Group Blog
 
All blogs
 
Indifferent Lady แม่นางเฉย


รับพรพาคนแปลกหน้าเข้ามาที่เรือนหลังเล็กริมบึงน้ำที่เต็มไปด้วยกอบัวและจอกแหน บรรยากาศแสนวังเวง แม้จะเป็นเวลาบ่ายแก่ๆต้นไม้ใหญ่ทั้งจามจุรี หูกวางสูงตระหง่านบดบังแสงอาทิตย์แทบส่องไม่ถึงพื้นดินทางเดินมาที่ตัวเรือนยังรกชัฏไปด้วยสุมทุมพุ่มไม้ด้วยเพราะไม่มีใครสัญจรไปมานับแรมปีนักศึกษาสาวเดินนำสาวเซอร์ แหวกพงหญ้ามายืนหยุดอยู่ที่บ้านทรงไทยโกโรโกโสดูจากโครงสร้างมันก็ยังดูมั่นคงแข็งแรง แต่ด้วยความที่ทิ้งให้รกร้างมานาน ทั้งฝุ่นหยากไย่เกาะตามพื้น ฝ้า ฝาผนังเต็มเรือนไปหมดบดบังความงดงาม ร่างอรชรแอบคิดในใจว่างานนี้ชวดฉลูขาล เถาะแน่นอน

“มันรกนิดหน่อยแต่ก็นะแค่ดายหญ้า ถางทางเดิน ปัดกวาดเช็ดถูตัวบ้านก็พออยู่ได้สบายงูเงี้ยวเขี้ยวขอไม่มีหรอกพี่สาว มีแต่งูเจ้าที่อยู่ตัวหนึ่ง อุ๊บส์!” รับพรรู้ตัวว่าชักจะพูดมากเกินงามก็เพศหญิงกับบรรดาสัตว์น่ากลัวถูกกันเสียที่ไหน

“ตะ...ตั๊บแก...ตะ...ตั๊บแก” เจ้าของเสียงร้องคืบคลานโผล่ออกมาจากมุมมืดตาโปนแดงเป็นลูกไฟ

“ว้าย!!” มันจะเป็นการร้องเตือนหรือเปล่านะ ด้วยรูปลักษณ์น่าชังของพี่ตุ๊กแกทำให้คนมีความสามารถพิเศษไม่กล้าจะสื่อสารด้วย อย่าหวงที่สิเจ้าคะพี่ตุ๊กแกรับพรตกใจไม่น้อยผวาเข้ากอดแขนพี่สาวแปลกหน้าโดยอัตโนมือ แปลก!เป็นผู้หญิงเหมือนกันทำไมเธอไม่ตกใจบ้างไรบ้างคนหาบ้านเช่านิ่งคิดอยู่ราวสิบวินาที แต่คนรอคำตอบน่ะเลิกลุ้นไปแล้ว

“คิดเท่าไหร่” อะไรที่คาดไม่ถึงมักจะเกิดขึ้นเสมอรับพรลิงโลดใจยิ่งกว่าถูกเลขท้ายสองตัว ยิ้มร่า นัยน์ตาเป็นประกาย พลันก็คิดคำนวณในใจไอ้บ้านเช่านี่เค้าคิดราคากันยังไง ดูจากพี่สาวแล้วคงอยากจะได้มากจริงๆ เอาวะเรียกๆไปก่อน ของแบบนี้มันอยู่ที่การต่อรองแม่สุดาเคยลงสาริกาลิ้นทองให้จะกลัวไปใย

“แปดพัน” เจ้าของบ้านโพล่งออกไปและเพิ่งรู้สึกได้ว่าตัวเองเกาะแขนคนแปลกหน้าอยู่จึงรีบถอยห่างมาก้าวหนึ่งสาวเซอร์ยังนิ่งเงียบ ทั้งสีหน้าและแววตาที่ดูไม่ออกว่าคิด รู้สึกอย่างไร

“เอ้า! พิเศษหกพันรวม น้ำไฟ”รับพรยื่นข้อเสนอที่คิดว่าพิเศษสุดๆแล้ว กำขี้ดีกว่ากำตด จริงอยู่ที่ตัวบ้านค่อนข้างเก่าและทางเข้าออกที่ไม่ค่อยสะดวกสบายนักแต่ห่างจากที่นี่ไม่ถึงสองกิโลเมตร รถไฟฟ้าเค้าก็มาจ่ออยู่ที่ปากทาง คนที่ไม่ค่อยมีความรู้สึกเช่นคนตรงหน้าน่าจะโอเคน่ะนะ

“ถ้าชอบพี่ก็จ่ายมัดจำล่วงหน้าสามเดือน แล้วขนข้าวของเข้ามาอยู่ได้เลยพรจะช่วยปัดกวาดเช็ดถูให้” เมื่อเห็นว่าแม่นางเฉยยังไม่ปริปากรับพรก็เร่งเร้าด้วยการสรุปความเอาเอง

“พี่ชื่อภารตีจะเรียกภาเฉยๆก็ได้” สาวหน้าสวยบอกชื่อแต่ยังไม่บอกแซ่ เดินขึ้นเรือนมาเอามือผลักบานประตูที่ไม่ได้ลงกลอนไว้ให้เปิดออก เสียงแอ้ดของบานพับดังแสบแก้วหู รับพรเดินตามขึ้นมาแม้จะเป็นเจ้าของสถานที่แต่ก็รู้สึกกลัวจับจิตจับใจนักศึกษาสาวรักษาระยะห่างภารตีไม่ให้เกินกว่าหนึ่งก้าวเผื่อมีอะไรแม่นางเฉยอาจจะปกป้องเธอได้ ภารตีเปิดหน้าต่างให้แสงที่มีเพียงน้อยนิดลอดผ่านเข้าลำแสงพุ่งเป็นเส้นตรงตัดกับเม็ดฝุ่นละอองที่ลอยละล่อง ใบหน้าที่สว่างครึ่งมืดครึ่งบ่งบอกถึงความลึกลับ...พี่สาวแปลกหน้ามีบางอย่างที่ซ่อนเงื่อนเอาไว้..หรือไม่?คนขี้ระแวงเพราะความผิดตนพยายามจะไม่คิดมาก ตอบชื่อกลับไปบ้างให้การแนะนำตัวระหว่างกันสมบูรณ์แบบ

“รับพร..เป็นอันว่ารู้จักกันแล้วนะจะเข้ามาอยู่วันไหนก็ตามสบาย แต่ตอนนี้ไปกันก่อนเถอะ” นี่มันก็จะห้าโมงเย็นแล้ว รับพรก้าวเท้าออกจากเรือนแต่เสียงหวานๆก็ทำให้เธอชะงักงันอีกครั้ง

“พี่จะเข้าอยู่วันนี้เลย” เสียงห้วนและเด็ดขาดบ่งบอกว่าจริงจัง รับพรหันพักตร์นวลมา โต้กลับทันที

“ก็ถ้าจ่ายล่วงหน้ามาจะเข้าอยู่วันไหนมันก็สิทธิ์ของพี่ ขอไลน์ด้วย เผื่อจะได้ติดต่อกัน” เจ้าของบ้านไม่แคร์เงินมาก็บันดาลได้ทุกสิ่ง รับพรหยิบโทรศัพท์เปิดแอพพลิเคชั่นไลน์ไว้ยื่นมันให้กับผู้เช่า

“ไม่มี”ผู้ให้เช่าถลึงตา คนอะไรวะคะ? ไม่มีโทรศัพท์ไว้ติดต่อในโลกหมุนเร็วแบบนี้แม่นางเฉยอาจจะไม่อยากจะให้เราก็เป็นได้ ก็ช่าง! เฉยๆกวนๆห้วนๆแบบนี้ใครเขาอยากจะเสวนาด้วยถ้าคนตรงหน้าเป็นคนเย็นชาสุดขั้วโลกเหนือล่ะก็พี่พิมพ์คงอยู่แถวเส้นศูนย์สูตรโซนร้อน คนอะไรอยู่ใกล้แล้วร้อนแรงจริงๆ พิมพ์ลภัสนับเป็นเซเลบตัวแทนของสาวมาดเท่มีนิตยสารชื่อดังหลายหัวมาติดต่อขอถ่ายสกู๊ปและเมื่อปีกลายพี่พิมพ์ก็ได้ถ่ายไปเล่มหนึ่งตามโลกออนไลน์ต่างกดไลค์กันแทบไม่ทัน พี่พิมพ์ ปังปังมากแต่ลูกสาวเจ้าพ่อที่ดินไม่คิดอยากจะเป็นดาราอะไรกับเขาหรอกเธออยากใช้ชีวิตเงียบสงบกับคนที่รักมากกว่า..นักศึกษาสาวแวบไปคิดถึงคนที่พึงใจด้วยแต่ก็ได้แค่แอบปลื้มเท่านั้น ถิ่นพำนักของเธอคงเป็นแถบกาลาปากอสโน่น อยู่ยากห่างไกลจากโลกภายนอก พี่สาวหน้าหล่อเขาคงไม่มาเยือน..เข้าไม่ถึงกลางใจ

“พี่ไม่มีของ”คนหน้าสวยแต่เฉยชา พูดด้วยเสียงเรียบ เดินไปเปิดสวิชท์ไฟดวงสีเหลืองแบบโบราณให้สว่างทั่วบ้านลองเปิดก๊อกน้ำหัวทองเหลืองที่แสนฝืดชนิดที่ต้องออกแรงหมุนสุดกำลัง น้ำไหลแรงซู่.. รับพรเป่าปากแสนโล่งอก โชคดีที่ทุกอย่างมันทำงานตามปกติแต่กับคนตรงน่าช่างน่าสงสัย มีพิรุธให้จับผิดหลายประการ

“หนีใครมา?ที่นี่ไม่ใช่ซุ้มโจรนะ” นักศึกษาสาวทำเสียงดุเรื่องมาสืบราชการลับนั่นก็น่าสงสัยอยู่แต่ร้ายกว่านั้นหากแม่นางเฉยกลายเป็นเสือสาวมาสร้างรังโจรกบดานอยู่ที่นี่เล่ารับพรหลับตาปี๋ไม่อยากจะคิดต่อ

“มาตามหาคน” สาวหน้านิ่งล้วงมือเข้าไปในกางเกงยีนส์หยิบธนบัตรสีเทาออกมาปึกหนึ่ง ยื่นให้เจ้าของบ้านโดยไม่ใส่ใจจะนับด้วยซ้ำ นี่ใจคอจะพูดเกินห้าคำได้บ้างมั้ยนะเจ้าของบ้านหน้าสวยชักจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าเข้าให้ จะว่าหยิ่งก็ไม่ใช่ จะว่าแย่ก็ไม่เชิงดูไปนิสัยบางอย่างก็คล้ายเรา มันคงเป็นแบบนี้ คนขั้วเดียวกันมักจะมีแรงผลักแรงต้าน..ก็ดีจะได้ต่างคนต่างอยู่ เพราะตัวเราก็มีความลับความผิดเช่นกัน

“ขอให้เจอแล้วกันงั้นพรไปหาไม้กวาดกับตามคนมาช่วยก่อน” นักศึกษาดีกรีเกียรตินิยมไม่สนใจเสวนาต่อเธอก้าวลงจากเรือนเดินกลับมาที่เรือนใหญ่ของตน โดยไม่ทันสังเกตว่าพี่สาวหน้าเฉยก็เดินตามลงมาด้วยในระยะห่างๆ.. รับพรหยิบโทรศัพท์กดปุ่มโทรหาพี่ชายสุดที่รักหล่อนต้องการแรงงานในการสังคายนาเรือนสุดโสมม

“ได้ๆวันนี้มีเก็บเช็ครายเดียว เอาเข้าแบงค์แล้วก็ว่าจะกลับเข้าบ้านเลย เออ..เท่านี้ก่อนนะ”โหรารีบตัดสาย เพราะระหว่างนั้นเองสายตาเหลือบไปเห็นคุณลุงคนขับแท็กซี่จอดรถปาดหน้ามอเตอร์ไซค์ของเขาเข้าข้างทางกระโดดลงจากรถหน้าตาตื่นยิ่งกว่าเจ๊กหนีไฟและโบกมือไหวๆเป็นสัญลักษณ์ขอความช่วยเหลือ ลูกชายร่างทรงรีบวิ่งเข้ามาดูทันที

“ไอ้หนุ่ม!” ลุงแท็กซี่ยังคงอยู่ในอาการตื่นตกใจตาเบิกโพลง เหงื่อแตกพลั่กโทรมกายผู้ที่ผ่านประสบการณ์เหตุฉุกเฉินมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำพูดปลอบขวัญและเรียกสติโชว์เฟอร์

“ลุงใจเย็นๆ หายใจลึกๆ มีอะไรครับ”

“แถวนี้มีโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดอยู่ตรงไหนลุงเพิ่งมาขับรถวันนี้” ชายสูงวัยพยายามทำตามคำบอก เขาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะบอกกล่าวเล่าความถึงสถานการณ์

“มีใครเป็นอะไรครับ” ร่างสูงอาสาสมัครกู้ภัยมองเข้าไปในรถแลเห็นสตรีมีครรภ์นั่งกุมท้องก็เข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมด

“ผู้โดยสารเจ็บท้องจะคลอดน้ำคร่ำเดินเต็มรถลุงแล้ว”

“ไหวมั้ยเจ๊” โหราเปิดประตูรถ ถามว่าที่ผู้เป็นคุณแม่

“โอ้ย!! ไม่..ไม่ไหว โอ้ย!!เจ็บท้องจะตายอยู่แล้ว” มือทำคลอดจำเป็นตั้งสมาธิ นึกย้อนถึง ณเวลาอบรมการทำคลอดฉุกเฉิน ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้มาลองปฏิบัติการจริงในวันนี้เขาวิ่งกลับไปที่รถคู่ใจ เปิดเบาะเอาถุงอุปกรณ์ช่วยชีวิตฉุกเฉินออกมาร่างสูงเข้ามาประคองร่างหญิงใกล้คลอดจัดท่าทางให้นอนราบไปกับเบาะเอามือเลิกชุดคลุมท้องและเห็นว่าปากช่องคลอดเปิด เด็กหัวแดงๆโผล่ออกมาน้อยหนึ่งอาสาสมัครกู้ภัยหนุ่มสวมถุงมือยางและพูดกับว่าที่คุณแม่

“เจ๊ ใจเย็นๆไม่ต้องตกใจนะครับ นอนสบายๆไม่ต้องเกร็ง การคลอดและความเจ็บปวดเป็นเรื่องธรรมชาติเด็กโผล่หัวออกมาแล้ว เดี๋ยวผมจะช่วย ลุงครับเข้าเซเว่นซื้อกรรไกรกับเชือกแล้วก็แอลกอฮอล์มาด้วย” โหราปฏิบัติตามขั้นตอนตามที่อบรมมาปากก็พร่ำบอกให้กำลังใจสตรีใกล้คลอดอยู่ไม่ขาดระยะ

“ผมจะนับแล้วเจ๊เบ่งนะครับ หนึ่ง..สอง..สาม อึ๊บ! อีกทีนะครับหนึ่ง..สอง..สาม อึ๊บ! เก่งมากครับ ช่วงไหล่น้องพ้นออกมาแล้วกลั้นใจอดทนอีกหน่อยนะครับ” โหรายิ้มออกมาน้อยๆเขารีบประคองศีรษะเด็กขึ้นนิดหน่อย ในตอนที่ฝึกอบรมครูพยาบาลเขาห้ามดึงตัวเด็กออกมาจากปากช่องคลอดเด็ดขาด!เพราะจังหวะนี้ส่วนอื่นๆของเด็กก็จะค่อยๆ หมุนเคลื่อนออกมาเอง

“ดีมากครับเจ๊ ขออีกทีนะครับ หนึ่ง..สอง..สาม...สำเร็จแล้ว!” ชีวิตใหม่หลุดออกมาจากช่องคลอดทั้งตัว แต่ทารกน้อยยังไม่เปิดเปลือกตาและส่งเสียงร้อง โหราทำตามขั้นตอนต่อไปอย่างระมัดระวัง เขาจัดท่าทางศีรษะของทารกแรกเกิดให้อยู่ต่ำกว่าระดับเท้าเล็กน้อย และเอามือเอียงหน้าทารกแรกเกิดให้พลิกไปด้านข้างเพื่อให้น้ำในปากและจมูกไหลออกจากนั้นก็ใช้นิ้วล้วงเปิดปากเจ้าตัวเล็กเพื่อเอาน้ำที่อยู่ในปากออกมา

“ผู้ชายหรือผู้หญิงคะ” ผู้เป็นแม่ยิ้มทั้งน้ำตา มันหาใช่น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไม่มันคือความปลาบปลื้มที่สุดในชีวิตลูกผู้หญิงเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในอุทรร่วมเก้าเดือนได้ฤกษ์ออกมาผจญภัยในโลกกว้างแล้วแม่รักลูกนะคะ.. โหนเองก็เป็นปลื้มไปด้วย นึกถึงวินาทีแสนเจ็บปวดที่แม่ต้องทนทรมานคลอดตนออกมาน้ำตาลูกผู้ชายก็พาลจะไหลแต่ก่อนอื่นภารกิจของเขายังไม่เสร็จสมบูรณ์ ปกติเด็กจะต้องเริ่มร้องแล้วนี่ก็จวนเจียนจะครบหนึ่งนาที มีอะไรผิดปกติหรือเปล่านะ?

“ผู้ชายครับ” โหราตอบแต่สายตาจ้องมองที่ทารกน้อยเอานิ้วมือเผยอปากตรวจดูว่ามีอะไรขัด
ขวางทางเดินหายใจอยู่หรือไม่..ไม่มี

“ทำไมลูกไม่ร้อง?” ผู้เป็นมารดาเริ่มเอะใจ ทำท่าจะลุกขึ้นมาดูลูกยาแต่ก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงความวิตกกังวลเริ่มมากขึ้นตามเข็มวินาทีที่เดินไป ชายหนุ่มยังไม่ตอบ เขาเริ่มใช้วิชาปฏิบัติการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานโดยเอาปากเป่าลมเข้าทั้งทางปากและจมูกเด็กน้อยทุกๆ 3 วินาที โหราสูดเอาอากาศเข้าไปใหม่เต็มปอด
และทำวนเวียนซ้ำอยู่ราวสามครั้งจึงหยุด เพราะทรวงอกของทารกเริ่มขยับให้เห็นไม่นานนักเจ้าตัวเล็กก็ส่งเสียงดังลั่นรถ
ผู้เป็นมารดาก็คลายกังวล ทารกน้อยเริ่มตัวแดงขึ้นอย่างชัดเจนเป็นเวลาที่หน่วยพยาบาลมาถึงและรับช่วงต่อพอดี อาสาฯน้ำใจงามถอนร่างออกมาจากตัวรถรู้สึกโล่งใจและปิติยิ่งที่เขาปฏิบัติภารกิจได้อย่างสมบูรณ์ร่างสูงเดินกลับมาที่มอเตอร์ไซค์
แต่จู่ๆก็มีโทรศัพท์ยื่นมาตรงหน้าขอสัมภาษณ์สด

“สวัสดีค่ะ จส.ร้อยนะคะ ทราบข่าวว่าคุณเป็นพลเมืองดีทำคลอดให้กับแม่ลูกบนแท็กซี่ช่วยเล่ารายละเอียดหน่อยได้ไหมคะ” เสียงผู้ประกาศใสๆเจื้อยแจ้วมาตามสายโหราไม่ใช่พวกอยากทำดีเอาหน้าเอาเด่นดัง จึงให้คำตอบไปแบบแกนๆ

“ก็ช่วยแม่และเด็กตามที่อบรมมาครับผมเป็นอาสาสมัครกู้ภัยอยู่แล้ว”

“ค่ะๆไม่ทราบว่ากำลังเรียนสายอยู่กับคุณอะไรคะ” ผู้ประกาศได้ยินคำตอบก็รู้ได้ทันทีว่าไม่ดราม่าเสียแล้วจึงพยายามจะตัดบทเพื่อเบนเข็มไปสัมภาษณ์คุณลุงขับแท็กซี่น่าจะตื่นเต้นกว่า

“โหราครับ” ชายหนุ่มตอบเพียงสั้นๆส่งโทรศัพท์คืนไปและขึ้นคร่อมรถของตนเขาต้องรีบไปธนาคารในห้างสรรพสินค้าเพื่อเอาเช็คของบริษัทไปฝาก ก่อนจะกลับไปช่วยน้องสาวเก็บกวาดเรือนเล็ก..

“พี่โหนเท่ชะมัดยาด” เป็นเสียงของณัฐกานต์บุตรสาวคนเล็กของเฮียบุญเลี้ยงเอ่ยปากชมพี่โหรา คนดีศรีชุมชน กับพี่สาว ที่แวะมารับหลังจากเรียนเต้นลีลาศเสร็จมือน้อยๆของเธอกดปุ่มผิดและบังเอิญมาเจอคลื่นวิทยุรายงานถึงเหตุการณ์สำคัญเข้าพอดิบพอดีพี่สาวหน้าหล่อหันมามองน้องคนรองก็อดขำคนแอบปลื้มไม่ได้

“ชอบเขาล่ะสิแม่เอ้ย” พี่น้องคู่นี้เขารู้ใจรู้เท่าทันและรักกันมากความที่สูญเสียมารดาไปตั้งแต่ยังเล็ก กอปรกับบิดาตัวไม่ใคร่ใส่ใจใกล้ชิดลูกสาวเด็กๆจึงโตกันมาตามลำพัง ก็ที่เห็นบางเวลาพี่สาวหน้าหล่อแอ๊บแมนนั่นคงเป็นเพราะใจที่รู้สึกอยากจะทำหน้าที่ปกป้องน้องรักจนกระทั่งทุกวันนี้ แม้ณัฐกานต์จะโตแตกเนื้อสาวเต็มวัยเต็มขั้นสองศรีพี่น้องยังนอนห้องเดียวกันเตียงเดียวกันไม่เคยแยกจาก

“ตัวเองล่ะไม่ต้องเลยเมื่อไหร่จะจีบพรเป็นแฟน เรียนจบแล้วไม่ใช่เหรอ” กลายเป็นว่าลูกสาวราชาเงินกู้ต่างชอบพอคนจากบ้านเรือนไทยคนหนึ่งคนพี่ปฏิพัทธ์กับคนน้อง คนหนึ่งคนน้องสมัครรักใคร่พึงใจพ่อหนุ่มนักกู้ภัยพิมพ์ลภัส หัวเราะรื่น ตาเป็นประกาย

“ป๊าได้สับพี่เป็นชิ้นๆน่ะสิยะ”แม้จะไม่ปิดบังความรู้สึกกับน้องนุช แต่ทว่าผู้เป็นบิดาเล่าหากรู้แจ้งความในเฮียเลี้ยงคงอายุไม่ยืน

“ระวังน้า มัวแต่เงื้อง่าราคาแพงประเดี๋ยวมีใครคว้าแม่นางน้อยไปครองจะเสียจาย” ณัฐพูดทีเล่นทีจริงแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก รับพรออกจะน่ารัก แถมยังเป็นเด็กดี เรียนก็เก่งย่อมเป็นที่หมายตาหมายปองจากทั้งหนุ่มแท้หนุ่มเทียม จนคนแซวยังแอบอิจฉาเล็กๆเลย

“ก็ว่างั้น..” พิมพ์ลภัสตอบ คิดถึงใบหน้าหวานๆเป็นจังหวะเดียวกับที่สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวรถหรูเคลื่อนตัวไปข้างหน้า เช่นกันกับผู้ขับรถที่ตั้งใจว่าจะจริงจังกับแม่กลอยใจเสียที...

ที่บ้านทรงไทยของรับพร บัณทิตหมาดๆเห็นแม่สุดาอยู่ที่ชานเรือนกำลังเก็บดอกมะลิเพื่อไปไหว้พระก็ยื่นเงินปึกนั้นให้กับมารดาแม้จะตกใจและประหลาดใจที่ลูกสาวตัวออกจากบ้านไปเพียงครึ่งวันกลับหาเงินได้ราวกลับพระสังข์เรียกปลาแต่เธอก็ไม่พลาดที่จะเก็บเงินยัดเข้าชายพก

“ไปหาเงินตั้งเป็นหมื่นๆมาจากไหน อย่าบอกนะว่าริอาจไปค้ายาแม่ไม่มีปัญญาประกันตัวแกออกมานะโว้ย”

“อุบ๊ะ! แม่นี่ ในหัวมีแต่เรื่องแบบนี้ใช่มั้ยไม่ขายตัวก็ขายยา มีคนมาขอเช่าบ้าน นั่นเดินต้อยๆมาละ” สาวมาดเซอร์เดินเข้ามาใกล้สายตาก็สอดส่ายสอดส่องเมียงมองไปทั่วอาณาบริเวณสุดาเมื่อรับฟังคำลูกสาวก็ละรามือจากงานตรงหน้า เพ่งพิศมาที่ผู้เช่าบ้านผู้สูงวัยรู้สึกคลับคล้ายคลับคลากับใบหน้าสวยอย่างบอกไม่ถูกนัยน์ตาแข็งที่เฉยชาไร้ความรู้สึก มันเป็นแววตาดุจเดียวกับ...

“ชื่อภารตีค่ะ ขอฝากตัวด้วยนะคะ” เสียงของผู้เช่าบ้านหยุดความคิดของแม่สุดาไว้เพียงเท่านั้นภารตียกมือไหว้ระดับอก ใบหน้ายังคงไร้ซึ่งรอยยิ้ม แต่ไม่ว่าจะดีหรือร้ายผู้ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมต้องทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี ร่างทรงเก็บความสงสัยเอาไว้ยิ้มจางๆให้ผู้เช่า

“กินอะไรมาหรือยัง รอเจ้าโหน เอ่อลูกชายน้ามันก่อนนะประเดี๋ยวคงหอบหิ้วอาหารการกินมา อยู่ที่นี่ก็ลำบากหน่อยนะแม่คุณ เข้าออกไม่ค่อยสะดวกจักรยานมีก็หยิบยืมเอาไปใช้ได้น้าไม่หวง” เจ้าของบ้านแสดงความอารีทั้งยังสังเกตสังกา ศึกษานิสัยใจคอไปด้วย

“ค่ะ ภาขอไปเดินเล่นก่อน ไว้ประเดี๋ยวจะกลับมาใหม่” เชอะ! กับผู้ใหญ่ยังเย็นเป็นน้ำแข็งแม่นางเฉยนี่ช่างน่าหมั่นไส้จริง รับพรแอบๆบ่นใจใน เธอเดินขึ้นเรือนและฉวยเอากระป๋องที่ใส่คูปองสำหรับทำเบอร์เพื่อชิงทองคำเอาไว้พรุ่งนี้จะเอาไปเร่ขายกับชาวบ้านใบละสองร้อย เธอคิดวิธีนี้ได้จากการประยุกต์เอาเรื่องชิงโชคตามโทรทัศน์มาใช้แม้จะรู้ดีว่ามันเข้าข่ายผิดกฎหมาย แต่ก็ช่างติดตะรางยังมีข้าวให้กินยังมีที่ให้อยู่ แต่ถ้าไม่มีที่ซุกหัวนอนนี่เรื่องใหญ่อีกอย่างใครมันจะกล้าๆไปแจ้งความคดีการพนันและมโนสาเร่คุกคงไม่พอขังผู้ต้องหาอ่ะ ตามหลักสถิติที่หัวสมองปราดเปรื่องคิดคำนวณโอกาสที่เจ้าจะโดนแดร๊กมีไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ แรกเริ่มสาวเจ้าขายคูปองแลกไอโฟนแต่ต้นทุนมันค่อนข้างสูงและชาวบ้านร้านช่องคนรากหญ้าไม่ใคร่นิยมนักในที่สุดรับพรเปลี่ยนมาเป็นชิงทองคำ ก็นอกจากน้ำ อากาศ ไอ้เจ้าโลหะ ธาตุลำดับที่ 79ก็ได้รับการยอมรับจากทั่วทุกมุมโลกว่าเป็นสิ่งที่มีค่าชนิดที่เข้าใจตรงกันแบบไม่ต้องมีอรรถาธิบาย

“เอ็งไปไว้ใจแม่คนนี้ได้ยังไง แม่ว่าดูพิลึกคนชอบกลนัก” สุดาเดินตามบุตรีขึ้นเรือนเมื่อให้แน่ใจแล้วว่าพ้นจากรัศมีการรับรู้ทางโสตประสาทของสาวหน้านิ่งก็ตั้งข้อสังเกตและทักท้วงเอากับลูกสาว

“โธ่แม่! สถานการณ์ตอนนี้เราเลือกได้เหรอ นี่ๆรู้หรือเปล่าก่อนเข้าบ้านพรแวะไปคุยกับพี่พิมพ์มา” รับพรไม่เห็นเป็นเรื่องสลักสำคัญอันใด เรื่องที่กำลังจะพูดถึงนี่สิหนักหนากว่ามาก

“น้ำหน้าอย่างเอ็งจะไปสำเร็จได้ยังไง”ผู้เป็นมารดาคาดการณ์ไม่ผิดเพี้ยนความน่าจะเป็นในการขอความเมตตาจากนายทุนหน้าเลือดมันคือศูนย์เสมอ

“อ้าวแม่ ไม่เคยร้อกไอ้เรื่องให้กำลังใจลูกน่ะ แต่ก็ใช่ ไม่รู้พี่พิมพ์จะเป็นพวกปากหวานก้นเปรี้ยวรึเปล่าทำมาเป็นพูดจาคะขา แต่เอาเข้าจริงก็ช่วยอะไรเราไม่ได้” นักศึกษาสาวตัดพ้อเล็กๆอันที่จริงพี่พิมพ์ก็ไม่ได้ผิดอะไร มันผิดที่เธอเองไปคาดหวังเสียเยอะ

“รู้แล้ว!!” สุดาตะโกนลั่นเรือนเหมือนเธอคิดอะไรออกเช่นเดียวกับอาร์คีมีดิส (Archimedes)ตะโกนว่ายูเรก้า!

“โว๊ะ! แม่ ตะโกนดังกว่าตอนเข้าทรงอีก ทำไม มีพรายมากระซิบอะไร”รับพรสะดุ้งโหยง หันมาแหวใส่มารดา

“ก็ส่งแกไปเป็นเมียเฮียเลี้ยงไง เมียขัดดอกน่ะรู้จักมั้ยหลับหูหลับตานอนแผ่ให้ไอ้เฮียจิ้มๆ จิ้มๆ ประเดี๋ยวมันก็ได้หัวใจวายคาเตียง” นี่นะแผนแยบคายอกอีพรจะแตก!

“โอ้ย! โบราณมากอ่ะวิธีแม่แล้วการบ้านที่ให้ไปคิดน่ะคิดออกยัง?” ลูกสาวคนเล็กหวังเปลี่ยนประเด็นแต่แม่สุดายังยืนยันว่าวิธีของตัวน่าจะดีกว่า

“ยัง..ยังไม่ได้คิดเลย ก็จะไปยุ่งยากแบบนั้นทำไมวะ เชื่อแม่สิ ผู้ชายในหัวมันก็มีแค่เรื่องอย่างว่าเท่านั้นเอ้านั่นพี่แกมาพอดี ไปจัดสำรับกับข้าว แล้วเรียกสาวิตรีมากินข้าวด้วย” โหนกลับบ้านมาพร้อมกับถุงใส่อาหารใบใหญ่ก่อนเข้าบ้านเขาแวะไปที่มูลนิธิฯมา แบ่งเอาอาหารติดไม้ติดมือมาด้วย

“เขาชื่อ ภารตีแม่” รับพรตรงรี่ไปรับของจากพี่ชาย ก่อนจะเดินไปที่ส่วนครัว

“เออๆ แม่ปวดหัวว่ะ คุยกับพวกแก” มันไม่ใช่การบ่นธรรมดาๆสุดารู้สึกวิงเวียนศรีษะเข้าจริง อาการแบบนี้เป็นมาได้สักระยะแล้ว

“เหล้าน่ะก็กินให้มันน้อยๆหน่อยสิแม่ถ้างวดนี้พรขายคูปองหมดจะเจียดเงินพาแม่ไปตรวจความดัน นี่ถ้า shoot ไปล่ะก็เส้นเลือดในสมองแตกเป็นเจ้าหญิงนิทราได้เลยนะ” ลูกสาวคนเก่งไม่รู้เตือนแม่ตัวอย่างไรกับคนแก่ก็ต้องขู่เอาแบบนี้

“เฮ้ย! ยัยพรแช่งแม่เหรอ มานี่ๆ มาให้ตีปากซะดีๆ” แม้จะรู้ว่าลูกตัวเป็นห่วงแต่ใครใช้ให้พูดจาเรื่องไม่เป็นมงคล โบราณเขาถือ ยิ่งช่วงนี้แม่หมอที่ดูดวงให้คนอื่นมานักต่อนัก ไหนเลยเธอจะไม่ตรวจสอบดวงชะตาของตนเองแน่นอนว่าตกอุบาทว์โลกาวินาศ!!

หลังจากกินข้าวเสร็จ มันก็มืดค่ำเสียแล้วครั้นจะไปเก็บกวาดที่เรือนเล็กเห็นจะไม่สะดวก ไอ้จะไล่ให้ไปนอนเสียที่อื่นก่อนก็ดูจะไร้มารยาทเกินงามแถมเขายังอาจเปลี่ยนใจยกเลิกการเช่าเข้าอยู่ ชวดเงินหมื่นไปเสียฉิบรับพรจึงจำใจต้องเอ่ยปากชวนภารตีให้พักอยู่ที่เรือนใหญ่ไปพลางก่อนเหลียวซ้ายแลขวามันก็เหลือเพียงห้องเดียว ก็ห้องพ่ออิทธิเทพนั่นไง...สาวเซอร์เดินตามเจ้าบ้านมาที่ห้องที่ถูกปิดตายเอาไว้ทันทีที่เปิดประตู ลมเย็นวูบหนึ่งปะทะเข้าที่ใบหน้านิ่ง ทำให้ผมของเธอมาปกหน้าภารตีเสยผมขึ้น ภาพแรกที่เห็นคือรูปถ่ายขาวดำขนาดครึ่งตัวอัดใส่กรอบไม้มันเป็นรูปของเจ้าของห้องผู้ล่วงลับ

“พ่อเธอหล่อนะ” หลังจากจ้องมองอยู่นานพอควร คำน้อยก็หลุดจากปากรับพรประหลาดใจเล็กๆ เธอไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าคนในรูปคือพ่ออิทธิเทพ

“ค่ะ สมัยหนุ่มๆก่อนมาเจอแม่สาวๆติดกันเกรียว” ภารตีรับฟังด้วยท่าทีสงบคนตัวเปล่าเล่าเปลือยอย่างเธอไม่ต้องคิดถึงใครให้หมองเศร้ารับพรมองยังไม่ละสายตาจากภาพถ่าย ปากก็เจื้อยแจ้วจำนรรจาต่อ

“แต่พ่อบุญน้อยไม่ทันได้เห็นพรเรียนจบ.. แล้วพ่อพี่เล่า” คู่สนทนายิ้มเยาะเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างพูดออกมาลอยๆด้วยเสียงเย็นๆหวังใจให้คนรับฟังไปคิดวิเคราะห์เอาเอง

“คนเรามีกรรมเป็นตัวกำหนด บุญแยกส่วนจากกรรมและไม่มีใครหลีกมันพ้นทุกคนต้องชดใช้กรรมของตนเอง” รับพรละสายตาจากรูปบิดามองมายังคนพูดนานๆประโยคยาวๆจะหลุดออกจากปาก หากฟังเพียงผิวเผิน มันก็แค่หลักธรรมทั่วๆไปแต่รับพรรู้ดีว่า มันลึกซึ้งกว่านั้น ภารตีเหมือนกับจะบอกใบ้อะไรบางอย่างเพียงแต่ตอนนี้เธอยังถอดรหัสไม่ออก.. 




Create Date : 28 มิถุนายน 2558
Last Update : 28 มิถุนายน 2558 14:54:56 น. 0 comments
Counter : 519 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.