Group Blog
 
All blogs
 

นิยายYuri วิวาห์กำมะลอ 2

ธาวินเดินกอดก่ายออกมาจากผับแห่งหนึ่งย่านทองหล่อกับหนุ่มน้อยคู่ขาที่คบหากันมาได้หลายวันแล้วใช่! หลายวัน เมื่อหลายวันก่อนหน้านี้ก็อีกคน เหอ เหอ

ชายหนุ่มชะลอฝีเท้าให้ช้าลงสายมองไปที่หญิงชายคู่หนึ่งที่กำลังมีปัญหากันอยู่หน้าผับหรูโดยไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งแม้แต่การ์ดของผับและดูท่าผู้ชายคนนั้นจะกำลังเมาไร้สติมากๆด้วย ธาวินผละจากคู่ขาเดินเข้าไปที่หญิงชายคู่นั้นทันที

“มีเรื่องอะไรกัน” ธาวินถามออกไปหญิงสาวที่กำลังโดนฉุดกระชากใช้จังหวะนี้สะบัดแขนอย่างแรงจนเป็นอิสระและรีบวิ่งไปหลบหลังชายหนุ่ม

“เสือกอะไรกับเรื่องผัวเมียวะ” คนเมามีท่าทางหงุดหงิดกับชายหนุ่มที่เข้ามาป่วนพาให้เสียเวลา

“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่” หญิงสาวร่างบางในชุดวาบหวิวส่ายหน้าปฏิเสธพัลวัน ธาวินมองสภาพคนเมานึกเสียดายหน้าตาก็ดีแต่งตัวก็หรู ไม่น่ามีนิสัยชอบรังแกผู้หญิงก่อนจะหันมองร่างบางที่เนื้อตัวสั่นเทานัยน์ตาตื่นตระหนกคงเพราะหวาดกลัวแต่กลัวอะไร? กลัวทำไม? ดูจากการแต่งตัวก็น่าจะเป็นนักร้องหรือเด็กนั่งดริ้งแล้วหล่อนทำไมถึง…ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อธาวินก็ถูกคนเมาผลักอกอย่างแรงจนเซไปข้างหลังแต่ก็ไม่เท่าไหร่สำหรับผู้ชายที่ร่างกายแข็งแรงและมีสติเต็มร้อย

“มึงรู้ไหมกูลูกใคร” คนเมาพูดเสียงอ้อแอ้เดินเข้าใส่ชายหนุ่มไม่นึกเกรงก็พ่อเขาเป็นผู้กำกับดูแลสน.ในพื้นที่นี้จะต้องกลัวใคร และที่สำคัญคนแถวนี้เขารู้กันหมดว่าเขาเป็นใครทำไมไอ้หน้าจืดนี่ไม่รู้

“มึงลูกใครกูไม่รู้ แต่กูลูกรอง ผบ.ตรธาวินพูดออกไปในน้ำเสียงเรียบนิ่ง ในตาแข็งกร้าวจ้องเขม็งไปที่คนเมา

“และมึงก็ช่วยบอกกูมาว่ามึงลูกใคร กูจะได้ตามไปเอาเรื่องพ่อมึงถูก” คนเมาเหมือนจะได้สติเพราะเจอของแข็งเข้าแล้ว

“บอกมา!!” ธาวินเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อคนเมาที่ดูจะสร่างเมาแล้วจากท่าทีที่ลนลาน

“ผะ ผะผม ขะ ขะ ขอโทษครับ” คนเมายกมือขึ้นไหว้ไม่นึกอายก็ถ้าเป็นจริงอย่างที่ไอ้หนุ่มนี่พูด พ่อเกิดโดนเด้งขึ้นมาเพราะเขาพ่อต้องฆ่าเขาแน่ๆเมื่อเห็นท่าไม่ดีคู่ขาหนุ่มหล่อจึงรีบเดินเข้ามาระงับเหตุให้ธาวินใจเย็น

“พี่วินครับปล่อยมันไปเถอะคนเมาอย่าไปถือสาเลย” ธาวินหันมองคู่ขาของตนก่อนจะผลักคนเมาออกไปไกลตัวและหมุนตัวเดินออกไปโดยมีคู่ขาและหญิงสาวร่างบางเดินเกาะติดไม่ห่าง

คู่กรณีมองตามแม้นจะขุ่นใจที่อีกฝ่ายทำให้เสียหน้าแต่ก็ต้องข่มใจเพราะถ้าจะแลกได้ไม่คุ้มเสียแน่ๆ เมื่อหันมองไปรอบๆก็พบกับหลายสายตามองมาที่ตนทำให้ต้องรีบจ้ำอ้าวออกไปจากตรงนั้นด้วยความอับอาย

เมื่อเดินไกลออกมาจนเห็นว่าตนปลอดภัยแน่แล้วหญิงสาวร่างบางจึงชะลอฝีเท้าและหยุดลงในที่สุด

“ขอบคุณที่ช่วยนะ” หญิงสาวร่างบางพูดออกไปธาวินชะงักและหันกลับมามองพาให้ชายหนุ่มอีกคนต้องหันตาม

“มาทำอะไรในที่แบบนี้” ธาวินจ้องเขม็งไปที่ร่างบางที่ตอนนี้กำลังพยายามหลบเลี่ยงสายตาคมของอีกฝ่าย

“ทำงาน” ร่างบางเสียงบางเบา

“กลับกันเถอะครับพี่วินอย่าไปสนใจเรื่องของเขาเลย” ชายหนุ่มที่มาด้วยกันเรียกร้องความสนใจ ในเวลาแบบนี้เราควรจะอยู่บนเตียงนิ่มๆหอมๆด้วยกันไม่ใช่ข้างถนนแบบนี้กับชะนีแปลกหน้า

“กลับไปก่อน” หนุ่มหน้าอ่อนถึงกับเหวอ

“อะไรกันครับ”

“กลับไปถ้าไม่เชื่อฟังก็ไม่ต้องมาคุยกันอีก” ธาวินเสียงเข้มกับคนของตนแต่ในตายังจับจ้องอยู่ที่ร่างบาง

“ครับ” หนุ่มหน้าอ่อนเดินหงอยๆออกไปแบบงงๆในใจคิดระแวงว่าธาวินจะกลับลำหันกลับไปกินชะนี ก็นางสวยหยั่งกับนางฟ้า

“เรามีเรื่องต้องคุยกัน” ธาวินจับข้อมือร่างบางพาเดินไปที่รถ

“จะพาเราไปไหน เราไม่ไป” ร่างบางขัดขืนสุดกำลังนึกตัดพ้อโชคชะตาที่พาให้เธอหนีเสือมาเจอปากจระเข้

ร่างบางถูกเหวี่ยงเข้าไปในรถก่อนที่ชายหนุ่มจะรีบเข้ามานั่งที่เบาะคนขับก่อนจะเคลื่อนรถออกไป

“วิน!!”ร่างบางหันมาแหวใส่

“ดีใจที่ได้เจอกันนะ” ธาวินตอบกลับใจเย็น

“จอด เราจะลง”

“วินจะไปส่ง”

“ไม่ต้อง!!”

“ทำไม?” ชายหนุ่มเหลือบตามองสังเกตเห็นสีหน้าที่ดูเป็นกังวลร่างบางครุ่นคิดหนักเพื่อหาทางออก

“ยังอยู่ที่เดิมไหม” ธาวินหันมองรอคำตอบร่างบางส่ายหน้าหลบตาไปอีกทางชายหนุ่มตัดสินใจหักพวงมาลัยเข้าข้างทางยังไงเขาก็ต้องเคลียร์ใจกับเพื่อนเก่าคนนี้ใช่ ! มิรันเป็นเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้ว

“กลับมาจากเมืองนอกตั้งแต่เมื่อไหร่” ข่าวสุดท้ายจากเพื่อนคนนี้คือหล่อนไปเรียนต่อเมืองนอกกับเพื่อนชายคนสนิทร่างบางยังนั่งนิ่งไม่ตอบกลับใดๆ

“รันยังเป็นเพื่อนเราเหมือนเดิมนะ” ธาวินยื่นมือไปแตะที่แขนของร่างบางแค่เท่านั้นร่างบางก็ปล่อยโฮออกมาดั่งคนทุกข์หนัก พร่ำพูดทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงที่ห่างกันไปเนิ่นนานจนเรื่องราวมาถึงตอนจบร่างบางถูกชายหนุ่มดึงเข้าไปกอดหวังช่วยให้ทุกข์ในใจของหล่อนคลายลงไปบ้างและมันก็ช่วยได้จริงๆร่างบางเต็มตื้นกับสัมผัสนี้

เมื่อส่งเพื่อนเก่าเสร็จชายหนุ่มก็ตรงกลับบ้านทั้งที่แผนเดิมคือคอนโดแต่อารมณ์แบบนั้นมันเหือดแห้งลงไปหมดแล้วกับเรื่องราวของเพื่อนเก่า มิรันเป็นเพื่อนของเขาสมัยเรียนปริญญาตรีในอดีตมิรันเป็นดั่งดอกไม้แรกแย้ม งดงาม ส่งกลิ่นหอมหวน ชวนฝันมีผู้ชายมากมายหลายคนเข้ามาหลงใหลหวังได้ใจหล่อนไปครอง แต่ก็ไม่มีชายคนไหนได้ไปจนวันหนึ่งวันนั้นมิลันได้ออกมาประกาศว่ากำลังคบหาอยู่กับชายหนุ่มคนหนึ่งนอกสถาบันที่เขาหรือใครก็ไม่รู้จักและไม่นานก็มีข่าวว่าทั้งคู่ได้ไปเรียนต่อเมืองนอกด้วยกันจากนั้นรันก็เงียบหายเหมือนตายไปจากชีวิตของเพื่อนทุกคนในรุ่น

รฐกรนัยน์ตาลุควาวเมื่อได้ยินสิ่งที่เพื่อนรักพูด

“แกพูดจริงหรืออำฉันเล่นเนี่ย แม่อุ้มบุญมันหาได้ง่ายๆแบบนั้นเลยเหรอ”

“อื่อ” ชายหนุ่มเพียงพยักหน้า

“แล้วไว้ใจได้เหรอ ว่าเมื่อถึงเวลาหล่อนจะไม่อุ้มลูกของแกกับฉันหนีไป”

“ได้ซิ ก็ทำสัญญาและก็เอามาอยู่ด้วยเลย”

“อืม…”ตานี้หญิงสาวพยักหน้าบ้าง พร้อมคิดตามสิ่งที่เพื่อนพูด

“แต่เรื่องมันง่ายไปหรือเปล่าเห็นง่ายๆแบบนี้ทีไรพังกลางทางทุกที” หญิงสาวยังไม่วางใจ

“ก็มันเป็นเรื่องของอนาคตใครจะไปตรัสรู้ได้เล่าตอนนี้ก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนถ้ามันจะพังระหว่างทางก็ช่วยกันซ่อม ก็ซ่อมกันมาหลายงานแล้วแกยังไม่ชินอีกหรือไง” ธาวินทำท่าชิลสุดๆ

“อือ งั้นก็ตามที่แกว่าละกันแล้วฉันจะได้เจอแม่อุ้มบุญลูกของฉันกับแกเมื่อไหร่”

“หลังแต่งงานและจนกว่าแพทย์จะยืนยันว่าทุกอย่าเรียบร้อย” พูดจบชายหนุ่มผลุนผันลุกขึ้นยืน

“เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีนัดลูกค้าคนสำคัญ ฉันต้องไปก่อนละ มื้อนี้แกจ่ายไปก่อนนะ” พูดจบชายหนุ่มก็รีบชิ่งเดินออกจากร้านไปทันทีจริงๆก็ไม่ได้รีบอะไรหรอกแค่ตอนนี้เขายังไม่พร้อมตอบเพื่อนรักในบางคำถามเพราะบางเรื่องมันยังพูดอะไรมากไม่ได้ในตอนนี้

รฐกรมองตามหลังเพื่อนชายแบบงงๆ

‘อะไรของมันว้า… ท่าทางแปลกๆ’ แต่ก็เท่านั้นเพราะความที่คบหาสนิทสนมกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ทำให้รฐกรไม่คิดแคลงใจใดๆตลอดมาวินเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ

หลังจากแยกกับธาวินรฐกรก็ตรงกลับบ้านทันทีเพราะไม่มีสอนและบ่ายแก่ๆแบบนี้ก็ไม่มีผับที่ไหนเปิดด้วย เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปก็พบว่าพ่อแม่และน้องชายอยู่กันพร้อมหน้าไม่เว้นแม้แต่เจ้ากะทิที่นอนนิ่งเอาใจอยู่บนตักของแม่ เจ้าแมวอ้วนแสนรู้มันเลือกเอาใจคนที่มีอำนาจสูงสุดในที่นี้ หญิงสาวมองไปที่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่

“พ่อกับแม่จะกลับอเมริกาแล้วเหรอคะ” รฐกรเลิกคิ้วสงสัย

“เปล่า แม่กับพ่อจะไปเที่ยวเชียงใหม่กับสมาคมภริยาท่านทูตก่อนแล้วถึงจะบินกลับอเมริกาแล้วอีกสองเดือนค่อยกลับมางานแต่งแก”

“แล้วไม่คิดจะชวนลูกสาวไปเที่ยวด้วยบ้างเหรอคะ” หญิงสาวทำน้ำเสียงน้อยใจเดินเอื่อยๆไปนั่งใกล้ผู้เป็นแม่ เมื่อนั่งได้ที่เจ้ากะทิก็ย้ายมานอนบนตักทันทียังไงแม่ก็ต้องสำคัญที่สุดรฐกรก้มมองลูกรักลูบไล้ไปมาอย่างรักใคร่

“จะชวนไปเป็น กขค ทำไม พ่อกับแม่จะไปฮันนีมูนรื้อฟื้นความหลังกัน ใช่ไหมคะคุณ” นงเยาว์หันไปทางสามีเพื่อหากำลังเสริม

“ใช่จ้ะ” และสองสามีภรรยาก็ส่งสายตาเชื่อมหวานให้กัน หวานที่มาจากใจจริงๆจนลูกๆพากันอิจฉาอยากจะมีความรักอย่างที่พ่อกับแม่มีให้แก่กันบ้าง

“แต่พ่อกับแม่เพิ่งจะไปฮันนีมูนที่อิตาลีเมื่อสามเดือนก่อนเองนะคะปลายปีที่แล้วก็เกาหลี”

“ที่อิตาลีน่ะใช่ แต่เกาหลีไปทำงาน” ผู้เป็นแม่ชี้แจง

“แหม ทำงานเคร่งเครียดกันมากเลยนะคะกิ่งเห็นแม่อัพรูปใน IGแทบจะทุกสิบนาที” เธอจำได้ดีเพราะต้องเข้าไปกดLike เอาใจจนเมื่อยมือ

“นั่นแหละงานหลักของพ่อกับแม่เลยคือการต้องทำตัวให้มีความสุขไปกับคณะต้อนรับ ไม่งั้นเขาจะเสียใจ” ผู้เป็นพ่อเป็นคนตอบการเอาใจคณะต้อนรับก็คือหนึ่งในงานสร้างความสัมพันธ์

รฐกรเดินไปส่งพ่อกับแม่ที่หน้าประตูเพราะท่านทั้งสองบอกว่าให้น้องชายไปส่งคนเดียวก็พอ

“รักพ่อกับแม่มากนะคะ” รฐกรเข้าไปโอบกอดพ่อกับแม่การจากลากันบ่อยๆครั้งละนานๆก็ไม่เคยทำให้เธอกับน้องชินเลยสักครั้งท่านทูตและคุณหญิงเองก็ไม่ชินแต่เลือกแล้วว่าจะทำหน้าที่ก็จำเป็นต้องตัดใจจากความสุขส่วนตัวบางอย่าง

“ดูแลตัวเองดูแลน้องด้วยหละอย่าเอาแต่พากันเหลวไหล” คุณหญิงทำเป็นเข้มฝากฝังทั้งที่เชื่อมั่นมาเสมอว่าลูกทั้งสองของตนเป็นเด็กใฝ่ดีติดแต่เทคนิคเยอะทั้งคู่เผลอเป็นไม่ได้เป็นต้องเสียรู้โดยเฉพาะกับลูกสาวคนโตก็ไม่รู้ว่าได้ใครมา

“ไปกันได้ละเดี๋ยวสาย” ณฐกรลากกระเป๋าใบใหญ่เดินนำออกไปเมื่อยืนส่งพ่อกับแม่จนท่านลับตาไปแล้วรฐกรจึงปิดประตูกลับเข้ามาสู่โลกส่วนตัวโลกที่มีเพียงกะทิ หญิงสาวนอนเหยียดยาวบนโซฟาโดยมีกะทินอนอยู่ข้างๆ

“กะทิ ถ้าแม่มีลูกแม่จะเป็นยังไงนะ”

‘แม่ก็จะเป็นแม่ไง ไม่เห็นจะยาก’ แมวน้อยตอบทางความคิด

“แม่กลุ้มใจจัง” กะทิไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรไปกับแม่เพราะรู้ดีว่าต่อมความทุกข์ของแม่มีต่ำแป็บๆเดี๋ยวก็หายอย่างตอนนี้ไงแม่หายทุกข์แล้วเพราะแม่หลับไปแล้วแมวน้อยมองแม่ของตนด้วยความเอ็นดูก็ไฮเปอร์อย่างแม่ถ้านิ่งคือแปลว่าหลับ




 

Create Date : 28 มีนาคม 2557    
Last Update : 28 มีนาคม 2557 7:43:45 น.
Counter : 3178 Pageviews.  

นิยายYuri วิวาห์กำมะลอ 1

ขี้เซาจริงๆเลยแม่เนี่ย!

‘ตื่น ได้แล้ว ตื่น ตื่น’ เท้าน้อยๆเขี่ยไปที่หน้าของหญิงสาวที่กำลังนอนหลับใหลอยู่อย่างมีความสุข

“กะทิ…ปลุกแม่ทำไมแต่เช้าเนี่ย!!…” ผ้าห่มลายดอกซากุระสีหวานถูก

ดึงขึ้นคลุมหน้าพลิกตัวนอนคว่ำหลบหนีลูกชายตัวป่วน

‘เช้าที่ไหนเล่าตะวันแยงจนแสบตาไปหมดแล้วหิวนะ หิว หิว’ ตานี้สี่เท้าน้อยๆขึ้นไปขึ้นไปเหยียบย่ำอยู่บนหัวคุณแม่ยังสาวด้วยอารมณ์โมโหหิว

“โอ๊ย!! กะทิ้…แม่จะตายแร้ว…” หญิงสาวร้องโวยวายเสียงดังลั่นห้อง และกว่าจะพลิกตัวกลับมาได้ก็แสนจะยากเย็นเพราะเจ้าลูกชายตัวอวบอ้วนทิ้งตัวนอนแผ่ทับหัวอยู่ก่อนจะเปิดผ้าที่คลุมหน้าออกด้วยความอ่อนใจ

เจ้ากะทิเป็นแมวตัวอวบอ้วนสีดำมันมีแผงขนสีขาวที่คอดั่งใส่เสื้อคอวีเป็นแมวพันธุ์สก๊อตทิชโฟลด์ มันรีบเข้าไปคลอเคลียเอาใจคุณแม่จอมขี้เซาก่อนที่ของจะขึ้น

‘เหมียว…’

“ลูกนะลูก” หญิงสาวมีน้ำเสียงอ่อนใจแต่ก็เจือไปด้วยรักที่เต็มเปี่ยมลุกขึ้นอุ้มแมวที่รักดั่งลูกเดินออกจากห้องนอนไปในสภาพกระเซอะกระเซิง ลงบันไดไปด้านล่างเข้าครัวทั้งที่ตายังปิดวางลูกชายลงกับพื้นและเดินตาปรือไปหยิบถุงอาหารอย่างแม่นยำด้วยความเคยชินจัดการเทใส่ชามรูปสี่เหลี่ยมสีน้ำเงินเข้มแบบอาหารไม่กระเด็นหกเรี่ยราดสักนิดด้วยความชำนาญก่อนจะเดินออกจากครัวตรงไปทิ้งตัวลงบนโซฟาในห้องรับแขก ภาพเบื้องหลังคือเจ้ากะทิกำลังตั้งอกตั้งใจกินอาหารในชามด้วยความหิวโซแต่จริงๆมันก็หิวอยู่ตลอดแหละแต่เพราะถูกฝึกให้รู้จักกินเป็นเวลา

“วันนี้ไม่ไปไหนเหรอ”

“ไม่” รฐากรหรือกิ่งตอบทั้งที่ยังหลับตา ณฐากรหรือกล้าส่ายหน้าน้อยๆกับสภาพที่ดูไร้คุณภาพของพี่สาวคนเดียวชายหนุ่มเดินมานั่งที่โซฟาตัวเล็กใกล้ๆ

สองพี่น้องอาศัยอยู่ด้วยกันบนคอนโดหรูราคาหลายสิบล้านใจกลางเมืองหลวง ห้องนี้มี2 ชั้น 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ1 ห้องรับแขกที่กว้างขวาง และ 1ห้องครัว พ่อกับแม่ของทั้งคู่อยู่ที่ต่างประเทศ ปรเมศพ่อของพวกเขาดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำประเทศสหรัฐอเมริกา

“แม่โทรมาเมื่อวาน”

“อื่อ”

“บอกว่าโทรหาพี่แล้วพี่ไม่รับ”

“อื่อ” หญิงสาวยังคงนอนขี้เซา

“แม่บอกว่าจะให้พี่แต่งงานกับพี่วินอยากให้เรือล่มในหนอง”เท่านั้นรฐากรถึงกับดีดเด้งขึ้นมาดั่งมีสปริง

“จะแต่งกันได้ยังไงก็ไอ้วินมันเป็นตุ๊ด” หญิงสาวนัยน์ตาตื่นเมื่อได้ยินเรื่องแสนเพี้ยน

“พี่รู้ พี่วินรู้กล้ารู้ แต่พ่อแม่พี่วิน พ่อแม่เราไม่รู้นิ” ชายหนุ่มน้องชายทำตาใสซื่อก็พี่วินดันแอ๊บแมนได้แนบเนียนจนไม่มีใครจับได้ เค้าเองยังเคยไม่สบายใจเลยที่เห็นทั้งคู่สนิทสนมกันมากถึงเนื้อถึงตัวกันจนดูไม่งามจนพี่สาวบอกถึงได้รู้

“เวร” หญิงสาวสบถออกมาไม่สนใจมารยาทเพราะเป็นกันเองกับน้องชาย

“เวรแน่ๆ ถ้าพี่ได้ตุ๊ดเป็นฝาละมีเหอ เหอ”

“ตลก ขำ ที่พี่สาวจะได้เพื่อนสนิทที่เป็นตุ๊ดมาเป็นสามี”หญิงสาวขัดเคืองกับท่าทีที่น้องชายซ้ำเติมตน

“แล้วนังวินมันรู้ตัวหรือยังเนี่ย”หญิงสาวคิดถึงเพื่อนรักก่อนจะรีบวิ่งขึ้นห้องเพื่อไปโทรหาชายหนุ่มมองตามพี่สาวที่กำลังวิ่งขึ้นห้องไปเห็นใจก็เห็นใจ ขำก็ขำเมื่อคิดไปถึงว่าพี่สาวจะต้องแต่งงานกับผู้ชายที่เขามองว่าเป็นพี่สาวเหมือนกันมาตลอดหลายปี

ธาวินร้องเสียงหลงเมื่อได้ยินเรื่องจากปลายสายพาให้หนุ่มน้อยหน้าใสที่นอนอยู่ข้างกายพลอยตกใจไปด้วย

“แม่จะให้ฉันแต่งงานกับชะนีตายแร้ว…ตาเถนตาถังกะละมังไม่เหลือหลอ”

“อย่าว่าแต่กะละมังไม่เหลือเลยแกกับฉันก็จะไม่เหลือแล้วจะเอายังไงกันดีวะเนี่ย” หญิงสาวรำเพยเชิงปรึกษาก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเงียบไปเพราะต่างกำลังใช้ความคิด

“ก็แต่งๆไป ดีเสียอีกแกกับฉันจะได้ลั้นลากันได้เต็มที่เพราะถือว่ามีครอบครัวแล้ว”ได้ฟังแบบนี้รฐากรก็ยิ่งคิดหนัก

“ก็ให้เรื่องมันผ่านๆไปก่อนแล้วค่อยมาคิดเรื่องหย่ากันทีหลัง” ธาวินโน้มน้าวใจเย็น

“แต่ฉันจะกลายเป็นหญิงม่ายนะเว้ยเฮ้ย”เพื่อนสาวไม่คล้อยตาม

“แล้วชะนีนิยมกินชะนีอย่างแกจะไปสนอะไรกับเรื่องพวกนี้ว้าเอะ! หรือแกยังหวังว่าตัวเองจะกลายพันธ์ไปมีผอสระอัวอย่างชาวบ้านเขาได้”หญิงสาวคิดตามที่เพื่อนหนุ่มใจสาวพูด

“แต่งๆไปเหอะเชื่อฉันอย่างน้อยแกก็ได้สามีในนามอย่างฉันที่เข้าใจและรู้ใจแกมากที่สุดและแกเองก็เข้าใจและรู้ใจฉันมากที่สุดเหมือนกันด้วยฉันเป็นความปลอดภัยให้แกได้เพราะฉันไม่นิยมกินชะนีมันเหม็นเขียว และถึงแกจะปฏิเสธแล้วแกคิดว่าแม่แกจะยอมง่ายๆอย่าลืมนะจ๊ะว่ายี่ห้อคุณหญิงนงเยาว์นะเออ” หญิงสาวพยักหน้าน้อยๆชักคล้อยตาม

‘ก็จริง’ หญิงสาวมีน้ำเสียงเลื่อนลอย

“เอาวะ แต่งก็แต่ง”รฐกรตัดใจพูดออกไปไม่คิดนาน เพราะรู้จักคุณนายนงเยาว์แม่ของตนดีว่าเป็นจอมเผด็จการสมเป็นลูกทหาร

“แหมทำเป็นคิดเยอะนะยะหล่อนผู้ชายหน้าตาดี มีฐานะ แถมชาติตระกูลเริ่ดอย่างฉันไม่ใช่จะหามาแต่งงานด้วยได้ง่ายๆนะยะ”

“โถ นังคนหลงตัวเอง”หญิงสาวเบะปากไม่จริงจัง เพราะที่เพื่อนชายใจสาวพูดมันไม่มีอะไรที่ผิดเลยเมื่อไม่นานมานี้ธาวินก็เพิ่งได้รับโหวตให้เป็นหนุ่มในฝันที่สาวๆอยากได้มาเป็นคู่ครองจากการทำแบบสอบถามของหญิงสาวหนึ่งแสนคนหน้าตาทางสังคม ธาวิน โชคทรัพย์นิยม เป็นนักธุรกิจหนุ่มหล่อเจ้าสำอางมากความสามารถลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของท่านนายพลเปรมปรีดิ์กับคุณหญิงพิศมัย

“อีกอย่างนะนังกิ่งแกฝันถึงเงินก้อนโตตอนหย่ากันได้เลย”เพื่อนหนุ่มใจสาวสำทับด้านดี

“อือ”

หญิงสาวทิ้งตังลงนอนหลับตาลงไปอีกครั้งด้วยความรู้สึกหนักหน่วงในใจหลังจากวางสายจากเพื่อนรักโดยมีกะทินอนซบอยู่ข้างๆด้วยสัมผัสได้ว่าแม่กำลังไม่สบายใจ รฐากรตะแคงข้างมาทางลูกรักโอบกอดเบาๆด้วยความทะนุถนอม

“รักกะทิจัง” หญิงสาวพร่ำพูดทั้งที่ยังหลับตา

‘รักเถอะ ก็กะทิน่ารัก’แมวเหมียวน้อมรับคำชมพร้อมให้เหตุผล ไม่นานก็พากันหลับไปทั้งคนทั้งแมว

ณฐกรเปิดประตูเข้ามาในห้องพี่สาวส่ายหน้าน้อยๆด้วยความเอ็นดูเมื่อเห็นพี่สาวหลับใหลไปอีกแล้วพร้อมกับแมวตัวโปรด

ธาวินเดินเข้ามาในบ้านด้วยสภาพอิดโรยเพราะเมื่อคืนกลำศึกมาอย่างหนักกับหนุ่มคู่ขา

“คุณวินคะคุณท่านสั่งไว้ว่าถ้าคุณวินกลับมาให้ขึ้นไปพบที่ห้องทำงานค่ะ” ธาวินชะงักหันมองป้าเพ็ญศรีแม่บ้านใหญ่ของที่นี่

“ขอบใจจ่ะป้า”ชายหนุ่มพยักหน้าน้อยๆก่อนจะเดินขึ้นไปด้านบนจากที่คุยกับกิ่งเมื่อเช้าก็พอจะเดาได้ว่าพ่อกับแม่ต้องการจะคุยอะไรกับเขา ก็ ส..ม สบายมากอยู่แล้ว ชายหนุ่มลั้นลามองไม่เห็นปัญหาแต่จริงเหรอที่จะไม่มีปัญหา? !!

ท่านนายพลเปรมปรีดิ์กับคุณหญิงพิศมัยมองลูกชายที่เดินเข้าในสภาพอิดโรยด้วยสายตาอ่อนใจเพราะแบบนี้ไงถึงต้องให้รีบแต่งงานจะได้เลิกเหลวไหลสักที

“พี่กับแม่มีธุระอะไรกับผมเหรอครับ”ชายหนุ่มนั่งลงโดยไม่ต้องรอให้เชิญ สองสามีภรรยามองหน้าบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนเป็นคุณหญิงที่พูดออกไป

“พ่อกับแม่อยากให้วินแต่งงาน”ชายหนุ่มทำเป็นตกใจแนบเนียนดั่งจบเอกการแสดงซึ่งเป็นพรสวรรค์ส่วนตัวโดยไม่ต้องร่ำเรียน หรือที่ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่าตอแหลเก่งนั้นเอง

“จะให้ผมแต่งงานกับใครครับ”แนบเนียนอีกตามเคยกับสายตาฉงนสุดสงสัย สองสามีภรรยาหันมองตากัน คราวนี้เป็นท่านนายพลได้พูดบ้าง

“กับหนูกิ่ง” ชายหนุ่มทำนิ่งไป หลังจากนี้อยากให้ท่านทั้งสองเป็นฝ่ายพูดมากกว่า

“แกคิดเห็นว่ายังไง”ชายหนุ่มยังนิ่ง

“ครอบครัวเราก็สนิทสนมกันมานานและแกก็สนิทสนมเข้ากันดีกับหนูกิ่งพ่อกับแม่คิดเห็นตรงกันแล้วว่าหนูกิ่งเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมคู่ควรกับแกที่สุด”ฟังถึงตรงนี้ธาวินก็แทบจะหลุดขำออกมาก็ยัยกิ่งเนี่ยนะเพียบพร้อมคู่ควรนอกจากทำงานเก่งแล้วเรื่องอื่นก็ไม่เห็นจะได้เรื่อง อ่อลืม หล่อนยังดื่มเหล้าเก่งด้วยแก้วต่อแก้วกับเขาตลอดเหอ เหอ

“ก็แล้วแต่พ่อกับแม่แล้วกันครับผมยังไงก็ได้” ธาวินโชว์แมนเอาใจพ่อกับแม่

“มันก็ควรเป็นอย่างนั้น”ท่านนายพลเป็นคนพูด

“แต่การแต่งงานครั้งนี้มีเงื่อนไขอยู่หนึ่งข้อคือแกต้องมีลูกกันทันทีหลังจากแต่งงาน” หือ!ธาวินถึงกับเหวอกับเงื่อนไขโลกแตกก็เขากับกิ่งจะมีลูกด้วยกันได้ยังไง ฟ้าผ่าตายกันพอดี

“แต่ผมกับกิ่งคงยังไม่พร้อม”ชายหนุ่มรีบออกตัวทันควัน

“มีอะไรที่แกกับหนูกิ่งยังไม่พร้อมแค่ทรัพย์สมบัติของสองครอบครัวรวมกันแกสองคนกินกันไปสิบชาติก็ไม่หมดเลี้ยงลูกได้ร้อยคนละม้าง” เจอเหตุผลนี้ก็ไม่อาจจะปฏิเสธแต่คำว่าลูกร้อยคนนี่ซิพาให้ขนหัวลุก

“พ่อกับแม่ได้คุยกับพ่อแม่ของหนูกิ่งแล้วว่าภายในปีนี้หลังจากแต่งงานถ้าแกกับหนูกิ่งไม่พยายามช่วยกันทำให้ท้องจะตัดหางปล่อยวัดแกสองคนให้ไปอยู่กันแบบตามมีตามเกิดโทษฐานไร้น้ำยา”

“หือชายหนุ่มเหวอยกกำลังสิบกับความไร้เหตุผลของท่านทั้งสองไม่ซิต้องทั้งสี่เพราะต้องรวมคุณลุงคุณป้าพ่อแม่ของกิ่งด้วย

“ไม่ต้องหือหาอะไรทั้งนั้น แกมีหน้าที่ทำตามเงื่อนไข และก็ออกไปได้แล้ววันนี้วันหยุดพ่อกับแม่จะสวีทกัน”ท่านนายพลหันมาส่งตาหวานให้ภรรยา

“ไปซิ จะอยู่เป็น กขค. ทำไม” คุณหญิงช่วยไล่อีกคน ธาวินมองทั้งสองเซ็งๆแต่ก็ไม่กล้าออกอาการมากเดี๋ยวเกิดเงื่อนไขเพิ่มขึ้นจะพากันแย่ไปหมด

“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”

“เชิญ” เมื่อคุยธุระจบท่านนายพลก็ไร้เยื่อไยกับลูกชาย เพราะรู้ดีว่าอ่อนข้อให้ไม่ได้เจ้านี่มันเทคนิคเยอะคุยมากไม่ดีเดี๋ยวแพ้ทางมัน

ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินหงอยๆออกไปสภาพดั่งลูกเมียน้อยที่อาศัยอยู่ในบ้านเมียหลวงเมื่อลูกชายลับตาไปสองสามีภรรยาก็คิกคักที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผนก็ถ้าไม่มีเงื่อนไขแบบนี้ชาติไหนจะได้อุ้มหลาน เจ้าสองคนคงพากันลั้นลาใช้ชีวิตเสรีกันไปวันๆหนะซิคุณหญิงรีบโทรทางไกลหานงเยาว์เพื่อนซี้แม่ของรฐากรทันที

“ตามแผนจ่ะเยาว์เหลือแต่ทางหล่อนแล้วเอาให้อยู่หละ”

“ไม่พลาดอยู่แล้ว”นงเยาว์มั่นใจ ก็ถ้าเป็นคำสั่งจากเธอคนในบ้านเคยมีใครกล้าหือเหรอ

หลังจากวางสายทั้งสองครอบครัวก็พากันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ฝันไกลว่าจะได้อุ้มหลานตัวน้อยในเร็ววัน

คุณหญิงนงเยาว์หันมองสามีแปลกใจที่ลูกสาวตกลงปลงใจได้ง่ายดายรฐกรมองพ่อกับแม่นัยน์ตาใสซื่อดั่งไม่มีสิ่งใดในใจ

“แกปกติดีอยู่หรือเปล่า”ผู้เป็นแม่หันกลับมาถามลูกสาวคนโตให้แน่ใจ

“ทำไมหละคะพ่อกับแม่อยากให้กิ่งแต่งงานกับวินกิ่งก็โอเคไงคะวินก็เป็นคนหล่อเป็นคนดีและเข้าใจกิ่งที่สุด”

สองสามีภรรยาหันมองกันอีกครั้ง ต่างคิดตรงกันว่าถ้ารู้ว่าง่ายแบบนี้โทรมาคุยก็ได้ไม่ต้องรีบสะสางงานที่มีมากมายบานตะไทเพื่อบินกลับเมืองไทย

“แต่มันไม่ใช่แค่แต่งงานอย่างเดียวนะเพราะแกกับตาวินต้องมีลูกกันทันทีหลังจากแต่งงานด้วย”

“แต่การมีลูกมันไม่ใช่ว่าผสมพันธ์กันแล้วมันจะเกิดได้ทันทีนะคะ”รฐกรให้เหตุผลที่คิดไว้ก่อนพ่อแม่จะบินกลับมา หลังจากได้รับแจ้งเตือนภัยจากธาวินเพื่อนรัก

“ใช่ฉะนั้นแกสองคนต้องไปตรวจสุขภาพก่อนแต่ง หากร่างกายของแกทั้งสองคนพร้อมก็หมดปัญหา”

“และถ้าไม่พร้อมหละคะ”รฐกรยังไม่ยอมจนแต้ม

“ไม่มีทางนงเยาว์มั่นใจเต็มเปี่ยมเพราะเธอกับเพื่อนรักได้คุยเรื่องนี้กันมาแล้ว ทั้งสองครอบครัวไม่มีปัญหาทางพันธุกรรมที่จะมีผลกับการมีลูกยากและลูกชายกับลูกสาวของพวกเราก็แข็งแรงยังกับควายถึกบ้าออกกำลังกายกันทั้งคู่ว่างตรงกันเป็นไม่ได้ต้องมาพากันไปฟิตเนส หรือถ้าเย็นค่ำก็จะชวนกันไปวิ่งในสวนสาธารณะ

รฐกร นิ่งไปคิดไม่ตก

“แกไม่ต้องคิดอะไรแล้วทำตามที่พ่อกับแม่บอกก็พอและก็ออกไปได้แล้วพ่อกับแม่จะพักผ่อน” นงเยาว์รีบผลักไสเพราะไม่อยากต้องเหนื่อยหน่ายแก้ไขหากลูกสาวเกิดจะมีปัญหาแม่นี่ก็อีกคนคุยด้วยมากๆไม่ได้เดี๋ยวแพ้ทาง ไม่รู้ได้กะล่อนมาจากใครรฐกรเหลือบตามองพ่อหวังพึ่งพิงแต่ผู้เป็นพ่อก็ชัดเจนทางแววตาว่าอย่าหวังให้พ่อช่วยอะไรเลย อำนาจไม่ได้อยู่ที่พ่อ

“ไปซิ มานั่งทำตาละห้อยอะไร” นงเยาว์เล่นบทโหดที่ปกติลูกผัวก็ใช่จะเกรงกลัวแค่รักมากจนต้องยอมกันทุกครั้งไปยอมกันจนกลายเป็นวัฒนธรรมในครอบครัวไปแล้ว

“ค่า…”รฐกรลุกขึ้นและเดินหงอยๆออกจากห้องไป เมื่อลับตาลูกสาว

นงเยาว์ก็รีบจะไปหาโทรศัพท์โทรรายงานเพื่อนรักทันทีแต่ก็ต้องชะงักเพราะสามียื่นโทรศัพท์ที่ต่อสายแล้วมาให้

“ฉันรักคุณเพราะแบบนี้แหละค่ะ”นงเยาว์หยิกแก้มสามีเอาใจก่อนจะรับโทรศัพท์มาแนบหู

“เรียบร้อยแล้วจ้ะแม่พิศก็บอกแล้วยี่ห้อนงเยาว์ไม่เคยทำให้ผิดหวัง” สองเพื่อนรักพากันหัวเราะคิกคักโดยสามีของทั้งคู่ก็อยู่ข้างๆด้วยต่างอิ่มใจที่ภรรยาของตนมีความสุขก็เพราะมันคือความรัก

ณฐกรและเจ้ากะทิยืนรอเป็นกำลังใจให้อยู่หน้าประตูแต่เห็นสภาพหงอยเหงาของหญิงสาวแล้วก็รู้ทันทีว่าศึกครั้งนี้ได้พ่ายเป็นแน่แล้วหญิงสาวเดินหงอยๆเข้าห้องเข้าห้องตัวเองไปโดยมีน้องชายและเจ้ากะทิเดินตามไปด้วยเจ้ากะทิเดินตามแม่เข้าห้องไปส่วนน้องชายหยุดยืนแค่หน้าประตูเมื่อประตูปิดลงเขาจึงเดินหงอยๆออกไปเพราะเห็นใจพี่สาว สุขทุกข์ที่อยู่ในใจของพี่สาวถึงเขาเสมอก็เรามีกันแค่สองคนพี่น้อง

รฐกรทิ้งตัวลงคว่ำหน้ากับที่นอนต้องการใช้สมาธิขั้นสูงในการคิดแก้ปัญหาส่วนเจ้ากะทิก็ไม่กวนใจนอนนิ่งอยู่ข้างๆให้แม่รู้ว่าไม่หนีไปไหน เงียบนานจนกะทิชักเป็นห่วงจึงไต่ขึ้นไปบนหลังแต่แม่ก็ยังนิ่งจึงใช้ทั้งสี่เท้านวดให้ แต่แม่ก็ยังนิ่งอยู่อีกเจ้ากะทิจึงแน่ใจว่าแม่หลับไปแล้วนี่แหละธรรมชาติของแม่คือนิ่งเป็นหลับ

ธาวินนัดรฐกรออกมาปรึกษาหารือที่ร้านอาหารเพื่อหาทางออกร่วมกัน

“ยังไงฉันก็ไม่ยอมอุ้มท้องเด็ดขาด” รฐกรรีบออกตัว

“ฉันก็ไม่มีปัญญาทำแกให้ท้องหรอก”แล้วทั้งคู่พากันถอนหายใจเฮือกใหญ่

“หรือเราจะยอมออกไปสู้ชีวิตกันดีเงินเดือนอาจารย์มหาวิทยาลัยก็พอยาไส้อยู่นะ แกก็ไปเปิดบริษัทใหม่เลยเส้นสายเยอะแยะไม่ใช่เหรอ”

“อกตัญูญูหนะซิ” ชายหนุ่มไม่เห็นด้วย

“แกว่าพ่อแม่ฉันกับแกทำไปเพราะหวงสมบัติหรือไงที่ท่านร่วมมือกันก็เพราะอยากอุ้มหลาน” ธาวินตีโจทย์แตกแต่ก็กำลังหัวจะแตกเพราะคิดแก้โจทย์ยังไมได้

“แกก็ท้องแบบไม่ต้องผสมพันธุ์ไง”ชายหนุ่มผลักภาระออกไกลตัว

“ไม่ยังไงฉันก็ไม่ยอมตั้งท้องเด็ดขาด 9 เดือนเชียวนะที่ฉันต้องเดินท้องโตประจานตัวเองว่าไปทำอะไรมาไม่เอาเด็ดขาดยังไงก็ไม่เอา” รฐกรขนลุกเมื่อคิดถึงสภาพที่ตัวเองต้องท้องโตเดินอุ้มท้องไปไหนมาไหนโดยมีเด็กนอนอยู่ในท้อง แล้วก็ไม่รู้ว่าท้องจะแตก แขนขาเด็กจะทะลุออกมาเมื่อไหร่สยองมาก!

“แต่มันก็ไม่มีทางออกอื่นแล้วนะ” ธาวินเสียงอ่อนหวังโน้มน้าว

“พอ หยุดเลยนังวินไม่ต้องมาใช้มารยาโน้มน้าวฉันเลย” หญิงสาวเสียงแข็งไม่หลงกล

“งั้นก็ต้องหาคนมาท้องแทนแก”ชายหนุ่มพูดไปส่งๆเพราะอารมณ์เสียเพื่อนชะนีที่ไม่ยอมเสียสละ

“ใช่!!เราต้องหาคนมาท้องแทนฉัน” รฐกรนัยน์ตาเป็นประกายเห็นทางออก

“เรื่องใหญ่นะโว้ยใครเขาจะมาทำอะไรบ้าๆแบบนั้น” ชายหนุ่มยังไม่เห็นทาง

“เงินไง เงินทำให้เรื่องใหญ่เล็กลงได้”ธาวินคิดตาม

“ยังไงวะ”

“เราก็เอาเงินจ้างผู้หญิงสักคนมาตั้งท้องแทนฉันไง”

“อะไร ยังไง งง แล้วแกหละ” ชายหนุ่มยังไม่เก็ท

“ฉันก็แกล้งท้องไงพอถึงกำหนดคลอดเราก็เอาเด็กมา”

“ให้เลี้ยงลูกคนอื่นไปชั่วชีวิตอ่ะนะ ไม่เอาหรอกฉันไม่ได้พ่อพระขนาดนั้น”ชายหนุ่มไม่เห็นด้วย

“ลูกคนอื่นที่ไหนเล่าก็ลูกแกกับฉันนี่แหละแค่เอาไปฝากไว้ในท้องคนอื่นที่เขาเรียกว่าอุ้มบุญไง” อีกครั้งที่ธาวินคิดตาม

“นิยายไปป่ะวะ”

“ไม่รู้ รู้แค่ว่ามันเป็นทางรอดเดียวในตอนนี้” เมื่อเรื่องมาถึงตรงนี้ทั้งคู่ก็ยิ่งต้องคิดหนัก

“แล้วจะเอาผู้หญิงที่ไหนมาอุ้มท้องวะ”ชายหนุ่มรำพันออกมา

“ก็ต้องหา” หญิงสาวพูดลอยๆแล้วต่างคนต่างช่วยกันครุ่นคิดหาทางออก




 

Create Date : 15 ธันวาคม 2556    
Last Update : 24 มีนาคม 2557 7:42:48 น.
Counter : 1271 Pageviews.  


writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.