกอยากจะเอนกายพักผ่อนจึงตัดสินใจออกมาเดินเล่น สิ่งที่ดึงดูดความสนใจมากที่สุดหนีไม่พ้นตู้คีบตุ๊กตานับสิบๆตู้ตั้งเย้ายวนชวนแวะเวียนมันมีตุ๊กตาหมีแบบที่เธอชอบเสียด้วย สติ๊กเกอร์แปะเอาไว้ 100 (เยน) และห้ามถ่ายรูป

หนึ่งในสิ่งที่ตื่นเต้นที่สุดของตัณหามนุษย์คือความท้าทายในการพิชิตสรรพสิ่ง

ลงท้ายสุพรรษาขอลองเสี่ยงดูกับราคาร้อยเยน..ไม่ง่ายดั่งจินตภาพหมดไปห้าร้อยเยนก็แล้วยังไม่ใกล้เคียงครั้นมือกดปุ่มได้สักพักตุ๊กตาตัวน้อยก็หลุดร่วงจากปากคีบความอยากเอาชนะยังเปี่ยมล้นสุพรรษาเตรียมจะสู้เป็นครั้งที่หกและอาจจะเลยลามเป็นเจ็ด.. แปดฯลฯ

สุดหางตาของเธอเห็นคนจากตู้ข้างๆเดินดุ่มๆเข้าหาหยอดเหรียญ ทำเพียงครั้งเดียวได้มาเชย

‘ไรแว๊ ไร้ซึ่งความยุติธรรมเมื่อมีสิ่งเปรียบเทียบ สาวเจ้าจึงอดไม่ได้ที่จะหันไปดูตุ๊กตายื่นมาเต็มๆหน้าสวย

“ดิฉันให้คุณ”เสียงเรียบและอาการยิ้มเย้ยของสาวทะมัดทะแมงตรงหน้าจะเป็นใครนอกเสียจาก..

“เม..เมงุมิ!!”สุพรรษาตกใจเอาการ ในภาวะสติไม่เต็มเต็งมือก็ยื่นออกไปรับของกำนัลแด่สาธุชนมา จะเป็นด้วยสัญชาตญาณหรือความตั้งใจไม่บ่งชัดเช่นเคยที่แค่นเสียงสูงใส่ ตีหน้ายักษ์ขมูขี ออกเป็นแนว pink giant มากกว่าความโหด

“ตามสะกดรอยฉันมารึ?ยัยปัทม์ไม่ได้อยู่ด้วยหรอกนะ” เมงุมิยักไหล่ถือวิสาสะโอบเอวอรชร แน่นแต่เบามือ

‘ให้ตายสิ! เอวเล็กเป็นบ้า คนไทยนี่ขาดสารอาหารหรือไงนะ’ ยากูซ่าตาคมสนเท่ห์ก้าวนำออกมาจากบริเวณเสียงเอะอะมะเทิ่ง เธอไม่ชอบแหกปากตะเบ็งคอ

“เฮ้ๆ! ฉันเดินเองได้” สุพรรษารีบสะบัดให้หลุดจากเงื้อมมือจอมมาร

“เปล่า.. ดิฉันมาทำธุระแถบนี้ เสร็จพอดีเห็นใครก็ไม่รู้หัวเสียอยู่อยากได้ตุ๊กตาเป็นเด็กๆก็เลยลองดู” สุพรรษาโดนเย้ายิ่งหงุดหงิดงุ่นง่านหนีเพื่อนปะเสือร้ายจริงๆ ไม่เพียงท่าทางนิ่งๆยียวนวาจายังสามหาวจิกกัดเธอได้ตลอดๆ

“นี่ๆ..ใครเด็กมิทราบ

“ก็คนที่เล่นตู้หนีบตุ๊กตาไงเด็กๆเบๆ ส่วนผู้ใหญ่เขาเล่นปาจิงโกะกัน”

“ปาจิงโกะ??” สาวสวยเคยได้ยินผ่านหูมาบ้างไม่เคยผ่านตาและไม่เข้าใจสักกระผีกว่าสิ่งที่แม่ยากูซ่าคนงามพูดคืออะไร

“ปาจิงโกะ (Pachinko, パチンコ) เป็นเกม หรืออีกนัยพูดให้เคลียร์ๆเลยว่าเป็นเกมการพนัน (Gamble)”

“นั่นไงๆ! เธอก็ถนัดแต่เรื่องพวกนี้ แม่ยากูซ่า เชอะ!..” สุพรรษาเผลอตัวหลุดเสียงดังเมงุมิต้องเอามือของตนทำท่าจุ๊ปาก กะพริบตาถี่ยิบเธอใช่อยากจะเปิดเผยตัวตนต่อหน้าธารกำนัล

“เบาๆสิคุณ”

“ขอโทษๆแต่เรื่องของผู้ใหญ่แบบที่เธอว่าฉันไม่ขอมีเอี่ยวด้วยยอมเป็นเด็กอมมือให้เธอล้อยันหมาเลียตูดหลานไม่ถึงเลย” สุพรรษาพูดจริงจังเปรียบเปรยเป็นสำนวนบ้านๆแบบไทยๆ ยากูซ่าสาวเข้าไม่ถึงแก่น แต่พอจะเลาๆว่านานกาเลมาก

“ไม่ก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดโลกจะแตกฟูจิซังปะทุลาวาออกมาเลยสักนิด ในญี่ปุ่นของเราปาจิงโกะ คือการพนันที่ถูกกฎหมายมาเที่ยวทั้งทีคนชอบเสี่ยงอย่างคุณก็น่าลองดูบ้าง..ตามมาสิ"หลังจากให้คำจำกัดความและเชิญชวน ไม่รอคำตอบเมงุมิฉวยคว้ามือเย็นเฉียบของ สุพรรษา ออกเดินนำไปอีกครั้ง

“นี่ๆ..ทำไมชอบจูงมือโอบเอวฉันนักนะ บอกกี่ครั้งแล้วว่าเดินเองได้ๆไม่ใช่วัวควายไม่ใช่หมาแมวนะ แล้วก็อย่าได้คิดจะพาฉันไปขายเชียว” ที่เคยว่าเพื่อนตัวไว้ว่าเป็นจอมบ่นบัดนี้สุพรรษากลับเป็นมันเสียเองและท่าจะหนักกว่าด้วยเมงุมิไม่ผ่อนเพลาซ้ำยังกระชับมือแน่น อากาศหนาวแบบนี้เธอต้องการความอบอุ่นและรู้สึกว่าจะได้รับเต็มที่จากเลือดเนื้อสาวไทย ยังมิวายหยอกเล่นหนุกหนาน

“ก็น่าสนนะ คนไทยไม่ค่อยมีลูกค้าคงชอบสวยปากเก่ง ช่างฉอเลาะแบบนี้เรียกค่าตัวได้เป็นแสนเยนสบายๆ” แสนเยน..ก็สามหมื่น บระเจ้า!!เงินเดือนระดับปริญญาโทเลยนะนั่น แล้วจะเรียนกันไปทำไมสุพรรษาแปลงค่าเงิน ตกใจแทบ shock กับสนนราคาค่าบริการทางเพศของมหานครโตเกียวที่แพงได้ใจ

“สะ..แสนเยนเพื่อนอนกับผู้หญิงครั้งเดียวนี่นะ”ดูสาวไทยจะตื่นเต้นกว่าเรื่องปาจิงโกะเมื่อครู่มากกว่ามากเมื่อสุพรรษาตาโตกว่าไข่ห่าน

หรือว่าเธอจะเป็น..เมงุมิแอบใจเสียเล็กๆค่อนไปทางปานกลาง

“ไม่ได้ครึ่งหนึ่งของระดับดาราเอวีหรอกนะ..ว่าแต่คุณสนใจจริงๆเหรออะเมะ”

“บ้าสิยะ! ก็แค่ตกใจกับค่าตัวหรอก เอาเงินมากองเป็นล้านเยนฉันก็ไม่ทำ” เมงุมิยิ้มที่มุมปากพึงใจไม่พูดพร่ำต่อ

สองนารีต่างเชื้อชาติเดินกันมาถึงตึกสูงใหญ่ดูหรูหราเต็มไปด้วยแสงสีเสียงเผินผิวน่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าแต่แท้ที่จริงแล้วมันคือร้านปาจิงโกะด้านหน้าเป็นเหมือนร้านสะดวกซื้อ มีตู้เครื่องดื่มและของขบเคี้ยวไว้บริการและเป็นจุดขึ้นรางวัล มีลูกค้าสองสามคนหอบเอาลูกเหล็กเต็มตะกร้ามาแลกเป็นการ์ด

“เอ่า..ทำไมได้เป็นการ์ด แบบนี้ก็เอาไปใช้อะไรไม่ได้สินอกจากแลกเป็นของ”

“หือ ไม่ใช่ๆเขาจะเอาการ์ดไปขึ้นเงินด้านนอกจ้ะอะเมะ” เมงุมิตอบก่อนจะลอบส่งซิกกับพนักงานว่าไม่ต้องมากพิธีใช่ เดาไม่ยาก มาเอดะ บิดาเธอเป็นเจ้าของที่นี่สัมผัสแรกของสุพรรษาไม่น่าประทับใจเลย เสียงดังอื้ออึงมากกกกราวกับรวมเอาทุกตลาดมาไว้ที่นี่ตามด้วยวิช่วลเอ็ฟเฟ็กต์เป็นควันและกลิ่นบุหรี่เหม็นคลุ้งทั่วทั้งอาณาบริเวณ

“คนเยอะจังนี่มันสถานที่อโคจรชัดๆ”

“นี่ยังจิ๊บๆยิ่งดึกยิ่งคึกคัก” เมงุมิเดินนำมาที่ตู้หรรษามันก็ดูเหมือนตู้เกมทั่วไปไม่มีอะไรพิเศษต่อเมื่อเดินเข้าใกล้จึงค่อยๆเห็นข้อแตกต่าง รูปที่ตู้และหน้าจอมีทั้งตัวการ์ตูนอะนิเมะดังๆต่างมากันครบองค์ประชุม หรือแม้แต่วง AKB48 (เป็นวงดนตรีidol สาวๆที่น่ารักแบบรั่วๆใสๆ) ยากูซ่าพราวเสน่ห์เลือกตู้หนึ่งที่ห่างออกมาจากผู้คนหย่อนสะโพกไหวลงนั่ง สอดธนบัตร 1,000เยน 2 ใบเป็นการแลกเปลี่ยนลูกเหล็กสีเงินสะท้อนแสงแสบตาไหลลงมากองกันด้านล่างมือของเมงุมิหมุนที่ปุ่มด้านขวา เหมือนปรับความเร็วอะไรสักอย่าง

“วิธีก็ง่ายๆหมุนๆแล้วก็หมุนให้ลูกเหล็กลงตรงกลาง” สุพรรษาจดจ่อตั้งใจฟังเธออยากรู้ว่ามือชั้นเซียนจะสำแดงทริคอะไรให้เห็น แต่มันก็ไม่มีอะไรในซูชิไม่ได้น่าตื่นตาตื่นใจตื่นเต้นสักนิดสักน้อย

“ไม่เห็นจะน่าสนุกตรงไหนฮ้าวววว..” สุพรรษาอ้าปากกว้างหาวหวอด

“เป็นคนดูมันจะไปสนุกอะไรคุณลองสิอะเมะ” เมงุมิลุกให้สาวไทยนั่งเธอทำตามที่ยากูซ่าสาวบอกคือเริ่มหมุนและก็หมุน

“แกร๊กๆ...” เสียงของลูกเหล็กที่ไหลลงมากระทบกันในตะกร้าด้านล่างจนเกือบเต็มนั้นช่างไพเราะบ่งบอกว่าเธอชนะ เมงุมิกดปุ่มเรียกพนักงาน ลูกเหล็กถูกนำไปใส่เครื่องนับพร้อมๆกับตะกร้าใบใหม่ถูกนำมาส่ง มือเรียวของสุพรรษาเริ่มทำงานอีกครั้ง ความสนุกเข้ามาแทนที่หญิงสาวเริ่มเข้าใจ เสน่ห์มันอยู่ตรงการได้เอาคืนนี่เอง อิอิ

“เงินกำลังจะหมุนไปกำลังจะหมุนไป” คนเพลิดเพลินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ไม่ช้านานลูกเหล็กกลับไหลลงมามากกว่าเดิม

“Jackpot ฉันได้ Jackpot!!วู้วๆ!!” สุพรรษาลิงโลดกระโดดเต้นชูไม้ชูมือดีใจราวกับนักกีฬาคว้าเหรียญร่างบางจะนั่งลงเล่นต่อแต่ยากูซ่าสาวขอขัดใจ

“พอแล้วๆไหนว่าน่าเบื่อไงเล่าอะเมะจัง”

“ยังอ่ะ อีกสามตานะ นะๆๆ”เมงุมิทนเห็นใบหน้าสวยที่อ้อนวอนร้องขอไม่ไหว จำต้องยอมแต่ต้องต่อรองสักหน่อย

“แค่ตาเดียว..เท่านั้น” สุพรรษาไม่ฟังความ มือเรียวหมุนที่ปุ่มอีกครั้งคราวนี้เธอถูกกินเรียบ เง้อ..

“แฮ่มมมม..” เมงุมิกระแอมทักท้วงเมื่อเห็นว่าจะฉุดความลุ่มหลงของ สุพรรษาไม่อยู่

“โหย... ไรอ่า พาเค้ามาให้อยากแล้วก็บังคับให้เค้าเลิกกลางคันใจร้ายจัง”

“ขืนใจดี Jackpot ที่ได้มาจะไม่เหลือสักเยนนะอะเมะ”ยากูซ่าสาวผู้ผ่านประสบการณ์มากกว่าเตือนสติ ฉุดร่างของสาวไทยขึ้นมาพาไปแลกการ์ดที่เคาน์เตอร์และขึ้นเงินที่ร้าน t.u.c. shop ถัดไปจากร้านปาจิงโกะไม่ไกลเมงุมิส่งธนบัตรหมื่นเยนให้สี่ใบ สุพรรษารับมาพร้อมเจื้อยแจ้ว

“ขอบใจนะ นี่ๆ ได้ jackpotกันง่ายๆแบบนี้ มิน่าเล่าคนถึงได้ติดกันงอมแงมคงรวยกันใหญ่เลยสิท่า” เธอเคยได้ข่าวมาเหมือนกันอดีตรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ติดปาจิงโกะไม่เป็นอันร่ำเรียนและต้องโดนบอกเลิกทุนเป็นข่าวฮือฮามาก

“ใครบอกคุณชั่วเจ็ดทีก็ดีได้เจ็ดหน แต่เป็นเจ้าเสียสิบทีไม่เท่ากับได้คืนเพียงครั้งเดียวอะเมะ คุณดูสิว่าตึกใหญ่โต พนักงานแต่งตัวดีๆแบบนี้เจ้าของกิจการเขาจะระดับไหนขึ้นชื่อว่าเป็นการพนัน มีเพียงผู้เดียวที่ผูกขาดความร่ำรวยซึ่งไม่พ้นผู้ลงทุนดูเวกัส มอนติคาโล มาเก๊านั่นปะไร ที่นี่ก็ไม่แตกต่างกันเลย” เมงุมิขึงขังคนที่ลุ่มหลงจักตกเป็นเหยื่อและคนที่ไม่บันยะบันยังยับยั้งชั่งใจไม่แคล้วหมดตัวในบั้นปลายมีรถก็ขายมีบ้านก็ขาย แม้กระทั่งลูกเมียยังเซ้งต่อ กี่รายต่อกี่รายแล้ว

“ระ..ระดับเดียวกับเธออย่าบอกนะว่าคือเจ้าของ!!” สุพรรษาเริ่มเข้าใจรูปการกิจการแบบนี้ย่อมต้องมีผู้อยู่เบื้องหลังมีเส้นสายชักใยให้ความคุ้มครองและมันก็ต้องมีเก็บค่าต๋งค่าน้ำร้อนน้ำชาเป็นค่าบริหารจัดการอยู่บ้างผู้ถูกซักขอเว้นวรรคถือเอกสิทธิ์ไม่ตอบคำถาม

“ดึกแล้วดิฉันจะไปส่งที่โรงแรมว่าแต่เพื่อนคุณล่ะอะเมะ”ประเด็นที่ถูกเปลี่ยนทำให้สีหน้าของคนดีใจพลอยหม่นลงไปทันตาเห็น

“เราแยกกันเที่ยวแล้วล่ะหลังจากที่เธอกลับไป” ลมหนาวจัดๆพัดมาระลอกหนึ่งเมงุมิล้วงเอาถุงมือผ้าคู่หนาสีขาวออกมา แต่มิใช่เพื่อสวมเองยากูซ่าสาวส่งมันให้กับคนที่ไม่คุ้นเคยกับสภาพอากาศ สุพรรษาอิดออดการรับมาเท่ากับสมยอมว่าเป็นผู้ที่อ่อนแอกว่า เมงุมิขึงตากร้าวกระชับพื้นที่สาวเท้าเยื้องย่างเข้ามาใกล้ นั่นจึงทำให้สุพรรษายอมจำนนในที่สุด

“ทะเลาะกับเธอเหรอ”

“ใช่!! เป็นเพราะเธอ” วาจาร้อนๆถูกโยนกลองกลับไป ทั้งๆที่ในใจขมขื่น เพราะตนเองรู้ดีว่าเป็นฝ่ายผิด

“เสียใจด้วยนะ”เมงุมิไม่มากความการขอโทษจากใจจริงถือว่าเป็นการแสดงความรู้สึกตรงไปตรงมาที่สุดแล้วของบรรดายากูซ่าหากอีกฝ่ายจะผูกใจเจ็บไม่ให้อภัยเจ้าคิดเจ้าแค้นถือเป็นเรื่องทุกข์ร้อนรนแผดเผาใจของเขาเองสาวทะมัดทะแมงทำท่าจะฉากออกมา เป็นสุพรรษาที่เอ่ยขึ้น

“แต่ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเราก็ต้องหมางใจกันอยู่ดี”

“ยังไง??” เมงุมิหันกลับหนึ่งร้อยแปดสิบองศาเลิกลำคิ้วหนาขึ้นไม่เท่าทัน

“ไม่ใช่กงการอะไรที่เธอควรรู้กลับไปเถอะ ขอบคุณมากสำหรับวันนี้ ฉันได้เปิดโลกหลายอย่างทีเดียว.. อาริกาโตะโกซาอิมัส” สุพรรษายิ้มแห้งๆ ดวงหน้ายังอมโศก ค้อมตัวตามธรรมเนียมยุ่นดวงจิตมีติดอาวรณ์นิดๆ เมงุมิส่งสายตาอาทรยื่นมือเปลือยของเธอมาประทับบนบ่าของสาวไทย

“เอาน่าก็แค่ระบายออกมาบ้าง ดิฉันไม่ได้เอ่ยสักคำน้อยว่าจะเข้าข้างใครอาจจะเป็นคุณก็ได้นะอะเมะ” สมทบด้วยการพยักหน้าเชิญชวน สุพรรษาได้แต่ยืนนิ่งไม่เพียงอากาศที่ทำให้เธอตัวชา

การจ้องตาใสๆของคนตรงหน้าทำให้หลอดเลือดแข็งไปเลี้ยงหัวใจไม่ทันเมื่อมันพลันจะหยุดเต้นเอาเสียดื้อๆ

'แม่ยากูซ่าขาโหดบทจะซึ้งนี่ก็น่ารักนะอุ๊บส์ส์ส์!! เผลอคิดอะไรบ้าๆนะเรา' สุพรรษาส่ายหน้าเรียกสติที่เผลอไผลให้กลับคืนมาไม่รู้ว่าครบถ้วนตกหล่นหรือไม่ รีบสาธยายแก้เคอะเขิน

“เอ่อ.. ไม่รู้จะเล่ายังไง มันเยอะอีรุงตุงนังไปหมด”

“ดิฉันมีเวลาให้คุณ..ทั้งคืน พอไหม” น้ำเสียงเย็นๆเป็นเหตุให้ สุพรรษาเปิดใจเล่าความในออกมาจนได้

“เราทั้งคู่ไม่ได้มาเที่ยวญี่ปุ่นกันเฉยๆฉันได้รับคำสั่งจากคุณน้า เอิ่ม.. คุณแม่ของยัยปัทม์ให้ปรับเปลี่ยนนิสัยสุดโต่งเอาแต่ตนเป็นที่ตั้งของลูกสาวเธออันที่จริงฉันมันก็แค่เป็นลูกจ้างกระจอกๆ เป็นผู้ติดตามเท่านั้นยัยปัทม์ยอมลดตัวลงมาคบสาวบ้านๆอย่างฉัน ทั้งๆที่ lifestyle ของเราไม่เหมือนกันเลยเมื่อเย็นฉันรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ก็เลยระเบิดอารมณ์ออกมาและทะเลาะกัน”สุพรรษาเล่าความทั้งกระบิ จริงอย่างที่แม่ยากูซ่าสาวบอกก่อนหน้าเพียงแค่ระบายออกมา เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้น โล่งยิ่งกว่ายกภูเขาฟูจิออกจากอก

“น่าสนุกนะเปลี่ยนคุณหนูจอมเอาแต่ใจงั้นเหรอ”

“จะจีบเธอก็ไปเฝ้าเทคแคร์สิได้โอกาสเหมาะเหม็งแล้วนี่” เมงุมิคิดเงียบๆและไม่ตอบอะไร บางทีเธออาจจะเปลี่ยนเป้าหมายแล้ว...




 

Create Date : 26 มกราคม 2559    
Last Update : 26 มกราคม 2559 20:15:40 น.
Counter : 357 Pageviews.  

เพื่อนที่มิอาจร่วมทาง

ไวเท่าความคิดยากูซ่าสาวคว้าเอาโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปปิ่นปัทม์ไว้ฟ้าประทานให้เธอเกิดมาเป็นลูกผู้ทรงอิทธิพลทั้งที จะอำนวยพรให้เจอเนื้อคู่สักคนบ้างได้ไหมหนออย่างน้อยรูปถ่ายเพียงแชะเดียวกับคำสั่งหนึ่งประโยคว่าต้องการสิ่งใดไม่ต้องลงในรายละเอียดถึงกระบวนการถ่ายทำอันเป็นเอกลักษณ์ของวงการมือไม้ของเธอเดินเพ่นพ่านเต็มโตเกียวพอจะฝากฝังให้ควานหาสาวสวยคนนี้เจอได้ไม่ยากเย็นเว้นเสียแต่ว่าอับโชคสุดๆสาวเจ้ากลับเมืองไทยไปเสียก่อนผัสสะของสุพรรษาทันที่จะเห็นการณ์ทั้งหมด เมื่อรู้สึกว่าโดนคุกคามสิทธิเสรีภาพสุพรรษาจ้ำฝีเท้าตรงมาที่รถหรู ถมึงตาหาเรื่องทันที

“นี่ๆคุณถ่ายรูปเพื่อนฉันทำไมไม่ทราบ” สาวสวยตีหน้ายักษ์ขนขบวนมาทั้งวัดโพธิ์วัดแจ้งพ่นภาษาอังกฤษเป็นไฟปิ่นปัทม์เห็นท่าไม่ดีปรี่เข้ามาเคียงกายเพื่อนรักแม่นีน่าไม่หุนหันพลันแล่นเท่าเธอก็จริงแต่บทจะร้ายก็ดุดันเอาเรื่องจำแลงเป็นแม่พญาช้างสารตกมันได้เทียวล่ะ เมงุมิตอบกลับค่อนไปในแนวยียวนด้วยซุ่มเสียงนิ่งเฉยแต่มิอาจซุกซ่อนนัยน์ตาเป็นประกายวับวาวที่จดจ้องมายังปิ่นปัทม์ไปได้

“คุณจะคิดค่าลิขสิทธิ์เหรอคะ”

“รู้ค่ะว่ามีปัญญาจ่ายแม่คนรวยแต่ไร้มารยาท เชอะ” สุพรรษาบุ้ยหน้าจัดเต็มทันทีที่จบความทำท่าจะเดินฉากออกไปด้วยยึดมั่นหนึ่งในมงคลชีวิต 38 ประการ อะเสวะนา จะ พาลานัง (การไม่คบคนพาล) แต่ปิ่นปัทม์พอจะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร รู้ว่าตนเองตกเป็นเป้าหมายไม่แคล้วโดนจีบสิ กลัวที่ไหน นึกครึ้มอกครึ้มใจด้วยซ้ำ คนสวยกระหยิ่มยิ้มฉุดแขนเพื่อนสาวรั้งร่างบางเอาไว้ แต่การนี้มิใช่เพื่อตนไม่อาจปฏิเสธว่าแม่นางเจ้าถิ่นในรถหรูดูสมาร์ทคมคายไม่หยอก พราวเสน่ห์รอบจัดน่าค้นหาแต่แบบนี้ไม่ใช่ spec ของเธอปิ่นปัทม์สวมบทmastermind ทำตัวเป็นคิวปิดโค่งคันธนูเล็งล็อคเป้า เตรียมแผลงศรรักเจ้ากี้เจ้าการจับคู่ให้เพื่อนสาวมาโตเกียวได้เกี่ยวคนรักกลับไปคงเก๋ไก๋แจ่มแมวพิลึกพิไล

สัญญาณไฟเขียวปรากฏขึ้นปิ่นปัทม์และสุพรรษาจำต้องหลบหลีกการจราจรเดินข้ามไปยังอีกฟากฝั่งส่วนเมงุมิเหยียบคันเร่งกลับรถกลางถนนวนหาที่จอดและรีบจ้ำมาหาสองนักท่องเที่ยวคนงามที่หมายตาคล้องใจ สุพรรษาสัมผัสได้ถึงออร่าเปล่งปลั่งกำจรกำจายฟรุ้งฟริ้งๆแม่นี่สวยจริงอะไรจริง ทั้งท่วงท่าการเดินดูมีสง่าราวนางพญาหงส์ขาว

“จะไปไหนกันคะ”เช่นเคยที่เป้าของการสนทนาคือปิ่นปัทม์ สุพรรษารีบทำหน้าที่เพื่อนที่ดี?? เข้ามาขวางไม่ลดละตีหน้าตายร้ายใส่ฉอเลาะ

“ทำไมจะมีน้ำใจไปส่งเหรอคะ”

“อะฮะ”เมงุมิยิ้มเก๋ปิดดีล สายตาไม่หยุดจดจ้องที่นงคราญสะท้านทรวงปิ่นปัทม์น้อมรับคำเชิญ ด้วยการก้าวเท้าจะเดินไปที่รถมันวาวแสบตาสุพรรษาเป็นฝ่ายที่รั้งเพื่อนบ้าง ม่านตาขยายจนสุดแยกเขี้ยวโวยวายเต็มเสียง

“ยัยปัทม์แกจะบ้าเหรอทำตัวง่ายเป็นคุณหนูติดเบาะไปได้เกิดว่าเป็นพวกมิจฉาชีพนางโจรเรียกค่าไถ่จะทำไงคิดบ้างสิ”

“หูยคิดสิหล่อนถึงได้ตกลงใครจะลงทุนขับจาร์กัวร์มาเรียกค่าไถ่ห๊ะ แล้วดูแพรพรรณกับเฟอร์นิเจอร์บนตัวนางดิแบรนด์เนมล้วนๆ ไม่พอน้ำหอม no 5 การันตีความเป็นผู้ดีเต็มเต็งอีกอย่างเราน่ะสอง นางหนึ่งแล้วใครกันแน่ที่ต้องกลัวนางยื่นมือเสนอหน้าอาสามาเองก็สนองสักหน่อย น่าสนุกดีออกนะ”ปิ่นปัทม์เห็นเป็นเรื่องเบาๆ เจอเพื่อนรักยืนกรานเช่นนี้ก็หมดหนทางขัดขืน ปิ่นปัทม์จะเอาเสียอย่างใครหน้าไหนก็ต้องตามใจ

“ย่ะแม่ชนชั้นสูงรักสนุกจะทุกข์ถนัดเหอะไม่ว่า” สุพรรษาทำได้เพียงโปรยคำน้อยเป็นเชิงปราม คนโดนเตือนหาได้ใส่ใจไม่เธอหันมาสนใจเพื่อนขนิษฐาชาวญี่ปุ่นแกะกล่อง บอกแจ้งถึงปลายทาง

“ศาลเจ้าเมจิค่ะ”

“เชิญค่ะมาดามทั้งสอง”เมงุมิผายมือไปที่รถตน ทันทีที่ทั้งสามเข้ามานั่งในรถ การแนะนำตัวโดยปิ่นปัทม์ก็เริ่มต้นขึ้นไม่ผิดจากที่เมงุมิเดาหลังจากรู้ว่าเธอคือ ไทจิน (Thai citizen) ปิ่นปัทม์ยังใช้โอกาสนี้โอภาปราศรัยเจแปนนีสที่เพิ่งหัดสปีคมาเมื่อเช้า เมงุมิยิ้มพยักพเยิดรับเป็นเชิงเข้าใจไม่วางตาการจราจรไหลลื่นไม่ติดอย่างที่คิดเพราะผู้คนไม่นิยมใช้รถส่วนบุคคล

“ประชากรในโตเกียวมีมากกว่ายี่สิบล้านคนค่ะเส้นเลือดใหญ่ในการคมนาคมคือรถไฟทั้งบนดินและใต้ดินวันหนึ่งๆมีคนใช้บริการเกือบสิบล้าน นอกนั้นเป็นขนส่งสาธารณะอื่นๆเช่นรถประจำทางและแท็กซี่ คนทั่วไปไม่ค่อยใช้รถส่วนตัวกันค่ะ” เมงุมิเปรยขึ้นเข้าทางคนรอซ้ำ

“เว้นแต่พวกอภิสิทธิ์ชนสินะ”สุพรรษาแขวะแต่ปิ่นปัทม์รีบแก้ให้ด้วยการเบี่ยงเบนประเด็น

“เคยมีอุบัติเหตุหรือข้อขัดข้องให้รถไฟวิ่งไม่ได้บ้างไหมคะ”

“น้อยมากๆค่ะถึงเป็นก็ไม่ใช่ทั้งระบบและกู้กลับมาได้เร็วปัญหาหนักกว่านั้นคือคนชอบมาใช้เป็นสถานที่ก่ออัตนิวิบาตกรรม”อัตราการฆ่าตัวตายของประเทศญี่ปุ่นมาวินติดอันดับต้นๆของโลกและวิธีการยอดนิยมหนีไม่พ้นการกระโดดให้รถไฟทับร่าง สยดสยองน่าสะพรึงยิ่ง

“พักกันที่ไหนคะ”เมงุมิวกกลับมาเข้าเรื่องที่ตนใคร่รู้

“Shinjuku Prince Hotel”สุพรรษาชิงตอบแทน ยากูซ่าสาวยิ้มพรายเธอรู้จักดีอยู่แล้วแน่นอนว่าคุณบิดามาเอดะมีหุ้นอยู่ด้วย ตามติดด้วยคำถามซอกแซก มากันกี่คน พักกี่วันบลาๆๆ ปิ่นปัทมเจื้อยแจ้วตอบอย่างเต็มใจ ผิดกับสุพรรษาที่นั่งกอดอกพิงเบาะหนังนุ่มนิ่มยกขาเรียวขึ้นมาไขว้กันแบบเซ็งโลกส่วนลึกเริ่มรู้สึกน้อยใจ คนฐานะทัดเทียมกันคุยถูกคอถูกจริตพาลคิดไปว่าตนเป็นส่วนเกินทันใดนั้นเองสายตาซุกซนดันไปเจอเข้ากับแผ่นบลูเรย์ที่สอดอยู่ในช่องเก็บหนังสือหลังเบาะคนขับเห็นโผล่มาเพียงส่วนบนเป็นตัวหนังสือภาษาอังกฤษ Allnude ที่พื้นมีนิตยสาร weekly playboy ฉบับนิปปอนหน้าปกเป็นหญิงสาวเจแปนนีสชนอกอึ๋มนุ่งบิกินี่ชวนหวาดเสียวใจนั่นไงๆว่าแล้ว สุพรรษาไม่ได้อ่อนต่อโลกถึงขนาดว่าไม่เข้าใจสิ่งตรงหน้ามันน่าจะเกี่ยวพันกับเจ้าของรถ มิใช่เพียงซื้อหามาดูเล่น ระดับชั้นลึกต้องมีอะไรมากกว่ามาก แม่นี่รวยเวอร์กรีดกรายฉุยฉายดั่งเพื่อนรัก ไม่พ้นการเป็น ลูกสาวยากูซ่า อั่ยย่ะเธอเก็บความแคลงใจไม่ซักไซ้ตรงหน้า ประเดี๋ยวเพื่อนสาวจะหาว่าไร้ซึ่งมารยาทต่ออยากรู้คันยุบยิบลามมาถึงริมฝีปากบาง เธอจำต้องข่มสะกดไว้อย่างยากเย็น..เมงุมิขับรถเข้ามาในเขตชิบูย่า ไม่นานก็ถึงศาลเจ้าเมจิบริเวณทางเข้ามีร้านกาแฟและเบเกอรี่เล็กๆเมงุมิขออนุญาตแวะสักหน่อยด้วยติดกาแฟไม่แพ้เพื่อนร่วมชาติพนักงานสองคนกระวีกระวาดเข้ามาโค้งคำนับราวกับสาวคมคายเป็นเทพเจ้า

‘ใช่แน่ๆ’สุพรรษาอนุมานได้จากหลักฐานเชิงประจักษ์ ปิ่นปัทม์ปลีกตัวเดินไปถ่ายรูปประตูทางเข้าศาลเจ้าสีแดงทำจากไม้ขนาดใหญ่โตอลังการสูงร่วมสิบเมตรรูปตัวยูคว่ำอันเป็นเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นเป็นจังหวะให้สองนางที่เขม่นกันได้เสวนา

“นี่ๆ..หึงเพื่อนคุณเหรอ” เมงุมิเป็นฝ่ายที่เปิดหน้าชกก่อน เกมรับที่ดีที่สุดคือรุกอย่างมีประสิทธิภาพสุพรรษาไม่ลืมที่จะขนมารยาร้อยแปดเล่มเกวียนขึ้นเครื่องบินมาด้วยแสร้งแอ๊บแนบเนียน ความเป็นจริงเธอก็ไม่ได้หึงหวงอะไรเพียงไม่อยากให้คุณเพื่อนที่รักสนิทสนมกับใครง่ายๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่นางผู้ที่ไม่ได้หลงเหลือความน่าไว้ใจสักนิด

“อะไร ไม่มี ไม่ใช่กรุณาอย่ามโน เอ่อ..คิดเองสรุปเอง”

“ถ้างั้นดิฉันจะจีบเพื่อนคุณมาดามอะเมะ”

“???”

“จะให้ดิฉันเรียกคุณตามนิคเนมว่านีน่ามันก็ดูฝรั่งเกินไป เรามันคนเอเชียด้วยกันเมื่อครู่คุณมาดามบอกถึงชื่อคุณซึ่งแปลว่าฤดูฝน (rainy season) แต่ทว่าที่ญี่ปุ่นมีเพียง 4 ฤดูดิฉันก็เลยขอเรียกคุณว่า ‘อะเมะ’ (あめ)ซึ่งแปลว่าฝนในภาษาญี่ปุ่น” สุพรรษาอึ้งไปกับคำตอบไม่คิดและถึงจะคิดก็ไปไม่ถึงไม่เท่าทัน ที่เขาว่าคนญี่ปุ่นเป็นคนละเอียดอ่อนโยนแม่นางตรงหน้าไม่ได้ห่างไกลจากบุคลิกนี้เลยอย่างไรก็ดีสาวสวยใคร่จะรู้ถึงความคิดให้ถึงที่สุด

“แล้วคุณจะเรียกเพื่อนฉันว่าอะไร”

“อิโตชิ..Sweetheartor honey in English.” สุพรรษาอึ้งเป็นเท่าทวีแม่เมงุมิหลักแหลมไม่ยอมจนมุม ร้ายกาจชะมัดยาด เห็นทีจะต้องปล่อยหมัดสวนออกไปบ้าง

“เอิ่ม..คิดว่าง่ายก็ลองดู สาวไทยไม่ใช่ของเล่นนะแม่ยากูซ่าสาว”

“เธอรู้?!!” เมงุมิตกใจเล็กน้อย รีบเก็บอาการไม่ให้ตกหล่นเธอไม่ได้อายในสิ่งที่ตนเองเป็น อยู่ คือสักน้อย แต่อีกฝ่ายจะรับได้ไหมต่างหากโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวไทยที่เธอรู้มาว่ามีกรอบแนวคิดค่อนไปในทางอนุรักษ์นิยมตกขอบ

“อย่าได้แม้แต่จะคิดเคลมเพื่อนฉันฟรีๆเพราะเธอก็เป็นลูกสาวมาเฟียเหมือนกัน” สุพรรษาบลัฟกลับไม่เกรงกลัวคอยดูเถอะแม่จะทำให้ซ่าไม่ออก

“โปรดอย่ามองฉันในแง่ร้ายนักเชียวยากูซ่าก็คือยากูซ่าไม่ใช่โจรกระจอกหรอกนะ” เมงุมิอยากจะให้คำจำกัดความแต่คงป่วยการเพราะในความรับรู้จากคนวงนอกมันเป็นความผิดตั้งแต่ชื่อนามแล้วเธอใช้ความคิดหนักๆ

‘จะฝ่าด่านหัวใจจำต้องทะลวงทัพหน้าให้แตกพ่ายเสียก่อนแต่แม่ อะเมะนี่ดูไร้ซึ่งน้ำมิตรคิดจะสานสัมพันธ์กับเราเสียเลยปวดหมองๆ’

‘แม่นี่ท่าจะเอาจริงปล่อยไว้ไม่ได้แล้วขืนคุณน้ารู้เข้าว่ายัยปัทม์มามีเพื่อนเป็นยากูซ่าจะไม่สบายใจเอาได้ คิดสิ คิดๆๆๆ’สุพรรษาหนักใจยิ่งตั้งมั่นแข็งขืนว่าต้องทำทุกวิถีทางให้เพื่อนรักห่างจากแม่ยากูซ่าจอมตื้อให้จงได้แม่สื่ออย่างปิ่นปัทม์แกล้งดึงเช็ง อ้อยอิ่งถ่ายรูปจนพอแก่เวลาเดินยิ้มแย้มกลับมาร่วมก๊วน

“คุยอะไรกันอยู่เอ่ยท่าทางจะสนิทกันเร็วนะคะ เราเข้าไปข้างในกันดีกว่าเนาะ”

“กลับไปขึ้นรถเถอะค่ะเดินค่อนข้างไกลนะ” เมงุมิเสนอบริการทางเลือก

“สบายมากค่ะ”ปิ่นปัทม์ส่ายหน้าสวยไหวๆ เธอยากสัมผัสบรรยากาศรายรอบอย่างเต็มที่สุพรรษาแปลกใจกับความเยอะของเพื่อนที่ถูกทำลายไม่เหลือเศษซากทีกับเราล่ะเมื่อยอย่างนั้นไกลอย่างนี้ ก่อนนั้นปิ่นปัทม์ขอเดินย้อนกลับมาตรงสะพานปูนเลยร้านกาแฟติดถนนสักหน่อยมีสิ่งที่น่าสนใจเพราะสายตาเห็นเจแปนนีสชนมุงดูอะไรอยู่ไทยมุงอย่างเธอมีหรือจะยอมตกสำรวจขอสมทบบ้าง ทั้งสามฝ่าวงล้อมของฝูงชนเห็นเด็กหนุ่มกระทงอายุราวสิบแปดสิบเก้ากำลังเปิดหมวกโชว์มายากลเรียกเสียงปรบมือและโห่ฮาได้เป็นระยะๆราวสิบนาทีจึงหมดรอบ

“รายได้น่าจะพอสมน้ำสมเนื้อนะคะ”ปิ่นปัทม์เปรยขึ้นเป็นเชิงถามรายละเอียดจากเจ้าถิ่น

“พวกเขาหาเงินเรียนไปด้วยค่ะ”ปรายตามองทีเบื้องขวา ปิ่นปัทม์เห็นมีหญิงสาววัยเรียนน่าจะมัธยมปลายไม่เกินถือไวโอลินรอต่อคิว ขนาดทำมาหากินยังไม่แย่งกัน เมงุมิเสริมต่อ

“หากที่อเมริกาเป็นดินแดนแห่งโอกาสโตเกียวก็ไม่แตกต่างค่ะมีคนจำนวนไม่น้อยจากทั่วสารทิศจากร้อยหมู่บ้านพันเกาะข้ามมาแสวงโชค”อรรถาธิบายนี้ทำให้ปิ่นปัทม์สะท้อนใจคนหาโอกาสหาความก้าวหน้าในชีวิตมีอยู่ทุกมุมโลก เธอเสียอีกที่ลอยชายลอยหญิงไปวันๆไม่มีแก่นสารไร้ซึ่งสาระนึกแล้วก็รังเกียจตัวเองรู้ว่าชีวิตเพียบพร้อมแต่ประวิงเวลาไม่พร้อมที่จะทำอะไรผิดกับหนุ่มสาวตรงหน้ารู้ว่าทั้งๆที่ไม่พร้อมด้วยปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจแต่พร้อมที่จะสู้เพื่อให้ได้มันมาถึงเวลาสักคราวไหมที่เธอจะลุกขึ้นสู้บ้าง

“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”เมงุมิเห็นคนร่าเริงดูครุ่นคิดทางสีหน้า อดที่จะถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้

“ไม่ต้องเป็นห่วงเพื่อนฉันหรอกเธอดูแลตัวเองได้” เช่นเคยที่สุพรรษาชิงตอบปิ่นปัทม์ยิ้มให้จางๆก่อนที่ทั้งสามจะเดินย้อนเข้ามาในเขตศาลเจ้า อากาศกลับเย็นลงอีกแม้จะเป็นช่วงกลางวันแสกๆด้วยพื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยป่าดิบเขามีต้นไม้ยืนต้นสูงชะลูดเป็นร้อยๆชนิดเสมือนเป็นสวนป่ากลางมหานคร

“ที่กรุงเทพฯก็มีสวนสาธารณะกลางกรุงปอดของคนเมืองแต่ต้นไม้ไม่ได้รกชัฏเป็นป่าขนาดนี้ค่ะ”สองนักท่องเที่ยวและหนึ่งสาวเจ้าถิ่นเดินมาหยุดอยู่ที่ถังไม้สาเกที่วางเป็นแถวหลากสีสันนับร้อยๆใบฟากฝั่งตรงข้ามเป็นถังไวน์

“พื้นที่ของโตเกียวถูกใช้อย่างคุ้มค่าทุกตารางนิ้วแต่สิ่งหนึ่งที่ทุกรัฐบาลและผู้บริหารท้องถิ่นถือเป็นวาระแห่งชาติคือพื้นที่ส่วนกลางค่ะ ทั้งสวนหย่อม สวนสาธารณะและห้องน้ำ ประเดี๋ยวกลับออกมาจากศาลเจ้าจะยิ่งประหลาดใจกว่านี้อีกค่ะเพราะเพียงข้ามถนนจะเป็นฮาราจุกุ แหล่งแฟชั่นของวัยรุ่นขาโจ๋ทั้งหลาย”เมงุมิร่ายต่อ

“ว้าวๆ! ฮาราจุกุ ดีเลย ปัทม์อยากจะหาซื้อน้ำหอมเจ้านี้อยู่พอดี”ยากูซ่าสาวฟังแล้วถึงกับฮา ไม่คิดว่าสาวสวยจากเมืองไทยจะเล่นมุกได้ร้ายลึก

“ฮิฮิ เขาเอาชื่อมาตั้งเป็นแบรนด์เฉยๆค่ะพวกน้ำหอม เครื่องสำอางต้องไปหาซื้อในห้างใหญ่ๆ”

“อ้าวปล่อยไก่เสียแล้ว” ปิ่นปัทม์พูดแก้เก้อสุดอายเดินสบายๆท่ามกลางแมกไม้ร่มรื่นถึงบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านจะตักนำมาดื่มและล้างหน้าเสริมสิริมงคลดูไปก็คล้ายกับน้ำพระพุทธมนต์นั่นเอง จากจุดนี้ก็ถึงบริเวณศาลเจ้าแล้ว

ศาลเจ้าเมจิเป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโต สร้างขึ้นในปี ค.. 1920 เพื่ออุทิศถวายแด่ดวงวิญญาณของสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิและสมเด็จพระจักรพรรดินีโชเก็ง พระพันปีหลวงคนญี่ปุ่นนิยมมาไหว้สักการะเป็นจำนวนมาก ยิ่งใกล้เทศกาลปีใหม่ศาลเจ้าแห่งนี้จะคราคร่ำไปด้วยมวลมหาประชาชนหลั่งไหลเข้ามาขอพรไม่ขาดสาย

“เขาทำอะไรกันคะใช่แต่งงานหรือเปล่า โชคดีจังเลย” เมงุมิยิ้มรับปิ่นปัทม์เห็นสาวนางหนึ่งแต่งกายด้วยกิโมโนพื้นเมืองเต็มยศ แต่งหน้าขาวทาปากแดงชาดมีญาติเครือที่บ้างก็แต่งกายด้วยชุดกิโมโนบ้างก็แต่งกายด้วยชุดสากลนิยมยืนตั้งแถวรอที่ท้ายขบวนเป็นเด็กน้อยแก้มแดงใส่ชุดประจำชาติน่ารักน่าหยิกมากๆเจ้าหน้าที่เข้ามากันไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าบริเวณคล้อยหลังไม่นานเจ้าบ่าวที่ใส่ชุดประจำชาติเช่นเดียวกันเดินออกมาและจูงมือเจ้าสาวเข้าไปในบริเขตปะรำพิธีจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็เปิดทางสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว

“จะทำแบบนี้ได้ต้องรวยมากๆเลยใช่ไหมคะ”

“ค่ะ เอ่อ..เดี๋ยวเจอกันที่รถเลยนะคะ”เมงุมิตอบสั้นๆ ขอปลีกตัวเมื่อพบหน้าคนรู้จัก

“ดูเธอจะกว้างขวางรู้จักคนโน้นนี้นั้นไปทั่วเมืองทำอย่างกับเป็นเซเลบ เป็นคนของประชาชนเป็นนักการเมืองเสียอย่างนั้นแน่ะแต่ก็เท่นะกิ๊บเก๋ไม่เบา” ปิ่นปัทม์กล่าวกับเพื่อนอดที่จะชื่นชมไม่ได้

“โปรนางมากย้ายสำมะโนมาอยู่ที่นี่ถาวรเลยไหมล่ะ” สุพรรษาไม่รับลูกออกเดินสำรวจจนทั่วศาลเจ้าสุดที่ปลายศาลาเรือนใหญ่เป็นเขตห้ามเข้าและห้ามถ่ายรูป ใกล้กันมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นสองต้นเป็นคู่เคียงมีคนมาไหว้ขอพรเป็นระยะๆที่มุมขวามีแผ่นป้าย 'อิมะ' เป็นแผ่นไม้สี่เหลี่ยมผืนผ้าใหญ่กว่าฝ่ามือเท่าหนึ่งให้เขียนข้อความขอพรจากเทพเจ้า

'ขอให้เรียนภาษาญี่ปุ่นได้ก่อนกลับเมืองไทย..ปิ่นปัทม์'เจ้าตัวตั้งจิตอธิษฐานเขียนด้วยลายมือตัวบรรจงเป็นตัวอักษรไทยและนำไปหนีบไว้รวมกับของคนอื่นๆ

“ขออะไรที่มันสร้างสรรค์กว่านี้ไม่ได้หรือไงยะ”สุพรรษาที่เป็นเตมีย์ใบ้มาตลอดทางแซวเพื่อนสาวหนักๆเน้นๆ

“ก็ชีวิตฉันไม่ขาดอะไรแล้วนี่จะขอให้พ่อฟื้นมาก็เป็นไปได้หรือ ว่าแต่แกเหอะขออะไร”

“ขอให้ห่างไกลจากหมู่มารงานการก้าวหน้า พ่อแม่ปู่ย่าอยู่สบาย” สุพรรษาแจงหายขุ่นเคือง ยิ้มน้อยๆดีเหมือนกันการทำอะไรที่มุ่งมั่นอาจจะเป็นใบเบิกทางปฐมบทที่ดีทำให้ปัทม์ลุกขึ้นมาจริงจังกับชีวิตก็เป็นได้จากศาลเจ้าเป็นเวลาบ่ายสองเมงุมิพาสองสาวข้ามถนนมายังย่านฮาราจูกุศูนย์รวมแฟชั่นวัยทีน

“หิวกันไหมคะดิฉันมีร้านราเม็งอยากแนะนำ” ปิ่นปัทม์ยิ้มรับทั้งไม่อยากขัดศรัทธาและขัดความรู้สึกท้องของตนเองที่ร้องมาได้สักระยะแล้วเมงุมิเดินเฉิดฉายเข้าไปในร้าน ไม่เกินจากที่คาดของสุพรรษาเจ้าของแทบจะปิดร้านต้อนรับ อะไรมันจะขนาดน้าน ร้านนี้มาแนวเก๋มีเมนูภาษาไทยมาให้ด้วย สองสาวชาวไทยเริ่มรู้แกวสั่งมาเพียงชามเดียวเพราะเสียดายหากจะกินไม่หมดของเมงุมิสั่งเป็นกระดูกหมู.. ไม่ผิดเพี้ยนราเม็งชามโตถูกยกมาเสิร์ฟ บะหมี่เส้นเล็กยาวเหนียวนุ่มเต็มชาม หมูชิ้นเขื่องติดมันน้อยๆไข่ต้มน้ำยางมะตูม ทั้งหมดขลุกในน้ำซุปร้อนๆ สองสาวซัดกันเรียบแปล้ความเค็มยังคงที่แต่อร่อยเหาะล้ำแต้ๆ เมื่อท้องอิ่มเรี่ยวแรงในการเดินช็อปปิ้งมาเปี่ยมล้นปิ่นปัทม์ขอเป็นฝ่ายนำแวะร้านโน้นเข้าร้านนี้อย่างสุขี

“ราคาไม่ได้ถูกนะคะถ้าเป็นของแบรนด์แต่ถ้าเป็น made in japan รับประกันว่าถูกจริง”นักช็อปตัวยงให้ข้อสรุปแม้จะเจอของถูกใจแต่ยังมือเปล่าไม่ได้ซื้อหาอะไรติดไม้ติดมือเมงุมิกระจ่างสุกใส เธอพามาที่ shop ของ Onitsukatiger รองเท้าสัญชาตินิปปอนที่ใครๆต่างรู้จักดี ปิ่นปัทม์กวาด SerranoTokidori collectionมาสามคู่ทั้งๆที่เป็นรุ่นและแบบเดียวกันแต่ทำอย่างไรได้ เธอชอบมันทั้งสามสีรักพี่เสียดายน้องรองและน้องนุช แม้สุพรรษาจะทักท้วงแต่หาได้บังเกิดผลไม่ซ้ำเมงุมิยังทำตัวเป็นขุนพลพลอยพยักสนับสนุนปิ่นปัทม์อีกเสียงใช่สิได้ดุลการค้าไปเต็มๆไม่พอยังได้ดุลหัวใจไปอีก ชิส์ สุพรรษาหน้าง้ำ

“จะไปไหนกันต่อดีคะ”ยากูซ่าสาวเอ่ยถาม ดูจากเวลายังเหลือเฟือที่จะเดินเล่นชิลๆยามราตรี

“คุณเมงุมิเชิญนำทางเลยดีกว่าค่ะ..ถ้าไม่รังเกียจและไม่รบกวนจนเกินไป”

“เต็มใจให้รบกวนค่ะอุ่ย..ขอตัวแพร๊บนะคะ” สายสำคัญดังเข้ามาขัดจังหวะจากภาพสาวร่าเริงเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม

“มีธุระก็รีบไปเถอะเราเที่ยวกันเองได้” คนไม่ถูกชะตาเอ่ยปากไล่กันโต้งๆเมงุมิใช้ความคิดเพียงชั่วอึดใจด้วยลังเลน้อยหนึ่งก่อนจะกล่าวอำลา

“ดิฉันจะต้องไป..เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เช้าจะไปรอรับที่โรงแรมแล้วกันนะคะส่วนของฝากไว้ก่อนก็ได้ ซาโยนาระค่ะ”

“ฉันล่ะไม่ชอบหน้าแม่นี่เลยพรุ่งนี้ขอไม่เจอนะ” คล้อยหลังเพียงไม่เกินสิบก้าว สุพรรษาบ่นกับเพื่อนรัก

“ได้ไงรับปากนางไปแล้ว” ปิ่นปัทม์ยังเชื่อมั่นความคิดจับคู่ของตนในละครเป็นอย่างไรชีวิตจริงย่อมใกล้เคียงเห็นไม่ลงรอยกันแบบนี้ลงท้ายลงเอยหัวใจกันทุกคู่อ่ะดิ

“งั้นก็ทางใครทางมันเชิญแกไปสุขสำราญตามประสาคนมีเงินอุดมการณ์เดียวกันเถอะ”สุพรรษาสะบัดหน้าสวยค้อนขวับ ภาษาญี่ปุ่นเรียกอะไรไม่รู้ แต่แถวๆบ้านเรียกงอน

“ไม่พอใจสิ”

“ใช่”กระชับ สั้น ตรงและแรงที่สุดในความรู้สึกของคนฟัง ได้แต่เงียบงันกันไป สองผู้ร่วมทริปชักจะมองหน้ากันไม่ติดแม้ปิ่นปัทม์จะเริ่มของขึ้นแต่เธอกลับสะกดความไม่ชอบใจเอาไว้ได้อยู่หมัดพิจารณาว่าอารมณ์ร้อนของสุพรรษาเป็นเพียงกองไฟเพียงนิ่งเฉยไม่โจนเข้าไปหาก็ไม่ร้อน นานไปมันก็ดับมอดไปเอง

“เดี๋ยวเราจะไปดูไฟกันที่รปปงงิแบบที่แกรีเควสใช่ไหม”คนหนูเรื่องเยอะพยายามพูดดีด้วย แต่ดูเหมือนว่าแก้วบอบบางที่ร้าว เพียงใส่น้ำร้อนมันก็แตกละเอียด

“ไม่ต้องมาแกล้งแสร้งว่าเอาอกเอาใจฉันหรอกไปใส่ใจเพื่อนใหม่เถอะ”วาจาผลักไสไล่ส่งแบบที่ไม่คิดว่าจะได้ยินนั่นทำให้ปิ่นปัทม์ฟิวส์ขาดจนได้

“อ้าว..ทำไมทำตัวเป็นเด็กๆ ฉันไม่คิดเลยนะว่าแกจะงี่เง่าได้ใจแบบนี้”

“เครเชิญแกผู้มากปัญญาเที่ยวเองเถอะนะ เราแยกกัน..ตรงนี้” สุพรรษากล่าวทั้งน้ำตา เด็ดเดี่ยวเดินปึงๆจากเพื่อนรักอย่างไม่อาวรณ์ ยอมรับหมดใจว่าโกรธและงอนแม้การกระทำนี้มันจะดูงี่เง่าดังคำว่าแต่ก็เข้าแผนของวรรณพิไลมิใช่หรือ

“ก็ดีอยากจะทิ้งฉันกันนัก ปิ่นปัทม์จะบอกให้โตเกียวรู้ว่า เที่ยวเองคนเดียวก็ได้ฟระ”คนทิฐิมานะเอ่อล้นหาได้ตามไปง้อไม่ เรื่องนี้เธอไม่ใช่คนผิดที่สำคัญเธอแอบรู้วาระซ่อนเร้นของผู้สมคบคิดและมันคงถึงเวลาแล้วที่เธอจักต้องพิสูจน์ให้มารดาเห็น...





 

Create Date : 14 มกราคม 2559    
Last Update : 14 มกราคม 2559 9:32:37 น.
Counter : 155 Pageviews.  

ตื่นเต้นยิ่งกว่า

กลางดึกสงัด รถ JaguarXE สีดำทะมึน ทรงพลังหรูหราปราดเปรียววิ่งโฉบเฉี่ยวบนท้องถนนโล่งในเขตรอบนอกทางตะวันตกของมหานครโตเกียว ก่อนจะเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์หลังโตรั้วรอบมิดชิดทอดเป็นแนวยาวหลายร้อยเมตรบ่งบอกถึงสถานะสุดพิเศษของผู้ครอบครองอาศัย ประตูไฟฟ้าเปิดออกอัตโนมัติชายใส่สูทเกือบสิบชีวิตยืนเรียงเป็นแถวค้อมตัวคอยต้อนรับนายน้อยด้วยความเคารพสูงสุดเธอคือ ‘เมงุมิ’ สาวสวยคมคายร่างเล็ก ผมยาวประบ่าสีน้ำตาลอมแดงแต่ถูกรวบไว้และปล่อยเป็นปอยทั้งสองข้างดูเรียบร้อยแบบลวกๆเป็น 2 in 1 ใบหน้ารีหมดจดใสกิ๊ก ดวงเนตรคมเฉี่ยวภายในแววตางามเจิดจ้าปนเศร้าผิวพรรณขาวตามแบบฉบับลูกหลานซามุไรไร้ hybrid วัยยี่สิบหกในชุดbody suit สวมทับด้วย overcoat หนาดูทะมัดทะแมงเปิดประตูแล้วก้าวลงจากรถ เดินตรงรี่เข้าไปในบริเวณอาคารโอฬารมีบุคคลสำคัญกำลังรอพบเธออยู่ ประตูห้องทำงานส่วนตัวถูกเปิดออกภาพแรกที่เห็นคือชายวัยกลางคนผมรองทรงไร้หนวดเครา ใบหน้าเข้มขรึม ลำคิ้วดกหนาดวงตาฉายแววเจนจัดด้วยจิตสังหารกำลังสูบซิการ์ ใกล้กันมีอีกบุคคลหนึ่งยืนกุมมือก้มหน้างุด

“อย่าทำพลาดอีกออกไปได้แล้ว” เสียงทรงอำนาจของ มาเอดะหัวหน้ายากูซ่าอันดับหนึ่งซึ่งเป็นกลุ่มย่อยของ กลุ่มยามางุชิงุมิกลุ่มยากูซ่าที่ทรงอิทธิพลที่สุดในดินแดนอาทิตย์อุทัยตวาดลั่นห้องจนชายที่สนทนาด้วยแทบจะคลานออกมาสวนกับสาวหน้าคมที่กำลังถอด overcoat ออกแขวนไว้หน้าห้องเดินนวยนาดเต็มฝีเท้ามานั่งลงที่โซฟาเบด

“คุณพ่อเรียกหนูมามีอะไรคะ”เมงุมิส่งเสียงเข้มไม่แพ้ผู้เป็นบิดา

“กิจการเป็นไงบ้าง”มาเอดะวางไปป์เปลี่ยนมาถือถ้วยน้ำชาเขารู้ว่าการสูบยาเป็นสิ่งที่บุตรสาวไม่พึงปรารถนา เดินมาหย่อนกายลงนั่งข้างๆ กิจการที่ถามถึงคือธุรกิจผลิตภาพยนตร์ AV ที่เมงุมิเป็นผู้บริหารเป็นที่รู้กันทั่วทั้งเกาะว่านอกจากการเก็บค่าคุ้มครอง คุมสถานบันเทิง ตู้เกมปาจิงโกะและงานวัด อุตสาหกรรม AV ก็เป็นหนึ่งในกิจการที่ยากูซ่ากุมอำนาจการบริหารอยู่เบื้องหลัง

“ก็ดีค่ะคุณพ่อหนูเพิ่งเซนต์เช็คส่งเงินปันผลประจำไตรมาสไปเมื่อเช้านี้เองจะมีปัญหาบ้างก็ดาราตัวท๊อปในสังกัดงอแงไม่ค่อยยอมต่อสัญญาง่ายๆ”บุตรสาวเล่าความตามเนื้องาน ไร้ซึ่งการแสดงออกทางอารมณ์บนดวงหน้าหมดจด

“ก็แกมันพวกใจอ่อนไม่ชอบใช้ไม้แข็ง”ต่างจากผู้ให้กำเนิด มาเอดะเป็นแนว iron fist เพียงแค่เขาแผดเสียงเหมือนเมื่อครู่ไม่มีใครไม่ตอบสนองความต้องการของเขา เมงุมิเองแม้จะแลดูบอบบางอ้อนแอ้นเธอได้รับสมญาว่าเป็น iron lady เต็มขั้นด้วยได้รับการปลูกฝังมาแต่อ้อนแต่ออกบทจะโหดเฉียบเธอก็ทำได้เลือดเย็น อาจมากกว่าบิดาเสียอีกเพราะความเป็นหญิงที่ดูไม่โฉ่งฉ่างแต่ขอไม่ใช้มาตรการนี้บ่อย ถึงเมื่อคราวจำเป็นจริงๆเท่านั้น

“หนูทำเต็มที่แล้วหมดเรื่องคุยแล้วใช่ไหมคะ หนูจะได้กลับ อ้อมีไวน์ชั้นดีที่คุณพ่อชอบอยู่ท้ายรถประเดี๋ยวเด็กคงยกมาให้” เมงุมิหน้างอลุกขึ้นยืนเตรียมจะออกจากห้องด้วยชักเคืองใจเธออยากใช้แนวทางการบริหารเป็นของตนเองวิถียากูซ่าป่าเถื่อนไร้อารยะแบบโบราณมันไม่สอดรับกับโลกไซเบอร์ดิจิทัลอีกต่อไป

“เดี๋ยวสิพ่อไม่ได้เรียกแกมาถามแค่เรื่องนี้” ร่างเล็กยอมลงนั่งที่เดิมแบบไม่ใคร่เต็มใจนักมาเอดะละเลียดชาก่อนจะเผยความประสงค์

“พรุ่งนี้แกจะต้องไปคุยกับกลุ่มยามาดะ ขอโทษเขาแทนพ่อที ลูกสมุนของพี่ชายแกทำงามหน้าเอาไว้หากไม่เคลียร์ใจกันเสีย ณ ตอนนี้ จะบานปลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวได้”

“แล้วทำไมพี่เรียวงะไม่ไปขอโทษด้วยตัวเองหรือทางที่ดีที่สุดคุณพ่อควรจะไปเพื่อแสดงความจริงใจ”เมงุมิบ่ายเบี่ยงด้วยถ้อยวจีที่มีน้ำหนักเธอไม่ปรารถนาข้องแวะกับกลุ่มก๊วนอิทธิพลอื่น

“แกฉลาดนะแต่ยังไม่รอบคอบพอพี่แกเป็นคนวู่วาม ทั้งงานที่ โอซาก้ารัดตัวมาก กลุ่มฮิราชิพยายามจะงัดข้อกับพ่อเพื่อชิงความเป็นใหญ่และที่สำคัญหากพ่อไปเองกับเรื่องเพียงเท่านี้ มันออกจะไม่สมศักดิ์ศรี” มาเอดะยังตีหน้าขรึมดูเขามีเรื่องหนักอกให้ครุ่นคิดตลอดยามตื่นและอาจรวมไปถึงเมื่อคราวหลับตาตั้งแต่จำความได้เมงุมิไม่เคยเห็นบิดามีวันพักผ่อนชีวิตของมาเอดะเต็มไปด้วยการขบเหลี่ยมชิงไหวชิงพริบต่อสู้ในเกมอำนาจที่ตามติดมาด้วยผลประโยชน์มหาศาลจากธุรกิจสีดำและสีเทากระนั้นก็ดี มาเอดะไม่ได้เป็นยากูซ่าต่ำชั้นกเฬวรากไม่เพียงสนับสนุนส่งเสริมบุตรสาว up level & status ให้อยู่ในแวดวงสังคมชั้นสูงจากการศึกษาระดับปริญญาโทจากสหรัฐอเมริกาและชีวิตรายรอบ เขายังพยายามจะผันตัวเองผ่องถ่ายเม็ดเงินมาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกลุ่มการเมืองแต่บริวารในกลุ่มนับพันและความเป็นยากูซ่าที่สืบทอดกันมาแล้วถึงสามชั่วรุ่นเป็นสภาพบังคับในตัวเองที่มาเอดะไม่สามารถสลัดหลุดไปได้ แม้จะเป็นเช่นนั้นเขาก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นยากูซ่าน้ำดีได้รับเกียรติจากวงสังคมอยู่บ้าง เมื่อคราวเกิดสึนามิ กลุ่มยากูซ่าของเขาได้ยื่นมือให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมกับผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลังนับตั้งแต่เกณฑ์ชายฉกรรจ์มาบริจาดเลือดเป็นอาสาสมัครกู้ภัยและระดมเงินทุน บาปมิอาจล้างด้วยบุญเฉกเช่นกันที่ความดีเพียงครั้งคนมิอาจจดจำเทียบเท่าความเลวร้ายที่ก่อเข็ญกันมาแม้จะอู้ฟู้ร่ำรวยเงินทอง เมงุมิไม่เคยเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของบิดาเลย

“เมื่อไหร่คุณพ่อจะวางมือหนูเหลือคุณพ่อแค่คนเดียวนะคะ” คำถามย้ำๆเป็นแผ่นเสียงตกร่องสาวร่างเล็กแต่เด็ดเดี่ยวสูญเสียมารดาไปตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ด้วยซ้ำสาเหตุไม่ปรากฎแน่ชัดและมาเอดะไม่เคยปริปากพูดถึงประเด็นโศกานี้

“แกไปพักผ่อนได้แล้วพรุ่งนี้แต่งตัวสวยๆ สิบโมงเช้าคือเวลานัดหมาย”

“ยังไม่รับปากว่าจะไปจนกว่าคุณพ่อตอบคำถามหนูมาก่อน”

“ความตายเท่านั้น..”มาเอดะพูดแบบไม่ยี่หระ แววตานิ่งเสมือนว่าไม่ประหวั่นหากมันมาเยือนไม่ว่าจะช้าเป็นแรมปีหรือเร็วเพียงวินาทีตรงหน้า

“หนูก็คงต้องเป็นยากูซ่าไปจนตายใช่ไหมคะ” ความฉุนเฉียวของยากูซ่าไฉไลแล่นฉิวเป็นริ้วๆทั่วเส้นประสาท พ่นคำถามที่รู้คำตอบดีแก่ใจความเป็นหน่อเนื้อมิอาจตัดขาดได้ฉันใดความเป็นยากูซ่าของเมงุมิจะดำรงอยู่คู่ตัวเธอไปตราบนานเช่นกัน

“เทพเจ้าส่งให้แกมาเป็นของขวัญชั้นฟ้าเป็นลูกพ่อและแกไม่มีสิทธิ์เลือก” เมงุมิถอนหายใจ ปวดศีรษะตุบๆดั่งเมาค้างมิได้ถอน มือเรียวคว้าovercoat และเดินออกจากห้องคงจะเป็นประกาศิตจากเบื้องบนที่เธอมิอาจบอกปัดได้ เมื่อเป็นเช่นนี้สิ่งเดียวที่ทำได้คือใช้ชีวิตตามครรลองแบบไร้คลองธรรมอย่างมีความสุขกับการเป็นยากูซ่า...

เจ็ดนาฬิกาตามเวลาท้องถิ่นปิ่นปัทม์รู้สึกตัวตื่น ค่อยๆเปิดเปลือกตาและขยับกายลุกขึ้นจากเตียงเห็นว่าเพื่อนสาวยังนอนคุดคู้ก็ไม่ได้ทำการปลุกด้วยหากเทียบเวลาตามความคุ้นชินที่สั่งสมมาทั้งชีวิตขณะนี้เพิ่งราวตีห้าฟ้าปิดจึงอยากให้สุพรรษาชาร์จแบตให้เต็มเปี่ยมก่อนจะลุกขึ้นมาแข็งขันปะทะฝีปากกับเธอและตะลอนทัวร์ทั้งวันเธอเดินเพียงสองก้าวมาดูแสงยามเช้าของดินแดนอาทิตย์อุทัยริมกระจก จากมุมสูงชั้น 18หนุ่มสาววัยทำงานนับร้อยกำลังข้ามทางม้าลายสวนกันไปมาไกลออกไปเป็นทางรถไฟที่เป็นชุมทางของสถานีชินจูกุนับสิบๆรางเป็นความสับสนวุ่นวายคละเคล้าเสน่ห์ที่แฝงเร้นของมหานครโตเกียว.. ปิ่นปัทม์เข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำและออกมาคว้าโทรศัพท์เกิดมุมานะด้วยแรงบันดาลใจจากอะไรสักอย่าง นิ้วน้อยๆสไลด์หน้าจอเพื่อโหลดแอพพลิเคชั่นฝึกภาษาญี่ปุ่น อีกมือก็คว้ารีโมทคอนโทรลเปิดโทรทัศน์เลือกช่องข่าวไปด้วยเสียงของจอ LED เป็นการบังคับปลุก สุพรรษาให้ตื่นขึ้น

“ทำอะไรของแกแต่เช้าเชียวไลน์หาคุณน้าเหรอ ยังไม่ตื่นหรอกมั้ง” เพื่อนรักระดมคำถามซุ่มเสียงแหบพร่าใบหน้ายังงัวเงีย

“เปล่า.. แค่จะทำอะไรสนุกๆ” ปิ่นปัทม์ยังไม่ละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์ของตนเห็นเพื่อนสนิทมุ่งมั่นเยี่ยงนี้ยิ่งชวนให้สงสัย สุพรรษาลุกขึ้นมาดูทันที

“เอิ้กๆ.. แกนี่นะจะฝึกพูดญี่ปุ่น จะไปเซย์ไฮ คอนนิจิวะกับใครยะหรือว่าเมื่อคืนไปเจอหนุ่มๆเข้า เดี๋ยวฉันจะฟ้องพี่มาร์ค..”

“พอๆ อย่ามโนก็บอกแล้วว่าแค่หนุกๆ อีกอย่างเรามากินเที่ยวใช้ชีวิตที่นี่นานอยู่แกก็รู้นี่ว่าคนโตเกียวเขาฟังภาษาอังกฤษไม่ค่อยจะออก” หากเป็นคนอื่นคงเชื่อแต่กับเพื่อนจอมโวยที่โดนประคบประหงมเป็นเจ้าหญิงมาทั้งชีวิต ให้อมพระประธานทั้งกรุงเทพฯมาพูดก็อยู่ในสภาพไร้น้ำหนักสุพรรษาปล่อยผ่านไปก่อน ความจริงต้องปรากฎในไม่ช้านานดีเสียอีกที่คนหยิบโหย่งจะหัดทำอะไรที่มีสาระกับเขาบ้างเธอจะเฝ้าดูว่าปิ่นปัทม์จะไปได้สักกี่น้ำพูดได้ถึง 10 ประโยคหรือไม่

“เดี๋ยวฉันอาบน้ำเสร็จแล้วเราไปหาอะไรเบาๆกินกันวันนี้ทัวร์เส้นทางบุญ.. เครนะ”สุพรรษาทำท่าจะปลดชุดยูกาตะที่โรงแรมเตรียมไว้ให้ คว้าผ้าขนหนูเดินไปหน้าห้องน้ำ

“นี่แกอย่าได้พูดถึงเขาอีก..จะได้ไหม”ปิ่นปัทม์ส่งน้ำเสียงจริงจัง สุพรรษาทำหน้าเหรอหรา แผงขนตาหนาขยับขึ้นลงตามจังหวะกะพริบถี่ยิบนี่เธอตกข่าวเรื่องแฟนหนุ่มคุณเพื่อนไปได้อย่างไร

“อ้าว! งอนกันอยู่เหรอ มิน่าวันบินไม่เห็นมาส่ง”

“ยิ่งกว่านั้นอีก..เรา..จบกันแล้ว” ปิ่นปัทม์เย็นชาไร้ซึ่งอาวรณ์ เสมือนว่าแค่เลิกคบเพื่อนแย่ๆคนหนึ่ง

“ห๊ะสุพรรษายิ่งหน้าตื่น เดินย้อนกลับมาหา เรื่องนี้ต้องคุยกันยาวแล้ว

“ตกใจทำไมเนี่ยแกก็รู้แจ้งแทงทะลุ มันคือการเมือง”

“ก็การเมืองอ่ะดิถึงได้ตกใจแล้วนี่คุณน้ารู้หรือยัง”

“กลับไปค่อยบอก”

“ฉันว่าแกควรบอก..เดี๋ยวนี้”

“โว๊ะ!..จะมาเจ้ากี้เจ้าการอะไรนักนะ แกเป็นแม่คนที่สองของฉันหรือไง”ปิ่นปัทม์สติแตก เผลอตะคอกใส่หน้า สุพรรษาถึงกับจ๋อยเจื่อนความน้อยเนื้อต่ำใจเข้ามาเกาะกุมจับจิต ยัยปัทม์พูดถูกเธอไม่ควรก้าวล่วงเรื่องส่วนตัวเกินไปควรจะสำเหนียกบ้างว่าเธอมันฐานะไหน ได้แต่เดินคอตกเข้าห้องน้ำปิ่นปัทม์อยากจะเอ่ยปากขอโทษแต่กลับสงวนน้ำคำเอาไว้ คนไม่คิดมากอย่างนี่น่าต่อให้อย่างมากแค่ไม่เกินสิบนาทีก็อี๋อ๋อกันได้

ทั้งคู่ออกจากที่พักล่วงเข้าวันที่สองในการมาเยือนมหานครโตเกียว แสงตะวันทอแสงเป็นลำลอดผ่านช่องตึกรามดูไม่แตกต่างจากบ้านเกิด หากแต่ความอบอุ่นนั้นผิดกันมากท้องฟ้าเช้านี้โปร่งสดใสกว่าวันวานฝนที่โปรยสายลงมาทำให้ฤดูกาลเปลี่ยนผันอย่างสมบูรณ์อุณหภูมิลดลงอีกราวสององศาเซลเซียสไปแตะเลขตัวเดียวแล้ว ปิ่นปัทม์ต้องซุกมือเปลือยเข้าใต้ร่มผ้าตำหนิตนเองอยู่ไม่น้อยเมื่อคืนมัวแต่ทำเรื่องสนุกแทนที่จะหาซื้อถุงมือป้องกันผิวบางไว้บ้างเกิดลอกหรือแตกขึ้นมาจะคืนสภาพงดงามดังเดิมไหม

ความตั้งใจแรกสุพรรษามาดหมายว่าจะหาของกินรองท้องแต่ยังเช้าเกินไปในความรู้สึกและยังหาหมูปิ้ง น้ำเต้าหู้แบบที่กรุงเทพฯไม่เจอทั้งสองเพียงกดกาแฟที่ตู้หยอดเหรียญปิ่นปัทม์ประหลาดใจอีกจนได้เพราะกาแฟกระป๋องมันอุ่นๆ ตู้สมองกลอัจฉริยะจริงๆสองอนงค์จิบกาแฟพร้อมกับเปิดดูแผนผังรถไฟฟ้าใต้ดินที่ดูเมื่อไหร่ก็งงเมื่อนั้น

“เนี่ยบอกก็ไม่ฟังมากับทัวร์ก็จบเรื่องแล้ว ของกินก็ไม่มีจะเดินทางก็งงเต็ก ยากกว่าข้อสอบอีกเนี่ยเบื่อจุง เบื่อๆๆๆ” คนสวยเริ่มโวยวายออกงิ้วกระฟัดกระเฟียด สุพรรษาต้องพูดเตือนสติ

“เฮ้ยแกเขาออกแบบมาให้มนุษย์ใช้ก็ต้องไม่ยากสิ เพียงแค่เรามาครั้งแรกลบเส้นแห่งความสับสนออก แกจะเหลือแต่ความสนุกและสะดวกสบาย”ปิ่นปัทม์เริ่มคล้อยตามและสงบลงบ้าง

“ตั้งสติเริ่มต้นกันให้ถูก ระบบรถไฟที่นี่แบ่งเป็นใต้ดินและบนดินเหมือนบ้านเราที่มีใต้ดินและลอยฟ้า MRT กับ BTS เพียงแต่บ้านเรามันกระจุ๋มกระจิ๋มมีแค่สองสายที่นี่มีเกือบห้าสิบสายหลายสัมปทานเลยเข้าใจยากหน่อย แต่ก็ไม่เกินจากปัญญาแหลมของแกหรอก”

“อืม..บนดินเหมือนที่เรานั่งมาจากสนามบินเมื่อวานสินะ”

“ใช่เจ้าใหญ่ที่สุดคือ JR Japan Railway เป็นของรัฐบาลกลางส่วนใหญ่จะเป็นการเดินทางระหว่างเมือง ระหว่างภูมิภาคและรถไฟความเร็วสูงส่วนระบบใต้ดิน หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า จิกะเทะทซึ จะเป็นการเดินทางในโตเกียวด้วยตั๋ววันที่เราถืออยู่นี่ล่ะ” สุพรรษาเปิด application hyperdia บนโทรศัพท์มือถือและส่งให้เพื่อนดู

“นี่เป็นแอพฯสุดล้ำที่ช่วยให้การเดินทางง่ายดายแค่ปลายนิ้วสัมผัส”

“พูดเป็นพริตตี้เชียร์สินค้าเชียวไม่อ่ะไม่ฉันถนัดวิธีคลาสสิคมากกว่า” ปิ่นปัทม์บอกปัดยืนยันใช้แผนที่เส้นหลากสีลากตัดกันไปมาที่ดูเหมือนเขาวงกตหรือวงจรอิเล็กทรอนิกส์เมื่อสงบนิ่ง สติมาครบ ปัญญาก็บังเกิดดั่งคำพระ

“สถานีที่เราอยู่ Weare here is Shinjuku, Right?” สุพรรษาเป็นฝ่ายเริ่มก่อนดูไปเหมือนเด็กน้อยกำลังหาทางหลุดจากเขาวงกตเพื่อกลับบ้าน

“อือ E 27 สีชมพู Oedo Line” คุณหนูเรื่องเยอะชักสนุกลากนิ้ววนไปมาบนแผนผัง

“แจ่มแล้วที่ขวาสุดคือสถานี Asakusa G 19 Ginza Line สีส้มปลายทางที่เราจะไปกัน”

“งั้น..เราก็ต้องไปต่อรถที่สถานีไหนสักแห่งเพื่อขึ้นสายนี้..เคร เรานั่งสีชมพูจาก E 27 มาลงที่ Aoyama-itchomeE 24 เพื่อต่อสายสีส้ม G 4 ไปถึง Asakusaที่ G 19” สองนารีแดนสยามส่งยิ้มให้กันเมื่อลงข้อสรุปได้ว่าจะขึ้นรถไฟสายไหนสีอะไรและสถานีไหนแต่ชีวิตจริงๆกลับสับสนและปวดเศียรยิ่งกว่าแผนผังในกระดาษปิ่นปัทม์ยังได้สังเกตเห็นว่าระหว่างทางเดินใต้ดินตามป้ายประกาศมีข้อแนะนำและข้อห้ามทำเป็นการ์ตูนสีสันสดใสชวนมองดูแล้วน่ารักน่าอ่าน เข้าใจง่าย ไม่เหมือนการบังคับ คนพร้อมใจกันปฏิบัติตามนับเป็นสุดยอดกุศโลบายแยบคายยิ่ง.. หลังจากที่เข้ามาในขบวนรถและผ่านมาได้สองสถานีปิ่นปัทม์มองทะลุบานกระจกใสไปที่ป้ายชื่อสถานี รู้สึกทะแม่งๆแปร่งๆ

“นี่น่าทำไมสถานีมันย้อนขึ้นเป็นเลข 29 อ่า เราขึ้นที่สถานี 27และต้องไปสถานี 24 ไม่ใช่เหรอ”สุพรรษาชะโงกหน้าสวยมามองเป็นจริงอย่างที่เพื่อนสงสัย

“แก.. เราขึ้นผิดฝั่งแล้วดิ” สองเพื่อนซี้ขำกลิ้งเมื่อตัวเลขสถานีมันสวนทางกับที่ต้องการไปทั้งสองลงที่สถานีหน้าก่อนจะข้ามฝั่งชานชาลาจับอีกขบวนนั่งย้อนกลับมา

“ฮิฮิ.. ดีนะไม่รีบ ไม่ได้นัดกับใคร ไม่งั้นเลทแน่”

“ใช่.. คราวหน้าต้องดูให้รอบคอบแล้ว เกิดหลงไปในเส้นทางที่ไม่รู้จักล่ะก็แย่แน่ๆ”ประโยคจากปิ่นปัทม์เหมือนเตะหมูเข้าปากหมา เข้าทางจอมแผนการอย่างสุพรรษาพอดี

“แล้ว..หากเราหลงกันขึ้นมาจริงๆล่ะ”

“ถ้าตามหากันครึ่งชั่วโมงแล้วไม่เจอก็กลับไปรอกันที่โรงแรม..เครป่ะ” ปิ่นปัทม์สวนกลับมาแบบไม่ต้องคิดปัญหาแบบนี้เด็กมัธยมก็แก้ได้ไม่ยากในความรู้สึก

“ตามนั้น”สุพรรษาม้วนหน้าหลบสายตา ถึงคราวที่จะต้องทำตามแผนเข้าจริงๆจะใจแข็งพอไหมนะ..

ที่สถานีอาซากุสะปากทางออกมีรถลากสองล้อเทียม 5-6 คันรอเรียกนักท่องเที่ยวให้ใช้บริการปิ่นปัทม์และสุพรรษาขอใช้สี่เท้าของตนเดินมาเพียงไม่ถึงหนึ่งร้อยเมตรก็เจอกับวัดเซนโซจิ (Sensouji) หรือที่คนไทยเรียกกันว่า วัดอาซากุสะเป็นวัดในพุทธศาสนาที่มีชื่อเสียงมากของโตเกียวบริเวณติดกับวัดเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าอาซากุสะซึ่งเป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโตศาสนาประจำชาติของญี่ปุ่นปิ่นปัทม์รี่เข้ามาถ่ายเซลฟี่มุมมหาชนตรงโคมยักษ์สีแดงที่ประตูคามินาริมอนหน้าทางเข้าวัดจนพอใจตรงเสาประตูมีรูปปั้นจตุรเทพทั้ง 4 ทิศเฝ้าประจำการหน้าตาถมึงทึงขึงขังยิ่งทั้งสองเดินทอดน่องดูขนมพื้นเมืองและของที่ระลึกที่ขายกันเป็นระเบียบในซุ้มสองข้างทางเดินเรียงรายนับร้อยแผงมือสวยของปิ่นปัทม์จะหยิบชุดกิโมโนซื้อไปฝากแม่แต่ต้องถอดกรูดไม่เป็นขบวนด้วยสนนราคาสูงลิบหลายหมื่น(บาท) ท้ายที่สุดตัดใจ ไม่ซื้อ ลด specเป็นเพียงชุดยูกาตะกับรองเท้าญี่ปุ่นไปก่อนแล้วกัน ปิ่นปัทม์พยายาม speakJapanese ต่อรองราคาสินค้าอาการเหมือนเด็กหัดพูดผิดๆถูกๆบางครั้งคนฟังถึงกับงงยิ่งทำให้เพื่อนรักขบขัน

“อะไรยะมือใหม่หัดเรียนหันมาแหวใส่

“เอิ๊กๆ.. พูดไม่เป็นภาษาก็ยังทู่ซี้น้อ อายบ้างไรบ้างนะคะคุณเพื่อน”

“เอ้า..ยิ่งไม่ได้สิยิ่งต้องพูด ผิดเป็นครูนะแก”

“เหวยๆผิดเพี้ยนเป็นกระบุงโกยแบบนี้เป็นได้ถึงอธิบดีกรมสามัญศึกษาแว้ว”

“คอยดูนะปิ่นปัทม์คนนี้จะหัดพูดให้ได้ก่อนกลับเมืองไทย” แววตาของคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อฉายชัดเธอดูมุ่งมั่นเอาจริงเอาจังกว่าทุกครั้งคราว

“คงเป็นของฝากที่ถูกใจคุณน้าที่สุดอ่ะ”สุพรรษาแปลกใจ หรือว่าเพียงหนึ่งวันหนึ่งคืนเพื่อนสาวจะสร้างแรงบันดาลใจมี inspirationแรงกล้าได้ด้วยตนเอง? ไม่ม้าง..

เมื่อผ่านร้านค้าก็ถึงบริเวณตัววัด ปิ่นปัทม์และสุพรรษาจุดธูปและปักที่กระถางใบใหญ่กวักควันธูปเข้าหาตัวตามความเชื่อที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาเจอโคมยักษ์สีแดงที่เสาประตูอีกโคมหนึ่งก่อนจะเข้าไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาลาใหญ่สถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมหาซื้อเครื่องรางเป็นกำไลหิน และกิจกรรมสุดท้ายคือเสี่ยงเซียมซีช่างบังเอิญที่สองเพื่อนสนิทได้หมายเลขเดียวกันคือ 28

“Fortune in love.” คำทำนายสั้นๆเชิงบวกหมายถึงจะโชคดีในความรักทำให้ปิ่นปัทม์และสุพรรษายิ้มขวยๆ

“ฉันว่ามันคงดีทุกใบแหล่ะเพียงแต่จะเขียนว่าดีด้านไหนเท่านั้น สุขภาพ ความร่ำรวย ความรัก” ปิ่นปัทม์แก้เก้อมาเที่ยวไม่ใช่มาหาคู่ซ้ำยังเพิ่งร้างลาจากคุณพี่มาร์คที่ยอมคบหากันเพราะเรื่องของผู้ใหญ่เพียงให้ไม่ร้ายไปกว่าที่เป็นอยู่เธอก็พอใจแล้ว

“ก็ว่ากันไปหิวละเราไปหาอะไรกินดีกว่า”สุพรรษาเองก็ไม่ใคร่ปักใจเชื่อกับเรื่องพรรค์นี้จะมีหรือไร้รักก็หาได้มีผลกระทบต่อชีวิตเรียบง่ายของเธอไม่แม่เลขาก้าวนำเข้าไปในร้านเทมปุระ เนื่องจากเป็นร้านใหญ่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวทางร้านจึงมีเมนูภาษาอังกฤษไว้บริการด้วยเป็นร้านนั่งกับพื้นจึงต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าไปนั่งเอกเขนกบนพื้นเสื่อเหมือนเคยคือมีผ้าอุ่นและชาเขียวไว้บริการ ทั้งคู่สั่งชุดเทมปุระและซูชิสองชุดใหญ่ๆปิ่นปัทม์หยิบทิชชู่มาเช็ดปากสัมผัสถึงเนื้อกระดาษที่บางแต่ไม่เปื่อยยุ่ยสามารถซับมันได้ดีร้านอาหารที่ญี่ปุ่นมักจัดเต็ม ไม่ต้องสั่งพิเศษและเป็นร้านที่สองแล้วคือรสชาติออกเค็มราคายกระดับขึ้นมาจากมื้อแรกเล็กน้อยแตะที่พันกว่าเยนขึ้นไปแต่ก็นับว่าคุ้มค่าทุกเยนแทบจะต้องแบกท้องกางกลับออกมา

นักท่องเที่ยวคนสวยทั้งสองเดินย่อยจนกระทั่งถึงทางเดินริมแม่น้ำซูมิดะใกล้เที่ยงเต็มแก่ปิ่นปัทม์ยังมิอาจสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากแดดและกลับหนาวสะท้านกว่าเดิมเมื่อลมโชยจากแม่น้ำปะทะกายมีจักรยานให้เช่าและร้านกาแฟริมน้ำ ต้นซากุระใบโกร๋นเรียงรายตลอดริมฝั่งหากมาในช่วงเดือนซากุระบานคือปลายมีนาคมต่อต้นเมษายนบริเวณนี้จะเป็นสีชมพูบานสะพรั่งสุดโรแมนติกนับเป็นมุมมหาชนอีกมุมหนึ่งที่ได้รับความนิยมฝั่งตรงข้ามแม่น้ำจะเห็นตึกอาซาฮีตั้งตระหง่าน มีประติมากรรมฟองเบียร์สีทองอยู่บนยอดตึกที่ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนฟองเบียร์สักเท่าไหร่และหอคอยโตเกียวสกายทรีสูงเด่นเป็นอีกหนึ่งLandmark ของเมืองหลวงถัดออกไปใกล้กันมีท่าเรือซึ่งเป็นจุดนั่งเรือล่องแม่น้ำออกไปถึงโอไดบะและอ่าวโตเกียวนับว่า Asakusa เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวต้องห้ามพลาด

“คนที่นี่ลงทุนทั้งแรงกายแรงใจรังสรรค์สิ่งปลูกสร้างเหมือนกับว่าจะอุทิศจารึกให้เป็นตำนานทำเพื่ออนุชนรุ่นหลังเลยนะแกดูสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำนี่สิ ฉันว่าอายุคงพอๆกับสะพานพระรามหกสมัยที่สร้างก็คงไม่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ถึงเพียงนี้” ปิ่นปัทม์ออกความเห็น

“อืม.. รถไฟญี่ปุ่นเริ่มหลังกว่าบ้านเราอีกแต่เขาพัฒนาและพัฒนาต่อเนื่องไม่หยุดยังไงสำคัญที่สุดคือสำนึกสาธารณะของคนญี่ปุ่นสูงมาก ฉันไม่เห็นพวก Vandalism (พวกชอบทำลายข้าวของสาธารณะ) หรือว่าพวก Graffiti(พวกชอบขีดเขียนตามกำแพงที่มีคนบางจำพวกตีความไปว่ามันคือศิลปะ)แกดูตู้โทรศัพท์สิสะอาดผุดผาดราวกับเพิ่งมาตั้งไว้ผู้คนก็เป็นระเบียบไม่มีใครแหลมออกมา โอ๊ย! นี่มันแดนสวรรค์ชัดๆ”มหกรรมอวยระดมออกมาเป็นชุดใหญ่ไม่เกินจริงแต่ปิ่นปัทม์ยั้งๆความรู้สึกของสุพรรษาไว้

“แกอย่าด่วนสรุปเลยนะที่เห็นแค่สองวันอาจเป็นเพียงเปลือกผิว มีด้านดีย่อมมีด้านแย่มีมุมสว่างย่อมยากจะเห็นมุมมืด และเรายังไม่ได้สัมผัสแง่มุมนั้นมากกว่าไม่แน่ที่แกว่าสวรรค์นรกอาจอยู่ประชิดกันเทียวล่ะ”

“แกคิดได้ก็บอกแล้วว่าปิ่นปัทม์มีของ แต่สุพรรษาอดสัพยอกจิกกัดไม่ได้

“ชิชะ.. ฉันไม่ได้มีหัวไว้แค่กั้นหูนะ”สองอนงค์จากลาย่านอาซะกุสะเดินกลับมาขึ้นรถไฟ ช่วงจังหวะที่กำลังเดินข้ามทางม้าลายสวนกับเมงุมิที่นั่งอยู่ในรถหรูคันเดิมหยุดรอสัญญาณจราจรต่างฝ่ายต่างก็จ้องมองกันและกัน

“ว้าวๆ! รถสวยจังเลยแก จากัวร์ตัวใหม่ล่าสุด” ปิ่นปัทม์ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นสะกิดเพื่อนรักให้ปรายตามองรถหรูหรามีระดับแบบนี้หาไม่ได้ง่ายนักที่เมืองไทยเมงุมิเองก็เป็นเช่นกันเธอถึงกับต้องถอดแว่นกันแดด ลดกระจกที่ติดฟิล์มทึบลงชะโงกหน้าใสเด้งออกมาดูด้วยตาเนื้อให้กระจ่างชัด

“สวยอ่ะสวยๆเธอต้องเป็นคนไทยแน่ๆ” ยากูซ่าสาวต้องอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้นยิ่งกว่ามันเต็มไปด้วย passion จากคนเย็นชากร้านโลก อันความงามของปิ่นปัทม์นั้นรู้แจ้งใครไม่เหลียวมองผู้นั้นคงตายด้านทางความรู้สึก แม้สาวหน้าหยกจะค่อนไปในทางนั้นแต่เธอยังดำรงอยู่ได้ด้วยก้อนเนื้อสีแดงข้างซ้าย เย็นชาแต่มิได้ด้านชา

เมงุมิเพิ่งเสร็จกิจออกจากสำนักงานของกลุ่มยามาดะ ไม่มีจุดมุ่งหมายที่จะไปต่อแต่ตอนนี้ขอเปลี่ยนใจแล้วล่ะ...




 

Create Date : 08 มกราคม 2559    
Last Update : 8 มกราคม 2559 14:51:46 น.
Counter : 356 Pageviews.  

1  2  

writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.