Group Blog
 
All blogs
 
Monger แม่ค้า


“บ้านน้องเขาบ้านเลขที่ไรวะงูเข้าบ้านสองครั้งซ้อนๆ จะได้ไปแทงหวย”

“โธ่!ไอ้ทีงูเข้าบ้านตามตำราเขาให้ซื้อหกเก้าโว้ย”

“แหมกรูล่ะชอบเลขสวยซะด้วย หกเก้า”…ไม่นานรถกระบะที่มีหน่วยกู้ภัยสองนายก็มาถึงบ้านมหาเศรษฐีที่ดินและเช่นเคยโหนกระโดดออกจากรถคว้าเอาอุปกรณ์จับงูและเดินมาที่ประตูบ้านสาวหน้าหวานยืนรอรับอยู่ สีหน้าแววตาดูไม่ตระหนกตกใจเลยสักนิดจะว่าคุ้นชินก็ไม่น่าจะใช่ ณัฐกานต์เท่าที่เขารู้จักเธอออกจะคุณหนูขี้กลัว

“ไหนครับงู?”กู้ภัยร่างบึ๊กร้องถาม เตรียมจะเข้าไปจับ สาวสะคราญตรงหน้ายิ้มแหยประหม่าอายนิดหน่อย ก็เธอยืนพร้อมให้จับกุมหัวใจอยู่นี่แล้วไงลูกสาวเจ้าหนี้ตอบกลับไปตามเหตุผลที่เตรียมมา

“เอ่อ..คือมันไปแล้วน่ะค่ะ” คู่กะรู้แกวทันที กลับไปนั่งที่กระบะท้ายสูบบุหรี่รอปล่อยให้เขาเคลียร์กัน มองปราดเดียวก็ทะลุแจ้ง แม่คุณหนูไฮโซนี่ปลื้มไอ้โหนแหงแซะท่าแซะ

“ณัฐครับอุตริทำตัวเป็นเด็กเลี้ยงแกะเอาเรื่องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาล้อเล่นแบบนี้ไม่ดีนะครับ ลองคิดดูถ้าพวกพี่โดนหลอกแบบนี้ทุกวันคงขาดใจตาย”โหนเมื่อรู้ตัวว่าโดนหลอกแม้จะโกรธก็ไม่สุด ครั้นจะต่อว่าก็ไม่เต็มปากได้แต่ตัดพ้อพอประมาณให้เหตุผลกับสาวแก่นแก้ว

“ว่าเค้าอุตริ?”น้องนุชคนเล็กแม้จะสวยใสแต่ไม่ไร้สมอง เรื่องมารยามันเป็นของคู่กับผู้หญิงย้อนถามกลับไปด้วยเสียงอ่อย นัยน์ตาเศร้าสลด ทำทีเป็นน้อยใจที่โดนต่อว่า

“พี่ขอโทษครับแต่ต้องพูดความจริง จะต่อว่าทุบตีพี่เป็นการลงโทษก็ได้ แต่เรื่องนี้พี่ขอ”พูดจบชายมาดแมนแสนเท่ทำท่าจะเดินกลับไปที่รถ

“ก็คนเค้าคิดถึง”ณัฐกานต์ตะโกนไล่หลังดังลั่นซอยโหนชะลอฝีเท้าเพียงหันมาส่งยิ้มจางๆให้และเดินขึ้นรถไปพี่ก็คิดถึงแต่หยุดมันที่ตรงนี้ดีกว่า โหราเคลื่อนรถออกไปทิ้งให้คนแจ้งเรื่องเท็จต้องอยู่กับความเป็นจริงเพียงลำพังณัฐกานต์ยืนร้องไห้อยู่หน้าบ้าน พี่โหนใจร้าย ทำไม่ไม่เข้าใจเค้าบ้าง..

“โหนมรึงนี่โคตระใจร้ายเลยน้องเขาออกจะทอดสะพานให้ขนาดนี้แล้ว ทำเค้าลงได้ไงวะครับ” คู่กะต่อว่าแทนสาวหน้าใสระหว่างที่กู้ภัยร่างล่ำขับรถออกมาจากหมู่บ้าน

“เรามันคนชั้นต่ำพ่อเขาคงไม่ยอมรับ” โหราประหนึ่งว่ายอมรับในวาสนาน้อยๆของตนชะลอความเร็วของรถและหยุดลงในที่สุดเข้าเกียร์ว่างเท้าขวาย้ำไปที่คันเร่งหนักๆจนคนที่นั่งมาด้วยหน่ายใจ

“แล้วคุณมรึงชอบใครครับน้องหรือว่าพ่อ กรุณารีบกลับไปให้ว่องเลย ป่านนี้ร้องไห้ขี้มูกโป่งน้ำท่วมหน้าบ้านแล้ว”

“เออฝากงานด้วยแล้วกัน” ร่างกำยำผ่อนคันเร่ง จิตใจของเขาสงบลงก้าวเท้าออกจากรถและเอ่ยกับคู่กะที่รู้ใจโหราออกวิ่งกลับไปตามเส้นทางหัวใจที่เขาหนีมาเมื่อถึงหน้าบ้าเห็นคนขี้แยยังนั่งจุมปุ๊กอยู่ที่เดิม

“ทำไมไม่เข้าบ้าน?”

“ก็รู้ว่าพี่โหนจะกลับมาไงคะ”ณัฐกานต์ยิ้มทั้งน้ำตาอย่างน้อยแผนเธอก๊อกสองก็สำเร็จ

“แล้วถ้าพี่ไม่กลับ?”รู้ทั้งรู้ว่าแพ้มารยาหญิงแต่ก็นะโกรธลงที่ไหนกัน

“ณัฐก็จะให้งูออกมากัดให้ตายไปเลยคนใจร้าย ไปทำงานเถอะค่ะ ณัฐผิดเอง เข้าใจดีแล้วเรื่องของพี่โหนมันเกี่ยวกับชีวิตผู้คน จริงจังเสมอ” สมฤดีสมใจนึกเมื่อรู้ว่าเขายังแคร์ลูกสาวเจ้าพ่อที่ดิน เริ่มรู้ตัวนิดๆว่ารบกวนเวลาทำงานของพี่ชาย

“กับณัฐพี่ก็จริงจัง..และจริงใจด้วย”ร่างบางยันกายขึ้น ไม่เชื่อหูกับคำพูดของคนที่แอบปลื้มมาตั้งแต่เยาว์โหราจ้องมาที่นัยน์ตาใสบริสุทธิ์ คุณหนูที่แม้กระทั่งรถเมล์ยังไม่เคยขึ้นจะเข้าใจในโลกของคนปากกัดตีนถีบได้อย่างไร

“แต่แมสเซนเจอร์กระจอกๆอย่างพี่คงดูแลชีวิตณัฐไม่ไหว”

“เค้าไม่ใช่คนป่วยนะที่พี่โหนจะต้องมาป้อนข้าวป้อนน้ำมันหมดสมัยหมดวาระแล้ว” แม่สาวเจ้าจะรู้ดีว่าโลกช่างกว้างใหญ่และเธอก็พร้อมจะก้าวเดินหากมีคนชื่อชื่อโหราจูงมือกันไป

“คือ..”แม้จะรู่ว่าเราสองต่างก็มีใจปฏิพัทธ์แต่ความแตกต่างที่มากล้นราวจุดสูงสุดบนยอดเขากับห้วงเหวลึกหากแม้นเขาเป็นซุปเปอร์แมน สไปเดอร์แมนยังแสนเหนื่อย สาวรุ่นตรงหน้าก็เหนื่อยใจเช่นกันยื่นคำขาดกับพี่ชาย ถ้ายังกล้าๆกลัวๆที่จะรักกันก็ไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอิ๊ก ฮึ่ม!!

“เค้าออกตัวแรงขนาดนี้ก็อายสุดแสนจนแทบจะไม่มีแผ่นดินให้แทรกหนีแล้วถ้าพี่โหนป๊อดล่ะก็ เชิญอยู่อย่างเหงาๆกับรถกู้ภัยไปเลย นี่ ผ้าเช็ดหน้าเค้าปักเอง ทำเองกะมือ จากใจ ไม่เคยทำให้ใคร แค่นี้นะ” น้องนุชคุณหนูเริ่มจะเหวี่ยงชักสีหน้าไม่พอใจเธอปาผ้าเช็ดหน้าใส่ร่างกำยำ ก่อนจะเดินสะบัดก้นหายเข้าไปในบ้านหลังใหญ่โหราได้แต่เก็บผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยใส่กระเป๋ากางเกง เดินคอตกยอมรับชะตาฟ้าของตน

“ไงมรึงหน้าจ๋อยเป็นหมาวัดอดแดร๊กข้าวก้นบาตร เออๆ ไม่ต้องเล่าแล้วกรูขี้เกียจฟัง” คู่กะเห็นท่าทางซึมกะทือของสหายก็ให้ปลดปลงทั้งคู่กลับไปประจำ ณ จุดสแตนบายรอปฏิบัติหน้าที่เช่นเคย...

ที่ห้องนอนของรับพรหลังจากที่อาบน้ำและสวดมนต์ที่หน้าโต๊ะหมู่ด้านนอกเรียบร้อย คนมีดีกรีเกียรตินิยมก็จัดแจงเอาฟูกมาปูพื้นยอมเสียสละพื้นที่ส่วนตัวให้แม่นางเฉยแม้เตียงไม้สักโบราณที่มีเสาสูงขึ้นมาทั้งสี่มุมจะกว้างใหญ่พอให้นอนได้สองสามคนแต่เธอไม่เอาด้วยหรอกจั๊กกะเดียมพิกลรับพรพิมพ์ป้ายร้านด้วยกระดาษเอสี่แบบง่ายๆเพิ่งเริ่มเนาะ เอาไว้พอมีกำรี้กำไรค่อยทำให้สวยๆเมื่อแล้วเสร็จเจ้าของห้องปิดไฟเหลือเพียงโป๊ะดวงเล็กที่ทำจากทองเหลืองบนโต๊ะเขียนหนังสือเท่านั้นร่างอรชรล้มตัวลงนอนภารตีที่ยึดเตียงเป็นสมบัติของตนชั่วคราวเหมือนจะไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นโดยง่ายร้องถามขึ้น

“คุยเรื่องพ่อ..เอ่อพ่อของเธอให้ฟังหน่อยสิ”

“ง่วงแล้ววันไว้หน้าวันหลังได้มั้ยคร้า” รับพรเอาหมอนใบเล็กมาปิดหน้าประหนึ่งว่าไม่อยากรับรู้ไม่อยากได้ยินอะไรอีก

“ว้าย!จะทำอะไร” เธอตกใจสุดขีดเมื่อพี่สาวไร้อารมณ์กระโจนลงมาจากเตียงเลิกผ้าห่มและกระชากหมอนออกจากตัวเธอทั้งหมดกระทำการอย่างสายฟ้าแลบ

“จะเล่ามาดีๆหรือว่าคืนนี้ไม่ต้องหลับนอน” หน้านิ่งๆทำเสียงเข้มข่มขู่ รับพรลุกขึ้นมานั่งน้ำอดน้ำทนชักจะไม่เหลือ อัลไลมาขอนอนด้วยก็ให้แล้วยังจะมาเซ้าซี้รังควานไม่ต้องนอนก็ได้วะ

“แล้วเกิดจะมาอยากรู้อะไรตอนนี้เรื่องส่วนตัวน่ะ เข้าใจมั้ย”

“เท่าไหร่แม่ดาวไถ”สุดท้ายก็ต้องจบด้วย moneytalk แม่นางเฉยยื่นข้อเสนอแต่ฝนจะตกนกจะร้องน้องจะนอนมันห้ามกันได้ที่ไหนเล่า

“ห้าร้อยก็ไม่เล่าเค้าจานอน” รับพรพูดเสียงยานคาง ใช่ว่าจะโก่งเรียกราคา แต่เวลานี้มันไม่ไหวจริงๆ

“พันนึง”ไม่พูดเปล่า ธนบัตรสีเทาโชว์หราอยู่เต็มสองตาของเจ้าเรือน

“เป็นเด็กโข่งรึไงต้องฟังอะไรก่อนนอนถึงจะหลับได้”ปากบ่นแต่มือน่ะรีบฉวยเอาแบงค์สีเทาๆมากำไว้ในมือ คนหน้านิ่งไม่ได้ต่อความอันใดเพียงพยักหน้าเป็นเชิงว่าเล่ามา

“พ่อเป็นเซียนพระหลวงพ่อเปิ่นหลวงพ่อคูณ พ่อทำพระมาแล้วทั้งนั้น แต่พรยังเด็กมาก จะมาจำความได้ดีเอาตอนจตุคามนี่แหล่ะ....บลาบลา บลา” รับพรเจื้อยแจ้วเล่าความหลังให้ภารตีรับฟังตั้งแต่เธอจำความได้จนกระทั่งพ่ออิทธิเทพโดนยิงสิ้นบุญ..เรื่องมันก็จบเพียงเท่านี้ทั้งผู้เล่าและคนรับฟังมิอาจเก็บซ่อนความสะเทือนใจเอาไว้ได้รับพรจากเริ่มต้นเล่าขานเรื่องบิดาด้วยเบิกบานแต่การลงท้ายที่เป็นโศกนาฏกรรมทำให้เธอเกินจะกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลร่วงหล่นลงมาได้และมันก็เป็นเช่นทุกครั้งที่กระหวัดนึกถึงเรื่องคดีความปริศนาของพ่อ

“เสียใจด้วยนะเธอคงรักพ่อมาก” ภารตีปลอบโยนเอามือมาลูบกระหม่อมคนเสียใจประหนึ่งดั่งตนเป็นพี่สาว

“มีลูกคนไหนไม่รักพ่อรักแม่บ้าง”

“ก็จริง”สาวหน้านิ่งดูเหม่อลอย เธอก็คิดถึงใครบางคนเหมือนกันรับพรเห็นเป็นเช่นนั้นจึงไถ่ถามเรื่องราวของแม่นางเฉยบ้าง เธอก็อยากจะล้วงลับนักเหตุไฉนพี่สาวถึงได้เป็นคนแสนประหลาด ทั้งเรื่องอารมณ์ที่ไม่ใคร่มีไม่เคยแสดงออก ทั้งเรื่องการประกาศว่าเป็นบุคคลไร้ศาสนา

“แล้วพ่อพี่ล่ะ”

“พ่อเป็นคนเก่ง”ภารตีเอ่ยความเพียงคำน้อยก่อนจะลุกไปที่เตียงล้มตัวลงนอน

“ขี้โกงอีกแระหลอกล่อให้เล่าแล้วเรื่องตัวเองปิดเงียบ ชอบทำตัวลึกลับจริ๊ง” เจ้าของห้องเอนกายลงบนฟูกปากก็พร่ำบ่นทั้งอ่อนใจป่วยการที่จะเค้นเอาความเอากับคนปากหนักยิ่งกว่าเอาก้อนหินมาถ่วง

“น่าค้นหาดีออกไง”จริงยัยพี่ภาแม้จะประหลาดคนแต่เหมือนมีพลังแฝงบางอย่างดึงดูดบัณฑิตสาวให้ค้นใจว่าแต่ทำไมต้องค้น ทำไมต้องรู้สึกพิเศษกับคนๆนี้ด้วย?

“พูดไรไม่รู้เรื่อง นอนๆๆ” รับพรจบการสนทนาไม่อยากหาเหาใส่หัวแค่เรื่องยุ่งๆยิ่งกว่ายุงตีกันมันก็ต้องทำให้เธอเกาหัวแกรกๆวันละหลายเวลาแล้ว

“เห็นคุยเรื่องทำบุญกัน?”คนที่ฉลาดแต่อยากนอนเตียงยังไม่ยอมเลิกราโดยง่าย คุ้ยแคะแกะเกาต่อเนื่อง

“อือครบรอบวันตายพ่อก็ทำให้แกทุกปี”

“คิดว่าจะได้รับ?”นั่น.. ก็เค้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าคุยเรื่องการเมืองกับศาสนามันจะทะเลาะกันเปล่าๆปลี้ๆคนตาจะปิดเพราะความง่วงสุดหน่ายใจ

“อธิบายกับคนไม่เชื่อไม่นับถือมันยากพอๆกับสอนให้เด็กเริ่มหัดอ่านหนังสือเลยนะพรว่าบางทีอาจจะยากกว่าด้วยซ้ำ เพราะเด็กยังไม่มีอคติ”

“ก็อยากจะฟัง”แม้จะรู้ตัวว่าโดนแขวะ แต่ภารตีชักสนุก นานๆครั้งเธอถึงมีอารมณ์ร่วมแบบนี้ก็เวลายินเสียงสาวน้อยร่ายคำมันช่างมีความสุข

“เชื่อเรื่องชาตินี้ชาติหน้าหรือการกลับชาติมาเกิดมั้ย”ลูกสาวร่างทรงไม่รู้จะเริ่มจากจุดไหนตรงไหน เพราะพี่สาวเล่นตั้งธงตั้งแง่ในใจปฏิเสธไปเสียก่อนแล้ว

“ไม่อ่ะ”

“วิญญาณล่ะ?”

“ยิ่งไม่เชื่อใหญ่”ก็ถ้าเธอเชื่อสิ่งเหล่านี้จะมาเช่าอยู่บ้านเรือนไทยโบราณที่ขึ้นชื่อเรื่องความเฮี้ยนทำไม

“ฮ้าววว!! นอนแระ” รับพรแกล้งหาวเบี่ยงตัวนอนตะแคงหันหลังไปอีกทาง เปล่า..ไม่ใช่เบื่อที่จะพร่ำพูดแต่สมองปราดเปรื่องบังเกิดความคิดบรรเจิด คนที่ไม่มีไม่เชื่อในสิ่งใดๆก็ไม่อยากเซ้าซี้เพราะเธอเองก็เริ่มจะง่วงแล้วเหมือนกัน..

“เป็นอะไรของมันวะยัยบ้า! ไลน์ไปก็ไม่อ่าน โทรหาก็ปิดเครื่อง รู้มั้ยว่าเค้าคิดถึงงงง!” กรองแก้วหัวเสียบ่นกับตัวเองหน้ากระจกในห้องแต่งตัวของร้านนวดเพียงลำพังเพราะเพื่อนๆพริตตี้ต่างแยกย้ายสลายโต๋เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่พี่อ้นเจ้าของร้านเดินเข้ามาหาสาวตัวท๊อปของร้านพอดิบพอดี

“เป็นอะไร?ยัยเกรซ ทะเลาะกับแฟนมาเหรอ” ใครเขาใช้ชื่อในโลกแห่งความเป็นจริงกับงานแบบนี้บ้างกรองแก้วจัดการเปลี่ยนชื่อตนให้ดูแพงเลอค่า นี่ยังน้อยแล้วนะหากเทียบกับบรรดา เพื่อนพริตตี้ของเธอบางคนชื่อเดิมนิดหน่อยก็เปลี่ยนเป็นน้องปราด้าบ้างบางคนชื่อเดิมเงาะก็จัดแจงเปลี่ยนเป็นมัสแตงเลยก็มี

“เปล่าค่ะแค่ติดต่อเพื่อนไม่ได้” ปากตอบส่งๆแต่หน้าง้ำงอจนเจ้าของร้านต้องร้องทักเพราะประเดี๋ยวจะมีแขกกระเป๋าหนักเหมาซื้อเวลาดาวดังของร้านออกไปข้างนอกด้วยค่าตัวเรือนหมื่น

“ปั้นหน้างามๆหน่อยซีเฮียมาเห็นเข้าจะได้ปลื้ม”

“ค่ะ”กรองแก้วรับคำทำตามนายจ้างบอก เพราะเสี่ยคนนี้เงินถุงเงินถังจริงหากเขาติดใจใช่จะเป็นซูการ์แดดดี้ (พ่อบุญทุ่ม) เพย์ไม่อั้น โชคดีกว่านั้นอาจกลายเป็นหนูตัวอ้วนพีตกถังข้าวสารใบใหญ่ถึงขั้นผูกปิ่นโตมีคนเลี้ยงจะได้เลิกอาชีพนี้เสียที...

รับพรตื่นนอนตามปกติเวลานาฬิกาของชีวิตพลิกตัวมาดูบนเตียงกลับไม่เห็นว่าพี่สาวนอนอยู่เมื่อออกไปทำกิจธุระส่วนตัวสายตาจึงเห็นว่าภารตียืนจ้องมองที่กรอบรูปปืนโบราณอย่างพินิจพิเคราะห์

“ชอบเหรอ”เจ้าของเรือนร้องทักเดินเข้ามาใกล้

“จะหาเรื่องขายก็บอกมา”ในสายตาผู้เช่ารับพรกลายเป็นดาวไถประจำตัวสมบูรณ์แบบไปแล้ว แต่ครั้งนี้ผิดคาดข้อความที่ว่าเงินซื้อได้ทุกอย่างรับพรเถียงขาดใจ

“ใครว่าของพวกนี้พ่อรักจะตาย ไม่อย่างนั้นแม่ขายกินไปหมดแระ”เท่านั้นบัณฑิตหน้าสวยก็แยกไปอาบน้ำแต่งตัววันนี้ฤกษ์งามยามดีเป็นวันแรกที่เธอจะผันตัวมาเป็นแม่ค้าก่อนออกจากเรือนรับพรไม่ลืมที่จะไหว้บรรดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปิดท้ายด้วยการนำตลับสีผึ้งคร่ำครึมาจากหิ้งพระเป็นสีผึ้งกาหลงเคี่ยวจากว่านมหาเสน่ห์หลากหลายที่มีพุทธคุณเด่นทางด้านเจรจาค้าขายที่พ่ออิทธิเทพได้มาจากเกจิอาจารย์ชื่อดังท่านหนึ่งรับพรเอานิ้วของตนจรดที่สีผึ้ง ปากพึมพำร่ายคาถาก่อนจะวาดเป็นวงรอบริมฝีปากบางในการจดจ้องอากัปกิริยาทุกท่วงทำนองจากภารตีไม่แปลกหากลูกสาวเจ้าตำหนักร่างทรงจะแอบมีเล่นอำนาจมนต์คุณไสยหากมันไม่ได้ไปทำร้ายเบียดเบียนใครเพราะถ้าเป็นเช่นนั้นเธอจะต้องชดใช้!!..

แม่ค้ามือใหม่ไปหาพี่ชายตัวที่มูลนิธิฯหยิบยืมโต๊ะก่อนจะพากันมายังจุดรับสินค้าพี่อรผู้ช่วยของพิมพ์ลภัสยิ้มหวานรออยู่แล้วสองพี่น้องช่วยกันตั้งโต๊ะที่ทางเดินเท้าใกล้ๆกับป้ายรถประจำทางตรงสถานีรถไฟฟ้าพอดีที่จริงมันก็ผิดกฎหมายล่ะนะ แต่ทางการเขาอะลุ่มอะล่วยผ่อนผันให้หากตั้งเป็นร้านจรเพียงชั่วระยะสองสามชั่วโมงโหราขอแยกกลับบ้านก่อนเพราะเตรียมตัวจะไปทำงานโดยขากลับจะให้ธีเพื่อคู่ซี้คู่กะมาช่วยเก็บข้าวของให้เจ้าด่างก็รู้ใจตามมาเป็นกองเชียร์คนมีเมตตา

“อวยพรหน่อยนะเอาให้เฮงๆ ถ้าเหลือแกก็คงไม่ชอบพวกขนมปังนี่หรอกใช่มั้ย”เจ้าด่างตอบรับด้วยการนั่งเป็นองครักษ์พิทักษ์นายและส่งสัญญาณเตือนเอาว่าฝนน่าจะตกแต่รับพรไม่เชื่อมาขายของวันแรกอย่าทักกันแบบนี้สิรับพรละความสนใจจากเจ้าด่างปูผ้าปูโต๊ะสีขาวและเอาถาดขนมปังมาวางลูกค้ารายแรกก็เข้ามาซื้อทันที ระหว่างที่ก้มหน้างุดหาเศษสตางค์ที่เตรียมมาน้อยเสียงที่คุ้นเคยเย็นๆก็ร้องทักขึ้น

“มาอุดหนุนเป็นลูกค้าคนแรก”รับพรเงยหน้าฉีกยิ้มดีใจ กะจะมาเซอร์ไพร์สล่ะซี แต่เค้าเซอร์ไพร์สกว่า

“ช้าไปแล้วต๋อยมีคนใจดีเหมาไปสิบชิ้นแล้วคร่า” หรือว่าจะเป็นเพราะสีผึ้งมหาเสน่ห์นั่นลำพังยัยพรถ้าไม่ติดว่าพูดจาตรงๆห้วนๆไม่มีหางเสียงแล้วล่ะก็เสน่ห์แห่งเรือนกายส่วนตัวประสานพลังกับอำนาจพุทธคุณมันก็ยิ่งเป็นแรงบวกบวกหากมีการประกวดประชันแม่ค้าหน้าหวานคงลอยลำได้ตำแหน่ง แม่นี่ยังตั้งร้านไม่ทันจะเรียบร้อยดีก็ขายประเดิมมีคนตัดหน้าเราไปเสียได้ด้วยความที่ไม่ยอมน้อยหน้าผู้ใดมาแต่อ้อนแต่ออก แม่นางเฉยจึงสวมบทนางบุญทุ่ม

“งั้นเอายี่สิบอัน”แม่ค้าหน้าใหม่ไม่ได้สนใจรับออร์เดอร์ แต่เดินออกจากโต๊ะมาก้มดูที่ขาของพี่สาว

“เป็นอะไร?”คนหน้านิ่งก้มดูบ้างก็ไม่เห็นจะมีอะไรผิดแผกผิดวิสัย

“คริคริขาก็ไม่เกนี่นา ทำไมถึงชอบเกทับ ว่าแต่จะซื้อไปทำอะไรมากมายตั้งยี่สิบชิ้น”แม่ค้าอารมณ์ดี๊ดีหัวเราะร่วน พูดติดตลกก่อนจะถาม เพราะเธอไม่เชื่อหรอกว่าแม่นางเฉยหุ่นบางๆจะยัดทะนานสวาปามขนมปังนี่ทั้งหมดด้วยตัวเอง

“ใส่บาตร”คำตอบสั้นๆแต่สร้างความประหลาดใจให้กับคนรับสาส์นเป็นที่สุดยัยพี่ภานอนตกเตียงจนสติเฟื่องหรืออย่างไร

“ไหนว่าไม่มีศาสนา??”

“ก็ลองดูจะได้รู้ว่าเป็นยังไง หนุกๆน่ะ” รับพรยืนเซ่อเป็นท่อนไม้ ปล่อยให้ฝ่ายลูกค้าจัดแจงหยิบขนมปังใส่ถุงเสียเองก่อนจะเดินไปหาพระสงฆ์ที่มายืนรอบิณฑบาตรอยู่ไม่ไกลกันนักใจจริงก็อยากจะชวนน้องน้อยมาทำให้ดูเป็นตัวอย่างแต่ก็กลัวเสียหน้าโดนล้อโดนแขวะจึงจำต้องวางฟอร์มเดินมาเพียงลำพังคนที่ตลอดชีวิตไม่เคยทำในสิ่งนี้มาก่อนพอถึงเวลาเข้าจริงก็ประดักประเดิดคำว่านิมนต์ก็ไม่ได้เอ่ยวาจา รองเท้าก็ไม่ได้ถอดซ้ำร้ายยังเกือบจะเผลอเอามือไปโดนพระท่านเข้าให้ดีที่พระท่านสำรวมและระวังตนเองจึงเบี่ยงตัวหลบไปได้เส้นยาแดงผ่าแปดรับพรที่สังเกตจากระยะไกลอดขำไม่ได้คนไร้ความรู้สึกยังแสดงอาการเฉยเมยต่อพระสงฆ์ทันทีที่สาวเซอร์ใส่ขนมปังถุงใหญ่ในบาตรเสร็จเรียบร้อยเธอก็เดินออกมาเลยพระท่านก็อึ้งเล็กน้อยที่สีกาคนนี้ไม่รอรับพรจากพระเช่นคนอื่นๆ ในความเป็นจริง ภารตีกลับรู้สึกโล่งและสบายใจแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คนที่ประกาศว่าไร้ศาสนาเดินจากไปเงียบๆในห้วงความคิดพยายามหาคำตอบอธิบายถึงเหตุผลที่ฝั่งตรงข้ามพิมพ์ลภัสนั่งอยู่ในรถคันงามเห็นเหตุการณ์เข้าทั้งหมดทีแรกกะจะมาเซอร์ไพร์สแม่กลอยใจแต่เผลอตื่นสายไปนิดจึงมาช้าโดนคนหน้านิ่งปาดหน้าเค้กไปเสียฉิบ ช็อคสิคะยัยแกงจืดเปลี่ยนเป็นต้มยำรสแซ่บ ไม่ได้ๆถึงแม้หน้าเค้กจะแหว่งไปบ้างแต่เค้กทั้งก้อนยังคงอยู่และฉันจะไม่ยอมให้หล่อนแอบตอดเล็กตอดน้อยอีกพิมพ์ลภัสโยนความคิดเรื่องคนนอกมือที่สามทิ้งไปขอมุ่งมั่นกับบทตอนระหว่างเราสองให้ดีที่สุดก่อน สาวหน้าคมคายลงจากรถในมือก็หอบหิ้วเอาอุปกรณ์แต่งร้านติดมาด้วย

“พี่พิมพ์ดีใจจังค่ะ นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว” แม่ค้าหน้าหวานเมื่อเห็นว่าพี่สาวหน้าเข้มเดินดุ่มๆก็ตรงรี่ไปรับทำให้คนมาหาใจชื้นขึ้นมาบ้าง

“มาสิคะจะให้น้อยหน้าใครได้อย่างไรกัน” รับพรยิ้มน้อยๆตกลงสองพี่สาวจะฟาดฟันชิงดีชิงเด่นไม่ยอมน้อยหน้ากันสักเรื่องเลยสิท่าว่าแต่จะมาชิงชัยกันในเรื่องเราทำไม

“มาแอบดูพรกลัวว่าจะขายไม่ออกเหรอคะ” แม่ค้าหน้าใหม่ยิงคำถามหวังค้นใจพิมพ์ลภัสใช่ไกกาอาราเร่ รับลูกทันที

“หือของเค้าดีขนาดนี้จะขายไม่ออกให้มันรู้ไปสิคะ มีแต่คนทำเท่านั้นล่ะที่ยังขายไม่ออก”

“บอกราคาสูงเกินไปมั้งคะ”

“ของบางอย่างแจกฟรียังไม่มีใครอยากจะรับไว้เลย”

“พูดถล่มตัวเองจังนะคะพี่พิมพ์ไม่เลือกเขาล่ะมากกว่า” สองนารีโต้ฝีปากกันพอควรแต่พอเมื่อจวนตัวพิมพ์ลภัสจึงเปลี่ยนประเด็นยื่นอุปกรณ์แต่งร้านที่เธอทำไว้ให้อวดหรา

“นี่ดูสิพี่ทำสติ๊กเกอร์มาติดร้านด้วยนะ”

“พี่พิมพ์อ่าไม่เห็นต้องลำบากขนาดนี้” รับพรยกมือไหว้เป็นการขอบคุณซาบซึ้งในน้ำใจพี่สาวยิ่งนัก

“เช้านี้ว่างพี่จะช่วยขายนะคะ” พิมพ์ลภัสส่งยิ้มหยาดเยิ้มให้แม่กลอยใจก่อนจะกุลีกุจอตกแต่งแผงขายให้ลูกค้าเริ่มทยอยมาลองซื้อบ้างประปราย และหนาตาขึ้นเมื่อเป็นช่วงเวลาเร่งด่วน (rush hour)ทำเลที่รับพรตั้งขายนั้นดีอยู่แล้วขอเพียงของน่าทานคนที่สัญจรไปมาก็ไม่ลังเลที่จะควักกระเป๋าซื้อ

“เอทำไมมีแต่หนุ่มๆมาซื้อนะนี่ ใส่เสน่ห์ยาแฝดลงไปหรือเปล่าเอ่ย” เป็นฝ่ายเจ้าหนี้ที่หยอกเย้าซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้น ทั้งหนุ่มน้อยวัยนมเพิ่งแตกพานวัยฉกรรจ์ยันผู้แก่ผู้เฒ่าแต่ไม่เหลาเหย่ต่างแวะเวียนมาซื้อขนมปังและชานมเย็นใส่ขวดที่แผงเล็กๆแห่งนี้ซึ่งมีจุดขายหลักคือแม่ค้าใบหน้าสะสวยชวนมองนั่นเอง

“หือพรทำเรื่องพรรค์นั้นไม่เป็นหรอกค่ะ มีแต่หลงคนอื่น” รับพรแก้ตัวพัลวันแต่ยิ่งพูดกลับยิ่งจะเหมือนเข้าตัว

“ใครเอ่ย?”คนถามก็ช่างส่งสายตาให้แทบละลายรับพรโบ้ยไปที่พี่สาวบ้างเพื่อลดอุณหภูมิประเด็นร้อน

“ว่าแต่พี่พิมพ์เถอะค่ะสาวแบงค์ผมสลวยคนเมื่อตะกี้ก็เล่นหูเล่นตากับเขาใช่ย่อยเลยน้ามีขอเบอร์แลกไลน์กันอิ๊ก”

“แต่พี่ก็ไม่ได้ให้นี่คะว่าแต่เราเถอะใจคอจะเลิกใช้โทรศัพท์ไปเลยหรือไร” พิมพ์ลภัสเป็นห่วงแต่หาใช่ความเป็นห่วงแม่กลอยใจไม่ เธอเป็นห่วงตัวเองต่างหากกลัวว่าจะติดต่อรับพรได้ยากเย็นยิ่งอยู่ร่วมชายคากับจอมย่องเบาอย่างยัยแกงจืดแล้วยิ่งไว้ใจไม่ได้ไอ้ครั้นจะหาเรื่องเทียวไปหาอยู่บ่อยครั้งมันก็ไม่งาม

“เครื่องมันรวนมากเลยค่ะมีตังค์แล้วค่อยไปซ่อม แต่พี่พิมพ์ไม่เห็นต้องห่วงนี่เราก็เจอกันแทบจะทุกวันอยู่แล้ว”.. เมฆทะมึนที่ตั้งเค้ามาตั้งแต่ตั้งร้านเริ่มสำแดงเดชเม็ดฝนโปรยปรายลงมาแบบไม่ทันให้ตั้งตัว

“ตายๆฝนตก พี่พิมพ์รีบไปหลบที่ใต้สถานีก่อนดีกว่าค่ะ” รับพรไล่ให้พี่สาวไปยืนหลบฝนแม้จะมีร่มที่แผงแต่มันไม่ได้ช่วยอะไรนักเมื่อฝนที่ตกหนาเม็ดขึ้นสาดซัดเอาละอองเข้ามาโดนตัวคนทั้งสองเขาว่าโดนละอองฝนนี่ล่ะตัวเป็นไข้ไม่สบายนักแลและถ้าพี่พิมพ์จะต้องมาล้มหมอนนอนเตียงเพียงเพราะมาช่วยเธอขายของ คงรู้สึกผิดมากๆแต่สาวหน้าหล่อก็ขอลุยดื้อดึงที่จะไม่ไป ก็ถ้าแค่เปียกฝนยังกลัวทางเดินแห่งความรักความผูกพันระหว่างเราก็หยุดคิดฝันไปได้เลย

“รีบๆเก็บกันก่อนเดี๋ยวเปียกหมด”สองอนงค์ต่างกระวีกระวาดเร่งรีบเก็บข้าวของฤกษ์ผานาทีไม่ดีเอาเสียแล้วกับการค้าขายวันแรกก็แจ็คพ็อตเข้าเต็มๆในที่สุดความยุติธรรมก็คือความไม่ยุติธรรม รับพรนึกถึงคติประจำใจทำไมน้าเวลาที่เธอจะหาเลี้ยงชีพด้วยวิธีสุจริตมันต้องมีอุปสรรคเข้าทู๊กทีไปเราก็ไม่ได้เกิดในฤกษ์ดาวโจรเสียหน่อย แต่ก็นะ อาจตกฤกษ์ดาวไถถึงต้องคอยหลอกกินชาวบ้านไปวันๆ บัณฑิตสาวน้อยใจในโชคชะตาเล็กน้อยด้านพิมพ์ลภัสยิ่งรู้สึกสงสารร่างอรชรจับใจ แต่ก็ไม่ได้คิดโทษใครมากกว่าตัวเองเราน่าจะทำได้ดีกว่านี้ในการให้ความช่วยเหลือสาวเจ้าสิน่า...




Create Date : 14 กรกฎาคม 2558
Last Update : 14 กรกฎาคม 2558 17:50:12 น. 0 comments
Counter : 197 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.