Group Blog
 
All blogs
 

Line Forecasting Line ทำนายทายทัก

Line Forecasting

Lineทำนายทายทัก

“ว่าจั๋งใด” รับพรจากที่จะต่อว่าพี่สาวหน้านิ่งกลับต้องมาเสวนากับเพื่อนตัวแทน ก็ดูหน้าสวยๆของยัยแก้วตอนนี้สิ แทบจะร้องไห้ออกมาคงมีเรื่องร้ายเข้าขั้นทีเดียว คนปั้นเรื่องยังไม่ปริปากเธอชายตาไปที่คนที่อยู่ในห้องด้วยไม่อยากให้ได้ยินหรืออยาเป็นที่สุดที่จะให้รับรู้ก็เกินจะหยั่งถึงภารตีเหมือนเท่าทัน เธอปิดคอมพิวเตอร์และเดินสวนออกมานอกห้อง ตรงมาที่ขิมหยิบไม้นวมมาตีเล่นเย็นๆใจภาพนี้มันช่างกวนประสาทกรองแก้วดีแท้หล่อนหันมาพูดกับเพื่อนตัวด้วยเสียงที่ไม่ดังและไม่เบา

“ขอมาอาศัยชายคาเป็นศาลาพักใจสักสามสี่วันได้ไหม”

“หือ เป็นอะไรแก มีอะไร”

“จิตตกลงไปอยู่ในเหวลึกเลย” เด็กนวดค่าตัวแพงรีดเค้นน้ำตาออกมาได้ทันเวลา สร้างความสะเทือนใจให้เพื่อนสาวที่ผูกพันกว่าสี่ปีเจ้าเรือนดึงร่างมากอดหวังปลอบใจไม่ได้คิดเป็นอื่น..ก็เพื่อนกันนี่นะเมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนร้าย กรองแก้วก็ร่ายแหลต่อ

“ฉันจะเลิกทำงานนวดแล้วแต่พี่อีตาอ้นไม่ยอมบอกว่ามีคลิปพร้อมแฉถึงมหาวิทยาลัย แกจะทำยังไงดี” สาวมารยาจัดกระซิกๆตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จทั้งน้ำตา รับพรเชื่อหมดใจทั้งโกรธจัดเธอคว้าย่ามคู่กายใบเก่งทำท่าจะลุกไปจากห้อง

“จะไปไหน” คนกุเรื่องแหกปากลั่นตกใจที่เพื่อนสาวหุนหันพลันแล่นจะเสียแผนก็คราวนี้

“ก็ไปเอาเรื่องพี่อ้นของแกน่ะสิอยากจะมีเรื่องเดี๋ยวแม่จัดให้” เจ้าเรือนเจ็บแค้นแทนเพื่อนไอ้พี่อ้นริอาจทำตัวเป็นแมงดาออนไลน์ให้เพื่อนนักเลงหัวไม้ของพี่โหนไปสั่งสอนเสียหน่อยมั้ย

“อย่าให้ถึงขนาดต้องเปลืองแรงลงไม้ลงมือกันเลย ทนๆทำไปนานๆเข้าทีแล้วค่อยๆหายหัว น่าจะดีกว่า” กรองแก้วให้เหตุผลหนักแน่นสตอเบอร์แหลเต็มๆ ก็เรื่องนี้มันกุขึ้นมา ขืนยัยพรไปโวยความก็แตกโพล๊ะล่ะสิรับพรไม่อยากจะสาวความต่อให้ยืดเยื้อ สามสี่วันมานี่เหนื่อยสายตัวแทบขาดพักผ่อนรึก็น้อยเจ้าเรือนรีบตัดบทการสนทนาทันที

“ตามใจแก บ้านหลังนี้ใหญ่โตแกจะเทครัวขนญาติพี่น้องมาอยู่ยังได้ รกคนก็ยังดีกว่ารกหญ้า”

“งั้นฉันไปเก็บเสื้อผ้ามาเลยนะ”กรองแก้วลิงโลดใจหน้าบานสบโอกาสทั้งชิดใกล้และดำเนินแผนง่ายดายเธอลุกพรวดออกจากห้อง แต่เมื่อเดินผ่านแม่นางเฉยที่ยังบรรเลงขิมกลับตัวลีบไม่กล้าสบตารับพรทอดถอนใจ หัวบันไดเรือนของเธอไม่แห้งจริงๆ ใครๆต่างมารุมล้อมกับเราก็ไม่เห็นจะมีอะไรดี ซ้ำตัวเองยังเหมือนจะเอาไม่รอดด้วยซ้ำ!

ภารตีทำร้านสำหรับปลูกผักไฮรโดรโปนิกส์เสร็จแต่ภารกิจวันนี้ของเธอยังไม่สิ้นสุดหล่อนล้างมือและเดินมาหาเจ้าของเรือนที่ห้อง

“ผ่างประตูห้องถูกเปิดออกเบื้องหน้าสายตาเป็นรับพรในสภาพนุ่งน้อยห่มน้อยกำลังผลัดผ้าถุงเพื่อเตรียมจะไปอาบน้ำ

“ว๊าย!! เข้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียงแล้วมาแอบดูเค้าเปลี่ยนผ้าทำไม”ร่างเพรียวตกอกตกใจรีบจัดแจงนุ่งผ้าถุงให้เข้าที่เข้าทาง

“อายทำไม มากกว่านี้ก็เห็นหมดจดหมดเปลือกมาแล้ว”ก็เมื่อคราวล่อนจ้อนพร้อมเพรียงกันสามอนงค์นาง ที่ออนเซ็นนั่นไง

“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง นี่ห้องส่วนตัวเค้าเรือนตัวเองก็น่าอยู่จะตายไปทำไมไม่ไปนั่งเล่นนอนเล่นที่นั่น บ๊ะเจ้าของห้องเหลืออดเอ็ดคนหน้านิ่งเข้าดังๆ

“ออกไปซื้อหนังสือมือสองที่เจเจเป็นเพื่อนหน่อยซี” ผู้เช่าแจ้งความจำนง

“ห้าร้อย” คำน้อยคำหนึ่งออกจากปากแม่ดาวไถคนชวนไม่มีละล้าละลังอยู่แล้ว เกทับมาให้เป็นแบงค์สีเทารับพรทำหน้าทะเล้นเอียงคอยิ้มเย้ย มุกนี้ใช้ได้ดีเสมอมา อิอิ...

ที่ตลาดนัดสวนจตุจักร แหล่งรวมสินค้าหลายหลากนานาชนิดจากทั่วทุกแห่งหนตำบลของประเทศสองสาวลงจากรถไฟฟ้าใต้ดินก็เดินออกมาถึงหน้าโซนหนังสือ ห่างเพียงไม่กี่สิบก้าวภารตีเทียวเข้าออกร้านโน้นทีร้านนี้ทีอยู่ราวครึ่งชั่วโมงเธอได้หนังสือติดมือมาเพียงเล่มเดียวแต่ดูประหนึ่งว่ายังไม่พอแก่ความต้องการ

“วู๊! เลือกนานจุง พรขี้เกียจรอแระร้อนด้วย หิวน้ำด้วย พี่ภาเชิญดูให้เพลิดเพลินสมใจไปคนเดียวก่อนนะอีกสักครึ่งชั่วโมงพรจะเดินกลับมา”

“แหมๆ มีเงินช็อปปิ้งแล้วจะทิ้งกันเลยนะ”ปากเหมือนจะพูดประชดแดกดัน แต่มือนางกลับยื่นธนบัตรให้อีกพันหนึ่ง มีหรือที่จะไม่รับใช่ว่าเห็นแก่อำนาจเงินตรา ความคิดของสาวเจ้าจะทำเพื่อพี่สาวต่างหากเล่าร่างเพรียวปลีกออกมาเดินดูเสื้อผ้า หากแต่หาใช่เพื่อสนองความต้องการของตนไม่รับพรอยากเลือกซื้อเสื้อเหมาะๆสักตัวสองตัวให้ยัยพี่อวดดีต่างหาก ตั้งแต่เห็นกันมาก็มาชุดนี้ใส่เพียงเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์สุดเซอร์หรือว่า ซกมก!!?? ผ้าผ่อนก็ไม่เห็นว่าจะซักอี๋! อยู่ไปได้ยังไงประเดี๋ยวเนื้อนวลเนียนได้เป็นขี้กลากหรอกนั่น.. รับพรเดินไปบ่นในใจไปตาก็ปรายมองร้านนู้นร้านนี้ เธอมาสะดุดพึงใจกับเสื้อแนวฮิปสเตอร์ (hipster)แฟชั่นตามเทรนล่าสุดของสาวๆยุคนี้มันเป็นเสื้อเชิ้ตลายดอกไม้สีม่วงสดใสแนววินเทจเนื้อผ้าพลิ้วไหวกับกางเกงยีนส์สั้นพับขาเอวสูง ที่เค้าเรียกว่าอะไรน้า อ้อ แบบมัมยีนส์ (momjeans) เธอก็ไม่ใคร่สันทัดเรื่องแฟชั่นอะไรนักหนาหรอกอาศัยฟังๆจำๆจากขี้ปากยัยแก้วมาทั้งกระบิ ดูไปหากจับแม็ตช์กันคงเข้ากับลุกส์ของพี่สาวหน้านิ่งไม่หยอกไหนๆก็ไหนๆแล้ว คูลๆชิคๆ ไม่แคร์สื่อไปเล้ย บัณฑิตสาวเจ้ากี้เจ้าการทึกทักเอาเองจัดแจงซื้อให้เสร็จสรรพ ความจริงอยากจะซื้อหาให้อีกสักชุด แต่ก็นะเงินทองมีน้อยใช้สอยต้องคิด เพราะเงินที่เหลืออยากจะซื้อหาบางสิ่งให้พี่พิมพ์ด้วยยังไงสาวสวยพยายามจะให้ความยุติธรรมกับทั้งสองฝ่ายด้วยเพราะทั้งสองก็แสนดีกับเธอไม่มีใครด้อยค่าราคาต่ำไปกว่าใครพี่พิมพ์น้ำใจงามไม่แพ้เครื่องหน้า นอกจากจะเป็นเจ้าหนี้ที่น่าร๊ากที่สุดในสามโลกาพี่สาวยังให้เครดิตเอาขนมปังแซนวิช ชามาขายก่อนตั้งเดือน ทั้งยังสอนสูตรหมูทอดเด็ดสะระตี่ให้ฟรีๆอีกเมื่อครู่ได้เดินผ่านร้านขายฟิกเกอร์ เธอลานมะเน็งเล็งมานานแล้วกับตัวเซลเลอร์มูนสุดน่ารักเชียว ถูกอกถูกใจพี่พิมพ์แหงมๆ.. หลังจากใช้วิชาต่อรองราคาชนิดหั่นแหลกกดสุดๆทั้งยังบังคับเอาของแถมกับพ่อค้าเธอก็ได้ของขวัญสุดพิเศษมาไว้ในครอบครองสมใจ...เมื่อกลับมาบ้านทั้งสองตรงมาที่เรือนเล็กรับพรแวะซื้อส้มตำไทยรสจัดจ้านมาเปิบกับข้าวเหนียวและหมูทอดที่ตระเตรียมจะทำไว้ขายเช้าวันรุ่งขึ้นด้วยเหนืออื่นใดคือเธอไม่อยากจะร่วมมื้อกับแม่สุดา ยังเคืองและงอนแม่ตัวไม่จางน่ะสิ..การณ์ปรากฏว่าให้ได้เซอร์ไพร์สกันทั้งคู่ภารตีที่ประกาศให้โลกรู้ว่าไร้ศาสนา ซื้อหนังสือธรรมะมาอ่าน!! รับพรเดินมาที่นอกชานชะเง้อชะโงก

“มีอะไร” แม่นางเฉยสงสัยในอากัปกิริยาประหลาดๆ

“จะดูว่ามีอุกกาบาตชนโลกหรือเปล่า”

“ขนาดนั้น” สาวเจ้าเรือนไม่ตอบต่อความเดินกลับมานั่งลงข้างๆ ให้ความสนใจกับหนังสือสามสี่เล่มตรงหน้ามันเป็นไฟล์พระไตรปิฎก ไอน์สไตน์พบพระพุทธเจ้าเห็นของหมอสมและพุทธศาสนาตามแนววิทยาศาสตร์ โอ้ว! ท่าทางจะเอาจริงรับพรเพ่งพิศใบหน้าเกลี้ยงเกลาของภารตีหวังใจว่าคงจะไม่กลับลำไม่สุดขั้วถึงขนาดไปบวชเป็นยายชีหรอกนะ เธอหยิบเอาถุงเสื้อผ้าที่ซื้อมายื่นให้คนตรงหน้า

“จะให้วิจารณ์ว่าสวยล่ะสินู่นไปหาแฟชั่นนิสต้าอย่างยัยโคกมะตูมไป” สาวหน้านิ่งโวยเรื่องแต่งองค์ปัดหน้าทาเล็บเธอไม่มีความรู้สักนิด

“ป๊าว เค้าให้” ผู้เช่าเรือนเบิกตาให้โตกว่าเดิมเล็กน้อยด้วยรู้สึกประหลาดใจ รับพรฉวยเอาเสื้อเก๋ไก๋ออกมากางมันออกและตามติดด้วยกางเกงยีนส์สั้น

“ไปเปลี่ยนให้พรดูหน่อยสิ”แม่นางเฉยเหมือนไม่ได้ใส่ใจสนใจฟัง ทำเป็นเปิดหนังสือเห่อของใหม่ของตัว

“ก็ถ้าดื้อจะเรียกพี่ตุ๊กแกออกมา”โดนขู่ด้วยวิธีนี้ชักอยู่นิ่งไม่ได้ภารตียอมจำนนคนเยาว์กว่าแต่แทนที่จะเดินเข้าไปในสถานที่มิดชิดหล่อนกลับกวนประสาททั้งเย้ยฟ้าท้าดินเปลี่ยนมันเสียตรงนี้เลย.. สุดยอดอ่ะ มันงามหน้าชนิดที่คนนั่งอยู่ด้วยต้องอายแทน

“เฮ้! เปลี่ยนมันกลางบ้านนี่เลยไม่กลัวใครจะมาเห็นเหรอ อายผีบ้านผีเรือนบ้างเถิดนะพี่นะ”รับพรร้องห้ามแต่ได้ผลเสียที่ไหน

“เอ็กซิบิชั่นนิสต์ (exhibitionist) ไงชอบโชว์” คนโดนบังคับถอดผ้าผ่อนของตนออก สวมของใหม่ใส่อย่างลวกๆ รับพรอดรนทนไม่ได้เธอลุกขึ้นมาจัดแจงช่วยทำให้มันดูดี

“อย่างนี้สิ กิ๊บเก๋ยูเรก้าอย่าว่าแต่จตุจักรเลยเดินควงไปพารากอนได้ไม่อายแล้ว”คนชมเพ่งพิศสาวงามพิลาศตรงหน้า พี่ภาสวยจริงไรจริงเครื่องหน้าที่เป๊ะเวอร์สวยใสหมดจดไร้เครื่องสำอาง เป็นอย่างที่สาวเจ้ามโนไว้เมื่อเครื่องแต่งตัวสอดรับเข้ากับบั้นหน้าชนิดที่ลงตัวสุดๆ ชะรอยแม่นางงามแห่งตำบลอย่างพี่พิมพ์จะมีคู่แข่งสุดสูสีซะแล้ว ภารตียืนนิ่งเป็นท่อนไม้รู้สึกประดักประเดิดเล็กน้อยถึงปานกลางเมื่อต้องมาเป็นอะไรที่ไม่อยากเป็นนัก

“ชอบพี่เหรอ” จู่ๆสาวหน้านิ่งก็โพล่งออกมารับพรยักไหล่ตอบกลับแบบไม่ต้องใช้ชุดความคิด

“ใช่ แปลกคนดี พรชอบพี่นะ ไม่เหมือนคนอื่น”เจ้าเรือนไม่ปกปิดความรู้สึก ชอบก็บอกว่าชอบ ขี้เกียจจะโกหกพกลมเพราะหากเป็นอย่างนั้น คนแสนฉลาดอย่างแม่นางเฉยไฉนเลยจะไม่ล่วงรู้

“แต่..อย่าคิดเป็นอย่างอื่นเชียวชอบไม่ได้แปลว่ารักหรือว่าชอบแบบคนรักกัน” สาวเจ้าเอ่ยวาจากันท่าเพราะนั่นเท่ากับว่า ติดห้ามล้อความรู้สึกตนเองไม่ให้ไปไกลเกินกว่าที่ควรด้วย

“มันก็มีโอกาสพัฒนาสาวหน้านิ่งหยั่งระดับความลึกของหัวใจ

“ก็แค่มีโอกาส..ไปแล้วดีกว่าเชิญพี่อยู่กับหนังสือไปละกัน” เท่านี้ก็มากพอแล้วกับการเปิดให้ค้นใจสืบเสาะมากไปก็ไม่สนุกน่ะสิ เจ้าเรือนสาวเท้าก้าวลงบันไดอย่างรวดเร็ว

“ความรู้ ความจริง และปัญญาแตกต่างกันยังไง”ภารตียิงคำถามสุดยากให้คนมีดีกรีเกียรตินิยมตอบ รับพรหันขวับ

“โห! ข้อสอบโอเน็ตรึเปล่าเรื่องปรัชญาไปคุยกับคู่กัดพี่เถอะนะ ไอคิวต่ำอย่างพรไม่ไหวหรอก พูดแล้วปวดหัว”

“ขอบใจนะ”

“พูดเป็นด้วยเหรอคร้า ดีแล้วจะจีบพรต้องหัดเข้าไว้พูดหวานๆหน่อย ผู้หญิงทั้งโลกเขาชอบกันทั้งนั้น”

“ประดิษฐ์ไม่เป็นหรอก คร้านจะแต่งประโยคส่งครูน่ะ”ภารตีเว้ากันออกมาซื่อๆรับพรยิ้มปากกว้าง เธอชอบพี่ภาก็ตรงนี้แหล่ะ ไม่เฟค

“เคร.. พรุ่งนี้เจอกันฝันดีฝันเด็ดเห็นเลขอะไรก็มาบอกกันบ้าง” สิ้นคำสาวเจ้าก็มุ่งตรงกลับไปที่เรือนใหญ่วันนี้ยัยพี่ภามาแปลก ทั้งซื้อหาหนังสือพุทธศาสตร์ทั้งถามเอากับคำถามพิสูจน์ปัญญาทั้งซักไซ้เราเรื่องหัวใจ บ้าชะมัด! รับพรรำพันในใจ...ร่างเพรียวกลับมาถึงห้องของตน นี่ก็ค่ำมืดแล้วอดสงสัยไม่ได้ว่าตกลงยัยแก้วจะกลับมาไหม เห็นว่าไปเก็บข้าวของมือเรียวคว้าโทรศัพท์จะมาเปิดดู นึกขึ้นได้ว่าอวัยวะที่ 33 พอไม่มีก็ไม่ถึงกับตายแฮะจากที่เคยติดอย่างกับมันเป็นเจ้านาย ก็เสียงเรียกเข้ามาก็ต้องรับไลน์ดังขึ้นมาก็ต้องอ่าน ทั้งยังต้องคอยชาร์จแบตฯให้ ซื้อหาเคสสวยๆมาประดับ โอย..สารพัน นี่ล่ะเจ้านายตัวจริง ระหว่างที่บ่นๆกับเจ้าเครื่องมือสื่อสารเสียงไลน์เจ้ากรรมจากโทรศัพท์ก็ดังเตือนขึ้นถี่ๆ นี่ก็ปวดหัวใช่น้อยรับพรคร้านจะอ่านข้อความด้วยเพราะไม่อยากจะรับรู้อะไร แสนเหนื่อยและล้าเต็มทนแต่ด้วยความที่หน้าจอมันค้างอยู่เป็นสีเขียวๆแบบนั้น นิ้วชี้เตรียมจะกดปิดแต่สายตาปะทะเข้ากับข้อความดังกล่าว

“พี่พิมพ์ภาพหน้าจอเป็นพิมพ์ลภัสโพสต์รูปรถคันงามเสยเข้ากับเสาไฟฟ้า‘ซวยโคตร โดนมอ’ไซค์ปาดหน้า หักหลบชนเสาไฟฟ้าจั๋งหนับ ฮือๆ..’ มันเป็นข้อความในบรรทัดถัดมา เวลาที่โพสต์คือ 19.30 . ของวันนี้!!

ไวเท่าเทียมกันรับพรเหลือบหางตามาดูนาฬิกาบนฝาผนัง 19.28. เหลืออีกสองนาที! ไม่รีรอเพราะต้องแข่งกับพระกาลเธอกดปุ่มโทรออกหาพี่สาวทันที

“ พี่พิมพ์อยู่ที่ไหนคะ ขับรถอยู่หรือเปล่าถ้าใช่จอดรถก่อนนะ ด่วนๆเลย พรไม่มีเวลาอธิบาย” เป็นจริงไปแล้วครึ่งหนึ่งเพราะเสียงดนตรีป๊อบร็อคดั่งกระหึ่มสอดแทรกเข้ามาบ่งบอกว่าพี่สาวอยู่ในรถและมันคงไม่ได้จอดอยู่เฉยๆแน่พิมพ์ลภัสกำลังจะเลี้ยวเข้าซอยหมู่บ้าน

“หือ อะไรนะคะ มาหาด่วนๆเหรอ” ปลายสายตอบกลับมาหาใช่หยอกเอินตามประสา แต่เธอได้ยินไม่ชัดจริงๆ ลูกสาวร่างทรงร้อนรนใจเป็นอย่างมากตะโกนสุดเสียงกลับไป

“ฟังพรชัดๆนะคะ ซีเรียสมาก พี่พิมพ์จะขับรถชนรีบจอดรถก่อนเลย”

“เหลวไหลนะคะ พี่ไม่เคยขับรถชน” สาวหน้าเข้มมั่นใจในฝีมือของตนยิ่งเป็นรถหรูสมรรถนะเยี่ยมแบบนี้แม้แต่รอยครูดยังไม่มี แต่การขับรถไปคุยไปแม้จะ synchronize เข้ากับรถมันก็ถ่วงหน่วงให้เธอขับรถชะลอลงโดยอัตโนมัติจนโดนรถกระบะคันหลังเลี้ยวปาดหน้าเธอเสียได้

“ว่าพรว่าดื้อตัวเองใช่น้อยนะคะ พรอ่านไลน์..” ไม่ทันจะสิ้นคำ เหตุการณ์ดูประหนึ่งว่าจะเกิดขึ้นจริงๆ!!

“เอี๊ยดดด!! โครม!!” เสียงเบรกดังสนั่นตามติดมาด้วยเสียงวัตถุชนกัน รับพรตกใจสุดชีวิต

“พี่พิมพ์!! พี่พิมพ์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”

“มะ..ไม่ใช่พี่เป็นกระบะคันหน้าหักหลบรถมอเตอร์ไซค์ที่ปาดหน้าพุ่งชนเสาไฟฟ้าเคราะห์ดีเหลือเกินค่ะ พี่เบรกทันพร” สาวหน้าหยกเป่าปากดัง เธอก็ให้ตกใจไม่น้อยปะติดปะต่อร้อยเรื่องราวเข้าด้วยกัน มันคือ..

“ไลน์คู่สนทนาพูดออกมาแทบจะพร้อมกัน

“พี่พิมพ์ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วนะคะ งั้นพรวางก่อนนะฝันดีค่ะ”

“ค่ะ มายเบบี้พรุ่งนี้เช้าเจอกันนะ”แทบจะทันทีรับพรเปิดไลน์อีกครั้ง ข้อความเมื่อครู่หายไปในบัดดลหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ

“คราวหลังต้องแคปหน้าจอไว้แล้ว เฮ้อ! เรื่องจริงๆหรือนี่”

“บ่นอะไรยัยพร”ผู้เป็นพี่ชายเดินผ่านหน้าห้องที่ยังเปิดประตูทิ้งไว้ เขาจึงเดินเข้ามาหาน้องตัว

“พี่โหนคือว่า...” รับพรอธิบายความอย่างละเอียดกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดไปหมาดๆโหราพยักหน้า นิ่งไปราวนาทีเศษ ใช้ความคิดหนักหน่วง

“เหมือนว่า เหตุการณ์ยังคงมีอยู่ แต่มันเบาบางลงหรืออาจจะเปลี่ยนเจ้าทุกข์” อาสาสมัครกู้ภัยได้ข้อสรุปเนื่องด้วยเหตุยังคงอยู่ผลของการกระทำจึงยังมี

“ถ้างั้น..พรุ่งนี้เราก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้เลย

“เราต้องไม่พลาด ชีวิตคนเรือนร้อยพี่ต้องยับยั้งไม่ให้เกิด” โหรากำกำปั้นของตนแน่นเกร็ง สีหน้าจริงจังแววตามุ่งมั่นจดจ้องมาที่กรอบรูปของบิดา..รับพรเป็นกังวลใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากเรื่องนี้มันใหญ่ยักษ์ ทำไมเบื้องบนถึงได้ลิขิตให้คนตัวเล็กๆอย่างเธอกับคนรอบข้างต้องมาเกี่ยวข้องด้วยตาก็ดูที่หน้าจอ เลื่อนรายชื่อไปมา ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่พลันก็นึกอะไรขึ้นได้

“พ่อปู่ หรือว่าคำทำนายของพ่อปู่จะเกี่ยวกับสิ่งนี้..ใช่ เราต้องใช้ประโยชน์จากมัน ก็ถ้ามันทำนายเหตุร้ายของพี่พิมพ์ได้เราก็สามารถรู้ความเคลื่อนไหวล่วงหน้าของรายชื่อเพื่อนที่เรามีอยู่ทั้งหมดได้เช่นกัน”ร่างเพรียวเดินออกมานอกห้อง ขอมองดูพระจันทร์กลมโตเสียหน่อยท่ามกลางความมืดมิดย่อมมีแสงสว่างรออยู่เสมอแล้วมันจะใช่อย่างที่เจ้าตัวคิดหรือเปล่านะ

“แม่หมอระหว่างที่ใจลอยลูกสาวร่างทรงเหมือนยินเสียงแผ่วเบากระซิบที่ข้างหูเธอเมียงมองไปรอบกายแต่ไม่เห็นอะไร ไม่ใช่เสียงพี่โหน เจ้าตัวกลับเข้าห้องไปแล้วทั่วสรรพางค์ของรับพรขนลุกชันตามสัญชาตญาณหรือเสียงนี้จะเป็นคำตอบเท่ากับเป็นการต่อจิ๊กซอว์ให้สมบูรณ์

“เราจะเป็นแม่หมอ ทำนายเหตุการณ์เอาจากไลน์นี่ล่ะแต่ทั้งหมดทั้งมวลยังเชื่อไม่ได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์การทดลองยังคงต้องพิสูจน์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงจะมีความน่าเชื่อถือทางสถิติและเหตุการณ์พรุ่งนี้จะเป็นข้อพิสูจน์” ร่างเพรียวให้ข้อสรุปกับตนเองเธอโทรถามกรองแก้วว่าจะมาค้างหรือไม่ตามความตั้งใจเดิมเพื่อนรักบอกว่าวันนี้ไม่มาและรีบตัดสายทิ้งไปรับพรตะหงิดๆเหมือนเสียงยัยแก้วกระเส่าๆยังไงพิกล ระ..หรือว่าโดนตามตัวไปทำงานและกำลัง..กำลังปฏิบัติกามเอ้ยการกับลูกค้าอยู่ โอ๊ะโอ! หุหุผิดจังหวะไปหน่อยโทษทีหว่ะเพื่อน เจ้าเรือนปิดเครื่องก่อนจะกลับเข้าห้องนอนของตน...

“พี่ภา นอนหรือยัง”หลังจากกระสับกระส่ายอยู่ไม่เป็นสุข นอนพลิกไปพลิกมาหลายตลบก็มิอาจข่มตาลงได้คนกระวนกระวายจึงมาร้องเรียกอยู่หน้าเรือนเล็ก ต่อให้หลับไปแล้วก็ตื่นขึ้นมาได้ทีหล่อนยังมากวนอกกวนใจอยู่บ่อยครั้งไป คืนนี้ขอเป็นตัวช่วยให้น้องน้อยหน่อย

“มีอะไร กำลังอ่านหนังสืออยู่” แม่นางเฉยเดินสะเงาะสะแงะออกมาอยู่ในชุดเสื้อสีม่วงตัวใหม่ที่ซื้อให้ แต่ไม่กลัดกระดุมปทุมถันจึงโผล่ออกมาเต็มๆสองตา พระเจ้า!!

“แต่งตัวให้เรียบร้อยบ้างไรบ้างไม่ได้เชียวหรือแล้วเห่อของใหม่สิท่า” เจ้าเรือนบ่นอุบ สุดทนกับพฤติกรรมบวมๆ

“มันร้อนนี่ ลมอับๆพิกล จะเปิดแอร์ก็เสียงดังกวนสมาธิพัดลมก็เอาไม่อยู่ ส่วนเสื้อเพิ่งซักไปเมื่อกี้” ภารตีแจงยิบคนฟังหันนมองไปที่เสื้อยืดตัวเก่งและตัวเดียวที่วางพาดอยู่ตรงรั้วชาน ไหนว่าซักนี่มันผึ่งผึ่งลมชัดๆ โว๊ะ!

“ถ้าซักผ้าไม่เป็นพรทำให้ก็ได้”สาวหน้านิ่งไม่ตอบกลัวจะโดนชาร์จค่าบริการน่ะสิ รับพรดั่งรู้แกว พูดจริงจัง

“ฟรีน่า จริงๆ”

“อือ ตกลงถ่อมาถึงนี่มีอะไรอย่าบอกว่าจะมาขอตังค์ไปซื้อน้ำ”

“พรนอนไม่หลับ กลุ้มใจมากถึงมากที่สุด คืนนี้ขอนอนด้วยคนนะ”ถึงคราวเจ้าบ้านเป็นฝ่ายมาขอร่วมห้องบ้าง ไม่ไหวจริงๆอยู่คนเดียวแล้วมันห่อเหี่ยวเหลือกำลังจะรับ

“เรื่องพรุ่งนี้เหรอ” ในส่วนลึกภารตีก็ให้กังวลไม่น้อยเรื่องร้ายแรงขนาดนั้น ถ้านิ่งเฉยดั่งบุคลิกคงใจอำมหิตผิดมนุษย์มนารับพรพยักหน้าและแจงความต่อ

“อือ ร้ายกว่านั้น เมื่อกี้นี้...” เธอเล่าเหตุการณ์ของพิมพ์ลภัสให้แม่นางเฉยฟังจนสิ้นความ

“พี่เองเองก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งนะว่าไปตอนนี้อยากจะเจอในสิ่งที่พิสูจน์ได้ยาก เจ้าข้าเอ๊ย ถ้าเจ้าที่ ผี มีจริงก็โผล่ออกมาเลย มาทักทายกันหน่อย” หูย..แร๊งส์ ! หล่อนกล้ามาก

“เอ๊ะ! ปากเสียตัวอยากเจอก็เจอไปคนเดียวแล้วกัน” คนเชื่อหมดใจหันมาแหวใส่ใครเขาใช้ให้ท้าทายลบหลู่ในสิ่งเหล่านี้เล่า เจอดีขึ้นมาจริงๆจะวิ่งหนีกันไม่ทันร่างเพรียวปลีกตัวไปนอน ส่วนภารตียังตั้งใจอ่านหนังสือพุทธศาสตร์อยู่เกือบค่อนคืนจึงตามเข้าไปในห้อง

“ภารตี..ยัยภา”ระหว่างที่ภารตีนอนอยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น เหมือนตัวเธอยินเสียงเรียกเข้าที่ข้างซอกหูร่างที่กำลังนอนหงายจึงเปิดเปลือกตาขึ้นภาพแรกที่เห็นคือตรงปลายเท้ามีชายคนหนึ่งยืนอยู่! เขาปรากฏเป็นเงาลางๆในสภาพที่ไม่น่าดูเท่าไหร่เลือดท่วมกาย ใบหน้าอมทุกข์อย่างสาหัส น้ำตาไหลอาบเต็มสองแก้มชายคนนั้นคือคนเดียวกับคนที่ทำบุญให้เมื่อเพลนี้ อิทธิเทพ!! แม้จะตกใจแต่เธอก็มีสติพอพยายามจะยันตัวลุกขึ้นจากเตียง แต่ไม่สำเร็จ เธอชาที่ปลายมือและเท้าไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ร่างกายทุกส่วนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้แม้ปากจะขยับส่งเสียงยังยากเย็น ยกเว้นเพียงดวงตาที่ก็แค่กลอกไปมาได้รอบๆเท่านั้นร่างนั้นปรากฏมีให้เห็นอยู่ราวนาทีหนึ่ง แต่มันช่างยาวนานราวปีหนึ่งเสียมากกว่าก่อนจะหายวับไปกับตา เท่านั้นภารตีก็เริ่มจะขยับร่างของตนได้เล็กน้อย

“พี่ภา เป็นอะไร”รับพรสะดุ้งตื่นเมื่อรู้สึกว่าที่เตียงเหมือนมีเสียงกุกกักๆจึงลุกพรวดมาดู

“เปล่า ไม่มีอะไร ไปนอนต่อเถอะ” ภารตีไม่กล้าบอกเจ้าของเรือนคราวนี้เห็นชัดๆกับตาในสิ่งที่เรียกหาครั้นจะไม่เชื่อก็ไม่ได้แต่ใจหนึ่งกลับแย้งย้อนหาเหตุว่า เป็นเพราะเธอคิดมากไป ความเหนื่อยและเพลียรวมไปถึงที่ขยับกายไม่ได้คงเพราะตะคริวอาจจะกิน ทั้งหมดทั้งมวลรวมกันเข้าจิตเลยอ่อน หลอนไปเอง...

รับพรตื่นมาแต่เช้ากลับมาที่เรือนใหญ่เพื่อที่จะเตรียมของไปขายอันเป็นสัมมาชีพที่เจ้าตัวตั้งใจว่าจะทำมันให้ดีที่สุด..เช่นเคย พิมพ์ลภัสมาช่วยเป็นเรี่ยวแรงและกำลังใจที่สำคัญวันนี้ขายดีมาก นอกจากเจ้าหนุ่มจอมตื้อคนนั้นแล้วยังมีลูกค้าประจำมาซื้ออีกหลายคนทำให้หมูทอดสูตรคุณยายหมดเร็วกว่าที่ควรจะเป็น

“ขายดีอย่างนี้อย่าเพิ่งโหมเพิ่มปริมาณนะคะค่อยๆเพิ่มทีละน้อยๆ” ผู้มีประสบการณ์สอนวิชา บัณฑิตยิ้มหวานดีใจที่ได้ครูดีการปฏิบัติจริงย่อมเข้าใจถ่องแท้ลึกซึ้งกว่าเอาแต่จดเล็คเชอร์อยู่ในคลาส

“พี่พิมพ์คะ พรซื้อของขวัญมาให้”รับพรส่งของให้หลังจากที่ขายหมูทอดและเก็บข้าวของเสร็จ

“เนื่องในโอกาสอะไรคะ แล้วเป็นอะไรเอ่ย” คนถูกถามไม่ตอบได้แต่ยิ้มหวาน สาวหน้าเข้มแกะออกดู ถูกอกถูกใจเธอเสียจริง

“ว้าว! น้องพรของพี่น่ารักที่สุดเลยค่ะ อย่างนี้ต้องมีรางวัล”

“หูย! ไม่ดีกว่าค่ะรางวัลเกมพาโชคอะไรนั่นจะพาพรซวยเอาเสียมากกว่า คราวก่อนนู้นก็ออนเซ็นถัดมาก็หอมแก้ม ไม่ไหวๆ ขืนพาพรไปขึ้นขาหยั่งตรวจภายในขึ้นมา อึ๋ยแม่นางน้อยทำหน้าหวาดเสียว เธอไม่อยากโดนพี่พิมพ์ล่อลวงเข้าอีก

“พร้อมไหมคะ” ประโยคสั้นๆแต่ทั้งคู่รู้ดีว่าหมายถึงสิ่งใด

“ไม่พร้อมก็ต้องพร้อมค่ะ” ลูกสาวร่างทรงหันมาตอบยิ่งใกล้เวลาไปมากเท่าไหร่ ทั้งสองก็ยิ่งลุ้นระทึกจิตด้านดีไม่ปรารถนาจะให้เหตุการณ์เกิดขึ้น แต่จากที่แล้วมาคำทำนายไม่เคยมีข้อผิดพลาด และถ้ามันเกิดขึ้นจริงเธอจะยอมรับและใช้วิถีนี้เป็นหนทางของการก้าวมาเป็นแม่หมออย่างสมบูรณ์เต็มหัวใจ...




 

Create Date : 21 กันยายน 2558    
Last Update : 21 กันยายน 2558 17:23:37 น.
Counter : 700 Pageviews.  

Game setter ผู้กำหนดเกมคือผู้ชนะ?


“ยะถาวาริวะหา ปูรา ปาริปูเรนติ สาคะรัง......มะณิ โชติระโส ยะถา..ห้วงน้ำที่เต็ม ย่อมยังสมุทรสาครให้บริบูรณ์ได้ฉันใด
ทานที่ท่านอุทิศให้แล้วแก่โลกนี้ย่อมสำเร็จแก่ผู้ที่ละลาจากโลกนี้ไปแล้วฉันนั้นขออิฏฐผลที่ท่านปรารถนาแล้วตั้งใจแล้ว จงสำเร็จโดยฉับพลันขอความดำริทั้งปวงจงเต็มที่เสมือนพระจันทร์วันเพ็ญ  เสมือนแก้วมณีอันสว่างไสว ควรได้ยินดี” เป็นคำแปลของบทสวดยถาหรืออีกชื่อหนึ่งคือบทอนุโมทนารัมภคาถา เป็นบทสวดแผ่เมตตาของพระสงฆ์ บรรดาแขกเหรื่อผู้มาร่วมงานกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล ครั้นแล้วพอพระท่านเริ่มบทสัพพีหรือบทสามัญญานุโมทนาคาถา
ซึ่งอันมีความหมายว่า ความจัญไรทั้งปวงจงบำราศไปโรคทั้งปวงของท่านจงหายสิ้น ภยันตรายทั้งปวงจงอย่ามีแก่ท่านขอท่านจงมีความสุขและมีอายุยืน บุคคลผู้มีปกติไหว้กราบ เป็นนิตย์มีปกติอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ ย่อมเจริญด้วยธรรมะสี่ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละเป็นการให้พรของพระสงฆ์ในการที่เราได้กระทำไปแล้วรับพรฟังสวดและตั้งจิตมั่นระลึกถึงใบหน้าของบิดาและบรรพบุรุษที่ล่วงลับต่างจากภารตีที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาทำอะไรกันแล้วนั่นทำไมต้องรินน้ำถ่ายจากภาชนะทองเหลืองหนึ่งลงอีกอันหนึ่งด้วย?? จะโพล่งถามก็ดูไม่งาม จึงได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้..พระสงฆ์ทั้งหมดเตรียมจะกลับโหราและธีทำหน้าที่ผู้อำนวยความสะดวกช่วยพระขนถังสังฆทานและดอกไม้กลับวัดแม่นางเฉยเห็นดังนั้นจึงปลีกตัวจากกลุ่มสาวๆที่จับกลุ่มสุมหัวเม้ามอยกันอย่างออกรสแทบจะวิ่งลงจากเรือน มาทันพระที่หน้าริมรั้วบ้านพอดี

“โชคดีมีชัยไม่เจ็บไม่จนนะโยมนะ” หลวงอาท่านหนึ่งพูดขึ้นท่านเข้าใจไปว่าสีกานางนี้ตั้งใจจะมาขอพรเป็นการส่วนตัวด้วยท่าทางสำรวมก่อนจะหันกายมุ่งเดินต่อไป

“เดี๋ยวก่อนสิคุณคือดิฉันใคร่อยากรู้ว่าการทำลักษณะนี้คำว่าบุญที่กล่าวอ้างจะตกไปถึงผู้ตายได้อย่างนั้นหรือ”หลวงอาหยุดฝีเท้าหลังได้ยินคำถามประหลาด แต่มันกลับเป็นคำถามที่ดียิ่งหลวงอาเต็มใจจะเสวนาทั้งยังเป็นหน้าที่หลักของภิกษุที่พึงควรจะนำหลักคำสอนของพระพุทธองค์มาอธิบายความให้สาธุชนกระจ่างหลวงอานั่งลงที่ม้าหินอ่อนหน้าบ้านปล่อยให้คณะสงฆ์ทั้งหมดเดินล่วงหน้าไป

“อันพิธีกรรมที่โยมเห็นเมื่อครู่แม้มันจะพิสูจน์ได้ยากยิ่งว่าเป็นจริง มีอยู่จริงหรือไม่อาตมาก็จนใจเช่นกันที่จะอธิบายให้โยมเข้าใจได้ในเพียงสิบนาทีหลักคำสอนหรือธรรมะขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ตถาคตได้เคยกล่าวไว้ว่าผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรามันเป็นเรื่องของผู้ศึกษาและปฏิบัติเท่านั้นที่จะรู้แจ้ง

“แต่พิธีกรรม ไม่ใช่ว่าหลอกลวงล่อให้คนงมงายหรอกหรือ”เท่าที่พอจะรู้มาบ้าง ภารตีเห็นว่าทุกศาสนาล้วนมีพิธีกรรมเป็นหลักยึดโยงทั้งสิ้นมันอาจเป็นเพียงกุศโลบายให้เกิดศรัทธาเท่านั้น??

“ทุกสิ่งมีขึ้นเกิดขึ้นเพราะมีเราเป็นหลักนะโยมมีเราจึงมีป่า หรือเพราะว่ามีป่าจึงมีเรา โยมลองใช้ปัญญาพิเคราะห์ดูเถิด”หลวงอาไม่หักล้างความคิด แต่ใช้วิธีย้อนถามให้ผู้สงสัยไปวิเคราะห์เอาเองคนไร้ศาสนารับฟังด้วยท่าทีสงบ พยายามใช้ความคิดตาม แล้วจะไปหาความรู้เรื่องพวกนี้ได้จากที่แห่งใดต้องเริ่มต้นจากตรงไหน หลวงอาประหนึ่งล่วงรู้ความคิด ท่านกล่าวขึ้นต่อ

“หากโยมปรารถนาจะรู้แจ้ง อยากศึกษาพระธรรมให้ถ่องแท้ทำไมไม่ลองหาอ่านจากพระไตรปิฎกเล่า หากสะดวกในอินเตอร์เน็ตก็มีหรือโยมจะไปที่วัดขอหยิบยืมมาอ่านก็ย่อมได้ อาตมาขอตัวก่อนนะ” ภารตีค้อมตัวน้อยหนึ่งเธอยังรู้สึกตะขิดตะขวงใจที่จะยกมือไหว้หลวงอาคนนุ่งเลืองห่มเหลืองที่เธอเข้าใจมาโดยตลอดว่าเป็นเพียงอาชีพนักบวช...

ที่เรือนหลังจากเสร็จงานพิธีน้าปุ๊กจัดแจงสำรับกับข้าวไว้พร้อมสุดาในฐานะเจ้าภาพเชิญชวนแขกเหรื่อให้รับประทานอาหารกลางวันพร้อมหน้าแน่นอนว่าเฮียเลี้ยงในฐานะแขกคนสำคัญสุดพิเศษพร้อมด้วยลูกสาวทั้งสองได้ร่วมโต๊ะกับเจ้าเรือนบุตรชายและบุตรสาวทั้งสองเช่นกัน

“ขอบคุณเฮียมากที่ยังมีแก่น้ำใจมางานบุญวันนี้”ระหว่างมื้ออาหาร สุดาปราศัยกับเฮียเลี้ยงว่าที่เจ้าเรือนในภายหน้า

“ไม่เป็นไร คนกันเองทั้งนั้น แต่ฉันว่าแม่สุดาดูซูบไปนะดูแลตัวเองหน่อย กินอะไรบำรุงร่างกายบ้าง เรามันไม่ใช่เด็กๆแล้วความเสื่อมย่อมเกิดขึ้นแต่ในตน” เฮียเลี้ยงเห็นลูกหนี้ดูโทรมไปมากก็แน่สิที่ดูแก่ดูเหี่ยวด้วยเพราะทั้งดื่มเหล้าต่างน้ำทั้งอดหลับอดนอนเข้าบ่อนตีไพ่ ไหนจะเครียดสะสมเป็นของสมนาคุณผิดกับผู้พูดที่กินอยู่อย่างราชา you are what you eat นั่นแลแถมยังมีกิ๊กอายุคราวลูกเป็นยาชูกำลังทางใจอย่างดีเยี่ยม

“ช่างมันเถอะเฮีย ตายๆไปได้เสียก็ดีพี่อิทธิแกจะได้มีคนไปอยู่ด้วย” ร่างทรงกำมะลอพูดประหนึ่งปลดปลงแต่แท้จริงแล้วประชดแดกดันลูกตัวต่างหาก รับพรแจ้งใจว่าแม่ตัวกระแนะกระแหนจะอ้าปากเถียงแต่พิมพ์ลภัสหน่วงแขนเอาไว้ ขยิบตาและส่ายหน้าว่าไม่ควร

“พิมพ์กับณัฐอยู่คุยกันตรงนี้ก่อนนะลูกป๊าจะเดินไปดูที่รกร้างข้างๆหน่อยเมื่อวานมีนายหน้ามาเสนอขายต่ำกว่าราคาประเมินตั้งครึ่งค่อน” เฮียเลี้ยงหาเรื่องปลีกตัวจากลูกๆไปอย่างนั้นเพราะที่มุมหนึ่งกรองแก้วแม่เด็กนวดตัวท็อปยักคิ้วหลิ่วตาให้กับเศรษฐีที่ดินอย่างเชิญชวนมีหรือที่คนเตะปี๊บยังดังจะไม่รีบหาหนทางไปหาเมียเก็บสาวน้อยของตัวทั้งคู่หลบมุมมาคุยกันที่สวนท้ายเรือน

“เฮียอ่า โลกกลมจังนะคะ ที่แท้ก็คนกันเองทั้งนั้น”กรองแก้วทำเป็นมารยาสาไถยโผเข้ามาเกาะแขนและหอมแก้มเข้าฟอดหนึ่งมือก็จับไปที่เอวหนาๆลูบไล้ยั่วเย้า

“ไม่เจอกันตั้งวัน เฮียคิดถึงจัง” ชายสูงวัยใช่เบาเขาจับแก้มของเมียเก็บพูดคำหวานทำตัวเป็นหนุ่มน้อยพรอดรักสาว

“เฮียไม่ต้องกลัวหรอกนะคะ เกรซไม่บอกเรื่องนี้กับลูกๆของเฮียแน่”ใจจริงอยากจะป่าวประกาศใจแทบขาด ถึงสเตตัสใหม่เมียป้ายแดงและแม่เลี้ยงยัยพี่พิมพ์คงแดดิ้นพราดๆไปต่อหน้า ชิส์!!..แต่แค่นั้นมันยังไม่สาสมพอเผลอๆยัยพรอาจจะเพิ่มคะแนนสงสารให้อีกเต็มกระบุงโกยคิดได้ดังนั้นมารยาสาวจึงทำงานโดยอัตโนมัติ จะจับเฮียต้องเป็นแม่พระใจกว้างเอาใจตามใจปะเหลาะคนแก่เข้าไว้ มีเฮได้ไม่ยาก

“หนูเกรซช่างรู้ใจน่ารักอย่างนี้เดี๋ยวเฮียจะออกรถให้เป็นรางวัล” เห็นไหมเล่าออเซาะนิดหน่อยเฮียก็ทุ่มไม่อั้นแล้ว กรองแก้วลำพองใจยิ่งนัก

“เฮียน่าร๊ากที่สุดเลยค่ะ” เมียสาวจุ๊บไปบนแก้มเหี่ยวๆมือก็คลำลงมาถึงอวัยวะสำคัญลูบโลมให้กระสันต์พอเป็นกระษัยเศรษฐีที่ดินทำหน้าบูดเบี้ยว ด้วยเสียวซ่านสะท้านทรวง

“เฮียไปอยู่กับลูกๆก่อนเถอะค่ะ ลงมานานจะผิดสังเกตได้ ไว้คืนนี้เราค่อยเจอกันนะคะดาร์ลิง”เด็กนวดตัวท็อปทำทีจะปลีกตัวไปอีกทาง นานไปใครมาเห็นเข้าจะเสียแผนแต่เฮียกลับไม่ยอมให้ไปโดยง่าย คว้าร่างเอ็กซ์มากอดเขายังไม่อิ่มเอมเลย

“หนูเกรซ เดี๋ยวสิ”สิ้นคำเฮียเลี้ยงยื่นใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยตีนกาเป็นฝูงประกบปากและบดขยี้เสพสุขจากเนื้อกายสาวทันที

“อื้มมม” กรองแก้วได้แต่ร้องอู้อี้อยู่ในลำคอ นานอยู่พักหนึ่งคู่นอนต่างวัยก็ละจากกันคล้อยหลังจากชายชรา เด็กนวดค่าตัวแพงแสยะหน้าด้วยรังเกียจก็แก่หน้าหนังเหี่ยวเป็นมะม่วงใกล้เน่าแบบนี้จะไปรักลงได้อย่างไรนี่ถ้าจ่ายไม่หนักไม่มีวันได้จิ้มซะหรอกคนสวยแต่หน้าหมุนตัวจะเดินขึ้นเรือนไปเช่นกัน ปล่อยให้ยัยพรอยู่กับสาวหน้าหล่อเนิ่นนานชักไม่ไว้ใจเหมือนฝากเนื้อไว้กับแม่เสือก็ไม่ปาน

“อุ๊ย! พี่ภา”กรองแก้วหันมาปะหน้ากับภารตีที่ยืนเป็นหุ่นไร้อารมณ์อยู่ในระยะแค่ศอกวาก็ต้องตกใจสุดขีดหล่อนไม่แน่ใจว่าพี่สาวหน้านิ่งน้ำนิ่งไหลลึกจะได้ทันเห็น ได้ยินหรือรับรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องรักๆลับๆฉาวๆคาวๆของตัวเธอบ้างเพื่อนรักเพื่อนร้ายของเจ้าเรือนหน้าเสีย เม็ดเหงื่อผุดขึ้นที่ไรผม ทำอะไรไม่ถูกแม่นางเฉยมิได้ปริปากพูดอะไร ก้าวเท้าออกไปจะเดินขึ้นเรือน

“อย่าบอกเรื่องนี้กับพรได้ไหมคะ แก้วขอร้อง” คนร้อนใจในเรื่องไม่ดีงามของตนตะโกนไล่หลัง ภารตีไม่ทั้งหยุดฝีเท้าและไม่แม้กระทั่งจะหันมากรองแก้วแสนเซ็งส่ายศีรษะและเม้มปาก เรื่องกำลังจะมาดีๆแล้วแท้ๆทำไม๊ทำไมต้องมีตัวละครลับอย่างยัยพี่ภานี่มาทำให้เรื่องเสียเสียเรื่องด้วยหะแรกว่าจะเก็บยัยพี่ภาเป็นพันธมิตรเอาไว้เชือดทีหลัง ต้องเปลี่ยนแผนกลางอากาศทำทุกเรื่องกำจัดทุกคนไปพร้อมๆกันเสียแล้ว...

พิมพ์ลภัสลากรับพรมาที่ห้องโดยมีภารตีตามมาด้วยตกลงว่าห้องใครเนี่ย? สองสาวเริ่มปรึกษาความเรื่องรางวี่รางวัลและเป็นแม่นางเฉยที่เอ่ยขึ้นก่อน

“เอาไงดียัยโคกมะตูม เป่ายิ้งฉุบแบบเดิมไม่เอาแล้วนะ”

“กลัวแพ้หรือไงยะ” ในความเป็นจริงคนถามก็หวั่นใจไม่น้อยความน่าจะเป็นนั้นห้าสิบห้าสิบ นั่นคือโอกาสได้เชยและชวดมีพอๆกัน

“ในเมื่อกติกาไม่ได้บอกไว้ก็ถือว่าโมฆะ ยกเลิกรางวัลไปเสียเลยดีกว่านะคะ” เจ้าของเรือนหวังใจให้พี่สาวเออออก็คงไม่มีใครอยากน้อยหน้าใคร ใช่ รับพรคิดถูกในเมื่อไม่มีใครต้องการจะด้อยกว่ากันงั้นก็..

“เสมอกันก็ต้องได้หอมทั้งสองคนซี แฟร์ๆ”คนเจ้าความคิดมาแปลกสุดขั้ว ในเมื่อพระท่านกำหนดให้เป็นแบบนี้แล้วนี่นะ

“เป็นความคิดที่ดีทีเดียว” สาวหน้านิ่งลงมติสนับสนุนขี้เกียจจะประชันพนันรักให้มากเรื่องมากความอีก

“สองคนรับพรตกใจหน้าซีดเสียววาบที่แก้มทั้งสองข้าง จะถูกรุมอีกแล้วเหรอเนี่ย บ้ามาก! ไม่ไหวๆ ร่างเพรียวจะลุกหนีจากห้องของตัว

“จะไปไหนค้า”พิมพ์ลภัสไวมากกว่ามาก เธอคว้าแขนบอบบางของคนจะเผ่นเอาไว้ได้ทันหน้าเข้มๆยิ้มเหี้ยม ตาลุกวาวไร้ซึ่งความปราณี

“ก็ได้” รับพรเสียงจ๋อยหน้าเจื่อน แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกสาวร่างทรงที่ถนัดเรื่องการต้มตุ๋นเสียอย่างลูกล่อลูกชนย่อมแพรวพราวเป็นธรรมดา สมองจุดประกายความคิดหาทางรอดให้ตัวเองจนได้ร่างเพรียวมายืนอยู่กลางห้อง โดยมีทั้งพิมพ์ลภัสและภารตีเคียงข้างกาย

“พรให้ทีเดียวนะ พร้อมๆกันเลย ห้ามต่อรองอะไรอีก” รับพรบอกเงื่อนไขหันมามองหน้าแม่นางทั้งสองที่อยู่ในท่าเตรียมพร้อมเป็นสาวหน้าเข้มยื่นหน้าใสๆของตัวมาก่อนลงมือปฏิบัติการคืนความสุขสมให้หัวใจ

“เดี๋ยวก่อนค้า” รางวัลมีชีวิตติดเบรคร้องห้ามง่ายดายอย่างนี้มันก็ไม่สนุกซี

“พี่ๆหลับตาก่อนสิคะ พรอายนะ” สองอนงค์ทำตามไม่มีหืออือและไม่แม้เพียงจะเฉลียวใจว่าสาวน้อยจะมีกลเกมกลรักหลบเลี่ยง

“พรจะนับแล้วน้า ถึงสามก็หอมพร้อมกันเลย เอ้า..หนึ่ง สอง สาม” ไวเท่าฝีปากร่างเปรียวหลบวืดโดยการค้อมตัวลงให้พ้นรัศมีจากปากแม่นางทั้งสอง

“จุ๊บคู่อริกลายเป็นต้องมาจูบปากกันเอง!!ภารตีและพิมพ์ลภัสเบิกตาโพลง ช็อคสิคร้า

“อี๋! ยัยโคกมะตูมมาจุ๊บชั้นได้ยังไง” ภารตีโวยเสียงลั่น รีบเอามือมาถูปากของตน ซวยโคตรจูบใครไม่จูบ มาเจอเข้ากับคนสปีชีส์เดียวกัน ให้โลกแตกไปเสียยังจะดีกว่าบร้าที่สุด!!

“หล่อนนั่นแหล่ะ ไม่ดูตาม้าตาเรือเล้ย บ้าที่สุด บ้าๆๆๆ!!”

“แหะๆ เชิญเม้งเฉ่งกันให้หนำอุรานะเจ้าคะ พรไปแว้วววว”คนรอดปากเสือปากสิงห์มาได้ยิ้มเยาะ รีบเผ่นโกยอ้าวทันที หลังยินคำต่างก็นึกขึ้นได้แม่ตัวการหาใช่ใครที่ไหนยัยเจ้าเรือนจอมเพทุบายนั่นเองพิมพ์ลภัสเร่งฝีเท้าวิ่งตามไปจะเป็นที่ไหนไปเสียนอกจากริมสระน้ำ ทิ้งให้ภารตีนั่งอยู่ในห้องไม่เอาแล้ว แม่นางเฉยตัดสินใจไม่ตามไป ด้วยเข็ดขยาดกับฤทธาของเจ้าเรือนแสบเข้าไส้จริงๆ ทั้งใจยังค้างคากับบางเรื่องที่สำคัญกว่าเธออยากจะค้นหาอะไรบางอย่าง นึกถึงคำหลวงอาขึ้นมา ความจริงที่สิ้นสุด ultimateverity นั่นยังไง สาวหน้านิ่งถือวิสาสะเปิดคอมพิวเตอร์ของเจ้าเรือนใช้เสียเลย…

รีบพรและพิมพ์ลภัสวิ่งไล่กันมาทันตรงสะพานริมบึงพอดีคนพี่ที่เรี่ยวแรงมากกว่าคว้าเอวบางมากอด

“คนขี้โกง มาให้หอมซะดีๆ”

“ก็กอดเค้าอยู่นี่แล้วยังไม่พอใจอิ๊ก ปล่อยพรเถอะนะคะถือว่าปล่อยนกปล่อยปลาน้านะ” คนโดนร้องขอยอมปลดปล่อยอ้อมกอดไร้เงื่อนไขเพราะแค่กอดนี่ทำออกบ่อยไปใจมันอยากจะทำอะไรที่ไม่เคยมากกว่า ทั้งคู่นั่งลงเคียงกันอยู่ที่ริมสระ

“แต่งกลอนให้ฟังหน่อยสิคะ” รับพรร้องขอด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเหลือจะเอ่ยบรรยากาศดีๆกับวันดีๆแบบนี้ ปิดท้ายด้วยบทกลอนของพี่สาวคงสมบูรณ์แบบทีเดียวแทบจะทันที สาวหน้าคมเข้มที่เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เอื้อนเอ่ยแบบไม่ต้องใช้ความคิด

“อันกลอนรักใช่ว่าจักแต่งโดยง่าย

สัมผัสนอกบอกความในใช่เพียงอักษร

ตัวพี่พิมพ์อยากสมัครรักน้องพร

แม่งามงอนขอวอนโปรดเมตตา”

รับพรยิ้มแก้มปริพี่พิมพ์มาแต่งกลอนเกี้ยวเอากลางสระแบบนี้ ฟินฝุดๆสุดๆไปเลยร่างเพรียวมุบมิบๆที่ปากประหนึ่งคิดคำนวณอะไรในใจ ก่อนจะด้นสดสวนกลับมาบ้าง

“น้องพรเองเกรงว่าเรามิควรคู่

พี่ก็รู้สถานะเราช่างแตกต่าง

ยิ่งฝืนยิ่งเหนื่อยนานวันสัมพันธ์คงจืดจาง

เห็นใจน้องบ้าง ห่วงอย่างห่างๆมิมีร้างลา”

“ไม่เบานะคะ” คนเจ้าบทเจ้ากลอนยิ้มละไมชื่นชมน้องรัก

“ค่ะก็มีครูดีนี่นา แต่รักน้องพรนอนเกาพุงรอไปก่อนเด้อค้าเด้อ” รับพรเจื้อยแจ้วจำนรรจา.. ยิ่งนานยิ่งรักเธอพิมพ์ลภัสมั่นใจเปี่ยมล้น แต่กับคนตรงหน้าเล่า รู้สึกบ้างไหม นิดๆก็ยังดี

“พี่พิมพ์ เก็บบัวตรงนั้นให้หน่อยสิคะ พรเอื้อมไม่ถึง”รับพรบ่ายหน้าไปที่ดอกบัวสีม่วงเบ่งบานอยู่ปลายมือ ดูเหมือนใกล้แค่เอื้อมแต่กลับไปไม่ถึง คนถูกร้องขอด้วยแขนของตนยาวกว่าก็ไม่รอรีดอกไม้สวยๆเธอก็อยากจะเชยชมเหมือนกัน ลูกสาวเจ้าหนี้นั่งยองๆตรงสะพานไม้นั่นเองมือก็คว้าไปที่ดอกบัวกลางน้ำ

“อึ๊บบ!! ไม่ได้อ่า”พี่สาวเอื้อมไม่ถึง มันจะกินนัยไปว่าเอื้อมไม่ถึงใจเธอด้วยหรือเปล่านะ

“จะยอมแพ้แล้วหรือคะ เพื่อพรแค่นี้ก็ทำให้ไม่ได้”รับพรเร่งเร้าจะเอาให้ได้ เพราะเป้าประสงค์มิใช่เพียงแค่นั้นเธอต้องการอะไรบางอย่าง คนรับฟังก็บังเกิดมานะขึ้นมาพลัน ขอลองพยายามอีกสักคำรบ

“จับมือพี่ไว้แน่นๆนะคะ ใกล้แล้ว ..อึ๊บบ!!”พิมพ์เอื้อมไปจนสุดปลายแขนแต่แทนที่จะคว้าดอกบัวได้การณ์กลับตรงกันข้าม

“ว้ายย!!...ตูมมม!!” พี่สาวตกน้ำป๋อมแป๋มสมใจอยาก รับพรสะกดอารมณ์ไม่ให้หลุดหัวเราะออกมา

“พี่พิมพ์สาวขี้แกล้งแสร้งว่าตกใจให้แนบเนียน หุหุ นี่ล่ะเป้าประสงค์หลักของเธอคนตกน้ำแจ้งใจทันทีว่าโดนหลอกมาเชือด ชิชะ! ประเดี๋ยวเถอะแม่ทูนหัว

“โอ้ย!!” จู่ๆสาวหน้าเข้มก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด หน้าเหยเก

“เป็นอะไรคะพี่พิมพ์”

“เศษแก้วมันตำเท้ามั้งคะ อูย! เจ็บๆๆฉุดพี่ขึ้นไปหน่อยซี” ร่างเพรียวมิได้เอะใจ เธอลนลานรีบช่วยฉุดร่างพี่สาวให้ขึ้นมาจากน้ำ

“ตูมมม!!!” คนไม่ทันระวังโดนซ้อนแผนเข้าจนได้เมื่อลูกสาวเจ้าหนี้เหนี่ยวร่างอรชรให้ลงมาเล่นน้ำด้วยกันเสียอย่างนั้นพอตัวเปียกรับพรก็รู้ได้ทันทีว่าโดนเขาหลอกอีกแล้ว ครั้งที่เท่าไรจำไม่ได้เพราะมันบ่อยมาก ฮึ่ม!!

“ไหนว่าเศษแก้วตำเท้า” ลูกสาวร่างทรงหน้าง้ำงอเค้างอนจริงๆนะ

“รับพรตำใจพี่ต่างหากค่ะ เจ็บจุง..ที่ตรงนี้”พิมพ์ลภัสชี้มาที่อกข้างซ้ายของตัว กล้าๆเล่นมุกเชยๆ แต่มันได้ผลชะงัดนัก

“พี่พิมพ์..” บัณฑิตสาวอึ้งไปกับน้ำคำหวานปนเน่าพูดอะไรไม่ออก ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยใครๆก็ชอบบทเกี้ยวที่ออกจะเสี่ยวหน่อยๆแต่มันแซ่บได้ใจ หุหุหุ พิมพ์ลภัสยังกระชับพื้นที่หัวใจอย่างต่อเนื่อง

“นี่ค่ะดอกบัว”เธอเอื้อมมือเรียวของตนเด็ดก้านดอกบัวยื่นให้แม่กลอยใจ รับพรยิ้มหวานรับเอามาถือไว้แนบตัว

“ดอกบัวเป็นตัวแทนของความดีงามหากพี่จะบอกกับพรว่าขอให้สัมพันธ์ของเรา ดีงามเช่นดอกบัว ทุกวัน ทุกคืน ทุกเวลาทุกนาทีและทุกลมหายใจ มันคงไม่มากไปใช่ไหมคะ”

“ลิเกอ่ะค่ะพี่พิมพ์ แต่เค้าก็ชอบนะ”คนโดนแซวไม่ตอบโต้ด้วยวาจา แต่ใช้กิริยาเป็นคำตอบของใจ คว้าร่างเพรียวมากอดแนบแน่นบรรจงจะจุมพิตเข้าที่ริมฝีปากอวบอิ่ม รับพรไร้ซึ่งลีลาขัดขืนอย่างที่แล้วมาก็ในเมื่อหัวใจเปิดรับเขาแล้ว จะขืนฝืนความต้องการของร่างกายได้อย่างไรใครจะว่าเราเป็นแม่นางวันทองสองใจก็ช่าง ก็คนมันเลือกไม่ได้นี่ เธอหลับตาพริ้มใจเต้นโครมครามเตรียมสัมผัสรสชาติ จูบแรกในชีวิต First kiss in my life.

“ตู้มมมเสียงดังสนั่นหวั่นไหวของผืนน้ำอันเกิดจากวัตถุบางอย่างที่น่าจะเป็นปลาตัวใหญ่กระโจนวารีขัดบทรักจังหวะลุ้นของแม่นางทั้งสอง

“ว้ายเจ้าเรือนร้องตกใจเช่นกันกับคนจะจูบสักพักทั้งคู่ก็เรียกขวัญกลับมา แต่อารมณ์โรแมนซ์เมื่อครู่มันขาดห้วงยากที่จะต่อติดเสียแล้ว โธ่ถัง!

“เฮ้อ!..ไอ้ปลาบ้าไม่ได้รู้กาละเทศะเล้ย” พิมพ์ลภัสบ่นอุบ แสนเสียดายจะได้หอมแก้มนวลผ่องอยู่รอมร่อ..อดเบย สาวหน้าคมเข้าใจไปว่ามัจฉาแกล้ง แต่ความเป็นจริงนั้นหาใช่ไม่!!

ณ มุมหนึ่งตรงแนวรั้วกรองแก้วที่เป็นพลซุ่มเฝ้าสังเกตการณ์และทันได้เห็นช็อตเด็ดทุกกระบวนท่ากระบวนความแทบจะกรีดร้องออกมาเป็นภาษาแม่มด จะใช่ใครที่ไหนเป็นเธอนั่นเองที่เขวี้ยงหินก้อนโตๆขัดขวางทางรักของยัยพี่พิมพ์

“อูยสาวสวยที่ใจมืดบอดจะออกจากริมรั้วแต่กลับโดนหนามของชะอมเขียวขจีเกี่ยวเข้าที่แขนเลือดไหลซิบๆเป็นรอยแดงยาวเกือบสองนิ้ว คนริษยามองดูที่ต้นแขนเนื้ออ่อนๆของเธอ ใช่! เราจะเป็นขวากหนามดั่งเพลงหากแม้นมิได้ครอบครอง ก็ต้องไม่มีผู้ใดได้แม้สักคน..

สองสาวที่แช่น้ำต่างช่วยกันตะกายขึ้นมาและพากันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรือนเล็ก หลังจากผลัดผ้าเสร็จรับพรเดินไปส่งพิมพ์ลภัสที่ปากซอยตรงที่รถจอดอยู่ ก่อนจะกลับมายังเรือนของตนเมียงมองหาเจ้าด่างเพื่อนร่วมโลกผู้ซื่อสัตย์กลับไม่เห็น เอ.. มันไปอยู่เสียที่ไหนหวังว่าเจ้าคงไม่โดนคนใจร้ายรังแกเอาอย่างเคยนะลูกสาวร่างทรงเดินขึ้นเรือนเข้าห้องของตน แต่ต้องสะดุ้งเมื่อยัยพี่ภายังนั่งคลิกๆที่เม้าส์หน้าคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คของเธอ

“เฮ้! เอาห้องของเค้ามาใช้เป็นห้องตัวเองเลยนะ” เจ้าเรือนโวยลั่นแม่นางเฉยละสายตาจากหน้าจอหันมาพูดด้วยนิ่มๆ

“เอาน่า ก็ถือเสียว่าเป็นบริการพิเศษให้ลูกบ้านบ้างไรบ้าง”

“พร ขอคุยด้วยหน่อยสิแก”กรองแก้วมายืนอยู่ที่หน้าห้องเรียกเพื่อนรักด้วยเสียงจ๋อยปั้นหน้าเศร้าให้ดูน่าเวทนา คนริษยาคิดสร้างเกมรักเกมร้ายขึ้นมาผู้ชนะจะต้องเป็นคนกำหนดเกมนี้เท่านั้น!!




 

Create Date : 28 สิงหาคม 2558    
Last Update : 28 สิงหาคม 2558 18:57:49 น.
Counter : 438 Pageviews.  

Aspiring Reward รางวัลนี้..ที่รอคอย


“ลูกน้ามันก็แบบนี้ ถือตัวว่าเรียนมาสูงอวดดีชอบสั่งสอนแม่” สุดาบริภาษเรื่องลูกตนออกมาดังๆ

“ค่ะ” พิมพ์ลภัสได้แต่ตอบสั้นๆแม้ออกจะเห็นอกเห็นใจรับพรอยู่ไม่น้อย น้าสุดาก็เกินไปลูกเตือนด้วยความหวังดีแท้ๆกระนั้นก็ดี เธอไม่มีสิทธิ์ไปวิพากษ์วิจารณ์เรื่องครอบครัวคนอื่นมันเป็นสิ่งไม่พึงควรมิอาจก้าวล่วงได้ภารตีเองก็ไม่มีท่าทีสนใจ ง่วนอยู่กับพืชผักมันน่าอภิรมย์กว่ามาก

“น้าขอตัวก่อนนะ” เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจตนสุดาจึงกลับเข้าห้อง ทันใดนั้นเองสาวสูงวัยกลับรู้สึกหน้ามืดสายตาเห็นเหมือนพื้นเรือนเอียง กะเท่เร่จนเธอทรงตัวได้ยากยิ่งสุดาเอามือยันฝาเรือนไว้ก่อนที่ร่างของเธอจะค่อยๆทรุดลง

“ไหวไหมคะน้า ให้พิมพ์ช่วยนะคะ”พิมพ์ลภัสเห็นอาการไม่สู้ดีเธอต้องเข้าพยุงร่างของสุดามาส่งถึงยังห้องนอนเมื่อเดินออกมาสาวหน้าเข้มถอนหายใจน้อยหนึ่ง ใช้กำลังความคิดอย่างหนักลังเลใจทำอะไรไม่ถูก จะตามไปปลอบโยนแม่แน่งน้อยดีหรือไม่นะ หรือว่าปล่อยให้หายเอง..แล้วถ้าไม่หายล่ะมิเป็นแผลอักเสบเรื้อรังกัดกินใจงั้นรึ

“ยืนเซ่ออยู่ได้ รีบตามไปดูสิ” แม่นางเฉยร้องทักคนมัวแต่เงื้อง่าให้ได้สะดุ้ง

“แล้วหล่อนล่ะสาวหน้าหยกถามกลับเธอไม่เชื่อว่ายัยแกงจืดจะมาเสียสละให้เธอสวมบทฮีโร่แต่เพียงคนเดียวก็เห็นจ้องจะขโมยซีนเบียดเบียนความรักจากเธออยู่ตลอดเวลา

“ไม่อ่ะ ไม่ถนัดเรื่องปลอบคนรีบไปสิโอกาสดีๆไม่มีบ่อยหรอกนะ” ภารตีส่ายศีรษะนั่งลงตีขิมเล่นเย็นๆชิลชิลพิมพ์ลภัสแสนประหลาดใจ แต่ไม่มีเวลาให้คิดสะระตะเพราะคนที่เตลิดไปน่าให้เป็นห่วงมากกว่านัก อยากจะบ้าก็ปล่อยให้บ้าไปคนเดียว ชิส์!

ลูกสาวเจ้าหนี้เดินลงจากบ้านปรายตามองไปถ้วนทั่วแต่ก็ไม่เห็นเจ้าเรือนแม้เงา เธอเดินลัดเลาะไปตามสุมทุมพุ่มไม้แม้จะเริ่มเข้าเพลาสนธยาบรรยากาศวังเวงทั้งยังหวาดกลัวบรรดาสัตว์เลื้อยคลานมีพิษต่างๆ แต่ก็แข็งใจไม่ย่นระย่อถ้าเรื่องแค่นี้กลัวก็ลืมความคิดที่จะปกป้องว่าที่คนรักไปได้เลยพิมพ์ลภัสเดินมาถึงเรือนเล็ก เสียงพี่ตุ๊กแกเจ้าถิ่นร้องดังและโผล่พ้นซอกหลืบออกมาตาโปน

“พร พรคะอยู่ที่นี่หรือเปล่าตุ๊กแกดักอยู่พี่ขึ้นไปไม่ได้พร..” เธอได้แต่ตะเบ็งคอเรียกอยู่หน้าบันไดจนเส้นเสียงระบม..เงียบฉี่ ไม่อยู่แน่ๆ

“พี่พิมพ์..พรอยู่ที่ริมสระบัวค่า”เสียงใสๆ เอ็คโคสะท้อนกลับมา คนตามหาฉีกยิ้ม วิ่งแจ้นไปที่จุดหมาย แต่แล้ว..สาวหน้าหล่อต้องชะลอฝีเท้า ตกใจเสียยิ่งกว่าเจอพี่ตุ๊กแกเมื่อครู่เพราะทางข้างหน้ามันถูกขวางด้วยบางสิ่ง ที่ไม่ใช่ท่อนไม้มันคืองูเหลือมยาวร่วมสามเมตร! ลำปล้องมันใหญ่ราวต้นขาของเธอเห็นจะได้ร่างของมันไม่ไหวติงนอนพาดยาวขวางทางเดินอยู่อย่างนั้น

“พะ..พรคะ งู ตัวใหญ่มากขวางทางอยู่พี่เดินไปไม่ได้”สาวหน้าหยกตะโกนร้องเรียกเจ้าเรือนให้ช่วยทำอะไรสักอย่าง แม้เจ้างูยักษ์จะไม่มีพิษแต่มันก็ขึ้นชื่อว่ากอดรัดแน่นหน่วงให้กระดูกกระเดี้ยวหักและกลืนกินไก่กระทั่งแมวทั้งตัว ไม่กี่ชั่วอึดใจ รับพรก็เดินยักย้ายมาแบบไม่ได้หวั่นเกรง ร่างเพรียวยืนประจันหน้ากับงูตัวเขื่อง

“ระวังนะคะพิมพ์ลภัสได้แต่ร้องเตือนกวาดตามองหากิ่งไม้หรืออะไรสักอย่างก็ได้ที่พอจะสามารถปกป้องตัวจากภยันตรายเบื้องหน้าลูกสาวร่างทรงจดจ้องงูตัวนั้นไม่ตากะพริบมันไม่ได้เป็นสายตาแข็งกร้าวแต่เป็นดวงเนตรที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาราวครึ่งนาทีเห็นจะได้งูตัวนั้นก็เลื้อยหายเข้าไปในพงหญ้าอย่างเงียบๆมันช่างน่าอัศจรรย์ใจสำหรับพิมพ์ลภัสยิ่งนัก

“งูเจ้าที่น่ะค่ะ พี่พิมพ์ไม่ต้องตกใจนะ ท่านไปแล้ว”รับพรละสายตาจากสิ่งที่เธอกล่าวอ้าง หันมายิ้มหวานและรีบเดินเข้ามาหาคนที่ยังลนลาน

“ระ..รู้ได้ยังไงว่าเป็นงูเจ้าที่เรารีบไปจากที่นี่เถอะนะ อันตรายออก” คนยังไม่คุ้นชินย่อมตกอกตกใจเป็นเรื่องธรรมดาสองเท้าเริ่มจะก้าวเดิน แต่แม่นางน้อยกลับฉุดรั้งไว้

“ไม่มีอะไรแล้วนะคะพี่พิมพ์ ที่พรรู้ก็เพราะว่า..เอ่อช่างมันเถอะค่ะ เราไปนั่งเล่นที่ริมสระดีกว่านะ บรรยากาศดี๊ดี”รับพรยังไม่อยากจะบอกพี่สาวถึงพลังพิเศษของตนประเดี๋ยวจะยืดยาวซ้ำร้ายเขาจะหาว่าบ้าเอาได้สาวหน้าเข้มยังลังเลแต่ก็มิอาจทัดทานความมุ่งมาดปรารถนาของแม่กลอยใจจำต้องเดินแบบเสียวสันหลัง ผ่านโซนอันตรายมาที่ริมสระน้ำทั้งคู่นั่งห้อยขาจุ่มลงไปในน้ำบนทางเดินไม้ที่ยื่นตรงไปเกือบถึงกลางสระมีดอกบัวสีม่วงเบ่งบานอยู่เต็ม เบื้องหน้าเป็นท้องฟ้าสลัวเกือบจะมืดมิดดวงจันทร์กลมโตเพราะใกล้วันเพ็ญเต็มแก่อยู่ที่ขอบปลายฟ้า สายลมพัดผ่านโรยๆกับสองเราช่างโรแมนติกไม่หยอกบรรยากาศตรงหน้าทำให้เธอลืมความหวาดกลัวเมื่อครู่ไปสิ้น เช่นกันกับรับพรที่ลืมเรื่องแม่ไม่เก็บเอามาใส่ใจ

“ถึงสิ้นปีพี่ได้เงินปันผลจากป๊าพี่จะสร้างศาลาริมน้ำให้เอาไหมคะ”

“พี่พิมพ์จะทำอะไรกับที่แห่งนี้ก็ได้อยู่แล้วนี่คะอย่างไรเสียมันก็ต้องตกเป็นของพี่ไม่ช้าก็เร็ว”จากที่จะพูดเอาใจกลายเป็นเสียคะแนนไปนี่ พิมพ์ลภัสอึกอักไปต่อไม่ถูกแต่ลูกหนี้ที่รักกลับทำเซอร์ไพรส์ซบไหล่เธอเสียดื้อๆ อร๊าย!

“ถ้าถึงวันนั้นพี่พิมพ์จะใจไม้ไส้ระกำไล่พรพี่โหนแล้วก็แม่ลงคอรึเปล่า” พี่สาวนิ่งไปหลายวินาทีเธอไม่อยากให้คำมั่นกับน้องรัก สำหรับเธอแล้วจะอยู่ไปตลอดชีวิตใครจะว่าแต่กับป๊านี่สิ เฮ้อ!..

“ทุกอย่างต้องมีทางออกนะคะ พี่ยังไม่อยากให้พรคิดมากรวมถึงเรื่องน้าสุดาด้วย คนวัยทองก็แบบนี้ค่ะ ป๊าพี่เป็นออกบ่อย”ได้แต่ปลอบกันไปด้วยน้ำคำ พิมพ์เจ็บแปลบไม่น้อยที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้เลย

“แม่พรสิคะวัยเพชรแล้วมั้ง เป็นบ๊อยบ่อย ช่างเถอะค่ะพรชินแล้วล่ะ”

“หือเรื่องปากแข็งนี่ที่หนึ่งเลยนะคะ แล้วตะกี้ร้องไห้ทำไม”

“เปล๊า! พรแค่คิดถึงพ่อ”เจ้าเรือนเฉไฉแฉลบลงสระไปนั่น

“พี่ก็คิดถึงแม่เหมือนกันค่ะ”สองสาวนั่งเคียงกันมองไปที่ดวงจันทร์ต่างคิดถึงบุพการีผู้ล่วงลับของตน

“นั่งด้วยสิ” จอมขโมยซีนแวะเวียนเข้ามาขัดจังหวะรักจนได้!ไหนว่าจะเปิดโอกาสให้ยังไง ไม่ได้รอให้ใครตอบแม่นางเฉยนั่งลงข้างๆกันนั่นเองรับพรรีบดีดตัวจากพี่สาวหน้าคมกลับมานั่งในท่วงท่าปกติหาเรื่องพูดแก้อาการขัดเขินของตน

“เรื่องตามหาคนน่ะไปถึงไหนแล้ว ไม่เห็นพี่จะจริงจังเลย”

“เจอแล้ว.. อยู่แถวๆนี้แหล่ะ” คนหน้านิ่งยังคงพูดเป็นปริศนาก็เห็นๆกันอยู่ว่าพี่สาวแทบไม่ได้ออกไปไหนเลย วันนี้ก็ติดกันเป็นตังเมแล้วจะไปเจอคนที่กำลังตามหาได้เอาตอนไหนพิมพ์ลภัสรู้สึกเหนื่อยล้าที่จะจิกกัดเข้าอย่างเคย ถือซะว่าปล่อยผีสักคืนแล้วกัน

“ก็ใกล้จะกลับแล้วสิ ตกลงอยู่ยังไม่ถึงเดือนเลย แต่เงินประกันพรไม่คืนให้หรอกนะ”รับพรใจหายวาบ แม้จะเพียงไม่กี่วันที่ได้ใกล้ชิดแต่เธอรู้สึกประหนึ่งพันผูกกันกับภารตีมาแสนนานเหมือนแม่นางเฉยจะเป็นโซลเมทก็ว่าได้

“ยัง..คงอีกสักพักหรืออาจจะไม่กลับเลย”

“ถ้าอย่างนั้นเช่าเป็นรายปีไหม พรลดให้ครึ่งหนึ่งเชียวนะ”คนร้อนเงินรีบยื่นข้อเสนอสุดพิเศษนอกจากจะได้ทั้งเงินแล้วยังได้กล่องตัวเป็นๆมาอยู่ใกล้ๆกินรวบเข้าฮอสสองต่อสมใจนึกบางลำพู

“พี่ไม่ใช่จำเลยนะที่ศาลจะพิพากษาความลดให้กึ่งหนึ่งความแน่นอนก็คือความไม่แน่นอน พี่อาจกลับเสียพรุ่งนี้ก็ได้”คนหน้านิ่งปฏิเสธไร้เยื่อใย สาวหน้าหล่อเริ่มจะไม่สบอารมณ์แม่นี่ยิ่งพูดยิ่งไม่เข้าใจ

“เอ๊ะ! ยัยแกงจืด พูดจาวกวน ฮ้าว!..เราไปนอนกันดีกว่านะคะ ปล่อยให้เค้าพายเรือวนอยู่ในสระแบบนี้”พิมพ์ลภัสลุกขึ้นยืนฉุดร่างเพรียวให้ยืนขึ้นตามเตรียมจะกลับไปนอนแต่เมื่อหันหลังกลับมา โหราก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาสมทบเข้าพอดีดูจากสีหน้าแววตาร้อนรนร้อนใจไม่เบา

“อ้าวโหนหน้าตื่นมาเชียว ว่าจั๋งใด” พิมพ์ทักว่าที่น้องเขยหวังใจว่าไม่ได้ทะเลาะหมางใจหมางเมินอะไรกับน้องสาวตัวหรอกนะ

“พร มะรืนแล้วนะ เรื่องรถแก๊สน่ะ”

“เออใช่! แล้วพี่ธีว่ายังไงบ้าง”รับพรนึกขึ้นได้ถึงข้อความประหลาดจาก line นั่นสินะมัวแต่ยุ่งกับพี่สาวทั้งสอง ไม่ได้เปิดโทรศัพท์ดูเลยป่านนี้ข้อความไหลมาเครื่องพังไปแล้วแน่ๆ

“อย่างไอ้ธีหรือจะเชื่อมันไม่ด่าพี่กลับมาก็บุญหัวแล้ว”

“คุยเรื่องอะไรกันเหรอ พี่ไม่เห็นรู้เลยค่ะ”ลูกสาวเจ้าหนี้ไม่รู้ว่าเขาเจรจาความอะไรกัน โพล่งถามออกมา ต่างจากภารตีก็วันนั้นคุณเธออยู่ร่วมรับรู้เหตุการณ์ด้วย สาวหน้านิ่งได้ทีเย้ยศัตรูหัวใจ

“ก็คนมันไม่สำคัญ จะไปรู้ได้ยังไง” พิมพ์ทำท่าจะแว๊ดใส่แต่รับพรไหวตัวทันชิงห้ามยกเสียก่อน

“คืออย่างนี้ค่ะพี่พิมพ์...” รับพรเล่าเหตุประหลาดที่เกิดขึ้นให้พี่สาวฟังอย่างละเอียดมั่นใจเกินร้อยว่าพี่พิมพ์จะเชื่ออย่างที่เธอเชื่อซึ่งมันก็ไม่ผิดไปจากที่คาดแม้แต่น้อย

“ใครไม่เชื่อพี่เชื่อแล้วกัน ..งั้นพี่จะช่วยอีกคน”รับพรปลาบปลื้มอย่างน้อยที่สุดทุกคนในที่นี้ก็ได้แสดงให้เห็นว่าเราไม่ควรปล่อยให้อะไรก็ตามที่เลวร้ายเกิดขึ้นโดยล่วงรู้มาก่อนส่วนจะยับยั้งฝืนชะตาฟ้าได้หรือไม่คำตอบมันอยู่ที่เราได้พยายามอย่างถึงที่สุดแล้วหรือยังโหราพยักหน้ารับสวมหมวกหัวหน้าทีม ทุกคนระดมสมองวางแผนกันเสร็จสรรพก่อนจะแยกย้ายไปนอน...

“พร..สายแล้วลูก”ภาพในวันวานย้อนรอยอีกครั้ง ลูกสาวเซียนพระยินเสียงบิดาร้องเรียกให้ตื่นเหมือนเมื่อคราวถึงเวลาต้องไปโรงเรียนครั้งยังเยาว์

“พ่อรับพรสะดุ้งตื่นมาก็เข้าใจได้ทันทีว่าคงฝันไปเหลียวหน้าแลหลังกลับไม่เห็นพี่สาวทั้งคู่แล้ว ไม่มีเวลาให้ดูว่าสายหรือไม่เธอวิ่งตะบึงกลับมาที่เรือนใหญ่ วักน้ำในตุ่มหน้าบ้านมาล้างหน้าไก่เอ้ยล้างหน้าตัวเองพอให้เต็มตื่นเดินดุ่มๆตรงมายังครัวภาพแรกเห็นคือพี่พิมพ์และพี่ภาต่างคนต่างก้มหน้าก้มตาทำขนมของตัวมีเงยหน้ามาจิกกันด้วยสายตาเป็นระยะๆน่าร๊ากอ่ะ ใจเจ้ากรรมเสียววาบลามมาถึงแก้มใสถ้าจะต้องถูกหอมจริงๆเธอคงเลือกไม่ถูกเหมือนกันว่าจะให้เนื้อนวลของตนตกเป็นของผู้ใด??พี่พิมพ์ก็แสนวาบหวามหวีดหวิวใจ ขนาดเมื่อคืนตอนซบไหล่ยังหวั่นๆอร๊าย! กับพี่สาวหน้านิ่งก็ดูอบอุ่นอย่างน่าประหลาดยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งผูกพันเรานี่ชักจะเพี้ยนแฮะ เป็นนางวันทองสองใจกลับชาติมาเกิดกระมังเอวังดูเหมือนว่าลูกสาวร่างทรงจะลืมนึกถึงอีกหนึ่งนางที่มามะรุมมะตุ้มรุมรักเธอกรองแก้วนั่นเอง โผล่มาจากดาวศุกร์หรืออย่างไร รีบมาแสดงว่ามีตัวตนให้ค้นใจทันที

“ใครเอ่ยเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อแอบย่องเบามาจากทางด้านหลังเอามือเรียวของตนมาปิดตาเจ้าเรือน

“แกนี่เล่นเป็นเด็กๆ เรียนจบแล้วนะ”รับพรกระแทกเสียงตอบกลับ กรองแก้วออกรูดมือลงความเริงร่าก่อนหน้าถูกแทนที่ด้วยความน้อยใจให้กระเด็นกระดอน

“พี่พิมพ์กับพี่ภาทำอะไรกัน แล้วแกไม่ไปช่วยเหรอมายืนแอบดู”เพื่อนร่วมคณะถามเสียงอ่อยด้วยเพิ่งโดนเอ็ดมา

“เขาทำขนมแข่งกัน คนชนะจะได้หอมแก้มชั้น”

“เฮ้ย! แล้วแกยอมได้ไง”กับยัยพี่พิมพ์น่ะรู้มานานแล้วว่ากิ๊กกั๊กกันบ้างเพราะสนิทสนมเป็นพี่น้องท้องอาจชนกันได้แต่กับผู้มาใหม่ที่ดูเซอร์ขรึมน่าดึงดูดก็บังเกิดความริษยายิ่งพอรู้ว่ามีการประชันและรางวี่รางวัลแสนเย้ายวนใจก็ยิ่งให้ได้อิจฉาเป็นเท่าทวี

“ก็..” รับพรอึกอักตอบไม่ได้ไม่รอช้ากรองแก้วยิงคำถามชัดๆตรงๆเป้า

“แกชอบใครมากกว่ากัน”

“ไม่รู้ ตอบบ่ได้” จริงที่สุดเธอตอบตัวเองไม่ได้ว่าสงครามชิงหัวใจจะมีจุดสิ้นสุดที่การชี้นิ้วจิ้มไปที่คนไหนแต่นี่ก็ยังไม่ใช่เวลาที่ต้องเลือก สำหรับรับพรแล้วเรื่องบ้านสำคัญเหนืออื่นใด

“เสียดายรู้ช้า ไม่งั้นจะขอแข่งด้วย” เพื่อนรักเปรยขึ้นนึกถึงภาพใครคนใดคนหนึ่งหอมแก้มเพื่อนตัวก็ทำใจไม่ได้

“แกนี่นะ ทำขนมเป็น”

“เปล่าก็หาซื้อเจ้าที่อร่อยล้ำมาประชันไงเล่า”

“อยากหอมแก้มชั้นต้องลงทุนขนาดนั้นเชียว”บัณฑิตดีกรีเกียรตินิยมถามเล่นๆไม่ได้จริงจัง คนตอบก็พ่นออกไปแบบหมาหยอกไก่เช่นกันแต่ลึกๆก็แอบเป็นเสือหวังอยู่ไม่น้อย

“แล้วขอตรงๆจะให้มั้ยล่ะจ๊า”

“แกนี่ชอบพูดเล่นอะไรก็ไม่รู้ ไปๆช่วยเขาจัดอาสนะกันดีกว่า”รับพรเข้าใจไปแบบนั้นว่าเป็นการหยอกเอินของเพื่อนฝูง แต่กรองแก้วจริงจังมากสีหน้าเคร่งเครียดประหนึ่งโดนพรากของรักไปต่อหน้า เธอต้องรีบทำอะไรหลายๆอย่างเลยโดยเฉพาะกับพี่พิมพ์ แอบเจ็บมานานแล้ว แล้วกับคนหน้านิ่งที่รู้สึกถูกชะตาด้วยอีกไม่ใช่ชอบเชิงชู้สาว แต่รู้สึกว่าเราเข้ากันได้ดีน่าจะร่วมมือรวมหัวเขี่ยพี่พิมพ์ทิ้งไปก่อนได้ไม่ยาก... สองอนงค์ทำขนมเสร็จทันเวลากลิ่นขนมบ้าบิ่นที่อบจากเตาสดๆใหม่ๆโชยมาเตะจมูกเจ้าเรือนอย่างจัง รับพรอดใจไม่ไหวต้องเสียมารยาทดอดมาหยิบชิม

“คงจะไม่เป็นสับปะรดใช่มั้ย”พิมพ์ลภัสลุ้นว่าบ้าบิ่นสีเหลืองอำพันของยัยแกงจืดจะชืดสมชื่อมือเรียวของเธอจกเข้าปาก แม่นางเฉยน้ำนิ่งไหลลึกจริงๆใครจะไปเชื่อว่ายัยนี่จะทำขนมได้ รสชาติมันอร่อยเหาะ หวานละมุนนุ่มลิ้น

“ไม่เบาๆ” คำน้อยต้องหลุดชมออกมาเช่นเดียวกับรับพรที่ยิ้มแก้มตุ่ยจะหยิบมาเบิ้ลอีกชิ้นก็เกรงใจพระท่านก่อนจะหันมาเอาใจพี่สาวหน้าหยกที่เริ่มจะหน้าหงิกบ้างขนมทองเอกสีเหลืองนวลตามเข้าปากไปในบัดดล

“อื้มม..ของพี่พิมพ์ก็สุดยอดค่ะตัดสินไม่ถูกเบย” สาวเจ้าเรือนให้คำชมเท่าเทียมกันเรื่องแพ้ชนะคงต้องให้พระท่านเป็นผู้กำหนดแล้วนะสองคู่ประชันเหลือเพียงตกแต่งหน้าขนม ส่วนภารตียังเหลืออบในเตาอีกรอบ...ทุกอิริยาบถของสามนารีถูกจ้องมองด้วยสายตาของกรองแก้ว เธอปวดใจมาก สี่ปีที่ผ่านมากลับไม่เคยอยู่ในสายตากลายเป็นคนนอกหัวใจหล่อนกำมือแน่นเกร็ง ครุ่นคิดด้วยแรงแค้น..ฮึ่ม! ปล่อยเอาไว้ไม่ได้ทั้งสองนาง

ตกสายราวเก้าโมงสี่สิบห้าแขกเหรื่อมากันพร้อมหน้าร่วมร้อยคน ทั้งคนเก่าแก่ที่รู้จักกับอิทธิเทพทั้งคนจากมูลนิธิเพื่อนของโหน ศิษย์พ่อปู่ทั้งหลายและแน่นอนเจ้าหนี้ของเรือนไทยหลังนี้มาพร้อมกับลูกสาวคนเล็กณัฐกานต์ทันทีที่กรองแก้วปะหน้ากับเฮียเลี้ยงเธอต้องตกตะลึงนิดหน่อย ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาเจอกับสถานการณ์นี้แต่เฮียเลี้ยงก็ใช่ไก่กา ชั่วโมงบินสูงซะอย่าง เจ้าพ่อเงินกู้ทำทีเป็นควงแขนณัฐเดินปลีกตัวไปอีกทาง..ความคิดด้านมืดเข้าครอบงำดวงจิตแผนร้ายนานาผุดขึ้นเต็มสมองเพื่อนรักเพื่อนร้ายของรับพรเห็นทีจะฤทธิ์แรงร้อนร้ายไม่เบากรองแก้วชักสีหน้าดั่งนางร้ายในละคร ตาวาวโรจน์มันเต็มไปด้วยริษยาวิทยาเป็นที่ตั้งไม่มีใครสังเกตอาการนี้ได้..นอกเสียจากแม่นางเฉยที่ทำขนมเสร็จและลุกมาล้างมือที่หน้าชานพอดี..

“แม่..ได้เวลารับศีลแล้ว”ลูกสาวเดินมาตามเจ้าภาพที่มัวโอเอ้อยู่ในห้องของตนหนอยที่แท้ก็กำลังแกะซองทำบุญนับเงินสนุกมือ

“พรได้ยินแต่แต่งงานรับซอง นี่อาราย แม่ทำบุญรับซอง”ลูกสาวโวยร่างทรงกำมะลอเข้าให้ ใจคอจะหลอกต้มชาวบ้านไปทุกเรื่อง

“วันนี้วันดี จะปล่อยแกสักวันแล้วกัน” สุดาเบิกบานชื่นบานใจบุญจิตติดจรวดจริงๆ กำไรเห็นๆ ก็นะค่ากับข้าวสี่พันห้า ปัจจัยพระพันกว่าบาทแต่เงินจากแขกเหรื่อที่ช่วยเหลือมามันเฉียดหมื่น จัดมันทุกอาทิตย์เลยดีป่ะสุดายัดเงินเข้าชายพกเช่นเคย เธอเดินโซเซเล็กน้อย อาการมึนศีรษะยังไม่ทุเลา..โหรานิมนต์พระสงฆ์ 5 รูปจากวัดใกล้บ้านทำให้ท่านเดินกันมาเองโดยมีกู้ภัยร่างกำยำคอยรับอยู่ที่หน้าปากซอยพระท่านมาราวสิบโมงครึ่ง ลงสวดราวยี่สิบนาทีและได้เวลาฉันเพล

ของคาวที่เลี้ยงพระประกอบด้วย ลาบหมูทอด ขนมจีนแกงเขียวหวานปลาดุกเป็ดผัดกระเพรา ชะอมผัดพริกขี้หนูสด ยำเห็ดสามอย่างทั้งหมดล้วนเป็นของที่พ่ออิทธชอบ

“เป็นพระนี่ดีจังนะมีคนเชิญให้มาสวดๆๆแปบๆแล้วก็ได้กินฟรีมีตังให้เป็นค่ารถอีก”ภารตีวิจารณ์กันตรงๆกับอาชีพนักบวชที่เธอรับรู้และเข้าใจ

“พูดจาหัดระวังปากหน่อยไอ้ไม่นับถือไม่ว่า แต่เกรงใจคนเคารพศรัทธาบ้าง When in Rome, do as the Romans. เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามเข้าใจ๊”พิมพ์ลภัสปรามไม่ให้คะนองปากมากเกิน กับคนที่คุ้นหน้ายังไม่เท่าไหร่กับคนอื่นพูดพล่อยๆหัวร้างข้างแตกเอาน่ะสิ

“เป็นพระไม่ใช่ว่าใครก็เป็นได้มันมีเรื่องซับซ้อนกว่านั้นเยอะ วัตรปฏิบัติของท่านก็มีมากอย่างเรื่องฉันนี่เรื่องใหญ่ ข้อห้ามละเอียดยิบย่อยมากอาหารที่ถวายไม่ใช่ว่าพระท่านจะฉันได้ทั้งหมดนะยะยัยแกงจืดพระพุทธเจ้าทรงบัญญัติเป็นข้อห้ามไว้ตั้งแต่ครั้งพุทธกาลว่าสิ่งที่ไม่ควรแก่สมณะบริโภคได้แก่เนื้อ 10 ชนิดและอาหารที่ปรุงด้วยเนื้อ 10 ชนิด ได้แก่เนื้อมนุษย์รวมถึงเลือด เนื้อราชสีห์ เนื้อหมี เนื้อช้าง เนื้อม้าเนื้องู เนื้อเสือดาว เนื้อเสือโคร่ง เนื้อเสือเหลืองและเนื้อสุนัข”

“แมวไม่ห้ามนั่นสิ งงทั้งคนถามและคนถูกถาม

“ไม่รู้สินะความรู้ไม่พอที่จะตอบ ส่วนเนื้อสัตว์นอกเหนือจากนี้ถ้าเป็นเนื้อที่ยังดิบพระพุทธองค์ทรงห้ามไม่ให้พระฉันเช่นกัน”

“แล้วฆ่าสัตว์มาให้พระกิน..เอ่อฉันได้รึ”

“เนื้อสัตว์ที่ฆ่าเจาะจงทำถวายพระภิกษุสามเณรถ้าพระภิกษุไม่ได้เห็นการฆ่านั้น ไม่ได้ยินมาก่อนว่าฆ่าเจาะจง ไม่ได้สงสัยว่าเขาฆ่าเพื่อเป็นของเฉพาะเจาะจงแก่ตนก็ขบฉันได้ไม่มีโทษ”พิมพ์ลภัสตอบเธอตกแต่งขนมของตนด้วยการวางดอกมะลิไว้บนขนมแต่ละชิ้นทำให้ดูน่าทานขึ้นไปอีกตามตำรับดั้งเดิมเขาประดับด้วยทองคำเปลวเลยทีเดียว

“ค่ะทั้งหมดนี้ฆราวาสสามารถประเคนได้ก่อนเที่ยง หลังเที่ยงวันไปแล้ว สิ่งที่ประเคนได้ตลอดเวลา และพระภิกษุฉันได้ไม่อาบัติได้แก่  เครื่องดื่มทุกชนิดประเภทเครื่องยาบำบัดป่วยไข้หรือประเภทเภสัชที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้คือ เนยใสเนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อยเหล้าหนึ่งข้อนิ้วก้อยเหล้าที่ใช้เป็นกระสายยา แต่ก็ต้องระวังอย่าให้กลายเป็นเอายามาเป็นกระสายเหล้า”รับพรเจื้อยแจ้วเข้ามาดูว่าพี่สาวทั้งสองพร้อมกันแล้วหรือยังส่วนเธอน่ะตื่นเต้นจนเนื้อเต้นแล้ว

วินาทีลุ้นระทึกมาถึงเมื่อสองคู่แข่งขันนำของหวานมาประเคน ภารตีเก้ๆกังๆก็คนมันไม่เคยรอดูให้พิมพ์ลภัสทำเป็นตัวอย่างเธอจะได้ลอกการบ้าน และสาวหน้าหยกก็เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบเธอวางจานขนมบนผ้ารับประเคน ในระยะ หัตถบาส คือ เอามือประสานกันแล้วยื่นไปข้างหน้าห่างจากพระสงฆ์ประมาณ1 ศอกแม่นางเฉยอาศัยครูพักลักจำทำเข้าบ้างแต่ด้วยความเข้าใจไปว่าประเคนของให้พระแล้วจะได้ผ้าสีเหลืองเป็นสิ่งตอบแทนภารตีพาซื่อดึงเอาผ้านั้นมาจากพระท่านหน้าตาเฉย

“โยม ผ้านั่นของอาตมา”พระรูปหนึ่งเกือบเก็บอาการสำรวมไม่อยู่ร้องเรียกเอาของท่านคืนแขกเหรื่อหัวเราะกันลั่นเรือน กับมุกคาดไม่ถึงของสาวเซอร์ กล้าๆเล่นกับพระกับเจ้ารับพรเข้าแก้สถานการณ์รีบเอาผ้าจากมือพี่สาวถวายคืนท่านก่อนจะพาหลบฉากมายืนลุ้นกันที่ด้านข้าง

“ทำไมให้ของกับพระ ท่านถึงรับด้วยมือไม่ได้..” สาวไร้ศาสนาไม่เข้าใจในธรรมเนียมปฏิบัติ

“ยัยแกงจืด ตกลงภาษาไทยเธอกระดิกรึเปล่าทำเป็นเจ้าบทเจ้ากลอน เล่นดนตรีไทยได้ ไอ้ที่ควรฉลาดกลับไม่รู้ไอ้ที่ไม่ควรรู้ดั๊นรู้มาก งงกับหล่อนจริง เขาเรียกประเคนของพระย่ะมีข้อถกเถียงกันมากว่า ผู้หญิงประเคนของแก่พระ ท่านจะสามารถรับด้วยมือได้หรือไม่”

“คำตอบคือได้ ไม่ผิดพระวินัยเพราะที่จริงแล้ว ไม่ว่าจะหญิงหรือชายประเคนของแก่พระท่านสามารถรับประเคนด้วย 2วิธี คือรับด้วยมือโดยตรงและใช้สิ่งอันเนื่องด้วยกายรับเช่นใช้ผ้ารับประเคนก็ได้ด้วยธรรมเนียมเดิมแต่โบราณของไทยนิยมใช้ผ้ารับประเคนถ้าผู้หญิงมาประเคนซึ่งก็เป็นธรรมเนียมที่ดีและหากพระมอบสิ่งของให้โยมผู้หญิง โยมก็สามารถรับด้วยมือได้โดยตรง ไม่ผิดพระวินัย”คนได้เอวิชาพระพุทธศาสนาอธิบายละเอียดยิบรับพี่สาวกันเป็นลูกคู่

“พระวินัยภารตีงงงวยเกาหัวแกรก เช่นกันกับพิมพ์ ลภัสเรื่องนี้คงต้องอธิบายกันเป็นวันๆ

“สงฆ์ก็เป็นสังคมหนึ่งเมื่อมีสงฆ์หมู่มากจึงจำต้องบัญญัติพระวินัย จะเล่าให้ฟังอีกอย่างเอาบุญนะเราเรียกสิ่งของที่ภิกษุจับต้องไม่ได้ว่า วัตถุอนามาสห้ามประเคนถวายพระภิกษุเด็ดขาด มีผู้หญิง รวมทั้งเครื่องแต่งกายหญิง รูปภาพรูปปั้นจะมีอาภรณ์หรือนุ่งน้อยห่มน้อยหรือเปลือยเปล่า ไม่ได้ทั้งหมดทั้งสิ้นรัตนะ 10ประการ คือ เงิน ทอง แก้วมุกดา แก้วมณี แก้วประพาฬ ทับทิม บุษราคัมสังข์(ที่เลี่ยมทอง) ศิลา เช่น หยกและโมรา เป็นต้น เครื่องศัตราวุธทุกชนิด เครื่องดักสัตว์บกและสัตว์น้ำทุกชนิดเครื่องประโคมดนตรีทุกอย่าง”

“ยังมีข้าวเปลือกและผลไม้ที่เกิดอยู่กับที่ด้วย พระรูปที่เคร่งๆ จะเด็ดผลไม้จากต้นไม่ได้หากไม่มีกัปปิยการก” รับพรช่วยเสริมขึ้นให้เนื้อความสมบูรณ์

“กัปปิยการก

“ผู้จัดทำสิ่งที่ควรน่ะ หมายถึงหากพระเห็นผลไม้สุกคาต้นท่านจะเก็บมาฉันไม่ได้ ต้องมีผู้จัดการให้มะม่วงที่เป็นลูกมีเมล็ดอยู่ข้างใน ก็ไม่ได้นะ ต้องปอกให้พระท่าน”

“ระเบียบเยอะจังนะ แต่ก็มีเหตุผลของมัน”ภารตีทำความเข้าใจแม้จะยังไม่ถ่องแท้

“ถ้าหล่อนรู้ว่า พระสงฆ์ท่านมีศีลถึง 227 ข้อแล้วจะอึ้ง เฮ้!พระท่านจะฉันหมดแล้วมาดูกันว่าใครจะชนะ”

ที่โต๊ะฉัน ผลไม้หลากหลายเหลืออยู่ครึ่งจานรับพรลุ้นระทึก ใจเต้นโครมครามปรายตามาดูที่จานซ้ายขนมทองเอกสีเหลืองอร่ามรสชาติเอกอุของพี่พิมพ์เหลืออยู่ชิ้นเดียวโอ้ว! จากนั้นก็กรอกตามาทางขวาซึ่งเป็นจานขนมของพี่ภาหนึ่ง สอง เหลือ 2 ชิ้น หรือว่า..พี่พิมพ์จะชนะ!!คนทำขนมทองเอกเองก็ให้คิดเช่นนั้น หันมายิ้มเยาะใส่แม่นางเฉยด้วยมั่นใจสุดๆแล้ว พระท่านกำลังจะอิ่มมีสองสามรูปเอาทิชชู่มาเช็ดปากและฉันน้ำแต่สงครามยังไม่จบ ภารตียังมีโอกาสลุกขึ้นมาจากหลุมไม่ยอมให้ฝังกลบโดยง่ายมือของพระสงฆ์รูปหนึ่งหยิบเอาบ้าบิ่นอีกชิ้นไปฉัน นั่นทำให้พิมพ์ลภัสแทบบ้า ไม่นะ!ภาพแก้มนวลแค่เอื้อมมลายหายไปต่อหน้า ตอนนี้เสมอกัน!!

“โยม อาตมาเรียบร้อย เก็บสำรับเสียจะสวดแผ่เมตตาแล้ว”หลวงอาพระรูปที่อาวุโสที่สุดเรียกญาติโยมให้เข้ามาเก็บของหวาน นั่นเท่ากับว่าขนมของแม่นางทั้งสองเหลือชิ้นมารยาทสุดท้ายชิ้นเดียวทั้งคู่ จะทำอย่างไรล่ะทีนี้รับพรมองหน้าพี่สาวทั้งสองเลิ่กลั่กก็กติกามันไม่แจ่มชัดว่าหากเสมอกันจะเป็นเช่นไร?? พิมพ์ลภัสกับภารตีสบตากันอย่างรู้ใจสายตาเพชรฆาตเลือดเย็นเพ่งพิศมาที่รางวัลเร้าใจ รับพรหวั่นใจเป็นที่สุด อย่านะ..อย่าเป็นอย่างที่เธอคิดเชียว!!




 

Create Date : 25 สิงหาคม 2558    
Last Update : 25 สิงหาคม 2558 9:41:35 น.
Counter : 535 Pageviews.  

Duel ศึกประชันขนมหวาน


สามคนมะรุมมะตุ้มแบบนี้เขาเรียก threesome สินะ รับพรกลัวว่าตนจะมีรสนิยมแปลกประหลาดทางเพศ (perversion) ที่จำคำนี้ได้แม่นยำเป็นเพราะเคยหน้าแหกเอามาใช้ผิดน่ะสิเธอตั้งใจจะอธิบายว่าสามเท่า นั่นต้องใช้คำว่า threefold ร่างอรชรโยนความคิดบวมๆทิ้งไปเหลียวรอบกายขาวโพลนของตนเองมองหาผ้าผืนเล็กก็พี่สาวทั้งสองเค้ามีกันของเธอเล่าอยู่หนใด

“พี่พิมพ์คะ เอ่อ..ผ้าผืนเล็กของพรอ่า ไม่เห็นมี”

“อ้าว! เหรอคะ พนักงานเขาคงลืมมั้งยัยแกงจืดเสียสละให้น้องหน่อยซี”พิมพ์ลภัสทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ทั้งที่ความจริงตัวเธอเองนั่นแลแกล้งน้องเข้าเต็มๆ ภารตีก็รับลูกเสียอย่างนั้นกลายเป็นยิ่งกว่าสาวนิ่งมีหูไว้กันหัวแสร้งปล่อยให้เสียงเลยผ่านไปกับอากาศไม่ใส่ใจ

“พี่พิมพ์อ่า แกล้งพรเล่นเป็นเด็กๆเลย”คนมีดีกรีเกียรตินิยมใช่ว่าจะไม่เท่าทัน ตัดพ้อเข้าพอประมาณรู้สึกสงสารตัวเองจับจิตที่พี่สาวทั้งสองรุมแกล้งเอาแต่กับเธอทีตะกี้ยังบริภาษถึงกันและกันอย่างดุเดือดอยู่เลย ไฉนมาแท็กทีมร่วมมือกันกระทำการเยี่ยงนี้รับพรจำใจเดินโทงๆมาที่ห้องอาบน้ำซึ่งแบ่งเป็นสัดส่วนของใครของมันความอายค่อยๆลดน้อยลงตามเวลาที่ผ่านไปเธอสังเกตว่าแขกที่มาใช้บริการต่างอยู่ในโลกของตนไม่มีใครสนใจใครแม้กระทั่งจะมองหน้ากันบริเวณส่วนนี้เป็นแบบนั่งอาบน้ำสไตล์ญี่ปุ่น มีเก้าอี้และถังเล็กๆกับฝักบัวพร้อมครีมอาบน้ำแชมพูกลิ่นหอมและครีมนวดผมอาบน้ำกันพอเป็นพิธีเพราะประเดี๋ยวจะได้แช่ตัวแล้วสถานที่แห่งนี้เขาจัดให้มีบ่อแยกย่อยอีกราวๆ 5-6 บ่อเป็นพวกบ่อนวด เจ็ทสตรีมในอ่างจากุซซี่อะไรต่อมิอะไรที่รับพรไม่เข้าใจพี่พิมพ์พาเดินตรงรี่มาที่บ่อออนเซ็นที่อยู่ด้านในสุดพนักงานบอกว่าใช้แร่ธาตุมาจากจังหวัดระนองเป็นแร่พวกภูเขาไฟอะไรเทือกนั้นลูกสาวร่างทรงนึกสนุกตามวัยรีบเอาเรือนกายเปลือยเปล่าของตนจุ่มลงไปในน้ำทันทีไอ้คนห้ามก็ร้องตะโกนไม่ทัน

“อะจ๊าก!! โอยยยย!! ร้อนๆๆๆ”ร่างเพรียวลงไปยังไม่ถึงสามวินาทีก็ต้องรีบกระโจนขึ้นมาเข้าใจความหมายของหมูกลัวน้ำร้อนได้เป็นอย่างดีคนญี่ปุ่นมันจะบร้าแช่ตัวลงไปในน้ำร้อนนรกนี้ได้ยังไง?? คนหน้าหวานกวาดตามองอ่างน้ำแบบเคืองๆ

“ก็ใครเขาใช้ให้ลงไปทั้งตัวแบบนี้ล่ะคะต้องค่อยๆหย่อนขาลงไปก่อน ให้ร่างกายค่อยๆปรับสภาพ” พิมพ์ลภัสอธิบายกับคนไร้ประสบการณ์ทั้งยังสาธิตด้วยการค่อยๆเอาขาเรียวจุ่มลงไปในอ่างทีละข้างอย่างเนิบๆบ่อนี้มีอุณหภูมิเกือบๆห้าสิบองศาเซลเซียสเห็นจะได้

“คนญี่ปุ่นเขาอาบน้ำกันร้อนๆแบบนี้จริงๆเหรอคะ”รับพรยังไม่ทะลุแจ้ง ทำหน้าเป็นเครื่องหมายปรัศนี

“ค่ะอุณหภูมิของน้ำจะช่วยปรับสมดุลในร่างกาย ระบบเลือดไหลเวียนดีอีกอย่างที่ญี่ปุ่นอากาศเย็นกว่าบ้านเรามาก แบบนี้กำลังพอดีค่ะ”

“พรก็ยังไม่อยากเชื่อจริงๆว่าพวกเขาจะมีความสุขกับกิจกรรมแบบนี้น่ะค่ะคงทำงานกันหนักเกินไปไม่ก็เมากาวอ่า”

“ความสุขของคนเรามันต่างกันนะคะ ทุกข์ถนัดของอีกคนหนึ่งอาจจะเป็นความหฤหรรษ์ของอีกฝ่ายหนึ่งก็เป็นได้”

“แบบที่พี่พิมพ์แกล้งพรใช่มั้ยเอ่ย”หน้าคมๆกับเสียงหวานๆของคู่เจรจาทำเอาเธอโกรธไม่ลงหรอกแต่ของอนบ้างอะไรบ้างคราวหน้าคราวหลังคนขี้แกล้งอาจย่ามใจได้ใจ ไม่ปราณีหาเรื่องหยอกแบบขำไม่ออกอีกนี่ก็ล่อนจ้อนจนไม่เหลืออะไรแล้ว

“ใครว่าแกล้งคะ ของจริงทีเดียวเชียวหล่ะคนฟังสุดเซ็ง ยิ่งพี่สาวพูดกลับยิ่งเจ็บกระดองใจไม่รู้เลยหรือไรว่าเค้าเคือง พิมพ์ลภัสฉีกยิ้มเด็กน้อยของพี่เอ๋ยเจ้ายังเยาว์และอ่อนต่อโลกนัก

“พี่พามาให้เห็นประสบการณ์อีกด้านหนึ่งต่างหากเล่าคะการแก้ผ้าอาบน้ำในที่สาธารณะไม่ใช่เรื่องน่าอับอายเสมอไปแต่ก็ใช่ว่าจะทำแบบนี้ได้ทุกสถานที่ ทุกอย่างสังคมมีกฎเกณฑ์ของมันบางสิ่งที่เราคิดเองเออเองว่าถูกต้องนำมาเทียบเคียงกับบริบทของสังคมด้วยว่ามันสอดรับไปกันได้ไหมที่พี่เล่าเรื่องมาตาฮารีก็เช่นกัน เธอเป็นแม่ยั่วเมืองเร่ขายเรือนกายและสืบเอาข้อมูลแลกกับเงินสุดท้ายก็ไม่ต่างกับสุนัขรับใช้กระทั่งในวันที่โดนยิงเป้าไม่มีใครมารับศพเธอด้วยซ้ำไม่เว้นแม้ชู้รักชาวรัสเซียที่เธอรักมากและยอมถวายพลีทุกอย่างให้”

“จะว่ากระทบพรใช่มั้ยอ่า” ลูกสาวร่างทรงหน้าเจื่อนไปนิดพูดเสียงอ่อย ถ้าพี่สาวจะอบรมเรื่องความคิดบ้องตื้นเด็กนวดนั่นอีกล่ะก็พูดกันมาตรงๆเลยจะดีกว่า จะอ้อมโลกให้มันเหนื่อยทำไม

“ประสบการณ์บางอย่างต้องใช้เงินเป็นใบเบิกทางในการได้มาประสบการณ์บางอย่างพร่ำสอนอย่างไรไม่เข้าใจถ่องแท้เทียบเท่ากับเรียนรู้ด้วยตนเองค่ะ”

“คบกับคนไม่เอาไหนแบบพรพี่พิมพ์ดูเหนื่อยจังนะคะ”บัณฑิตสาวส่งนัยให้รู้ว่ารักเราคงเป็นไปได้ยากยิ่งอย่ากระนั้นเลยหยุดมันเสียตรงนี้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มจะดีกว่า

“อะไรที่ทำมาจากใจ มากแค่ไหนก็ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ”คนตอบยิ้มจางๆสื่อความหมายที่ลึกซึ้งและแฝงด้วยความหวานที่กินใจ

“หากวันหนึ่งหมดใจ ทุกอย่างก็หมดกัน”

“ก็คอยเติมเชื้อไฟรักอย่าให้มอดไหม้สิคะ” นั่นแหล่ะประเด็นเชื้อไฟที่วาจะหามาจากไหนถ้าอีกฝ่ายใช้มันเปลืองและคนหาไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะขวนขวายพิมพ์ลภัสยังไม่ทดท้อหรือคิดว่าป่วยการที่จะโต้คารมกันต่อไปกับสาวน้อยตรงหน้าต้องค่อยๆใส่ความคิดไปทีละน้อยๆ ปากอาจจะมีหือมีเถียงแต่เธอเชื่อว่ารับพรเก็บไปคิดทุกเมล็ดเทียว

“พรเป็นเด็กดีและเก่งนะคะแต่ต้องใช้ความเก่งให้ถูกทางถูกที่และถูกเวลา”

“พรมีทางเลือกอื่นหรือไงเจ้าคะ”แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ตามที่พ่อปู่บอกไร้ซึ่งวี่แววจะมีจะมองเห็น ขายของรึต้องดูฟ้าฝนหวังใจให้มีคนมาซื้อขายดีๆแบบวันต่อวัน

“อาจจะมีแต่ยังไม่เห็น หรือว่าเห็นแต่กลับไม่เลือกรึเปล่า”ลูกสาวเจ้าหนี้เปรยเป็นคำที่เข้าใจยากๆไปเสียอย่างนั้นเองเพราะเธอก็ยังหาวิธีที่ดีกว่านี้ในการช่วยรับพรไถ่บ้านจากบิดาของตนไม่ได้

“ไม่เอาละค่ะ พี่พิมพ์ชอบพูดเป็นปรัชญาเมธี พรฟังไม่แจ้งว่าแต่เอ.. ยัยพี่ภาไปไหนนี่ จมน้ำตายไปแล้วกระมัง”รับพรมองหาผู้เช่าบ้านรอบทิศแต่ก็ไม่พบใจก็เป็นห่วงเกิดพามาเป็นอะไรที่นี่ได้กลายเป็นนางพรายหน้านิ่งติดอยู่กับบ่อแห่งนี้แหงมๆหูย! แค่คิดก็สยองแล้วอ่า

“โน่นค่ะ ดำผุดดำว่ายรื่นเริงบันเทิงใจอยู่ฝั่งโน้น” พิมพ์ลภัสชี้มือไปที่สุดขอบอ่างอีกฟากฝั่ง เธอเห็นภารตีหน้าฟินมากมิน่าถึงยอมจ่ายหนักขอมาด้วยแม่นางเฉยเหมือนปลากระดี่ได้น้ำจริงๆก็ดี๊ด๊าเป็นเจ้าสำราญไม่ได้กลัวร้อนเลยหรือนั่น

“พี่ภา..พี่ภา มาคุยกันตรงนี้สิ”คนถูกเรียกลุกมาจากบ่อ เสยผมบิดน้ำออกให้พอหมาด ก่อนจะเดินโทงเทงกลับมาพิมพ์เพ่งพิศใช้ความคิดมโนเล่นๆ ดูไปแม่นี่ก็เซ็กซี่แบบธรรมชาติผมเผ้าสยายหน้าใสไร้เครื่องสำอาง ดูหยิ่งๆนิ่งๆแต่กลับฉลาดเป็นกรดอ่านใจเราทะลุไปถึงก้นบึ้งนี่หากแม่หญิงใดใคร่ได้ไปครอบครองจักโชคดีมิใช่น้อย แต่ผู้สาวคนนั้นต้องไม่ใช่แม่นางน้อยคนนี้ชิส์! เธอชื่นชมระคนหมั่นไส้ ร่างเปลือยหย่อนลงข้างๆกับสาวหน้าเข้มเมื่อครบองค์ประชุมรับพรได้โอกาสบอกบุญกับพี่สาวทั้งสอง

“พรุ่งนี้จะทำบุญพ่อแล้วพี่พิมพ์กับณัฐอย่าลืมมานะคะอ้อฝากชวนเฮียเลี้ยงด้วยนะคะ” ใจเอนเอียงลำเอียงชัดๆเจ้าเรือนตั้งใจเชิญแขกสุดพิเศษโดยเมินแม่นางเฉยกระนั้นเลยรายนี้ไม่ชวนก็ต้องขอแจมอยู่ดี ดูอย่างวันนี้ปะไรติดสอยห้อยตามมาจนได้อีกอย่างงานศาสนางานพิธี ยัยพี่ภามาตาฮารีอาจร้อนอยู่ใกล้พระเจ้าไม่ได้คนเขาประกาศปาวๆว่าไม่นับถือพุทธคริสต์ ฮินดู อิสลามนี่นะ

“จ้ะ แต่ป๊าน่ะไม่รับปากนะคะรายนั้นอยู่ไม่ค่อยติดบ้านคงกำลังติดอีหนูอยู่แน่ๆ” พิมพ์ลภัสยิ้มหวานเธอพูดถึงเรื่องกิ๊กกั๊กของป๊าเหมือนไม่แยแสเก็บมาคิดมาก

“เฮียเลี้ยงติดอ่างพูกไม่ชักอ่าลูกหนี้ที่รักหยอกเอินพอขำๆสองคู่สนทนาหัวเราะร่วน รับพรนึกไปถึงว่าหากมีคนรุ่นคราวพ่อคราวลุงมาควงแขนเธอเดินฉุยฉายไปไหนมาไหนคงจั๊กกะเดียมจั๊กจี้พิลึก

“ตามประสาคนแก่ยังมีไฟ (ราคะ)น่ะค่ะ พี่ก็ปล่อยๆแก”สาวหน้าคมก็ได้แต่แอบหวังใจเล็กๆว่าถึงคราวลูกผู้เป็นบิดาจะไม่ยุ่มย่ามเรื่องหัวใจบ้างจริงอยู่ที่เธอออกจะชัดเจนว่าเป็นเลส เฮียเลี้ยงก็รับรู้ซ้ำยังไม่แสดงว่าไม่พึงใจแต่กับคนหัวเก่าทั้งยังมีหน้าตา กลัวใจเหลือเกินว่าป๊าจะจับคู่ให้ออกเรือนความคิดเรื่องตัวต้องสะดุดเมื่อแม่นางเฉยพูดลอยๆขึ้นมา

“ให้มันจริงเถอะ”

“ใครเค้าพูดกับหล่อนยะยัยท่ากระดาน”ศึกครั้งใหม่กำลังจะเริ่มขึ้น รับพรส่ายหน้าไหวไหว เอาอีกแล้ว

“ระวังเห๊อะจะได้คนรุ่นราวคราวเดียวกันมาเป็นแม่เลี้ยง”ภารตีจีบปากจีบคอขู่เข้าให้ ไอ้ตอนยังไม่มีมันก็ไม่รู้สึกหรอก

“เอ๊ะ! ยัยนี่ทำไมคิดจะจับป๊าเสียเองรึ เชิญเลย ลูกเลี้ยงคนนี้จะราวีไม่เลิก”

“ไม่เหนื่อยกันบ้างเหรอคะ พรเป็นคนฟังยังหายใจไม่ทันเลย” คนกลางชักปวดหัวอะไรมันจะไม่ลงรอยกันได้ขนาดนี้

“ไม่!!” เป็นอีกครั้งที่อริทั้งสองพูดพร้อมกันต่างสะบัดหน้าเมินไปคนละทาง คนที่เซ็งกลับมาหัวเราะได้อีกครั้งขำในท่าทางของคู่ความ

“แล้วกับข้าวกับปลาพร้อมแล้วเหรอคะ” พิมพ์ลภัสถามขึ้นหากไม่เรียบร้อยเธอจะได้ยื่นมือเข้าช่วย หวังดีประสงค์รักน่ะสิ

“ค่ะ แม่สั่งน้าจิตร้านข้าวแกงเอาไว้แล้วน้าปุ๊กทำยำเห็ดสามอย่างไปด้วย ส่วนพร แหะๆ รอกินอย่างเดียวก็เค้ายังทำหมูทอดไม่เก่งนี่นา”สาวน้อยเจื้อยแจ้วยิ้มแหยๆด้วยเรื่องครัวเป็นของแสลงสำหรับเธอแต่ไหนแต่ไรมา

“จะว่าอะไรมั้ยคะถ้าพี่จะทำขนมหวานไปเพิ่ม”

“ว่าได้อย่างไรเล่าคะ คนมีจิตกุศลทำบุญนะ”

“ไม่เห็นชวนพี่บ้าง” สาวหน้านิ่งสอดขึ้นกลางวงอยากมีส่วนร่วมบ้างแม้เรื่องบุญกุศลอุทิศให้กับคนตายคนอยู่อะไรนั่นมันจะยากเกินความเข้าใจแต่ด้วยเห็นเป็นเรื่องสนุกเอาเสียมากกว่า

“ชวนไปให้เกะกะเป็นมลภาวะทางสายตากับพระเจ้าสิยะ”สาวหน้าหยกแค่นเสียงกระแนะกระแหนกระโดกกระเดกมารยาทไม่กระดิกแบบนี้ได้ทำเรื่องไม่งามให้พระท่านต้องอาบัติแน่ๆ

“ใครว่าเกะกะ ขนมฉันก็ทำเป็น” ทั้งรับพรและพิมพ์ลภัสหันมามองหน้ากันต่างเป็นทำนองไม่เชื่อน้ำคำขนมหวานกับแม่นางเฉยนี่นะ!! ภารตียืนยันหนักแน่นว่าหล่อนคือตัวจริงเสียงจริงจู่ๆก็ร่ายกาพย์เห่ชมขนมหวานออกมาซะอย่างนั้น

“สังขยาหน้าไข่คุ้นเคยมีแกมกับข้าวเหนียวสีโศกย้อมเป็นนัยนำวาทีสมรแม่มาแม่ แถลงว่าโศกเสมอพ้อมเพียบแอ้อกอร สังขยาหน้าตั้งไข่ ข้าวเหนียวใส่สีโศกแสลงเป็นนัยไม่เคลือบแคลง แจ้งว่าเจ้าเศร้าโศกเหลือ” คู่แค้นใช่ว่าจะยอมยกธงเรื่องบทกลอนหาได้เป็นรองใครไม่เอื้อนเอ่ยเป็นทำนองเสนาะไพเราะจับจิตตอบกลับทันที

“ซ่าหริ่มลิ้มหวานล้ำ แทรกใส่น้ำกะทิเจือวิตกอกแห้งเครือ  ได้เสพหริ่มพิมเสนโรย ลำเจียกชื่อขนมนึกโฉมฉมหอมชวยโชย ไกลกลิ่นดิ้นแดโดย โหยไห้หาบุหงางาม” รับพรได้แต่อึ้ง พี่สาวสองคนไม่ธรรมดาจริงๆ กาพย์เห่ชมขนมหวานเป็นบทพระราชนิพนธ์ของล้นเกล้ารัชกาลที่สองลูกสาวร่างทรงจำได้เลาๆและรู้เพียงเท่านั้นไม่คิดว่ายุคดิจิตอลแบบนี้จะมีใครมานั่งท่องกาพย์กลอนประชันกันได้

“พอแล้วค่ะพอแล้ว ประเดี๋ยวเขาจะงงมาร้องอะไรในบรรยากาศแบบนี้ ก็ถ้าไม่ลำบากใครใคร่อยากทำอะไรก็เชิญตามสะดวกโยธินบูรณปฏิสังขรณ์เลย”บัณฑิตสาวรีบตัดบท หากศึกติดพันเห็นทีจะไม่ได้ออกจากที่นี่แน่คงต้องมีใครโดนจับกดน้ำตายเสียก่อน แต่คู่อริราชใช่จะเลิกราเป็นฝ่ายคนหน้านิ่งที่เริ่มส่งสาส์นท้ารบอีกครั้ง

“เรามาประลองกัน” รับพรสะดุ้งเฮือก อะไรกันคร้า?นี่ยังไม่หนำใจกันอิ๊ก รู้สึกแปร่งๆเกรงว่าตนจะโดนหางเลขเข้าให้

“ว่ามาแม่มาตาฮารี”พิมพ์ลภัสหาเกรงกลัว รับคำท้าแบบไม่ต้องคิด

“ทำขนมกันคนละอย่าง หากพระกินของใครหมดก่อนคนนั้นชนะ”กติกาฟังดูน่าสนุก เจ้าของงานบุญพยักหน้าหงึกๆสนับสนุน

“ยัยแกงจืด กับพระท่านไม่เรียกกินใช้คำว่าฉัน ฮู้

“อย่ามาลีลา กลัวก็บอกมา”

“ใครกลัว? แล้วคนชนะจะได้อะไร” นั่นสิจะแข่งขันกันทั้งทีมันต้องมีเดิมพันเป็นน้ำจิ้มมันถึงจะลุ้นกันสนุกเข้มข้น

“ได้หอมแก้มพรไง” พิมพ์ยิ้มชอบใจพยักหน้าเห็นด้วยนี่มันดีลแห่งปีเลยนะนั่นงานนี้เห็นทีจะต้องทุ่มสรรพกำลังสุดชีวิตไอ้แพ้น่ะไม่เท่าไหร่สามวันพอจะทำใจยอมรับแต่มันทนเห็นน้องรักต้องโดนยัยแกงจืดฟอดเข้าไม่ได้สามปียังมิรู้ลืมรับพรถึงกับหน้าเหวอ ปากค้างตาโต ไอ้ที่สนับสนุนน่ะคือเรื่องบุญ แต่ทำไม๊ทำไมต้องเอาเรามาเป็นตัวประกัน!!?

“ไม่! บ้าๆๆ!! “ ร่างขาวโพลนลุกพรวดขึ้นจากน้ำโวยลั่นห้องจนผู้ใช้บริการอื่นต้องหันมามองเท่านั้นเธอก็รู้ตัวเอามือรีบปิดปากตัวเองก็ป้ายแนะนำด้านหน้าเขาห้ามส่งเสียงดังมันเป็นมารยาท

“ทำไมพรจะต้องมาเป็นรางวัลของใครด้วย” ความสนุกที่มโนไปเมื่อครู่มลายหายไปกลางนภากาศเรื่องนี้มีแต่เสียไม่คุ้มได้

“อ้าว! งานบุญพ่อตัวนะ”แม่นางเฉยให้เหตุผลแบบมึนๆ

“ช่าย.. อีกอย่างพี่ไม่ได้พามาที่นี่ฟรีๆหรอกนะคะ”นี่ก็มึนอีกคน โว๊ะ! อะไรกันคร้า แก้มคนนะไม่ใช่น่องไก่จะมาแย่งกันเพื่ออาราย

“พวกพี่ใจร้าย รังแกคนไม่มีทางสู้” บัณฑิตสาวฮึดฮัดฟึดฟัดเขาว่าลงจากหลังเสือมันยากนักหนา นี่เป็นแม่เสือร้ายถึงสองตัว ตายๆๆ รับพรเจ้าป่าทั้งสองหันมาสบสายตากัน แน่นอนต่างไม่มีใครยอมใครแน่ประมาณว่ามั่นอกมั่นใจกันทั้งสองนางทีเดียว

“ก็ได้.. แต่ให้แค่หอมนะมากกว่านั้นเค้าไม่ยอม” ก็รับส่งๆไปก่อนรอดูแม่นางเสือทั้งสองฟาดฟันกันให้สาหัสไปทั้งคู่คนอยู่บนภูอย่างเราคงหาทางรอดได้ล่ะน่า ลูกสาวร่างทรงก็มั่นใจในกลวิธีของตนเช่นกัน

“งั้นประเดี๋ยวเราไปกินเนื้อย่างกันแล้วก็หาซื้อของไปทำขนมด้วยเลยนะคะ” พิมพ์ลภัสสรุปที่ประชุมอนุมัติ สาวหน้าคมลุกยืนขึ้นได้เวลาลาจากออนเซ็นแล้ว ขืนแช่นานเกินพอดีไอ้ที่ว่าดีต่อสุขภาพจะส่งผลร้ายเอาครั้งแรกร่างกายอาจจะยังไม่คุ้นชิน

“พรไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธพวกพี่ๆอยู่แล้วนี่” ความจริงน่ะมีแต่ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน เบื้องลึกเบื้องหลังในห้วงความคิดรับพรพึงใจกับการได้ใกล้ชิดพี่สาวทั้งสอง มันสบายใจและมีความสุขเหมือนช่วงเวลานี้ร่างเพรียวขึ้นมาจากออนเซ็นรู้สึกสบายเนื้อตัวอย่างมากมันคงไม่ใช่เป็นอุปทานคิดเองรู้สึกเองอย่างที่ได้ยินมาคราวนี้รับพรหมดสิ้นความกระดากอายเดินเย้ยฟ้าท้าลมตัวปลิวกันทีเดียวของมันเคยๆแล้วนี่นะ

พิมพ์ลภัสพาว่าที่คนรัก (อันนี้มโนเอง) กับศัตรูหัวใจ (อันนี้ก็มโนว่าอยากไล่ไปเสียให้พ้นๆหน้า) มากินเนื้อย่างแบบฉบับญี่ปุ่น สงครามรักสงครามประสาทยังดำเนินเกมของมันต่อไปต่างฝ่ายไม่มีทีท่าจะยอมกัน รับพรก็พุงกางสิคร้า ก็แม่นางเฉยกับพี่พิมพ์คีบเนื้อหมู ผักและอีกสารพันใส่ให้แต่ในจานของเธอ สักพักก็ไปเดินย่อยในเจแปนทาวน์ปิดท้ายวันเดย์ทริปด้วยการชวนกันไปหาซื้อขนมทำบุญที่ตลาดสดใกล้บ้านเรือนไทย

“บ้าบิ่น! ชื่อดูไม่เป็นมงคลเลย”รับพรประหลาดใจนิดๆ หลังจากรู้ว่าภารตีจะทำขนมบ้าบิ่นก็เธอไม่ได้ลิ้มรสแม้กระทั่งเห็นขนมนี้มานานโข

“มิน่า บ้าเหมือนคนทำ”คู่กัดอย่างพิมพ์ลภัสยังไม่คลายเกลียวสงครามน้ำลาย คนหน้านิ่งปล่อยวางตั้งใจก้มหน้าก้มตาเลือกมะพร้าวที่จะนำมาใช้ทำขนม

“บ้าบิ่นแบบดั้งเดิมสูตรที่พี่มีรสชาติหวานมันหอมเราจะใช้มะพร้าวสองชนิดรวมกันคือมะพร้าวทึนทึกและมะพร้าวอ่อน”

“แล้วมะพร้าวทึนทึกเป็นไงอ่า” บัณฑิตสาวสงสัยใคร่รู้เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม้เพิ่งเคยได้ยิน

“เป็นเหมือนคนที่พรคุยด้วยยังไงคะ.. สาวทึนทึก”พิมพ์ ลภัสยังไม่หยุดก่อกวนความสงบ ได้ผลครานี้คนหน้านิ่งหันมาตอกกลับ

“อย่ามาโมเม ยัยโคกมะตูม เรามันก็คือกันล่ะว้า”

“เอิ่ม..ตกลงพรจะได้คำตอบมั้ยนี่”รับพรมองคู่กรณีทั้งสองที่คอยจดจ้องชิงเหลี่ยมพื้นที่หัวใจตลอดเวลาจะพูดดีๆกันสักเรื่องได้ไหม สาวหน้าคมยิ้มหวานเธอเปิดอินเตอร์เน็ตจากหน้าจอโทรศัพท์เปิดข้อมูลให้ดู

“พี่พิมพ์คะเด็กสมัยนี้เค้าไม่อ่านอะไรยาวๆเกินสามบรรทัดหรอก เอาแบบเรื่องเล่าสนุกไม่มีเหรอ”

“เรื่องสนุกจากขนมไทยน่ะมีแน่ค่ะแต่ไว้โอกาสหน้าแล้วกันเนาะ ท้าวกีบทองอยากฟังมั้ย”

“อยากสิคะ คงสนุกไม่น้อย”ลูกสาวร่างทรงพอจะเคยยินกิตติศัพท์ของนางมาบ้างถ้าจำไม่ผิดนางถือเป็นต้นตำรับของเจ้าแม่ขนมไทยเลยทีเดียวเชียวแต่นางมิใช่คนไทยหรอกนะ ก็รู้แค่งูๆปลาๆ

“มะพร้าวที่ใช้ทำขนมไทยมีอยู่ด้วยกัน 4 ชนิดค่ะ มีมะพร้าวทึนทึก มะพร้าวอ่อน มะพร้าวห้าวและมะพร้าวกะทิมะพร้าวทึนทึกก็คือมะพร้าวกลางอ่อนกลางแก่ ลูกสีน้ำตาลอ่อนเราจะนำมาขูดเอามาทำไส้ขนมต่างๆค่ะ” พิมพ์แจกแจงอย่างละเอียดภารตีเลือกมะพร้าวได้แล้วห้าหกลูก สาวหน้าหล่อได้จังหวะซื้อกะทิเอาด้วยเลย

“แล้วพี่พิมพ์จะทำขนมอะไรคะ”

“ของพี่เหรอ ขนมทองเอก..เป็นยังไงแค่ชื่อก็กินขาดแล้วใช่ป่าว”

“ค่ะ แต่พรว่าก็น่าทานทั้งคู่เนอะ”คนตอบพยายามรักษาน้ำใจทั้งสองฝ่ายแม้ใจลึกๆมันจะออกเอนเอียงมาทางคนที่ผูกพันกันมากกว่าอยู่ครึ่งช่วงตัวแต่คนหน้านิ่งก็น่าลุ้นน่าเชียร์ไม่น้อย ใครไม่เห็นเธอเห็นก็แล้วกันพี่ภามีมุมน่ารักนะจะบอกให้ ลูกสาวเจ้าหนี้หน้าเจื่อนไปพลันมือก็หยิบเอาแป้งเท้ายายม่อมเพื่อทำขนมของตัว คนช่างสงสัยชะโงกหน้ามาดูไม่คุ้นอีกแล้วกับชื่อประหลาดตา

“ชื่อเท้ายายม่อมเป็นคนคิดหรือคะ”

“เป็นแป้งที่ทำมาจากหัวของต้นเท้ายายม่อมค่ะเจ้าหัวนี้เมื่อยังสดมันจะมีพิษ แต่หากแปรรูปออกมาแล้วก็นำมาใช้ประกอบอาหารได้คุณสมบัติของมันก็คล้ายๆกับแป้งมันสำปะหลัง ด้วยความหนักของแป้งจะช่วยให้ขนมเหนียว เกาะตัวดีไม่เละหรือคืนตัวค่ะ”

“ข้อมูลแน่นจุง สมกับที่เป็นเจ้าของร้านขนม”คนได้รับคำชมยิ้มหวานก่อนจะหันมาเล่นหูเล่นตาเย้ยหยันแม่นางเฉยและกระแทกเสียงถาม

“ได้ของครบหรือยังยัยแกงจืด ถ้าครบแล้วก็กลับ”คนหน้านิ่งพยักหน้าน้อยหนึ่ง ทั้งสามสาวจึงช่วยกันถือของกลับมาขึ้นรถเมื่อถึงบ้านของรับพร เก็บข้าวของแล้วเสร็จเจ้าเรือนก็เอ่ยขึ้น

“พรุ่งนี้พรจะหยุดขายของสักวัน มาช่วยพี่ๆดีไหมคะ”แน่นอนว่าพิมพ์ลภัสรอโอกาสนี้อยู่ ตอบกลับเป็นเชิงขออนุญาต

“เราต้องตื่นแต่เช้ามาทำขนม พี่คงต้องค้างบ้านพรแล้วค่ะ”นอกจากจะเป็นไม้กันหมาอย่างถึงที่สุดมันยังเป็นการเพิ่มโอกาสเข้าทำให้กับตัวเธอเอง

“ได้สิคะ” คำน้อยตอบสั้นๆเจ้าเรือนห่วงความรู้สึกแม่นางเฉยเข้าให้แต่สมองปราดเปรื่องกับวาบความคิดสนุกสนานขึ้นได้นางหนึ่งไม่เชื่อเรื่องศาสนาหรือภูติผีวิญญาณ อีกหนึ่งนางคือเจ้าหนี้ที่รักชะรอยต้องเมคสตอรี่ขึ้นมาเพื่อความกลมเกลียวซะแล้ว

“ห้องพรเล็กนะคะเราไปนอนกันที่เรือนเล็กดีกว่า สะดวกและเป็นส่วนตัวด้วยเกิดพี่ๆเถียงกันเสียงดังจะได้ไม่กวนแม่”สาวหน้าหยกไม่ได้เอะใจว่าเจ้าเรือนหน้าใสซื่อจะมีแผนเฉกเช่นกันกับคนหน้านิ่งที่เดินปลีกวิเวกออกมาดูผักไฮโดรฯที่ตัวเธอเพาะไว้มันเริ่มแทงต้นอ่อนๆแล้ว

“อ้าวหนูพิมพ์ งานวันพรุ่งนี้อย่าลืมมานะจ๊ะ”แม่สุดาเดินออกมาจากห้องเห็นลูกสาวเจ้าหนี้จึงเอ่ยปากชักชวนตามมารยาทแม้จะรู้ว่าลูกตนไม่พลาดจะเชิญแขกสำคัญก่อนหน้านี้แล้ว

“พิมพ์ขอค้างที่นี่เลยค่ะ มาทำขนมช่วยงานขออนุญาตน้าสุดาด้วยนะคะ” ผู้สูงวัยพยักหน้ารับ เธอรู้สึกไม่ค่อยดีเอามากๆกับอาการไม่สบายของตนเอง

“พรแกก็ดูแลพี่ๆให้ดีนะ แม่ไปนอนก่อน มึนหัวไม่เลิก”

“ไปหาหมอมั้ยแม่”รับพรรีบปรี่เข้ามาดูแม่จับตามเนื้อตัวไม่ได้มีไข้อะไร

“อย่ามาเจ้ากี้เจ้าการ มีอะไรก็ไปทำเถอะ”

“แม่จะดื้อเอาโล่หรือไง พรมีตังค์นะวันนี้ขายของดีแม่ไม่ต้องห่วงหรอก”สองแม่ลูกเริ่มขึ้นเสียงใส่กัน พิมพ์ลภัสและภารตีได้แต่เฝ้าดูอย่างห่วงๆ

“ชั้นมีแม่แค่คนเดียวและก็ตายไปแล้วด้วยลูกอย่างแกอย่าริอาจอวดดีมาสั่งสอนกัน” สุดาตวาดใส่ลูกตนอย่างไม่อายคนอื่นรับพรน้ำตารินวิ่งลงจากเรือนมานั่งจ๋องนั่งจ๋อยที่ริมสระน้ำ เปล่า..ไม่ได้จะคิดสั้น จะมาคิดยาวๆต่างหาก..




 

Create Date : 22 สิงหาคม 2558    
Last Update : 22 สิงหาคม 2558 8:48:58 น.
Counter : 415 Pageviews.  

Onsen ล่อนจ้อน ณ ออนเซ็น

รุ่งเช้าสองแม่ค้าตาคมและโหนมาช่วยกันตั้งแผงขายขนมปังแซนวิชและหมูทอด วันนี้ฝนไม่ตกท้องฟ้าแจ่มใสบรรยากาศช่างเป็นใจพ่อค้าแม่ขายต่างยิ้มกันหน้าชื่นตาบานแสงแดดยามเช้าที่เริ่มสว่างมากขึ้นเป็นปฏิภาคตรงกับจำนวนผู้คนที่สัญจรไปมาอย่างขวักไขว่หนาตาขึ้นประดาลูกค้าหลากหลายวัยและอาชีพต่างก็ทยอยแวะเวียนเข้ามาลองซื้อขนมปังและหมูทอดจากร้านของสองแม่ค้าสุดสวย

“หมูทอดร้อนๆสูตรคุณยายค่าเชิญแวะมาชิมก่อนได้นะคะไม่ซื้อไม่เป็นไรแต่ถ้าติดใจกรุณาติดไม้ติดมือไปสักขีดสองขีด”รับพรร้องเรียกให้ลูกค้าเข้าร้านที่หน้าโต๊ะมีจานใส่หมูทอดสูตรเด็ดดวงหั่นเป็นชิ้นเล็กๆพร้อมไม้จิ้มฟันให้ผู้คนได้ชิมกันก่อนแม้ว่าของมันอร่อยอยู่แล้วแต่ก็ต้องมีการเชิญชวนบ้างอะไรบ้างใครว่าค้าขายข้างทางแบบนี้ไม่ต้องใช้หลักการตลาดล่ะก็ผิดถนัดทั้งหมดนี่เป็นความคิดเครดิตพี่พิมพ์เค้า.. ชายวัยประมาณสามสิบดูดีทีเดียวเชียวหล่ะในชุดทำงานเดินอาดๆทำท่ากะลิ้มกะเหลี่ยส่งสายตาเจ้าชู้เข้ามาใกล้

“มีโปรโมชั่นอะไรบ้างไหมครับคนสวย”มาแระลูกค้าที่ไม่ใคร่พึงประสงค์จะต้อนรับเท่าไหร่ชีกอหัวงูเจ้าชู้ไก่แจ้มาตั้งแต่ร้อยเมตร พิมพ์ลภัสเกิดหวงของไม่อยากขายขึ้นมาทำหน้าง้ำซะอย่างนั้นรับพรไม่ได้สังเกตสังกาอาการของพี่สาว ด้วยมัวคิดอยู่ ราวสามวินาทีก็โพล่งออกมา

“ซื้อครบ 100 แถมชานมหนึ่งขวดค่ะเฉพาะลูกค้าคนพิเศษเท่านั้น”ประโยคขัดหูขัดใจยิ่งสร้างความขุ่นเคืองเข้ากับคนหวงและหึง! เท่านั้นยังไม่พอไอ้หนุ่มรู้มากรีบขายขนมจีบปิดดีลหัวใจ

“อ้าว! พี่นึกว่าจะแถม line ของแม่ค้าให้ซะอีก”

“ฮะ..แฮ่ม”พิมพ์ลภัสอดรนทนไม่ไหวต้องกระแอมกระไอแสดงตัวตนออกมา นี่ขนาดวันสองวันแรกสงสัยคงต้องแหก อุจาระตาตื่นแต่ไก่โห่มาเฝ้าแม่กลอยใจทุกเช้าเสียแล้วกระมัง

“พี่สาวหวงน่ะค่ะ..มากด้วย”รับพรยิ้มแหย เธอรู้แล้วว่าพี่พิมพ์ไม่พอใจ หนักมาก! ก็ดูหน้าตอนนี้สิบูดเป็นปลาร้าค้างปีเลย

“ก็ขอทั้งสองคนนั่นแหล่ะคร้าบ” ลูกค้าจอมยียวนไม่เลิกตอแยไหนๆก็ไหนๆแล้วพลาดคนน้องยังมีคนพี่แม้จะดูมั่นๆแต่คมเข้มไม่เบาเจอหนุ่มแท้ทั้งแท่งอย่างเขาไปสักดอกขี้คร้านจะติดจาย

“ถ้าอย่างนั้น พี่มาซื้อครบสามวันแล้วแม่ค้าจะให้ค่ะ”รับพรพยายาม keep ลูกค้าเอาไว้ จะจีบก็จีบไป แต่เงินน่ะมีไหม!ลูกสาวเจ้าหนี้แทบลมจับจะโกรธน้องมันก็ทำไม่ลง คนอยากขายของก็เข้าใจอยู่แต่ให้มันเปลืองตัวน้อยๆหน่อยทีนะแม่คุณ..หลังจากที่ทำการซื้อขายกันเรียบร้อยรับพรทำเป็นไม่รู้ความ เฉไฉไม่รู้ไม่ชี้รีบโบ้ยเรื่องให้ไกลตัว

“ร้ายไม่เบานะคะ”

“ใครคะ หมอนั่นน่ะเหรอ ชอบเขาล่ะสิ”คนถามประหวั่นใจน้อยหนึ่งกระทาชายนายนี่ก็ดูดีประมาณนึงไม่ถึงกับเลิศเลอแต่ควงได้ไม่อายใคร

“หมายถึงพี่พิมพ์ต่างหากที่ร้าย”

“ก็แม่ค้าหน้าหวานขนาดนี้นี่คะประเดี๋ยวขายไปขายมาได้มีแฟนแทนกำไรเสียนี่ พี่ก็เศร้าสิ”นั่นสุดท้ายก็โยงเอาเข้าเรื่องจนได้บัณฑิตสาวไม่อยากต่อความให้ยืดเยื้อเพราะตัวเองดูจะเสียเปรียบและเป็นจังหวะที่ลูกค้าเข้าร้านต่อเนื่องผลปรากฏว่าหมูทอดขายดีมากหมดตั้งแต่คนยังไม่วาย ส่วนขนมปังกับแซนวิชก็เดินเรื่อยๆจนผู้คนเริ่มบางตาเพราะเข้าทำงานกันหมดแล้วรับพรและพิมพ์ลภัสช่วยกันเก็บโต๊ะเมื่อตอนเก้าโมงครึ่งแม่ค้ามือใหม่ล้วงเอาเงินออกมานับได้เกือบสี่พัน

“โห! กำไรตั้งเกือบสองพัน นี่ยังไม่รวมกับขนมปังของพี่พิมพ์เลยนะคะนี่”

“เห็นมั้ยคะ ว่าค้าขายแบบนี้ก็พอจะลืมตาอ้าปากได้..”

“ถ้าเรามีหลักการบริหารที่ดี” สองสาวพูดออกมาพร้อมกันประโยคนี้มันฝังอยู่ในหัวสมองของรับพรเสียแล้วเพราะพี่พิมพ์พูดกรอกหูอยู่มิได้ขาดปากทั้งคู่หัวเราะร่วนต่างมีความสุขคนเราหากลองตั้งใจทำด้วยวิธีที่มีการวางแผนมาเป็นอย่างดีคำว่าสำเร็จก็อยู่ไม่ห่างไกลเลย

“กลับไปแต่งตัวเอาให้สวยๆนะคะ พี่จะพาไปเที่ยว”พี่สาวออกปากเป็นแกมบังคับ เพราะได้ลงเรียนวิชาเลือกเสรีไปแล้วบัณฑิตป้ายแดงแม้จะเกรงใจแต่กลับจนทางปฏิเสธเธอขอตัวกลับบ้านไปแต่งองค์ตามคำร้องขอหลังจากที่ธีมารับอุปกรณ์ไปแล้ว...

รับพรกลับมายังเรือนของตนระหว่างทางก็พูดคุยกับเจ้าด่างมาตามเรื่องตามประสาคุ้นเคยมันเล่าแจ้งแถลงไขว่าวันนี้พี่สาวสุดแปลกเอาไก่ย่างมาให้กินด้วยรับพรพยักหน้าเข้าใจและบอกกับมะหมาว่าพี่ภาน่ะไม่มีพิษภัยอะไรหรอก เจ้าด่างนิ่งไปรับพรอ่านใจเจ้าสี่ขาไม่ออกแต่คงไม่ใช่เห็นด้วยแน่เพราะหากเป็นเช่นนั้นมันจะกระดิกหางระริกๆสาวสวยเจ้าเรือนแต่งองค์ด้วยชุดแซกสีขาวลายจุดชมพูน่ารักสดใสสมวัยรับพรไม่ค่อยได้แต่งตัวดีๆแบบนี้หรอกและใจจริงกลับไม่ใคร่ชอบด้วยซ้ำมันดูไม่ค่อยเหมาะกับสาวบ้านๆอย่างเธอเท่าไหร่แต่ทำอย่างไรได้ก็พี่พิมพ์กำชับกำชามาจนหูเปื่อยว่าเอาให้เริ่ดรับพรเดินคลอเพลงจะลงเรือนอย่างอารมณ์ดีแต่ต้องเย็นหลังวาบเมื่อพี่สาวหน้านิ่งไม่รู้โผล่มาตั้งแต่ตอนไหนเมื่อใดมารู้ตัวอีกทีก็โดนทักเข้าให้

“จะไปไหน แต่งตัวซะสวยเชียว”

“ห้าร้อยค่าบอก”ดาวไถเริ่มทำงานเธอหันกลับมาทำหน้าเย้ยหยันอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่าอยากจะบอกก็ต้องง้างปากด้วยเงิน ภารตีไม่ยั่น ควักธนบัตรสีม่วงให้โดยง่าย

“ไปเจแปนทาว์นแล้วก็ออนเซ็น อิจฉาล่ะสิจ๊า”เจ้าเรือนลอยหน้าลอยตาเจื้อยแจ้วออกไปแต่ถ้าปล่อยให้ไปง่ายดายมันก็ไม่สาแก่ใจท่านผู้อ่านสิคร้า

“ไปด้วยสิ” ไม่พูดเปล่า ภารตีใจกว้างเป็นแม่น้ำส่งเงินให้อีกสองพัน

“เห็นพรหน้าเงินนักหรือไง”ปากน่ะบ่นแต่มือกลับสวนทางยื่นมาคว้าไปซะอย่างนั้น

“แต่ก็รับก็ต้องเอาสิคร้าโบราณเขาว่าไว้ผู้ใหญ่ให้ของต้องน้อมรับรับพรยังตีหน้าตายใส่คนหน้านิ่งเข้าบ้าง บอกจุดหมายทั้งยังได้โอกาสยื่นข้อต่อรอง

“จะไปกับพี่พิมพ์ เพราะฉะนั้น ห้ามทะเลาะกันไม่งั้นจะปรับหมื่นนึง” แม้จะเห็นเค้าลางแห่งความยุ่งยากเกินจะคาดเดาแต่คิดว่าสมองปราดเปรื่องแยบคายของตนน่าจะเอาแม่นางทั้งสองอยู่มันจะเป็นอย่างนั้นมั้ยน้อ...

พิมพ์ลภัสตกใจนิดหน่อยที่เห็นยัยแกงจืดเดินลอยชายมากับแม่กลอยใจตรงมาที่รถของเธอแต่ต้องปรับอารมณ์รีบทำสีหน้าท่าทางให้เป็นปกติ ชิส์! ผิดแผนไปพอประมาณแถมยังไม่ได้คิดก๊อกสองสามสำรองเอาไว้ด้วยสาวหน้าคมแวะเอารถมาล้างที่คาร์แคร์สุดหรูแห่งหนึ่งใกล้ๆกับที่หมายรับพรต้องเป็นฝ่ายตกอกตกใจเข้าบ้างเมื่อคล้อยหลังมาจากหน้าแคชเชียร์ก็ค่าล้างมันแพงหูฉี่ เธอต้องเหนื่อยยากขายหมูทั้งวันไม่รู้จะพอหรือเปล่าเลย

“โอ้โห! พี่พิมพ์ล้างรถครั้งหนึ่งตั้งสองพันแปดพรต้องขายของสองวันเลยนะคะ” คู่อริที่เงียบมาตลอดทางได้จังหวะเหมาะเปิดฉากต่อตี

“คนเค้ารวยนะ แค่นั้นไม่พอนะต้อง..”

“อะไรยัยแกงจืด” สาวหน้าหล่อไม่รอให้ตนเองถูกด่าฟรีรีบแดกดันด้วยเสียงเข้มกลับเข้าให้ทันควันเหมือนกันก่อนจะเปลี่ยนโทนเสียงราวกับสับสวิทช์เมื่อหันมาพูดกับแม่นางน้อย

“..ก็รถมันมีเชื้อโรคนี่คะ ต้องทำความสะอาดกันหน่อยไปเถอะค่ะทิ้งรถไว้ที่นี่ เราเที่ยวเสร็จแล้วค่อยกลับมาเอา”

คนเจ้าความคิดพาชาวคณะมาถึงออนเซ็นแถบย่านสุขุมวิทที่หรูหราอลังการงานสร้างมากแว่วๆว่าลงทุนเฉียดร้อยล้านบาทเนรมิตให้สถานที่แห่งนี้ถอดแบบออนเซ็นมาจากต้นตำรับขนานแท้อย่างประเทศญี่ปุ่นรับพรสุดแสนตื่นเต้น จริงอย่างที่พี่สาวว่าไว้ บรรยากาศรอบๆทั้งผู้คนและอะไรต่อมิอะไรมันดูเจแปนไปเสียหมดเหมือนกับว่าเธอได้บินลัดฟ้ามายังดินแดนซากุระเข้าจริงๆส่วนภารตีก็อย่างที่รู้ๆกัน เธอเฉยไปกับทุกเรื่องอยู่แล้ว

Onsen(温泉) ออนเซ็น เป็นคำภาษาญี่ปุ่นหมายถึงบ่อน้ำร้อน แรกเริ่มเดิมทีหมายเฉพาะถึงบ่อน้ำร้อนตามธรรมชาติ จากสภาพภูมิศาสตร์และธรณีวิทยาที่ประเทศนี้ตั้งอยู่ในแนววงแหวนแห่งไฟ(Ring of fire) คือรอยต่อของแผ่นเปลือกโลกที่เป็นแนวแผ่นดินไหวและภูเขาไฟพลังงานจากความร้อนใต้พิภพนี้เองก่อให้เกิดบ่อน้ำร้อนตามธรรมชาติมากมายทั่วทั้งประเทศต่อมาคำว่า ออนเซ็น ใช้รวมถึงบ่อน้ำร้อนที่สร้างขึ้นด้วยน้ำมือมนุษย์ด้วยเช่นกัน

ชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อมาตั้งแต่โบราณกาลนั่นรวมไปถึงหลักฐานที่สนับสนุนจากการวิจัยตามหลักวิทยาศาสตร์พบว่าออนเซ็นคือวารีบำบัด (Hydrotherapy) ซึ่งจะช่วยผ่อนคลายทั้งกล้ามเนื้อและความตึงเครียดได้เป็นอย่างดีโดยองค์ประกอบของแร่ธาตุในน้ำพุร้อนมีส่วนสำคัญในการบำบัดรักษาโรคแร่บางชนิดเช่นเรเดียมจะช่วยลดภาวะความดันโลหิตสูงได้ ออนเซ็นกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมที่อยู่คู่กับชาวเจแปนนีสมานานนมนับพันปีจากหลักฐานอ้างอิงพบว่าออนเซ็นบางแห่งมีอายุเก่าแก่เกือบสามพันปีทีเดียวตำนานหนึ่งได้ระบุว่านกที่ได้รับบาดเจ็บมารักษาตัวที่บ่อน้ำร้อนและผู้คนได้จดจำเอาวิธีการนี้มาใช้เหล่าซามูไรสามารถที่จะฟื้นตัวจากบาดแผลฉกรรจ์ได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจออนเซ็นจึงแพร่หลายมากขึ้นและกลายเป็นสิ่งหนึ่งในวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นมาจนกระทั่งปัจจุบันกระนั้นก็ดี ธุรกิจออนเซ็นใช่ว่าจะเปิดได้อย่างเสรีตามอำเภอใจมันมีกฎเกณฑ์ควบคุมจากรัฐบาลกลาง นอกจากออนเซ็นจะเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมแล้วมันยังได้ถูกพัฒนาให้กลายเป็นจุดขายหนึ่งในการท่องเที่ยวอีกด้วย

พิมพ์ลภัสพาอีกสองนางเปิดประตูเข้ามายังสถานที่สุดหรูมีพนักงานต้อนรับทั้งคนไทยและคนญี่ปุ่นเข้ามาทักทายลูกสาวร่างทรงมองไปรอบๆผู้คนไม่พลุกพล่าน บรรยากาศโปร่งสะอาดตาช่างแตกต่างจากโรงอาบน้ำที่เธอเคยรับรู้และผ่านความทรงจำจากภาพยนตร์มาก่อนหน้าคนอาสาพามาจัดแจงชำระเงินที่หน้าเคาน์เตอร์ สามคนก็ราวพันกว่าบาทโดยสามารถใช้ชีวิตที่นี่ได้ทั้งวันนับว่าเป็นราคาที่คุ้มค่ามากและรับกุญแจล็อคเกอร์มาสามดอกถือไว้ในมือโดยยังไม่แจกจ่ายสมาชิกสามอนงค์เดินเข้ามายังส่วนภายในเปลี่ยนรองเท้าของตนเป็นรองเท้าแตะแบบญี่ปุ่นจนกระทั่งมาถึงทางแยกที่จะเข้าบ่อแล้ว สำหรับที่นี่เป็นสัดส่วน ชาย-หญิงแบ่งแยกกันชัดเจน

“ดูพ่อหนุ่มก้ามปูกล้ามโตคนนั้นสิ น้องชายเล็กกระจิ๊ดเสียชาติเกิดจุง”

“นั่นน่ะสิ เห็นทีแรกว่าจะจีบซะหน่อยหมดมู๊ดเบยแหนมตุ้มจิ๋วไม่พออ่ะยังเหี๊ยวเหี่ยวยานโตงเตงยังกะไข่หมาถูกตอน”

“สู้ตาลุงอีกคนไม่ได้เนอะ ใหญ่มว๊ากกน่าบ๊วบน่าเจี๊ยะชะมัด” เสียงซุบซิบของบรรดาเก้งกวางบ่างชะนีสตรีข้ามภพดังมากระทบโสตประสาทของรับพรเธอเงี่ยหูฟังทั้งยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เกือบจะหลุดก๊ากออกมา ก็มันตลกอ่ะหันมาสบสายตากับพี่พิมพ์รายนี้ก็ขำน้ำตาเล็ดเลยทีเดียว แต่ช้าก่อนยังมีทีเด็ดกว่านี้อีก รับรองขำไม่ออกแน่ๆ พิมพ์ลภัสตีหน้าเจ้าเล่ห์แววตาเป็นประกายภารตียังนิ่งเช่นเคยไม่ได้แสดงอาการประหม่าอายออกมาแม้แต่น้อยสาวหน้าคมแสดงกุญแจล็อคเกอร์กับพนักงาน กระซิบกระซาบเข้าที่ซอกหูของเธอเบาๆรู้กันสองคน

“ของพวกพี่ไม่รับผ้าคาดอกกับกางเกงในนะคะอยากได้ฟีลแบบเจแปนออริจินอล” พนักงานพยักหน้ารับ ความจริงสถานที่แห่งนี้เขามีผ้าไว้ให้สุภาพสตรีด้วยเข้าใจหัวอกคนไทยว่าขวยอายไม่ต้องเปลือยกายล่อนจ้อนแบบออนเซ็นต้นฉบับพนักงานส่งของในตะกร้าให้มีของอยู่สองสามอย่างอันประกอบไปด้วย ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ผ้าผืนเล็ก อันนี้สำคัญเพราะมันเป็นผ้าเพียงผืนเดียวที่อนุญาตให้นำเข้าไปข้างในบ่อได้และก็ชุดยูกาตะหลากสีคนเจ้าเล่ห์ยื่นผ้าผืนเล็กผืนหนึ่งคืนให้กับพนักงานก่อนจะส่งตะกร้าให้กับสองสาวยิ้มเหี้ยมเกรียม น้องพรขาถึงตาพี่เอาคืนแล้ว

“ร้ายไม่เบานะหล่อน” ประหนึ่งว่าแม่นางเฉยจะเท่าทันความคิดเธอรับตะกร้าและพ่นคำออกมา พิมพ์ลภัสกลัวเสียแผนร้ายแผนรักโต้กลับฉอดๆใครจะไปยอมรับว่ามันเป็นแผน

“อะไร!ยัยแกงจืดหล่อนก็ใช่ย่อยนะตามมาจนได้” ใช่ ไม่รู้จะตามรังควานกันไปถึงไหน แถมยังนกรู้อย่าเชียวนะ ไม่อยากดูอะไรดีๆหรืออย่างไร จะมาโชว์แมนโชว์วูแมนอะไรตอนนี้

“อย่าคิดนะว่าอยากดูเรือนร่างเธอน่ะ ไม่เห็นจะมีอะไรดี เชอะกับคู่อริน่ะเฉยๆ ผีคงไม่อยากเห็นผีสักเท่าไหร่ แต่กับแม่กลอยใจอูยส์!! แค่จิ้นก็เกือบจะฟินแล้วอ่าพิมพ์ลภัสจิตเตลิดกระจัดกระจาย

“พอๆๆ พี่ภาอ่ะอย่าลืมข้อตกลงสิ” รับพรเข้าใจไปว่าพี่สาวทั้งสองกำลังเล่นสงครามประสาทกันอยู่ซึ่งมันก็จริง เธอรีบห้ามปรามก่อนจะเกิดศึกใหญ่ทันทีสามอนงค์เดินมาถึงล็อคเกอร์สถานที่ที่จะยังคงมีอาภรณ์ห่อหุ้มเรือนกายเป็นจุดสุดท้ายถัดจากนี้จะเป็นห้องอาบน้ำและบ่อน้ำร้อนรับพรแม้จะรู้มาก่อนหน้าว่าออนเซ็นต้องนุ่งน้อยห่มน้อยเป็นธรรมดาแต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นพี่สาวนางหนึ่งน่าจะเป็นชาวยุ่นปี่เดินเปลือยเปล่าเย้ยฟ้าท้าสายตาไม่สนใจก็ให้ได้อายแทนจิตเริ่มประหวั่นนึกถึงตัวเองขึ้นมาโดยพลันม้วนหน้าแดงๆด้วยความขวยหันกลับมาปะกับพี่พิมพ์เธอก็ทำท่าทีเรียบเฉยได้นิ่งดีแท้

“วัฒนธรรมญี่ปุ่นน่ะคะเขาคุ้นชินกันมานานกาเลไม่มีใครสนใจใครพรไม่ต้องอายหรอกนะ” ลูกสาวเจ้าหนี้ปลุกปลอบกระต่ายน้อยไม่ให้ตื่นตูมตกใจชี้มือให้ดูป้ายธรรมเนียมและข้อปฏิบัติที่แปะประกาศเอาไว้ทำเป็นตัวการ์ตูนน่ารักเชียวมีทั้งภาษาไทย อังกฤษและญี่ปุ่นพี่ยุ่นเขาทำอะไรๆในชีวิตให้ดูง่ายไปเสียหมด รับพรดูประเดี๋ยวก็แจ้งใจ หน้าถอดสีพลาดท่าเข้าแล้วสิเรา! หลวมตัวโดนพี่พิมพ์หลอกเข้าจนได้อ่า

“สรุปว่า..พรต้องแก้ผ้าจริงๆเหรอคะ”ถามไปอย่างนั้นเผื่อฟลุ๊ค หันมาดูแม่นางเฉยยิ่งอารามตกใจเป็นเท่าทวีเธอปลดเปลื้องอาภรณ์ของตนเองออกไปตั้งแต่เมื่อไร??! ภารตีอยู่ในสภาพแรกเกิดคือมีมาแต่ตัวเปล่าจริงๆ มันอล่างฉ่างอ้าซ่าท้าทายคนตรงหน้าทั้งสองก็นะเธอมันคนไร้ยางอาย เอ้ย! ไร้อารมณ์จะอายอยู่แล้วกับเรื่องขี้ประติ๋วไม่เห็นจะแคร์ รับพรจดจ้องไม่ละสายตาเรือนกายของพี่ภาช่างงามช้อยแม้ภายนอกจะแลดูแห้งบางกรอบเป็นข้าวเกรียบคาลบี้แท่งยาวไร้ซึ่งทรวดทรงองค์เอวแต่นั่นมันแค่เพียงเปลือกที่ฉาบไว้ พอสลัดผ้าผ่อนแก่นแท้ก็เผยโฉมออกมาภารตีเป็นสาวสะพรั่งสมบูรณ์สมวัยแม้จะย่างเฉียดสามสิบและดูว่าจะไม่ใคร่ได้พิถีพิถันดูแลตนเองนักสาวเซอร์หน้านิ่งกลับมีผิวพรรณผุดผ่องขาวโพลนแสบตาไปทั้งร่างแหะๆยกเว้นหย่อมดำขลับตรงนั้น!! บัณฑิตสาวเลื่อนสายตาขึ้นมาด้านบนหน้าท้องแบนราบของพี่ภาช่างน่าสัมผัส สะดือกลมไร้ร่องรอยการเจาะและเรื่อยลามมาถึงบัวตูมคู่งามเป็นกระเปาะเหมาะมือ ม่ายช่ายๆแระ เหมาะกับรูปร่าง

“พี่ภาเป็นคนเหนือเหรอ”รับพรถามเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินอายของตนเมื่อรู้ตัวว่าแม่นางเฉยจ้องประสานตากลับมาอย่างไม่หวั่นเกรง ลูกสาวร่างทรงกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่หน้านวลกลับแดงก่ำจะว่าอายก็ไม่เชิงจะว่าตื่นเต้นก็ไม่ผิดนักนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอที่เห็นคนอื่นมาเปลือยโจ่งแจ้งโจ๋งครึ่มจะๆกันต่อหน้า!

“เหนือความคาดหมายพิมพ์ลภัสหลุดคำชมออกมาเบาๆยัยแกงจืดนี่ใช่เล่น น่าซดสักชามสองชาม อุต๊ะ!

เมื่อการณ์ออกมารูปนี้สาวหน้าหล่อขอท้าชนด้วยมั่นใจในรูปร่างตัวเองจะยอมน้อยหน้าได้อย่างไร เธอจัดแจงเสื้อผ้าของตัวเองทันทีรับพรหันมามองด้วยลุ้นระทึกและยิ่งต้องตกใจเมื่อพี่พิมพ์ปลดเปลื้องกระโปรงบานย้วยลายดอกไม้ของเธอออกก่อนเป็นเบื้องแรกอวดกางเกงในตัวจิ๋วสีน้ำตาลทองลูกสาวร่างทรงจะเบือนหน้าหนีแต่อีกใจกลับหน่วงไว้ด้วยอยากจะดูให้เห็นเต็มๆสองตานั่น..ตรงกลางสามเหลี่ยมมันช่าง..

“พรืดดด” พิมพ์ลภัสถอดชิ้นที่เหลือออกอย่างว่องไวอายจะเกินทนดู รับพรต้องเอามือน้อยๆของตนมาปิดหน้า แต่ก็นั่น แหล่ะ ความอยากรู้อยากเห็นกลับมีมากกว่าสาวเจ้าไม่วายสอดสายตามองลอดช่องนิ้วมือของตน!! คนหน้าคมยิ้มพึงใจกับการได้โชว์ของก็นะมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ จากนั้นเธอจัดการกับท่อนบนเสื้อ blouse และบราเซียร์ปลิดปลิวไปต่อหน้าต่อตาคนแอบดู ปทุมถันทั้งสองชูชันมันรับกับใบหน้าคมคายเป็นที่สุดประเมินจากสายตาพี่พิมพ์น่าจะใหญ่กว่านิดๆ หุหุ.. กรรมการกลางอย่างสาวน้อยตัดสินไม่ถูกว่าจะให้ใครชนะมากไปกว่านั้นเธอรู้สึกประหนึ่งว่าตัวเองจะเป็นลมล้มพับไปกองที่พื้น ปากคอแห้งผากระบบหายใจเรรวน เลือดกายสาวมันสูบฉีดเป็นท่อระบายน้ำแตก โอ้ยย!! อะไรกันทำไมพี่สาวทั้งสองต้องมาทำอะไรทะลึ่งตึงตังแบบนี้ต่อหน้าเธอด้วยนะรับพรบ่นคนอื่นทั้งๆที่ตัวเองเป็นฝ่ายจ้องมองเขาไม่แตกต่างจากแม่นางเฉยที่พินิจเพ่งพิศนิ่งๆ

“ทำไมจ้องอะไร” พิมพ์ลภัสหันมาแว๊ดใส่จะวิพากษ์อะไรก็เว้ากันมาตรงๆ สาวหน้าคมยืดอกพกความมั่นใจเต็มประดาในสิ่งที่ตนเริ่ดกว่าชิส์! ไปกลับชาติมาเกิดใหม่ซะไป ยัยแกงจืดค้างคืนรับพรยิ้มแก้มแทบแตก ก็มันขำในท่าทางของพี่สาวอ่า ใจคอจะเอาชนะกันทุกเรื่อง!!

“ภูมิลำเนาเดิมเป็นคนโคกมะตูมล่ะสิ” นั่น..ภารตีแซวหนักหน่วง ตาลามเลียมาถึงส่วนสำคัญ คราวนี้รับพรกลั้นหัวเราะไม่อยู่แต่จะว่าไปพี่ภาก็แซวไม่ผิดฝาผิดตัวหรอก ก็ของพี่พิมพ์มันช่าง เอิ่ม..นี่ล่ะน้าที่โบราณเขาว่าตำราเขาบอกไม่มีผิดเพี้ยนสาวใดมีหน้าผากโหนกนูนมันจะสอดรับกับพื้นที่เรดโซนตรงนั้นด้วยคนโดนแซวหน้าม้านไปนิด ก็มันกระดากเหมือนกันที่ต้องโดนล้อเรื่องพรรค์นี้แต่ใช่หายอมโดยง่ายไม่ โต้กลับด้วยคารมเผ็ดเจ็บจี๊ด

“ยัยแกงจืด เธอก็คงเป็นคนบ้านท่าสินะ”โดนโยนกลองมาแบบนี้ใครที่ไหนจะไปรับทัน คนหน้านิ่งงงเป็นไก่โดนแรดวิ่งชน ท่า?ท่าอะไร?

“ท่ากระดาน คริคริคริ ยัยบ้านท่ากระดาน”แม่นางเฉยชักอยู่เฉยไม่ได้ จะต่อว่าเรื่องอันใดยังพอใช้ความอดทนเข้าข่มใจแต่เรื่องนี้มันวาระแห่งชีวิต ยอมไม่ด้ายยย!!

“นึกว่าย้อมผมข้างล่างด้วย” คนเป็นรองเปลี่ยนประเด็นทันทียังไม่หยุดวิจารณ์ส่วนนั้นของคู่อริ

“จะบร้าเหรอ เธอก็เถอะหัดซอยซะมั่งนะจ๊า รกเป็นป่าอเมซอนแล้ว” โดนเข้าให้อีกดอก แม่นางเฉยหงายเงิบ แต่ด้วยมานะเธอกัดฟันกระแทกเสียงกลับมา

“ใครมันจะไปแห้งแล้งโล่งเตียนเป็นทะเลทรายโกบีแบบเธอ” ใช่พิมพ์ลภัสตกแต่งเนินน้องสาวแบบฉบับ D.I.Y.คงเหลือไว้เป็นสวนหย่อมน้อยๆพองามไอ้ครั้นจะwax ก็ใจไม่ด้านพอ มิใช่อายช่างแต่เขาว่ากันว่าเจ็บเหลือคณาน้ำตาเล็ดน้ำตาร่วงจิตตกกินไม่ได้ประหนึ่งโดนพรากความสาวกันไปเลยทีเดียว ผิดกับยัยมาตาฮารี อี๋! ดูเข้าสิ ฟูฟ่อง จะเก็บไว้ถักเปียหรือไรฟระ!! ศัตรูหัวใจทั้งสองมายืนเปลือยเปล่าประจันหน้ากันรับพรเห็นจะไม่สนุก ประโยคถัดๆไปอาจลามไปถึงมดลูกถึงรังไข่ พอกันทียกนี้

“ตกลงว่าจะวิจารณ์กันนานมั้ยคร้า พรจะได้กลับ”สองอนงค์ส่ายหัวพร้อมกัน ขืนเป็นเยี่ยงนี้ก็เสียของเห็นทีต้องยอมสงบศึกเพราะมีภารกิจใหญ่และท้าทายกว่านักรออยู่เบื้องหน้า

“แก้ผ้าสิ” เป็นภารตีที่เอ่ยขึ้น

“ไม่อ่ะ พรกลับดีกว่ากลัวเป็นตากุ้งยิง” บัณฑิตสาวเปรยขึ้นให้เหตุผลส่งเดชเตรียมจะหิ้วตะกร้าไปคืนแต่คนมือไวอย่างพิมพ์ลภัสก็คว้าท่อนแขนเอาไว้

“หือ ก็เห็นของพี่สองคนแล้วไง ไปเถอะค่ะแช่น้ำเสร็จแล้วจะได้ไปหาอะไรกินกันต่อ” ผู้พูดทำให้เห็นว่าเป็นเรื่องแสนธรรมดาออนเซ็นน่ะออนเซ็นมันต้องโจ่งแจ้งจะจะตา ไม่มีเซ็นเซอร์โมเซอิคม่านเมฆให้รำคาญใจรับพรได้แต่ยืนบิดตัวขาไขว้ยิ้มแห้งๆทำอะไรไม่ถูก

“เอ้า!.. กระมิดกระเมี้ยนอยู่นั่น ยัยแกงจืด มาช่วยน้องหน่อยเร็ว”สองอริสาวต่างก็ต้องยุติศึกชั่วคราวพิมพ์ลภัสหาแนวร่วมอุดมกามเอ้ยอุดมการณ์เดียวกันเธอทั้งคู่ต่างพร้อมใจสืบเท้าเข้ามาใกล้เหยื่อน้อยผู้น่าขย้ำนางหนึ่งเปรียบนางพญาเสือโคร่งอีกนางหนึ่งดุจดั่งนางสิงห์ลูกกวางน้อยยืนตาปริบขาแข็งหมดหนทางรอดได้แต่ทำใจยอมรับสภาพ

“พี่ๆอ่า พรถอดเองได้” รับพรพูดเสียงอ่อย

“ก็ปล่อยให้ถอดเองตั้งนานสองนานแล้วนี่คะ มามะพี่ๆจะช่วย”พิมพ์ลภัสพูดเสียงหวาน เธอใช้สิทธิ์ของความเป็นผู้ล่อลวงเริ่มลงมือก่อน

“เฮ้! ยัยมะโหนกโคกมะตูม ชั้นก่อน”เกิดศึกเจ้าป่าขึ้นมาทันใด เหยื่อโอชะเช่นนี้ใครก็อยากจะฟาดฟันก่อนทั้งนั้น

“ได้ไงยัยท่ากระดาน ชั้นเป็นคนลวงเอ้ยชวนมานะเธอน่ะมันแค่ผู้ติดตาม” สาวหน้าคมยกเอาความดีความชอบเป็นบำเหน็จรางวัล แต่สาวหน้านิ่งใช่จะยอม

“งั้น.. เป่ายิ้งฉุบ”รับพรมองคู่อริซ้ายทีขวาสองที ตลกร้ายอ่า เธอจะหลุดขำก็ไม่สุดมันสะดุดเพราะตัวเองนั้นคือเหยื่อ

“เคร..ยันยิงเยาปักเป้า..ยิ้งฉุบ..ฉุบ” สาวท่ากระดานออกกรรไกรส่วนสาวโคกมะตูมออกค้อน!!

“เย้!!..ถอยไปยัยแกงจืด”พิมพ์ลภัสลิงโลดใจ เธอขอใช้สิทธิ์นั้นบัดเดี๋ยวนี้แม้ว่าจะเคยผลัดผ้าให้แม่กลอยใจมาก่อนเมื่อครั้งยังเยาว์ในยามที่รับพรจับไข้แต่นั่นมันตอนมัธยมหนึ่งมัธยมสองได้มั้ง อะไรๆในเรือนกายยังไม่ขึ้นไม่มีและหากแม้นจะมีมันก็คงไม่เตะตาต้องใจ สบึมบะละฮึ่มเช่นตอนนี้เป็นแน่ลูกสาวเจ้าหนี้จดจ้องมาที่ร่างของบัณฑิตสาว ใครก็ไม่รู้เคยให้ข้อมูลไว้ว่าในบรรดาสาวรุ่นวัยกระเตาะจนถึงวัยทอง ช่วงวัยนักศึกษาเป็นอะไรที่ ‘หรอยแรง’ที่สุดแล้วกินเนสบุ๊คหรือสำนักงานสถิติก็ไม่เคยเก็บข้อมูลเรื่องพรรค์นี้ไว้ด้วยเลยไม่มีแหล่งข้อมูลว่าจะจริงเท็จประการใดแต่ช่างเถิดพิมพ์ลภัสโยนความคิดนอกเรื่องให้ออกไปไกลๆ หันมาสนใจในสิ่งที่ควรทำเธอบรรจงถอดชุด แซกของสาวน้อยออกอย่างง่ายดายสภาพของรับพรตอนนี้จึงเหลือเพียงชั้นในท่อนบนและท่อนล่างเพียงสองชิ้นเท่านั้นมันเป็นการเปิดเผยโนมเนื้อต่อหน้าผู้อื่นมากที่สุดในชีวิตแล้ว โอยยย! อายจุง

ถึงคราวแม่นางเฉยบ้างคนหน้านิ่งเพ่งพิศรูปร่างโค้งเว้าน้อยหนึ่ง ถ้าประกวดประชันกันสองนางคงไม่มีใครกินกันลง แต่ร่างเพรียวตรงหน้าหากลงชิงชัยด้วย แน่นอนว่าเธอชนะเลิศผิวกายละเอียดไร้ตำหนิแม้กระทั่งเม็ดไฝขี้แมลงวันปลีน่องเรียวรับกับขาอ่อนขาวจั๊วะน่าเจี๊ยะ สะโพกที่กลมกลึงหนั่นเนื้อแน่นตึงเปรี๊ยะไร้ริ้วรอยแตกลายงาประหนึ่งว่าสาวน้อยดูแลตัวเองเป็นอย่างดีภารตีนั่งคุกเข่ารูดกางเกงชั้นในสีดำตัดกับโนมเนื้อขาวอย่างสายฟ้าแลบ!

“ว้ายๆๆ! ไม่เอาแล้วพรจะกลับ”คนโดนแกล้งรีบเอามือน้อยๆของตนมาปกปิดพื้นที่สุดสงวน อีกมือก็ควานหาชุดแซกของตนกลับมาใส่ช้าไปแล้วพี่พิมพ์ที่รู้งานชาร์จเข้ามาจัดการเอากับบราเซียร์ของเธออย่างไม่ทันให้ตั้งตัว

“ผ่างอกคู่งามออกมาอวดสายตาทั้งสี่รับพรตะลึงลานรีบเอามือปกปิดปกป้องเนื้อตัวพัลวัน ชุลมุนชุลเกกันพอสมควรมือทั้งสี่ของผู้รุกรานปัดป่ายไปโดนเนินนมบ้าง สะโพกไหวบ้างเสียงเริ่มเจี๊ยวจนพนักงานต้องเข้ามาดู ส่งสายตาจิกเข้าให้เพลาๆกันหน่อยทั้งสามอนงค์จำต้องอยู่ในความสงบ แต่มันเป็นแค่อาการภายนอกเท่านั้นดอกในใจลูกสาวร่างทรงเต้นระรัวในชีวิตเคยต้องตกอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมล่อเป้าแบบนี้เสียที่ไหนกัน อ๊ายอาย!พิมพ์ลภัสยืนจ้องร่างเปลือยที่แสนงามดั่งมีจิตรกรเอกรังสรรค์ไม่ละสายตาเช่นเดียวกับภารตี ทั้งคู่ฟินกระจายตะกายดาว ก็คนตรงหน้าช่างน่ารักน่าฟัดยิ่งนี่หากไม่ติดว่าเป็นสถานที่ต่อหน้าธารกำนัลละก็นะ แม่ปล้ำทำแกงเห็ดไปแล้ว..

นี่มันแค่หนังตัวอย่างที่รัก ยังมีอะไรสนุกๆรออยู่รับพรไม่ไหวจะเคลียร์ แม้ส่วนลึกมันพึงใจเหลือจะเอ่ยที่โดนกระทำเยี่ยงนี้ ระ..หรือว่าเธอจะมีรสนิยมสวิงกิ้ง!!!




 

Create Date : 14 สิงหาคม 2558    
Last Update : 14 สิงหาคม 2558 11:19:57 น.
Counter : 588 Pageviews.  

1  2  3  4  

writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.