Group Blog
 
All blogs
 

ซ่อนรักไว้ในสายลมหนาว 1

“อะไรกันคะหัวหน้า นี่มันจะขึ้นปีใหม่แล้วนะคะกะจะเลื่อนพักร้อนรินไปถึงสิ้นปีหน้าเลยหรือไง” นพรินโวยวายลั่นห้องหัวเสียกับเจ้านายจอมงกที่กำลังเอาเรื่องงานมาเบียดบังการพักร้อนของเธอที่เลื่อนมาเกิน 10 กว่ารอบแล้วตั้งแต่ต้นปี

“เฮ้ย!! ไอ้ริน นี่ฉันเป็นเจ้านายแกนะ กะอีเรื่องแค่นี้มันจะเป็นจะตายเลยรึไงแล้วมันก็เป็นโอกาสที่ดีนะเพราะงานนี้เป็นงานของคนในตระกูลดังแกจะได้มีผลงานเริ่ดๆไปอัพโปรไฟล์ตัวเอง”เอกพลให้เหตุผลเจ้าลูกน้องคนเก่งแต่หัวดื้อลูกสาวคนเดียวของเพื่อนรักเชื้อมันไม่ทิ้งแถวกันเลยจริงๆไอ้เรื่องหัวดื้อเนี่ย

นพรินมีความสามารถเกินงานที่ทำอยู่เค้าไม่อยากกักกั้นศักยภาพของหล่อนอยากผลักดันให้ไปได้ไกลกว่านี้และงานนี้ก็เป็นโอกาสที่ดีมากจริงๆ

“รินเกลียดนักการเมือง”

“เอ้า!! ไอ้นี่พาล เค้าแค่ลูกหลานนักการเมืองไม่ใช่นักการเมืองเองสักหน่อยและที่สำมะคัญเขาว่าสวยมากด้วยนะโว๊ย”หนุ่มใหญ่หยอกเย้าอย่างรู้รสนิยมกันดี

“สวยแล้วยังไงคะคุณหัวหน้าคิดว่ารินเป็นสาวโสดอยู่หรือไง” นพรินเมินหน้าหนีไม่เอาด้วยกับไอเดียร์บ้านแตกเผลอๆจะพาให้หัวแตกเอาด้วย

“โปรเจ็กต์หรูต้องใช้เวลาเป็นเดือน มีสาวสวยเจ้าของโปรเจ็กต์เดินไปมาก็ชวนให้สบายตาดีไม่ใช่รึ”

“รินมองกี้ก็สบายตาพอละ” กี้หรือกีรดาคือคนรักของเธอเองนพรินเหนื่อยหน่ายกับเจ้านายจอมเผด็จการที่ควบตำแหน่งเป็นเพื่อนพ่อด้วย เอกพลมักจะใช้อำนาจของความเป็นหัวหน้าแต่หากนอกเวลางานก็จะใช้ความอาวุโสมาเอาชนะเธอเสมอ และครั้งนี้ก็เช่นกันเธอก็ต้องยอมแพ้ตามเคยแต่ในความพ่ายแพ้แทบทุกครั้งมันมีความนัยแอบแฝงอยู่เสมอที่เธอทำเป็นดื้อรั้นก็เพราะอยากหาแนวร่วมมาถีบมาดันในสิ่งที่เธอต้องการทำต่างหากจะได้เอาไปอ้างกับคนรักได้ว่าที่ต้องทำเพราะถูกบังคับในส่วนลึกเธอรักในงานที่ทำและอยากพิสูจน์ตัวเอง

รังสันต์หนุ่มร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาผิวพรรณขาวนวลเนียนสวยเกินชายเขาเดินเข้าไปหาเพื่อนสาวที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่เยาว์วัยเมื่อเห็นหล่อนเดินออกมาจากห้องหัวหน้าที่ควบตำแหน่งเป็นพ่อของเค้าด้วยเห็นสีหน้าเซ็งๆของเพื่อนรักก็พอจะเดาเรื่องได้

“ไม่รอดซิแก”

“เออ... ปวดสมองว่ะ รอบนี้ไม่รู้จะบอกกี้ยังไงเลยเลื่อนมาหลายรอบแล้ว” นพรินเดินไปที่โต๊ะทำงานของตนโดยมีเพื่อนรักเดินตามมาด้วย หญิงสาวร่างสูงโปร่งทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ท่าทีหมดเรี่ยวแรงเธอรักงานที่ทำมีความฝันสูงในสายอาชีพนี้ แต่เธอก็แคร์กี้มากด้วยเช่นกัน เพราะกี้รักและดีกับเธอเสมอมาเธอสัญญากับกี้ว่าจะไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยกัน แม้นกี้จะเคยไปหลายครั้งแล้วกับเพื่อนและกับครอบครัวก็ตามแต่กี้ก็อยากไปอีกครั้งกับเธอนี่ก็เลื่อนไปหลายรอบเพราะมีงานเข้ามาตลอดจนตั๋วหมดอายุไปสามรอบละ

“เอาไงดีวะสันต์ กลัวกี้น้อยใจว่ะครั้งที่แล้วก็เห็นแอบไปร้องไห้” เธอรู้ดีสำหรับกีรดาคำว่าไม่เป็นไรแปลว่า เสียใจมาก

“แต่แกทำงานนะโว้ยไม่ใช่ไปมีชู้สักหน่อย” ก็พูดไปอย่างนั้นเพราะรู้จักแฟนสาวของเพื่อนดีกีรดาบอบบางทั้งกายและใจ และที่สำคัญหล่อนรักเพื่อนสาวของเค้ามาก

“โปรเจ็กต์นี้ต้องไปเชียงรายเป็นเดือน เฮ่อ...แกฉันอยากเป็นไหลตายว่ะ” หญิงสาวฟุบหน้าลงบนโต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์เขียนแบบผมยาวสยายเต็มแผ่นหลังเย็นนี้เธอไม่อยากกลับบ้านไปเจอหน้าสวยๆของคนรักเลยให้ตายเถอะไม่อยากเห็นนัยน์ตาเศร้าๆของกี้เวลาเจอเรื่องผิดหวังโดยเฉพาะเรื่องผิดหวังที่มาจากเธอ

“สู้ๆโว้ยเพื่อน” รังสันต์ตบไหล่เพื่อนสาวเบาๆทำท่าจะเดินออกไปอยู่ต่อไปก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดีแถมงานยังกองรออยู่ล้นโต๊ะ

“เดี๋ยวสันต์!!” รังสันต์ชะงักหันมองเห็นเพื่อนสาวนัยน์ตาเพื่อนรักมันกำลังบอกเค้าว่า‘กุเดือดร้อนละ’ ชายหนุ่มทำท่าจะรีบพุ่งออกไปแต่ก็ช้ากว่าคนรู้ทันเพราะนพรินดึงชายเสื้อไว้ได้

“สันต์” นพรินเสียงเย็น

“ถ้าแกใจดำไม่ช่วย ฉันจะบอกพ่อแกว่าแกเป็นเกย์” หญิงสาวหน้าตายน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่สุดแสนจะทรงพลังสำหรับชายหนุ่มที่แพ้ทางกันมาตลอดและไม่คิดว่าเพื่อนรักจะใช้มุขนี้อีกเพราะหล่อนเคยใช้มันมาแล้วครั้งหนึ่งสมัยเรียนมหาวิทยาลัยตอนนั้นเขาเกิดไปขัดใจหล่อนเข้าพ่อเค้าก็ดันเชื่อลมปากหล่อน ผลก็คือเค้าหัวแตกจนต้องเย็บไปสิบกว่าเข็ม เพราะความที่เค้าเป็นคนผิวพรรณดีมีใบหน้าที่ออกไปทางสวยทำให้พ่อระแวงอยู่ตลอดว่าเค้าอาจจะกลายพันธุ์ไปเป็นตุ๊ดเป็นแต๊วซึ่งพ่อรับคนที่เป็นแบบนี้ไม่ได้เลยแต่ทียัยรินมีแฟนผู้หญิงเป็นตัวเป็นตนไม่เห็นพ่อเค้าจะรังเกียจหล่อนบ้างเลยโลกช่างไร้ความยุติธรรมและที่สำคัญคือเค้าไม่ได้เป็นเกย์และไม่มีวันเป็นด้วย หญิงสาวปล่อยชายเสื้อและนั่งลงมีท่าทีผ่อนคลายรังสันต์มองเพื่อนเจ้าเล่ห์ส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยหน่ายไม่ใช่ว่ากลัวในคำขู่แต่เพราะจิตที่ผูกพันกันมากต่างหากสำหรับเค้าแล้วรินมีความสำคัญมากกว่าเพื่อน รินเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้องทุกอย่างที่สำคัญ

“จะให้ช่วยอะไรก็ว่ามา ไอ้เพื่อนเลว”

“ถึงเวลาแล้วจะบอก” นพรินมองไกลถึงเธอจะให้กีรดาได้ไม่เต็มร้อยแต่ได้ให้บ้างก็ยังดีที่เหลือค่อยตามซ่อมเอาทีหลัง

เครื่องยนต์ดับลงในรั้วสีขาวสว่างตานพรินมองผ่านกระจกหน้ารถมองไปรอบๆบ้าน หลังเล็กๆของเธอกับผู้หญิงตัวเล็กๆอีกคนที่แสนดีดีมากเสียจน...

... เธอเลว

“กลับมาแล้วค่า” นพรินส่งเสียงนำเข้าไปก่อนเธอจะทำแบบนี้ทุกครั้งที่กลับมาเธอรู้ทุกวันกีรดาเฝ้ารอการกลับมาของเธอ

“กลับมาแล้วเหรอคะ” มีเสียงเล็กๆตอบรับกลับมาพร้อมกับสาวร่างบางสองสาวเดินเข้าไปหากันกีรดาโอบกอดนพรินด้วยความคิดถึงยื่นหน้าขึ้นไปจูบที่ริมฝีปากอีกฝ่ายเบาๆดีใจที่คนรักกลับมาเสียทีไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนความรู้สึกนี้ก็ไม่เคยคลายไปเลยสักนิดที่แท้ที่จริงแล้วรินอาจจะใช้เวทมนต์กักขังให้เธอลุ่มหลงไม่รู้คลาย

“เหนื่อยมั้ยคะวันนี้มีของโปรดรินนะ” สาวร่างเล็กรีบบอกความดีเอาหน้า

“ให้ทายว่าอะไร” นพรินเลิกคิ้วให้ทายว่าอะไรเนี่ยนะ!ยากมาก... เพราะของโปรดเธอมีเป็น 10 อย่าง

“สลัดสาหร่าย กับเสต็กปลาแซลมอลค่ะ” ร่างเล็กไม่รอคำตอบเพราะรู้ดีสมองของนพรินมีแค่เรื่องงานเท่านั้นแม้แต่เรื่องของเธอเองก็ยังไม่แน่ใจเลยว่ามีอยู่ในสมองของรินบ้างหรือเปล่า

“ว้าว...” ร่างสูงถูกใจกับเมนูให้รางวัลร่างเล็กด้วยการก้มลงหอมแก้มใสทั้งสองข้างฟอดใหญ่และจบด้วยการจุ๊บที่ริมฝีปากบางอีกหนึ่งที

“กี้น่ารักที่สุด” ร่างสูงยิ้มหวานหยอดเอาใจ

“รินรีบไปอาบน้ำเถอะค่ะ จะได้มาทานอาหารเย็นกันกี้ทำใกล้เสร็จละ” สองสาวยิ้มให้กันอย่างมีความสุข ภาพแบบนี้เป็นภาพซ้ำๆมาตลอด 7 ปีไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่ชีวิตจริงก็คล้ายเป็นวีดีโอม้วนหนึ่งหากเราดูโดยไม่เปิดเสียงเห็นเพียงภาพที่เคลื่อนไหวก็ยากจะรู้ว่าคนในวีดีโอนั้นพูดหรือคิดอะไรบางทีสิ่งที่เราเห็นอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้

กีรดาเดินกลับเข้าไปในครัวทำอาหารต่ออย่างสุขใจงานของเธอในแต่ละวันคือการดูแลความเป็นอยู่ทุกอย่างของนพรินตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอนไปอีกครั้งความสุขของรินคือความสุขของเธอ รินกลัวเธอจะเหงาที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวเวลาที่รินออกไปทำงานจึงได้ซื้อเจ้าเมนคูนแมวตัวเท่ายักษ์มาให้เธอเลี้ยงรินเป็นคนที่รักแมวมากเรียกว่าเป็นทาสแมวเลยก็ได้ เค้าตั้งชื่อให้มันว่าคุณนายน้อยเพราะรินให้เธอเป็นคุณนายใหญ่และคุณนายน้อยก็ช่วยให้เธอคลายเหงาได้จริงๆเพราะคุณนายน้อยเป็นแมวยักษ์ที่หน้าดุแต่ใจดีและขี้เล่นมากมีนิสัยคล้ายๆสุนัขพันธ์โกลเด้นเธอมีความสุขเสมอขอแค่มั่นใจว่ารินยังอยู่กับเธอ

กีรดาเดินขึ้นไปบนห้องนอนหลังจากที่เก็บล้างมื้อเย็นและดูแลความเรียบร้อยในบ้านจนพอใจและก็เป็นเหมือนทุกวันคือนพรินหลับไปแล้วคงเป็นเพราะเหนื่อยล้าจากการทำงานร่างบางนั่งลงบนเตียงมือเรียวเล็กลูบไล้ไปบนผมดกดำมองคนหลับอย่างแสนรักรินเป็นชีวิตเป็นจิตใจของเธอคิดไม่ออกเลยในวันที่ไม่มีกันแบบนี้เธอจะอยู่ต่อไปได้ยังไง

“ฝันดีนะคะคนดีของกี้”ร่างบางก้มลงจูบที่หน้าผากมนเรียบเนียนที่ตอนนี้หอมกรุ่นด้วยครีมทาผิวที่เธอเลือกซื้อมาเองกับมืออยากจะเรียกร้องสัมผัสลึกซึ้งแต่ก็ละอายเกินจะเชื้อเชิญนานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่มีเรื่องแบบนั้นเลย กีรดามีสีหน้าที่เศร้าสลดหล่อนลุกขึ้นเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบข้าวของและเดินเข้าห้องน้ำไปนพรินเปิดเปลือกตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูถอนหายใจเฮือกใหญ่ไม่ใช่เพราะเหนื่อยหน่ายแต่เพราะเห็นใจกีรดามากต่างหาก หล่อนยอมทิ้งทุกอย่างที่หลายคนปรารถนาจะมีแต่ก็น้อยคนนักที่จะมีทั้งหมดเพราะหล่อนรักเธอ เพราะเธอ เพราะเธอ... นพรินหลับตาลงไปพร้อมกับความรู้สึกผิดที่ติดค้าง

กีรดายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูครั้งที่ร้อยได้แล้วมั้งกระวนกระวายใจที่นพรินยังมาไม่ถึงเสียทีเพราะอีกไม่กี่นาทีก็ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้วโทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ปิดเครื่องตลอด ไหนบอกเธอว่าไปประชุมไม่นานไง ถ้าเธอรู้ว่าจะเป็นแบบนี้เมื่อเช้าเธอจะไม่ยอมปล่อยรินไปทำงานเด็ดขาด

“อะไรของรินกันเนี่ย” ร่างบางกังวลใจจนอยากจะร้องไห้อะไรที่เกี่ยวกับรินทำเธออ่อนแอได้เสมอ

“ท่านโดยสารที่จะเดินทางไปสนามบินนาริตะ เที่ยวบินTG304Aเวลา16.30.-........” เสียงตามสายเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่องยิ่งเพิ่มความกังวลใจ

“ทำไมรินยังไม่มาน้า...” ร่างบางคร่ำครวญออกมาเบาๆชะเง้อมองไปที่ทางเข้าเธอเห็นคนคุ้นตาวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา เมื่อมาถึงตัวเธอเขาก็ไม่พูดพร่ำอะไรกลับจับข้อแขนเธอและพาวิ่งเข้าเกทไป

บนเครื่องบินที่กำลังมุ่งหน้าไปสู่ประเทศญี่ปุ่นกีรดาจ้องมองรังสันต์ตาไม่กระพริบเธอต้องการคำอธิบาย

“เอ่อ...” ชายหนุ่มอ้ำอึ้งเมื่อเจอสายตาอำมะหิตของกีรดา

“รินไปไหน ทำไมรินไม่มาแล้วทำไมเป็นสันต์ที่มา”

“คือ...รินมีงานเข้ามาแบบด่วนมากถึงมากๆเลยวานให้เราพากี้ไปเที่ยวแทน” ชายหนุ่มพูดทุกอย่างตามที่เตี๊ยมกันมากับเพื่อนสาว

“กี้ไม่ได้โง่นะสันต์จะเปลี่ยนตั๋วต้องยุ่งยากหลายขั้นตอนไม่ใช่ทำได้แบบกระทันหันแบบนี้” หญิงสาวจ้องเข้าไปนัยน์ตาของชายหนุ่มที่ตอนนี้ตาขาวแทบจะกลบตาดำไปหมดแล้ว

“รินกับสันต์เตรียมการกันไว้ก่อนแล้ว” ร่างบางสะบัดหน้าจากชายหนุ่มหันมองออกไปนอกกระจกนัยน์ตาพล่ามัวกลบเมฆขาวหนาทึบที่ลอยอยู่เบื้องล่างน้ำตารินไหลเป็นทางน้อยใจคนรักนึกเสียใจว่าไม่น่าไร้สติวิ่งขึ้นเครื่องมากับสันต์เลย ทุกที่ที่ไม่มีรินต่อให้วิเศษเลิศเลอขนาดไหนก็ทำให้เธอมีความสุขไม่ได้

“รินไม่อยากผิดสัญญาอยากให้กี้ไปพักผ่อนเปิดหูเปิดตาบ้าง อีกอย่างโปรเจ็กต์ที่รินรับทำก็เป็นงานของคนมีชื่อเสียงถ้างานนี้สร้างความพอใจให้ลูกค้ามันก็จะเป็นผลดีทั้งกับบริษัทและกับริน โพรไฟล์การทำงานของรินก็จะเพอร์เฟคมากขึ้นกี้เข้าใจรินนะ” รังสันต์พยายามแก้ต่างแทนเพื่อนไม่ซิ่เค้ากำลังบอกในสิ่งที่กีรดาควรรู้ต่างหากทั้งหมดที่เค้าพูดคือความจริงในส่วนลึกกีรดาเข้าใจที่รังสันต์พูดทุกอย่างและเธอเข้าใจมากกว่านั้นด้วยว่าในความจริงอีกอย่างคือเธอเองต่างหากที่ไม่ใช่ความจริงของริน

นพรินยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูและปิดเปลือกตาลงอย่างเชื่องช้าปล่อยตัวไหลเอนพิงพนักอยู่บนเครื่องบินที่กำลังมุ่งหน้าสู่จังหวัดเชียงรายเธอเชื่อมั่นว่ารังสันต์จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อเธอ เธอหวังให้กีรดาทำใจได้และมีความสุขกับทริปนี้แม้จะรู้ดีแก่ใจว่าไม่มีทางที่ผ่านมากีรดาไม่เคยต้องการใครไม่ต้องการข้าวของราคาแพงหรือสิ่งสวยงามแค่เพียงเธอเท่านั้นที่หล่อนต้องการ

เหนื่อยจัง... ทำไมถึงเหนื่อยนักก็ไม่รู้นานมาแล้วที่เธอรู้สึกแบบนี้เวลาที่เธอต้องอยู่กับตัวเอง ยาที่ดีที่สุดในการแก้อาการนี้คือการทำงานในความพร้อมที่สามารถก่อเกิดความสุขได้มากมายแต่ไม่เลยเธอไม่เคยรู้สึกถึงมันเลย ในส่วนลึกเธอโหยหาอะไรสักอย่างเพื่อมาเติมเต็มใจ

ฉายตะวันสาวเท่นัยน์ตาคมโตรูปร่างสูงเพรียวเกินมาตรฐานหญิงไทยทั่วไปมากเป็นลูกเสี้ยวโดยมีมารดาเป็นสาวไทยทางภาคเหนือ ส่วนบิดาเป็นคนจีนแบบไร้ชนชาติใดมาเจือปนหล่อนจึงมีผิวที่ละเอียดขาวนวลเนียนอมชมพู ผมสไลด์ละต้นคอจัดทรงแบบง่ายๆแต่ก็ดูดีเข้ายุคสมัยดีกรีนักเรียนนอกตรี โท งานบริหารด้านการเงินจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในสหรัฐอเมริกา เป็นหลานสาวคนโปรดของเจ้าสุนันศรที่เพิ่งเสียชีวิตไปได้ไม่กี่เดือนด้วยโรคประจำตัวและได้ทำพินัยกรรมยกคุ้มเวียงศรให้เป็นสมบัติของหลานรัก

ตะวันฉายใช้เวลาหลายวันในการเดินสำรวจคุ้มเวียงศรเพื่อเก็บรายละเอียดไว้เป็นข้อมูลไว้พูดคุยกับมัณฑนากรเธออยากให้ทุกอย่างออกมาเพอร์เฟคที่สุด เพราะเธอเป็นพวกยึดติดกับความสมบูรณ์แบบหลังจากนี้ที่นี่จะเป็นที่ที่เธอจะใช้เวลาอยู่มากที่สุดเพราะมันคือบ้านของเธอหญิงสาวเหม่อมองไปไกลก่อนหน้านี้จิตใจเธอหมองเศร้าเพราะผิดหวังจากความรัก…

“คุณตะวันคะ มัณฑนากรที่คุณธนาติดต่อไว้มาถึงแล้วค่ะ ให้เข้าพบเลยมั้ยคะ”แววดาวเลขาเฉพาะกิจที่ธนาทนายประจำตระกูลจัดส่งขึ้นมาให้จากกรุงเทพ เข้ามารายงานเจ้านายสาวที่หน้าตาท่าทางออกไปทางหล่อมากกว่าสวย

“ยังดีกว่า พาเขาไปพักผ่อนก่อนเดินทางมาเหนื่อยๆ สั่งให้คนดูแลอำนวยความสะดวกอย่าให้ขาดตกบกพร่อง” หนึ่งในหลักการบริหาร อยากให้ใครทำงานให้เราแบบถวายหัว คือต้องดูแลเค้าให้ดี

“ค่ะ” เมื่อเลขาให้หลังไปฉายตะวันก็สนใจเดินสำรวจเก็บรายละเอียดต่อไป

นพรินตื่นตากับอาณาเขตสวนสวยที่กว้างขวางไกลสุดลูกหูลูกตาเต็มไปด้วยแมกไม้นานาชนิดตรงหน้าของเธอตอนนี้ก็เป็นบ้านเรือนไทยโบราณแบบล้านนาจากประวัติที่เธอได้รับมาเพื่อเป็นข้อมูลในการตกแต่งมีอายุไม่น้อยกว่าร้อยปี

“คุณตะวันให้เชิญคุณไปที่พักผ่อนก่อนและจะให้เข้าพบในวันพรุ่งนี้ค่ะ” แววดาวถ่ายทอดคำสั่งจากเจ้านายด้วยท่าทีที่เป็นมิตรนพรินพยักหน้ายิ้มน้อยๆเป็นการรับทราบ

“เดี๋ยวแสงหล้าจะนำคุณไปค่ะ”

“เชิญทางนี้เจ้า” เด็กสาวชาวเหนือเดินนำออกไป

“ขอบคุณนะคะ คุณ...?”

“แววดาวค่ะ คุณนพริน”

“เรียกรินก็ได้ค่ะ”สองสาวยิ้มเป็นมิตรให้กันอีกครั้งก่อนจะแยกกันไปแววดาวยืนมองมัณฑณากรสาวจนลับตา หล่อนมีใบหน้าที่สวยสดใสและมีบุคลิกที่ดูดีมากเลยทีเดียวสมกับคำเล่าลือ‘นพริน ดอกไม้งามในวงการมัณฑณศิล’ เป็นดาวทางหน้าตาและฝีมือในการออกแบบมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยทายาทคนเดียวของเอกอนพ นักออกระดับแบบแนวหน้าของไทย เจ้าของรางวัล RedDotDesign Award ซึ่งเป็นเวทีที่ทั่วโลกให้ความสนใจ ในสาขาDesign concept เป็นคนไทยคนแรกและคนเดียวที่ได้รับรางวัลนี้ด้วยความเป็นสายเลือดเพียงคนเดียวนพรินจึงถูกจับตามองว่าจะเจริญรอยตามไปคว้ารางวัลนี้อย่างพ่อหรือเปล่าเลขามืออาชีพอย่างเธอต้องรู้ข้อมูลของคนที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องในงานกับเจ้านายอย่างละเอียดโดยเฉพาะเจ้านายที่ยึดติดความสมบูรณ์แบบอย่างคุณฉายตะวันเธอยิ่งต้องทำการบ้านอย่างหนัก

นพรินเดินตามเด็กสาวเข้ามาในห้องมองเมินความโอ่โถงหรูหราเพราะเธอเห็นมันจนชินตาแล้วจากอาชีพมัณฑนากรและตอนนี้เธอก็เหนื่อยมากทั้งกายและใจหล่อนปฏิเสธอาหารเย็นเพราะต้องการพักผ่อน

นพรินเดินสะโหลสะเหลออกมาจากห้องน้ำเธอต้องการนอนนานมาแล้วที่เธอไม่เคยนอนหลับลึกหรือหลับสนิทเลยเพราะจิตที่ติดค้าง จิตที่ขาดอิสระแต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกถึงอิสระและรู้สึกผ่อนคลายอย่างประหลาด เธอรู้สึกถึงการหลับไหลที่ยาวนาน...

ครืดๆๆเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือที่วางไว้บนโต๊ะไม้สักหัวเตียง ปลุกนพรินให้ตื่นขึ้นมาจากการหลับไหลเมื่อเห็นว่าสายที่เข้ามาเป็นใครก็รีบกดรับทันที

“ว่าไงสันต์”

“กี้จองตั๋วกลับกรุงเทพแล้ว”นพรินถึงกับตาสว่างจิตใจเหี่ยวแฟบเห็นปัญหาลอยมารำไร

“ฉันขอโทษจริงๆว่ะรินกี้ไม่ยอมฟังอะไรเลย แกจะให้ฉันทำยังไงต่อวะ”

“ไม่ต้องทำอะไรปล่อยไปแบบนี้แหละ ฉันขอบใจแกมากนะสันต์ฝากดูแลส่งกี้ให้ถึงบ้านด้วย” นพรินตัดบทก่อนจะตัดสายเพื่อนรักและวางโทรศัพท์กลับไปไว้ที่เดิมยิ้มขื่นๆให้กับตัวเอง เธอรู้ดีทุกอย่างแต่เธอก็ยังเลือกทำ ทำไม เพราะอะไรและเพื่ออะไรคงมีแต่เธอเท่านั้นที่รู้ เกินจะข่มตาให้หลับได้แล้วคืนนี้นพรินเลื่อนตัวลงจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำไป หล่อนยืนนิ่งอยู่หน้ากระจกบานใหญ่จ้องมองตัวเองอยู่อย่างนั้น ด้วยความรู้สึกที้หลากหลายล้วนเป็นไปในด้านลบทั้งสิ้นจะโทษใครเมื่อทุกอย่างเป็นเธอที่เริ่มมันขึ้นมาเอง

รังสันต์นั่งมองหญิงสาวร่างบางแต่ใจแข็งเป็นหินหล่อนไม่ยอมก้าวออกจากสนามบินไม่ต้องการไปไหน ที่เดียวที่เธอต้องการไปคือบ้านชายหนุ่มดึงสายตากลับออกมาทอดมองไปไกล เมื่อหลายปีมาแล้วในรั้วมหาวิทยาลัยเค้าเห็นหญิงสาวร่างบางคนหนึ่งก้าวลงมาจากรถเบนต์คันใหญ่สีดำมันวาวหล่อนเป็นผู้หญิงที่จัดว่าสวยระดับนางเอกได้เลย นัยน์ตากลมโตหวานฉ่ำดูเด่นดึงให้ทุกอย่างบนใบหน้าน่ามองไปหมดตัวหล่อนขาวมากจนดูเป็นซีดแต่ผิวหน้ากลับขาวอมชมพูผ่องใสและนั่นเป็นครั้งแรกที่เค้ากับรินได้เห็นกีรดาเป็นครั้งแรก

กีรดานั่งหลับตาพยายามผ่อนคลายจิตใจที่มันหนักอึ้งสมองวนเรียนคิดถึงแต่นพริน หญิงสาวร่างสูงที่มีใบหน้าคล้ายดาราจีนรุ่นแม่คนหนึ่งที่ชื่อหวังจู่เสียนแต่ปากรินบางกว่าไม่อวบอิ่มเซ็กเอ็กซ์เท่าดาราคนนั้น รินเป็นผู้หญิงที่สดใสร่าเริงดูเข้ากันได้ดีกับกลุ่มเพื่อนผู้ชายเพราะในเอกมัณฑณศิลมีผู้หญิงเรียนอยู่ไม่กี่คน เธอได้พบเห็นรินหลายครั้งเพราะรินจะโดดเด่นเสมอแม้อยู่ในท่ามกลางผู้คนมากมายแต่ในตอนนั้นเธอก็ไม่ได้สนใจอะไรรินเป็นพิเศษ หากจะสนใจรินเพราะรินสวยบอกได้เลยว่าในรั้วมหาวิทยาลัยมีสวยกว่ารินอีกเยอะแต่เป็นรินเองต่างหากที่เดินเข้ามาทำให้เธอสนใจ ความรักก่อเกิดเบ่งบานอยู่ในหัวใจเธอโดยไม่รู้ตัวมารู้ตัวอีกทีก็เกินจะถอนใจออกมาแล้ว

‘รินต้องรับผิดชอบหัวใจและความรู้สึกของกี้ รินต้องรับผิดชอบ’ เสียงดังกึกก้องอยู่ในในโสตของสมองร่ำร้องหาความรับผิดชอบ

ฉายตะวันนอนหลับๆตื่นๆพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงเพราะยังปรับตัวไม่ได้เรื่องเวลา หญิงสาวลุกขึ้นนั่งหยิบนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลาก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเห็นว่าเวลาเพิ่งจะตีสี่ครึ่งเท่านั้นเองแต่ก็เกินจะฝืนข่มตาให้หลับร่างสูงเลื่อนตัวลงมาจากเตียงไม่ลืมที่จะหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาสวมเพื่อบรรเทาความเย็นของอากาศเมืองเหนือช่วงต้นปีที่เหน็บหนาวแต่ก็ไม่ได้มากมายสำหรับเธอเพราะเธอใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกนานหลายปีและเมืองที่เธออยู่ในฤดูหนาวอากาศหนาวเย็นกว่านี้หลายเท่านักร่างสูงเปิดประตูระเบียงเดินออกไปหวังดื่มด่ำกับบรรยากาศก่อนรุ่งสางไอเย็นจากน้ำค้างยามใกล้รุ่งพาให้จิตใจปลอดโปร่งและผ่อนคลายแสงไฟสีส้มกระจายไปทั่วบริเวณส่องสว่างราวกับที่นี่เป็นสรวงสวรรค์เธอภูมิใจที่ได้ครอบครองคุ้มแสนสวยแห่งนี้ฉายตะวันกวาดสายตาไปเรื่อยเปื่อยและหล่อนได้สะดุดตากับบางสิ่ง

“เธอเป็นใคร” นพรินใจหายหันมองไปที่ต้นเสียงและเธอเห็นสาว…ออกหล่อ

“ฉันชื่อนพรินค่ะ เป็นมัณฑนากรมาจากกรุงเทพฯ แล้วคุณคือ นพรินทอดเสียงรอคำตอบ

“ฉันฉายตะวันค่ะ เป็นเจ้าของคุ้มแห่งนี้เรียกฉันว่าตะวันก็ได้” ร่างสูงแนะนำตัวอย่างเป็นมิตรไม่ถือตัวว่าเป็นนายจ้างแต่ก็ต้องแปลกใจเล็กๆที่เห็นหญิงสาวตรงหน้าดูอึ้งเล็กๆและนิ่งไปหลังจากที่เธอแนะนำตัว

“ฉันพูดอะไรผิดหรือเปล่าคะ”

“เอ่อๆ...เปล่าค่ะคุณตะวัน รินขอโทษนะคะรินมึนๆเบลอๆนิดหน่อย” นพรินยิ้มแก้เก้อรีบรักษามารยาทกับนายจ้างเมื่อสติกลับมา

“เอ่อ เรียกฉันว่ารินก็ได้นะคะ”พูดออกไปหลังจากที่เผลอใช้ชื่อเล่นแทนตัวเองออกไปแล้ว แต่ลึกๆในใจตอนนี้นึกเคืองคนที่เป็นทั้งเพื่อนพ่อและเจ้านายไหนบอกเธอว่าเจ้าของโปรเจ็กต์เป็นสาวสวยไงแล้วนี่มันอะไร ความสวยอยู่ตรงไหนกันก็เจ้าหล่อนแมนซะขนาด ...อยากจะต่อสายไปหาเจ้านายซะตอนนี้เพื่อบอกว่าแบบนี้เขาเรียกหล่อไม่ได้เรียกสวย

“ค่ะ คุณริน” สาวหล่อเข้าใจง่าย

“คุณก็นอนไม่หลับเหมือนกันเหรอคะ ใช่ซิ่นะคะคงเพราะแปลกที่” ฉายตะวันชวนคุยเป็นกันเอง

“คงเป็นแบบนั้นมั้งคะ ว่าแต่คุณก็นอนไม่หลับเพราะแปลกที่เหมือนกันเหรอคะ”

“เปล่าหรอกค่ะ ฉันยังไม่ชินเรื่องเวลาหน่ะเพราะตอนนี้หากเป็นที่อเมริกาก็เพิ่งจะสี่ห้าโมงเย็นเอง”

“อ่อ...” นพรินพยักหน้าน้อยๆ ดูมีเสน่ห์มากในสายตาของสาวร่างสูงฉายตะวันพิจารณาหญิงสาวตรงหน้าอย่างแนบเนียน หล่อนเป็นผู้หญิงหน้าหมวยแบบเข้มๆอืม...แบบหมวยไม่จัดเพราะผิวสีน้ำผึ้งไม่ขาวจัดอย่างหมวยทั่วไปร่างสูงโปร่งดูสมส่วน ภายใต้เสื้อคลุมตัวโตกับผ้าคลุมไหล่ผืนหนาก็น่าจะซ่อนเอวบางคอดกับหน้าท้องที่แบนราบและหน้าอกที่... ร่างสูงรีบหยุดความคิดของตัวเองเพราะละอายแก่ใจใบหน้าแดงกร่ำเพราะเลือดสูบฉีดเกินปกติ

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ หน้าดูแดงๆ” นพรินเดินเข้าไปมองใกล้ๆร่างสูงทำทีว่าห่วงใยอยากดูอาการแต่ในใจกลับนึกสนุก เชอะ!! คิดว่าเธอไม่รู้หรือว่าหล่อนคิดอะไรเธอเห็นด้วยหางตาตลอดว่าหล่อนมองเธออย่างสนใจ คนสวยก็แบบนี้แหละเจอมาเยอะ ชินซะละ สำหรับเธอแล้วดูออกได้ไม่ยากนักหรอกว่าใครคิดยังไงกับเธอสายตาที่มองกันแบบปกติกับสายตาที่มองแบบเสน่หาหรือชื่นชมมันต่างกัน

“ม่ะๆ ไม่ค่ะ”

“ให้ฉันดูหน่อยนะคะ” นพรินรุกไล่นึกอยากแกล้งโดยไม่เกรงเลยสักนิดเรื่องที่หล่อนเป็นนายจ้างร่างสูงถอยหน้าหนีน้อยๆไม่ให้ดูน่าเกลียดรู้สึกตื่นเต้นแปลกๆเมื่อหญิงสาวตรงหน้าพาตัวเข้ามาใกล้ชิดแบบนี้แต่ก็ให้ความรู้สึกที่ดีนะว่าแต่ทำไมหล่อนถึงใจกล้าบ้าบิ่นเข้าหาคนที่เพิ่งเจอกันได้ใกล้ชิดแบบนี้ และยิ่งเธอที่มีลุคเหมือนผู้ชายแบบนี้ด้วยหล่อนกำลังบริหารเสน่ห์อยู่หรือไง หรือคิดแกล้งเธอ หรือหวังรวยทางลัด หรืออะไรร่างสูงคิดซาระตะไปเรื่อย

“คงเป็นเพราะ...” นพรินทิ้งประโยคต่อไปค้างไว้ทำเอาคนฟังเริ่มร้อนตัวและรู้แล้วว่าอีกฝ่ายเดาอาการของตนออก

“อากาศที่เย็นจัดมั้งคะ เลือดลมเลยสูบฉีดมากผิดปกติคุณควรจะใส่เสื้อที่หนากว่านี้ ฉันขอตัวก่อนนะคะ” นพรินปิดการสนทนาเอาดื้อๆด้วยการหันหลังเดินกลับเข้าบ้านไปทิ้งให้อีกคนมองตามด้วยความรู้สึกที่ค้างคาฉายตะวันอมยิ้มนึกชื่นชมในความฉลาดทันคนของนพริน ต่อไปเธอต้องระวังตัวกับหล่อนให้มากกว่านี้ร่างสูงนึกสนุกอยู่ในใจมองตามหญิงสาวอีกคนจนลับตาไปโดยคนที่ให้หลังไปไม่รู้ตัวเลยว่าตนได้กลายเป็นคู่ปรับในเชิงไหวพริบของเจ้าบ้านไปแล้ว

รังสันต์มองตามกีรดาและคุณนายน้อยที่แวะรับจากคลินิกที่รับฝากสัตว์เลี้ยงจนลับตาจนมั่นใจแล้วว่าได้ส่งหล่อนเข้าบ้านอย่างปลอดภัยตามคำบัญชาของเพื่อนรักก่อนจะขับรถออกไปด้วยจิตที่เป็นกังวลเพราะเรื่องไม่จบแค่พากีรดามาส่งถึงบ้านแน่ๆชายหนุ่มรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาปิดเครื่องด้วยรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าดี

กีรดาอารมณ์พลุ่งพล่านเดินวนไปเวียนมาเหมือนคนเสียสติ เมื่อกดโทรศัพท์หาใครก็ไม่ติดสักคนทั้งคนรักทั้งเพื่อนซี้ของเค้า‘เป็นนกรู้กันจริงๆนะ’ร่างบางนึกเข่นเขี้ยวกับสองคู่หู หญิงสาวรู้สึกร้อนรุ่มไปหมดเพราะเมื่อเข้ามาในบ้านเธอก็รีบเดินสำรวจบ้านจนทั่วและก็ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆจากวันที่เธอจากไปเลยและตัวนพรินเองก็ไม่ได้เป็นคนที่ละเมียดละไมเรื่องงานบ้านออกจะเป็นคนง่ายๆแบบมักง่ายด้วยซ้ำให้เธอต้องตามเก็บกวาดอยู่เสมอๆ แสดงว่ารินไม่ได้กลับบ้าน แล้วรินไปไหน? ไปกับใคร? สองมือเรียวเล็กถูกยกขึ้นมากุมศีรษะบีบเค้นระงับความเจ็บปวดสายตาที่พล่ามัวจากน้ำที่กำลังหลั่งไหลออกมาจากสองตานัยน์ตาซัดส่ายหาของบางสิ่งเกินจะประคองร่างกายให้ยืนหยัดสองขาอ่อนเรี่ยวแรงก้าวไปข้างหน้าได้อย่างยากลำบาก

“ว้าย !!” ร่างบางถลาล้มไปเบื้องหน้าสติดับวูบกวาดข้าวของกระจุยกระจายเกลื่อนพื้นเมนคูนตัวยักษ์วิ่งตัวปลิวเข้ามาหาเจ้าของมันยื่นจมูกไปคลอเคลียที่หน้าหวังเรียกสติเมื่อไม่มีอาการตอบสนองมันจึงเอาขาหน้าไปเขี่ยที่หน้าอีกครั้งเพื่อเพิ่มแรง

“กี้ กี้” ชายหนุ่มถลาเข้ามาประคองหญิงสาวที่นอนหมดสติปัดเจ้าแมวยักษ์จนกระเด็นออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจก่อนจะอุ้มหญิงสาวไปนอนบนโซฟาตัวยาวและรีบเดินไปหยิบยาในตู้อย่างคุ้นเคยพร้อมกับหยิบน้ำในตู้เย็นติดมือมาด้วยเค้าเทยาใส่มือสองเม็ดประคองศีรษะหญิงสาวขึ้นมาบีบปากเบาๆให้อ้าออกเล็กน้อยและใส่ยาลงไปพร้อมกับกรอกน้ำตามไปปฏิกิริยาทางกายตอบสนองเป็นอัตโนมัติร่างบางกลืนยาและน้ำลงไปแต่สมองยังไม่อาจตื่นตัวด้วยพิษของโรคประจำตัวและด้วยฤทธิ์ของยา

“ริน ริน” ภายในจิตใจของคนป่วยวนเวียนพร่ำเพ้อถึงแต่คนรักพาให้จิตใจของคนฟังหดหู่ที่เห็นน้องสาวคนเดียวถูกทิ้งกว้างไร้คนรักดูแลแบบนี้นี่ถ้าหากเค้าไม่เข้ามาเจอล่ะน้องสาวของเค้าจะเป็นยังไงและที่อาการของหล่อนกำเริบก็คงเพราะเครียด หรือมีบางสิ่งมากระทบใจ ซึ่งก็คงไม่ใช่จากใครแน่ๆนอกจาก...

กรกวิลบรรจงวางศีรษะน้องสาวลงบนหมอนอิง ลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาตัวปัญหาแต่ไร้ซึ่งสัญญาณตอบรับชายหนุ่มกำโทรศัพท์แน่นเค้าเกลียดนพริน เกลียด!เพราะผู้หญิงคนนี้น้องสาวเค้าถึงมีสภาพแบบนี้สายตาคมแข็งเพราะคิดเคืองแต่ก็เปลี่ยนเป็นอาทรอ่อนลงไปเมื่อมองไปที่น้องสาว กี้ยอมทิ้งทุกอย่างอย่างไร้สติเพื่อวิ่งตามหัวใจในตอนนั้นพี่ชายอย่างเค้าพยายามทุกวิถีทางที่จะดึงรั้งหวังแปรเปลี่ยนความคิดแต่ไม่เลยแม้แต่กับพ่อแม่กี้ก็ยังแข็งขืนขัดใจยอมทิ้งชีวิตที่หรูหราสะดวกสบายเพื่อให้ได้อยู่กับคนรัก แต่ความรักที่เป็นนิรันด์แบบนี้มีที่ไหนกันหญิงรักหญิงอยู่กันไปวันๆแค่รอเวลาเลิกกันเท่านั้นเค้าหวังมาตลอดว่ากีรดาจะเจอผู้ชายที่เพียบพร้อมและมีครอบครัวที่สมบูรณ์ไม่ใช่ขาดๆเกินๆไร้อนาคตอย่างทุกวันนี้

ครืดๆ ๆ

กรกวิลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนจะกดตัดสายไปเพราะไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะรับสายและคิดว่าปลายสายต้องเข้าใจเพราะงานเค้ายุ่งเป็นปกติอยู่แล้วแต่ไม่เลยสาวหน้าหวานปลายสายนั่งมองโทรศัพท์อย่างเหงาๆเศร้าลึกๆนึกน้อยใจทุกครั้งที่ปลายสายไม่รับโทรศัพท์และมีคำถามเกือบทุกครั้งอีกเหมือนกันว่าเธออยู่ตรงไหนในหัวใจของผู้ชายคนนี้คำว่ารักที่เค้าพร่ำพูดกับเธอเชื่อได้บ้างไหมนะ

“ตาวินยุ่งอีกละซิ” คุณหญิงอมรรัตน์ยิ้มน้อยๆปลอบประโลมบุตรสาว

“ค่ะคุณแม่ อิ๊งชักไม่แน่ใจแล้วว่าคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่รับหมั้นพี่วิน”

“ตายแล้ว ลูกคิดอะไรแบบนั้นจ๊ะ ตาวินเค้ารักลูกของแม่มากนะแม่ดูออก เค้าก็แค่บ้างานมากเกินไปหน่อยก็เท่านั้น” คุณหญิงรีบแก้ต่างให้ว่าที่ลูกเขย รวยล้นฟ้าเพียบพร้อมอย่างตาวินใช่จะหากันได้ง่ายๆและเธอดูออกว่าเค้ารักลูกสาวของมากจริงๆ

“เงินทองก็มีมากมายจนจะไม่มีที่เก็บอยู่แล้ว อิ๊งไม่เข้าใจเลยว่าพี่วินจะบ้าทำงานหาเงินไปถึงไหน” หญิงสาวนัยน์ตาแดงก่ำยิ่งน้อยใจชายหนุ่มคนรัก ความเศร้า ความเหงากำลังกัดกินหัวใจเธอ

“ฟุ้งซ่านไปใหญ่แล้วลูกอิ๊งของแม่ พี่วินเค้ายังหนุ่มยังแน่นมีไฟขยันทำงานก็ดีแล้วทั้งหลายทั้งปวงก็เพื่อลูกของแม่น้า...” คุณหญิงให้เหตุผลจูงใจให้บุตรสาวคิดตาม

“อิ๊งต้องเข้าใจ และคอยให้กำลังใจพี่เค้าซิลูกถึงจะถูกไม่ใช่มานั่งตัดพ้อน้อยใจพี่เค้าแบบนี้” หญิงสาวโน้มหน้าไปซุกซบที่อกอุ่นของผู้เป็นแม่สมองตีบตันเพราะความลำเอียงในหัวใจทำให้ไม่เข้าใจในสิ่งที่มารดาพูดยิ่งคิดน้อยใจที่แม้แต่มารดาก็ยังเข้าข้างคนอื่น

นพรินมองเจ้าของคุ้มสาวเท่นึกชื่นชมในการเตรียมพร้อมฉายตะวันชี้ชัดในทุกสิ่งที่ต้องการเก็บทุกรายละเอียดที่อยากเปลี่ยนแปลงมีความเป็นมืออาชีพมาก

“โคมไฟแชนเดอเลียร์ตรงมุมนี้ รินคิดว่ามันลงตัวดีอยู่แล้ว แต่ถ้าหากคุณตะวันต้องการจะเปลี่ยนรินคิดว่าเอาอันเดิมไปปรับแก้น่าจะดีกว่าเพราะจะได้คงรูปแบบความเป็นของเก่าเอาไว้คริสตัลชวารอฟกี้รูปทรงโบราณแบบนี้หาดูได้ยากแล้วงานหรูหรามีดีไซด์แบบนี้น่าจะมาจากฝรั่งเศส ฝ้าเล่นระดับกรุด้วยวอลเปเปอร์ผ้าสีทองแสงสีเหลืองทองทำให้ห้องโถงสว่างแลดูกว้างขึ้นเป็นความใส่ใจในรายละเอียดบนพื้นฐานของผู้มีภูมิความรู้น่าชื่นชมมากเลยค่ะ” ตาของสาวหล่อร่างสูงมองตามนพรินที่เดินดูเก็บรายละเอียดหูก็ฟังหล่อนพูดอย่างตั้งใจแต่เหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจอะไรสักเท่าไหร่หล่อนไม่ใช้วิธีการจดแต่ใช้วิธีการอัดเสียงเสียงเจื้อยแจ้วเต็มไปด้วยสาระบ่งบอกว่าเป็นคนมีความรู้ในงานมากบางข้อมูลบ่งบอกประสบการณ์และการค้นคว้าศึกษามาเป็นอย่างดีแค่ไม่กี่ชั่วโมงที่ได้อยู่กับผู้หญิงคนนี้ทำเอาเธออยากจะมีบ้านสักสิบหลังเพื่อให้หล่อนได้ปล่อยพลังทางไอเดียร์ตกแต่งให้เต็มที่เพราะไม่ว่าหล่อนจะพูดเหรอเสนออะไรออกมาก็น่าดูน่าสนไปซะหมดล้างสมองเค้าจากข้อมูลเดิมที่ตั้งใจไปเกือบหมดสิ้น

นพรินเลิกคิ้วแปลกใจในท่าทีของนายจ้างที่กำลังมองเหม่อมาที่เธอตาไม่กระพริบ

“คุณตะวันคะ คุณตะวัน” สาวเท่ยังคงอยู่ในอาการเดิมเพราะในสมองมีแต่ภาพฝันที่สวยงาม จะดีขนาดไหน ถ้าบ้านสวยๆหลังนี้มีคนสวยๆฉลาดๆคนนี้อยู่ร่วมชายคา

“คุณฉายตะวันคะ” นพรินตะเบ็งสุดเสียงพาสาวเท่ออกมาจากภวังค์ได้ในที่สุด

“คะ คะ มีอะไร” ฉายตะวันตกใจลนลานเล็กน้อยแต่ก็ควบคุมมันให้เป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า เหนื่อยเหรอคะ พักก่อนมั้ย” นพรินทำทีไร้เดียงสาเชอะ !! นึกว่าเธอดูไม่ออกเหรอว่าหลงเสน่ห์เธอเข้าให้แล้วแน่ๆ

“เอ่อ ...พักสักหน่อยก็น่าจะดีนะคะเดี๋ยวเรานั่งทานของว่างและคุยกันต่อดีมั้ยคะ”ฉายตะวันอวยโอกาสให้ตัวเองเต็มที่ก็เธออยากอยู่ใกล้ๆผู้หญิงคนนี้นานๆนี่นะ

“ไม่ดีกว่าค่ะ เชิญคุณพักผ่อนให้สบายฉันขอตัวขึ้นไปที่พักทำธุระส่วนตัวสักหน่อย ถ้าคุณพร้อมเมื่อไหร่ก็ให้คนไปตามนะคะ” ร่างที่บางกว่ายิ้มหวานปลอบประโลมอารมณ์ที่เธอรู้แน่ว่าหล่อนผิดหวังก่อนจะหันหลังเดินอมยิ้มออกไป และก็เป็นจริงเพราะอีกคนห่อเหี่ยวพาให้ทั้งโลกในตอนนี้ดูไม่สดใสเอาเสียเลยเซ็งกับการตัดสินใจที่ผิดพลาดของตัวเอง ไม่น่าบอกหล่อนเลยว่าอยากพัก

“เฮ่อ...” ฉายตะวันเดินไร้ชีวิตชีวาไปอีกทาง

นพรินหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดเครื่องและก็เป็นไปตามคาดมีสายไม่ได้รับเป็นร้อยสายจากกีรดา นิ้วเรียวกดโทรกลับไปหมดเวลาหนีปัญหาแล้ว

ตืดตืด ...

“ริน ริน รินอยู่ไหน รินไปไหน ทำไมรินไม่กลับบ้าน” ปลายสายน้ำเสียงสั่นเครือและร้อนรนเธอรู้ดีว่ากีรดาอยู่ในอารมณ์ไหน น้อยใจ เศร้าลึก และกลัวการสูญเสีย

“รินมาทำงานที่เชียงรายจ้ะ ขอโทษที่ไม่ได้บอกกี้ อยากให้เที่ยวให้สนุกกลับมาแล้วรินค่อยบอกแล้วทำไมกี้ถึงรีบกลับนักล่ะโปรแกรมทัวร์ตั้งสองอาทิตย์สันต์มันขัดใจอะไรกี้รึเปล่าฟ้องรินมาได้เลยนะเดี๋ยวรินไปจัดการมันให้” นพรินตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นซะอย่างนั้น

“ไม่มีริน กี้ก็เที่ยวไม่สนุกหรอก” กีรดาลืมทุกอย่างที่คิดไปมากมายก่อนหน้านี้ขอแค่คนที่รักเป็นเหมือนเดิมเธอยอมจบและลืมได้ทุกอย่าง

“รินขอโทษ กี้ดูแลตัวเองด้วย เสร็จงานรินจะรีบกลับนะ”ปลายสายพยักหน้าเบาๆน้ำตาเอ่อไหลเป็นทางโล่งใจที่ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิมรินไม่ได้ทิ้งเธอไปไหน

“จ้ะ กี้จะดูแลตัวเองดีๆ รินก็เหมือนกันนะ รีบทำงานให้เสร็จไวๆนะกี้กับคุณนายน้อยคิดถึงรินมากนะ”

“จ้า ... เท่านี้ก่อนนะ รินต้องไปทำงานละ คุยกันอีกทีพรุ่งนี้เลยนะ”นพรินกดตัดสายไป วางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมหงายหลังทิ้งตัวราบไปบนที่นอนเป็นแบบนี้มาเจ็ดปี ที่เธอต้องพูด ทำในสิ่งที่ฝืนใจเพื่อรักษาน้ำใจอีกคนคนที่เธอต้องรับผิดชอบหัวใจ คนที่รักเธอหมดหัวใจ

เอกพลยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบมองคนตรงหน้าถอนหายใจเฮือกใหญ่หนักใจแทนเพื่อน

“ลูกเอ็งมันหัวดื้อจะตายคงเป็นกรรมพันธุ์” ไม่วายที่จะขอจิกกัดเพื่อนรักเสียหน่อย

“นี่มันก็ปฏิเสธเค้าไปหลายรอบแล้ว มันบอกว่าสัญญาทาสห่วยแตกมันรับไม่ได้ฉันล่ะกลัวเค้าจะเลิกง้อมันอยู่เนี่ย” นพรินปฏิเสธการเชิญชวนจากบริษัทออกแบบระดับแนวหน้าของไทยที่ได้จดทะเบียนและเติบโตในสหรัฐอเมริกามาเป็นเวลานับสิบปีมีชื่อเสียงที่รู้จักไปหลายประเทศ นพรินไม่พอใจที่ต้องทำสัญญาผูกขาดถึง 7 ปี หล่อนรู้สึกถึงความรู้สึกที่ขาดอิสระ เธอต้องการโบยบินทางความคิดมากกว่าถูกวางกรอบอยู่ในกรงทองนพรินเคยยื่นเสนอให้ต่อสัญญาปีต่อปี หรือสองปีครั้งก็ยังดีแต่ทางต้นสังกัดก็ปฏิเสธกลับมาและยื่นข้อเสนอเดิมกลับมาเสมอๆหลังๆนพรินดูจะไม่สนใจไยดีทิ้งขว้างข้อมูลจากที่นี่แต่ทั้งพ่อและเพื่อนพ่อเห็นตรงกันว่ามันเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้นพรินเจิดจ้ามากกว่าที่เป็นอยู่ เมืองไทยกับเงื่อนไขหลายๆอย่างทำให้คนเก่งๆในหลายสาขาอาชีพไม่อาจปล่อยพลังแห่งความรู้ความสามารถได้เต็มที่จนถึงจุดหนึ่งพลังเหล่านี้ก็ลางเลือนหายไปอย่างน่าเสียดายสิ่งที่นพรินมีมันไม่ใช่แค่ฝีมือแต่มันคือพรสวรรค์ซึ่งคนที่แจ้งใจที่สุดก็คือเอกอนพคุณพ่อที่เลี้ยงลูกมาแบบเพื่อน เค้าเห็นพัฒนาการงานออกแบบของนพรินมาตลอดที่ผ่านมาสิ่งที่เค้าต้องมุ่งมั่นพยายามเกินร้อยเหน็ดเหนื่อยแสนสาหัสเพื่อพัฒนาตัวเองแต่นพรินกลับเรียนรู้สิ่งเหล่านี้จนเชี่ยวชาญได้โดยง่ายและหยิบคว้าสิ่งที่เกินฝันของคนในสายงานเดียวกันมาได้โดยง่ายไม่เปลืองแรงหล่อนเป็นดั่งโมสารทในสายงานออกแบบเลยหล่ะ

“บังคับมันเลยดีม่ะ”เอกอนพทำเข้ม ขอความเห็นจากเพื่อน

“ฮ่าๆๆ” เอกพลปล่อยก๊ากออกมา ทำเอาเพื่อนซี้หมดอารมณ์คิดต่อ

“ขำห่าอะไรวะ”

“ขำซิ ก็แกพูดออกมาได้ไม่อายปากว่าจะบังคับไอ้รินทุกวันนี้มันลืมไปแล้วหรือเปล่าว่าแกเป็นพ่อ ไม่ใช่เพื่อน ฮ่าๆๆ” เอกพลขำซ้ำอีกครั้งด้วยความสะใจ

“เฮ๊อะ...มีหน้ามาเยาะเย้ย เอ็งกับข้าก็พอกันแหละวะ” เอกอนพเบะปากใส่เพื่อนเตือนสติว่าไม่มีอะไรต่างกันเลยเพราะมีลูกบังเกิดเกล้าด้วยกันทั้งคู่

สองหนุ่มใหญ่เป็นเพื่อนซี้ที่คบกันมายาวนานรู้จักกันตั้งแต่ต่างคนต่างอยู่ในครรภ์มารดาเลยมั้งเพราะพ่อแม่ของทั้งคู่เป็นเพื่อนรักกัน แม้ตั้งชื่อก็ยังให้คล้องให้คล้ายกันเติบโตมาด้วยกันจนแต่งงานมีลูกก็ใกล้ๆกัน และภรรยาก็เสียชีวิตไปแล้วเหมือนกันสองหนุ่มโสดต่างประคองเลี้ยงดูลูกกันมาจนโตโดยไม่มีใครคิดสนใจหญิงอื่นความคิดที่จะมีครอบครัวใหม่ไม่เคยอยู่ในหัวสุดหัวใจคือภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้ว ลูกเป็นความสุข เป็นสีสันในทุกๆวันที่ยังมีลมหายใจกันอยู่ความสัมพันธ์ก็ยืนยาวมายันรุ่นลูก นพรินและรังสันต์เจริญรอยตามพ่อทุกอย่างเป็นเด็กใฝ่ดีทั้งคู่เป็นความภูมิใจของสองเพื่อนซี้นัก เมื่อก่อนสองเพื่อนซี้เคยวาดฝันให้เด็กคู่นี้ได้รักและสร้างครอบครัวร่วมกันแต่ก็ยุไม่ขึ้นเลย ใยสัมพันธ์ของความเป็นเพื่อนเหนียวแน่นเกินจะแปรเปลี่ยนเด็กทั้งคู่มีใยรักลึกซึ้งปนเปในหลายสถานะ ความสัมพันธ์เชิงชู้สาวไม่ใช่คำตอบที่โดนใจของเด็กทั้งคู่พิสูจน์กันมาหลายครั้งแล้วว่ายังไงก็ไม่ใช่ สุดท้ายก็ถอดใจกันไปในที่สุด

ในห้องที่เต็มไปด้วยหนังสือมากมายถือเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจอย่างดีให้กับฉายตะวันจังหวัดที่เป็นเมืองหนาวมีกลางคืนที่ยาวนานกว่ากลางวันทำให้เวลาในการทำงานหดสั้นลงตอนนี้เค้ากำลังดีไซด์กลางคืนที่ยาวนานให้ไม่ไร้ประโยชน์

ติ่ด ติ่ด ติ่ด เสียงข้อความเข้ามาเรียกรอยยิ้มบางๆจากเจ้าของเครื่องเพราะเบอร์นี้มีเพียงคนพิเศษของเธอเท่านั้นที่รู้ฉายตะวันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดอ่านข้อความ

“ว่างคุยมั้ยคะ คิดถึงมากถึงมากๆ”เป็นข้อความจากปลายสาย สาวหล่อกดโทรกลับไปทันทีก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกไปจากห้องหนังสือเพื่อไปห้องนอนหลังจากนี้เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของเธอ ใช่... มันคือเวลาของเธอ




 

Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2558    
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2558 13:04:48 น.
Counter : 308 Pageviews.  


writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.