Group Blog
 
All blogs
 

ที่ไหนก็ได้..เพียงมีเธอ

‘ขืนถอยก็เท่ากับว่ายอมยกธงให้กับแม่คิกขุนี่เลือดสยามที่ข้นคลั่กจะมาแพ้เลือดบูชิโดได้อย่างไร ไม่ยอมๆแล้วถ้าเกิดมันเลยเถิดไปมากกว่าแค่ถูหลังล่ะสาวน้อยที่เห็นแบ๊วๆที่จริงอาจแกล้งแอ๊บแนบเนียน เป็นแม่นางหวังฟันเจ้า ร้อง อิคึๆคิมูจิๆ แล้วลงท้ายบีบน้ำตา เรียกค่าเสียหายหลายแสนขึ้นมาจะทำยังไง โอ๊ววว..’ปิ่นปัทม์คิดหลายตลบ ลงท้ายความที่ไม่อยากเสียหน้าปลงใจคว้าเอาผ้าขนหนูผืนน้อยมาจากมือของริโกะ

“แอ๊ดดดด..” นั่นเป็นเหตุให้บานประตูถูกเปิดออกจนสุดเผยให้เห็นถึงร่างเปลือยเปล่าขาวอมชมพูคราบฟองสบู่เป็นกระหย่อมๆบนผิวกายไม่อาจช่วยปกปิดสิ่งที่ควรให้พ้นจากสายตาสาวฟันกระต่ายที่ยืนประชิดติดขอบวงกบไปได้เลย

“ว้ายยยยปิ่นปัทม์ตกใจร้องลั่นเต้นเร่าลนลานพลันที่รู้ว่าตนอยู่ในสภาพแรกเกิด สองมือจะปกปิดส่วนบนก็เปิดท่อนล่างปิดล่างข้างบนก็อล่างฉ่าง ลืมไปเสียสนิทใจว่าเพียงปิดประตูทุกอย่างก็จบ และจบจริงๆ

“ปัง!..”

“มะ..ไม่เป็นไรฉันอาบเองได้” ริโกะตกตะลึงไม่แพ้กันทำได้เพียงเบี่ยงหน้าหนีขาเท้าตายปลายประสาทไม่สั่งการ ดวงหน้าแดงก่ำราวกับซดสาเกไปหลายไห ใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำแท้ที่จริงเธอเมานมกับสาหร่ายโนริรสเผ็ดจากเมืองไทยต่างหาก คุณอ่า..

ปิ่นปัทม์อับอายสุดชีวิต เสียดุลการค้าให้กับสาวยุ่นเข้าจนได้กระทั่งเพื่อนสนิทตัวติดกันอย่างสุพรรษายังไม่เคยเห็นเธอล่อนจ้อนขนาดนี้แต่แม่ดอกมะลิที่เพิ่งเจอกันได้เพียงสองครั้งดั๊นมาเห็นเธอโป๊ตลึงตึงโป๊ะเต็มๆตาเสียนี่สาวไทยรีบเปิดน้ำร้อนจัดๆวักน้ำลูบล้างบนใบหน้าตึงหวังให้ลืมๆก่นด่าตนเองไม่ผ่อนเพลา

‘ยัยบ้าเอ๊ย! เล่นพิเรนทร์กลายเป็นหมองูตายเพราะงูจริงๆ’..

หลังจากผูกทบชุดยูกาตะมิดชิดสนิทแนบกายคนเข็ดขยาดยืนจ้องตนเองที่บานกระจกฝ้าเพราะไอน้ำปรับโหมดเป็นขึงขังดังว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อนที่เสียแล้วก็เสียไปแต่ห้ามเสียใหม่อีกเด็ดขาด เรื่องจะเอาคืนคงต้องพักไว้ก่อนรู้สึกเพลียส่วนหนึ่ง ที่เหลือคือปวดร้าวลามทั่วปลีน่อง ต้นขาที่ระบมที่สุดเห็นจะเป็นฝ่าเท้าแดงบวมช้ำคำนวณคร่าวๆวันหนึ่งในโตเกียวคงมีเป็นสิบกิโลฯอ่ะสาวสวยกะเผลกกะย่องกะแย่งออกมาจากห้องน้ำ ริโกะเห็นอาการกะปลกกะเปลี้ยจึงรีบเข้าประคองพามานั่งที่เตียง

“แข็งขันดีไม่มีทิปพิเศษให้หรอกนะ แต่เธอเองก็ไม่ชอบอยู่แล้วนี่”การพูดกันคนละภาษาก็ดีไปอย่างฝ่ายหนึ่งสามารถกระแนะกระแหนได้เต็มที่โดยที่ผู้ฟังไม่รู้ความ

“เจ็บเท้าหรือคะ ตายแล้ว!!เท้าแดงไปหมดเลย” ไกด์สาวนั่งยองๆที่พื้น เห็นฝ่าเท้าช้ำแดงก็เข้าใจถึงสาเหตุเงยขึ้นมาสบหน้านิ่งๆของนายจ้างครั้งหนึ่งลุกพรวดคว้ากระเป๋าของตนจ้ำฝีเท้าไปหน้าปากประตู

“นี่ๆ จะหนีฉันไปไหน!!”

“สิบนาทีฉันจะกลับมา”สาวผมบ๊อบชูมือไม้เป็นสัญญาณและแววตาไร้ซึ่งมารยาที่เป็นสัญญาใจเท่านั้นปิ่นปัทม์จึงสงบ ยอมนั่งรอ คิดอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า‘ถ้าหนีไปจริงนางคงชวดเงิน ยังไม่ได้ให้สักเยนเดียวนี่นะ’..

ห้านาทีแรกผ่านไปแบบปกติปิ่นปัทม์เปิดแอพฯเรียนภาษานั่งอ่านแบบชิลๆพอคล้อยเข้าห้านาทีหลังสาวเจ้าเริ่มกระสับกระส่ายวางโทรศัพท์และลุกเดินวนไปวนมาในห้องคับแคบ กว่าตัวเลขวินาทีของนาฬิกาบนหัวเตียงจะเปลี่ยนไปแต่ละตัวช่างยาวนาน.. อำนาจเงินตราซื้อหัวใจของริโกะตามที่เธอบอกไว้ไม่ได้และนั่นอาจรวมไปถึงกายด้วยหากสาวฟันกระต่ายไปแล้วไปลับ

'แม่ดอกมะลิ..ถ้านางไม่กลับมาจะทำยังไง นี่เราเรื่องเยอะน่ารังเกียจมากขนาดนั้นเลยเหรอ'ปิ่นปัทม์เริ่มปริวิตก ลงท้ายได้แต่โทษตัวเอง

“ติ๊งต่อง…” เสียงกดออดหน้าประตูดังขึ้น เจ้าของห้องยิ้มร่า มองมาที่นาฬิกาสิบนาทีจริงๆ แม่นี่เป็นรถไฟหรือไงนะตรงเวลาพอดิบพอดี ไม่ต้องดูตาแมวให้มากความมือเรียวของสาวไทยเปิดประตูต้อนรับ ไกด์ผู้น่ารักหิ้วถุงพลาสติกติดกลับมาด้วย

“ไปซื้อของก็ไม่บอก”ปิ่นปัทม์บ่นเป็นพิธี ริโกะยิ้มหวาน ล้วงเอากล่องออกมาจากถุง วางลงบนเตียง

“ for you ”สั้นๆเข้าใจง่าย แต่ทำไมต้องให้เธอปิ่นปัทม์หยิบเอากล่องขนาดย่อมกว่าแท็บเล็ตน้อยหนึ่ง มันเต็มไปด้วยตัวอักษรคันจิมีรูปเท้าคนถูกแปะด้วยแผ่นคล้ายๆพลาสเตอร์เท่านั้นเธอก็สว่างในใจ มันคือแผ่นแปะแก้ปวดเมื่อย (Foot Patch or Foot Pad) เธอเคยผ่านตาจากwebsite ที่ขายของหิ้วมาจากญี่ปุ่นโฆษณาสรรพคุณเอาไว้ว่าเป็นแผ่นแปะความร้อนไอน้ำจากสมุนไพรช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ช่วยเรื่องระบบไหลเวียนของเลือด เพียงแค่แปะไว้จะรู้สึกร้อนวูบวาบ ไม่นานอาการปวดเมื่อยก็หายเป็นปลิดทิ้ง

“มันจะได้ผลเร้อปิ่นปัทม์ไม่วายพูดขัดคอตามพื้นนิสัยเดิม ไม่บ่งชัดว่ารู้ความหรือไม่ริโกะยังหน้านิ่งจัดแจงแกะกล่อง จับขาของนายจ้างยืดออกนวดกดจุดด้วยหัวแม่โป้งลงบนฝ่าเท้าทั้งสองข้าง ก่อนจะแปะแผ่น Foot Patch ลงไป

“คนไทยคงไม่ชินกับการเดินไกลๆแน่ๆเลยแต่อยู่ที่นี่สักอาทิตย์ร่างกายคุณจะปรับสภาพเอง” ริโกะพูดงึมงำๆนายจ้างสาวจดจ้องใบหน้าผุดผาดไม่วางสายตา

'น่าร๊ากอ่ะ ให้จ่ายวันละแสนเยนก็คุ้ม'ปิ่นปัทม์เองก็พึมพำดังๆในใจ คนมีความต้านทานภูมิคุ้มกันทางความรู้สึกสูงประหนึ่งว่าจะติดเชื้อรักในกระแสโลหิตแล้วกระมัง

“โดโมะ อาริกาโตะ โกซาอิมาซ (ขอบคุณมากนะ)..ไม่เคยมีใครทำให้ฉันแบบนี้เลย”ไม่บ่อยที่ปิ่นปัทม์ผู้เลิศเลอจะเอื้อนเอ่ยคำขอบคุณให้กับใครง่ายๆริโกะได้ละลายพฤติกรรมจองหองของเธอสิ้น

“โดอิ ตาชิมาชิเตะ (ไม่เป็นไรค่ะ) ฉันก็ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน”ไกด์จำเป็นยอมรับแล้วว่านายจ้างเป็นบุคคลพิเศษลงในรายละเอียดไม่ได้ว่ามันมากน้อยเป็นรูปธรรม ชั่ง ตวง วัดได้เท่าไหร่เสร็จสรรพสองสาวได้เวลาเข้าพักผ่อน...

6.00 . ตามเวลาท้องถิ่นสุพรรษารู้สึกตัวตื่นจากนาฬิกาปลุก ไม่มีการนอนต่อเมาขี้ตารู้สึกเต็มอิ่มแล้วกับประสบการณ์อ้างแรมในแคปซูลแคบๆดังนี้ก็ไม่ต้องกลัวใครคุยข่มเอา ว่ามาโตเกียวแล้วพลาดหลังจากล้างหน้าแปรงฟันที่ห้องน้ำรวม เธอยังไม่ check-out สาวโสภาใคร่ศึกษาการใช้วิถีชีวิตคนพื้นถิ่นทันทีที่ก้าวออกจากอาคาร สายตาคมมองไปตรงมุมตึกเมื่อคืนสุพรรษาเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งนอนขดตัว สภาพเหมือนเมามายด้วยเมรัยแต่บัดนี้กำลังยืนแต่งตัวผูกไทด์ผมเรียบแปล้คว้ากระเป๋าเอกสารไปทำงานต่อ?? มันคงเป็นชีวิตหนุ่มโสดคนเหงาที่ไร้สาวข้างบ้านท่ามกลางเมืองใหญ่หมักหมมเต็มไปด้วยความเครียดสินะฝั่งตรงข้ามกันเป็นผู้คนนับสิบชีวิตยืนต่อแถวรอร้านปาจิงโกะเปิดทำการอะไรจะมุ่งมั่นปานนั้น.. รถ Lotus Exige เปิดประทุนสีแดงแปร๊ดโฉบมาจอดหน้าสุพรรษายากูซ่าสาวเปิดประตูก้าวลงจากรถขยับปก overcoat ด้วยท่าทางเดิมๆเดินหน้าเชิดมาหาสาวไทย นี่ก็อีกคน มาโชว์รวยเสนอหน้าแต่เช้าเชียว

“หล่อล่ะสิ”คำทักทายแรกจากเมงุมิเย้าแต่หัววัน

“เปล่า..แค่คิดอะไรบางอย่าง ว่าแต่เธอเหอะ โผล่มาทำอะไรมิทราบอย่าบอกนะว่ามาเก็บค่าคุ้มครองเก็บส่วยจากโรงแรม”สุพรรษามิอาจคิดเข้าข้างตนเองสุดกู่ ขี้ตู่ทึกทักว่าผู้สาวตรงหน้าจะจงใจมาหาเธอแล้วถ้าใช่ล่ะ? เหอ เหอ..

“ละแวกนี้ไม่ใช่เขตอิทธิพลดิฉัน”

“จรรยาบรรณยากูซ่าเหรอแบ่งปันเขตว่างั้น” มันเป็นอารยธรรมเหมือนกันถ้วนทั่ว ขนาดลิงที่บ้านเธอยังไม่หากินข้ามเขตกันเลยเมงุมิยื่นถุงให้ สุพรรษารับมาเปิดออกดูดั่งว่ารู้ใจเมื่อพบว่าเป็นเสื้อผ้า accessoriesครบครันและชุดชั้นใน แล้วแม่ยากูซ่ารู้ได้อย่างไรว่าเธอไซส์ไหนเห็นแบบนี้ซ่อนรูปนะยะ ไม่ใช่น้อยๆ

“ไปเปลี่ยนซะ เหงื่อไม่ออกก็จริงแต่แบคทีเรียที่สะสมจะทำให้เป็นโรคผิวหนังได้โดยเฉพาะแพนตี้”

“นี่ๆ หาว่าฉันซกมกเหรอแต่ก็ขอบใจนะ แล้วทำไมไม่ไปเฝ้าเป้าหมายหัวใจที่ชินจูกุหือเมงุมิไม่ตอบ หูทวนลมเหมือนไม่แม้กระทั่งได้ยินด้วยซ้ำ

“ยากูซ่านี่ต้องเก๊กตลอดเวเพลียๆๆ” ข้อนี้บ่นเป็นไทยแท้ สุพรรษาเดินส่ายศีรษะกลับเข้าไปในโรงแรม ราวสิบห้านาทีจึงกลับออกมาอีกครั้งปรากฎกายในชุดที่เมงุมิจัดเตรียมมาให้ ทุกอย่างพอดีเป๊ะๆราวกับเป็นช่างตัดเสื้อมาวัดเองเก่งกาจร้ายกาจนัก!! สุพรรษาอดที่จะชมไม่ได้ แต่กระนั้นก็ดีรอยยิ้มบนใบหน้าดั่งดอกไม้แรกแย้มจำต้องหุบพลันที่เห็นยากูซ่าสาวยังยืนนิ่งอยู่ในท่วงท่าเดิมหน้าตายไร้ซึ่งอารมณ์ เชอะ!! แม่หุ่นยนต์

“ขึ้นรถสิ”

“จะพาไปไหน” ไร้เสียงตอบ เมงุมิปล่อยให้การกระทำพูดแทน สุพรรษาไม่ต่อต้านร้ายหนักคือเดินขึ้นรถอย่างโดยดีไม่มีหืออือ พ่ายแพ้ต่อกฎแรงดึงดูดระหว่างมวลหัวใจเมื่อนั่งประจำที่ รถสปอร์ตตัวแรงเริ่มออกตัว เมงุมิหันมาบอกตุ๊กตาบาร์บี้หน้ารถ

“ใส่หมวกหน่อยสิอะเมะลมมันแรงนะ” หนหลังชักเริ่มไม่ทำตาม แต่ปีกกล้าขาแข็งได้ไม่เกินสองนาทีรถเปิดประทุนยามต้องลมมันทำให้ใบหน้าตึง ชาเอาการ ลงท้ายสุพรรษาจึงคว้าหมวกมาสวมเมงุมิเพียงยิ้มเยาะก่อนจะเร่งความเร็วรถขึ้นไปอีก

รถสปอร์ตพาสองอนงค์ทะยานมาถึงถนนสายแปะก๊วยGingko Avenue ที่ Jingu Gaien เมงุมิรถความเร็วลงขับเอื่อยๆกินลมชมวิว อุทิศเวลาให้นักท่องเที่ยวสาวซึมซาบบรรยากาศเต็มคราบสมใจคนรักธรรมชาติ

“ว้าวๆ! สวยจังเลย อย่างกับภาพในฝันแน่ะ” สุพรรษาร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นประทับใจยิ่งต่อภาพเบื้องหน้าอันเป็นถนนสี่เลนรายรอบด้วยต้นแปะก๊วย (อิโจ) ฟอร์มสวยตั้งตรงในความสูงแทบจะเท่าๆกันนับร้อยๆต้นสีเหลืองทองอร่ามอำพันทอดยาวตลอดทั้งเส้นเมงุมิจอดรถเข้าข้างทางพาสุพรรษาออกก้าวบนเดินทางเท้าที่ปูพรมด้วยใบแปะก๊วยสีเหลืองทองอันร่วงหล่นมาจากต้นเปรียบเสมือนเป็นอุโมงค์ทองคำขนานไปกับทางเดินรถ

“มา ดิฉันจะถ่ายรูปให้ยืนตรงนี้ล่ะ เจ๋งแจ่ม” เมงุมิคว้าเอา สมาร์ทโฟนของเธอขึ้นมา เมื่อปะเหมาะแม่โสภาพรรณรายมาหยุดอยู่ ณจุดที่เป็นมุม Silhouette ย้อนแสงนิดๆลำของแสงตรงที่ปักลงมาในแนวเฉียงทำให้เห็นเส้นสายของลำต้นใบไม้และโครงร่างอรชรของนางแบบผู้ถ่ายจงใจไม่จำเพาะถึงใบหน้าพิไลทิ้งให้เป็นปริศนา เซลเนื้อบริเวณพวงแก้มของยากูซ่าสาวปริแตกแยกออกพึงใจกับภาพที่ออกมา เธอสวมบทผู้กำกับภาพจัดแจงบอกท่าทางต่อสุพรรษา ให้นั่งลงกอบใบไม้จากพื้นเต็มสองมือก่อนจะโปรยลงมายืนเอียงตัวบ้าง เอนหลังพิงต้นไม้บ้าง

“ไม่ยักรู้ว่าเธอก็เป็น artistกับเขาด้วย รูปสวยมาก ขอบคุณค่ะ” สุพรรษายิ้มน้อยยิ้มใหญ่หลังจากพิศดูรูปพิไลของตนยกยอให้เครดิตเมงุมิเต็มๆขนาดว่าเป็นกล้องจากมือถือธรรมดาเธอยังปั้นมุมออกมาได้เจิดจรัสหากเป็นกล้องระดับโปรฯ แม่ยากูซ่าสาวส่งประกวดติดโบว์ได้สบายๆ

“ไม่ค่อยได้แสดงฝีมือหรอกนานๆจะลั่นชัตเตอร์ต่อเมื่อเจอนางแบบถูกใจเท่านั้น” เมงุมิตอบเสียงเรียบนิ่งๆออกแนวเย็นชาเหมือนเคย แม้แววตาจะสุกใสก็เถอะสุพรรษาเจอรูปมวยมาแบบนี้กลับไปต่อไม่ถูก ไม่อาจตีความจากประโยคกำกวมได้เลยบางทีเธออาจจะเป็นของแปลก…แค่นั้น

“เอ่อ..ไม่ถ่ายด้วยกันสักแชะเหรอ เวลาฉันกลับไปจะได้ระลึกถึงกันบ้าง” สุพรรษาลังเลน้อยหนึ่งก่อนจะเชื้อเชิญได้ถ่ายรูปกับยากูซ่านับเป็นเกียรติแก่เด็กบ้านๆอย่างเธอยิ่งเมงุมิส่งยิ้มทางสายตา

“เป็นความคิดที่ไม่เลว”แทนที่จะถ่ายใบหน้าคู่กัน ยากูซ่าสาวกลับมาแปลกถ่ายรองเท้าคู่กันเสียอย่างนั้นศิลปินกับความบ้ามักมาควบคู่กันเสมอ

“ยังจะประดิษฐ์มุมทำเก๋หรือว่ากลัวการเปิดเผยตัว” สุพรรษาแจกค้อนอันใหญ่ เธอคาดหวังอะไรทีมันดีกว่านี้

“แบบนี้เธอจะได้จำได้ยังไงว่าเดินมากับใคร”สาวมาดขรึมตอบตามสไตล์ สุพรรษาเขตาสุดขอบเพราะมีสิ่งที่น่าดึงดูดใจมิใช่น้องหมาชิวาว่าที่เจ้าของจูงให้มาเดินอวดโฉมสามสี่ตัวแต่เป็นคู่หนุ่มสาวในชุดแต่งงานที่ดูเหมือนว่าจะมาถ่ายภาพ pre-wedding

“คู่นั้นเขาน่ารักจัง” เปล่าอิจฉาผู้หญิงทุกคนย่อมใฝ่ฝันที่จะมีวันนี้ และ สุพรรษาก็เป็นหนึ่งในนั้นเมงุมิยังสงบปากสงบคำ สาวไทยจึงชวนคิดชวนคุยต่อ

“เคยมากับแฟนหรือเปล่า”

“ไม่เคยหรอกแต่รู้ไหมวันนี้สวยที่สุดสำหรับที่นี่เลย” สุพรรษาค้นพบอีกอย่าง นอกจากจะเก๊กแล้วพวกยากูซ่าชอบพูดอะไรที่ต้องตีความหลายๆชั้น เธอไม่ขอไปตามเกมหรอกนะขออิงแอบธรรมชาติดีกว่า

“อากาศดีแล้วก็สีสันของต้นไม้เป็นใจสินะ”สาวไทยเดินทอดน่องพยายามให้มันช้าที่สุด สังเกตเปรียบเทียบดูไปถนนสายนี้เหมือนถนนราชดำเนินกลางด้านหลังยังมีตึกคล้ายๆพระที่นั่งอนันตสมาคมอีก ไม่รู้ว่าใครลอกใครมองไปเบื้องหน้ามีลานกว้างสำหรับจัดงานก็คล้ายๆสวนอัมพรใกล้กันในละแวกนี้เป็นสนามกีฬาแห่งชาติ

“อะเมะ.. เรามาหาอะไรสนุกๆทำกันดีกว่า”

“หือ

“นับต้นแปะก๊วยในถนนเส้นนี้ดูถ้าถูกก็เอาไปเลยสามหมื่นเยน คนชอบเสี่ยงแบบคุณน่าลุ้นออกนะ” สุพรรษาเออออก็น่าจะสนุกดี ไม่ทันฉุกคิดสำหรับเดิมพันหากว่าตนทายไม่ถูกสาวไทยเริ่มต้นจากหัวถนนของฝั่งหนึ่ง แจงนิ้วนับพร้อมๆกับเดินก้าวไปข้างหน้าโดยมียากูซ่าจอมเชิดเดินตามห่างๆไม่กวนสมาธิ เธอชอบอะไรแฟร์ๆอยู่แล้ว

“ร้อยสี่สิบหก.. ร้อยสี่สิบเจ็ด..ร้อยสี่สิบแปด.. 148 ต้นเป็นคำตอบสุดท้าย” สุพรรษาสุดมั่นใจเรืองตัวเลขหลักร้อยน่ะเรื่องเล็กบัญชีที่แจงให้คุณน้าวรรณพิไลเป็นตัวเลข 7-8 หลักยังไม่เคยผิดแม้หลักสตางค์เธอคงลืมไปว่า โปรแกรมคำนวณจากคอมพิวเตอร์มีความเสถียรกว่ามนุษย์นัก

“ผิดๆ มี 146 ต้นจ้ะอะเมะ” เมงุมิยิ่งเย้ยยั่วด้วยการเก็บธนบัตรหมื่นเยนสามใบเข้ากระเป๋า แป่ววว

“มั่วป่าว” สาวสวยยังมั่นใจในตนเมงุมิไม่พูดพร่ำพามาอ่านป้ายบอกประวัติที่หัวมุมถนน สุพรรษายิ้มแหยๆไม่เพียงโดนหลอกให้เดินวนเสียรอบหนึ่งหากไม่ใจเร็วด่วนได้หยุดอ่านป้ายแม้เพียงนาทีคำตอบก็อยู่ตรงหน้านี้เอง

“เราข้ามถนนไปตรงนั้นดีกว่ามีเทศกาลชมต้นแปะก๊วย ภายในงานจะมีการแสดงและซุ้มร้านขายอาหาร”เมื่อพูดถึงอาหารการกิน ท้องของสุพรรษาก็ร้องขู่ว่าถึงเวลาเติมพลัง เมงุมิจูงมือสาวไทยข้ามถนนมาถึงบริเวณงานดูไปคล้ายงานวัดผสม OTOP มีอาหารญี่ปุ่นนานาที่ สุพรรษาไม่คุ้นตามาจำหน่าย

สำหรับเมงุมิแล้วเธอไม่ได้ตีรถเปล่า เดินไปถึงซุ้มไหนมีแต่คนโค้งคำนับและเอาของมาเซ่นล้นมือพร้อมกับซองสีน้ำตาล ไม่ต้องมากความเช่นกันสุพรรษาเข้าใจทะลุถึงแก่น หนึ่งในรายได้ของยากูซ่าคือการเก็บค่าคุ้มครองนั่นเอง

“เป็นยากูซ่านี่ดีจังนะมีเรียกเก็บผลประโยชน์รายทาง แปบๆงานก็เสร็จ เอาเงินนี่ไปถลุงต่อสบายใจเฉิบ”เมงุมิหาได้โกรธที่โดนแขวะไม่ เธอยังนิ่งงันสีหน้าเดียวเวลาครุ่นคิดคือเหมือนร่างทะมัดทะแมงมีเรื่องราวร้อยแปดพันประการรกสมองยากูซ่าสาวตลอดๆ

“อย่ามองแค่เพียงผิวสิมีรายได้ย่อมต้องมีรายจ่าย ลูกน้องพ่อดิฉันเป็นพันคน เคยได้ยินซุนวูพูดไว้ไหมทหารหนึ่งคนต้องมีคนสนับสนุนทั้งอาวุธ เสบียงกรัง การสาธารณสุข จิปาถะทั้งหมดถึงสิบหกคน” กระนั้นก็ดีรกคนย่อมดีกว่ารกหญ้า แต่ถ้าถ้ามัน รกคนบ้าๆ รกหญ้าจะดีกว่า การถางหญ้าที่รกๆง่ายกว่าเอาคนบ้าๆออกไปจากชีวิต หรือ สังคมนั้นๆ

“พูดถึงทหารไม่เห็นมีเลย”สุพรรษาพบเจอแค่ตำรวจสวมชุดสีกรมท่าสวมถุงมือขาวถือเพียงกระบองเดินยามวิกาลบ้างเท่านั้น

“ประเทศเรามีแค่กองกำลังป้องกันตัวเองโดยมีอเมริกาหนุนหลัง” สาวไทยพยักหน้าหงึกๆ เป็นแบบนี้นี่เอง เท่าที่เธอรู้การไม่ต้องเสียงบประมาณทางการทหารนับเป็นข้อดียิ่งยวด ความมั่นคงของประเทศหาใช่เพียงปริมาณกำลังพลไม่ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจอาจจะสำคัญกว่าด้วยซ้ำดูอย่างแม่ยากูซ่านี่ ไปไหนมาไหนไม่เห็นต้องมีลูกกระจ๊อกตามสักคน แต่ใครๆก็เกรงใจคนมีเงินเป็นอำนาจสูงสุดฝูงชนย่อมอยากคบหา มีเกียรติในวงสังคมได้ทุกวันนี้ใครเขารบพุ่งมุ่งประหัตประหาร เขาใช้คนเป็นนักรบใส่สูทออกแสวงหาลงทุนในโลกไร้พรมแดนต่างหาก ไม่รู้สินะที่สุดแล้วความคิดจากปัจเจกของเธออาจจะผิด

เห็นเขามองกันแง่ร้ายสุดโต่งไปว่านักการเมืองเข้ามากอบโกยออกนโยบายเอื้อพวกพ้อง เป็นการเมืองธนกิจอย่างนั้นเธอขอประดิษฐ์คำใหม่ได้บ้างไหมเล่า ทหารธนกิจนับเนื่องจากผลประโยชน์ทับซ้อนที่ไม่แตกต่างกัน ไม่ว่าใครจะขึ้นมาบริหารอุ่ย..เยอะไป อยู่ที่นี่คิดดังๆได้หรอกหากกลับไปบ้านเกิดไม่แคล้วโดนรถลึกลับมาเฝ้าหน้าบ้าน อุ้มไปปรับทัศนคติ..

สองสาวเข้านั่งในเต็นท์ที่ทางการจัดไว้ให้สี่มือเต็มไปด้วยสรรพอาหารหลายสิบอย่างสุพรรษาไม่เกรงใจลงมือเปิบบรรดาของสมนาคุณจากพ่อค้าแม่ขายส่วนมากจะเป็นจำพวกปิ้งย่าง เนื้อ ไก่ หมู ปลาเสียบไม้ขนขบวนมารายงานตัวพร้อมเพรียง

“ถามจริงตอบให้ตรงนะทำไมคนญี่ปุ่นชอบกินเค็มจัง” สุพรรษาฉีกน่องไก่ย่างซีอิ๊วเคี้ยวกร้วมๆ สัมผัสถึงเนื้อที่แน่นกว่าบ้านเกิดไม่ลืมที่จะปันแก่ยากูซ่าสาว

“ไม่รู้สิดิฉันก็ว่ามันปกตินะ คงเหมือนคนไทยที่ชอบทานเผ็ดแล้วไม่รู้สึกรู้สามั้ง”

“เลิกเรียกตัวเองเป็นทางการได้หรือยังจะสุภาพไปถึงไหน”คู่สนทนาเห็นว่าอีกฝ่ายยังไว้ท่าวางฟอร์มจัดๆแต่อีกมุมหนึ่งที่ชัดเจนสาวทะมัดทะแมงกลับทำตัวติดดินได้อย่างไม่น่าเชื่อ

“ถึง..เอ่อ..ก็มันติดปากนี่ คุณเถอะกินเป็นเด็กเลยเลอะหมดแล้ว”

“กินปลาเนาะ นี่ถ้ามีข้าวเหนียวกับแจ่วล่ะแซบเวอร์”สุพรรษาไม่ยี่หระพูดไปกินไปอย่างเอร็ดอร่อยอากาศเย็นๆได้กินของปิ้งย่างร้อนๆเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม

“แจ่วอย่างแรกน่ะเมงุมิรู้จักดีรู้จัก อย่างหลังเธอไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยเห็นหน้าเจ๋อๆสุพรรษาจำต้องขยายเนื้อความ

“เอ่อ..น้ำปลาแบบไทยๆนะ ผสมกับพริกป่น แล้วก็ข้าวคั่วบดบีบมะนาวตัดไปนิดห๊อมหอมอย่าบอกใครเลย” น้ำเสียง สีหน้าแววตาและท่าทางที่เป็นองคาพยพเดียวกันหมดช่างดึงดูดให้ยากูซ่าสาวเกิดอยากชิมขึ้นมา

“ข้าวเหนียวพอหาได้ใช้เป็นข้าวปั้นแทนแต่ไอ้แจ่วนี่จนใจ”

“วันหลังจะทำให้กิน รับรองลืมโชยุไปเลยเชียว”

“เย็นนี้เลยไหมแต่ก่อนอื่นเราจะไปอีกที่หนึ่งก่อน”

“ที่ไหนสาวทะมัดทะแมงเพียงส่งยิ้มเก๋ ไม่ตอบเช่นเคย...

ริโกะตื่นนานแล้วแต่กระดุกกระดิกไม่ได้คุณนายจ้างข้างกายเล่นทั้งก่าย กอด รัด ดีหน่อยตรงที่ไม่ฟัด ไม่เหวี่ยงอีกฝั่งก็ติดฝาผนัง ตาดวงกลมโตในอ้อมกอดมีโอกาสเพ่งพิศปิ่นปัทม์ในระยะประชิดสาวไทยจะหน้าตาดีแบบนี้ทุกคนหรือเปล่าไม่รู้ แต่คุณคนสวยงามช้อยแม้ในยามไร้เครื่องสำอางประทินกลบ ใบหน้ายังคมคายหมดจด

“จ้องอะไรแม่สาวน้อย”ปิ่นปัทม์ลืมตารู้สึกตัว ไม่ได้รู้สึกผิดแปลกด้วยเดิมตนเป็นคนนอนดิ้นชนิดหาคนมาแข่งด้วยยากเสียงบ่นแหบพร่าทักทายแทนการอรุณสวัสดิ์จากนั้นลุกขึ้นมานั่งหน้ากระจกสางผมสลวยของตนเองหันมาดูนางน้อยที่นอนแช่แข็งอยู่ท่วงท่าเดิม

“ลุกสิคร้า..คุณไกด์”

“ตะคริวกินอ่ะค่ะ”ริโกะพูดเสียงอ่อย ร่างกายเพียงส่วนเดียวที่ขยับได้คือปาก

“คริคริ.. ก็นอนขดเป็นสายไฟแบบนั้น”ปิ่นปัทม์โจนกลับมาที่เตียงค่อยๆช้อนฉุดร่างอรชรขึ้นมานั่ง

“คุณอยากไปไหนคะ

“ไปไหนก็ได้ที่มีเธอ..with you I’m OK” ปิ่นปัทม์ลูบศีรษะไกด์สาวอย่างเอ็นดูอีกมือจะกุมมือน้อยๆของอีกฝ่ายแต่ตัดใจปล่อยว่างไว้ริโกะมองหน้านายจ้างดังว่าเกือบจะเข้าใจความ แต่ที่แท้เธอไม่เข้าใจสักนิด... 




 

Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2559    
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2559 15:43:58 น.
Counter : 669 Pageviews.  

Winning or Unforced error

สองอนงค์ต่างขั้วพากันมานั่งเสวนาที่ศาลาไม้ท่าน้ำเบื้องหน้าเป็นดวงอาทิตย์สีส้มดวงใหญ่ที่กำลังเคลื่อนคล้อยต่ำจะชิงพลบลาลับขอบฟ้าไกลออกไปสุดปลายขอบสายตาเป็นดวงจันทร์กลมสีขาวซีดรอเวลาเปลี่ยนสีเหลืองนวลครอบครองน่านฟ้าอันธการฝูงนกต่างบินกลับรัง ลมโชยเอื่อยริมน้ำพัดปอยผมของสาวหวานให้ปลิวไสว อิงค์กาญจน์ตัดสินใจพักรบมาพบรักขอละเว้นพักจากการปฏิบัติภารกิจชั่วคราว ปล่อยให้บรรยากาศนำพา หันมาสบพักตร์กับเป้าหมายหัวใจ

“สวยจังค่ะ” มธุรสวาจาออกมาจากinner ที่ปราศจากการปรุงแต่งและคัดกรองเพลินพิศสมัยยังไม่ละสายตาจากภาพทิวทัศน์ ถามกลับมาด้วยวจีที่ไร้มารยาเฉกเช่นกัน

“ดวงอาทิตย์เหรอคะ”

“ดวงหน้าของคุณพิศต่างหากค่ะ” สาวเปรี้ยวปล่อยหมัดตรงเข้าใส่หวังใจโกยแต้มรัก แม้นว่ามือแรกในการจับปลาอาจจะพลาดเป้าวืดวาดไม่คืบหน้าแต่มือที่สองขอรุกคืบกระชับพื้นที่ตีกิน

“คุณอิ๊งค์ก็สวยค่ะ..มากด้วย” สาวหวานหาได้เอียงอายไม่ หันหน้ามาชมกลับให้ทัดเทียมกันคู่สนทนาต่างมอบยิ้มผุดผาดผ่านใบหน้าและหน้าต่างของหัวใจ ภาพอีกมุมหนึ่งของเพลินพิศสมัยฉายชัดในแววตานิ่งและลุ่มลึกยิ่งอิงค์กาญจน์จับความรู้สึกได้เพียงเท่านั้นสุดจะคาดเดาว่าเป็นไปในทางดีหรือร้าย

“บ้านคุณอิ๊งค์ใหญ่จังนะคะทำอะไรได้ตั้งหลายอย่างเป็นพิศนะคะจะเทครัวจรลีจากกรุงเทพฯมาใช้ชีวิตอยู่เสียที่นี่เป็นการถาวร” เช่นเคยกับประโยคเล่าความที่ฟังเพียงผิวเสมือนเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างสามัญหากในชั้นลึกเล่า เป้าหมายกินนัยถึงสิ่งอันใด อิงค์กาญจน์ขบไม่แตกกับปัญหาที่ค่อนไปในทางยาก

“คนเมืองอย่างเราๆเสพติดกับความสะดวกสบายแล้วล่ะค่ะที่คุณพิศเห็นผิวน้ำราบเรียบภายใต้นั้นมีทั้งคลื่นใต้น้ำโคลนตมและฝูงปลาใหญ่ที่จดจ้องหาปลาเล็กเป็นเหยื่อค่ะ”

“ไม่เรียบเราก็ทำให้เรียบสิคะหากทำไม่ได้ก็ปรับตัวอยู่กับมัน ชาวบ้านเขายังอยู่กันได้ เราเองก็มิแตกต่าง”

“คุณพิศพูดอย่างกับว่าจะเลิกเป็นแอร์ฯแล้วมาจับปลาส่องกบเลยนะคะผิดที่ผิดเวลา anachronism ชัดๆ”พินิจจากเหลี่ยมไหนอิงค์กาญจน์ไม่อาจจินตภาพได้ออกเลยว่าสาวอ้อนแอ้นบอบบางแบบคุณพิศจะใช้ชีวิตนอกเมืองกรุงได้?

“แหมๆ ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะจากใจจริงพิศอยากทำ home stay ค่ะถ้าเป็นบ้านคุณอิ๊งค์รับประกันซ่อมฟรีว่าเวิร์คแน่ๆ” สาวหวานเร่ง step จังหวะพูดของเธอให้เร็วขึ้น นัยน์ตาแฝงเร้นไปด้วยเล่ห์กระเท่ห์อากัปกิริยาที่ผิดแปลกมิอาจพ้นจากการลอบสังเกตของสายลับสาวได้อีกคราว เพลินพิศสมัยอ่านใจยากยิ่งผุด project สุดบรรเจิดได้ใหม่ทุกวี่วัน แต่ก็ไม่แปลกเงินทองทรัพย์ศฤงคารจากธุรกิจสีเทาได้มาง่ายดายราวกับพระสังข์เรียก ปลาในท้องนทีชะรอยสาวเจ้าต้องหาหนทางฟอกเงินแปรเปลี่ยนให้ถูกกฎหมายเป็นแม่นมั่นสายตาเคลือบแคลงของอิงค์กาญจน์เพลินพิศสมัยใช่จะมองไม่ออก

“จริงๆค่ะ น่าสนุกดีออกคุณอิงค์ลองจิ้นตามสิคะ โลกหมุนช้าพาเพลิน สรรพสิ่งจำเริญตาตื่นขึ้นมาก็เห็นคนรู้ใจ" ประโยคชวนให้ตีความหลายเขบ็ต

“รู้ใจสายลับสาวเอียงคอทวนคำยิ่งฟังยิ่งงุนงงคละเคล้าเจือปนกับความรู้สึกผิดและละอายนักเป้าหมายส่งสัญญาณแห่งความจริงใจทอดไมตรีสานสัมพันธ์ลึกซึ้งแต่ตัวเธอกลับจะจ้องจับผิดเอาเสียให้ได้

“ชะอุ่ย..พิศเวิ่นเว้อไปไกลขอโทษนะคะ ท้องธาราพาไปหัวใจนำพา" สาวหวานออกตัวแต่ดูเหมือนคำพูดจะยิ่งเป็นการรุกเร้าไหนว่าเป็นแม่พลอย นะ..นี่จะจีบเราก่อน? อิงค์กาญจน์สุดประหลาดใจที่เพลินพิศสมัยเผยอีกบุคลิกซับซ้อนให้เห็นยิ่งคิดก็ยิ่งสับสนและเวียนวนกลับมาอยู่ที่จุดเดิมคือสายลับสาวไม่เข้าใจสิ่งอันใดเลยจะด้วยความความรู้สึกส่วนลึกที่นำพาปล่อยใจให้เลยเถิดเลยธงหรือเหตุเพราะว่าบรรยากาศชักนำมือเรียวของอิงค์กาญจน์ทาบทับลงบนมืองามของสาวหวานพร้อมเผยความในใจ

“หากทุกอย่างคลี่คลาย..เอ่ออิ๊งค์หมายถึงว่า ระยะนี้งานอิ๊งค์ยุ่งมากอ่ะค่ะอิ๊งค์จะรีบพิจารณาจริงจังเลย"

“พิจารณาว่า?"

“ก็..ให้คุณพิศมาทำ home stay ได้ตามปรารถนาไงคะหรือว่าจะเปิดmuseum ของเก่าดีน้า..” สาวเปรี้ยวทำเสียงหวานใส่บ้าง

“ดีใจที่สุดเลยค่ะ มีคนเก่งระดับเทพอย่างคุณอิ๊งค์มาเป็นที่ปรึกษารับรองโลดดดด!!”

“คะ..แค่นั้นเองหรือคะ"อิงค์กาญจน์สลดไปน้อยหนึ่งเธอคาดหวังกับตำแหน่งที่สำคัญมากกว่านี้ลืมไปไหมว่ากำลังเรียกร้องกับแม่พลอย 2015 ?

“ก็ไม่แค่นั้นหรอกค่ะ พิศ..” เพลินพิศสมัยน้ำเสียงขาดห้วง

“...” สายลับสาวนั่งตัวเกร็งกับคำต้องลุ้น

“พิศ..เอ่อปวดชิ้งฉ่องน่ะค่ะ" แง่วววว.. หักมุมเข้าจนได้

“ห้องน้ำอยู่ชั้นล่างของเรือนใกล้ๆกับที่เรานั่งคุยกับแม่น่ะค่ะเดี๋ยวอิ๊งค์ไปเป็นเพื่อนนะคะ" เจ้าเรือนทำท่าจะยันกายลุกขึ้นมาแต่ครั้งนี้ว่องไวสู้สาวหวานไม่ได้

“เพื่อนมีเยอะแล้วอ่าค่ะ คริคริ"คนเนิบช้าเดินลิ่วมุ่งหน้ากลับเรือนทิ้งให้สายลับสาวมึนตึ๊บตามไม่ทันทั้งความคิดและฝีเท้า ในห้วงที่นั่งรอแม่งามตากลับมาและกำลังเหม่อลอยอยู่นั้นเองสายเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของอิงค์กาญจน์ก็ดังขึ้นเป็นไปโดยอัตโนมัติ เธอตัดสายทิ้งทันที

“อะไรของเค้านะนางพี่โอม โทรจิกอยู่ได้ทำงานอยู่เห็นไหม.. เชอะอิงค์กาญจน์ส่ายศีรษะบ่นอุบไม่ต้องปรายตามองก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นผู้ใดโทรเข้ามาดรรชนีนางจะกดปุ่มปิดเครื่องแต่กลับต้องสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงหวานแทรกเข้ามาจากด้านหลัง

“บ่นอะไรคร้า”

“อุ่ย!..คุณพิศ ไหนว่าไปเข้าห้องน้ำไวจุงค่ะ” ยังไม่ทันจะรู้ความ เสียงเรียกเข้าก็ดังสวนขึ้นมาอีกครั้ง

“ตรู๊ดดดด”

'ฮร่ายยย..จะโทรมาทำไม๊ทำไมยัยพี่โอม'อิงค์กาญจน์สองขิตสองใจ จะกดทิ้งเช่นเคยก็ส่อถึงพิรุธมากไปครั้นจะรับความลับอาจรั่วไหล โดยเฉพาะต่อหน้าเป้าหมายที่ฉลาดเป็นกรด หากย่ามใจประมาทแม้เพียงนิดเคสนี้ได้จบสิ้นแน่ๆ

“ไม่รับหน่อยเหรอคะ เผื่อเป็นงานสำคัญไม่ต้องเกรงใจพิศหรอกค่ะ" เปล่าเกรงใจแต่เกรงว่าจะไหวตัวทันต่างหากท้ายที่สุดสายลับสาวจนทางจำใจกดรับสาย

“อิ๊งค์ยุ่งอยู่นะกำลังทำงานให้ไม่ต้องห่วง มีอะไรค่อยว่ากัน" ประโยครวบรัดตัดความทั้งมัธยัสถ์ถ้อยคำให้มากที่สุดและวางสายไปโดยพลัน

“พูดจากับแฟนห้วนจังนะคะงอนกันอยู่ล่ะสิท่า"

“คือ..อิ๊งค์ยังไม่มีแฟนน่ะค่ะเมื่อครู่เป็นรุ่นพี่ที่ทำงานด้วยกัน" อิงค์กาญจน์ตอบตามความเป็นจริงไหนๆก็ละเมิดกฎเหล็กเสียแล้วเป้าหมายจะรู้อะไรๆในตัวเธอบ้างใช่สลักสำคัญ คนฟังยิ้มพึงใจ แต่แววตาแฝงเร้นซุกซ่อนความคิดซับซ้อนสายลับสาวจับสังเกตได้เพียงนั้นเธอมิอาจล่วงรู้ได้เลยว่าอากัปกิริยาเช่นว่าหมายถึงสิ่งใดยิ่งพยายามค้นหาค้นใจกลับพบว่าตนเองเวียนวนมายืนอยู่ ณจุดเริ่มต้นไร้ความคืบหน้าทุกที

“คุณอิ๊งค์นี่ลื่นไหลพริ้วได้เสมอเลยนะคะหลบมาเที่ยวเล่นแต่พูดได้หน้าตาเฉยว่าทำงาน นี่ถ้าผู้..เอ่อหัวหน้างานรู้เข้ามิโดนเล่นงานแย่หรือคะ”เพลินพิศสมัยเย้าเล่นไม่จริงจังแต่สำหรับอิงค์กาญจน์แต่ละคำถามช่างแสนยากกับการตอบนักวลีแปร่งๆสะดุดหูสายลับสาวเหลือเกิน วันนี้เป้าหมายมาแปลกมากเพลินพิศสมัยเบี่ยงหน้าไม่สบสายตาเช่นเคยเดินเลี่ยงมาอีกทางสองอนงค์นางยังชวนคิดชวนคุยกันอยู่ที่ริมน้ำอย่างเพลินใจ...

ที่ครัว สายใจตั้งเตาอั้งโล่นำกุ้งแม่น้ำขนาดใหญ่น้องๆขวดโค้กมาแปดตัว เตรียมจะผ่าครึ่งบุศยมาศลูกมือถึงกับอ้าปากค้าง เธอไม่เคยเห็นกุ้งตัวเป็นๆขนาดใหญ่สีเขียวครึ้มก้ามโตขนาดนี้มาก่อน

“ใหญ่มากเลยค่ะคุณน้า”

“จ้ะไซส์พิเศษแบบนี้หายากเป็นที่ต้องการของตลาดมากถ้าน้าส่งร้านอาหารกิโลฯหนึ่งเกือบพันได้นี่ในบ่อเหลือไม่มากลำพังไซส์ย่อมกว่านี้ก็กำไรโขแล้วจ้ะ”บุศยมาศพยักหน้ารับเข้าใจดี เธอเคยอ่านในรีวิวตาม webpage กุ้งไซส์ซุปเปอร์จัมโบ้แบบนี้มีสองพันอัพแน่นอน

“อ้าว..มาศนึกว่าเป็นกุ้งธรรมชาติเสียอีกค่ะ”

“ไม่มีแล้วจ้ะ เป็นกุ้งเลี้ยงกันหมดหนูรู้ไหม ขนาดปลาม้าที่อำเภอบางปลาม้าจังหวัดสุพรรณฯที่นั่นยังต้องไปรับปลามาจากที่อื่น ผู้บริโภคมีมากขึ้น กุ้งปลาลำพังตามธรรมชาติโตไม่กันจ้ะ”สายใจให้อรรถาธิบาย มือก็เอากรรไกรมาตัดหนวดกุ้งคงเหลือก้ามไว้หันหัวกุ้งเข้าหาตัวใช้กรรไกรตัดเลาะที่กลางลำตัวกุ้งจรดหางเอาเส้นดำหรือขี้กุ้งออกกลับเอาหัวออกตัดเลาะตรงกลางเช่นเคยและเอาก้อนดำใหญ่ที่ตรงหัวกุ้งออกจากนั้นเอามีดผ่าครึ่งเป็นอันเสร็จพิธี

“ทำแบบนี้เวลาเผามันกุ้งจะไม่แห้งไม่ตกหล่นคนทานก็ทานง่ายจ้ะและยังสะอาดด้วยบางร้านน้าเห็นว่าเขาไม่ผ่าเอาขี้ออกเป็นเส้นดำยาวๆเลยล่ะ”ผู้อาวุโสสอนเทคนิคและให้เหตุผลไปในคราวเดียวพร้อมทั้งเอาขี้เถ้ามากลบบนถ่านเป็นการลดความแรงจากไฟ นำกุ้งขึ้นตะแกรงและวางบนเตา

“เอาล่ะขั้นต่อไปคือเตรียมน้ำจิ้มรสเด็ดหนูช่วยน้าหน่อยนะจ๊ะ”บุศยมาศกระวีกระวาดเอาส่วนผสมมาโขลกรวมกันอันประกอบไปด้วย กระเทียม รากผักชีใบโหระพาสับ พริกขี้หนูสวนสีเขียวและแดง น้ำปลา น้ำตาลทรายเล็กน้อยและน้ำมะนาวสักพักก็เรียบร้อย กลิ่นกุ้งที่ต้องไฟอ่อนอันเป็นเอกลักษณ์เริ่มส่งกลิ่นยั่วน้ำลายขจรขจายไปทั่วอาณาบริเวณเตะจมูกสองนารีที่เดินกลับมาเลียบๆเคียงๆเข้าพอดี

“หอมมากเลยค่ะคุณน้า”เพลินพิศสมัยตรงรี่มาที่เตาภาพตรงหน้าคือกุ้งตัวใหญ่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงมันที่หัวสีส้มแกมแดงฉูดฉาดบาดตาเดือดปุดๆเย้าใจเนื้อกุ้งเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นขาวนวลอิงค์กาญจน์ที่รู้งานเอากุ้งขึ้นจากตะแกรงใส่จานสวยวางคู่กับน้ำจิ้มสูตรเด็ดของมารดา

“อดใจอีกนิดนะจ๊ะเด็กๆเหลือกับข้าวอีกสามอย่าง” สายใจพูดมือก็ยกเอาหม้อต้มน้ำมาตั้งบนเตาเพื่อจัดการลวกสะเดาจากท้ายบ้านเป็นของแกล้มกับน้ำปลาหวานที่ทำเสร็จไว้ล่วงหน้าบุศยมาศเห็นหอมซอยอยู่ไม่ต้องให้ผู้อาวุโสบอกเธอตั้งกระทะบนอีกเตาหนึ่งใส่น้ำมันเตรียมเจียวทันที สายใจลวกสะเดาสองน้ำเรื่องกุ้งๆเป็นอันแล้วเสร็จพร้อมรับประทาน อีกสองจานถัดมาถูกปรุงอย่างรวดเร็วเริ่มจากฉู่ฉี่ปลาหมอและปิดท้ายด้วยเนื้อติดมันผัดใบยี่หร่าอิงค์กาญจน์คดข้าวใส่จานเตรียมตั้งวงรอ

“ฉุกละหุกนิดหน่อยนะจ๊ะมื้อนี้ไม่มีอะไรซดแก้ฝืดคอเลย” สายใจออกตัวหลังจากกับข้าวเสร็จสรรพทั้งหมดช่วยกันตั้งสำรับพรักพร้อมบนโต๊ะไม่อเนกประสงค์ใต้ชานเรือนตัวเดิมนั่งล้อมวงล้อมรักกันเตรียมเปิบมื้อค่ำ เสียงจิ้งหรีดเรไรแข่งขันร้องระงมเป็นบรรยากาศพื้นบ้านที่คนเมืองกรุงมิใคร่ได้สัมผัสนัก

“เท่านี้ก็วิเศษมากๆแล้วค่ะร้านอาหารมีอายเลยนะคะนี่”เพลินพิศสมัยเอาโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปอาหารสุดล้ำที่ยังไม่ต้องชิมเพียงพินิจด้วยตาเนื้อและประสาทรับกลิ่นก็รู้ได้ทันที่ว่าอร่อยยกนิ้วแน่ๆ

“เต็มที่เลยนะเด็กๆ ไม่ต้องเกรงใจ”สายใจกล่าวเปิดพอเป็นพิธีเป็นเพลินพิศสมัยตักเนื้อปลาหมอใส่จานให้สาวเปรี้ยวเป็นการเทคแคร์ก่อนจะตักใส่จานตนเองบ้าง

“อ้าวแล้วฉันล่ะ ตักให้แต่เพื่อนใหม่น่าน้อยใจชะมัด” บุศยมาศโวยเล็กน้อยแต่ต้องยอมจำนนให้เหตุผลหนักแน่นของเพื่อนรัก

“คุณอิ๊งค์เธอขับรถพาเราตระเวนมาทั้งวันแล้วไม่พอยังเป็นเจ้าภาพมื้อนี้อีกแกก็เถอะนะ ดูแลคุณน้าด้วย”..มื้อค่ำที่เรียบง่ายผ่านไปอย่างรวดเร็วสำรับทุกอย่างตกถึงท้องทั้งสี่ไม่เหลือหรอสายใจดูเวลาแล้วกลัวสาวๆจะกลับถึงกรุงเทพฯดึกดื่นเกินไปในฐานะเจ้าบ้านจึงเอ่ยปากชวนอาคันตุกะทั้งสอง

“นี่ก็ค่ำมากแล้วหนูทั้งสองจะอยู่ค้างกันเสียที่นี่ไหมจ๊ะ น้าจะได้บอกเด็กให้เตรียมห้องหับไว้ให้หรือว่าจะนอนห้องเดียวกับยัยอิ๊งค์ดี”

“ขอบคุณคุณน้ามากเลยค่ะแต่พิศต้องขอโทษจริงๆ วันนี้ไม่ใคร่สะดวก แต่รับปากคุณน้าค่ะว่าวันหยุดครั้งหน้าพิศจะมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ยาวๆเลยค่ะ“

“จ้ะ..งั้นเดี๋ยวน้าไปส่งอิ๊งค์พาแม่แวะที่โรงงานก่อนนะ หนูๆเขาจะได้มีของฝากติดไม่ติดมือไป”สายใจบอกความต้องการทั้งยังเดินไปตามลุงเฮงให้เอาปลาและกุ้งไซส์ย่อมๆมาอีกสามสี่กิโล..ที่ร้านขายของฝากริมถนนใหญ่คลาคล่ำไปด้วยรถราของนักท่องเที่ยวหนาตาแม้จะค่ำมืดแล้วในร้านมีสินค้าพื้นเมืองหลากหลายตั้งแต่ขนมขบเคี้ยวน้ำพริกเกือบร้อยชนิดใส่กระปุกและ package สีสันสะดุดตาในราคาดึงดูดใจ3 กระปุก 50 บาท โรตีสายไหมและบรรดาของสดผักผลไม้ตามฤดูกาล

“ว่าแต่ลูกสาวน้าไปไหนแล้วนี่กระโดกกระเดกไม่เคยเปลี่ยน” สายใจบ่นพึมเมื่อไม่เห็นบุตรสาวตัวเดินมาส่งสองสาวที่รถเป็นจังหวะเดียวกับที่อิงค์กาญจน์วิ่งสุดฝีเท้ากระหืดกระหอบกลับมาในมือถืออะไรบางอย่างติดมาด้วย

“ไปไหนมาแก หัดอยู่นิ่งๆบ้างแม่เวียนหัวว่ะ” คนถูกบ่นอมยิ้มไม่ตอบแต่ยื่นของในมือให้แม่ดูเท่านั้นผู้เป็นแม่ก็ไม่ถามอะไรต่อ อิงค์กาญจน์โผเข้ากอดสายใจเต็มวงแขน

"ครั้งหน้าอิ๊งค์จะมาอยู่กับแม่นานๆๆๆๆเลยนะคะ"

“เห็นแกก็พูดหลอกแม่แบบนี้ทุกที"สายลับสาวคลายอ้อมกอดตามมาด้วยหอมแก้มร่างท้วมฟอดหนึ่งประนมมือกราบแนบอกและก้าวขึ้นรถไป สองอาคันตุกะไหว้ลาสายใจเช่นกันมารดาของอิงค์กาญจน์ยืนส่งที่หน้าร้านจนกระทั่งรถหรูแล่นลับสายตาไป

“คุณอิ๊งค์นี่ที่แท้ก็ลูกสาวเถ้าแก่เนี๊ยผู้นำชุมชนนี่เอง อย่างนี้ก็เป็นลูกผู้มีอิทธิพล เรียกแบบนี้ได้ใช่ไหมคะ”ในรถเพลินพิศสมัยชวนคุย ส่วนบุศยมาศหนังท้องตึงหนังตาก็ปิดสนิทหลับผลอยที่เบาะหลังไปแล้ว

“คุณพิศ ช่วยแกะถุงนี้ให้หน่อยสิคะ"สายลับสาวไม่ตอบหันมายิ้มให้จางๆ เพลินพิศสมัยทำตามโดยดีทันทีที่สิ่งของภายในถูกหยิบออกมา นัยน์ตาที่โตอยู่แล้วกลับขยายกว้างยิ่งกว่าเดิมมันเป็นธนบัตรสิบบาทสีน้ำตาลพับต่อกันเป็นรูปปลาสวยงามสองตัว

“ให้พิศเหรอคะ"

“ค่ะไว้ครั้งหน้าอิ๊งค์จะพับให้เองกับมือเลย”

“ขอบคุณนะคะ มันเป็นของขวัญชิ้นที่พิศประทับใจมากที่สุด"สองสาวยิ้มหวานให้กันราวชั่วโมงเศษก็กลับมาถึง apartment ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายเข้าห้องตามปกติ...

รุ่งขึ้นอิงค์กาญจน์ขลุกอยู่แต่ที่ห้องตนเองเพื่อตระเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมทั้งยังเขียน reportสรุปความคืบหน้านั่งนึกอยู่ครึ่งวันก็นึกไม่ออกเพราะมันไม่มีอะไรให้เขียนน่ะสิอรรถชัยวีดีโอคอลเข้ามา ตีหน้าเกย์ยักษ์แยกเขี้ยวใส่

“ไงยะหล่อนเมื่อวานอู้งานไปไหนมา"

“ใครอู้

“อย่ามาเฉไฉ สายพี่รายงานมา"

“มั่วแล้ว..เค้าก็ไปทำงานตามติดชีวิตเป้าหมายไม่คลาดสายตานะ"

“มีอะไรคืบหน้าบ้าง"

“เมื่อวานเหรอ นางไปเที่ยวไหว้พระส่วนวันนี้เป้าหมายไม่อยู่ วันนี้ไปรับรถที่อู่แถวศรีนครินทร์มีออกนอกเส้นทางไปบางนา-ตราด กม. 30 ราวครึ่งชั่วโมง"อิงค์กาญจน์จงใจรายงานแต่เฉพาะเนื้องานล้วนๆปากโทรโข่งอย่างเก้งกล้ามโตขืนบอกเรื่องส่วนตัวไปไม่โดนบริภาษกลับมาก็โดนค่อนขอดอยู่ดี

“บางปะกงนี่..หรือว่าจะแอบไปขนแบงค์!"อรรถชัยเดาไปเรื่อยเขามั่นใจเต็มประตูว่าสาวหวานซ่อนความร้ายกาจไว้ภายในและนางคืออาชญากรตัวจริง

“ไม่ม้างพี่โอมคิดมากไปป่าว"

“แน่ะๆออกตัวแทนกันอีกแระ..แล้วเป้าหมายมีถืออะไรกลับเข้าห้องไหม"

“ฮื่อ..ไม่เห็นมี"

“งั้น..หล่อนลงไปดูที่รถ..เดี๋ยวนี้"

“จะบร้าเหรอ เชื่ออิ๊งค์เหอะนะคุณพิศไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก" ไม่บ่อยครั้งไม่สิไม่เคยเลยมากกว่าที่อิงค์กาญจน์จะไม่รับฟังคำสั่งของรุ่นพี่

“รักเธอเหรอ" คู่บัดดี้ถามสิ่งที่กลัวว่าจะเกิดที่สุดออกมาแต่อิงค์กาญจน์กลับไม่ได้เกรงแม้เพียงน้อย

“รักหรือไม่รักหาได้เกี่ยวไม่อิ๊งค์ไม่ได้ตามืดบอดแต่สรุปได้จากที่เกาะติดชีวิตเธอต่างหาก" คำสำคัญคำนั้นเธอขอสงวนไว้ก่อนไม่อาจและไอยากคิดไปไกลเพราะเพียงแค่รู้สึกดีมันก็ผิดหนักหนาแล้ว

“อย่าด่วนสรุปเพียงเพราะความเอนเอียงของหัวใจแค่นี้นะเก้งเหนื่อย" สายตัดไปอิงค์กาญจน์ก็สุดเหนื่อยใจเคสนี้ยากแสนเข็ญแสนสาหัสหากคุณพิศเป็นวายร้ายจริงๆล่ะก็เธอยังไม่สามารถแกะรอยอะไรได้เลยสักนิดทั้งยังรู้สึกว่ากำลังเล่นเทนนิสแต้มสุดท้ายในเกม tie-break ตีโต้rally กันอยู่ ต่างฝ่ายต่างงัดกลเม็ดไม้เด็ดออกมา ยันกันไว้ได้ด้วยรู้ทางกันหมดแต่หากเผลอเมื่อใดอีกฝ่ายก็พร้อมจะตี winning ทันทีหรือไม่ก็เป็นเธอที่ตี unforced error เสียเอง...




 

Create Date : 18 ธันวาคม 2558    
Last Update : 18 ธันวาคม 2558 11:09:21 น.
Counter : 258 Pageviews.  

จับปลาต้องจับสองมือนะคะ

อิงค์กาญจน์เหลือบมองดูสองคู่ซี้ที่กำลังอินกับการshopping เดินล่วงหน้าตัวเธอกลืนหายไปในฝูงชนก็ให้เบาใจขึ้นมาน้อยหนึ่ง สายลับสาวขอใช้ทางเลือกซึ่งดูเสมือนว่าเป็นภาคบังคับเสียมากกว่าและมันคงเป็นทางรอดเดียวที่คิดได้ตรงรี่เข้ามาหามารดาในชุดเสื้อคอกระเช้านุ่งผ้าถุงดูกลมกลืนกับชาวบ้านเป็นคุณป้าแสนธรรมดาๆคนหนึ่งหากเพ่งพิศสักนิดจะสะดุดกับสร้อยสังวาลเงินแท้เส้นโตรับกับเข็มขัดเงินวาววับสะท้อนเข้าตาชุดเดียวกัน ที่ข้อมือมีกำไลทองสองวงและแหวนพลอยโกเมนเม็ดเขื่องนี่มันตู้อัญมณีเคลื่อนที่ชัดๆ อิงค์กาญจน์ส่งสัญญาณด้วยการเอามือเรียวจุ๊ปากกะพริบตาถี่ยิบและพาร่างท้วมของมารดาหลบมุมสายตาทั้งสี่ที่อาจจะเหลียวหลังกลับมาเห็นช็อตเด็ด'สายใจ' ผู้ที่อาบทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็นมาก่อนเข้าใจบุตรสาวดีในอาการหลบๆซ่อนๆเช่นว่าแต่ไหนแต่ไรมา อิงค์กาญจน์ชอบทำตัวลึกลับไม่อยู่กับร่องกับรอยเป็นเรื่องปกติแต่ครั้งนี้เห็นจะ so excited ลนลานมากกว่าทุกคราวไปหญิงวัยกลางคนอดไม่ได้ที่จะซักไซ้เอาความ

“มาถึงที่นี่ทำไมไม่โทรบอกแม่สักคำแล้วแกมากับใคร แฟนเหรอ ไหนๆขอแม่ดูหน้าค่าตาหน่อยซิ แล้วนี่กินอะไรมาหรือยังลูก”ร่างท้วมพูดระรัวเป็นไฟกับชุดคำถาม ใบหน้าที่ยังดูอ่อนกว่าวัยชะเง้อมองไม่แปลกเลยที่อิงค์กาญจน์จะได้รับการถ่ายทอดคุณลักษณะเช่นนี้ผ่านทางสายโลหิต

“ช้าๆสิคะแม่เดี๋ยวหายใจไม่ทันนะ เอาทีละเรื่อง สำคัญที่สุดคือตอนนี้แม่กลับบ้านไปก่อนนะคะ”สายลับสาวไม่ตอบกลับผลักไสมารดาให้กลับไปนั่นยิ่งเท่ากับยอมรับโดยดุษฎีว่าได้กระทำการไม่ชอบมาพากล

“ปกปิดอะไรแม่นี่แกแอบไปก่อเรื่องอะไรไว้? ไม่มีหิริโอตัปปะก็ไว้หน้าแม่บ้าง”สายใจถามด้วยเสียงเย็นเฉียบและต้องตาเขม็งเค้นเอาความจนบุตรสาวเสียวสันหลังวาบใครๆก็รู้กันทั้งเกาะเมืองอดีตลูกสาวกำนันก็คนคนเดียวกับแม่เธอที่ยืนตาถมึงอยู่เบื้องหน้าดูภายนอกเป็นคนใจดี หากลองได้โกรธหรือแม้นไม่พึงใจอะไรขึ้นมาล่ะก็วิ่งกระเจิงแทบไม่ทันกันทั้งบางอิงค์กาญจน์ได้แต่อ้ำอึ้ง คิดหนักจนหัวคิ้วเข้มชนกัน จับต้นชนปลายไม่ถูกผู้บังเกิดเกล้าไม่รู้สักนิดว่าลูกสาวโทนประกอบสัมมาชีพใด ไม่ระบุชัดกระทั่งที่พักที่หลับนอน มีส่งเงินเดือนเข้าบัญชีเงินฝากให้ทุกเดือนและมาเยี่ยมเยียนบ้างประปรายตามเทศกาล... สองเกลอสาวที่มัวแต่เมามันกับการจับจ่ายและเพลิดเพลินจำเริญตากับแผงขายสินค้านานาในตลาดน้ำบรรยากาศย้อนยุคไม่ทันสังเกตว่าไกด์นำทางที่ตามติดมาด้วยหลบลี้หนีหายไปเสียแล้วจนมาถึงที่ร้านขายของเก่าเพลินพิศสมัยสะดุดตากับเงินพดด้วง (bullet coin) 3 เม็ดวางโชว์อยู่ในตู้ไม้ข้างๆกันมีสตางค์รูสมัยสงครามโลกครั้งที่2 ที่ทำจากเงินแท้อันตัวเธอคุ้นตาดีและมีสะสมอยู่บ้างแล้วมือสวยสะกิดบุศยมาศให้ดูแต่เจ้าหล่อนเบิกตาโตทั้งส่ายหน้าไหวๆหาได้มีความรู้ไม่

“อะไรแกกระดุมโบราณรึ

“เขาเรียกว่าเงินพดด้วง ทำจากเงินแท้แต่ไม่ถึง 100% นะเพราะมันจะอ่อนก็เหมือนกับเครื่องประดับทั่วไปนั่นแหล่ะขึ้นรูปตีขาให้งอ เงินพดด้วงนี่มีวิวัฒนาการโดยเฉพาะกับชุมชนคนไทตั้งแต่สมัยน่านเจ้าโน่น”

“โหเกือบพันปีเชียว

“แม่นแล้ว แต่สมัยน่านเจ้าจะตีเงินเป็นแท่งหรือเป็นกำไลส่วนอาณาจักรล้านนาจะตีเป็นแผ่นยาวเรียกเงินเจียงอีสานล้านช้างเรียกเงินฮางด้วยตรงกลางจะมีร่องพอมาถึงยุคสุโขทัยจึงตีขาให้งอลงเป็นรูปแบบนี้หล่ะใช้กันเรื่อยมาจนถึงต้นรัชกาลที่4 แห่งรัตนโกสินทร์จึงยกเลิกและเปลี่ยนมาใช้เหรียญกษาปณ์จนถึงทุกวันนี้ยังไงแล้วเห็นป่าวด้านข้างมีตราประจำแผ่นดินเม็ดมันเป็นตราจักรหมายถึงสมัยแผ่นดินอยุธยา ส่วนอีกด้านเป็นตราประจำรัชกาลด้านข้างจะเป็นรอยบากจากการเอาค้อนตอกหรือไม่ก็ฝังเมล็ดข้าวสารไว้”เพลินพิศสมัยอธิบายละเอียดยิบราวกับผ่านยุคร่วมสมัยมาเพื่อนสนิทอดไม่ได้ที่จะชมเปาะ

“แกนี่สุดยอดอ่ะ”

“รู้เพราะอ่านจำมาหรอกจร้า”

“แล้วจะรู้ได้ยังไงอ่าว่าของจริงหรือปลอม” คราวนี้แม่พลอย 2015 ได้แต่ยิ้มแหย มันเกินจากปัญญาเธอไปมากเทียว

“ไม่รู้สินะ ฉันก็เคยเห็นรูปแต่ในอินเตอร์เน็ตกับพิพิธภัณฑ์น่ะ”เท่านั้นแอร์ฯสาวจึงมองหาตัวช่วยอีกหนึ่งคุณมาหยายังไง รายนี้เธอ encyclopediaเคลื่อนที่ รู้ไปโหม้ดต้องช่วยได้แน่ๆร่างระหงเอี้ยวตัวมองผ่านประดาผู้คนไปรอบทิศทางจนสุดปลายสายตาแต่ไม่เห็นแม้เงา

“อ้าวคุณมาหยาหายไปไหนอ่าแกเห็นไหมยัยมาศ”

“ไปเข้าห้องน้ำมั้งแก”เพลินพิศสมัยกำลังจะก้าวเดินกลับไปทางเก่า เป็นบุศยมาศฉุดแขนเอาไว้

“รออยู่ที่นี่แหล่ะคนเยอะละลานตาไปหมดแบบนี้ยิ่งหาจะยิ่งไม่เจอกัน”ฟังที่ไหนสาวหวานออกเดินไปทั่วบริเวณเพื่อตามหาอิงค์กาญจน์ แม้จะเป็นคนเยือกเย็นที่สุดการรอใครสักคนไม่เคยเกินจากความอดทนแต่ครั้งนี้เพลินพิศสมัยไม่ขอรอด้วยทำตามsense แปลกๆส่วนตน บุศยมาศเร่งจ้ำฝีเท้าตามมาติดๆ...

“แม่คะฟังอิ๊งค์บ้าง ครั้งนี้จำเป็นจริงๆ แม่กลับไปรอที่บ้านก่อนเถอะ”สายลับสาวพยายามลากร่างท้วมของมารดาให้ออกห่างจากบริเวณ red zone แต่สายใจหาได้ยอมโดยง่ายไม่

“ทำไมห๊ะแกมีแม่บ้านๆมันน่าอับอายตรงไหน หนอยมากับคนเมืองกรุงสิท่า อย่าลืมที่นี่มันก็กรุงเก่านาโว้ย” ยิ่งปรามเหมือนยิ่งยั่วยุไม่ต่างจากเด็กวัยเยาว์มารดาของอิงค์กาญจน์ส่งเสียงดังลั่น สายลับสาวได้แต่ส่ายศีรษะหลับตาสุดหน่ายใจไม่ทันที่จะได้ปริปากเสียงคุ้นเคยและไม่อยากจะได้ยินในเพลานี้เป็นที่สุดกลับแทรกขึ้นมา

“นั่นสิคะคุณมาหยาจะอายทำไมพิศเองก็ลูกน้ำเค็มยัยมาศก็สาวอีสาน อีกอย่างคุณน้าท่านเองน่ารักจะตาย”อิงค์กาญจน์สะดุ้งเฮือกเบิกตาโพลง ตายแน่ๆ พังๆๆ หมดกันอาชีพสายลับของช้านนนหันกลับมาทางต้นเสียง เพลินพิศสมัยยกมือไหว้ร่างท้วมและยิ้มหวาน

“สวัสดีค่ะคุณแม่”สายใจรับไหว้และยิ้มกลับก่อนจะเปลี่ยนอารมณ์เป็นหน้าดุ หันมาเฉ่งบุตรี

“ไปเปลี่ยนชื่อตั้งแต่ตอนไหนทำไมไม่ปรึกษาแม่ก่อนยัยอิ๊งค์แล้วมากับเพื่อนทำไมไม่พาไปที่บ้าน คิดจะหลอกอะไรเขา เรามันคนดีศรีอโยธยานะ”อะไรที่กลัวมักจะเกิดขึ้นเสมออิงค์กาญจน์หันรีหันขวางเหงื่อแตกซิกไม่รู้จะรับมือกับสถานการณ์สุ่มเสี่ยงนี้อย่างไรในหลักสูตรที่ฝึกสอนมันก็ไม่มีเรื่องแบบนี้เสียด้วย

“แม่..อิ๊..เอ่อคุณพิศคะ คือ..มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดน่ะค่ะ”สายลับสาวพูดจาเสียงสั่นละล่ำละลักยิ่ง ไม่กล้าสบตาเป้าหมาย ทั้งกังวลเรื่องการงานและความรู้สึกของสาวหวานจับจิตนี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่โดนจับได้กระจะๆว่าเป็นคนลวง เฮ้ออออ..ทั้งสี่เงียบกันไปพอสมควร ในที่สุดสายใจก็เป็นฝ่ายลากร่างบุตรสาวเข้าบ้าง

“กลับบ้านกับแม่..เดี๋ยวนี้

“แม่..” แรกทีเดียวร่างเพรียวจะแข็งขืนไม่ยินยอมแต่ก็กลัวมารดาจะล้มหงายไปจึงยอมเดินตามไปโดยง่ายหันกลับมามองด้านหลังน้อยหนึ่ง

“เชิญหนูๆทั้ง 2 ด้วยนะจ๊ะน้าเป็นคนพูดเสียงดังไปอย่างนั้นเอง ไม่ต้องตกใจจ้ะ” สายใจที่เท่าทันลูกสาวหันกลับมาพูดกับสองอนงค์นางด้วยสำเนียงเหน่อแบบคนยุดยาบ่งบอกถึงความจริงใจทั้งคู่หันมามองหน้ากันเหรอหราเพลินพิศสมัยจะตามไปแต่บุศยมาศจีบปากจีบคอพูดให้ฉุกคิด

“แกอย่าเพี้ยนไปหน่อยเลยเหอะจับได้ว่าแม่นี่หลอกเราซะเยินขนาดนี้แล้วยังจะมีแก่ใจไปเหยียบบ้านนางอิ๊ก"

“โอกาสทองสิไม่ว่า"สาวหวานตอบกลับด้วยน้ำเสียงห้วนและดูขึงขังยิ่งทั้งลักษณะก็มิได้เนิบช้าเช่นเคยจนเพื่อนสาวที่รับฟังประหลาดใจไม่น้อยเธอไม่เคยเห็นเพลินพิศสมัยในมุมนี้มาก่อน

“ฉันหมายถึงว่า..เราจะได้รู้จักตัวตนของคนที่เราคลางแคลงมาตลอดสักทียังไง..หรือว่าแกไม่อยากรู้"

“ล้ำเหมือนกันนะเพื่อน"เพลินพิศสมัยมิได้ต่อความอันใด เพียงยิ้มให้นัยน์ตาเป็นประกายวับวาว บุศยมาศถึงกับประหลาดใจอีกครั้งได้แต่เก็บไว้ภายในทั้งสองรีบจ้ำฝีเท้าตามคนที่ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว.. ตลอดทางในรถบรรยากาศเงียบงันจะว่ามาคุก็ไม่เชิง เหมือนต่างฝ่ายต่างจะดูเชิงกันเสียมากกว่า

'เอาน่ายัยอิ๊งค์..อย่างน้อยที่สุดก็ยังไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นสายลับหากคุณพิศจะโกรธเธอคงหนีกลับไปเสียแล้ว ใจร่มๆทุกอย่างมีทางออกเสมอ' คิดได้ดังนั้นสายลับจอมรั่วที่จิตกระเจิงพยายามรวบรวมสติและทำตัวให้เป็นปกติได้ในที่สุด..ราว 10 นาที รถหรูก็เลี้ยวจากถนนใหญ่เข้าซอยมาจอดที่ริมแม่น้ำเบื้องซ้ายเป็นบ้านทรงไทยยกสูงหลังใหญ่ตระการตากินอาณาบริเวณกว้างขวางแวดล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นแซมด้วยไม้ดอกขนาดเล็กหลากพันธุ์และสีสันดูเผินๆเหมือนรีสอร์ทย่อมๆก็มิปาน

“ถึงแล้วค่า บ้านอิ๊งค์เอง"สายลับสาวเอ่ยชื่อนามที่แท้จริงของตนด้วยหมดประโยชน์ที่จะอำพรางมันต่อไปให้ปวดหัวเธอดับเครื่องยนต์และกุลีกุจอมาเปิดประตูให้กับอาคันตุกะ

“สวยจังค่ะคุณน้านี่ถ้าไม่โชคดีเจอคุณน้า พิศคงไม่มีโอกาสได้มาเยือนที่นี่แล้ว" เพลินพิศสมัยลงมาจากรถพูดนิ่มๆ จิกตามสไตล์ แต่สาวเปรี้ยวกับทำมึนหูทวนลมแสร้งไม่รู้ประสาเสียอย่างนั้น บุศยมาศอดที่จะหมั่นไส้เบี่ยงหน้าหนีไม่ได้

“น้าก็ปลูกไว้หวังใจให้ลูกให้หลานอยู่ล่ะจ้ะแต่กลายเป็นต้องมาอยู่ตัวคนเดียวเปลี่ยวเอกา" ผู้สูงวัยร่างท้วมตัดพ้อพองามต้นไม้ใหญ่มีผล มันไม่เคยออกไว้เพื่อตน.. คราวนี้อิงค์กาญจน์หน้าเจื่อนไปพลันชักเสียรูปมวยเมื่อโดนกระหนาบรุมกินโต๊ะจากสองสาวต่างวัยสายใจเดินนำหน้ามาที่เตียงไม้หลังใหญ่ใต้เรือนแต่บุตรสาวยังละล้าละลังทำสิ่งอันใดไม่ถูกยืนปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ที่รถของตน

“นั่งพักกันให้สบายอุรานะจ๊ะเด็กๆหรือจะให้ยัยอิ๊งค์พาเดินเล่นรอบๆก็ได้ทิศใต้เป็นบ่อเลี้ยงกุ้งและปลาส่วนทางด้านเหนือมีเล้าเป็ดเล้าไก่เดี๋ยวน้าจะหาน้ำท่ามาให้ อ้อ..วันนี้น้าขึ้นกุ้งแม่น้ำคัดได้กุ้งตัวเขื่องมาอยู่ทานกุ้งเผากันก่อน..ห้ามปฏิเสธนะจ๊ะ" เจ้าเรือนพูดจบก็เดินหายเข้าไปด้านหลัง เพลินพิศสมัยชะเง้อคอระหงมองดูแม่จอมลวงที่คงรู้สึกผิดไม่กล้าเข้ามาใกล้

"ชิส์.. คงไม่กล้าสู้หน้าพวกเราล่ะสิแกไม่ต้องเรียกเลยนะปล่อยให้ยืนขาแข็งอยู่แบบนั้นให้เข็ด" บุศยมาศต่อว่าตามประสาเพลินพิศสมัยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนสมใจสมปรารถนาอะไรหลายประการ..ไม่นานนักสายใจก็เดินกลับออกมาพร้อมขันน้ำสีเงินลอยด้วยดอกมะลิสีขาวบริสุทธิ์ตัดกับกลีบดอกกุหลาบสีแดง

“น้ำฝนจ้ะเย็นๆจากตุ่มหลังบ้าน" เพลินพิศสมัยยกมือไหว้พร้อมยิ้มสวยรับขันน้ำจากมือมาดื่มทันที

“ชื่นใจจังค่ะนานเท่าไหร่แล้วที่พิศไม่ได้ดื่มน้ำฝน" แอร์ฯสาวส่งขันน้ำต่อให้เพื่อนรักบุศยมาศรับมาก็จริงแต่ยังตะขิดตะขวงใจ ชีวิตคนเมืองเคยชินแต่น้ำขวดน้ำกรองหยาดน้ำฟ้าไหลลงจากหลังคาเข้าเก็บในตุ่มมันจะเป็นฝนกรดหรือเปล่า?

“ไม่มีปลิงหรอกจ้ะหนู"สายใจแซวพอขำๆเข้าสำนวน แต่บุศยมาศไม่แจ้งความทำหน้าเป้ยๆร้อนถึงเพื่อนสาวต้องรับมุกแทน

“คริคริคุณน้าเขาเปรียบเปรยน่ะยัยมาศ สุภาษิตโบราณเขาว่าไว้ กินน้ำเห็นปลิงไง"(กินน้ำเห็นปลิงหมายถึงการจะทำสิ่งใดๆอยู่แล้วแต่ไปเจออะไรที่ไม่ไว้วางใจ จึงไม่ทำสิ่งนั้นๆต่อให้จบ) เพลินพิศสมัยพยักเพยิดเชิญชวนสาวหน้าฟร้อนท์จึงดื่มอย่างเสียมิได้ด้วยกลัวเสียมารยาทสิ่งที่สงสัยตอบคำถามด้วยตัวมันเองเมื่อผัสสะของประสาทรับรสต้องกับน้ำบริสุทธิ์จากธรรมชาติเย็นรื่นชื่นใจไม่มีรสเฝื่อนหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์อย่างที่เกรง

“อยู่ริมน้ำแบบนี้คุณน้าไม่กลัวน้ำท่วมหรือคะ"เพลินพิศสมัยชวนเจ้าเรือนคุยเธอเห็นข่าวจากโทรทัศน์ว่าอยุธยาเป็นพื้นที่รับน้ำทุกปี หลักฐานเชิงประจักษ์ก็รอยคราบน้ำท่วมที่เสาเรือนจมมิดหัวเธอสูงร่วมสองเมตร

“กลัวทำไม๊หนูมันเป็นวิถีชีวิตของคนริมน้ำตั้งแต่สร้างบ้านแปงเมืองนู่นน้าและชาวบ้านเจอทุกปีมีปีนี้กระมังที่แล้งหน่อยน้ำน้อยผิดปกติ" สายใจร่ายยาวชี้มือไม้ไปที่สายธารไหลเอื่อยที่น้ำแห้งขอดจะว่าเป็นน้ำลงก็ไม่ใช่เพลินพิศสมัยและบุศยมาศมองตามและเห็นเป็นเช่นผู้อาวุโสว่าไว้นี่ขนาดจะลอยกระทงอยู่รอมร่อ เขาว่าเดือนสิบเอ็ด (ไทย)น้ำนองเดือนสิบสองน้ำทรงท่าจะไม่จริงเสียแล้ว

“กระนั้นก็เถอะค่ะช่วงน้ำหลากคงลำบากกันน่าดู”

“ถูกจ้ะเด็กๆในมุมสำหรับคนไม่เคยประสบก็อาจมองได้เช่นนั้น มันก็เหมือนคราวปี 54 คนเมืองกรุงโดนมหาอุทกภัยเข้ายังไง ปั่นป่วนวุ่นวายแต่คนอยุธยาเขาคุ้นชินเจอกันทุกปีและมีวิธีเตรียมรับมือไว้มากน้ำเยอะเราก็ใช้ชีวิตอยู่กับน้ำ เห็นเรือนั่นไหมน้าก็ใช้เป็นพาหนะไปไหนมาได้ได้ตามปกติจ้ะ” เพลินพิศสมัยจินตภาพตามเธอเคยอ่านพงศาวดารเมืองกรุงเก่ามาบ้าง ในช่วงฤดูน้ำหลากที่ราบลุ่มเจ้าพระยาจะแปรเปลี่ยนเป็นผืนน้ำสุดลูกหูลูกตาชาวเมืองจะเก็บเกี่ยวผลผลิตและเทครัวเข้ามาอยู่ในเกาะกำแพงเมืองและการที่น้ำท่วมกลับเป็นกลยุทธ์หลักที่ใช้ป้องกันพระนครมาได้นับครั้งไม่ถ้วนเพราะข้าศึกจำต้องล่าถอยไปเสียเอง

“น้ากลัวก็แต่น้ำน้อยเสียมากกว่าจ้ะแล้งทีไรคนรับกรรมก่อนใครคือเกษตรกรผู้ถูกกล่าวหาตลอดกาลว่าเป็นฝ่ายที่ใช้ทรัพยากรเปลืองชาวไร่ชาวนาเป็นคนโง่รัฐต้องอภิบาล”สายใจตัดพ้อถึงความไม่เท่าเทียมในเชิงโครงสร้างแต่ไม่ของอมืองอเท้า ด้วยเหตุนี้เธอและสามีผู้ล่วงลับจึงริเริ่มชุมชนเข้มแข็งสามารถยืนได้ด้วยลำแข้งตนเองเธอเข้าใจปัญหาของเกษตรกรพื้นฐานคือแหล่งเงินทุนเธอจัดตั้งธนาคารชุมชนขึ้นก่อนที่รัฐบาลจะออกนโยบายนี้เสียอีกไม่พอผู้อาวุโสร่างท้วมยังตัดวงจรพ่อค้าคนกลางออกสายใจเป็นผู้นำชุมชนตัวอย่างได้รับรางวัลระดับชาติมากมาย

“ค่ะ.. พิศเข้าใจตามสนามกอล์ฟหรือโรงงานอุตสาหกรรมรวมไปถึงชุมชนเมืองเองก็ใช้น้ำไปไม่ด้อยกว่ากันเลยความจริงฝนก็ไม่น้อยถึงขนาดจะขาดแคลนนะคะแต่พิศเห็นว่ามันไหลลงทะเลไปเสียหมดเราไม่สามารถเก็บมาใช้ประโยชน์ได้มากกว่า” ปัญหาการกระจายทรัพยากรบ่งบอกถึงความเหลื่อมล้ำทางสังคมทั้งผู้บ่นคือสายใจและผู้เสวนาด้วยเช่นอิงค์กาญจน์ต่างตระหนักดีเพียงแค่แลกเปลี่ยนประกบการณ์ร่วมกันเท่านั้นคุยกันอยู่สักพักเจ้าเรือนรู้สึกว่าสมาชิกขาดหายไปหนึ่งสายตาคมมองตรงไปที่รถคันงามร้องเรียกลูกสาวตัวด้วยสำเนียงพื้นถิ่น

“อิ๊งค์.. มานี่เลยไม่ต้องหนีหน้าแม่" สายลับสาวจนทางปฏิเสธตรงรี่มายังใต้เรือน

“แม่จะไปทำกับข้าวเย็นแกไปดูบ่อปลาที บอกตาเฮงเลือกเอาปลาหมอมาสักสามสี่ตัวนะ แล้วก็ปลาคังด้วย"อิงค์กาญจน์พยักหน้ารับลุกพรวดไปทำตามคำสั่งก็ดีเธอยังไม่อยากเผชิญหน้ากับสาวหวานในห้วงเวลานี้

“หนูขอตามคุณน้าไปด้วยนะคะยัยเพลินไปช่วยคุณมาหยาเอ้ยคุณอิ๊งค์ดูปลาเถอะ ฉันเป็นลูกมือคนเดียวก็เกินพอแล้ว"บุศยมาศเจ้ากี้เจ้าการเธอรู้ดีว่าเพื่อนรักมีเรื่องต้องเคลียร์ใจกับยัยจอมลวงเพลินพิศสมัยอยากจะตามไปลงครัวด้วยแต่เรื่องกับสาวรั่วก็สำคัญใช่ยิ่งหย่อนสาวเนิบช้ากวดฝีเท้า ปากก็ร้องเรียกสาวเปรี้ยวไม่หยุดหย่อนเธอกระหืดกระหอบตามอิงค์กาญจน์มาจนทันในที่สุด

“คุณมาหยาคะ คุณมาหยารอพิศด้วยอ้อคุณอิ๊งค์ ลืมไปต้องเรียกชื่อนี้สินะคะ"

“..." สายลับสาวยังไม่หยุดก้าวเดินไร้การสนองตอบสุดว้าวุ่นใจจนด้วยเกล้าจะเฉไฉแฉลบไปทางไหนดีอยากจะกระโจนลงแม่น้ำเสียให้รู้แล้วรู้รอด

“ใจคอจะหลบหน้าพิศไปถึงกรุงเทพฯเลยใช่ไหมคะ"เพลินพิศสมัยก็ไม่เข้าใจตัวเอง นี่เธอเป็นฝ่ายผิด? ใครควรง้อใครกันแน่?? แล้วทำไมเธอต้องแคร์คนลวงใจคนนี้เสียมากมายเธอควรจะโกรธแย่ที่สุดคืองอนกลับกรุงเทพฯไปทั้งนี้เหนืออื่นใดคือสาวหวานก็มีพันธกิจซ่อนเร้นเฉกเช่นกันสองอนงค์เดินตามกันเป็นพระนางในหนังภารตะมาจนถึงบริเขตที่เป็นบ่อเลี้ยงปลาคังและปลาหมอ

“คุณพิศมาดูปลากันเถอะค่ะ" คำน้อยหลุดจากปากเพราะสิ่งเร้าตรงหน้ามันช่างน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งบ่อปลาและบ่อกุ้งเรียงรายหลายสิบบ่อลุงเฮงผู้ดูแลเข้ามาทักทายนายน้อยและคุณผู้หญิงอีกคน

“ลุงเลี้ยงปลาคังมานานเท่าไหร่แล้วนี่คะครั้งก่อนอิ๊งค์ยังเห็นเลี้ยงปลาทับทิมอยู่เลย”อิงค์กาญจน์พอจะรู้เหตุผลเลาๆถึงการเลิกเลี้ยงปลาทับทิมเนื่องจากมารดาของเธอปรารถนาจะตัดวงจรพ่อค้าคนกลางและนายทุนออกจากสารบบมาเนิ่นนานแล้ว

“เพิ่งลงปลาหมอกับปลาคังนี่ได้เป็นรอบที่สามตอนนี้เป็นที่ต้องการของตลาดมากแค่ขายร้านอาหารในเมืองก็ไม่พอแล้วนี่หนูอิ๊งค์รู้ไหม คราวที่แล้วเปิดบ่อได้เกือบครึ่งล้านเลยนะแม่เจ้ายังเปิดอบรมวิธีการเลี้ยงและขายพันธุ์ปลาให้กับชาวบ้านด้วย”เพลินพิศสมัยรับฟังด้วยความยินดี น้าสายใจเธอเป็นแบบอย่างของเกษตรกรสมัยใหม่จริงๆ

“หวังว่าครั้งหน้าลุงคงไม่บ้าจี้เลี้ยงตุ๊กแกส่งออกตามใบสั่งแม่หรอกนะอิ๊งค์กลัว”สายลับสาวพูดติดตลก แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นแม่สายใจอาจจะหาอะไรประหลาดๆมาเลี้ยงด้วยความเป็นเกษตรกรวิสัยทัศน์ไกลเล็งเห็นตลาดและผลเลิศที่จะบังเกิดต่อชุมชนเป็นนิจ

“แม่ขอให้ลุงช่วยเอาปลาคังกับปลาหมอขึ้นให้ทีค่ะแม่แกจะทำกับข้าวเลี้ยงเพื่อนอิ๊งค์ค่ะลุงเฮง”ชายชราร่างผอมชะลูดยิ้มรับคำก่อนจะเอาสวิงมาช้อนปลาใส่ถัง ไม่นานการก็สำเร็จแรกทีเดียวลูกสาวเจ้าเรือนอยากจะชวนสาวหวานจับปลาเสียเองแต่เกรงว่าน่าจะไม่รอดเย็นนี้คงจะไม่ได้กินเป็นแน่แท้ต่างจากเพลินพิศสมัยที่กล้าๆจะเอามือบอบบางของตนสัมผัสกับปลาที่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในถัง

“จับได้หรือเปล่าคะลุงนี่เหรอคะที่เขาเรียกว่าปลาหมอตัวดำเมี่ยมเลยดูคล้ายปลานิลจังนะคะพิศเคยเห็นแต่คนหัวหมอ” เพลินพิศสมัยถามลุงผู้ดูแลแต่สายตาน่ะปรายมาที่แม่จอมลวงอิงค์กาญจน์หน้าเหวออ้าปากหวอ เผลอเป็นได้โดนค่อนขอดทุกคราวไป

“จับได้ครับแต่ต้องระวังนิดหน่อย”

“อุ๊ย เพลินพิศสมัยจับปลาหมอตัวหนึ่งขึ้นมาแต่ด้วยความเผลอไผลเจ้าปลาน้อยดิ้นหลุดจากมือไปนอนเกลือกกลิ้งที่พื้นลุงเฮงรีบจัดการเอาใส่ถังและเดินเอาไปให้ผู้เป็นนายที่เรือนปล่อยสองสาวเย้ากันตามทำนอง

“ฮิฮิ..ลื่นปรื๊ดเหมือนใครไม่รู้นะคะ”สาวหวานยิ้มพึงใจเห็นเป็นเรื่องสนุก ดอกที่สองตามมาติดๆแต่ครั้งนี้อิงค์กาญจน์มีหือตอบโต้กลับมาบ้าง

“จับปลาต้องจับสองมือสิคะ”ปริศนาใจเสมือนหยอกตนเองมากกว่าเพราะคดีก็ตามสืบจับคนร้ายที่ต้องสงสัยยิ่งว่าเป็นคนตรงหน้าและยังพยายามจะจับกุมหัวใจของเธอไปด้วยในคราวเดียวท้ายที่สุดมันจะหลุดมือดั่งที่สุภาษิตเขาเตือนไว้หรือเปล่านะ?

“อย่าหาว่าพิศดัดจริตนะคะ มื้อนี้คงเป็นมื้อที่บาปมากๆเลย”อิงค์กาญจน์เท่าทันว่าสาวหวานหมายความถึงสิ่งใด ก็นะหล่อนคือนางงาม รักเด็กรักสัตว์รักษ์โลก

“เขาเกิดมาเพื่อเป็นอาหารค่ะไม่เรากินเขา เขาก็ต้องไปอยู่ตามท้องตลาดอยู่ดีค่ะ”

“เช่นกันใช่ไหมคะที่ทุกคนจะborn to be อะไรสักอย่าง“ เพลินพิศสมัยเปรยเป็นคำถามลอยๆอิงค์กาญจน์ก็มิได้เก็บมาใส่ใจ เพียงยิ้มรับและปล่อยผ่านแต่ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างที่มิอาจจะปล่อยให้ผ่านสายตาไปได้

“คุณอิ๊งค์คะ”

“คะสายลับสาวสังเกตเห็นละอองน้ำเลอะหน้าสวยใสจึงไม่รีรอฉวยเอากระดาษทิชชู่จากกระเป๋าตนมาเช็ดให้

“ขอบคุณนะคะ"

“เรื่องแค่นี้เองเป็นคุณพิศก็คงทำให้อิ๊งค์เช่นกัน..ใช่ไหมคะ" อิงค์กาญจน์ชี้ให้เห็นว่าเป็นเรื่องปกติสามัญขอขัดความรู้สึกตนเองไม่ให้คล้อยตามซีนโรแมนซ์ตรงหน้าเธอถลำลึกกับเป้าหมายมากเกินควรแล้วเพลินพิศสมัยมองค้อนขวับใหญ่หงุดหงิดกับสาวเปรี้ยวที่ไม่อินกับบทหวานเสียเลย

“ตกลงจะให้พิศเรียกคุณว่าอะไรคะคุณอิ๊งค์ฉัตรมาหยา" ทันทีที่สาวหวานถอนใบหน้าพิไลของตนออกมาคำถามค้นใจก็ตามติดมากระชั้นชิด

“ไม่ว่าจะอยู่ในชื่อนามใดอิ๊งค์ก็คือคนเดิมค่ะ..คนที่..” อิงค์กาญจน์เจตนาจะหยุดประโยคไว้เพียงเท่านั้นขึ้นอยู่กับเป้าหมายแล้วว่าจะเลือกให้เธอเป็นเช่นไร

“พิศจะรอนะคะ..รอวันที่คุณจะบอกความจริง" เพลินพิศสมัยตอบกลับอย่างลุ่มลึกทั้งเสียงหวานออดอ้อนทำให้ผู้ฟังอ่อนระทวยแม้จะเป็นเช่นนั้นแต่อิงค์กาญจน์ยังใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดในการยึดโยงกับภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบที่มิอาจโยนทิ้งเพียงเพราะคำว่ารักชอบได้

“อิ๊งค์ก็จะรอค่ะ..รอวันที่ความจริงปรากฎ" อิงค์กาญจน์รู้สึกว่าตนเป็นแค่วิหคน้อยที่มิอาจล่วงรู้ความคิดอ่านของพญาครุฑได้เลย

ต่างฝ่ายเผยถึงความต้องการของตนใครจะเป็นผู้ถึงเส้นชัยแห่งความสมหวังก่อนกันระหว่างอิงค์กาญจน์ที่ละเมิดกฎทุกข้อของการเป็นสายลับและเริ่มจะมีจิตปฏิพัทธ์ต่อเป้าหมายมากขึ้นแปรผันตรงกับกาลที่ชิดใกล้กับเพลินพิศสมัยสาวหวานแสนเรียบร้อยกุลสตรีทุกกระเบียดผู้ที่หากเพ่งพิศพิเคราะห์ในระดับชั้นลึกจะพบว่าเธอไม่ใช่แค่สาวโลกสวยแสนธรรมดาอย่างที่เข้าใจ...




 

Create Date : 09 ธันวาคม 2558    
Last Update : 9 ธันวาคม 2558 9:32:37 น.
Counter : 467 Pageviews.  

คุณพระช่วย!!!...

"เดี๋ยวค่ะคุณมาหยา"มือเรียวของอิงค์กาญจน์ล้วงเอา key card ขึ้นมาจะเปิดประตูห้องแต่กลับถูกเพลินพิศสมัยหน่วงรั้งเอาไว้

“คะ?" ร่างปราดเปรียวหันหน้าสวยส่งสายตาสงสัย

“ถ้าคุณมาหยาว่างพิศอยากชวนให้ดูเหรียญที่ประมูลไว้ทาง ebayสักหน่อยค่ะ"

“ด้วยความเต็มใจยิ่งค่ะ"อิงค์กาญจน์ยิ้มกว้างกระวีกระวาดรับคำนัยน์ตาเป็นประกายเก็บอาการตื่นเต้นไว้ไม่อยู่วันนี้เป้าหมายมีการเคลื่อนไหวให้จับสังเกตเยอะจริง แทนที่จะเข้าห้องตนสายลับจับพิรุธเบนเข็มเอี้ยวร่างกลับหันข้างสืบเท้าเข้าห้องเพลินพิศสมัยตามคำเชื้อเชิญ

'เอาว้ายัยอิ๊งค์เข้านอกออกในห้องหับแบบนี้ได้สนิทใจอีกไม่นานภารกิจคงลุล่วงไม่ต้องสตอหลอกนางอีกแล้ว..ว่าแต่แฟนสาวของคุณพิศเธอไปไหนเสียตั้งแต่วันนั้นที่จ้ำจี้กันก็ไม่เห็นอีกเลย??' สายลับสาวเพ้อเจ้อตามประสาเพลินพิศสมัยเปิด MacBook Pro เข้า Safari และเวบไซต์ ebay อิงค์กาญจน์ที่นั่งข้างๆกันจ้องตาไม่กะพริบหน้าจอขึ้นเป็นการประมูลเหรียญเงินโบราณรูป Gaius Julius Caesar รัฐบุรุษของจักรวรรดิโรมันสภาพเก่าแต่ยังคงเห็นใบหน้าและลายเส้นบนตัวเหรียญชัดเจนทรงจะว่ากลมก็ไม่เชิงออกบิดเบี้ยว ทั้งคู่เข้าใจได้เพราะสมัยสองพันกว่าปีก่อนกรรมวิธีการหลอมโลหะยังเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านไม่มีเครื่องจักรผลิตเช่นโรงกษาปณ์ในปัจจุบันอิงค์กาญจน์ที่ไม่ใคร่มีองค์ความรู้เรื่องของเก่านักมองดูสาวหวานคลิกๆที่เม้าส์ใส่ตัวเลข 1500 us dollar!! สายลับสาวถึงกับตะลึงงัน

“คุณพิศคะเหรียญเดียวตั้งห้าหมื่น ซื้อทองได้ตั้งสองบาทแน่ะ"

“คร้า.. เห็นไหมคะว่าเขาขึ้นว่า very rare อายุก็ใช่น้อยตั้งสองพันกว่าปีอีกทั้ง Caesar ก็ยังเป็นมหาเอกบุรุษของโลกใครได้มาครอบครองเก๋จะตายไปค่ะอีกอย่างชุดที่คุณมาหยาให้พิศมานี่แพงกว่าอีกตั้งเท่าตัวนะคะ" เพลินพิศสมัยแจงถึงเหตุผลคนรักคนชอบพิจารณาจากมุมไหนย่อมไม่แพงเกินไปกว่าคุณค่าที่ตนได้ให้ไว้สายลับจอมรั่วรู้ตัวว่าเผลอเผยไต๋อีกแล้วปรายตามาดูธนบัตรในกรอบรูปที่เบื้องหน้า..นั่นสินะ เกือบลืมไป ชุดธนบัตรรัชกาลที่ ๗กับเรือหงส์เลขตองนี่ก็ใช่ย่อย นางพี่โอมทุ่มทุนสร้างให้มากกว่าอีก

“กระนั้นก็เถอะค่ะคุณพิศรู้ได้ยังไงว่ามันจริงมันปลอม" สาวเปรี้ยวละสายตาจากหน้าจอเพ่งมองคู่สนทนาที่ทำหน้าปุเลี่ยนๆยิ้มจางๆ โอยยย น่าร๊ากอ่ะ

“แหะๆ..ไม่มีใครเกิดทันหรอกค่ะหรืออาจจะเกิดแล้วตายแล้วและก็จำไม่ได้เสียแล้ว"

“อ้าวแล้วกัน..”

“มันก็ไม่ถึงกับตาบอดตาใสหรอกค่ะคือพิศก็อาศัยดูจาก Feed back score ของคนขายเห็นไหมคะเขามีตั้งห้าพันอัพ อีกอย่างสินค้าของเขาก็มี สมาคม NGC(Numismatic Guarantee Corporation) การันตีให้ค่ะเท่านี้ก็อุ่นใจได้" อิงค์กาญจน์พยักหน้ารับคำตอบเสมือนหลักฐานมัดตัวเป้าหมายรู้ลึกรู้จริงแบบนี้เพื่อเอาไว้ปลอมแปลงเงินตราเป็นที่แน่คุณพิศนี่ตัวแม่ชัดๆ

“คุณพิศเชื่อคนในโลกออนไลน์..ช่างกล้าจังนะคะ"

“คนโลกสวยอย่างพิศกล้าเสมอค่ะขนาดคนที่รู้ว่าโกหกเรายังกล้าคบกันสนิทสนมได้เลยนี่นา" โดนเข้าไปอีกหนึ่งดอก เจ็บ & จุกสิคร้า

“เอ่อ..” สายลับจอมลวงหน้าเหวอ ต่อประโยคไม่เป็น RAM เต็มอีกแล้ว

“อย่าคิดมากสิคะพิศไม่ได้ว่าคุณมาหยานะคะ" นี่นะไม่ได้ว่า?! แล้วหากเป็นเช่นนั้นมิตายไปต่อหน้าดอกหรือ ฮร่ายยย

“วันหนึ่งคุณพิศจะเข้าใจค่ะ..มาหยาบอกได้เพียงเท่านี้" สายลับที่มาดมั่นตอบเพียงไม่ถึงครึ่งเสียงโกรธตนเองยังไม่หนักหนาเท่ากับทำร้ายคนน่ารัก

“เข้าใจวันนี้แล้วล่ะค่ะ..กระจ่างแจ้งที่สุด" เพลินพิศสมัยโต้กลับดั่งไม่คิดอะไรมากน้ำเสียงเรียบ แววตานิ่งก่อนจะกระชากอารมณ์ด้วยความตื่นเต้น

“อุ๊ย!..ดูต่อดีกว่าเนาะ ใกล้จะปิดประมูลแล้วเดี๋ยวมีตาอยู่ปาดหน้าเค้กคว้าเหรียญไปเชยพิศคงนอนไม่หลับไปหลายคืนแน่ค่ะ"จริงตามที่สาวหวานประหวั่นเมื่อเหลืออีกเพียงสามสิบวินาทีหน้าจอเด้งตัวเลขใหม่ขึ้นมาเพลินพิศสมัยกรอกตัวเลขที่สูงกว่ากลับไปอย่างรวดเร็วซึ่งเธอมั่นใจเสียเต็มประดาว่าอีกฝ่ายที่ไม่รู้ว่าอยู่มุมใดของโลกไม่กล้าสู้ราคาแน่ๆอิงค์กาญจน์ได้แต่ทำตาปริบๆคุณพิศจริงจังฝุดๆ ตัวเลขวินาทีนับถอยหลังลงเรื่อยๆสาวหวานจ้องที่หน้าจอจดจ่อตาไม่กะพริบ

3 sec.. 2 sec 1 sec..

Congratulations! You win this bid.

“เย้!!" สาวหวานหันมาโห่ฮิ้วยินดีปรีดากับเพื่อนข้างห้อง สายลับสาวเป็นงงเสียเงินแต่ดีใจนี่นะ?ซ้ำร้ายกว่านั้น เป้าหมายในภารกิจนี้มีสองบุคลิก?? แต่คงไม่ร้ายแรงถึงขั้น bipolar กระมังคุณพิศยิ่งรู้จักยิ่งยากแท้เกินจะหยั่ง ภายนอกเห็นหวานแหววอ่อนช้อยค่อนไปในทางอ้อนแอ้น แต่บทจะจริงจังกลับสู้ขาดใจ เด็ดเดี่ยว กัดไม่ปล่อยคนลักษณะนี้น่ากลัวมว๊าก!!

“ว่าแต่คุณพิศคิดจะเก็งกำไรของพวกนี้เหรอคะเท่าที่มาหยาเห็นมันเต็มห้องไปหมดแล้ว"

“พิศอยากทำ museumย่อมๆน่ะค่ะ ตามสถานที่ท่องเที่ยวลงทุนครั้งเดียวกะให้เป็นเสบียงเลี้ยงตัวยามแก่น่ะค่ะ"

"ฮั่นแน่..ที่ไปหัวหินคราวนี้ก็แอบๆเล็งไว้ชิมิๆ"

"ก็..ประมาณนึงค่ะ..ไว้ถึงวันนั้นพิศจะชวนคุณมาหยาเป็นหุ้นส่วนกิติมศักดิ์เลยนะคะ"

“ให้เกียรติมาหยามากไปแล้วค่ะ"อิงค์กาญจน์ตอบไปตามมารยาท รู้สึกเศร้าจับจิต ใจดวงน้อยรู้ตัวดีไม่มีแน่ๆสำหรับวันนั้น คุณพิศในฐานะคนทำผิดต้องถูกลงโทษการปลอมแปลงธนบัตรและอาจจะร้ายกาจถึงเป็นเครือข่ายก่อการร้ายข้ามชาติแบบนี้ได้แก่ตายในเรือนจำแน่ๆในอีกมุมหนึ่งอาชีพสายลับก็ค่อนข้างเสี่ยงเจอเคสมาเฟียหรือพัวพันกับคนมีสีหรือนักการเมืองปะเหมาะเคราะห์ซวยอาจโดนอุ้มโดนเป่ากระหม่อมง่ายๆเหมือนกัน

“เดือนหน้าจะมีงานประมูลของเก่าเราไปด้วยกันนะคะ" สาวหวานคงไม่แจ้งใจถึงความปริวิตกของคู่สนทนายังคงจำนรรจาด้วยเสียงเสนาะสำหรับอิงค์กาญจน์แล้ว คำว่า 'เรา' ยิ่งฟังก็ยิ่งหดหู่ห่อเหี่ยว มันจะมีคำนี้ไปอีกได้นานเท่าใดหนอ ในเมื่อ 'เรา' ต่างก็เลือกแล้วที่จะเดินบนเส้นทางที่อันตรายยิ่งทั้งคู่และดูเหมือนว่ามันจะเป็นหนทางที่ขนานกันไปเป็น infinity

“น่าสนใจมากๆเลยค่ะมาหยาไม่พลาดแน่ๆ..ว่าแต่คนคิดระบบประมูล (auction/bidding) นี่เจ๋งมากเลยนะคะ"สายลับสาวเปลี่ยนประเด็น เธอไม่ปรารถนาจะอยู่ใน moment ที่เศร้าให้นานเนิ่น กฎกี่ข้อของสายลับเธอแหกมันเสียหมดรวมไปถึงความรู้สึกที่มีต่อเป้าหมายด้วย

“ค่ะ.. เนื้อแท้ก็คือหลักการเดียวกับการพนัน เล่นกับความโลภของมนุษย์ดึงเข้ามาอยู่ในเกมความต้องการ" นี่มันหลักวิเคราะห์พฤติกรรมศาสตร์ชัดๆสาวเปรี้ยวยิ่งเคลือบแคลง

“เอ๋?"อิงค์กาญจน์คุ้นหูกับประโยคพวกนี้ยิ่ง พยายามคิดทบทวนแต่ก็นึกไม่ออกเลาๆว่าวิทยากรที่ฝึกฝนเธอเป็นคนกล่าวไว้ เป้าหมายมีของที่มิอาจมองข้ามจริงๆ

“พิศก็เพ้อเจ้อไปเรื่อยน่ะค่ะจำคำพูดของใครต่อใครมาอีกทีหนึ่ง"

“ไม่น่าเชื่อนะคะว่าเราจะสนิทกันได้เร็วถึงเพียงนี้มาหยาเองก็ทำไม่ดีไว้กับคุณพิศเสียตั้งมาก" สายลับสาวเปลี่ยนเรื่องไป-มากลับวกวนเข้าที่เรื่องของตนเข้าจนได้ ขว้างงูไม่พ้นคอจริงๆ

“คริคริ..สาวเปรี้ยวกับนางงามหลงยุค คงเป็นเพราะความที่เราต่างขั้วกันมั้งคะพิศเคยได้ยินมาว่าขั้วเดียวกันจะผลักกันส่วนต่างขั้วกันจะดึงดูดเข้าหากัน"

“ทฤษฎีไหนคะนี่มาหยาเคยได้ยินแต่กฎแห่งแรงดึงดูด (Law of attraction) สิ่งที่เหมือนกันจะดึงดูดเข้าหากัน"สองอนงค์ต่างแลกเปลี่ยนมุมมอง

“ช่างมันเถอะค่ะของบางอย่างแค่มองตาก็รู้ใจเนาะ อย่าได้พยายามหาสาเหตุเลยค่ะ" เพลินพิศสมัยไม่เพียงพูด มือสวยปิด Macbook ยิ้มหวานละมุนสบนัยน์ตาของสาวเปรี้ยวอิงค์กาญจน์ก็ไม่หลบสายตา มิอาจทานกระแสแห่งความปรารถนาของหัวใจ

'คุณพิศคะอย่าหวานไปกว่านี้ได้ไหม ระดับน้ำตาลท่วมท้นหัวใจอิ๊งค์ไปหมดแล้ว' สายลับสาวผู้ละเมิดกฎได้แต่ร่ำร้องภายในเธออยากจะเลิกเป็นจารชนสาวโลดโผนกลับมาใช้ชีวิตราบเรียบเป็น normalgirl ธรรมดาคนหนึ่งแต่ด้วยหน้าที่การงานจำต้องโยนความรู้สึกดียิ่งและไม่เคยบังเกิดกับผู้ใดทิ้งไปเสีย

'เธอคืออาชญากรคำว่า เรา นั้นไม่มี อิงค์กาญจน์เธอต้องใจแข็งสิร้ายกว่านั้นเธอมีคู่รู้ใจอยู่ทั้งคน' ความสับสนระหว่างปัจจัยเหตุผลและความรู้สึกที่ถลำลึกแย้งย้อนกันรุนแรงก่อตัวขึ้นชัดเจนราวกับsuper hurricane 2 ลูกตั้งขนาบซ้ายขวาของฝั่งคาบสมุทรรอวันถาโถมโหมกระหน่ำสาดซัดเท่านั้นหากไม่รีบปิดคดีเสียโดยเร็วก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจคงต้องสลายไปกับพายุแห่งรักเป็นแน่แท้

“บายค่ะคุณพิศ"ร่างปราดเปรียวเปรยขึ้นสั้นห้วนแต่สีหน้าบ่งบอกถึงความอาวรณ์ลุกพรวดขึ้นและปลีกตัวไปทันทีทิ้งให้เจ้าของห้องยิ้มขากรรไกรค้างตามอารมณ์ไม่ทันกับการหักมุมของสาวเปรี้ยว

“อะไรของเค้าอ่า..บ้าบอที่สุดคุณมาหยา" เพลินพิศสมัยบ่นอุบหลังจากที่ประตูห้องปิดแต่เธอไม่ยอมให้ความสัมพันธ์ที่ดีต้องยุติลงเป็นแน่ นับเป็นภาพที่ขัดกันอย่างประหลาดหญิงสาวที่ดูมาดมั่น คล่องแคล่ว ฉลาด ทำไมมาพลาดเรื่องนี้ง่ายดายกันเล่าคลิกกันแล้วยังจะมีเงื่อนไขอะไรให้มากความอีก สาวหวานเพ้อไปตามท้องเรื่องหันมาดูกรอบรูปแล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่...

ในห้องส่วนตัวของอิงค์กาญจน์สายลับสาวเขียนแผนผังเพื่อหาความเชื่อมโยงอยู่สองสามนานขีดเขียนแล้วก็กาทิ้งแล้วก็เขียนใหม่วนซ้ำดั่งหนูถีบวงล้ออยู่ในกรง.. ระหว่างที่คิดไม่ตกอยู่นั้นเอง คู่บัดดี้ก็โทรวีดีโอคอลเข้ามาแทบจะเสี้ยววินาทีที่กดรับ ภาพหน้าจอเป็นเก้งกล้ามโตที่แยกเขี้ยวใส่ก่นด่าเสียงขุ่นมาตั้งแต่ไก่โห่

“ยัยรั่วเอ๊ย!ทำพี่หน้าแหกแหวกชิมิแล้วไหมล่ะ"

“อะไรอีกเจ้าคะ"อิงค์กาญจน์ขึ้นเสียงเข้าสู้บ้าง

“ก็แขกขาวที่หล่อนสงสัยอ่ะดิ..”เมื่อรู้ตัวว่าเสียงแหลมสู้สาวแท้ไม่ได้เก้งกล้ามโตก็ลดดีกรีความเข้มลงมาในระดับปกติ

“เออสิลืมไปแล้วนะนี่..แล้วไง พี่โอมเจออะไรบ้าง

“หนังโป๊เกย์..เต็มกระเป๋าเลยกับไวอะกร้านิดหน่อย บ้ามากๆอรรถชัยสายลับมาดเท่เก๋กระเด้งต้องมาเจอเรื่องนี้ก็เพราะเธอ ยัยรั่ว!"คนโดนบริภาษหาได้กริ่งเกรงไม่ ซ้ำยังหัวเราะเยาะใส่อีกต่างหากนึกภาพตามแล้วสุดขำอ่า

“เอิ๊กๆๆ..ก็เค้าบอกแล้วว่าแค่ต้องสงสัย"

“ไม่ต้องมาแถเลยคราวหน้าก็ดูให้ดีหน่อยนะแม่คุณ คนปิดจ๊อบจะบร้าตายขายขี้หน้า"

“คร้าคุณพี่..แล้วของกลางล่ะอย่าบอกนะว่าแอบแฮฟมาหมดเป๋าน่ะ"

“เฮ้ย!..อยู่สน.ย่ะ ตำรวจท้องที่เขารับผิดชอบไปแล้ว..แค่นี้นะ เก้งเพลีย"

“เดี๋ยวสิจะไม่ฟังข่าวดีบ้างรึ

“ว่ามา"

“เค้าติด GPSที่รถเป้าหมายได้สำเร็จแล้วนะ"

“Well done!.. แต่อย่าให้ดีแตกนางเอกตายตอนจบแล้วกันอย่าลืมนะว่ายัยรสิตารอจ่อเชือดหล่อนอยู่ แล้วไปปฏิบัติภารกิจที่หัวหินถิ่นมีหอยอย่าหลงเสน่ห์เป้าหมายเชียวนะ" หัวหน้าทีมกำชับ ทั้งๆที่รู้ทางกันดีว่ารถไฟขบวนนี้หยุดไม่อยู่เสียแล้ว

“จร้าคุณพี่ไม่ต้องย้ำแร้วววเชื่อมือสิ เครนะ" อิงค์กาญจน์ตอบส่งเดชเธอไม่อยากเอาประเด็นวุ่นวายมาคิดให้ปั่นป่วนอีกก่อนจะตัดสายไป...

รุ่งขึ้นประมาณ7 นาฬิกาเศษ อิงค์กาญจน์ขับรถออกจาก apartment มาดหมายว่าจะกลับไปเยี่ยมแม่ที่อยุธยาสักหน่อยสาวเปรี้ยวเหยียบคันเร่งยังไม่ทันจะพ้นปากซอยดีเห็นสองเพื่อนสนิทเพลินพิศสมัยและบุศยมาศแต่งองค์ในชุดลำลองเสื้อยืดกางเกงขาสั้นสวมหมวกและแว่นตากันแดดสะพายเป้เหมือนเตรียมจะไปเที่ยวที่ไหนสักแห่งยืนแกร่วอยู่ริมฟุตบาทไม่ต้องคิดมาก สายลับสาวจอดรถบีบแตรทักทันที

“จะไปไหนกันคร้าสาวๆ"

“เราจะไปไหว้พระ ๙วัดที่อยุธยากันน่ะค่ะ พอดียัยมาศถูกสามตัวตรงแล้วบนไว้" อะไรจะบังเอิญขนาดน้าน อิงค์กาญจน์อึ้งไปเล็กน้อย

“เหรอคะถูกเท่าไหร่เอ่ย”

“ยี่สิบบาทค่ะแค่นั่งรถไปกลับก็เข้าเนื้อแล้ว แต่ทำยังไงได้ บนแล้วก็ต้องแก้”บุศยมาศตอบแบบเซ็งเป็ดเซ็งห่าน แบบนี้เขาเรียกบุญมีแต่กรรมหนักกว่า

“ฮิฮิเวลาขอคงลืมบอกว่าถูกเท่าไหร่สินะคะทำไมคุณพิศไม่เอารถไปล่ะคะชั่วโมงเดียวก็ถึงแล้ว”

“พิศเอารถไปเช็คสภาพที่ศูนย์บริการค่ะ ต้องทิ้งไว้วันหนึ่งถึงจะเสร็จครั้นจะไปเอารถพรุ่งนี้ก็กระชั้นกับทริปหัวหินเกินไปไม่มีเวลาพักเลย วันนี้ยัยมาศหยุดด้วยก็เลยเป็นโอกาสดีที่สุดแล้วเราจะนั่งรถไฟไปกันค่ะ นี่รอเรียก taxi ไปหัวลำโพง"อิงค์กาญจน์ฟังไปก็ลุ้นไปกับประโยคอธิบายเสียยืดยาว ก็แม่พลอย 2015พูดเนิบช้ายิ่ง อีกใจก็อดประหวั่นไม่ได้ หากพนักงานศูนย์เจอเครื่อง GPSที่เธอติดไว้ล่ะก็ งามไส้!!

“รถไฟ? หูย..กว่าจะถึงไหว้ได้แค่วัดเดียวมั้งคะ"

“งั้น..เราไปรถทัวร์ก็ได้เห็นป่าวยัยเพลินบอกแล้วก็ไม่ฟัง ชอบจริ๊งอะไรช้าๆเนี่ย" บุศยมาศหันมาเอาเรื่องเพื่อนสาวที่ยืนกรานจะไปพาหนะนับญาติกับหอยทาก

“ให้มาหยาไปส่งดีกว่าค่ะ แปบเดียวก็ถึง มาหยา..เอ่อไม่มีอะไรค่ะขึ้นรถดีกว่าเนาะ" สายลับสาวเกือบหลุดปากเรื่องส่วนตัวซึ่งคุณพิศในฐานะเป้าหมายจะรู้ไม่ได้เด็ดขาด

“อยุธยา?เขาไม่เรียกไปส่งแล้วค่ะ เขาเรียกว่าไปด้วยแล้ว" บุศยมาศตอบแบบเสียอารมณ์เป็นที่รู้กันว่าฟร้อนท์สาวไม่ใคร่ชอบสาวเปรี้ยวนักทั้งยังออกแนวกีดกันไม่อยากให้เพื่อนสนิทไปแนบชิดกับผู้ต้องสงสัยว่าเป็นคนไม่ดีในสายตาอิงค์กาญจน์ใช่ว่าจะไม่แจ้งใจ แต่แสร้งแอ๊บว่าไม่รู้เท่านั้น

“ขึ้นรถมาสิคะ แดดร้อนคุณมาศจะยิ่งหงุดหงิดนะคะ" เพลินพิศสมัยจูงมือเพื่อนสาวขึ้นรถมาแบบเสียมิได้ส่วนลึกสาวหวานดีใจนักมีคุณมาหยาไปด้วยไม่ว่าจะที่ไหนเมื่อใดอุ่นใจและหัวเราะได้ทุกคราวไปเมื่อพนักหลังติดเบาะอิงค์กาญจน์เริ่มเปิดฉากชวนคิดชวนคุยทันที

“ไม่รู้อีกเมื่อไหร่นะคะความหวังความฝันของคนทั้งชาติจะเป็นจริง"

“ไทยไปบอลโลกหรือคะ"สาวหวานรับลูกรู้อยู่เต็มอกว่าสาวเปรี้ยวหมายความถึงสิ่งใด

“คริคริ เข้าใจอำนะคะนั่นก็เรื่องนึงค่ะ มาหยากำลังหมายถึงรถไฟความเร็วสูงต่างหากค่ะ"

“นั่นสินะคะจากกรุงเทพฯไปอยุธยาคงแค่ไม่ถึงชั่วโมงเนอะ"

“บ้านเรา infrastructureพัฒนาช้ามากค่ะจากที่เคยภาคภูมิใจว่าได้เปรียบบัดนี้จะถูกเพื่อนบ้านแซงหน้าไปแล้ว" เพลินพิศสมัยใช้ความเป็นแอร์โฮสเตสที่เห็นโลกภายนอกมาเยอะกว่าวิเคราะห์อย่างน่าฟัง

“ยังไงคะ"

“เพื่อนพิศชาวเวียดนามที่เป็นแอร์ด้วยกันน่ะค่ะเธอบอกว่าอีกสิบห้าปีจากนี้ สนามบินแห่งใหม่ของ โฮจิมินห์ซิตี้ Long Thanh International Airport จะเปิดใช้งานเต็มประสิทธิภาพรองรับกับยุทธศาสตร์ของประเทศเวียดนามคือจะเป็นศูนย์กลางการบินของทวีปเอเชียแทนที่สุวรรณภูมิของเรา"

“ฟังเหมือนเรื่องตลก ขี้โม้เลย มันจะเป็นไปได้ยังไง" บุศยมาศที่นิ่งเงียบมาพักใหญ่ขอแย้งย้อนเธอภูมิใจกับสนามบินหนองงูเห่าเสียเต็มประดา ใหญ่โอฬารยึดหัวหาดมาก่อนเวียดนามมีหรือจะแซงได้

“แต่มาหยาเชื่อค่ะว่าจะเป็นจริงเผลอๆรถไฟความเร็วสูงพี่ไทยเรานี่หล่ะค่ะจะเสร็จรั้งบ๊วยในอาเซียน" สายลับสาวที่เข้าใจโลกมากกว่าเห็นด้วยเต็มประตูกับสาวหวานแม้นจะไม่แซงแต่หากเขาพัฒนาก็สามารถกินส่วนแบ่งของสนามบินสุวรรณภูมิที่มีผู้โดยสารประมาณ50 ล้านคนต่อปีไปได้มากทีเดียวทั้งตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของเมืองโฮจิมินห์ยังใกล้เคียงกับสุวรรณภูมินักสิ่งที่เพลินพิศสมัยได้ยินมาจึงไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันเลยทั้งสามไม่พูดอะไรกันต่อเพราะมันไกลตัวพวกเธอเกินไปมากรู้ไม่จริงอาจจะวิพากษ์วิจารณ์กันผิด ราวชั่วโมงเศษอิงค์กาญจน์ก็ขับรถจากสายเอเชียเข้าสู่บริเวณรอบเกาะเมืองอโยธยาสายลับสาวดูเวลาแล้วเกือบๆจะ 9 นาฬิกาเหลือเฟือสำหรับกิจกรรมมงคล

“มี planกันไว้ยังไงบ้างคะ"

“แหะๆไม่มีอยู่ในหัวเลยอ่ะค่ะ review ก็ไม่ได้อ่านกะว่ามาหาพี่ตุ๊กๆแล้วให้แกพาไปน่ะค่ะ" เพลินพิศสมัยสารภาพเรื่องเที่ยวเรื่องทัวร์บุญเธอไม่อยากจะเคร่งครัดกับมันนักชีวิตมีเรื่องให้ต้องคิดมากพออยู่แล้ว

“งั้น..เราจะเริ่มกันที่วัดใหญ่ชัยมงคลนะคะ"สาวเปรี้ยวทำหน้าที่เสมือนไกด์นำเที่ยวในความเป็นจริงเธอมันเจ้าถิ่นอยู่แล้ว สายลับสาวเริ่มต้นเส้นทางบุญจากวัดพนัญเชิงวัดพระมงคลบพิตร และวัดแม่นางปลื้มจากวัดแม่นางปลื้มก็ได้เวลาประเหมาะเลยเพลมาเล็กน้อยได้เวลาของสามสาวที่ใช้พลังไปพอสมควรที่จะเติมเรี่ยวแรงด้วยมื้อกลางวันสักมื้อง่ายๆมาถึงเมืองกรุงเก่าก็ต้องแวะทานก๋วยเตี๋ยวเรือน้ำตกต้นตำรับใกล้กันกับวัดแม่นางปลื้มนั่นเองเมื่อท้องอิ่มก็ได้เวลาอิ่มบุญกันต่อ อิงค์กาญจน์นำทางเริ่มต้นรอบบ่ายด้วยวัดธรรมมิกราช วัดหน้าพระเมรุ วัดเชิงท่าและวัดกษัตราธิราชฯตามลำดับ เสร็จสิ้น ๙วัดในเวลาประมาณบ่ายสามโมง

“เหนื่อยไหมคะน้องๆชะโงกทัวร์เหมือนกันนะนี่" สายลับสาวถามอีกสองหน่อที่เหลือแม้จะเทียวขึ้นเทียวลงรถหลายคราวก้มกราบพระจนเข่าช้ำเดินก็ใช่น้อยแต่ผลจากความสุขทางใจที่ได้มากลบความอ่อนล้าทางกายได้เต็มร้อย

“ไม่เลยค่ะหนุกหนานๆ"

“มีเวลาเหลือคุณฉัตรเอ้ย คุณมาหยาพาเราไปตลาดน้ำอโยธยากันหน่อยได้ไหมคะ" บุศยมาศจากที่เคยตั้งธงคัดค้านอคติในใจเริ่มจะยอมรับอิงค์กาญจน์ทีละน้อยๆ มีเพื่อนใหม่ยังเสียดีกว่าเป็นคนไร้มิตรชีวิตคิดบวกก็มีความสุขได้เสมอ

“ดีเลยยัยมาศว่าจะหาซื้อของฝากอยู่พอดี ฉันรู้มาว่ามีร้านขายของเก่าด้วย" antiquelover ตัวแม่ส่งเสียงสนับสนุน แต่อิงค์กาญจน์ดูไม่ค่อยจะเต็มอกเต็มใจพาไปสถานที่นี้สักเท่าใดนักพิกัดมันใกล้กับบ้านเธอยิ่งยวด สาวเปรี้ยวชักจะรู้สึกหวานอมขมกลืนทำหน้าบอกบุญไม่รับเสียอย่างนั้น

“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณมาหยา?"

“เอิ่ม..ไม่มีค่ะ คงเพลียแดด" สายลับจอมรั่วให้เหตุผลมึนๆได้แต่ภาวนาให้คุณพระทั้ง ๙ วัดคุ้มครองด้วย อิงค์กาญจน์หมดทางบ่ายเบี่ยงจำต้องพาชาวคณะมาที่ตลาดน้ำจนได้ระหว่างที่เดิน shopping อิงค์กาญจน์ดูลุกลี้ลุกลนจนผิดสังเกตเพลินพิศสมัยได้แต่ซุบซิบกับเกลอรัก

“คุณมาหยาของเธอท่าทางจะมีโจทก์ที่นี่แหงมๆดูสิ เดินเป็นแม่ปูไม่มีตรงทางเลยเหลียวซ้ายแลขวาตลอดอ่ะ"

“คิดมากไปหรือเปล่ายัยมาศเธออาจจะแค่ดูของก็ได้" ความแคลงใจถูกไขในบัดดลเมื่อผู้ต้องสงสัยถูกเรียกด้วยเสียงดังลั่นตลาด

“ยัยอิ๊งค์!"

'แม่!!!!!' สายลับสาวสะดุ้งโหยงสุด shock หันขวับมาทางต้นเสียงเจอใครไม่เจอดั๊นมาเจอแม่ตัวเอง จะมีอะไรซวยได้มากกว่านี้ไหมมาไหว้พระทำบุญแท้ๆน้ออิงค์กาญจน์หาทางเลือกทางรอด i-core 7 เหมือนจะย้อนยุคตามอายุของเมืองราชธานีเก่ากลายเป็นanalog สายลับสาวเลิ่กลั่ก ทำอะไรไม่ถูก หลับตาปี๋เรือหายแล้วยัยอิ๊งค์ค์ค์ค์!!!!!!...




 

Create Date : 21 พฤศจิกายน 2558    
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2558 12:35:40 น.
Counter : 368 Pageviews.  

กฎมีไว้แหก


ที่สนามซ้อมยิงปืนของหน่วยราชการแห่งหนึ่งสายตาคมของอิงค์กาญจน์เล็งไปที่เป้าหมายในระยะ 25 หลา มือขวาข้างถนัดจับปืนสั้นยอดนิยม Glock 17เหยียดตรงขนานกับพื้นเหนี่ยวไกยิงไม่ยั้งมือ

“ปัง... ปังๆๆๆ" สิ้นเสียงดังสนั่นของอาวุธประจำกายสายพานเป้าเลื่อนกลับมา สายลับสาวส่ายหน้าไหวๆด้วยวันนี้ผลการยิงพลาดเป้าไปเสียมาก เธอลดปืนลงถอดอุปกรณ์ safety ก่อนจะเดินมานั่งพักที่สโมสร เป็นคู่ดูโอเดินเข้ามานั่งเคียงข้าง

“วันนี้ดูหล่อนไร้ซึ่งสมาธิมากส่วนศีลน่ะไม่มีไปนานเนิ่นละ" อรรถชัยกล่าวตำหนิรุ่นน้องแบบติดตลกตามสไตล์เก้งๆอิงค์กาญจน์ขืนยิ้มให้จางๆ นัยน์ตาแห้งไร้ซึ่งชีวิตชีวาดูเธอมีสิ่งกังวลในใจมากเสียเต็มประดาก่อนจะจิบกาแฟร้อนปรับอารมณ์และรายงานความคืบหน้าของภารกิจลับ

“อิ๊งค์วางกรอบรูปและติดเครื่องดักฟังในห้องเป้าหมายแล้วนะเจ้าคะตั้งแต่สองวันก่อนไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย..อิ๊งค์ว่า..” ไม่รอให้คู่บัดดี้พูดต่อ อรรถชัยแทรกขึ้นมา น้ำเสียงขึงขังยิ่ง

“ดีมากจับตาดูเธอไว้อย่าให้คลาดสายตาที่หัวหินพี่เชื่อว่าเพลินจะต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง"

“พี่โอม.. อิ๊งค์ว่าเรากำลังหลงทาง"

“หลงทางเสียเวลาหลงนักศึกษาเสียค่าหน่วยกิต หลงนางฟ้าพิศเสียรูปคดี" คู่หูปล่อยมุกฮาหวังใจให้รุ่นน้องผ่อนคลายบ้างอิงค์กาญจน์ใช่จะรับลูก หันมาแหวใส่เป็นมารยาท

“ยังมาทำเป็นเล่นอิ๊ก เค้าซีเรียสนะ"

“ทำไมคิดแบบนั้น"

“เป้าหมายที่เราเฝ้าตามติดเธอเป็นนางฟ้าแสนดีจริงๆนะไม่มีวี่แววที่จะเป็นอาชญากรที่ใครๆก็ต้องการตัวได้เลย" ความดีงามอ่อนหวานทุกมิติประดังหลั่งไหลเข้ามาในจินตภาพสายลับสาวรับรู้ด้วยจิตสำนึกและจิตใต้สำนึกว่า เพลินพิศสมัยมิใช่ แสร้งแกล้งแน่นอน

“หลงเสน่ห์มายาเป้าหมายแล้วสินะ เฮ้อ..เตือนแล้วไม่เคยใส่ใจฟังเล้ยเก้งเพลีย" อรรถชัยไม่อยากจะคิดต่อ หลังจากนี้มันจะอีรุงตุงนังประมาณไหน

“ใช่!.. อิ๊งค์ยอมรับ ในฐานะความเป็นมนุษย์ที่ก้อนเนื้อตรงนี้มันมีความรู้สึกแต่พี่โอมไม่ต้องเป็นห่วง จอมรั่วคนนี้แยกแยะออก" พูดไปก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจตนเองไอ้ก้อนเนื้อที่กล่าวอ้างถึง บัดนี้มันแค่ทำหน้าที่เป็นอวัยวะสูบฉีดโลหิตเท่านั้นดอกคู่บัดดี้ยื่นมือใหญ่มาเกาะกุมอิงค์กาญจน์หวังส่งพลังและแรงใจให้พูดปลอบประโลมไปตามความเป็นจริงที่แม้จะเจ็บปวดแต่ก็ต้องยอมรับ

“เคสส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้อย่าลืมนะ เรื่องพิมพ์แบงค์ปลอมใช่ตาสียายมาจะทำได้หรือมันต้องระดับผู้ชำนาญการตัวแม่เท่านั้นเท่าที่พี่สังเกตนะเป้าหมายของเราเป็นคนยากแท้หยั่งถึงมากนางเป็นคนประเภทที่สีหน้าเดียวตลอดๆใน 5 อารมณ์คือ โกรธผิดหวัง หวั่นไหว พอใจ หรือกลัดกลุ้ม"

“แหมก็ไม่ขนาดนั้นหรอก"

"เธอก็รู้นิคนเรายิ่งเรียนมามากมีความรู้มากก็ใช้สิ่งเหล่านั้นเป็นช่องทางในการแสวงหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง"ข้อนี้อิงค์กาญจน์มิอาจแย้งย้อน แต่เธอก็ยังยืนยันในความคิดตนไม่ใช่ คุณพิศไม่ใช่ สีหน้าที่เคยสดใสของสายลับเปรี้ยวกลายเป็นหม่นหมองความรู้สึกภายในไม่ต่างจากทรยศความจริงใจต่อเพื่อน

“คิดสิตรองดู ตัดความรู้สึกส่วนตัวออกไป พูดกับตัวเองย้ำให้แน่นหนักว่าเพลินพิศสมัยสวยดีงามแค่เพียงเปลือกภายใต้ความพิไล เธอคืออาชญากรข้ามชาติมีคนต้องเดือดร้อนเพราะการกระทำผิดกฎหมายของเธอ และเราคือผู้ทำตามหน้าที่"อิงค์กาญจน์ยังเงียบชนิดที่อรรถชัยคาดเดาไม่ได้เช่นกันว่าคล้อยตามหรือเห็นต่างคู่บัดดี้รุ่นพี่กำชับอีกครั้ง

“อิ๊งค์ฟังพี่นะ หล่อนกำลังตกเป็นเหยื่อในเกมซ้อนกลอย่าได้ใจอ่อนกับภาพลักษณ์น่าสงสารหรือน่าทะนุถนอมเด็ดขาดจับตาดูเธอไว้อย่าให้คลาดสายตา keep fighting เรามาใกล้ที่สุดของที่สุดแล้ว"

“ตัวเองเถอะ ทำเป็นกำชับน้องนุ่งเรื่องคุณมาศไปถึงไหนแล้ว จีบน่ะจีบ" สายลับสาวท้วงเอากับเก้งแอ๊บแมนบ้างอรรถชัยส่ายหน้า ทำท่าทางบอกบุญไม่รับ

“เห็นมั้ยตัวเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าเค้าเลย"อิงค์กาญจน์ได้ทีเป็นฝ่ายไล่ต้อนบ้างความสนใจของคู่สนทนาต้องเบี่ยงเบนเพราะเสียงที่คุ้นหูดีสอดเข้ามาแทรกระหว่างกลาง

“มาขัดจังหวะหรือเปล่าขอเม้าด้วยคนสิ" เจ้าของเสียงเข้มคือรสิตา ก้าวเข้ามาในชุดหนังสีดำรัดรูปผมเกล้ามวยยาวถึงกลางหลังแต่งหน้าจัดๆด้วยโทนสีเดียวกับฟอร์มประหนึ่ง cat woman หลุดออกมาจากจอเงินเธอถือวิสาสะนั่งลงข้างๆกัน ก่อนจะล้วงเอาปืนที่เอวมาวางลงบนโต๊ะรสิตาไม่ได้ใช้ Glock แบบเดียวกับอิงค์กาญจน์หากแต่เป็นปืนBerettaที่สมรรถนะพอฟัดพอเหวี่ยงกัน

“ไม่ได้เจอกันนาน ดูเฉี่ยวขึ้นอีกเป็นกองนะยัยแมวสวาท" สาวเปรี้ยวทักทายคนที่มีบุคลิกดุดันกว่า ผู้ที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นของอิงค์กาญจน์หากตัดเรื่องการงานที่ต้องขับเคี่ยวกันหน้าแดงหน้าดำออกไปแล้วไม่แปลกที่สองสาวจะค่อนข้างสนิทกันด้วยเป็นกุลนารี 2 นางเท่านั้นในหน่วยหากอิงค์กาญจน์เป็นมันสมอง รสิตาเปรียบเหมือนเป็นจิตวิญญาณ ความเก่งกาจฉลาดปราดเปรื่องจากผลประเมินแล้วอิงค์กาญจน์ออกจะเหลื่อมกว่าเล็กน้อยแต่สาวชุดหนังใจถึงกว่าในเชิงบู๊และแน่นอนที่สุดไม่พ้นเรื่องฉาวคาวโลกีย์ด้วยร่างระหงบนความสูงเกือบ 175 เซนติเมตร รูปร่างได้สัดส่วนอก เอว ก้น จับตรงไหนเป็นได้เจอตรงนั้นหากคิสมีคือสาวเซ็กส์รสิตาก็ไม่ได้ห่างไกลเลย บวกคะแนนที่สายลับในชุดหนังมี sexappeal และน่าค้นหามากกว่านัก ใครๆก็ขนานนามให้เธอเป็นกระบี่มือหนึ่งด้านสายดำแน่นอนเพราะทั้งหน่วยกล้าๆเป็นอยู่ก็แต่นางเพียงผู้เดียว

“หล่อนก็ดูอวบขึ้นนะ ได้น้ำเลี้ยงดีสิ"

"จะบ้าเหรอฉันสายขาวนะยะ น้ำเนิ้มอะไรไม่มี๊ไม่มี"

"แต่แววตาดูเหมือนจะมีpassion นะ..ใช่มั้ยพี่โอม"รสิตาพูดแทงเข้ากลางใจ คนโดนแซวถึงกับสะอึก ด้านสายลับสองเพศกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ใครๆเขาก็ดูออกกันทั้งหน่วย มีแต่นางเองที่ไม่ยอมรับ

"ยิงปืนด้วยกันหน่อยไหม ไม่ได้ไฝ้วกันมานานแล้ว" รสิตาส่งสาส์นท้ารบ แต่อิงค์กาญจน์กลับพริ้วหลบเสียอย่างนั้น

“ไม่อ่ะ วันนี้ไม่มีสมาธิ ขอบาย" สาวชุดหนังยิ้มเหี้ยมส่งสายตาดูแคลนเพื่อนร่วมรุ่น

“ดวลปืนน่ะแค่สิวๆนะจร้าหล่อน แต่เรื่องเคส 'เพลิน'ในอีก 2 อาทิตย์การประชุมทีมครั้งหน้าหากเธอยังปิดจ๊อบไม่ลงแล้วล่ะก็..” ร่างระหงลุกขึ้นยืนบ่งบอกเป็นนัยว่าถือแต้มต่อสุดกู่เก็บปืนเข้าเอวสะบัดผมเล็กน้อยและส่งสายตาดุดันค้อมตัวลงมากระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูของเพื่อนร่วมรุ่น

“นายได้สั่งเปลี่ยนม้ากลางศึกแน่ๆและเธอจะต้องมาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของฉัน" รสิตาจ้ำฝีเท้าออกไปอิงค์กาญจน์สุดเจ็บปวดเม้มปากกัดฟันจนกรามขึ้นเป็นสันเส้นเลือดใหญ่ที่คอขึ้นเป็นลำเขียว กำปั้นน้อยๆกำแน่นเกร็งทุบลงไปบนพนักเก้าอี้

“นางพูดจัดเต็มเสียขนาดนี้คงรู้แล้วสินะว่าจะต้องทำยังไงต่อหุบปากสวยๆของรสิตาด้วยผลงานเคสเพลินให้ว่องที่สุด"

“รับแซ่บ" อิงค์กาญจน์ตอบไม่ถึงครึ่งเสียงที่มี ด้วยถูกพรากความมั่นใจไปเมื่อครู่

“ทำเสียงให้ดูมีพลังใจหน่อยซี ที่ยัยตามาตอกหน้าหล่อนให้หงายเงิบเสียขบวนเพราะนางเพิ่งปิดเคสได้เมื่อเช้า"

“ชิส์..ก็ยัยนี่ใช้ทุกวิถีทางในการปิดเกมไม่สนว่าแมวสีอะไรและไม่สนด้วยว่าจะจับได้หนูแมลงสาบหรือมดอ่า"

“แล้วทำไมหล่อนไม่ใช้ห๊ะ"

“ก็..”

“ไม่ได้ด้วยเล่ห์ให้ใช้กลไม่ได้ด้วยมนต์ให้ใช้คาถา ไม่ได้ด้วยศาสตราให้ใช้เรือนกาย!!”

“สุภาษิตประเทศไหนนี่"

“นอกหลักสูตรสิเก้งกวางเขาว่าไว้ โฮ่โฮ่"

“สูตรเตี๋ยวล่ะไม่ว่า"

“ยัยรั่วเอ้ย..”อรรถชัยเขกมะโหนกให้ทีหนึ่ง คู่บัดดี้เดินกันออกมาถึงลานจอดรถเก้งกล้ามโตส่งอิงค์กาญจน์ขึ้นรถ พูดทิ้งท้ายยิ่งกว่าปริศนาธรรม

“จำไว้นะ สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ แต่มหาบุรุษเป็นคนสร้างสถานการณ์"

“คมดีนะ..แต่เกี่ยวไรอ่า"

“ไม่เกี่ยวหรอก แต่พูดให้ฮึกเหิมไง อิ๊งค์..เราคือทีมเดียวกันนะสำเร็จหรือล้มเหลวนั่นหมายรวมถึงทีมด้วยและเธอก็รู้ใช่ไหมพี่จะไม่มีวันก้มหน้ารับความล้มเหลวเด็ดขาด" อิงค์กาญจน์ยกมือไหว้รุ่นพี่มีเพียงนางที่เข้าใจเธอมากที่สุดก่อนทะยานพาหนะคู่ใจไปอย่างล่องลอย รู้สึกสังหรณ์ใจประหลาดๆว่ามาผิดทางยิ่งมีเวลามาเป็นตัวกดดันเสียอีกยัยรสิตาเพื่อนหักเหลี่ยมโหดยังมาขู่คำรามเสียน่ากลัว โอยยยย ทำยังไงดี...

สายลับสาวกลับมาถึงapartment ด้วยสภาพจิตใจสุดว้าวุ่นห่อเหี่ยวสิ้นหวังและหนทางเกษมประการเดียวที่จะบรรเทามันได้คือการแหวกว่ายธาราใจหนึ่งก็ปรารถนาจะเจอยัยตัวร้าย คิสมี ด้วย มิใช่พิศวาสแต่นับเป็นวาระแห่งตนถึงจะอยู่นอกเหนือภารกิจแต่อยากสืบสาวใจแทบขาด หากเป้าหมายเปลี่ยนเป็นสาวเซ็กส์เธอคงเชื่อเทน้ำหนักให้หมดหน้าตักฤาสนามขั้วแม่เหล็กโลกจะเปลี่ยนแล้วจริงๆอะไรๆจึงได้พลิกขั้วกลับข้างชุลมุนชุลเกยิ่งสาวหวานเรียบร้อยทุกกระเบียดนั้นถูกกล่าวหาว่าเป็นอาชญากรตัวแม่แต่สาวเอ็กซ์ตัวแรงเกินพิกัดกลับเดินฉุยฉาย ฮึ!! ร่างเพรียวเปลี่ยนชุดและลงมาที่สระน้ำ แต่ด้วยความเป็นสายลับในกมล สายตาคมสังเกตเห็นมีกลุ่มชาวต่างชาติ2-3 คน กระเดียดไปทางแขกขาวตาโปนโตจมูกโด่งสูงดั่งยักษ์ปักหลั่นใสสูทผูกไทด์ดูดีเชียวล่ะแต่ท่าทางและสายตาที่ไม่น่าไว้วางใจยิ่ง เดินวนเวียนไปมาอยู่ที่ lobby

"โว๊ะ! เรา..คิดมากจนเพี้ยนละแต่ขาวๆสูงๆหนวดเคราครึ้มๆแบบนี้ spec นังพี่โอมเลยนะนี่..คริคริ" สายลับสาวพร่ำบ่นในความเวิ่นเว้อของตนก่อนจะสลัดมันออกไปไม่ใส่ใจทิ้งไว้ตรงกลางทางเดิน สมองที่ RAM ใกล้เต็มมิอาจประมวลผลอะไรได้อีกร่างปราดเปรียวออกกำลังกายใช้วารีบำบัดและพักสมอง Format ใหม่ไปในคราวเดียว.. ราวชั่วโมงหนึ่งจึงขึ้นจากสระแปลกใจไม่น้อยที่แม่ยั่วเมืองประจำ apartment ไม่ปรากฏกายให้เห็นอิงค์กาญจน์เดินมาที่ฟร้อนท์และกำลังจะขึ้นลิฟต์ตามปกติสามัญ ประตูลิฟต์เปิดออกสายลับสาวสวนกับกลุ่มแขกขาวที่เห็นก่อนหน้าแต่ครั้งนี้ในมือพวกเขาถือกระเป๋า JamesBond มาด้วยคนละใบ จากลักษณะการถือคาดว่าคงมีน้ำหนักใช่ย่อยท่าทางแต่ละคนดูมีพิรุธและลนลานยิ่ง

“แบงค์ปลอม!!” คิดได้เท่านั้นยอดสายลับไม่รอช้าจ้ำฝีเท้าสะกดรอยตามกลุ่มผู้ต้องสงสัยออกมาด้านนอก apartment และเห็นกลุ่มคนพวกนั้นจับtaxi ออกไปสายตาและสมองจดจำสีและเลขทะเบียนรถ อิงค์กาญจน์ตรงรี่ไปที่พาหนะคู่ใจแต่รู้สึกว่าผู้คนรอบข้างต่างมองมาที่เธอเป็นสายตาเดียวอย่างกับตัวประหลาดอิงค์กาญจน์รีบสำรวจตัวเองว่ามีสิ่งอันใดผิดปกติไป

“ตาเถร!!” สายลับสาวร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อตนเองอยู่ในชุด bath robe ไม่มีเวลาอ้อยสร้อยหรือม้วนอายร่างเพรียวรีบจ้ำกลับมาที่ห้อง คงต้องพึ่งตัวช่วยเสียแล้วร่างปราดเปรียวเดินผ่านห้องเป้าหมายซึ่งถูกเปิดออกให้แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดและแน่นอนว่าเจ้าของห้องคงไม่อยู่แล้วเธอไปไหน อิงค์กาญจน์เก็บความสงสัยพักไว้ชั่วคราว สายลับสาวเข้ามาในห้องของตนคว้าโทรศัพท์กดโทรหาคู่บัดดี้ทันที

“พี่โอม มีกลุ่มบุคคลต้องสงสัยชาวต่างชาติ 3 คนรูปร่างสูงใหญ่แต่งกายภูมิฐานถือกระเป๋าเอกสารสีดำออกมาจาก apartment เป้าหมายขึ้น taxiเลขทะเบียน ทว 7197 อิ๊งค์เพิ่งขึ้นมาจากสระโป๊อยู่ไม่สะดวกตาม ฝากด้วยนะ"

“ได้" อรรถชัยรับคำและวางสายไป..

หลังจากแต่งองค์เสร็จอย่างรวดเร็วอิงค์กาญจน์ก็มุ่งความสนใจมาที่เป้าหมายข้างห้องทันที เธอเดินออกมาเมียงมองเมื่อให้แน่ใจแล้วว่าเพลินพิศสมัยไม่อยู่ทางเดียวที่ทำได้คือลอบถามข้อมูลจากแม่บ้านวัยกลางคน

“ป้าคะ..คุณพิศ เอ่อหนูหมายถึงคุณเพลินเจ้าของห้องเธอไปไหนหรือคะ"

“เห็นเธอบอกว่าจะไปเดินดูตึกที่ข้างๆ apartment น่ะค่ะ"เท่านั้นสายลับสาวก็ควักค่าตอบคำถามออกมาให้สองร้อยบาทก่อนจะรีบสะกดรอยตาม..ที่ตึกข้างๆกันสายตาคมเจอเป้าหมายแล้วแต่จงใจไม่เข้าไปทักทายเธออยากจะสังเกตพฤติการณ์อยู่ห่างๆ สายลับสาวเบี่ยงตัวหลบมุมซุ่มดูจากระยะไกลเห็นร่างอรชรกำลังชี้มือชี้ไม้อยู่กับชายหนุ่มคนหนึ่งและไม่นานนักเดินกลับเข้ามาที่ apartment ของตนอิงค์กาญจน์ขยับร่างถอยฉากหลบมุม ใจลอยคิดสะระตะไปนานา เป้าหมายขยับตัวคุณพิศมาทำอะไรตรงนี้? คุยอะไรกัน?

“คุณมาหยาคะ”

“คุณมาหยาคะ” สายลับสาวที่จิตเตลิดไม่ทันไหวตัวมารู้อีกครั้งสาวหวานก็มาปรากฎกายตรงหน้า สะกิดเข้าที่ท้องแขนแผ่วเบา

“ชะอุ่ย..” สายลับจอมรั่วเผลอลืมชื่อตนเองอีกจนได้สะดุ้งน้อยหนึ่งแต่เมื่อเห็นว่าเป็นเพลินพิศสมัยก็เบาใจชั่ววินาทีถัดมากลับมีความประหลาดใจเข้ามาแทนที่ในความรู้สึกคุณพิศเธอมาถึงตัวเราตั้งแต่เมื่อไหร่? ไหนว่าเนิบช้านี่มันวิชาเหยียบหิมะไร้รอยชัดๆ

“ลืมไปนะคะ ต้องเรียกว่าฉัตรมาหยาใช่ป่าว”เพลินพิศสมัยยิ้มให้จางๆ ใบหน้างามและเสียงหวานเวลา จิก ก็เจ็บและจุกเอาเรื่องอิงค์กาญจน์ได้แต่ยิ้มแหย แพ้ทางตลอดๆ

“เอ่อ..คุณพิศคะมาทำอะไรคะ" สาวรั่วเสมือนว่ายังไม่หายเมาหมัดตั้งกระบวนรับไม่ถูกถามกลับไปส่งๆ เพลินพิศสมัยยิ้มหวานเช่นเคยความจริงตัวเธอเองน่าจะเป็นฝ่ายที่ต้องตั้งคำถามกลับเสียมากกว่าเห็นร่างเพรียวลมวิ่งเข้าวิ่งออก apartmentตั้งสองสามครั้งในรอบสิบนาที

“พิศมาดูตึกข้างๆนี่น่ะค่ะเจ้าของเขาร้อนเงินเลยเซ้งให้พิศในราคากันเอง ตั้งใจไว้ว่าอยากทำเป็นศูนย์ Anti-gravityYoga น่ะค่ะทำเป็น fitness ครบวงจร"เพลินพิศสมัยตอบตามจริง แม่นางโลกสวยเชื่อในวลีภาษาละตินที่ว่า veritasomnia vincit : Truth conquers all ความจริงชำนะทุกสิ่ง อิงค์กาญจน์รับฟังข้อมูลใหม่อย่างตื่นเต้น

“คุณพิศจะทำกายกรรมโหนผ้าสายลับสาวพอจะรู้ข้อมูลมาบ้างเห็นจากพวกดาราหรือเซเลบนิยมกันห้อยโตงเตงพลิกหัวกลับหางบนผ้าผืนยาวส่วนลึกยังอดชื่นชมคนตรงหน้าไม่น้อย สาวหวานอินเทรนด์ไม่ยอมตกขบวนจริงๆ

“ฮิฮิ เรียกซะน่ารักเชียวค่ะ"

“คงใช้เงินไม่น้อยเลยนะคะนี่" อีกมุมหนึ่งอิงค์กาญจน์กลับคิดในแง่ร้ายที่สุด หรือว่าคุณพิศจะฟอกเงินไม่ก็คิดจะเอาแท่นพิมพ์ธนบัตรปลอมมาตั้งที่นี่ ทุกอย่างล้วนเป็นไปได้ทั้งหมดตามหลักพฤติกรรมศาสตร์มนุษย์แล้ว ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ในปฏิภาคกลับคนที่ไว้วางใจได้มากที่สุดอาจกลายเป็นเป็นคนที่น่ากลัวที่สุดได้เช่นกัน

“ไม่น้อยค่ะ..แต่ก็ไม่มากวิเคราะห์จุดคุมทุนแล้วน่าลองลุ้นค่ะ พูดแล้วคันไม้คันมือจังคุณมาหยาไปลองเล่นกันไหมเอ่ย"

“เอาสิคะ น่าสนุกออก" ได้โอกาสงามๆจากสาวหวานมีหรือที่สายลับสาวจะปฏิเสธอิงค์กาญจน์มีภารกิจลับบางอย่างที่ต้องทำให้ลุล่วงแฝงเร้นอยู่ด้วย..

เพลินพิศสมัยพาสายลับสาวมาที่ศูนย์fitness ทันสมัยแห่งหนึ่งด้วยรถยนต์ส่วนตัว หลังจากที่นำรถเข้าจอดและลงเดินออกมาถึงหน้าศูนย์ฯอิงค์กาญจน์ก็ร้องขึ้นหน้าตาตื่นตระหนก มือปัดป่ายไปทั่วกางเกงขาเดฟของตน

“ตายแล้วค่ะ”

“อะไรคะ

“มาหยาลืมโทรศัพท์ไว้ในรถคุณพิศค่ะเอ่อ..รบกวนเดินกลับไปเอาด้วยกันจะได้ไหม”เพลินพิศสมัยยื่นกุญแจรีโมทให้ใส่มือเพื่อนบ้านข้างห้องแทนคำตอบอิงค์กาญจน์แสร้งยืนนิ่งเป็นหุ่นยนต์

“คุณมาหยาไปจัดการเถอะค่ะ พิศจะเข้าไปทำเรื่องที่เคาน์เตอร์ก่อนนะคะเราทั้งคู่จะได้ไม่เสียเวลา” สายลับสาวไม่รอรีทุกอย่างเป็นใจให้เธอเดินตัวปลิวกลับมาที่รถ เอาอุปกรณ์ติดตามตัวสุด hi-tech เก้งกล้ามโตคู่หูจัดหามาให้ขนาดใหญ่กว่ากล่องไม้ขีดไฟเล็กน้อยติดเข้าที่ใต้เบาะนั่งฝั่งคนขับอย่างรวดเร็วตรวจสอบความเรียบร้อยว่ามันทำงานได้ดีหรือไม่ด้วยการ link เข้ากับโทรศัพท์smart phone ของตนไม่นานนักรอยิ้มกว้างผุดเต็มใบหน้าสวยของสายลับมือฉมัง

“สำเร็จ..เท่านี้เราก็รู้ความเคลื่อนไหวของคุณพิศแทบจะตลอด24 ชัวโมง”ร่างปราดเปรียวเดินสะโพกไหวเอากุญแจรีโมทส่งคืนเจ้าของที่ทำเรื่องเสร็จพอดี..

สองอนงค์ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เพลินพิศสมัยเตรียมมาพร้อมเป็นเสื้อกล้ามครึ่งตัวและกางเกงเลกกิ้งสามส่วนเนื้อผ้า air dry ครูฝึกสาวรูปร่างดีมากเป็น sport girl ท่าทางแข็งขันของศูนย์ฯเข้ามาประกบทำหน้าที่และแนะนำลูกค้าหน้าสวย

“Aerial artsหมายถึงศิลปะกายกรรมการเคลื่อนไหวร่างกายกลางอากาศโดยอาศัยผ้าเปล (Hammock) หรือผ้าไหมสองเส้น (Silks) เป็นอุปกรณ์หลักเพียงหนึ่งเดียวค่ะบางแห่งมีชื่อเรียกต่างกันไปเช่น Anti-gravity Yoga หรือการโหนผ้าเทคนิควิธีการนี้ได้ถูกคิดค้นขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อให้สามารถออกแรงในการเผาผลาญไขมันส่วนเกินและยืดกล้ามเนื้อข้อต่างๆได้ทุกส่วนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยธรรมชาติวิถีนอกจากนั้นผู้ฝึกยังรู้สึกผ่อนคลายได้รับฮอร์โมนแห่งความสุขผลของการออกกำลังกายด้วยการโหนผ้าช่วยในเรื่องของการฝึกความแข็งแรงของกล้าม เนื้อ (Strength)การเหยียดยืดของเอ็นกล้ามเนื้อและข้อต่อ (Flexibility) และยัง เป็นการฝึกการสั่งงานของระบบประสาทไปยังกล้ามเนื้อ (Coordination)ด้วยค่ะ" ครูฝึกแนะนำรายละเอียด อิงค์กาญจน์รับฟังด้วยความสนใจยิ่งเกริ่นนำพอสังเขปครูฝึกอาสาจะมาสอนให้แต่เป็นสาวหวานที่ขอทำหน้าที่นี้เอง

“เริ่มจากท่าเบื้องต้นง่ายๆนะคะ ท่าตาชั่ง"

“ตาชั่ง

“ค่ะ..คุณมาหยาทำตามพิศนะคะ" แอร์สาวยืนด้วยขาข้างซ้ายเพียงข้างเดียวย่อตัวลงและเอาปลายเท้าขวาเกี่ยวกับเปลผ้าเอาไว้กางแขนออกเหยียดตรงจนสุดตั้งปลายนิ้วมือทั้งหมดให้ชี้ขึ้น

“ว้าว! สวยจังค่ะ มาหยาขอเรียกว่านางฟ้าเหินหาวน่าจะเท่และเหมาะกว่านะคะ"

“ลองสิคะ" สาวหวานพยักพเยิดเชิญชวนให้ทำตามแต่คนไม่เคยเนื้อตัวแข็งกระด้างทำอย่างไรก็ไม่อ่อนช้อยเท่าแม่นางฟ้าเพลินพิศสมัยยิ้มพึงใจกลับมายืนตรงก่อนจะจัดท่าทางคนออกจะกระโดกกระเดกให้

“คุณมาหยาอย่าเกร็งนะคะ ปล่อยกล้ามเนื้อตามสบายไหล่เกร็งจังค่ะ" เพลินพิศสมัยเข้ามาประกบทางด้านหน้าเอามือเรียวของตนจับเข้าที่หัวไหล่ของสาวเปรี้ยว ตาเนื้อของทั้งคู่จ้องประสานกันอิงค์กาญจน์เพ่งพิศนางฟ้าเดินดิน ชุดรัดรูปทำให้เห็นสัดส่วนกระจะตาเพลินพิศสมัยซ่อนรูปไม่น้อย และอาจมีอะไรหลายๆอย่างที่ตาเนื้อสัมผัสไม่เห็นแต่เท่าที่เห็นคือความงามทั้งร่างกายและจิตใจอิงค์กาญจน์มิอาจห้ามใจไม่ให้รู้สึกกับเป้าหมายได้อีกต่อไปแล้วใครเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์บ้าบอตรรกะสุดวิบัติว่าสายลับต้องไร้ซึ่งหัวใจแม้คุณพิศจะเป็นผู้ร้าย สายลับอย่างเธอนี่แหล่ะจะใช้ความรั่วเปลี่ยนแปลงเอง

“เอิ่ม..ดีค่ะ ดีมากท่านี้ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณต้นขาและสะโพกกระชับขึ้น แน่นอนว่า สำหรับสาวๆอย่างเราต้นขาจะสวยงาม ตั้งตรงค่ะ" เป็นแอร์สาวที่ละสายตาออกมาก่อนเพลินพิศสมัยฝึกสายลับสาวอยู่เพียงไม่นานจึงเพิ่มระดับความยากของท่าทางให้อีกสามสี่ท่าคนมีพื้นฐานดีเป็นทุนเดิมจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำตามได้สวยงามด้านสาวหวานก็เช่นกัน คุณมาหยาเก่งรอบด้านให้อ่อนช้อยแบบผู้หญิงนางก็ทำได้ทะมัดทะแมงกล้าแกร่งแบบชายหนุ่มนางก็ไม่ด้อย ดูแล้วอบอุ่นหัวใจแม้จะเป็นโจรก็คงเป็นโจรน่ารักที่สุดในสามภพ คนเราย่อมเปลี่ยนแปลงกันได้วลีละตินอีกคำที่น่าจะหยิบยกมาใช้คือ ความรักชำนะทุกสิ่ง (amor vincitomnia : love conquers all)

“อีกสามวันพิศจะไปเที่ยวหัวหินแล้ว อยากให้คุณมาหยาไปด้วยจังค่ะ"สาวหวานชักชวนในแบบฉบับของเธอ

“อยากไปนะคะแต่มาหยาติดงานสำคัญ"

“รู้จักกันถึงขั้นนี้แล้วจะไม่บอกพิศสักน้อยหรือคะว่าทำงานอะไร" สายลับสาวยิ้มพรายด้วยเตรียมคำตอบมาเป็นอย่างดี เพราะกลัวจะรั่วและพลาดท่าเสียทีเสียเรื่อง

“มาหยาเป็นผู้จัดการสนามยิงปืนและกีฬา adventure ค่ะ"

“ว้าว น่าสนใจค่ะ เป็นอาชีพที่น่าอิจฉามาก ว่างๆอย่าลืมสอนพิศบ้างนะคะ"

“แน่นอนค่ะ เริ่มจากอะไรดีน้า..ยิงปืนดีไหมเอ่ยเป็นการฝึกความนิ่งของจิตมาหยาว่าอย่างคุณพิศน่าจะทำได้ดีเชียวค่ะ"

“สัญญาแล้วนะคะ พิศกลับจากหัวหินมีบินอีกวีคนึงหลังจากนั้นเรามาเริ่มเรียนกันเลย ตื่นเต้นจัง" อิงค์กาญจน์พยักหน้ารับทั้งสองเพลิดเพลินอยู่ที่กิจกรรมโหนผ้าหารักเกือบสองชั่วโมงก่อนจะกลับมาที่ apartment และแยกย้ายห้องใครห้องมัน... 




 

Create Date : 09 พฤศจิกายน 2558    
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2558 10:28:13 น.
Counter : 667 Pageviews.  

1  2  3  

writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.