Group Blog
 
All blogs
 

หรือจะเป็นเพราะว่าเรา...รักกัน Yuri 20

พัดชายันตัวขึ้นพยายามทำทุกอย่างให้เบาที่สุด เธอไม่อยากให้คนที่นอนข้างๆตื่นขึ้นมาตอนนี้ เสื้อผ้าที่กระจัดกระจายถูกเอื้อมหยิบมาทีละชิ้นอย่างยากเย็น

“ทำอะไร ได้ฉันแล้วคิดจะชิ่งเหรอ” พัดชาสะดุ้งสุดตัวหันขวับมามองเจ้าของเสียงที่กำลังมองเธออยู่เหมือนกัน หน้าที่แดงกล่ำของพัดชาก็ไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรืออายกันแน่ มีสิ่งหนึ่งที่เธออยากทำที่สุดแต่ไม่กล้าทำในตอนนี้คือเธออยากจะร้องกรี๊ดออกมาดังๆใส่ผู้หญิงคนนี้ให้หูแตกตายไปเลย พูดออกมาได้ยังไงว่าได้แล้วชิ่ง ใครได้ใคร? เธอไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยนะ

“ทำไมจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ ให้ฉันช่วยรื้อฟื้นความจำให้มั้ยว่าเมื่อคืนมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง” อริสราทำท่าจะขยับเข้าไปหา

“ว้าย!! หยุดเลยนะอย่าเข้ามานะ” พัดชาหน้าตาตื่น กระชับผ้าห่มไว้แน่น

“อย่าดึงสิ ฉันก็โป๊อยู่เหมือนกันนะ” อริสราแกล้งดึงผ้าห่มเบาๆ

“อะไรของคุณเนี่ย” พัดชายิ่งจับผ้าห่อตัวไว้แน่นหงุดหงิดสุดกำลัง

“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ฉันแค่เมาและก็หลับไป เข้าใจให้ตรงกันด้วย”

“เหรอ” อริสราทำท่าครุ่นคิด

“แต่เรื่องที่ฉันจำได้มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยนะ ก็เมื่อคืนเธอออกจะเร่าร้อนเชิญชวนฉันทั้งคืนเลยนะพัดชา... จำไม่ได้เลยเหรอ” อริสราใช้สีหน้าและแววตายืนยันคำพูดของตัวเอง พัดชาหน้าซีดจนแทบไม่มีสีเลือด ไม่… ถ้ามันเกิดขึ้นจริงเธอก็น่าจำอะไรได้บ้าง

“ไม่จริง” พัดชาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และหันไปวุ่นวายกับการรวบรวมเสื้อผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยของตัวเองจัดการใส่ทุกอย่างภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ คิดเคืองอริสราอยู่ในใจที่หล่อนนอนมองเธออย่างสบายอารมณ์ ไม่รู้จะมองให้ได้อะไรเพราะเธอทำอะไรได้ไม่สะดวกเลย เมื่อแต่งตัวเสร็จก็รีบลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างรีบร้อนเพื่อตรวจตราความเรียบร้อย เธอต้องการไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด

กรี๊ด!!

เสียงกรี๊ดดังสนั่นลั่นห้องทำให้อริสราต้องถอยทับออกมานั่งข้างนอก เพราะไม่งั้นคงได้หูแตกตายสมใจพัดชาแน่ๆ ฝ่ายพัดชาที่ตอนนี้กำลังคลั่งกับรอยคริสมาร์กที่ซอกคอขาวของตน ที่ยิ่งอยากจะถูให้มันออกแต่มันกลับยิ่งแดงประจานยิ่งทำให้ขัดใจ หญิงสาวนิ่งมองตัวเองในกระจกฉุกคิดถึงที่มาของรอยแดงที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่าได้มายังไง ตอนไหน และที่มันมากกว่านั้นล่ะ โอ๊ย!!อยากจะบ้า นี่มันวันโลกแตกชัดๆ

พัดชาเดินออกมาจากห้องน้ำ เธอไม่เห็นอริสราอยู่บนเตียงแล้ว เมื่อเดินออกมาจากห้องก็เห็นหล่อนนั่งดื่มกาแฟอย่างสบายอารมณ์ในชุดเสื้อคลุมในห้องรับแขก ไม่มีท่าทีสนใจอะไรเธอ ก็ดีแล้วเธอยังไม่พร้อมไม่ว่าจะเรื่องอะไรทั้งนั้น

หลังจากได้ยินเสียงปิดประตูห้อง อริสราก็หลุดยิ้มออกมา แม้จะไม่ได้นอนทั้งคืน แต่เช้านี้ก็เป็นเช้าที่สดชื่นมากสำหรับเธอ ในวันที่เธอมั่นใจว่าพัดชาจะไม่ไปเป็นปัญหาในความรักของหลานสาวเธอ เธอจะเฉลยความจริงทุกอย่าง ว่าเมื่อคืนมันไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น พัดชาก็แค่หลับไปจริงๆ แต่เธอนี่สิไม่ได้หลับเลย เพราะต้องนอนข่มใจระงับอารมณ์หื่นของตัวเอง ก็เธอไม่ใช่พระอิฐพระปูนสักหน่อยจะได้ไม่หวั่นไหว พัดชาก็ใช่จะขี้ริ้วขี้เหร่ถึงขนาดขั้นสวยถูกใจเธอเลยแหละ และที่สำคัญหล่อนนอนเปลือยกายอยู่ในระยะเอื้อมแขน เมื่อตอนปล้ำถอดเสื้อผ้าหล่อนเลือดก็แทบจะไหลหมดตัว เธอพยายามที่จะถูกตัวเจ้าหล่อนให้น้อยที่สุดแต่เจ้าหล่อนก็ดินไปดิ้นมาให้ความร่วมมือเสียที่ไหน ไม่ห่วงความปลอดภัยของตัวเองบ้างเลย อริสราอมยิ้มอิ่มใจยกกาแฟขึ้นมาจิบอย่างมีความสุข

ในระหว่างที่อยู่ในลิฟท์ พัดชาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรให้คนที่บ้านมารับ หลังจากวางสายไปไม่ทันจะได้เก็บก็มีเสียงเตือนว่ามีข้อความเข้า เมื่อเปิดดูก็แทบจะสิ้นสติ เพราะเธอเห็นรูปตัวเองชัดเจนเลยร่างกายเปลือยเปล่านอนจูบอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากอริสรา ฉลาดมากที่ทำให้ภาพดูไม่ออกว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร พัดชากำโทรศัพท์แน่นเพื่อข่มอารมณ์โกรธ อะไรกันเนี่ยทำไมต้องทำกับเธอขนาดนี้ จ้างมือปืนมายิงให้ตายๆไปเลยดีมั้ยจะได้จบๆพัดชาคิดเคืองๆ แต่ตอนนี้เธอกำลังสับสนกับจูบ พัดชายกมือขึ้นลูบที่ริมฝีปากของตัวเองทำไมเธอถึงรู้สึกว่าเธอจูบกับณัฐนะ เธอยังจำความรู้สึกแสนหวานและอ่อนโยนในอารมณ์นั้นได้ดี แต่มันก็คงเป็นแค่ฝันไปจริงๆกับณัฐตอนนี้แค่หน้ายังไม่อยากจะมอง จะเอาอะไรกับจูบ แต่อย่างน้อยครั้งหนึ่งณัฐก็เคยจูบเธอนะถึงจะไม่ได้เพราะเสน่หาก็เถอะ

ณัฐกานดาเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อเห็นรุ่นพี่สาวหล่อคู่กรณี มายืนเหมือนรอใครอยู่ที่หน้าคณะ ขนาดกล้ามาหยามกันถึงถิ่นเลยเหรอหรือที่โดนไปวันนั้นยังไม่เข็ด อินทิราเดินเข้าไปหาณัฐกานดาทันทีเมื่อเห็น ถึงจะเห็นรอยเย้ยหยันจากอีกฝ่ายแต่ก็ทำเป็นไม่ใส่ใจ

“ขอคุยด้วยหน่อยสิ” ทั้งคู่สบตากันนิ่ง ณัฐหันไปหาเพื่อนสนิท

“แยกกันเลย พรุ่งนี้เจอกัน” ทุกคนทำหน้าเข้าใจแล้วก็แยกย้ายกันไป ณัฐดูเท่มากในสายตาของอิน เธอรู้สึกแบบนี้มาตั้งแต่เห็นครั้งแรกแล้ว สวยแบบเท่ๆแต่ก็นะคนหน้าตาดีสองคนมาเจอกันมันก็ต้องมีเขม่นกันบ้าง อีกอย่างเธออิจฉาณัฐที่ได้หัวใจผู้หญิงที่สวยพร้อมจิตใจดีอย่างน้ำฟ้าไป หากแต่วันนี้เธอยอมรับแล้วจากใจทั้งสองควรคู่แก่กัน

ทั้งคู่พากันเดินหามุมสงบ ณัฐเดาว่าอินคงอยากจะมาพูดเรื่องวันนั้น

“พี่มาขอโทษเรื่องวันนั้นที่ไร้สติ พี่เสียใจ” อินแสดงความจริงใจออกมาทางแววตา เธอเสียใจจริงๆนึกขอบคุณที่เธอทำเรื่องแย่ๆวันนั้นไม่สำเร็จเพราะหากทำสำเร็จเธอคงได้เสียใจมากกว่านี้ ที่ทำร้ายผู้หญิงดีๆอย่างน้ำฟ้า

“ณัฐคงรู้เรื่องหมดแล้วรวมถึงเรื่องพีทด้วย” ณัฐแค่พยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร

“พี่ต้องขอโทษแทนพีทด้วย และอยากให้ณัฐเข้าใจอย่าผูกใจเจ็บกับพีทเลย แม่เขาเสียไปตั้งแต่เด็ก เขาอยู่กับพ่อที่เจ้าชู้มีผู้หญิงมากหน้าหลายตาไม่ค่อยมีเวลาให้และเลี้ยงเขาด้วยเงินมาตลอด พีทขาดความรักและไม่มีผู้ใหญ่ที่ดีคอยสั่งสอน แต่พี่ก็เชื่อนะว่าความรักที่บริสุทธิ์จากคนที่เขารักและรักเขาจะเปลี่ยนเขาได้” ณัฐฟังนิ่งไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆแต่สมองก็คิดตามตลอด สุดท้ายเรื่องมันก็มาจบลงตรงที่ว่าเรื่องร้ายมันยังไม่เกิดขึ้นและก็จับตัวผู้ร้ายได้สำเร็จโทษไปแล้วด้วย และตอนนี้ผู้ร้ายก็มาสารภาพผิดแล้ว ถึงจะซัดทอดถึงบุคคลอื่นด้วยแต่ก็ไม่ได้เป็นการโยนความผิดถือเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี มีผลเป็นบวกต่อการพิจารณาโทษ ในเมื่อจำเลยมาสารภาพผิด ก็ให้ลดโทษกึ่งหนึ่ง ส่วนโทษที่เหลือก็รอลงอาญา จบ…

ณัฐยื่นมือออกไป อินถึงจะไม่เข้าใจอารมณ์คนตรงหน้าเท่าไหร่แต่ก็ตื่นเต้นยินดีที่หล่อนยอมรับและให้อภัยเธอ ทั้งคู่ยืนจับมือกันแบบกระชับแน่นจริงใจ

“ขอเวลาเราสักพักฟ้าต้องการเวลาเพราะเธอเปราะบางมาก” อินพยักหน้าเข้าใจ เธอรู้สึกผิดจริงๆ

“มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกนะ” อินยื่นนามบัตรให้ไป ทั้งคู่ยิ้มให้กันอย่างเป็นมิตร

ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร มันเป็นเรื่องที่สอนเราว่าอย่าใช้ชีวิตอย่างประมาทกับคนที่เป็นทั้งมิตรและศัตรู แต่ก็อย่าหวาดระแวงจนชีวิตขาดความสุข ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้และเราก็เรียนรู้จากมันได้ด้วยเหมือนกัน

พัดชาหยิบโทรศัพท์ที่กำลังดังขึ้นมาดู เธอไม่ปรารถนาจะเห็นเบอร์นี้เลยตลอดชีวิต ไม่อยากรับเลยแต่ก็ต้องรับเกิดไปขัดใจหล่อนเข้าก็ไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรอีก

“ค่ะ” ห้วน สั้น แสดงออกเต็มที่ว่าไม่อยากยุ่ง ไม่อยากคุย ไม่อยากเจอ ทั้งที่รู้ว่าทำไปก็เท่านั้น คนหน้ามึนชิส์

“พรุ่งนี้เธอมาหาฉันที่โรงแรมตอนหกโมงเช้า เตรียมเสื้อผ้าสำหรับไปทะเลสองวัน ไม่ต้องมีคำถามเพราะฉันขี้เกียจตอบและถ้าพรุ่งนี้เธอไม่มา ฉันก็คงมีเรื่องมากมายคุยกับเธอ” ตื๊ดๆๆ สายถูกตัดไป

“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ยัยบ้า” พัดชาตะโกนใส่โทรศัพท์ ทั้งที่รู้แก่ใจว่าปลายสายวางไปแล้ว

ติ๊ดๆๆ ในระยะนับ 1 ไม่ถึง 10 ก็มีเสียงเตือนว่ามีข้อความเข้ามา เบอร์เป็นของคนเดิม และเมื่อเปิดดูก็ยิ่งทำให้ของขึ้น เพราะมันเป็นรูปเหตุการณ์วันโลกแตกที่ไม่ซ้ำกับรูปที่เธอได้รับในวันนั้น ‘มีกี่รูปกันเนี่ย บ้าที่สุด’

ติ๊ดๆๆ มีข้อความเข้ามาอีกจากคนเดิม

‘มีอีกเยอะเลย อยากดูอีกให้บอกจะจัดให้ ถ้าอยากจะมาถ่ายกันใหม่ก็พร้อมเสมอ’

“กรี้ด…” พัดชาแผดเสียงดังลั่นห้องเพื่อระบายอารมณ์ ทำไมถึงเอาแต่ใจเอาแต่ได้กับเธอแบบนี้ ไม่คิดถามเธอเลยหรือไงว่าว่างหรือเปล่า หรืออยากไปมั้ย เอาแต่สั่งๆๆแล้วก็ใช้วิธีเจ้าเล่ห์กับเธอสารพัดเพื่อบังคับเธอ ปีศาจชัดๆ เวรกรรมอะไรของเธอกันเนี่ย

พัดชาเดินหน้าง้ำเข้ามาในโรงแรมทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างแรง เธอแค่อยากระบายออกบ้างว่าเซ็งมาก คราวนี้เธอระวังตัวอย่างดีเพราะกลัวจะโดนจอมเจ้าเล่ห์ใช้วิธีประหลาดๆอีก

พัดชามองเห็นอริสรากำลังเดินมา ผู้หญิงคนนี้เหมาะกับคำว่าสวยเท่ หน้าตาคมสะสวย ผิวขาวสะอาดสะอ้าน รูปร่างสูงโปร่งเหมือนใครสักคน พอได้สติพัดชาก็สะบัดหัวไล่ความคิดที่ไม่พึงปรารถนา

“มองฉันแล้วเคลิ้มเนี่ยหมายความว่ายังไง หรือว่าหลงเสน่ห์ฉันเข้าแล้ว” อริสราพูดยิ้มๆมองพัดชาไม่วางตา เธอยอมรับว่าหลงเสน่ห์สาวน้อยคนนี้ตั้งแต่แรกเห็นแล้ว

“ไม่มีทาง ชิส์” พัดชาส่งค้อนอันใหญ่กลับไป มองเมินไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาคนตรงหน้า อริสราพยักหน้าน้อยๆแต่ก็ยังไม่ยอมละสายตาจากคนสวยหน้าง้ำ

“แต่คนโสดอย่างฉัน ก็น่าสนใจมากกว่าคนที่มีเจ้าของแล้วนะ” พัดชาหันมองคนพูดแทบจะทันที อาจารย์อริสราพูดอะไร? หล่อนรู้อะไร? ตอนนี้ทั้งคู่สบตากันนิ่ง แววสับสนปนสงสัยของพัดชาสร้างอารมณ์ดีให้อริสรา ยอมรับแบบไม่คิดสร้างภาพ พัดชามีผลกับความรู้สึกของเธอ อริสราไม่พูดอะไรต่อเดินนำออกไป แต่ก็อดคิดต่อไม่ได้ว่า ‘แล้วเธอล่ะมีผลกับจิตใจหล่อนบ้างหรือเปล่า’

อริสราขับรถพาพัดชามาที่เกาะลอย ซึ่งเป็นเกาะเล็กตั้งอยู่กลางทะเล เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของอำเภอนี้ พัดชาที่ไม่รู้ข้อมูลอะไรเลยอดไม่ได้ที่จะต้องถาม

“มาที่นี่ทำไมคะ”

“เราจะข้ามไปเกาะสีชังกัน” ‘เกาะสีชัง’ เธอรู้จักเกาะนี้จากการเรียนวิชาท้องถิ่นของเรา รู้ว่ามีแต่ไม่เคยไป อริสราเปิดประตูรถออกไปมองหาคนที่นัดกันไว้ แล้วก็ยิ้มนิดๆกับภาพที่เห็น พัดชาตามออกมาและมองตามในทางที่อริสรามอง ภาพที่เห็นทำเธอใจหายวาบ เธอเห็นณัฐกับฟ้ากำลังถ่ายรูปหยอกล้อกันอย่างมีความสุข อริสรามองพัดชายิ้มนิดๆ

“ณัฐกับฟ้าจะไปกับเราด้วย” เหมือนพัดชาจะอยู่ในอาการช็อก อะไรกันอริสรารู้จักกับคนคู่นี้ได้ยังไงและเพิ่งจะมีกรณีพิพาทกันมาจะให้ไปเที่ยวด้วยกันเนี่ยนะ นี่มันทริปคู่กรณีชัดๆศึกรอบด้านขนาดนี้เธอรับมือไม่ไหวแน่ เมื่อได้สติพัดชารีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที

“ฉันคงไม่สะดวกไปกับคุณแล้ว ยังไงก็ขอให้เที่ยวสนุกนะคะ” พัดชาส่งยิ้มหวาน ก่อนจะหันไปเปิดประตูรถเพื่อจะหยิบสัมภาระของเธอออกมา แต่อริสราเดินไปดันประตูปิด พยายามที่จะสบตากับหล่อน

“ทำไมล่ะพัดชา เธอรู้จักสองคนนี้ดีไม่ใช่เหรอ ณัฐก็น้องรหัสของเธอนี่ ฟ้าก็เป็นรุ่นน้องในชมรมเชียร์ เธอสนิทสนมกับสองคนนี้ดีไม่ใช่เหรอ” โหย!! ข้อมูลแน่นมาก ตอนนี้พัดชากำลังเป็นวัวสันหลังหวะ กลัวขึ้นมาจับใจว่าอริสราจะรู้เรื่องที่เธอก่อกับน้ำฟ้า ทั้งคู่จะบอกเรื่องนี้กับหล่อนหรือเปล่า แล้วหล่อนเป็นอะไรกับคนทั้งคู่กันเนี่ย สนิทสนมกันขนาดไหนถึงได้ชวนกันไปเที่ยวค้างอ้างแรมแบบนี้

พัดชาดูหน้าซีดมาก ดูท่าหล่อนจะกลัวการเผชิญหน้ากับสองคนนั้นมาก เธอกำลังใจร้ายกับหล่อนเกินไปหรือเปล่า ไม่หรอกน่าจัดการทุกอย่างให้มันจบๆไปดีกว่า เพราะอีกไม่นานเธอก็ต้องกลับไปอเมริกาแล้ว และก็ไม่รู้ว่าจะกลับมาอีกทีเมื่อไหร่ พัดชาไม่สนใจพยายามดึงประตูรถให้เปิดออกแต่คราวนี้อริสราเปลี่ยนจากจับประตูรถมาจับข้อมือหล่อนแทน พัดชามองหน้าจะเอาเรื่อง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้มีทีท่าสะทกสะท้าน

“ถ้าเธออยากให้เรื่องที่เรารู้กันแค่สองคนกระจายออกไป ก็ตามใจนะ แต่อยากให้คิดดีๆหากรูปพวกนั้นหลุดออกไปจะเป็นยังไง” อริสรายอมปล่อยมือและหันไปเปิดรถจัดการเอาข้าวของออกมารวมถึงของพัดชาด้วย หล่อนวางกระเป๋าของพัดชาไว้ และหยิบแต่ของตัวเองเดินออกไป ปล่อยให้อีกคนยืนเคว้งไร้ทางออกอยู่อย่างนั้น พัดชากำลังคิดถึงเรื่องที่อริสราขู่เธอ ถ้ารูปต่างๆที่หล่อนมีหลุดออกไปเธอจะเป็นยังไง คิดยังไงก็มีแต่เสียกับเสีย บ้าที่สุด สุดท้ายก็ตัดสินใจหิ้วกระเป๋าของตัวเองตามอริสราไปอย่างหมดทางเลือก

ณัฐกานดาและน้ำฟ้ามองคุณน้าคนสวยที่กำลังเดินมา และมองเลยไปที่พัดชา กังขากันอยู่ในใจว่าทำไมสองคนนี้ถึงมาด้วยกัน

“มาถึงกันนานหรือยังสาวๆ” ทั้งหมดส่งยิ้มให้กัน น้ำฟ้ายิ้มเลยไปให้พัดชาด้วยแต่ก็คงจะไม่ไปถึงเพราะพัดชาเอาแต่ก้มหน้าก้มตา

“ก่อนหน้าน้าไม่เท่าไหร่” ณัฐกานดาเป็นคนตอบและมองเลยไปที่พัดชาเป็นคำถาม แต่ก็ช้ากว่าน้ำฟ้าเพราะหล่อนเดินไปถึงตัวพัดชาแล้วแสดงอาการยินดีที่รุ่นพี่คนสวยจะร่วมทางไปด้วย

“พี่พีทกับน้าหนิงรู้จักกันด้วยเหรอคะเนี่ย ดีจังเลยค่ะคนกันเองทั้งนั้นเลย” ทั้งอริสราและพัดชา มีความสงสัยอยู่ในใจที่ตรงกัน ว่าน้ำฟ้าไม่รู้เรื่องที่พัดชาก่อขึ้นเหรอ ถึงไม่แสดงอาการโกรธหรือเคืองอะไรพัดชาเลย

“น้าหนิงรู้หรือเปล่าคะว่าพี่พีทเค้าเป็นดาวคณะวิศวะนะคะ ทั้งสวยทั้งเก่งเลยแหละค่ะ” น้ำฟ้าหันมาถามซื่อๆกับอริสรา หล่อนแสดงออกชัดว่าชื่นชมทั้งทางสีหน้าและแววตาจนพัดชาอดแปลกใจไม่ได้ว่าน้ำฟ้าใสซื่อบริสุทธิ์จริงๆ หรือหล่อนแค่เล่นละครเก่งกันแน่ เนียนมาก ทำเหมือนว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างกัน พัดชาทำแค่ยิ้มๆไม่ได้ตอบอะไรสายตาเธอมองไปที่ณัฐที่เดินมาประกบน้ำฟ้าเหมือนกลัวเธอจะกัดอย่างนั้นแหละ

“พีท ณัฐเป็นหลานแท้ๆของฉัน” อริสราหันมาแนะนำกันอย่างเป็นทางการ ‘พีท’ เป็นครั้งแรกที่อริสราเรียกชื่อเล่นของเธอ แต่คำพูดหลังจากชื่อของเธอนี่สิทำเธอแทบอยากจะล้มกลางอากาศ ใช่สิ เธอรู้สึกมาตลอดว่าอริสราเหมือนใครสักคนที่เธอคุ้นตา โอ่วว!!… เธอเกลียดทฤษฎีโลกกลม มิน่าล่ะตอนเอารูปให้ณัฐดูณัฐถึงบอกว่าไร้สาระ

“พีทเป็นคนที่น้าขับรถชนท้าย เราเลยรู้จักกันและตอนนี้เราก็กำลังคบกัน” อริสราแนะนำได้หน้าตาเฉยมาก ณัฐกับฟ้ามองหน้ากันงงๆ แต่พัดชากลับรู้สึกเหมือนโลกแตกอีกรอบ เธอเงยหน้ามองอริสราอยากจะถามว่าพูดบ้าอะไร แต่ก็ได้เจอกับสายตาพิฆาตหยุดโลกของหล่อน แค่ลำพังสายตาขี้เล่น เจ้าเล่ห์ เธอยังรับมือไม่ไหวเลยแล้วเจอสายตาร้ายกาจแบบนี้ ก็คงจะไม่ไหวยกกำลังสอง มีหลายอย่างบอกเธอว่าไม่ควรเสี่ยง เธอจึงยอมสงบปากสงบคำไปโดยดี อย่างน้อยก็รักษาชีวิตไว้ในวันนี้เพื่อวันหน้าเผื่อจะมีโอกาสแก้แค้นคืนบ้าง และเป็นน้ำฟ้าอีกแล้วที่มีสีหน้าตื่นเต้นยินดีจนออกนอกหน้า

“จริงเหรอคะน้าหนิง” น้ำฟ้ามองไปที่คนทั้งคู่อย่างชื่นชม และก็เห็นด้วยอย่างยิ่งว่าเหมาะสมกันมาก

“ดีจังเลยค่ะน้าหนิงทั้งเก่งทั้งสวย พี่พีทก็เหมือนกันเหมาะสมกันที่สุดเลยค่ะ”

“ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมณัฐไม่เห็นรู้” ณัฐกานดาเอาเรือมาขวางลำ ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่น้าพูด ก็พัดชาเพิ่งจะก่อเรื่องมาหมาดๆเพราะอยากได้เธอ แต่ตอนนี้น้าของเธอกลับมาบอกว่ากำลังคบหากัน มันเร็วเกินไป

“จะเอาเหตุผลอะไรมากมายกับความรัก อย่าคิดมากเลยไปกันเถอะเรือจะออกแล้ว” อริสราถือกระเป๋าเดินนำออกไป

ตลอดเวลาที่อยู่บนเรือน้ำฟ้าดูจะร่าเริงมากกว่าทุกคน เพราะชีวิตเธอไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนสักเท่าไหร่ วันนี้ที่ได้มาก็เพราะคุณหญิงแม่ของณัฐโทรไปขออนุญาตให้ เพราะเกรงใจและอยากจะเอาใจคุณหญิงแม่ของเธอก็เลยจำใจยอมให้มา และคนที่เงียบที่สุดในทริปนี้ก็เห็นจะเป็นพัดชาที่นั่งสงบปากสงบคำมาตลอดทาง สองน้าหลานก็คุยกันบ้างตามประสาแต่ส่วนใหญ่ณัฐจะสนใจดูแลฟ้ามากกว่า

ใช้เวลา45นาทีจากเกาะลอยก็มาถึงเกาะสีชัง ทางขึ้นทางลงเรือค่อนข้างทุลักทุเลกันสักหน่อยก็ให้อารมณ์ตื่นเต้นไปอีกแบบ สองน้าหลานแยกไปติดต่อเช่ารถมอเตอร์ไซค์ ให้สองสาวร่างบอบบางยืนรออยู่ในร่ม

“ดีจังเลยค่ะที่พี่พีทมาด้วย น้าหนิงจะได้มีคู่” น้ำฟ้ายิ้มเปี่ยมสุขจากใจ เธอมีความสุขกับความสุขของทุกคนรอบตัว พัดชาพยายามจะจับสังเกตว่า สิ่งที่น้ำฟ้าแสดงเป็นตัวจริงของหล่อนหรือหล่อนแค่ต้องการให้คนเห็นว่าหล่อนเป็น แต่ก็ไม่มีพิรุธอะไรเลย สุดท้ายพัดชารวบรวมความกล้าหยั่งเชิงถามน้ำฟ้าเรื่องที่ชมรมวันนั้น

“วันที่พี่นัดฟ้าที่ชมรม” พัดชาหยุดไว้แค่นั้นแต่เธอสังเกตเห็นได้ชัดว่า

สีหน้าของน้ำฟ้าซีดเผือดลงไปทันที

“พี่ไม่เจอฟ้า ฟ้าไม่ได้ไปเหรอ” แววตาของน้ำฟ้าสั่นไหวแฝงไปด้วยความวิตกกังวล ยิ่งทำให้พัดชาไม่เข้าใจ

“คือ…วันนั้นฟ้าไม่สะดวกค่ะ ขอโทษพี่พีทด้วยนะคะ” พัดชามองน้ำฟ้านิ่งพอจะเข้าใจเรื่องราวและนึกเยาะอยู่ในใจ แสนดีจริงๆนะณัฐไม่ยอมให้นางฟ้าของตัวเองรับรู้เรื่องอะไรเลย และดูเหมือนตอนนี้เธอจะไปจี้จุดความทรงจำที่ไม่ดีของน้ำฟ้าเข้าเสียแล้ว ยังไม่ทันได้พูดอะไรกันต่อสองน้าหลานก็ขับมอเตอร์ไซค์กันมาคนละคันจอดเทียบข้างๆสองสาว ณัฐเห็นหน้าที่ซีดเผือดของคนรักก็ตกใจ นี่พัดชาคงจะพูดอะไรให้น้ำฟ้าไม่สบายใจแน่ๆ ณัฐส่งสายตาไม่เป็นมิตรให้พัดชา เล่นเอาคนโดนมองถึงเสียวสันหลัง อริสรามองที่เด็กทั้งสามคนอย่างเข้าใจ กะว่าจะให้เป็นโรแมนติกทริปสักหน่อย แต่ดูท่าจะเป็นวิบัติทริปเสียล่ะมั้ง

แพรวาขับรบรถมาจอดที่หน้าอพาร์ทเม้นท์ วันนี้เธอต้องพาวรินทรไปงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ห้างแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ตามเคยท่านอธิการสายตรงถึงเธอ เพราะเด็กนั่นอยู่ๆก็ไปบอกให้ท่านพาไป แต่ท่านอธิการเนี่ยนะจะว่างพาไปได้ อีกอย่างตอนนี้ก็ใกล้งานนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่มหาวิทยาลัยจะเป็นเจ้าภาพด้วย งานท่านก็ยิ่งยุ่งมากขึ้นอีก และคงเป็นเด็กนั่นอีกแหละที่เสนอให้เธอเป็นคนพาไป แพรวาเหลือบตามองนาฬิกาที่ตัวรถยนต์ พอมันเด้งขึ้น9.00.วรินทรก็เดินออกมาจากประตูทันที เรื่องของความตรงเวลาของเด็กคนนี้เป็นเรื่องที่เธอประทับใจมาก เรื่องงานวิจัยก็เหมือนกัน ไม่ว่าเธอจะให้ไปหาข้อมูลหรือศึกษาเรื่องใด ไม่มีครั้งไหนที่หล่อนจะไม่มีความก้าวหน้ามาบอกเธอและมักจะทำเกินกว่าที่สั่งด้วยซ้ำ ถ้าตัดนิสัยความคิดเจ้าเล่ห์เอาแต่ใจออกไปได้บ้าง เด็กสาวคนนี้จะน่าสนใจมากทีเดียว

วรินทรยืนมองแพรวาที่นั่งเหม่ออยู่ในรถ เป็นอะไรมากหรือเปล่าหรือเธอบังคับฝืนใจมากเกินไปจนเพี้ยนไปแล้ว เด็กสาวก้มลงเคาะประตูแนบหน้ากับกระจกเพื่อมองคนในรถชัดๆ แพรวาสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นคนที่กำลังคิดถึงแบบไม่ทันตั้งตัว เด็กสาวขันกับอาการเพี้ยนๆของแพรวา จะน่ารักเอาโล่หรือไงกันนะแค่นี้เธอก็หลงจะแย่อยู่แล้ว




 

Create Date : 05 ตุลาคม 2554    
Last Update : 24 สิงหาคม 2555 17:13:30 น.
Counter : 5637 Pageviews.  

หรือจะเป็นเพราะว่าเรา...รักกัน Yur 19

พัดชาเดินออกมาจากห้องเรียนแปลกใจที่เห็นณัฐมายืนเหมือนรอใครอยู่หน้าห้อง ฝ่ายณัฐเดินเข้ามาหาคนที่ต้องการพบทันทีที่เห็น

“ณัฐมีเรื่องจะคุยกับพี่พีท ขอเวลาสักครู่นะคะ” พัดชาตื่นเต้นไม่น้อยที่อยู่ๆณัฐกานดามาหาเธอ และไม่ทันได้ตั้งตัวอะไรณัฐก็จับมือเธอและพาเดินไปที่บันไดหนีไฟ เธอชอบนะแบบนี้ ตรงจุดนี้ค่อนข้างลับจากสายตาผู้คน

“อุ๊บ!!” พัดชาตกใจเมื่อถูกรุ่นน้องคนพิเศษขโมยจูบแบบไม่ทันตั้งตัว แต่สัมผัสจากคนที่พอใจทำให้หล่อนไม่คิดขัดขืนปล่อยกายใจไหลไปกับความต้องการในส่วนลึก เนิ่นนานชวนให้คิดฝันไกลถึงเรื่องราวระหว่างกันหลังจากนี้จะดีแค่ไหนถ้าเธอกับณัฐได้คบกัน ณัฐถอนจูบออกมามองพัดชาที่กำลังค่อยๆลืมตา

“พี่พีทชอบณัฐ” พัดชาในตาเบิกกว้างตกใจที่อยู่ๆณัฐถามคำถามนี้กับ

เธอ

“ใช่มั้ยคะ” แม้ในตาจะนิ่งไร้อารมณ์แต่ณัฐกานดาก็พยายามทอดเสียงให้ดูอ่อนโยน

“คือ...พี่” สายตาคมนิ่งของณัฐจ้องเข้าไปในตาของพัดชาที่มีท่าทีขัดเขิน

“พี่...”

“ณัฐรู้มาตั้งนานแล้วค่ะว่าพี่พีทชอบณัฐ รู้จากแววตาที่พี่มองณัฐ จากความไม่น่าบังเอิญหลายๆเรื่องที่ทำให้เราได้ใกล้ชิดกัน พี่พีทบอกณัฐหน่อยสิคะว่าณัฐไม่ได้เข้าใจผิด” พัดชายังจับต้นชนปลายเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นไม่ได้ ทั้งหมดนี่มันคืออะไรกัน

“พี่…”

“วันที่พี่ไปห้องณัฐมันก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และเรื่องที่น้ำฟ้าเก็บสร้อยของพี่ได้ก็เพราะพี่ตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้น”

“ไม่ใช่แบบนั้นนะ” พัดชารีบปฏิเสธในข้อสันนิษฐานแม้จะรู้แก่ใจว่าอีกฝ่ายพูดถูกทั้งหมด

“วันที่พี่นัดฟ้าไปที่ชมรมแต่พี่กลับไม่ไปตามนัด มีแต่อินที่ไปพี่จะอธิบายเรื่องนี้ยังไง”

“พี่มาช้า มาถึงก็ไม่เจอฟ้าแล้ว”

“แต่กลับเจออินญาติทางแม่ของพี่ใช่หรือเปล่า” พัดชาหน้าซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ณัฐยิ่งแน่ใจว่าข้อสันนิษฐานของตนไม่ผิด เรื่องที่ว่าพี่พีทกับอินต้องเกี่ยวข้องกันแน่ๆไม่ทางใดก็ทางหนึ่งไม่อย่างนั้นคงไม่ไว้ใจร่วมมือกันก่อเรื่องเลวร้ายขนาดนี้ นามสกุลดังอย่างครอบครัวของพัดชาหาข้อมูลได้ไม่ยาก

“พี่พีทเป็นคนนัดฟ้าให้ไปพบที่ชมรมแต่ตัวเองไม่ยอมไปตามนัด กลับเป็นอินที่โผล่มาแทนในวันที่ชมรมไม่มีใครทางสะดวกทุกอย่าง ถ้าคนในชมรมไม่ให้ความร่วมมืออินจะรู้ได้ยังไง” พัดชาจ้องหน้าณัฐกานดาขมขื่นในใจ น้อยใจที่เค้าคาดคั้นจับผิดเธอ

“ใช่ ณัฐเข้าใจถูกทุกอย่าง แต่อย่าคิดว่าคนของเธอวิเศษเลิศเลอนักนะ เพราะฉันเห็นน้ำฟ้าไปจิ๊จ๊ะอยู่กับคนอื่น” พัดชาทำหน้ายิ้มเย๊าะ ณัฐมีสีหน้างงงวยกับสิ่งที่พัดชาพูด น้ำฟ้าเนี่ยนะจะไปจิ๊จ๊ะกับคนอื่นเป็นไปไม่ได้แน่ๆ

“พี่พูดบ้าอะไร” พัดชาล้วงมือเข้าไปหยิบมือถือในกระเป้าสะพาย กดหาหลักฐานเพื่อยืนยันพอเจอเธอก็รีบยื่นให้อีกฝ่ายดูทันที ณัฐรีบรับมือถือมาดูตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังจะได้เห็น แต่เมื่อเห็นแล้วก็หลุดขำออกมายื่นโทรศัพท์คืนกลับไป

“ไร้สาระ” พัดชาไม่เข้าใจ อะไรกัน? เห็นแฟนตัวเองร่าเริงอยู่กับคนอื่นยังบอกว่าเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะโดนน้ำฟ้าทำของใส่หรือเปล่าเนี่ย

“พี่พีทฟังณัฐนะคะ  ณัฐรักฟ้า รักคนเดียว รักที่สุด และก็รักมานานแล้ว

ไม่มีใครหรือเรื่องอะไรมาเปลี่ยนใจณัฐได้หรอก อีกอย่างถึงแม้ว่าวันนั้นแผนการเลวร้ายของพี่มันจะสำเร็จ แต่มันจะไม่มีทางเป็นเหตุผลที่ทำให้ณัฐเลิกรักฟ้าแน่นอนกลับจะทำให้ยิ่งรักมากขึ้นอีกด้วย เพราะที่ฟ้าต้องเจอเรื่องร้ายก็เพราะณัฐ และณัฐจะย้ำกับพี่ว่า ณัฐไม่มีวันรักพี่แบบคนรักได้หรอก ยิ่งเป็นพี่ที่ต้องการให้เกิดเรื่องร้ายที่ชมรมยิ่งไม่มีวัน และหลังจากนี้ไปณัฐจะลืมเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเรา และพี่ก็ช่วยเลิกยุ่งกับเราสองคนด้วยไม่อย่างนั้นจะว่าณัฐใจร้ายไม่ได้นะ สวยๆอย่างพี่เนี่ยเพื่อนๆณัฐชอบนักแหละ และณัฐก็ขอเตือนอีกเรื่องว่าอำนาจเงินที่พี่มีอย่ามาใช้รังแกเรา เพราะถ้าพี่ทำอย่างนั้นคนที่เจ็บที่สุดก็คือพี่”

ณัฐกานดาเดินจากไปนานแล้วแต่พัดชายืนแข็งเป็นก้อนหินอยู่ ตอนนี้สมองของเธอเหมือนหยุดทำงานไปชั่วคราว ความพ่ายแพ้ เจ็บปวดและความรู้สึกสูญเสียอัดแน่นอยู่ในใจ

อริสราเดินเข้ามาในผับแห่งหนึ่งพูดกับพนักงานต้อนรับสองสามประโยคพนักงานก็พาเธอไปยังที่หมาย และทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามเพื่อนรัก

“ไงหล่อน ลากฉันออกมากลางดึกกลางดื่น”

“ถูกทิ้ง อยากเมา” อริสราส่ายหน้ายิ้มๆกับอาการท้อแท้หดหู่ของเพื่อนรัก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้เห็นภาพแบบนี้ จีจ้า หรือ กิตจา เพื่อนชายหัวใจหญิง ที่มีแค่เธอและเพื่อนสนิทอีกไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ ตอนนี้เป็นอาจารย์อยู่ในมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังของจังหวัดนี้ เธอกับกิตจาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนไฮสคูลที่เมืองนอกและก็ติดต่อคบหากันเรื่อยมา กิตจาเป็นเพื่อนที่ดีและน่าสงสารมาก เขาเป็นลูกชายคนเดียวในครอบครัวคนจีนตระกูลเก่า เป็นความหวังเป็นที่เชิดหน้าชูตาของครอบครัวและแน่นอน ครอบครัวไม่มีวันยอมรับในสิ่งที่เขาเป็นเด็ดขาด เขาไม่สามารถแสดงออกในสิ่งที่เขาเป็นจริงๆได้เลย ความรักที่เกิดขึ้นทุกครั้งก็ต้องทำทุกอย่างแบบหลบๆซ่อนๆ รักกันแรกๆก็ทนกันได้ ข้าวใหม่ปลามันมองทุกอย่างเป็นเรื่องตื่นเต้น แต่พอนานไปก็แปรเปลี่ยนเป็นความอึดอัดและมองว่าเป็นการขาดอิสระในการใช้ชีวิต สุดท้ายก็ต้องทิ้งร้างกันไปเพื่อค้นหาสิ่งที่ใช่กันมากกว่า

“แกยังไม่ชินอีกเหรอ จีจ้า” อริสรามีน้ำเสียงอ่อนลง เธอรู้ว่าเพื่อนต้องการคนเข้าใจและต้องการกำลังใจ

“แกยอมรับมันอย่างเป็นสุขเถอะ เหตุผลเดียวที่ใครสักคนจะเดินจากเราไป ก็เพราะเขาไม่รักเราแล้วก็เท่านั้น แกอยากอยู่กับคนที่เขาไม่รักแกเหรอ” หญิงสาวยังคงอยู่ในอารมณ์สบายๆไม่อาทรณ์ร้อนใจกับเรื่องใดมองเพื่อนรักแล้วก็ยิ้มให้กำลังใจ

“ความรักมันมีหลายรูปแบบนะจีจ้า แกอย่าไปยึดความรักแบบนั้นอยู่อย่างเดียวสิ ความรักจากคนรอบตัวแกไงเต็มจนล้นเลยด้วยซ้ำ ถึงคนพวกนั้นจะไม่เข้าใจแกแต่พวกเขาก็รักแกนะ ก็ยังดีกว่าพวกที่เข้าใจแต่ก็ทิ้งแกไป”

“พูดง่ายแต่มันทำยากนะสิ” ชายหนุ่มทำตาละห้อยยกเหล้าขึ้นดื่มเพื่อให้บรรเทาความเจ็บช้ำไปบ้าง เค้ารักกับผู้ชายคนนี้มาหลายปี อยู่มาวันหนึ่งผู้ชายคนนี้ก็เดินเข้ามาขอเลิกกับเค้าเพื่อไปแต่งงาน ตอนแรกก็คิดไปว่าชายผู้เป็นที่รักโดนครอบครัวบังคับก็คิดจะต่อสู้ไปด้วยกัน แต่ผู้ชายที่เค้ารักกลับบอกมาว่าเขารักผู้หญิงคนนั้นและเราอย่ามาเจอกันอีก เหมือนสายฟ้าฟาดลงมาที่กลางใจ ทุกอย่างพังทลายไปหมดในวินาทีนั้น

“จีจ้า คนดี คนเก่งอย่างแกหาแฟนใหม่ได้ไม่ยากหรอก” หญิงสาวเอื้อมมือ ไปตบไหล่เพื่อนรักที่กำลังน้ำตาไหลพรากไม่เหลือสภาพผู้ชายอกสามศอก ก็ไม่รู้ว่าเพราะอกหักหรือกำลังซึ้งที่เพื่อนสาวพูดก็ไม่รู้

“อีกอย่างนะจีจ้าแกอย่าไปกลัวที่จะไปเริ่มต้นกับสิ่งใหม่ อย่ากลัวที่จะทุ่มเทกายใจให้กับคนที่แกรักเพราะมันจะไม่ยุติธรรมกับเขา อย่ากลัวว่าวันหนึ่งคนที่แกรักเขาจะทิ้งแกไป อยู่กับวันนี้ทำวันนี้ให้ดีโอเคมั้ย” อริสราจ้องหน้าเพื่อนรักเธอต้องการคำตอบ กิตจาพยักหน้าหงอยๆ

“มาชนแก้ว” ตอนนี้สีหน้าและแววตาของชายหนุ่มดีขึ้นมาก

“เมาให้เต็มที่ และพรุ่งนี้ค่อยเริ่มต้นกันใหม่” จากหยาดน้ำตากลายมาเป็นเสียงหัวเราะในไม่ช้า เพราะคงจะเมาได้ที่กันแล้ว

กิตจาไปเข้าห้องน้ำนานจนหญิงสาวเริ่มผิดสังเกต อริสราหันมองทางไปห้องน้ำอยู่หลายครั้ง และครั้งนี้ก็ทำให้เธอได้หายใจสะดวกขึ้น เพราะเห็นเพื่อนรักเดินกลับมาแล้ว แต่เพื่อนชายไม่ได้กลับมาเพียงคนเดียวอย่างตอนขาไป มีเด็กหนุ่มหน้าใสเดินคู่มาด้วย ไวไฟกันจริ้ง..

“หายเศร้าเลยสิ” อริสรามองเพื่อนรักและเด็กหนุ่ม

“แยกกันเลยนะ เดี๋ยวเราจะไปต่อ” กิตจามองหน้าเด็กหนุ่มด้วยสายตาเชื่อมหวาน อริสราก็พยักหน้าเข้าใจ พอมันเจอผู้ชายที่ถูกใจชะนีอย่างเราก็หมดความหมายไอ้ที่พูดปลอบไปเมื่อกี้ก็เหมือนสีซอให้กระเทยฟัง แต่เธอชินเสียแล้วกับเรื่องแบบนี้ อริสราหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปเด็กหนุ่ม

“พี่เป็นตำรวจนะน้อง ถ้าน้องคิดตุกติกกับเพื่อนพี่ พี่จับยัดตารางแบบขังลืมแน่” อริสราทำหน้าจิงจังให้สมกับเป็นตำรวจหญิง กิตจาขันกับสิ่งที่เพื่อน รักทำ สำหรับเค้าอริสราเป็นเพื่อนรักเป็นเพื่อนตาย และจะมีกันแบบนี้ตลอดไป

เพื่อนหนุ่มออกไปได้สักพักแล้วแต่อริสรายังนั่งต่อเพราะมีเหล้าเหลืออยู่อีกหน่อย จะทิ้งก็เสียดาย จะถือกลับไปด้วยก็ขี้เกียจเพราะมันก็เหลือไม่มากแล้วดื่มๆเสียให้หมด อีกอย่างเธอชอบบรรยากาศร้านนี้ การนั่งดื่มคนเดียวก็ไม่ใช่ปัญหาของคนโลกส่วนตัวสูงอยู่แล้ว

อริสรานั่งดื่มเหล้าเคล้าเสียงเพลงเบาๆอย่างมีความสุข สายตาก็มองไปเรื่อยเปื่อยไม่มีจุดหมายอะไร แต่ตอนนี้สายตาของเธอสะดุดกับหญิงชายคู่หนึ่งที่กำลังทะเลาะกันอยู่ ฝ่ายหญิงเหมือนจะเมาไม่ได้สติส่วนฝ่ายชายก็กำลังพยายามฉุดกระชากหล่อนออกไป ขณะที่สายตาของเธอกำลังจะมองผ่านหญิงชายคู่นั้น ไปเป็นจังหวะเดียวกันที่ผู้หญิงคนนั้นหันหน้ามาและทำให้เธอต้องหยุดมองเพื่อความแน่ใจ อริสราวางแก้วและเดินไปที่หญิงชายคู่นั้นทันที

“มีเรื่องอะไรกัน” อริสรามองคนทั้งคู่แต่หญิงสาวดูเหมือนจะไม่มีสติเหลือพอที่จะมาตอบคำถามเธอ

“เรื่องของผัวเมียอย่ามายุ่ง” ฝ่ายชายหนุ่มถึงจะสะดุดกับใบหน้าสวยเท่ของหญิงสาวที่เข้ามาใหม่แต่ตอนนี้เค้าสนใจสาวสวยเซ็กซี่คนนี้มากกว่า อริสรามองข้อมือฝ่ายหญิงที่ถูกบีบแน่นด้วยสายตาไม่พอใจผู้ชายสกปรกคนนี้ไม่มีสิทธิ์ แขนของชายหนุ่มถูกบีบและบิดอย่างแรงตามแบบฉบับของคนที่มีความรู้วิชาการต่อสู้

“โอ้ย…” ชายหนุ่มหน้าบูดเบี้ยวแสดงความเจ็บปวดและยอมปล่อยมือโดยง่าย

“ตอบฉันมาว่าผู้หญิงคนนี้ชื่ออะไรเพราะฉันรู้จักผู้หญิงคนนี้ดี ถ้านายตอบไม่ได้หรือตอบผิด เห็นทีต้องเรียกตำรวจมาคุยกันล่ะ” อริสราไม่สะทกสะท้านกับอาการก้าวร้าวของชายหนุ่มที่กำลังกลัดมัน ถ้าผู้หญิงคนนี้ไม่เข้ามาแส่เรื่องก็คงจบไปแล้ว

“เสือกนักนะมึง” ชายหนุ่มเงื้อมือหมายจะฟาดไปที่หน้าของหญิงสาวด้ายอารมณ์โกรธแต่คนอย่างอริสราเหรอจะยอมโดนตบ หล่อนจับมือชายหนุ่มบิดข้อแขนและจับทุ่มลงพื้นอย่างแรง ภาพที่เห็นตอนนี้คือชายหนุ่มร่างกำยำลงไปนอนจุกคลุกฝุ่นอยู่กับพื้น อริสราหันมาสนใจแม่เมรีที่ตอนนี้นั่งดื่มเหล้าอย่างสบายใจน่าหมันไส้มาก หล่อนวางเงินค่าเครื่องดื่ม หยิบกระเป๋าถือและกระชากแขนแม่เมรีให้เดินตามออกมาด้วย หญิงสาวที่เมาจนไม่มีสติพยายามสะบัดมือให้หลุดจากการเกาะกุมของใครก็ไม่รู้ ที่เธอไม่เข้าใจเลยว่ามายุ่งกับเธอทำไม เธออยากเมาและเธอจะเข้าไปนั่งดื่มเหล้าต่อ

“ปล่อย… น้า ช้านน จะกลับไปดื่ม… หล้าว จาพาช้านนปายหนาย” หญิงสาวขัดขืนและดื้อดึงจนอีกฝ่ายรำคาญ พอพาออกมาจากร้านได้ก็จัดการดันตัวคนเมาไปจนติดผนัง เพราะดูเหมือนเจ้าหล่อนจะมีปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว แต่ก็ยังขัดขืนประท้วงเธอไม่เลิกจนต้องรวบเอวเอาไว้ เป็นการตัดโอกาสแผลงฤทธิ์ได้บ้าง

“พัดชาทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย” อริสราชักหงุดหงิด ดูสินุ่งน้อยห่มน้อยแบบนี้จะออกมาล่อเสือล่อตะเข้หรือไง แล้วถ้าวันนี้เธอไม่ได้มาเจอจะเกิดอะไรขึ้น ‘เด็กบ้า ทำอะไรไม่คิด มันน่านัก’

“พัดชา” อริสราตีแก้มของแม่เมรีเบาๆเพื่อเรียกสติ แต่สภาพตอนนี้ก็ทุลักทุเลน่าดู

“พัดชา บ้านเธออยู่ไหนบอกมาฉันจะไปส่ง” สองแขนของหญิงสาวที่เมามายไม่ได้สติโอบอยู่ที่คอของคนที่ขัดใจเธอ เหตุผลเดียวคือเพื่อการทรงตัว พัดชาค่อยๆเงยหน้าขึ้นพยายามเพ่งมองคนที่กำลังขัดใจเธออย่างเอาเป็นเอาตาย พอได้เห็นเค้าคนนั้นความรู้สึกหลากหลายที่ส่วนใหญ่จะเป็นไปในด้านลบ เสียใจ น้อยใจ อยู่ๆคนเมาปล่อยโฮออกมาสะอึกสะอื้นจนตัวโยน อริสราทั้งตกใจทั้งใจหายเพราะเธอแพ้น้ำตา สาวน้อยถูกกอดปลอบเบาๆจากผู้ใหญ่ใจดี

“เป็นอะไรไปพัดชา” อริสราตบหลังเบาๆราวกับปลอบเด็กน้อย พัดชาแหงนหน้าขึ้นอีกครั้งและส่งสายตาเชื่อมหวาน อริสรายิ่งไม่เข้าใจหรือว่าหล่อนเมาจนเสียสติไปแล้ว โดยไม่ทันตั้งตัวอยู่ๆคนเมาก็รั้งคอคนตัวสูงกว่าให้โน้มลงมาหาริมฝีปากบางสวยของตัวเอง บดเบียดตัวเข้าหาใครสักคนที่เธอรู้สึกโหยหาและต้องการให้เขาเติมเต็มความรู้สึก ตอนนี้อารมณ์ของอริสราก็เตลิดไปกับคนเมาแล้ว ด้วยองค์ประกอบต่างๆ ด้วยตัวพัดชาและก็ด้วยจิตส่วนลึกของตัวเธอเอง พัดชาดึงริมฝีปากออกมา พ่นลมหายใจออกมาทางปากเบาๆเธอกำลังจะขาดอากาศหายใจ แต่สายตาของยังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าของอีกคน แววหวานในตายังเจือความเศร้าจนคนมองรู้สึกสงสาร มีเรื่องอะไรให้เศร้านักหนาหนอสาวน้อย

“ณัฐ… พี่รักณัฐน้า… ณัฐหายโกรธพี่แล้วใช่มั้ย” คนเมาใช้มือข้างหนึ่งลูบไล้แก้มของคนที่เธอคิดว่าเป็นคนที่เธอรัก

“พี่ขอโทษ พี่ทำทุกอย่างเพราะรักณัฐน้า…” พัดชากำลังพูดถึงใคร แล้วณัฐเนี่ยใช่ณัฐเดียวกับหลานเธอหรือเปล่า

“ณัฐรักฟ้า” อริสราพูดขึ้นมาลอยๆ

“ไม่ๆ” คนเมาไม่ยอมรับ

“นังนั่นมันกำลังจะนอกใจณัฐน้า…” พัดชาพยายามควานหาของอะไรสักอย่างในกระเป๋าที่อริสราคล้องแขนไว้ หล่อนล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาแล้วก็กดหาหลักฐานถึงจะยากลำบากแต่เธอก็พยายามทำมันจนสำเร็จและยื่นให้อีกฝ่ายดูพออริสราได้เห็นก็ยิ่งไม่เข้าใจก็มันเป็นรูปเธอกับน้ำฟ้า

โอ๊ะโอ!! เซอร์ไพรส์ยามดึก เรื่องที่พัดชาเมามายไร้สติแบบนี้เพราะอกหักจากหลานสาวคนสวยของเธอและยังเห็นเธอเป็นเจ้าณัฐอีก พัดชาซบหน้าไปที่อกของอริสราแล้วหล่อนก็เงียบไป อริสรารู้สึกเหมือนรับน้ำหนักตัวของพัดชาเต็มๆ อย่าบอกนะ…ว่า… และก็เป็นไปตามคาด พัดชาหลับไปแล้ว

อริสราทิ้งตัวพัดชาลงบนเตียง และตามลงไปนั่งหอบอยู่ข้างๆมองแม่เมรีที่นอนไม่ได้สติอยู่เห็นตัวเล็กๆแต่ก็หนักเป็นบ้า ว่าแต่พัดชากำลังเป็นปัญหากับหลานของเธออยู่หรือเปล่า สวยบาดจิตขนาดนี้เจ้าณัฐจะหวั่นไหวบ้างมั้ยนะ แล้วน้ำฟ้าจะรับมือกับคุณหนูเอาแต่ใจอย่างพัดชาได้เหรอ แต่บอบบางนางฟ้าอย่างน้ำฟ้าอย่าว่าแต่รับมือพัดชาเลยแค่ดูแลตัวเองให้ดียังจะดูเป็นเรื่องยากเลย เก่งกับเจ้าณัฐคนเดียวแหละ

“ณัฐ... พี่รักณัฐ น้า…พี่ขอโทษ…”

‘ท่าจะเป็นเอามาก’ อริสรานึกเยาะ แต่เอ่ะ!! เมื่อกี้พัดชาพูดว่าขอโทษ แสดงว่าต้องไปก่อเรื่องไว้แล้วแน่ๆ อริสรายื่นหน้าไปใกล้ๆพัดชาใช้หลังมือไล้ไปที่แก้มนวลของหล่อนเธอต้องการไขข้อข้องใจ และดูเหมือนว่าพัดชาจะรู้สึกตัวหล่อนพยายามที่จะลืมตาและเธอเห็นณัฐ

“ณัฐ…” น้ำตาไหลออกมาจากตาสาวน้อยคนนี้อีกแล้ว

“ไม่เป็นไรน้า… ไม่เป็นไรหลับเถอะนะ จะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน” อริสราเอามาข้างหนึ่งของพัดชามาจับไว้เพื่อให้เธอมั่นใจว่าเธอจะอยู่ตรงนี้ไม่หนีไปไหน พัดชาปิดเปลือกตาลงไปอีกครั้ง

“ไหน… บอกมาสิว่าจะขอโทษณัฐเรื่องอะไร” อริสราใช้น้ำเสียงเป็น

โมโนโทน เพื่อให้เสียงเข้าไปที่จิตส่วนลึกของหล่อน

“เรื่องอิน” เสียงตอบแผ่วเบาคล้ายคนละเมอ เป็นไปโดยกลไกอัตโนมัติทางจิตที่มิได้ผ่านกระบวนการกลั่นกรองทางสมอง อริสรามีความรู้เรื่องการสะกดจิตแต่ก็เพียงครูพักลักจำจากเพื่อนชาวรัสเซียสมัยที่เรียนอยู่อังกฤษ ครั้งนี้ที่ทำได้ได้ง่ายเพราะสติของผู้ถูกสะกดจิตมีความพร้อมมาก ในความไร้สติก่อเกิดจุดอ่อนมากมาย

“อินทำไม”

“อินปล้ำน้ำฟ้า” อริสราใจหายวาบ มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยเหรอ ทำไมเรื่องใหญ่ขนาดนี้เจ้าหลานตัวแสบไม่คิดจะเล่าให้เธอฟังบ้างเลย แต่ก็นั่นแหละตั้งแต่เล็กจนโตเจ้าหลานคนนี้ไม่เคยมีปัญหามาให้ใครช่วยแก้ ขนาดโดนเด็กผู้ชายแถวบ้านแกล้งเห็นเงียบไปหลายวันนึกว่าเรื่องจะจบ แต่ที่แท้แอบไปสะสมคลังอาวุธซื้อปะทัดมาเป็นลัง เอาไปจุดไล่เขวี้ยงใส่เด็กพวกนั้นจนกระเจิง ขวัญกระจายกันเป็นแถว บรรดาพ่อแม่เด็กๆพวกนั้นก็แห่กันมาฟ้องจนเกือบเป็นเรื่องราวใหญ่โต เจ้าณัฐก็ไม่แก้ตัวเลยสักคำขนาดโดนคุณหญิงจัดชุดไม้เรียวให้ใหญ่ก็ยังไม่ยอมร้องสักแอ่ะ

“แล้วเธอเกี่ยวอะไรด้วยเหรอ” ระดับเสียงยังคงความราบเรียบได้เป็นอย่างดี ทั้งที่ในใจตื่นเต้นกับคำตอบที่จะได้ยินว่าแม่ตัวร้ายนี่ไปเกี่ยวข้องอะไรด้วย

“พี่เป็นคนวางแผนทั้งหมด พี่เป็นคนนัดฟ้ามาให้อิน” อริสราถึงกับอึ้งกับแม่ปีศาจจำแลงในคราบนางฟ้า เพื่อให้ได้หลานของเธอหล่อนถึงกับทำได้ทุกอย่างขนาดนี้เลยเหรอ แต่ก็คงจะทำไม่สำเร็จสินะเพราะเธอเพิ่งไปเจอน้ำฟ้ามาก็ยังเห็นร่าเริงปกติ ส่วนคนที่ไม่ปกติก็เห็นจะเป็นแม่นี่แหละที่เมามายไม่ได้สติ ถ้ารู้แต่แรกว่าร้ายขนาดนี้ปล่อยให้ไปกับไอ้หนุ่มนั่นเสียก็ดี แต่สวยๆอย่างพัดชาให้ผู้ชายสั่วๆอย่างนั้นได้ไปเสียดายแย่

“ถ้าง่วงก็หลับซะนะ หลับนะ…” สังเกตจากลมหายใจที่มีจังหวะสม่ำเสมอแสดงว่าพัดชาหลับสนิทไปแล้ว อริสรายืนขึ้นและเดินเข้าห้องน้ำไป ไม่นานหล่อนก็เดินออกมาจากห้องน้ำมาหยุดยืนอยู่ข้างๆเตียงมองพัดชาที่นอนหลับไม่ได้สติ เธอต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้พัดชาสร้างปัญหาให้กับหลานของเธอ

พัดชาปรือตาขึ้นอย่างเชื่องช้าเพราะม่านตาต้องการเวลาปรับตัว พอดันตัวจะลุกขึ้นแต่ก็ต้องล้มตัวลงไปอีกครั้ง พยายามที่จะลุกขึ้นหลายครั้งแต่ก็ทำได้ยากเย็น

“อื้อ… ทำไมปวดหัวแบบนี้นะ” ความผิดปกติหลายๆอย่างทำให้พัดชาต้องสำรวจตัวเองและก็ได้ใจหายกับร่างกายเปล่าเปลือยไร้อาภรณ์ เธอไม่เคยแก้ผ้านอนนะแล้วทำไมถึง…? หญิงสาวยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนถึงคอกวาดสายตามองไปรอบๆต้องใจหายอีกครั้งกับสถานที่แปลกตา ที่ไม่ใช่ห้องของเธอแน่นอนและเธอก็จำได้แล้วด้วยว่าห้องใคร แล้วเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เจ้าของห้องล่ะ มีคำถามมากมายเกิดขึ้นในหัว ตอนนี้เธอได้คำตอบมาแล้วหนึ่งเรื่องจากสายตาของตัวเอง เมื่อเห็นคนที่นอนหลับอยู่ข้างๆ

 ‘ อาจารย์อริสรา ’ ที่มีสภาพไม่ต่างจากเธอ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย แล้วร่างกายเปลือยเปล่านี่ล่ะหมายความว่ายังไงหรือว่าเธอกับอาจารย์… ไม่นะ… ไม่จริง พัดชารวบรวมสติคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา เธอเสียใจเรื่องของณัฐและเธออยากเมา เธอก็เลยไปนั่งดื่มเหล้า และ… และ…. โอ้ย… ปวดหัวนึกอะไรไม่ออก และที่เป็นเรื่องใหญ่อยู่ตอนนี้คือเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง 




 

Create Date : 02 ตุลาคม 2554    
Last Update : 24 สิงหาคม 2555 17:14:59 น.
Counter : 1405 Pageviews.  

หรือจะเป็นเพราะว่าเรา...รักกัน Yuri 18

“พี่อิน” น้ำฟ้าแปลกใจที่เจอรุ่นพี่สาวหล่อที่นี่ เธอกำลังไม่เข้าใจในสิ่งที่รุ่นพี่กำลังทำ อินทิราหันมองน้ำฟ้าหลังปิดประตูลงกลอนจนมั่นใจว่าแน่นหนา

“ใช่พี่เอง” อินทิราเดินเข้าไปหาน้ำฟ้าแบบเชื่องช้าใจเย็น น้ำฟ้าเองก็ถอยหลังก้าวต่อก้าวเหมือนจะพอเข้าใจแล้วว่าอะไรเป็นอะไร อินมองกวางน้อยในตาหวานที่อยู่ในอาการตื่นกลัว เธอตื่นเต้นกับเรื่องนี้มากที่ผ่านมามีแต่ผู้หญิงเรียงรายกันมาเสนอตัวให้ เพราะต่างหลงในรูปลักษณ์และฐานะของเธอแต่กับน้ำฟ้าคนนี้กลับไม่เคยมองเธอด้วยสายตาที่เป็นพิเศษเลย เธอต้องการสายตาแบบเดียวกับที่หล่อนมองณัฐกานดา

“พี่อินจะ ทะ ทำ อะไรคะ” น้ำฟ้าตื่นกลัวไม่เก็บอาการเธอไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย น้ำฟ้าใจหายวาบเมื่อรู้สึกได้ว่าถอยหนีมาจนสุดทางแล้วและรุ่นพี่ตัวอันตรายก็เดินเข้ามาใกล้ทุกที อินพอใจกับภาพตรงหน้าน้ำฟ้าไร้พิษสงตามคำบอกเล่ามาจริงๆดีง่ายๆแบบนี้จะได้ไม่ต้องเปลืองแรง

“ว้าย!! พี่อินปล่อยฟ้านะคะ” อินรวบเอวน้ำฟ้าเข้ามากอดรัดไว้แน่นยื่นหน้าเข้าไปหมายจะครอบครองริมฝีปากบางสวยทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเจ้าของเขาไม่เต็มใจ น้ำฟ้าพยายามเบี่ยงหน้าหนีสุดชีวิตสองมือดันอกอินไว้อย่างสุดกำลังไม่คิดเลยว่าอินจะใช้วิธีแบบนี้กับเธอ

“ทำไม? รังเกียจพี่เหรอ” อินทิราชอบใจกับอาการตื่นกลัวของอีกฝ่าย ลึกๆแล้วเธอนึกอิจฉาณัฐกานดาที่ได้หัวใจของผู้หญิงคนนี้ไป น้ำฟ้าไม่ได้มีแค่ความสวยแต่หล่อนทั้งจิตใจดีและอ่อนโยนมาก น้ำฟ้ากับณัฐกานดารักกันมากข้อนี้เป็นที่รู้กันทั่ว แต่วันนี้แหละเธอจะทำให้หล่อนลืมทุกเรื่อง ทุกอย่าง และทุกคน เว้นเธอ

รุ่นพี่สาวหล่อรุกไล่เธอมากขึ้น ตอนนี้ในใจเธอคิดถึงแต่คนรักอยากให้ณัฐอยู่ตรงนี้ อยากให้ณัฐอยู่ปกป้องเธอและเธอไม่อยากให้ณัฐเสียใจ ถ้าจากนี้ไปจะมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นกับเธอ พอคิดถึงตรงนี้น้ำฟ้ารวบรวมอึดสุดท้ายผลักอินออกจากตัวสุดแรง อีกฝ่ายที่ประมาทไม่ทันระวังตัวถลาถอยออกไปแต่ก็เพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น น้ำฟ้ารีบวิ่งไปที่ประตูแต่ก็ช้าตามเคยเพราะอินกระโจนเข้ามารวบเอวเธอเอาไว้ได้อีกครั้ง

“ว้าย ปล่อยนะ...อย่าทำแบบนี้” เหมือนทุกสิ่งที่น้ำฟ้าทำไปมันจะไร้ประโยชน์ เพราะนอกจากอินจะไม่หยุดแล้วหล่อนยังพยายามมุดหน้าลงไปซุกไซ้ที่ซอกคอขาวเนียน มือไม้ก็เปะปะลูบไล้จาบจ้วงไปทั่วร่างของคนในอ้อมกอดตามแต่จังหวะจะเอื้ออำนวย

“อย่าดิ้นสิ” เสียงกระเส่าของอินยิ่งทำให้น้ำฟ้าใจเสียความกลัวแล่นไปทั่วทั้ง

ร่างกายและจิตใจ น้ำฟ้าไม่ได้หลงเคลิบเคลิ้มไปกับการเรียกร้องทางกายที่อินกำลังหยิบยื่นให้แม้แต่น้อยกลับรู้สึกขยะแขยงอยากปัดทุกสัมผัสออกไปให้พ้นตัว นอกจากณัฐแล้วเธอมิปรารถนาใคร ฝ่ายอินเริ่มรำคาญที่น้ำฟ้ายังขัดขืนไม่เลิกหล่อนจึงดันตัวน้ำฟ้าให้นอนลงกับพื้นเพื่อที่จะได้ทำทุกอย่างสะดวกขึ้น

ตอนนี้อินทาบทับอยู่บนตัวน้ำฟ้า ซุกไซ้วนเวียนอยู่กับซอกคอและพยายามที่จะแกะกระดุมเสื้อนักศึกษาออกอย่างรีบร้อน เธอกำลังหลงไหลในกลิ่นกายและปรารถนาสัมผัสที่ลึกซึ้งจากผู้หญิงคนนี้ อกสวยที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อนักศึกษาตัวบางกำลังทำเธอใจสั่น อยากเห็นอยากสัมผัสโดยเร็วจนอยากที่จะกระชากเสื้อนักศึกษาที่ขวางกั้นอยู่ให้มันหลุดคามือไปเสีย น้ำฟ้าพยายามขัดขืนสุดกำลัง มือปัดป่ายไม่ให้อินลุกล้ำของสงวนแต่ก็ดูเหมือนจะไร้ความหมายผู้หญิงบอบบางอย่างเธอหรือจะสู้หญิงแรงชายอย่างอิน สายน้ำจากในตาหลั่งไหลพร่างพรูออกมามากมายหมดแล้วเรี่ยวแรง เธอกำลังจะแพ้แล้ว

“ณัฐ… ช่วยฟ้าด้วย… ณัฐ… ฮือๆๆ” เฮือกสุดท้ายน้ำฟ้าพยายามส่งเสียงร้องออกไปให้ดังที่สุด แต่ตอนนี้หมดทางที่เธอพอจะทำได้แล้วเพราะถูกมือข้างหนึ่งของอินทิราปิดปากเธอไว้ เสียงที่ดังของน้ำฟ้าอาจจะทำให้เธอเกิดปัญหา อินยิ้มพอใจที่น้ำฟ้าเริ่มอ่อนแรง แม่กวางน้อยกำลังจะหมดฤทธิ์แล้ว

“ผลั่ก… ผลั่ก… โคร่ม…”

อินทิราชะงักหันมองที่ประตูใจหายวาบขนลุกยันหัวเธอเห็นณัฐกานดา เสียงย้ำเตือนนักหนาดังขึ้นมาในหัวว่า ‘ณัฐกานดาถนัดเรื่องต่อยตี’ ไม่พูดพล่าม ณัฐกานดาตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อรุ่นพี่ออกมาจากคนรัก และปล่อยหมัดไปที่ใบหน้าหล่อเหลาเต็มแรงจนอินถลาล้มลงไป ณัฐกำลังโกรธจนเลือดขึ้นหน้ากับภาพที่คนรักถูกรังแกและไม่รอให้อินได้สติตามไปเตะซ้ำแบบไม่ยั้ง อินที่ไม่ทันตั้งตัวแต่แรกจึงไม่มีโอกาสได้ตอบโต้อะไรเลย

“เลวนักนะมึง รังแกได้กระทั่งคนไม่มีทางสู้ หื่นนักเหรอมึงกูจะสงเคราะห์ให้” ร่างสูงกระหน่ำเตะแบบไม่ยั้ง อินได้แต่ยกแขนเป็นการ์ดปิดหน้าไว้เพราะกลัวจะเสียโฉม น้ำฟ้าเห็นท่าไม่ดีกลัวอินจะเป็นอะไรมากและคนรักของเธอจะมีปัญหาจึงรีบเข้าไปห้าม

“พอเถอะณัฐ พอนะ” น้ำฟ้าพยายามดึงคนรักออกมา ณัฐยอมหยุดและหันมาหาคนรัก เมื่อเห็นสภาพผมเผ้ากระเชอะกระเซิง เสื้อผ้าหลุดลุ่ย เธอยิ่งอยากจะฆ่าอินให้ตายๆไปเสียที่บังอาจมาทำกับคนรักเธอแบบนี้ ณัฐรวบตัวน้ำฟ้าเข้ามากอดปลอบขวัญไม่อยากคิดเลย ถ้าเธอมาช้ากว่านี้น้ำฟ้าจะเป็นยังไง จะเจ็บปวดรวดร้าวขนาดไหนถ้าเรื่องร้ายๆแบบนั้นเกิดขึ้น

“ไม่เป็นไรนะคะคนดีของณัฐ” ณัฐค่อยๆดันตัวน้ำฟ้าออกล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋ากางเกงซับน้ำตาที่เกรอะกรังอย่างทะนุถนอมและถอดเสื้อช๊อปใส่ให้ จัดการติดกระดุมให้จนครบช่วยจัดผมเผ้าให้เข้าที่และก้มลงจูบแผ่วเบาที่ริมฝีปากของคนขวัญเสียเป็นการปลอบโยน ณัฐหันมองอินที่นอนจุกหมดสภาพอยู่จึงผละจากน้ำฟ้าเดินไปที่อินย่อตัวลงแล้วก็พูดอะไรบางอย่างที่ได้ยินกันแค่สองคน

“เลวนะมึง ถ้ามึงยังมายุ่งกับฟ้าอีก มึงได้โดนดีแน่ ถ้าอยากมีผัวทีเดียวสิบคนก็ลองดูหรือถ้ามึงจะมืดกับกู กูจะมืดกลับมึงสิบเท่าจำไว้” ณัฐลุกขึ้นใช้เท้าแตะที่แก้มของอินหยิบมือถือขึ้นมาถ่าย

“งามหน้าแน่มึงถ้ารูปนี้หลุดไป” ณัฐกระตุกยิ้มเย็มก่อนหันเดินกลับไปหาน้ำฟ้าและพากันเดินออกไป อินนอนมองตามคนทั้งคู่ด้วยความเจ็บแค้น ทั้งเจ็บทั้งอายแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจ แต่เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบเธอไม่ยอมเจ็บฟรีแน่

ก่อนหน้านั้นเธอพยายามที่จะคุยเรื่องรายงานให้จบไวๆและเธอก็ทำสำเร็จ ลนลานรีบออกมาจากห้องเรียนเพราะเป็นห่วงไม่อยากให้คนรักรอนาน จังหวะที่จะหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาน้ำฟ้าแต่สายตาของเธอไปสะดุดกับสามสาวเพื่อนสนิทของน้ำฟ้าเสียก่อนจึงเดินเข้าไปถามถึงน้ำฟ้าจึงได้รู้ว่าน้ำฟ้าไปหาพัดชาที่ชมรมเชียร์ ตอนเธอมาถึงชมรมก็แปลกใจที่ประตูชมรมปิด บรรยากาศโดยรอบก็ไม่มีผู้คนเลย กำลังจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาแต่ก็ได้ยินเสียงน้ำฟ้าร้องขอความช่วยเหลือเสียก่อน

ณัฐกานดาพาน้ำฟ้ามาที่ห้อง ตลอดเวลาเธอไม่ยอมให้น้ำฟ้าอยู่ห่างตัวเลย ประคับประคองหล่อนราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าที่บอบบาง ต้องการการดูแลอย่างดีที่สุด

“ยังไม่มีอะไรเกินเลยนะณัฐ ฟ้าไม่มีวันยอมให้เค้าทำอะไรแบบนั้น”

น้ำฟ้ามีสีหน้าเป็นกังวลเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบ รีบออกตัวปกป้องตัวเองเธอกลัวคนรักไม่เข้าใจและรังเกียจเธอ

“ณัฐรักฟ้า รักเท่าลมหายใจไม่มีอะไรมาทำให้ณัฐเปลี่ยนใจได้หรอกฟ้าจำไว้นะ” น้ำฟ้ายิ้มทั้งน้ำตาแค่คนๆนี้รักและเข้าใจเธอ เธอก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว ณัฐโน้มหน้าลงไปจูบซับน้ำตาให้คนขวัญเสียลากไล้ริมฝีปากไปทั่วใบหน้าเป็นการปลอบโยนและประกบริมฝีปากเข้าด้วยกัน เธอต้องการล้างทุกสิ่งที่อินได้ทำกับน้ำฟ้า ทุกอณูในตัวของน้ำฟ้ามีแต่เธอเท่านั้นที่มีสิทธิ์

น้ำฟ้าถูกดันให้นอนลงบนเตียงโดยคนตัวสูงทาบทับตามลงไป อาภรณ์ที่กั้นกลางระหว่างกันค่อยๆทยอยหลุดออกไปจนร่างเปล่าเปลือยของทั้งสองได้สัมผัสแนบชิดกัน ณัฐกานดาไล่สัมผัสไปทั่วร่างของคนรักไม่ยอมให้มีส่วนไหนหลุดรอดจากปากและจมูกไปได้แสดงความเป็นเจ้าของในทุกพื้นที่ ทั้งกายและใจของผู้หญิงคนนี้เป็นของเธอคนเดียวและตลอดไป…

หลังจากพายุฝนลมแรงพัดพาเอาสิ่งเลวร้ายไปแล้ว ตอนนี้ก็มีเพียงสายลมแผ่วเบากับแสงแดดอ่อนๆให้ทั้งคู่ได้สบายกายและอบอุ่นหัวใจ

พัดชาพาอินทิรามาที่โรงพยาบาล เพราะอาการสาหัสจนน่าตกใจ เธอแทบจะเป็นลมที่ไปเห็นอินทิรานอนคุดคู้เลือดท่วมปากอยู่ที่ชมรม เธอไม่ได้ปรารถนาที่จะเห็นภาพนี้ ถึงจะรู้สึกผิดหวังอย่างมากแต่ก็ต้องรีบพาอินออกมาจากตรงนั้น คงไม่ดีแน่ถ้าใครจะมาเห็นเพราะคงจะเกิดคำถามขึ้นมากมายที่ยากจะหาคำไปตอบ หมอที่ดูอาการของอินทิราเดินออกมาจากห้อง พัดชารีบลุกขึ้นไปถามไถ่อาการ

“คนไข้เป็นอย่างไรบ้างคะ”

“ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับแค่บอบช้ำ ให้นอนพักสักครู่ก็กลับบ้านได้เลย” คุณหมอยิ้มใจดีและเดินออกไป พัดชารีบเดินเข้าไปในห้อง ตอนนี้พยายาบาลออกไปหมดแล้ว ร่างบางแสยะยิ้มเชิงเย๊าะให้กับคนป่วยที่หน้าตาบวมช้ำนอนหมดสภาพอยู่บนเตียง

“ไหนว่าแน่นักหนาไง แล้วทำไมถึงเละมาขนาดนี้”

“ก็เพราะไอ้ณัฐสุดสวาทของเธอไง ฉันถึงต้องมีสภาพแบบนี้และเธอต้องรับผิดชอบด้วย” อินรีบให้โทษบุคคลที่สาม

“รับผิดชอบ เธอจะให้ฉันรับผิดชอบในความล้มเหลวของเธอเนี่ยนะอิน นี่ถ้าคุณลุง คุณป้ารู้ว่าเธอไม่เอาไหนขนาดนี้คงจะผิดหวังแย่แน่ๆ” พัดชาส่ายหน้าทำทีว่าระอาใจ

“แต่เธอทำให้เรื่องนี้มันเกิด ถ้าไม่เพราะเธอเสี้ยม ฉันคงไม่คิดทำอะไรแบบนั้น”

“อะไรกันอิน ก็เธอบอกฉันเองว่าอยากได้น้ำฟ้านักหนาและมันก็เป็นข้อตกลงร่วมกัน ฉันไม่ได้บังคับฝืนใจอะไรเธอเลยนะ และก็เป็นเธอเองด้วยที่ทำให้ทุกอย่างมันพัง” อินทิรานอนฟังนิ่งเพราะพัดชาไม่ได้พูดอะไรผิดเลย เธอเองอยากได้น้ำฟ้าและอยากเอาชนะณัฐกานดาจนขาดสติ เลยเห็นด้วยกับพัดชาจนทำเรื่องแบบนั้น ตอนนี้ก็ได้แต่มานอนเสียใจ เจ็บก็เจ็บ อายก็อาย

“ฉันไม่น่ามาหลงร่วมมือในแผนการเลวๆของเธอเลยจริงๆพีท”

อินทิรารำพันกับตัวเอง

“ผู้หญิงหน้าสวยแต่จิตใจย่ำแย่ที่สามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการโดยไม่สนใจว่าใครจะเป็นยังไง” อินปรายตามองพัดชาแล้วก็สายหัวนิดๆ

“น่าสมเพชจริงๆ”

“อิน!!” พัดชาเน้นเสียงหนักด้วยอารมณ์โกรธ กล้าดียังไงมาว่าเธอ เป็นญาติกันก็จริงแต่ก็ไม่มีสิทธิ์ หญิงสาวพุ่งเข้าไปหาง้างมือหมายจะฟาดไปที่ร่างกายของคนเจ็บโทษฐานที่บังอาจมาต่อว่าเธอ แต่อีกฝ่ายเหรอจะยอมง่ายๆเขาจับข้อมือของพัดชาไว้ได้ทั้งสองข้าง

“พีท!! ถ้าเธอไม่หยุดเธอพังแน่ ความเลวร้ายของเธอไม่ใช่แค่เรื่องนี้นะที่ฉันรู้ เรื่องตำแหน่งดาวคณะฉันก็รู้นะว่าเธอได้มายังไง” พัดชาถึงกับหน้าซีด มองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง อินยิ้มเป็นต่อยอมปล่อยมือ

“ฉันละดีใจจริงๆที่ไม่เคยบอกใครว่าเป็นญาติกับเธอ ไม่งั้นคงได้ขายหน้า อยากจะเห็นเรอะเกิ้น… คนที่จะมาปราบผู้หญิงร้ายกาจอย่างเธอให้อยู่หมัด แต่ก็คงจะหายากหน่อยนะ เพราะผู้หญิงอย่างเธอใครเค้าอยากจะเอาไปเป็นแฟน แต่ยังไงก็ขอให้เจอไวๆนะ อ่อ… โอนเงินค่าทำขวัญให้ฉัน 50,000บาท ภายในวันนี้ด้วยนะ” ยังไม่ทันที่พัดชาจะตอกกลับอะไรพยาบาลก็เดินเข้ามาพอดี การเจรจาจึงจบลง พัดชาได้แต่เข่นเขี้ยวอยู่ในใจ งานก็ไม่สำเร็จยังต้องมาเสียเงินอีก

วรินทรกำลังสนุกสนานกับการช๊อปปิ้งในซุ๊ปเปอร์มาเก็ตกับอริสรา

“จะขนไปขายหรือไงเจ้ากิ๊ฟ จะล้นรถเข็ญอยู่แล้วนะ”

“ก็แหม มากับคนสวยรายได้เยอะทั้งทีก็ต้องเต็มที่หน่อยสิคะ อีกอย่างสาวสวยอย่างกิ๊ฟน้าหนิงทุ่มให้ไม่อั้นอยู่แล้ว” เด็กสาวทำเป็นฉอเลาะเล่นหูเล่นตาคลอเคลียคุณน้าคนสวย อริสราขันในความขี้เล่นของเด็กน้อยเธอเห็นกิ๊ฟมาตั้งแต่เด็ก กิ๊ฟติดณัฐมากและณัฐก็ติดเธอมากกิ๊ฟเลยพลอยติดเธอไปด้วย ในช่วงที่กิ๊ฟอยู่เมืองนอกก็อยู่เมืองใกล้ๆกับเธอก็เลยได้ไปมาหาสู่กันบ่อย เธอรักเด็กคนนี้เหมือนหลานแท้ๆคนหนึ่ง แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่าเธอรู้สึกว่ามีคนกำลังมองมาแต่ก็ไม่เห็นเจ้าของสายตานั้นเธอจึงเลิกสนใจ

แพรวาเดินเข้ามาในบ้านหลังจากที่กลับจากซื้อของที่ห้าง ตอนนี้เธอกำลังอารมณ์ไม่ดี รู้สึกขัดใจและหงุดหงิด เพราะเธอเห็นวรินทรมีท่าทางสนิทสนมกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่หรือเปล่าแล้วทำไมเธอต้องรู้สึกแบบนั้นด้วย ก็ในเมื่อเธอกับยัยเด็กร้ายกาจนั่นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันสักหน่อย ‘เด็กบ้า ระรานฉันแม้แต่ในความคิดนะ’ แพรวาคิดเคืองหาคนผิด

วันนี้อริสราต้องเข้ามาทำธุระที่มหาวิทยาลัยและวรินทรก็ต้องมาหาแพรวาเธอจึงแวะไปรับหลานสาวมาด้วยกัน

“น้าหนิง รถสวยอ่ะ” อริสรายิ้มให้เด็กที่กำลังได้ของเล่นชิ้นใหม่

“กิ๊ฟเปิดซิงเลยนะเนี่ย เค้าเพิ่งมาส่งให้น้าเมื่อเช้านี้เอง” วรินทรเดินดูรอบๆรถลูบคลำอย่างหลงไหล เธออยากจะมีรถของตัวเองสักคันและถ้าจะมีเธอก็อยากได้แบบนี้ ไม่ใช่เพราะไม่มีเงินซื้อแต่พ่อกับแม่เห็นว่าเธอยังเด็กเกินไปก็เท่านั้น

“ให้กิ๊ฟขับให้นะ” เจ้าของรถยังไม่ทันได้ตอบอะไรเด็กสาวก็เข้าไปประจำที่คนขับแล้ว อริสราส่ายหน้ายิ้มๆแล้วก็เข้ามานั่งที่คู่กับคนขับ ทั้งคู่แยกกันเมื่อถึงมหาวิทยาลัย วรินทรรีบเดินไปที่ห้องแพรวาวันนี้เธอมาก่อนเวลาเกือบ20นาที ก็มันอยากมาเจอเร็วๆนี่คิดถึงจะแย่ เธอเคาะประตูตามมารยาทก่อนจะเปิดประตูเข้าไปและภาพตรงหน้าทำให้หัวใจเธอมีปัญหา เธอเห็นแพรวายืนกอดอยู่กับนักศึกษาสาวคนหนึ่ง ทั้งคู่ผละออกจากกันเมื่อเห็นว่ามีคนเข้ามา นักศึกษาคนนั้นขอตัวและเดินก้มหน้าก้มตาผ่านเธอออกไป ส่วนแพรวาก็เดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะ ไม่สนใจการมาของเธอเลยสักนิด

“ใคร!!” ตอนนี้เธอกำลังโมโหอยู่นะและเธอก็ต้องการคำอธิบายเดี๋ยวนี้

“เหลือเวลาอีก10 กว่านาที นั่งรอก่อน” แพรวาไม่สนใจตอบคำถาม

“ผู้หญิงคนเมื่อกี้เป็นใคร กอดกันทำไม ฉันบอกคุณแล้วใช่มั้ยว่าคุณไม่มีสิทธิ์สนใจใครนอกจากฉัน” เธอกำลังหัวเสียและต้องการคำอธิบาย แต่แพรวาไม่ให้ความร่วมมือเอาเสียเลย เพราะเจ้าหล่อนเอาแต่ก้มหน้าก้มตาอยู่กับกองเอกสาร

“คุณกำลังบังคับให้ฉันต้องเอาเรื่องเก่ามาคุยกับคุณนะ” เธอรู้ตัวว่ากำลังเอาแต่ใจแต่มันทนไม่ได้จริงๆที่เห็นแพรวากอดอยู่กับผู้หญิงคนอื่น ถึงรู้แกใจว่าไม่มีสิทธิ์ แต่…

แพรวาเงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่กำลังโกรธเธอเป็นฟืนเป็นไฟ

“เธอทำเหมือนหึงฉัน” วรินทรถึงกับเหวอไม่คิดว่าแพรวาจะมีคำถามกลับเธอแบบนี้

“ฉัน…”

“ถ้าเธอตอบอะไรฉันไม่ได้ ก็ขอร้องว่าอย่ามายุ่งเรื่องส่วนตัวของฉัน”

“แต่คุณคือสิทธิ์ของฉัน” เด็กสาวไม่ยอมง่ายๆ

“แค่เพราะว่าเธอบอกชอบฉันอย่างนั้นเหรอ เหตุผลดูไม่ท่าเลยนะ” เธอคิดไปเองหรือเปล่าว่าแพรวากำลังรุกเธอ

“เหมือนคุณอยากให้ฉันพูดมากกว่าคำว่าชอบกับคุณนะ” วรินทรปล่อยหมัดสวนกลับไป ทำเอาแพรวาพูดไม่ออก

“บ้า ไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย” แพรวาเมินหน้าไปทางอื่น เพราะเธอสู้แววตาวิบวับของอีกฝ่ายไม่ไหว วรินทรเดินเอากระเป๋าไปวางไว้ที่โต๊ะและเดินเข้าไปหาแพรวา

‘เอาแล้วไง…’ แพรวาลนลานอยู่ในใจ เธอทำอะไรผิดอีกเนี่ย หญิงสาวรีบหมุนเก้าอี้หันหลังให้คิดง่ายๆว่าการไม่ต้องเผชิญหน้ากันดีที่สุด วรินทรยิ้มนิดๆเพราะที่แพรวากำลังทำอยู่นี่มันเป็นวิธีแก้ปัญหาของนกกระจอกเทศชัดๆ เอาหัวมุดลงทรายเพื่อหลอกตัวเองว่าพ้นภัยเพียงเพราะมันมองไม่เห็นศัตรู เด็กสาวหมุนเก้าอี้ให้หันมาโดยง่าย โน้มตัวลงมาหาวางมือไว้ตรงที่เท้าแขนป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายคิดหนี แพรวาก้มหน้าหลบตาหมดทางสู้

“รู้หรือยังว่าผิดอะไร” แพรวาส่ายหน้ารีบแก้ตัว

“เขาเป็นนักเรียนของฉัน เขากำลังมีปัญหาฉันเลยกอดปลอบก็เท่านั้น” แพรวาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับอีกฝ่ายทำตาใสซื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจแอบหวังว่าเหตุผลที่ดีจะทำให้เธอรอด

“คุณผิดที่ไม่อธิบายให้ฉันเข้าใจตั้งแต่แรก ฉะนั้นคุณต้องถูกลงโทษ” และก็หมดโอกาสที่จะแก้ตัวใดๆเพราะตอนนี้ริมฝีปากของเธอถูกปิดสนิทไปแล้ว แต่จูบของวรินทรครั้งนี้เป็นจูบที่หยอกเย้าเอาใจแบบน่ารัก ไม่เร่าร้อนเจืออารมณ์ร้ายเอาแต่ใจอย่างครั้งก่อนๆ แพรวากำลังประหลาดใจตื่นเต้นและหลงไหลในสัมผัสแบบนี้ ไม่รู้ตัวเลยว่าเป็นเธอเองที่ประคองหน้าของเด็กสาวไว้เหมือนกลัวว่าจะหลุดลอยหายไป วรินทรถอนริมฝีปากออกมาจับมือของแพรวาที่แนบแก้มของเธอมากุมไว้ ส่งสายตาเชื่อมหวานให้เป็นรางวัลและยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มอีกทั้งสองข้างข้อหาน่ารักเกินเหตุ

“บ้า” แพรวาเบี่ยงหน้าหนี แก้มแดงเป็นลูกตำลึง

อริสราเดินออกมาจากห้องพักที่ทางมหาวิทยาลัยจัดไว้ให้ แวะมาใช้บริการสักหน่อยเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ เพราะเธอมีบรรยายแค่อาทิตย์ละครั้งเท่านั้น ถึงเวลาก็มาแต่ตัว หากจะมีเอกสารพิเศษบ้างก็แค่ส่งไฟล์มาให้หน่วยงานที่ดูแลจัดการปริ้นออกมาและถ่ายเอกสารแจกนักศึกษาไม่ได้ยุ่งยากอะไร และวันนี้หมดงานที่ต้องทำแล้วจึงถือโอกาสเดินเล่นเรื่อยเปื่อย

“น้าหนิง” อริสราหันไปตามเสียงเรียก เธอเห็นน้ำฟ้ายิ้มหวานมาแต่ไกล แอบคิดนะเนี่ยถ้าไม่ใช่แฟนหลานก็อาจจะมีหวั่นไหวกันบ้าง เจอผู้หญิงมาก็มากแต่สวยและใสทั้งข้างนอกกายและข้างในใจอย่างน้ำฟ้าหาเจอได้ยากมาก

“ไง เรา”

“ฟ้ามองลงมาจากข้างบนเห็นน้าหนิง ก็เลยเดินมาหาน้าหนิงสบายดีหรือเปล่าคะ”

“สบายมากเกินไปด้วยซ้ำจนเริ่มเบื่อๆ”

“ให้ณัฐพาเที่ยวสิคะ”

“น้าว่ามันคงไม่ว่างพาน้าไปไหนหรอก คงอยากอยู่กับแฟนมากกว่า” ได้หยอกได้ล้อน้ำฟ้าบ้างก็สนุกดี

“น้าหนิงอ่ะ” น้ำฟ้าเขินจนต้องเบนหน้าไปทางอื่นและก็เหมือนนึกอะไรได้

“น้าหนิง รีบไปไหนหรือเปล่าคะ” อริสราส่ายหน้ายิ้มๆก็เพิ่งบอกไปเองว่าว่างจนเบื่อ

“น้าหนิงเล่าเรื่องณัฐให้ฟ้าฟังหน่อยได้มั้ยคะ ฟ้าอยากฟัง” อริสราขันกับหน้าตาอยากรู้อยากเห็นของน้ำฟ้า เจอกันอยู่ทุกวันก็ไม่ยอมถามกันเองนะ

“ฟ้าอยากรู้เรื่องอะไรล่ะ”

“ฟ้าอยากรู้ว่า… ณัฐ… เคยรักผู้หญิงคนไหนอีกมั้ย นอกจาก…ฟ้า”

น้ำฟ้าอ้อมแอ้มไม่มั่นใจ

“มีสิ หลายคนเลยแหละ” น้ำฟ้าหน้าเจื่อนเมื่อได้ยินสิ่งที่ไม่น่าฟัง ก็ณัฐบอกเธอเองว่าไม่เคยสนใจใครนอกจากเธอ อริสราอมยิ้มเมื่อป่วนหลานสะใภ้หน้าหวานสำเร็จ

“ก็คุณหญิงไง น้าเองณัฐก็รักนะ” อริสราทำหน้าตาย

“น้าหนิงอ่ะ” น้ำฟ้าส่งค้อนอันใหญ่ไปให้

“ตอนมัธยม ณัฐก็เอาแต่พูดถึงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งว่าน่ารัก จิตใจดี แต่จากที่เขาเล่าดูเหมือนเด็กผู้หญิงคนนั้นจะไม่ค่อยชอบเขาเท่าไหร่ ในตอนนั้นน้าก็ได้แต่รับฟัง”

“ก็วันๆณัฐเอาแต่หาเรื่องแกล้งฟ้านี่คะ” น้ำฟ้าทำหน้าแสนงอน อริสรายิ้มเอ็นดู เด็กหนอเด็กกว่าจะรู้ใจกันก็ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปนาน

“ฟ้าเป็นผู้หญิงคนเดียวและตลอดมาที่เจ้าณัฐพูดถึง พอใจหรือยังจ๊ะสาวน้อย” อริสรามองน้ำฟ้าที่แก้มแดงเป็นลูกตำลึงเขินอายอย่างมีความสุข เด็กนี่ก็น่ารักได้ทุกสถานการณ์ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าณัฐถึงได้พร่ำเพ้อละเมอหามานาน

พัดชายืนมองคนทั้งคู่อยู่นานแล้ว สองคนนี้รู้จักกันด้วยเหรอและท่าทางหยอกเอินเขินอายกันแบบนั้นมันคืออะไร หรือว่าน้ำฟ้าจะแอบปันใจ ดีใจล่วงหน้าดีมั้ยเนี่ย ที่บางทีเธออาจจะไม่ต้องทำอะไรเลย พัดชาหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปทั้งสองคนไว้ เผื่อว่าวันหนึ่งอาจจะมีประโยชน์




 

Create Date : 01 ตุลาคม 2554    
Last Update : 24 สิงหาคม 2555 17:14:25 น.
Counter : 20906 Pageviews.  

หรือจะเป็นเพราะว่าเรา...รักกัน Yuri 17

ณัฐกานดาเองก็เพิ่งแข่งบาสเก็ตบอลรอบชิงชนะเลิศเสร็จชนะมาสดๆร้อนๆและก็ขึ้นรับเหรียญรางวัลไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้หล่อนอยู่ในชุดเสื้อโปโลพอดีตัวที่มีตราสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยกับกางเกงผ้าร่มสีดำคาดขาวด้วยความที่ตัวสูง ขายาว หน้าตาสวยใส ทำให้ชุดธรรมดาๆที่หล่อนสวมใส่ดูดีมีราคาเสมอ

เสียงปรบมือและเสียงเชียร์ดังก้องอัฒจันทร์หลังจากที่การแสดงเชียร์จากทีมสุดท้ายจบลงและช่วงที่รอคณะกรรมการพิจารณาให้คะแนนระหว่างนั้นก็มีการมอบเหรียญรางวัลให้กับผู้ชนะการแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆที่เหลือและมีกิจกรรมที่เหลืออีกหนึ่งอย่างคือ ‘ขวัญใจกองเชียร์’ ตัดสินจากเสียงเชียร์รอบสนามในกีฬาประเภทต่างๆซึ่งมีคนที่เข้ารอบมาทั้งหมด10คน จาก112 มหาวิทยาลัย เกณฑ์การตัดสินในครั้งนี้คือเสียงเชียร์จากรอบสนามกีฬา จากทุกมหาวิทยาลัย โดยจะมีเครื่องมือวัดระดับเสียงที่ได้มาตรฐานณัฐกานดาที่ตอนนี้กำลังนั่งเซ็งๆอยู่ใกล้ๆกับทีมเชียร์ เพราะเธอต้องมานั่งเฝ้าน้ำฟ้าเผลอได้ที่ไหนเหลือบไรแถวนี้มีเยอะแยะเต็มไปหมดลำพังบรรดาหนุ่มๆบรรดาทอมในมหาวิทยาลัยก็ไม่ไหวจะเคลียร์อยู่แล้วนี่มาอีกเป็นร้อยมหาวิทยาลัยมองน้ำฟ้ากันตาเป็นมัน เพราะแบบนี้ทำให้เธอต้องมานั่งแยกเขี้ยวเซ็งๆอยู่ตรงนี้

“และผู้เข้ารอบคนสุดท้าย นางสาวณัฐกานดา เทพณ นคร สาวสวยบุคลิกเท่ จากมหาวิทยาลัย…” เจ้าของชื่อถึงกับหน้าเหวอเมื่อได้ยินเสียงประกาศชื่อของตัวเองและก็ตามด้วยเสียงโห่ร้องแสดงอาการดีใจที่คนในมหาวิทยาลัยของตนได้เข้ารอบอะไรกันอีกเนี่ย!! ความสงบสุขอันน้อยนิดที่มีกำลังจะหายไปตอนนี้คนรอบๆตัวที่รู้จักณัฐกานดาพร้อมใจกันหันมามองอย่างกับนัดกันมาคนไหนที่ไม่ได้มองก็ถูกคนข้างๆสะกิดให้หันมามอง ทำยังกับหล่อนเป็นหลินปิงก็ไม่ปาน และก็มีรุ่นพี่เจ้าพ่อเจ้าแม่กิจกรรมสองคนหน้าตื่นเข้ามา

“ลุกเร็วณัฐ เร็วๆ”ทั้งคู่ช่วยกันทั้งฉุดทั้งกระชากให้ณัฐลุกและรีบพาไปที่เวทีและก็ทั้งผลักทั้งยันหล่อนขึ้นไปตอนนี้ณัฐกานดามายืนอยู่บนเวทีแล้วเป็นความเซ็งลึกในหัวใจที่ไม่อาจระบายออกได้ในตอนนี้เพราะเห็นแก่หน้าตาของมหาวิทยาลัยด้านล่างเหมือนมีสัญญาณบางอย่างให้เธอต้องมองลงไป เธอเห็นรุ่นพี่อีกกลุ่มพาน้ำฟ้ามาหน้าเวทีระอาใจกับรุ่นพี่พวกนี้จริงๆที่ช่างรู้จุดอ่อนของเธอ น้ำฟ้าที่ยืนอยู่ด้านล่างชี้ไปที่ปากบางสวยของตนแล้วก็ฉีกยิ้มความหมายคือพยายามบอกให้เธอยิ้มนั่นแหละและหล่อนก็ทำมือเป็นรูปหัวใจพร้อมกับทำปากส่งจูบขึ้นมาให้ทำให้เธอหลุดยิ้มออกมา อารมณ์ดีที่เห็นคนสวยทำติ๊งต๊องรุ่นพี่ยิ้มพอใจในผลงานของน้ำฟ้าเพราะตอนนี้คนบนอัฒจันทร์รอบสนามกีฬาได้เห็นยิ้มสวยของณัฐกานดาแล้ว

พิธีกรประกาศเรียกบรรดานักศึกษาที่อยู่รอบนอกให้เข้ามาช่วยกันตัดสินโดยการส่งเสียงเชียร์ให้กับขวัญใจที่ตนชื่นชอบโดยไม่จำเป็นว่าต้องเป็นสถาบันของตนเท่านั้นแต่ก่อนจะเริ่มการแข่งขัน พิธีกรได้รับโน๊ตมาหนึ่งใบ และก็ประกาศออกมาว่ากติกาคือให้นักศึกษาทั้ง10 คนที่ได้เข้ารอบพูดอะไรก็ได้เพื่อเป็นการขอคะแนนและหลังจากที่พูดจบก็ให้กองเชียร์ส่งเสียงเชียร์เป็นเวลาสามนาทีรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ข้างๆน้ำฟ้าต่างมีสีหน้าเป็นกังวลขึ้นมาทันที เพราะเจ้าทศกัณฐ์หน้าตายที่ไม่แคร์ใครอย่างณัฐกานดาจะคิดอะไรดีๆออกมาพูดได้หรือเปล่าเห็นปกติจะพูดอะไรทีที่ไม่ใช่พูดกับน้ำฟ้าก็เหมือนดอกพิกุลจะร่วง

“พี่ๆอย่าห่วงเลยค่ะ คนอย่างณัฐถ้าต้องทำอะไรเค้าจะพยายามทำมันให้ดีเสมอค่ะ” น้ำฟ้ามองขึ้นไปบนเวทีส่งแววตาเชื่อมั่นไปให้คนรักและก็มาถึงคิวของณัฐกานดาซึ่งเป็นคนสุดท้าย หญิงสาวรับไมค์มาถือทั้งสนามกีฬาเงียบกริบทุกคนรอที่จะฟังว่าสาวสวยบุคลิกเท่อย่างหล่อนจะพูดอะไรณัฐกานดายิ้มสวย เธอรู้ตัวดีรอยยิ้มของเธอทำให้คนรู้สึกดีได้ไม่ยาก

“สวัสดีค่ะ ดิฉันนางสาวณัฐกานดา เทพ ณ นครนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์เอกอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัย…ตลอดกิจกรรมของงานกีฬามหาวิทยาลัยดิฉันมีความสุขและรู้สึกได้ถึงความโชคดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมในครั้งนี้ความสนุกสนาน ความมีน้ำใจนักกีฬาความมีน้ำใจกับเพื่อนๆต่างสถาบันที่ทุกสถาบันแสดงออกต่อกันเป็นภาพแห่งความประทับใจที่จะฝังอยู่ในใจของดิฉันค่ะ เพราะไม่ว่าจะเป็นใครอยู่สถาบันใดแต่พวกเราทุกคน คือเพื่อนและพี่น้องกันขอขอบคุณสำหรับทุกเสียงเชียร์ค่ะ” พอสิ้นเสียงของหญิงสาวเสียงเชียร์ก็กระหึ่มดังไปทั่วทั้งสนามกีฬาเห็นๆกันขนาดนี้แล้วเครื่องมือวัดก็คงจะหมดความสำคัญ น้ำฟ้ายืนยิ้มอย่างปลื้มใจคนรักของเธอเก่งเสมออยู่แล้ว และวันนี้คุณน้ากับคุณน้องสองสาวสุดที่รักของณัฐก็มาสังเกตการณ์ด้วยทั้งคู่ยืนมองณัฐกานดาขึ้นไปแสดงแสนฯอยู่บนเวที ณัฐทำให้คนรอบตัวภูมิใจได้เสมอโดยที่ไม่ต้องพยายามอะไรเลยแต่เพราะณัฐที่เป็นณัฐแบบนี้แหละ

หลังจากที่ณัฐกานดาลงมาจากเวทีน้ำฟ้าก็ตามติดไม่ยอมออกห่างปกติก็เป็นที่สนใจมากอยู่แล้ว นี่ยังมาได้ขวัญใจกองเชียร์อีกเดินไปทางไหนก็มีแต่คนมองคนสนใจชิส์ หวงนะ

“ณัฐว่าฟ้าเดินเบียดณัฐมากจนจะกลายเป็นสิงณัฐแล้วนะ”

“บ้าสิคนนะไม่ใช่ผีจะได้สิง” น้ำฟ้าหมันไส้ฟาดไปเสียหนึ่งทีอีกฝ่ายก็หัวเราะชอบใจ เมื่อน้ำฟ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จทั้งคู่ก็พากันจะเดินไปที่รถแต่ระหว่างทางก็มีเรื่องให้ณัฐกานดาต้องหงุดหงิดเพราะเธอเจอสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่าพวกชอบยุ่งกับแฟนชาวบ้านอินทิราตั้งใจเดินตรงมาหาคนทั้งสอง ณัฐโอบเอวน้ำฟ้าแน่นโชว์ความเป็นเจ้าของแต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้มีทีท่าสนใจ สายตาของสาวหล่อจับจ้องไปที่น้ำฟ้าเท่านั้น

“เลิกกันเมื่อไหร่ ฟ้าต้องบอกพี่เป็นคนแรกนะ” น้ำฟ้าถึงกับหน้าซีด พูดบ้าอะไรเนี่ยเดี๋ยวก็ได้ตายหรอกเวลาณัฐโกรธน่ากลัวจะตายน้ำฟ้าสอดแขนโอบเอวคนรักไว้แน่นเธอสัมผัสได้ถึงอาการเกร็งไปทั่วตัวเพื่อระงับอารมณ์อินยืนมองณัฐอย่างท้าทายกระตุกยิ้มที่มุมปากหนึ่งทีและเดินออกไป ณัฐมองตามจนลับตา ยืนนิ่งระงับอารมณ์เดือดอยู่นาน

ก๊อกๆๆ แพรวาเงยหน้าขึ้นมองว่าใครคือแขกที่กำลังจะเข้ามาพอได้เห็นก็ทำให้เธอต้องรีบลุกขึ้นทันทีและเดินออกมาต้อนรับ‘ท่านอธิการบดี’ แปลก?ท่านไม่เคยมีนโยบายมาเยี่ยมเยือนอาจารย์ถึงห้องนี่อีกอย่างเธอก็แค่อาจารย์ผู้น้อยแต่ทำไมวันนี้ท่านถึงมาที่นี่ได้และความสงสัยในใจก็จางหายเมื่อเธอเห็นอีกคนเดินตามเข้ามา

“สวัสดีค่ะท่านอธิการ มีอะไรให้แพรรับใช้ทำไมไม่โทรมาเรียกแพรให้ไปพบล่ะคะท่านไม่น่าต้องลำบากมาถึงที่นี่เลย” ทั้งๆที่รู้อยู่ว่าอะไรเป็นอะไรแต่เธอต้องทำทุกอย่างไปตามมารยาท

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ พอดีเจ้ากิ๊ฟเค้าแวะไปหาผมที่ห้องนั่งเล่าให้ผมฟังยืดยาวว่าเรียนกับอาจารย์แพรแล้วสนุกชมไม่ขาดปากว่าทั้งเก่งทั้งสวยและก็ใจดี แล้วก็ประจบประแจงให้ผมเดินมาส่งผมเลยถือโอกาสแวะมาขอบคุณอาจารย์แพรเสียด้วยเลยที่ช่วยดูแลเจ้ากิ๊ฟให้เป็นผมเชื่อมั่นจริงๆว่าโครงงานที่กำลังจะเกิดขึ้นต้องสมบูรณ์มากแน่ๆ” ท่านอธิการหันมามองลูกสาวเพื่อนที่เค้าเอ็นดูนัก

“ตั้งใจล่ะเดี๋ยวลุงต้องเข้าประชุมแล้ว” แล้วก็หันมาทิ้งท้ายกับแพรวาอีกรอบ

“รบกวนหน่อยนะครับ ผมต้องไปก่อนแล้ว” ท่านลูบหัวเด็กสาวอย่างเอ็นดูแล้วก็เปิดประตูออกไป ตอนนี้ก็เหลือแค่สองสาวสองอารมณ์แพรวาเย๊าะตัวเองในใจ เด็กคนนี้ฉลาดใช้ท่านอธิการมาบังคับเธอทางอ้อมตลอด แต่ต่อจากนี้เธอจะไม่สนใจอะไรนอกเหนือจากสิ่งที่ได้รับมอบหมายและก็จะไม่มีคำว่าเรื่องส่วนตัวกับเด็กคนนี้อีก เธอจะไม่หลงกลอะไรเด็กคนนี้อีกแล้วไม่เด็ดขาดแพรวาย้ำๆซ้ำๆกับตัวเอง

วรินทรเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับแพรวาเธอกำลังขี้ขลาด ก่อนหน้านั้นเธอกลัวว่าหล่อนจะไล่ตะเพิดไม่ยอมคุยด้วย ไม่ยอมให้เข้าใกล้และเลิกเป็นที่ปรึกษาให้กับเธอทำให้เธอต้องไปลากลุงอธิการมาเป็นโล่กึ่งบังคับหล่อน เธอรู้ดีว่าเธอคงร้ายกาจอีกแล้วในสายตาของหล่อนแต่มันช่วยไม่ได้นี่ก็เธอไม่มีทางเลือก วรินทรคิดหาเหตุผลที่ดีเข้าข้างตัวเอง

“คือ ฉัน…”เธออยากจะพูดคำว่าขอโทษแต่ก็เหมือนว่ามันยากเย็นเหลือเกิน ทำไมคำนี้มันถึงพูดยากนักนะแพรวาทำเป็นไม่สนใจจัดแจงหยิบตำราและเอกสารที่จะต้องใช้ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลวิจัยเรื่องที่เด็กสาวกำลังจะทำเธอพยายามที่จะจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เธอไม่อยากอยู่ใกล้เด็กร้ายกาจคนนี้

“คุณโกรธฉัน” แพรวาทำเป็นไม่สนใจอีกอย่างเธอไม่รู้ว่าสิ่งที่เด็กปีศาจพูดขึ้นมามันเป็นประโยคบอกเล่าหรือประโยคคำถามกันแน่

“ทำข้อมูลสถิติมาแล้วใช่มั้ยเอามาให้ฉันดูหน่อย” แพรวาทำทุกอย่างเป็นงานเป็นการ

“ฉันเสียใจ” นี่คือสิ่งที่วรินทรพูดออกไปและเป็นสิ่งที่แพรวาได้ยินแต่ทำเป็นไม่ได้ยิน

“ฉันมีข้อมูลมาให้เธอเพิ่มเติมด้วยเอาไปศึกษาดูก่อนไม่เข้าใจตรงไหนค่อยถามฉัน” หญิงสาวเลื่อนเอกสารมาไว้ตรงหน้าเด็กสาวและก้มหน้าดูข้อมูลอื่นๆต่อ

“ฉันขอโทษ”แพรวานิ่งไปเมื่อได้ยินคำนี้รู้สึกเหมือนระบบหายใจของเธอทำงานไม่ปกติ

“ฉันชอบคุณ” แพรวาชะงักมองเด็กสาวนิ่งเด็กนี่พูดอะไร

‘ชอบอะไร ใครชอบ ชอบใคร’ แพรวาคิดร้อนรนอยู่ในใจ

“แล้วจากนี้ไปคุณก็ห้ามไปสนใจคนอื่นนอกจากฉันด้วย ไม่งั้นฉันจัดการคุณแน่” อ่าว…? นี่ …!! อะไรกันอีกเรื่องเก่ายังไม่เคลียร์เลยเอาเรื่องใหม่มาให้เธอปวดหัวอีกแล้ว

“เธอมีสิทธิ์อะไร” แพรวากำลังเหลืออดกับความมึนของเด็กคนนี้อะไรกันอยู่ๆก็จะมาบงการชีวิตเธอมันใช่เรื่องที่ไหน

“สิทธิ์อะไร? คุณถามฉันแบบนี้ได้ยังไง” วรินทรทำหน้าเหรอหราออกไปทางตำหนิ

“ก็คุณจูบฉันแล้ว คุณก็ต้องรับผิดชอบฉันสิหรือคุณจะปฏิเสธว่าคุณไม่เคยจูบฉันต้องให้เล่ามั้ยว่าตอนไหนบ้าง” แพรวาชารู้สึกชาตั้งแต่ปลายผมไปจนถึงปลายเท้าเลยทีเดียวเด็กบ้านี่พูดอะไรกับเธอเนี่ยก็มันความผิดของเธอที่ไหนทุกครั้งเธอเป็นผู้ถูกกระทำนะ

“แต่ทุกครั้งเธอเป็นฝ่าย…จะ...จู บ ฉันนะ” แพรวากระดากที่จะพูด

“ก็ใช่นะ” วรินทรทำท่าครุ่นคิด

“งั้นเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาลุงอธิการดีมั้ยเรื่องว่าฉัน…กับคุณ...จูบกัน” วรินทรทำไม้ทำมือประกอบการพูด ชี้ที่ตัวเองและชี้ที่คู่กรณี

“และฉันคิดว่าคุณต้องรับผิดชอบฉันแต่คุณคิดว่าไม่จำเป็นคล้ายๆได้แล้วทิ้ง ให้ท่านช่วยตัดสินให้ว่าใครถูกใครผิดดีมั้ย”เด็กสาวพูดเหมือนเป็นเรื่องที่คิดได้ง่ายๆ ต่างกับแพรวาที่กำลังอึ้งในความคิดพิสดารคิดเอาดีเอาประโยชน์เข้าตัวเองและเผด็จการกับเธอทุกอย่างนิสัยเสียนี่ และเธอก็กำลังอารมณ์เสียมากด้วย

“ฉันไม่ยอมรับอะไรทั้งนั้นและฉันก็ยังยืนยันว่าเธอไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวฉันเข้าใจให้ตรงกันด้วย”แพรวาแข็งขืน เธอจะไม่ยอมอะไรเด็กเจ้าเล่ห์คนนี้อีกแล้วเป็นไงเป็นกัน

“อืม…ก็ลองดูนะ แต่ถ้าฉันเห็นว่าคุณสนใจคนอื่นเมื่อไหร่ฉันก็จะแสดงสิทธิ์ของฉันทุกที่ ทุกเวลา” วรินทรจ้องตาแพรวาเพื่อให้หล่อนเชื่อมั่นว่าเธอพูดจริงทำจริงแน่

“โดยเฉพาะกับพี่ณัฐ เอ่ะ!!หรือว่าตอนนี้คุณคิดถึงพี่ณัฐอยู่…ใช่มั้ย?” เด็กสาวตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์ฉวยโอกาสยื่นหน้าเข้าไปใกล้ มากจนแพรวาตกใจรีบเบนหน้าหนีเด็กสาวก็ตามมาอย่างไม่ลดละจนสุดทางที่จะถอยหนีได้แล้วจึงรีบส่ายหน้าพัลวัล

“ไม่ๆฉันไม่ได้คิดถึงใคร” วรินทรยอมหยุดและยิ้มสวยให้ แต่แพรวารู้สึกขยาดกับรอยยิ้มสวยๆแบบนี้ไม่อยากเห็นเลยให้ตายเถอะวรินทรฉกหอมแก้มแพรวาแสดงความเป็นเจ้าของ

“จำไว้นะนอกจากฉันใครก็ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับคุณ” แพรวากำลังมึนไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องเสียสติแบบนี้จะเกิดขึ้นได้จริงวรินทรสบตานิ่งกับแม่กวางน้อยที่กำลังสับสนกับคนฉลาดอย่างแพรวามีเหตุผลด้วยมากไม่ได้หรอกเพราะถ้าสู้กันด้วยเหตุผลเธอแพ้แน่นอนต้องเอาความมึนเข้าสู้เมื่อเห็นว่าแพรวายอมสงบวรินทรจึงนั่งลงและหันมาสนใจกับตำราตรงหน้าเข้าสู่โหมดมีสาระแพรวาผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก เพราะเวลาที่ต้องเรียนรู้เด็กสาวจะมีสมาธิและตั้งใจกับมันมากช่วงนี้คือช่วงเวลาแห่งความปลอดภัยของเธอ หลังจากนี้ค่อยหาทางหนีทีไล่กันอีกทีก็แล้วกันหญิงสาวคิดปลงๆ

พัดชาเดินสะโหลสะเหลเข้ามาในโรงแรมเป็นภาพที่เริ่มชินตาของพนักงานที่นี่ เพราะเป็นแบบนี้มาได้อาทิตย์หนึ่งแล้วที่สองสาวสวยจะพากันไปออกกำลังกายตอนเช้าพัดชาทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวนิ่มหัวพิงพนักหลับตาอย่างง่วงสุดขีดก็นี่มันเพิ่งจะหกโมงเช้ามันก็หมายถึงว่าเธอต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าครึ่งแล้วก็ต้องรีบมาที่นี่แต่เมื่อคืนกว่าเธอจะทำรายงานเสร็จและกว่าจะได้นอนก็ปาไปเกือบตีสอง พัดชาคิดอย่างเศร้าใจทำไมเวลามันเดินช้าแบบนี้เมื่อไหร่จะหมดเทอมนี้สักทีเมื่อไหร่ยัยคนร้ายกาจจะออกไปจากชีวิตฉ้าน…

“ให้ฉันปลุกด้วยจูบมั้ย” หญิงสาวที่อยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่นกำลังสับสนกับเสียงที่ได้ยินว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือความฝัน

“อื่อ…” เสียงในลำคอดังออกมาเป็นสัญญาณบอกว่ารำคาญจะนอนต่อ

“อุ่ย!!”พัดชาสะดุ้งลืมตาขึ้นมาเพราะรู้สึกได้ถึงการถูกรุกรานที่ริมฝีปาก

“ทำอะไรของคุณเนี่ย”ผู้ถูกรุกรานเอามือป้ายปากแรงๆอย่างไม่กลัวเจ็บ เพื่อลบรอยจูบของอีกฝ่าย

“อะไรกัน? ก็ฉันถามเธอแล้วว่าให้ฉันปลุกด้วยจูบมั้ยเธอรับทราบแล้วก็เต็มใจนี่” คนฉวยโอกาสตีมึน

“บ้า” พัดชาหันหน้าหนีได้แต่เก็บความขัดเคืองเพราะไม่อาจจะทำในสิ่งที่อยากทำได้

“ง่วงมากเหรอ” อริสราสังเกตเห็นว่าวันนี้ดูพัดชาจะอิดโรยมากกว่าทุกวันพัดชาพยักหน้าแต่ก็ยังไม่ยอมหันมองเพราะยังเคืองไม่หาย อริสรามองเด็กสาวยิ้มๆเข้าใจทุกอย่างว่าหล่อนคิดยังไงคุณหนูเอาแต่ใจอย่างหล่อนเวลาทำหน้าตาเป็นแมวเหงาเฉามือก็ดูน่ารักไปอีกแบบ อริสราลุกขึ้นเดินไปที่เค้าเตอร์และก็เดินกลับมาพร้อมกับยื่นกุญแจห้องให้

“วันนี้ฉันจะไปคนเดียว เธอขึ้นไปนอนบนห้องก่อนฉันมีงานจะให้ช่วยไม่ต้องกลับไปกลับมาให้เสียเวลา”พัดชารับกุญแจมาแบบงงๆมองตามหลังอริสราที่เดินออกจากโรงแรมไป

‘บ้าออกกำลังกายได้ทุกวันจะแข็งแรงไปไหน’ พัดชาบ่นในใจ

ห้องที่อริสราพักเป็นห้องสวีทโลเกชั่นฝั่งทะเลที่ราคาค่อนข้างสูงไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกถ้าจะมาพักแค่ชั่วคราวแต่หล่อนอยู่ที่นี่ยืดยาวถึงสามเดือนต้องเป็นคนสำคัญขนาดไหนนะถึงได้อภิสิทธิ์ขนาดนี้แต่คิดไปก็ปวดหัวเพราะตอนนี้เธอกำลังง่วงมาก พัดชาเดินเข้าไปในห้องนอนแล้วก็สอดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนใหญ่ไม่สนแล้วว่ามันเป็นของใครไม่นานสติของพัดชาก็ดับไปเพราะความง่วง

อริสราวิ่งกลับเข้าโรงแรมมาในสภาพเนื้อตัวเปียกโชกเพราะออกไปได้สักพักฝนก็เทลงมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย หญิงสาวเดินไปขอกุญแจสำรองจากทางโรงแรมพัดชาคงนอนหลับสบายอยู่ตอนนี้เธอไม่อยากขัดจังหวะการนอนของหล่อนเพราะนี่ก็ยังเช้าอยู่มากเมื่อเปิดประตูห้องนอนเข้าไปก็จริงตามคาด พัดชานอนหลับสนิทอยู่บนเตียง เพราะความเย็นของแอร์บวกกับฝนตกด้วยหรือเปล่าตอนนี้เธอรู้สึกหนาวแล้วก็ครั่นเนื้อครั่นตัวแปลกๆ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จองค์ประกอบหลายอย่างรวมๆกันทำให้เธอรู้สึกง่วงและเพลียมากกว่าปกติเมื่อเหลือบไปดูนาฬิกาก็เห็นว่ายังมีเวลานอนอีกหลายชั่วโมง อริสราคลานขึ้นไปบนที่นอนมุดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มไม่ได้สนใจกับคนที่นอนอยู่ก่อนเลยและก็หลับไปในไม่ช้า ฝนที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดดูท่าว่าจะตกหนักขึ้นด้วยซ้ำอากาศทั้งภายนอกและภายในก็เย็นขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ทั้งคู่ต่างหลับไม่รู้ตัวรู้แต่ว่าอากาศเย็นและเธอทั้งสองต่างต้องการไออุ่นสองสาวค่อยๆขยับกายเข้าหากันเพื่อแบ่งปันไออุ่น

พัดชาเริ่มรู้สึกตัวแต่ก็ไม่อยากจะขยับกายหรือลืมตาขึ้นมาเลยเพราะเธอรู้สึกอบอุ่น นุ่มนิ่มสบายเหลือเกินแต่ความไม่ปกติและสัมผัสที่ไม่คุ้นเคยทำให้เธอต้องค่อยๆลืมตาขึ้นมองสายตาที่ไม่ชินแสงทำให้ต้องใช้เวลาในการปรับอยู่สักพักทุกอย่างจึงค่อยๆชัดขึ้นเรื่อยๆและก็ได้ใจหายรับอรุณเพราะอาจารย์อริสรากำลังกอดเธออยู่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย!! คนตื่นก่อนพยายามเลื่อนตัวออกมาแต่คนหลับก็ขยับตามติดมาด้วยตลอดอริสรารวบสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้เข้ามาชิดตัวอย่างไม่รู้สติ เธอไม่รู้อะไรทั้งนั้นรู้แต่ว่าไออุ่นอยู่ตรงนี้และเธอต้องการมันมากพัดชาที่ยังตื่นไม่เต็มตานอนตัวแข็งทื่อหัวใจเต้นแรงอยู่ในอ้อมกอดของคนขาดความอบอุ่นจังหวะที่เธอจะหันมาปลุกก็เป็นจังหวะเดียวกับที่อีกฝ่ายขยับหน้าเข้ามาตอนนี้หน้าของทั้งสองใกล้กันมากจนน่าใจหาย พัดชาหันหน้ากลับอย่างเร็วแต่เธอรู้สึกถึงลมหายใจของอริสราที่เป็นไอร้อนมาสัมผัสที่แก้มของเธอพัดชาตะแคงตัวเพื่อมาดูความผิดปกติอริสราที่ปกติเป็นคนขาวจัดแต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าหน้าหล่อนดูแดงๆ

“อาจารย์คะ อาจารย์”พัดชาตัดสินใจเรียกแต่อีกฝ่ายก็ไม่หือไม่อือ หล่อนจึงถือวิสาสะเอามือแตะที่หน้าผากเพื่อดูอาการเดาได้เลยโดยไม่ต้องจบแพทย์ป่วยแน่นอน ดีใจล่วงหน้าดีมั้ยเนี่ยเพราะว่าหล่อนคงไม่มีแรงแผลงฤทธิ์กับเธอไปอีกหลายวันเอ่ะ!! หรือปล่อยให้นอนป่วยตายไปเลยดีมั้ยจะได้จบๆพัดชาส่ายหัวกับความคิดนี้ของตัวเองอันนี้มันก็แรงไป

หลังจากที่พยายามพาตัวเองออกมาจากอ้อมกอดของอริสราได้สำเร็จพัดชาก็จัดการโทรสั่งอาหารและยาแก้ไข้กับทางโรงแรมไม่นานทุกอย่างก็ถูกจัดสรรขึ้นมาสำหรับลูกค้า VIP พัดชาจัดแจงเอาผ้าชุบน้ำเย็นมาเช็ดตัวให้อริสราเพื่อให้ไอร้อนได้คลายลงไปบ้างถึงจะไม่เคยทำแบบนี้ให้ใครแต่เวลาที่เธอป่วยแม่ก็มักจะทำแบบนี้ให้เธอเสมอในยามที่ท่านยังมีชีวิตอยู่เมื่อคิดถึงแม่พัดชาก็มีสีหน้าสลดไป อริสราขยับตัวเหมือนจะตื่นแล้วช่วยดึงความสนใจพัดชาให้ออกมาจากความเศร้า

“เป็นยังไงบ้างคะ”คนป่วยปรือตามองเจ้าของเสียง เธอเห็นพัดชา

“ฉันสั่งอาหารกับยาไว้ให้คุณแล้วนะคะ” พัดชาถือวิสาสะเอาหลังมือแตะที่หน้าผากและแก้มของคนป่วยทำไปโดยไม่คิดอะไรแต่คนถูกกระทำนี่สิถึงจะยังมึนๆเพราะพิษไข้แต่ก็ตื่นเต้นกับสัมผัสนี้อยู่ไม่น้อย คุณหนูก้าวร้าวเอาแต่ใจอย่างหล่อนอ่อนโยนห่วงใยคนอื่นก็เป็นด้วย

“ร้อนน้อยลงแล้วค่ะ เดี๋ยวก็คงดีขึ้น” อริสราพยักหน้าคิดต่อ แล้วอาการแสนดีแบบนี้ เป็นอาการของผีเข้าหรือผีออกกันนะ

“ไม่มีเรียนเหรอ”พัดชาส่ายหน้า

“แต่มีนัดส่งรายงานค่ะ” อริสราพยักหน้ารับทราบน้อยๆ

“วันนี้เธอกลับไปได้แล้วขอบใจมากที่ช่วยดูแลฉัน”คนป่วยขยับตัวเพื่อจะลุกขึ้นแต่มันค่อนข้างจะลำบากกว่าปกติเหมือนมีอะไรหนักๆมาถ่วงที่ศีรษะพัดชาเห็นท่าอริสราจะไม่ไหวจึงเข้ามาช่วยประคองและพาไปที่โต๊ะ จัดแจงเอาอาหารมาวางตรงหน้า

“เดี๋ยวอีกสักพักค่อยกลับก็ได้ค่ะ ไม่รีบ”ก็พูดแบบไม่ได้คิดอะไร ก็ไม่ได้รีบจริงๆ อริสราเลิกคิ้วแปลกใจปกติเห็นอยากจะรีบๆไปให้ไกลเธอ

“เป็นห่วงฉันเหรอ”

“งั้นฉันกลับเลยแล้วกันค่ะ” เธอไม่มีอารมณ์จะต่อล้อต่อเถียงด้วย พัดชาทำท่าจะเดินออกไปแต่ถูกอริสราจับข้อมือไว้

“ฉันพูดอะไรผิดเหรอ” พัดชาหยุดมองมือที่ถูกจับ และมองหน้าของคนที่กำลังจับมือเธอ ก็ใช่เธอเองก็ตอบไม่ได้ว่าหล่อนพูดอะไรผิด

“ถ้าไม่รีบก็อยู่เป็นเพื่อนฉันก่อน” อริสรายอมปล่อยมือและหันไปสนใจกับอาหารตรงหน้าพัดชานั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามแต่โดยดี

“แล้วเธอไม่ทานเหรอ”

“ฉันไม่ทานเช้าค่ะ”

“อ่อ”อริสราพยักหน้าเข้าใจ

“เธอคงเบื่อฉันมากสินะ” คนป่วยทานไป พูดไปเรื่อยๆ

“ค่ะ”พัดชาตอบแบบไม่คิดสร้างภาพ เพราะเท่าที่เป็นอยู่ก็ไม่น่าจะมีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้แล้วอริสราพยักหน้าน้อยๆเป็นการรับทราบไม่ได้แสดงอาการไม่พอใจอะไร คนอย่างเธอไม่สนใจอยู่แล้วว่าใครจะรู้สึกอย่างไรกับตนการแบกรับความรู้สึกที่ไม่ดีของคนอื่นมันเป็นเรื่องที่โง่และงี่เง่าที่สุดสำหรับเธอทุกคนควรรับผิดชอบความรู้สึกของตนเอง

“ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ตอนเช้าเธอไม่ต้องมารับฉันไปออกกำลังกายแล้วนะส่วนถ้าฉันมีอะไรให้ช่วย ฉันจะโทรไปบอกเอง”พัดชาตาเป็นประกายรู้สึกเหมือนได้เอกราชคืนมาเพราะคุณหนูอย่างเธอเกลียดการถูกบงการที่สุด

“ทำไมล่ะคะ” พัดชาอดไม่ได้ที่ต้องถาม

“เพราะฉันมีอย่างอื่นให้เธอทำ ถึงเวลาจะบอก”...

หลังเลิกเรียนน้ำฟ้าแยกกับเพื่อนๆและมุ่งตรงมาที่ชมรมเชียร์เพราะพัดพี่พีทฝากรุ่นพี่คนหนึ่งมาบอกเธอว่ามีธุระจะคุยด้วย ทั้งหลายทั้งปวงก็คงจะไม่พ้นมีงานกิจกรรมในชมรมให้เธอช่วยพอดีกับที่เธอต้องรอคนรักอยู่แล้วเพราะเมื่อเช้าณัฐบอกกับเธอว่าหลังเลิกเรียนต้องอยู่คุยเรื่องรายงานก่อนอาจจะเสร็จช้า

เมื่อเดินมาถึงห้องชมรมก็พบว่าประตูเปิดแง้มไว้จึงผลักเข้าไปด้วยความคุ้นเคยน้ำฟ้ากวาดสายตาไปจนทั่วห้องก็ไม่พบใครแต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าที่นี่จะไม่มีใครเพราะถ้าไม่ใช่ช่วงกิจกรรมชมรมก็ไม่ค่อยมีใครมาอยู่แล้ว น้ำฟ้าเดินเข้าไปข้างในเดินดูนู่น นี่ รอรุ่นพี่ไปพลางๆและเสียงปิดประตูทำให้เธอต้องหันหลังกลับไปมอง




 

Create Date : 30 กันยายน 2554    
Last Update : 24 สิงหาคม 2555 17:16:17 น.
Counter : 1496 Pageviews.  

หรือจะเป็นเพราะว่าเรา...รักกัน Yuri 16

พนักงานมารับออร์เดอร์ แพรวาสั่งอาหารจานโปรดของตัวเองไปสองอย่างปกติเธอไม่ทานมื้อเย็นเยอะอยู่แล้วผู้หญิงกับการดูแลรูปร่างเป็นเรื่องปกติ แต่ตอนนี้เธอกำลังอยู่กับคนไม่ปกติเพราะว่าเธอกำลังนั่งนับรายการอาหารที่เด็กสาวสั่งเพิ่มได้หกรายการ

“เป็นชูชกกลับชาติมาเกิดหรือไงสั่งเยอะขนาดนี้ทานเข้าไปหมดเหรอ”

“ฉันจัดการของฉันได้น่า” เด็กสาวตอบแบบไม่ใส่ใจ

แพรวามองสิ่งตรงหน้าอย่างตื่นตาอาหารทุกอย่างที่สั่งมาหมดเกลี้ยงโดยฝีมือของคนที่เธอพามาด้วยยังไม่พอวรินทรยังเรียกพนักงานมาสั่งขนมเพิ่มอีก

“ขนมมั้ยคุณ”แพรวาส่ายหน้า เบ้ปาก

“ทานเข้าไปเยอะขนาดนี้เอาไปเก็บไว้ตรงไหนเนี่ย”

“ถ้าอาหารฉันเก็บไว้ในกระเพาะแต่ถ้าเป็นคุณฉันเก็บไว้ในใจ”แพรวาส่ายหน้ายิ้มๆกับมุขเสี่ยวๆ

หลังจากทานอาหารแพรวาขับรถพาวรินทรมาที่ตลาดถนนคนเดินที่เจ้าตัวร่ำร้องอยากจะมาตลาดถนนคนเดินของที่นี่เป็นตลาดเลียบชายทะเล เธอรู้จักที่นี่จากเพื่อนชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวในประเทศไทยนึกละอายในใจลึกๆว่าเป็นท้องถิ่นใกล้บ้านตัวเองแท้ๆแต่กลับให้ฝรั่งต่างชาติมาเล่าให้ฟังพอมาเห็นสถานที่จริงก็พาให้ตื่นตาตื่นใจไม่น้อยแสงไฟจากร้านค้าสาดสว่างเต็มท้องถนน แรงของลมทะเลพัดผ่านให้ความเย็นสบายไปทั่วมีร้านค้ามากมายขายสินค้าพื้นบ้านและสินค้าทั่วไป ตลาดที่นี่จัดเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำของพื้นที่นี้เลยทีเดียวสังเกตได้จากชาวต่างชาติมาเดินกันมากมายสองสาวพากันเดินเบียดเสียดผู้คนดูนั่นดูนี่ไปเรื่อย เข้าร้านนั้นออกร้านนี้ และเพราะกลัวว่าเด็กน้อยที่พามาด้วยจะหลงแพรวาจึงเอามือหล่อนมาจับไว้และมีบางจังหวะที่ผู้คนเบียดเสียดเด็กสาวรู้สึกได้ว่าแพรวากระชับมือเธอแน่นขึ้นเธอชอบสัมผัสแบบนี้

ทั้งคู่เดินมาจนสุดตลาดและก็พากันเดินเรื่อยเปื่อยกินลมชมบรรยากาศยามค่ำคืนของริมทะเลเสียงคลื่นน้ำทะเลซัดสาดกระทบโขดหินกับคลื่นลมที่มากระทบร่างกายยิ่งทำให้ทั้งคู่รู้สึกผ่อนคลายไม่มีใครพูดอะไรต่างก้าวเดินไปช้าๆเงียบๆต่างคนต่างมีเรื่องราวของตัวเองให้คิดมากมาย แต่ถ้าใครที่ช่างสังเกตสักนิดจะเห็นว่ามือของทั้งสองยังเกาะเกี่ยวกันไว้อยู่

แพรวาจอดรถที่หน้าอพาร์ทเม้นท์แหงนหน้าขึ้นมองไปบนตัวตึกจากในรถ ก็มองไปเรื่อยเธอไม่รู้หรอกว่าห้องของณัฐอยู่ส่วนไหนของตึกนี้จะดีไม่น้อยเลยถ้าเด็กคนนี้ชวนเธอขึ้นไปบนห้องแต่มันก็เป็นได้แค่ความคิดเท่านั้นแหละเพราะยัยเด็กปีศาจกันท่าเธอจะตาย คงจะไม่ปล่อยให้เธอได้มีโอกาสหรอก

“ทำไม อยากขึ้นไปเหรอ”เหมือนเด็กสาวจะอ่านความคิดออกจากอาการ

“ฉันพาคุณขึ้นไปได้นะ”แพรวากำลังตั้งสติ ว่าเธอไม่ได้หูฝาดไปใช่มั้ย เพราะเธอได้ยินว่าเด็กปีศาจบอกกับเธอว่าจะพาเธอขึ้นไปบนห้อง

“ไม่อยากขึ้นไปเหรอ ก็ไม่เป็นไรนะและก็ขอบคุณมากสำหรับวันนี้”เด็กสาวทำท่าจะเปิดประตูออกไปแต่ก็ต้องชะงัก

“ทำไมถึงจะให้ฉันขึ้นไปหวงพี่สาวนักไม่ใช่เหรอ” แพรวาโพล่งถามออกไปด้วยความสงสัยจริงๆเด็กสาวกระตุกยิ้มและหันกลับมาทางแพรวา

“ฉันไม่ได้ให้คุณขึ้นไปฟรีๆสักหน่อย” วรินทรยิ้มสวย แต่แพรวากลับรู้สึกว่าเป็นมันเป็นรอยยิ้มที่ไม่น่าไว้ใจ

“แลกกับอะไร”

“ไว้ฉันจะบอกทีหลังไม่มากมายอะไรหรอก โอกาสแบบนี้ไม่มีบ่อยนะและฉันก็ไม่ได้ใจดีอย่างนี้ทุกวันด้วย” อันนี้จริงเธอเห็นด้วยอย่างมากเพราะตั้งแต่เจอกันมายังไม่เคยเห็นจะมีวันดีๆกันเลย จะมีก็วันนี้แหละที่ยังไม่เห็นว่าจะแผลงฤทธิ์อะไรใส่เธอแพรวากำลังครุ่นคิดหนักโอกาสที่เธอจะได้เจอณัฐโดยที่ไม่มีน้ำฟ้าอยู่เคียงข้างก็ช่างหาได้ยากเย็นทั้งคู่เป็นเงาของกันและกันเสมอ และเธอก็พยายามหลีกเลี่ยงที่จะเห็นภาพแบบนั้นเพราะมันทำให้เธอเจ็บหลายครั้งที่เธออยากจะหมดหวังตัดใจไปเสียแต่ก็ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆและอีกอย่างคนอย่างแพรวาไม่เคยอยากได้อะไรแล้วไม่ได้และตอนนี้ก็เป็นโอกาสที่ดีไม่ใช่เหรอที่เธอจะได้ทำคะแนนกับณัฐบ้างการได้เห็นพื้นที่ส่วนตัวของคนที่โลกส่วนตัวสูงอย่างณัฐทำให้เธอรู้สึกพิเศษไม่น้อย

“ฉันจะขึ้นไป” แพรวาปลดล๊อคสายเซฟตี้เบล และเปิดประตูรถออกไป

วรินทรเดินนำเข้ามาในอพาร์ทเม้นท์ ตลอดทางจนมาถึงหน้าห้องแพรวามองทุกอย่าง อย่างสนใจ วรินทรไขกุญแจเปิดประตูห้องและเดินนำเข้าไปโดยไม่ลืมที่จะดึงอีกคนให้ตามเข้าไปด้วยแพรวาที่มัวแต่สนใจอยู่กับสิ่งแปลกใหม่และพยายามทำตัวให้ดูตื่นเต้นน้อยที่สุดจึงทำให้เธอขาดการสังเกตสังการณ์ไปหลายเรื่อง และตอนนี้เธอสังเกตได้เรื่องหนึ่งแล้วเมื่อเธอเห็นเด็กสาวเปิดไฟ… ก็เท่ากับว่าก่อนหน้านั้นไฟมันปิด…มันก็หมายถึงว่าก่อนหน้านั้นมันไม่มีคนอยู่ แพรวามองไปทั่วห้อง… ว่างเปล่า… แล้วคนที่เธออยากเจอล่ะเร็วเท่าความคิดแพรวารีบหมุนตัวเพื่อจะไปที่ประตูโดยเร็วเธอกำลังหลงกลเด็กปีศาจและก็ช้าตามเคยเพราะเด็กปีศาจรู้ทันและรวบเอวเธอไว้ได้ก่อน แพรวาใจหายวาบเมื่อรู้ตัวว่าพลาดอีกแล้ว

“จะรีบไปไหนล่ะ อยากขึ้นมานักไม่ใช่เหรอ”

“ปล่อยฉันนะ” แพรวาทำเสียงเข้มพยายามดิ้นรนสุดกำลังเพื่อให้หลุดจากอ้อมแขนแข็งแรงของเด็กจอมเจ้าเล่ห์

“เธอหลอกฉัน”แพรวามองอีกฝ่ายเคืองๆ

“ฉันหลอกอะไรคุณ”วรินทรทำหน้าทำตาเหรอหรา

“ก็ณัฐไม่อยู่”

“ก็ใช่ไง ไม่อยู่ แล้วฉันบอกคุณตอนไหนเหรอว่าพี่ณัฐอยู่” ก็จริงแพรวาเพลียในใจ ตอนนี้เธอทั้งโกรธตัวเองที่ไม่รอบคอบและก็โกรธจอมเจ้าเล่ห์คนนี้

“งั้นก็ปล่อยสิ ฉันจะกลับแล้ว” แต่แพรวาก็ต้องใจหายเมื่อเห็นแววเล่ห์ร้ายจากดวงตาคู่นั้นอีกแล้วเอาแล้วไง… เธอต้องเจออะไรอีกเนี่ย

“อะไร จะกลับได้ยังไง คุณยังมีเรื่องติดค้างฉันอยู่นะ”

“ต่ะ ตะ ติดค้าง อะไร” แพรวาหวั่นใจว่าเด็กคนนี้จะมาไม้ไหนกับเธออีก และยิ่งคิดก็ยิ่งเคืองที่เสียรู้เด็กคนนี้ซ้ำซาก

“ก็ของแลกเปลี่ยนกับการพาคุณขึ้นมาที่ห้องนี่ไง” แพรวาเหวอพูดอะไรไม่ออก อะไรกัน?คนที่อยากเจอก็ไม่ได้เจอแล้วยังต้องมาติดค้างเด็กเจ้าเล่ห์คนนี้อีก นี่พระเจ้ากำลังลงโทษเธออยู่ใช่มั้ยใจร้ายที่สุดวรินทรยิ้มสวย… อีกแล้วเธอไม่อยากเห็นรอยยิ้มแบบนี้เลยให้ตายเถอะ

“อะไรล่ะ ว่ามาสิ” แพรวามองหน้าเด็กสาวหวั่นๆแต่ก็อยากรีบๆทำทุกอย่างให้มันจบเธออยากไปให้ไกลจากที่นี่ ไกลจากเด็กปีศาจ

“จูบ” แพรวาเบิกตากว้าง

“นี่!! ไม่!!..” เสียงของแพรวาเล็ดลอดออกมาได้เท่านี้ เพราะวรินทรจัดการปิดปากของแพรวาด้วยปากของเธอเพราะรู้ดีว่าแพรวาต้องพูดอะไรที่มันไม่น่าฟังแน่ๆ มือเรียวข้างหนึ่งช้อนประกบหลังคอบังคับไม่ให้ร่างที่บางกว่าของคนเสียรู้เบี่ยงหน้าหนียิ่งกดย้ำริมฝีปากให้แนบสนิทกันมากขึ้นแต่ร่างบางพยายามเม้มปากไม่ยอมเปิดทางให้อีกฝ่ายเอาเรียวลิ้นลุกล้ำเข้าไปหาผลประโยชน์แต่เจ้าของฉายาเด็กปีศาจก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะเด็กสาวเปิดปากแพรวาด้วยการบีบเค้นหนักมือที่อกกลมกลึงทำเอาร่างบางสะดุ้งอ้าปากจะประท้วง จังหวะนั้นเด็กสาวรีบแทรกเรียวลิ้นเข้าไปทันที

“อื้อ...” แพรวาหัวเสียที่หลงกลเสียเปรียบเด็กจอมเจ้าเล่ห์ทุกทาง จึงยิ่งดิ้นรนขัดขืนแต่เรี่ยวแรงของเธอมันก็หมดไปเรื่อยๆเพราะโดนอีกฝ่ายสูบไป และดูเหมือนแพรวาจะหมดเรี่ยวแรงสิ้นฤทธิ์แล้วปล่อยกายให้อีกฝ่ายทำทุกอย่างตามใจ ถึงแพรวาจะอายุมากกว่าและมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องแบบนี้มาบ้าง แต่ถ้าเทียบกับเด็กสาวแล้วยังต่างชั้นกันอยู่มากวรินทรใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศนานหลายปี เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ง่ายและเกิดขึ้นได้บ่อยสำหรับสาวสวยอย่างเค้า

แพรวาใจหายเมื่อรู้สึกถึงแผ่นหลังที่กำลังสัมผัสกับที่นอนสติบอกเธอให้ฝืนตัวขึ้นมาให้ได้ไม่อย่างนั้นต้องแย่แน่ๆแต่เรี่ยวแรงอันน้อยนิดทำให้เธอทำได้แค่ดิ้นขลุกขลักอยู่ภายใต้ตัวเด็กสาวเท่านั้น

“อื้อ...ปล่อยน้า” เสียงที่เปล่งออกมาเบากว่าเบา และอีกฝ่ายก็ไม่คิดจะสนใจ สำหรับเธอแทบไม่ต้องออกแรงอะไรเพื่อควบคุมหล่อนไว้เลยสองมือของเธอแค่จับสองมือของแพรวาไว้ปากและจมูกของเค้ากำลังสำรวจไปทั่วทั้งใบหน้าไล่ลงมาซอกคอขาววนเวียนอยู่ตรงนั้นอย่างเพลิดเพลิน

“อืม...” แพรวาเองก็เผลอครางออกมาเป็นระยะๆด้วยอารมณ์หวามที่ยากจะควบคุม เด็กสาวเองก็ครางในลำคออย่างเจอของถูกใจ

ครืดๆๆ โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของวรินทรสั่นขึ้นทำให้เธอต้องหยุดจากสิ่งที่กำลังทำอยู่เด็กสาวล้วงมือเข้าไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเบอร์แล้วก็กดรับสายโดยไม่ยอมที่จะผละออกจากตัวแพรวา สำหรับแพรวาตอนนี้นอนสงบนิ่งเมื่อรู้ว่าปลายสายเป็นณัฐเธอไม่อยากให้ณัฐรู้ว่าเธออยู่ที่นี่ เธอไม่อยากให้มีประเด็นอะไรอีกทั้งนั้นตลอดเวลาที่เด็กสาวคุยโทรศัพท์หล่อนมองหน้าแพรวาอยู่ตลอดเหมือนไม่อยากให้คลาดสายตาไม่อยากอยู่ห่างสักวินาที แต่แพรวาเมินหน้าไปทางอื่นสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้น

เมื่อคุยจบวรินทรกดวางสายแต่ยังคงไม่ละสายตาจากคนที่นอนนิ่งอยู่ภายใต้ตัวเธอ แพรวามองกลับด้วยสายตาที่เป็นคำถามเธออยากรู้ว่าสิ่งที่เขาทำกับเธอมันคืออะไร? เพื่ออะไร? แต่เด็กสาวไม่ยอมพูดอะไรหล่อนยันตัวขึ้นไปนั่งอยู่ข้างเตียงแพรวารีบลุกตามขึ้นมาสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิงเมื่อจัดการกับตัวเองจนคิดว่าเรียบร้อยแล้วหล่อนจึงมองไปที่ตัวต้นเหตุที่นั่งนิ่งไม่ไหวติง

“จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ” หญิงสาวน้ำตาคลอไม่รู้เพราะอะไรแต่เธออยากร้องไห้ ทำไมเธอถึงรู้สึกอ่อนแอนักในเวลาแบบนี้เด็กสาวยังคงไม่พูดอะไร หล่อนลุกขึ้นยืนและหันมามองแพรวาที่กำลังลงมาจากเตียงและมายืนอยู่ตรงหน้า

“พี่ณัฐกำลังจะมา คุณจะได้เจอเขาแล้วดีใจมั้ย”วรินทรพูดยิ้มๆแต่เป็นยิ้มที่พยายามยิ้มเสียมากกว่า

เพลี้ย!!หน้าของเด็กสาวหันไปตามแรงเหวี่ยง

“ฉันเกลียดเธอ”แพรวาตะโกนใส่หน้าเด็กสาวและผลักหล่อนออกไปด้วยความโกรธ วรินทรเซถอยหลังไปเพียงนิดไม่คิดตอบโต้อะไรยืนมองแพรวาออกประตูไป

วรินทรยังคงยื่นนิ่งอยู่อย่างนั้นเธอกำลังรู้สึกผิด สิ่งเธอทำกับแพรวามันเกินไปจริงๆ ถึงจะรู้สึกได้ว่าไม่ได้บังคับใจอะไรแพรวามากมายแต่ก็เพราะเธอใช้ประสบการณ์หลอกล่อไม่ใช่เพราะหล่อนเต็มใจ ‘ใช่สินะ’ไม่ใช่เพราะเต็มใจ

แพรวาวิ่งออกมาจนถึงประตูทางออกจังหวะเดียวกันกับมีคนเปิดประตูเข้ามาพอดีทำให้เธอไม่ต้องยืนรอเพราะเธอไม่มีคีย์การ์ดเมื่อเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถเหมือนจะเป็นจุดสิ้นสุดของการอดทนน้ำในตาที่เธอพยายามเก็บกักไว้ก่อนหน้านี้ หลั่งไหลพร่างพลูออกมามากมาย หญิงสาวฟุบหน้าลงกับพวงมาลัยเธอรู้สึกทั้งเจ็บทั้งอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แค่ไม่ต้องการให้เธอยุ่งกับพี่สาวของตัวเองต้องทำกับเธอถึงขนาดนี้เชียวเหรอ เด็กบ้า เด็กร้ายกาจ ฉันเกลียดเธอ เกลียดๆๆๆ

ณัฐกานดาเปิดประตูเข้ามาในห้องเก็บข้าวของเข้าที่เธอไม่เห็นน้องสาวอยู่ในหแต่สังเกตจากประตูหลังห้องที่แง้มอยู่ก็เดาได้ไม่ยากว่าคงจะอยู่ที่ระเบียงหลังห้องเมื่อผลักประตูออกไปก็เห็นน้องสาวนั่งอยู่แอบแปลกใจที่วันนี้เจ้าน้องจอมป่วนของเธอดูเงียบผิดปกติณัฐกานดาหย่อนตัวลงที่เก้าอี้อีกตัวข้างๆกัน ต้องขอบคุณน้ำฟ้าที่เจ้ากี้เจ้าการจนได้เก้าอี้สองตัวนี้มาเพราะหล่อนบอกว่ามุมห้องตรงนี้วิวสวยและก็ลมเย็น หล่อนชอบและก็อยากมานั่งตรงนี้กับเธอทุกครั้งที่มาก็ต้องจัดให้ไป

“เป็นอะไรไปเรา เงียบเชียว”

“พี่ณัฐคิดยังไงกับคุณแพรเหรอ” ณัฐกานดาเลิกคิ้วแปลกใจ ที่อยู่ๆกิ๊ฟก็มีคำถามนี้กับเธอ

“ทำไมถึงถามพี่แบบนี้ล่ะ” ณัฐเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ในท่าที่สบายๆสายตามองตรงไปข้างหน้า แต่หาเห็นได้ถึงอาการไม่ปกติของน้องสาว

“ก็อยากรู้”

“เหรอ… พี่คิดว่ากิ๊ฟชอบพี่แพรเสียอีก” วรินทรถึงกับเหวอกับการสันนิษฐานของพี่สาว

“จะถามทำไมว่าพี่คิดยังไงเอาคำถามนี้กลับไปถามใจตัวเองดีกว่า พี่แพรเป็นคนดี เป็นคนเก่ง ติดก็แค่เอาแต่ใจและชอบเอาชนะกับพี่เองพี่แพรเค้าคิดไปเองว่าเค้ารักพี่แต่จริงๆแล้วพี่เป็นแค่ของยากที่เค้าอยากเอาชนะก็เท่านั้น วันหนึ่งพี่แพรจะเข้าใจและเลิกสนใจพี่ไปเอง”ผู้เป็นพี่เว้นจังหวะปรายตามองน้องสาวที่ก้มหน้านิ่งเหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนักนี่ต้องไปก่อเรื่องอะไรมาแล้วแน่ๆ

“ถ้ากิ๊ฟไม่คิดอะไรกับพี่แพรก็อย่าไปวุ่นวายให้เค้าไม่สบายใจเข้าใจมั้ยส่วนเรื่องของพี่ พี่จัดการเองได้” คนเป็นพี่ลุกขึ้นบิดตัวยืดเส้นยืดสายและยื่นมือไปขยี้หัวเด็กเจ้าปัญหา กิ๊ฟต้องการเวลาเพื่อเรียนรู้

“พี่รักกิ๊ฟนะไปอาบน้ำก่อนละ เหนื่อย” แล้วก็ฮัมเพลงเดินเข้าห้องไป

เชียร์หรีดเดอร์เป็นกิจกรรมที่สำคัญและได้รับความสนใจมากเป็นลำดับต้นๆในงานกีฬามหาวิทยาลัยหลายต่อหลายคนต่างรอที่จะดูกิจกรรมนี้ ก็เพราะอยากเห็นสาวๆสวยๆมาออกเสต๊ปเรียกคะแนนจากกรรมการเรียกกำลังใจให้นักกีฬาแล้วก็สร้างสีสรรให้กองเชียร์ มันน่ามองน้อยอยู่ที่ไหน และตอนนี้ก็ถึงคิวมหาวิทยาลัยของเธอแล้วทีมเชียร์หรีดเดอร์เตรียมพร้อมอยู่ที่กลางสนาม น้ำฟ้าก็สวยเด่นเห็นมาแต่ไกลแต่ภาพนี้มันกลับทำให้ณัฐกานดาออกอาการหงุดหงิด ก็เธอไม่ชอบให้ใครมองน้ำฟ้าของเธอนี่แล้วนั่น!!ดูชุดเจ้าหล่อนใส่สิ เห็นแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า ต่อไปต้องมีมาตรการห้ามทำกิจกรรมที่นุ่งน้อยห่มน้อยแบบนี้แล้ว




 

Create Date : 29 กันยายน 2554    
Last Update : 24 สิงหาคม 2555 17:17:09 น.
Counter : 1190 Pageviews.  

1  2  3  4  

writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.