Group Blog
 
All blogs
 
ที่ไหนก็ได้..เพียงมีเธอ

‘ขืนถอยก็เท่ากับว่ายอมยกธงให้กับแม่คิกขุนี่เลือดสยามที่ข้นคลั่กจะมาแพ้เลือดบูชิโดได้อย่างไร ไม่ยอมๆแล้วถ้าเกิดมันเลยเถิดไปมากกว่าแค่ถูหลังล่ะสาวน้อยที่เห็นแบ๊วๆที่จริงอาจแกล้งแอ๊บแนบเนียน เป็นแม่นางหวังฟันเจ้า ร้อง อิคึๆคิมูจิๆ แล้วลงท้ายบีบน้ำตา เรียกค่าเสียหายหลายแสนขึ้นมาจะทำยังไง โอ๊ววว..’ปิ่นปัทม์คิดหลายตลบ ลงท้ายความที่ไม่อยากเสียหน้าปลงใจคว้าเอาผ้าขนหนูผืนน้อยมาจากมือของริโกะ

“แอ๊ดดดด..” นั่นเป็นเหตุให้บานประตูถูกเปิดออกจนสุดเผยให้เห็นถึงร่างเปลือยเปล่าขาวอมชมพูคราบฟองสบู่เป็นกระหย่อมๆบนผิวกายไม่อาจช่วยปกปิดสิ่งที่ควรให้พ้นจากสายตาสาวฟันกระต่ายที่ยืนประชิดติดขอบวงกบไปได้เลย

“ว้ายยยยปิ่นปัทม์ตกใจร้องลั่นเต้นเร่าลนลานพลันที่รู้ว่าตนอยู่ในสภาพแรกเกิด สองมือจะปกปิดส่วนบนก็เปิดท่อนล่างปิดล่างข้างบนก็อล่างฉ่าง ลืมไปเสียสนิทใจว่าเพียงปิดประตูทุกอย่างก็จบ และจบจริงๆ

“ปัง!..”

“มะ..ไม่เป็นไรฉันอาบเองได้” ริโกะตกตะลึงไม่แพ้กันทำได้เพียงเบี่ยงหน้าหนีขาเท้าตายปลายประสาทไม่สั่งการ ดวงหน้าแดงก่ำราวกับซดสาเกไปหลายไห ใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำแท้ที่จริงเธอเมานมกับสาหร่ายโนริรสเผ็ดจากเมืองไทยต่างหาก คุณอ่า..

ปิ่นปัทม์อับอายสุดชีวิต เสียดุลการค้าให้กับสาวยุ่นเข้าจนได้กระทั่งเพื่อนสนิทตัวติดกันอย่างสุพรรษายังไม่เคยเห็นเธอล่อนจ้อนขนาดนี้แต่แม่ดอกมะลิที่เพิ่งเจอกันได้เพียงสองครั้งดั๊นมาเห็นเธอโป๊ตลึงตึงโป๊ะเต็มๆตาเสียนี่สาวไทยรีบเปิดน้ำร้อนจัดๆวักน้ำลูบล้างบนใบหน้าตึงหวังให้ลืมๆก่นด่าตนเองไม่ผ่อนเพลา

‘ยัยบ้าเอ๊ย! เล่นพิเรนทร์กลายเป็นหมองูตายเพราะงูจริงๆ’..

หลังจากผูกทบชุดยูกาตะมิดชิดสนิทแนบกายคนเข็ดขยาดยืนจ้องตนเองที่บานกระจกฝ้าเพราะไอน้ำปรับโหมดเป็นขึงขังดังว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อนที่เสียแล้วก็เสียไปแต่ห้ามเสียใหม่อีกเด็ดขาด เรื่องจะเอาคืนคงต้องพักไว้ก่อนรู้สึกเพลียส่วนหนึ่ง ที่เหลือคือปวดร้าวลามทั่วปลีน่อง ต้นขาที่ระบมที่สุดเห็นจะเป็นฝ่าเท้าแดงบวมช้ำคำนวณคร่าวๆวันหนึ่งในโตเกียวคงมีเป็นสิบกิโลฯอ่ะสาวสวยกะเผลกกะย่องกะแย่งออกมาจากห้องน้ำ ริโกะเห็นอาการกะปลกกะเปลี้ยจึงรีบเข้าประคองพามานั่งที่เตียง

“แข็งขันดีไม่มีทิปพิเศษให้หรอกนะ แต่เธอเองก็ไม่ชอบอยู่แล้วนี่”การพูดกันคนละภาษาก็ดีไปอย่างฝ่ายหนึ่งสามารถกระแนะกระแหนได้เต็มที่โดยที่ผู้ฟังไม่รู้ความ

“เจ็บเท้าหรือคะ ตายแล้ว!!เท้าแดงไปหมดเลย” ไกด์สาวนั่งยองๆที่พื้น เห็นฝ่าเท้าช้ำแดงก็เข้าใจถึงสาเหตุเงยขึ้นมาสบหน้านิ่งๆของนายจ้างครั้งหนึ่งลุกพรวดคว้ากระเป๋าของตนจ้ำฝีเท้าไปหน้าปากประตู

“นี่ๆ จะหนีฉันไปไหน!!”

“สิบนาทีฉันจะกลับมา”สาวผมบ๊อบชูมือไม้เป็นสัญญาณและแววตาไร้ซึ่งมารยาที่เป็นสัญญาใจเท่านั้นปิ่นปัทม์จึงสงบ ยอมนั่งรอ คิดอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า‘ถ้าหนีไปจริงนางคงชวดเงิน ยังไม่ได้ให้สักเยนเดียวนี่นะ’..

ห้านาทีแรกผ่านไปแบบปกติปิ่นปัทม์เปิดแอพฯเรียนภาษานั่งอ่านแบบชิลๆพอคล้อยเข้าห้านาทีหลังสาวเจ้าเริ่มกระสับกระส่ายวางโทรศัพท์และลุกเดินวนไปวนมาในห้องคับแคบ กว่าตัวเลขวินาทีของนาฬิกาบนหัวเตียงจะเปลี่ยนไปแต่ละตัวช่างยาวนาน.. อำนาจเงินตราซื้อหัวใจของริโกะตามที่เธอบอกไว้ไม่ได้และนั่นอาจรวมไปถึงกายด้วยหากสาวฟันกระต่ายไปแล้วไปลับ

'แม่ดอกมะลิ..ถ้านางไม่กลับมาจะทำยังไง นี่เราเรื่องเยอะน่ารังเกียจมากขนาดนั้นเลยเหรอ'ปิ่นปัทม์เริ่มปริวิตก ลงท้ายได้แต่โทษตัวเอง

“ติ๊งต่อง…” เสียงกดออดหน้าประตูดังขึ้น เจ้าของห้องยิ้มร่า มองมาที่นาฬิกาสิบนาทีจริงๆ แม่นี่เป็นรถไฟหรือไงนะตรงเวลาพอดิบพอดี ไม่ต้องดูตาแมวให้มากความมือเรียวของสาวไทยเปิดประตูต้อนรับ ไกด์ผู้น่ารักหิ้วถุงพลาสติกติดกลับมาด้วย

“ไปซื้อของก็ไม่บอก”ปิ่นปัทม์บ่นเป็นพิธี ริโกะยิ้มหวาน ล้วงเอากล่องออกมาจากถุง วางลงบนเตียง

“ for you ”สั้นๆเข้าใจง่าย แต่ทำไมต้องให้เธอปิ่นปัทม์หยิบเอากล่องขนาดย่อมกว่าแท็บเล็ตน้อยหนึ่ง มันเต็มไปด้วยตัวอักษรคันจิมีรูปเท้าคนถูกแปะด้วยแผ่นคล้ายๆพลาสเตอร์เท่านั้นเธอก็สว่างในใจ มันคือแผ่นแปะแก้ปวดเมื่อย (Foot Patch or Foot Pad) เธอเคยผ่านตาจากwebsite ที่ขายของหิ้วมาจากญี่ปุ่นโฆษณาสรรพคุณเอาไว้ว่าเป็นแผ่นแปะความร้อนไอน้ำจากสมุนไพรช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ช่วยเรื่องระบบไหลเวียนของเลือด เพียงแค่แปะไว้จะรู้สึกร้อนวูบวาบ ไม่นานอาการปวดเมื่อยก็หายเป็นปลิดทิ้ง

“มันจะได้ผลเร้อปิ่นปัทม์ไม่วายพูดขัดคอตามพื้นนิสัยเดิม ไม่บ่งชัดว่ารู้ความหรือไม่ริโกะยังหน้านิ่งจัดแจงแกะกล่อง จับขาของนายจ้างยืดออกนวดกดจุดด้วยหัวแม่โป้งลงบนฝ่าเท้าทั้งสองข้าง ก่อนจะแปะแผ่น Foot Patch ลงไป

“คนไทยคงไม่ชินกับการเดินไกลๆแน่ๆเลยแต่อยู่ที่นี่สักอาทิตย์ร่างกายคุณจะปรับสภาพเอง” ริโกะพูดงึมงำๆนายจ้างสาวจดจ้องใบหน้าผุดผาดไม่วางสายตา

'น่าร๊ากอ่ะ ให้จ่ายวันละแสนเยนก็คุ้ม'ปิ่นปัทม์เองก็พึมพำดังๆในใจ คนมีความต้านทานภูมิคุ้มกันทางความรู้สึกสูงประหนึ่งว่าจะติดเชื้อรักในกระแสโลหิตแล้วกระมัง

“โดโมะ อาริกาโตะ โกซาอิมาซ (ขอบคุณมากนะ)..ไม่เคยมีใครทำให้ฉันแบบนี้เลย”ไม่บ่อยที่ปิ่นปัทม์ผู้เลิศเลอจะเอื้อนเอ่ยคำขอบคุณให้กับใครง่ายๆริโกะได้ละลายพฤติกรรมจองหองของเธอสิ้น

“โดอิ ตาชิมาชิเตะ (ไม่เป็นไรค่ะ) ฉันก็ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน”ไกด์จำเป็นยอมรับแล้วว่านายจ้างเป็นบุคคลพิเศษลงในรายละเอียดไม่ได้ว่ามันมากน้อยเป็นรูปธรรม ชั่ง ตวง วัดได้เท่าไหร่เสร็จสรรพสองสาวได้เวลาเข้าพักผ่อน...

6.00 . ตามเวลาท้องถิ่นสุพรรษารู้สึกตัวตื่นจากนาฬิกาปลุก ไม่มีการนอนต่อเมาขี้ตารู้สึกเต็มอิ่มแล้วกับประสบการณ์อ้างแรมในแคปซูลแคบๆดังนี้ก็ไม่ต้องกลัวใครคุยข่มเอา ว่ามาโตเกียวแล้วพลาดหลังจากล้างหน้าแปรงฟันที่ห้องน้ำรวม เธอยังไม่ check-out สาวโสภาใคร่ศึกษาการใช้วิถีชีวิตคนพื้นถิ่นทันทีที่ก้าวออกจากอาคาร สายตาคมมองไปตรงมุมตึกเมื่อคืนสุพรรษาเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งนอนขดตัว สภาพเหมือนเมามายด้วยเมรัยแต่บัดนี้กำลังยืนแต่งตัวผูกไทด์ผมเรียบแปล้คว้ากระเป๋าเอกสารไปทำงานต่อ?? มันคงเป็นชีวิตหนุ่มโสดคนเหงาที่ไร้สาวข้างบ้านท่ามกลางเมืองใหญ่หมักหมมเต็มไปด้วยความเครียดสินะฝั่งตรงข้ามกันเป็นผู้คนนับสิบชีวิตยืนต่อแถวรอร้านปาจิงโกะเปิดทำการอะไรจะมุ่งมั่นปานนั้น.. รถ Lotus Exige เปิดประทุนสีแดงแปร๊ดโฉบมาจอดหน้าสุพรรษายากูซ่าสาวเปิดประตูก้าวลงจากรถขยับปก overcoat ด้วยท่าทางเดิมๆเดินหน้าเชิดมาหาสาวไทย นี่ก็อีกคน มาโชว์รวยเสนอหน้าแต่เช้าเชียว

“หล่อล่ะสิ”คำทักทายแรกจากเมงุมิเย้าแต่หัววัน

“เปล่า..แค่คิดอะไรบางอย่าง ว่าแต่เธอเหอะ โผล่มาทำอะไรมิทราบอย่าบอกนะว่ามาเก็บค่าคุ้มครองเก็บส่วยจากโรงแรม”สุพรรษามิอาจคิดเข้าข้างตนเองสุดกู่ ขี้ตู่ทึกทักว่าผู้สาวตรงหน้าจะจงใจมาหาเธอแล้วถ้าใช่ล่ะ? เหอ เหอ..

“ละแวกนี้ไม่ใช่เขตอิทธิพลดิฉัน”

“จรรยาบรรณยากูซ่าเหรอแบ่งปันเขตว่างั้น” มันเป็นอารยธรรมเหมือนกันถ้วนทั่ว ขนาดลิงที่บ้านเธอยังไม่หากินข้ามเขตกันเลยเมงุมิยื่นถุงให้ สุพรรษารับมาเปิดออกดูดั่งว่ารู้ใจเมื่อพบว่าเป็นเสื้อผ้า accessoriesครบครันและชุดชั้นใน แล้วแม่ยากูซ่ารู้ได้อย่างไรว่าเธอไซส์ไหนเห็นแบบนี้ซ่อนรูปนะยะ ไม่ใช่น้อยๆ

“ไปเปลี่ยนซะ เหงื่อไม่ออกก็จริงแต่แบคทีเรียที่สะสมจะทำให้เป็นโรคผิวหนังได้โดยเฉพาะแพนตี้”

“นี่ๆ หาว่าฉันซกมกเหรอแต่ก็ขอบใจนะ แล้วทำไมไม่ไปเฝ้าเป้าหมายหัวใจที่ชินจูกุหือเมงุมิไม่ตอบ หูทวนลมเหมือนไม่แม้กระทั่งได้ยินด้วยซ้ำ

“ยากูซ่านี่ต้องเก๊กตลอดเวเพลียๆๆ” ข้อนี้บ่นเป็นไทยแท้ สุพรรษาเดินส่ายศีรษะกลับเข้าไปในโรงแรม ราวสิบห้านาทีจึงกลับออกมาอีกครั้งปรากฎกายในชุดที่เมงุมิจัดเตรียมมาให้ ทุกอย่างพอดีเป๊ะๆราวกับเป็นช่างตัดเสื้อมาวัดเองเก่งกาจร้ายกาจนัก!! สุพรรษาอดที่จะชมไม่ได้ แต่กระนั้นก็ดีรอยยิ้มบนใบหน้าดั่งดอกไม้แรกแย้มจำต้องหุบพลันที่เห็นยากูซ่าสาวยังยืนนิ่งอยู่ในท่วงท่าเดิมหน้าตายไร้ซึ่งอารมณ์ เชอะ!! แม่หุ่นยนต์

“ขึ้นรถสิ”

“จะพาไปไหน” ไร้เสียงตอบ เมงุมิปล่อยให้การกระทำพูดแทน สุพรรษาไม่ต่อต้านร้ายหนักคือเดินขึ้นรถอย่างโดยดีไม่มีหืออือ พ่ายแพ้ต่อกฎแรงดึงดูดระหว่างมวลหัวใจเมื่อนั่งประจำที่ รถสปอร์ตตัวแรงเริ่มออกตัว เมงุมิหันมาบอกตุ๊กตาบาร์บี้หน้ารถ

“ใส่หมวกหน่อยสิอะเมะลมมันแรงนะ” หนหลังชักเริ่มไม่ทำตาม แต่ปีกกล้าขาแข็งได้ไม่เกินสองนาทีรถเปิดประทุนยามต้องลมมันทำให้ใบหน้าตึง ชาเอาการ ลงท้ายสุพรรษาจึงคว้าหมวกมาสวมเมงุมิเพียงยิ้มเยาะก่อนจะเร่งความเร็วรถขึ้นไปอีก

รถสปอร์ตพาสองอนงค์ทะยานมาถึงถนนสายแปะก๊วยGingko Avenue ที่ Jingu Gaien เมงุมิรถความเร็วลงขับเอื่อยๆกินลมชมวิว อุทิศเวลาให้นักท่องเที่ยวสาวซึมซาบบรรยากาศเต็มคราบสมใจคนรักธรรมชาติ

“ว้าวๆ! สวยจังเลย อย่างกับภาพในฝันแน่ะ” สุพรรษาร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นประทับใจยิ่งต่อภาพเบื้องหน้าอันเป็นถนนสี่เลนรายรอบด้วยต้นแปะก๊วย (อิโจ) ฟอร์มสวยตั้งตรงในความสูงแทบจะเท่าๆกันนับร้อยๆต้นสีเหลืองทองอร่ามอำพันทอดยาวตลอดทั้งเส้นเมงุมิจอดรถเข้าข้างทางพาสุพรรษาออกก้าวบนเดินทางเท้าที่ปูพรมด้วยใบแปะก๊วยสีเหลืองทองอันร่วงหล่นมาจากต้นเปรียบเสมือนเป็นอุโมงค์ทองคำขนานไปกับทางเดินรถ

“มา ดิฉันจะถ่ายรูปให้ยืนตรงนี้ล่ะ เจ๋งแจ่ม” เมงุมิคว้าเอา สมาร์ทโฟนของเธอขึ้นมา เมื่อปะเหมาะแม่โสภาพรรณรายมาหยุดอยู่ ณจุดที่เป็นมุม Silhouette ย้อนแสงนิดๆลำของแสงตรงที่ปักลงมาในแนวเฉียงทำให้เห็นเส้นสายของลำต้นใบไม้และโครงร่างอรชรของนางแบบผู้ถ่ายจงใจไม่จำเพาะถึงใบหน้าพิไลทิ้งให้เป็นปริศนา เซลเนื้อบริเวณพวงแก้มของยากูซ่าสาวปริแตกแยกออกพึงใจกับภาพที่ออกมา เธอสวมบทผู้กำกับภาพจัดแจงบอกท่าทางต่อสุพรรษา ให้นั่งลงกอบใบไม้จากพื้นเต็มสองมือก่อนจะโปรยลงมายืนเอียงตัวบ้าง เอนหลังพิงต้นไม้บ้าง

“ไม่ยักรู้ว่าเธอก็เป็น artistกับเขาด้วย รูปสวยมาก ขอบคุณค่ะ” สุพรรษายิ้มน้อยยิ้มใหญ่หลังจากพิศดูรูปพิไลของตนยกยอให้เครดิตเมงุมิเต็มๆขนาดว่าเป็นกล้องจากมือถือธรรมดาเธอยังปั้นมุมออกมาได้เจิดจรัสหากเป็นกล้องระดับโปรฯ แม่ยากูซ่าสาวส่งประกวดติดโบว์ได้สบายๆ

“ไม่ค่อยได้แสดงฝีมือหรอกนานๆจะลั่นชัตเตอร์ต่อเมื่อเจอนางแบบถูกใจเท่านั้น” เมงุมิตอบเสียงเรียบนิ่งๆออกแนวเย็นชาเหมือนเคย แม้แววตาจะสุกใสก็เถอะสุพรรษาเจอรูปมวยมาแบบนี้กลับไปต่อไม่ถูก ไม่อาจตีความจากประโยคกำกวมได้เลยบางทีเธออาจจะเป็นของแปลก…แค่นั้น

“เอ่อ..ไม่ถ่ายด้วยกันสักแชะเหรอ เวลาฉันกลับไปจะได้ระลึกถึงกันบ้าง” สุพรรษาลังเลน้อยหนึ่งก่อนจะเชื้อเชิญได้ถ่ายรูปกับยากูซ่านับเป็นเกียรติแก่เด็กบ้านๆอย่างเธอยิ่งเมงุมิส่งยิ้มทางสายตา

“เป็นความคิดที่ไม่เลว”แทนที่จะถ่ายใบหน้าคู่กัน ยากูซ่าสาวกลับมาแปลกถ่ายรองเท้าคู่กันเสียอย่างนั้นศิลปินกับความบ้ามักมาควบคู่กันเสมอ

“ยังจะประดิษฐ์มุมทำเก๋หรือว่ากลัวการเปิดเผยตัว” สุพรรษาแจกค้อนอันใหญ่ เธอคาดหวังอะไรทีมันดีกว่านี้

“แบบนี้เธอจะได้จำได้ยังไงว่าเดินมากับใคร”สาวมาดขรึมตอบตามสไตล์ สุพรรษาเขตาสุดขอบเพราะมีสิ่งที่น่าดึงดูดใจมิใช่น้องหมาชิวาว่าที่เจ้าของจูงให้มาเดินอวดโฉมสามสี่ตัวแต่เป็นคู่หนุ่มสาวในชุดแต่งงานที่ดูเหมือนว่าจะมาถ่ายภาพ pre-wedding

“คู่นั้นเขาน่ารักจัง” เปล่าอิจฉาผู้หญิงทุกคนย่อมใฝ่ฝันที่จะมีวันนี้ และ สุพรรษาก็เป็นหนึ่งในนั้นเมงุมิยังสงบปากสงบคำ สาวไทยจึงชวนคิดชวนคุยต่อ

“เคยมากับแฟนหรือเปล่า”

“ไม่เคยหรอกแต่รู้ไหมวันนี้สวยที่สุดสำหรับที่นี่เลย” สุพรรษาค้นพบอีกอย่าง นอกจากจะเก๊กแล้วพวกยากูซ่าชอบพูดอะไรที่ต้องตีความหลายๆชั้น เธอไม่ขอไปตามเกมหรอกนะขออิงแอบธรรมชาติดีกว่า

“อากาศดีแล้วก็สีสันของต้นไม้เป็นใจสินะ”สาวไทยเดินทอดน่องพยายามให้มันช้าที่สุด สังเกตเปรียบเทียบดูไปถนนสายนี้เหมือนถนนราชดำเนินกลางด้านหลังยังมีตึกคล้ายๆพระที่นั่งอนันตสมาคมอีก ไม่รู้ว่าใครลอกใครมองไปเบื้องหน้ามีลานกว้างสำหรับจัดงานก็คล้ายๆสวนอัมพรใกล้กันในละแวกนี้เป็นสนามกีฬาแห่งชาติ

“อะเมะ.. เรามาหาอะไรสนุกๆทำกันดีกว่า”

“หือ

“นับต้นแปะก๊วยในถนนเส้นนี้ดูถ้าถูกก็เอาไปเลยสามหมื่นเยน คนชอบเสี่ยงแบบคุณน่าลุ้นออกนะ” สุพรรษาเออออก็น่าจะสนุกดี ไม่ทันฉุกคิดสำหรับเดิมพันหากว่าตนทายไม่ถูกสาวไทยเริ่มต้นจากหัวถนนของฝั่งหนึ่ง แจงนิ้วนับพร้อมๆกับเดินก้าวไปข้างหน้าโดยมียากูซ่าจอมเชิดเดินตามห่างๆไม่กวนสมาธิ เธอชอบอะไรแฟร์ๆอยู่แล้ว

“ร้อยสี่สิบหก.. ร้อยสี่สิบเจ็ด..ร้อยสี่สิบแปด.. 148 ต้นเป็นคำตอบสุดท้าย” สุพรรษาสุดมั่นใจเรืองตัวเลขหลักร้อยน่ะเรื่องเล็กบัญชีที่แจงให้คุณน้าวรรณพิไลเป็นตัวเลข 7-8 หลักยังไม่เคยผิดแม้หลักสตางค์เธอคงลืมไปว่า โปรแกรมคำนวณจากคอมพิวเตอร์มีความเสถียรกว่ามนุษย์นัก

“ผิดๆ มี 146 ต้นจ้ะอะเมะ” เมงุมิยิ่งเย้ยยั่วด้วยการเก็บธนบัตรหมื่นเยนสามใบเข้ากระเป๋า แป่ววว

“มั่วป่าว” สาวสวยยังมั่นใจในตนเมงุมิไม่พูดพร่ำพามาอ่านป้ายบอกประวัติที่หัวมุมถนน สุพรรษายิ้มแหยๆไม่เพียงโดนหลอกให้เดินวนเสียรอบหนึ่งหากไม่ใจเร็วด่วนได้หยุดอ่านป้ายแม้เพียงนาทีคำตอบก็อยู่ตรงหน้านี้เอง

“เราข้ามถนนไปตรงนั้นดีกว่ามีเทศกาลชมต้นแปะก๊วย ภายในงานจะมีการแสดงและซุ้มร้านขายอาหาร”เมื่อพูดถึงอาหารการกิน ท้องของสุพรรษาก็ร้องขู่ว่าถึงเวลาเติมพลัง เมงุมิจูงมือสาวไทยข้ามถนนมาถึงบริเวณงานดูไปคล้ายงานวัดผสม OTOP มีอาหารญี่ปุ่นนานาที่ สุพรรษาไม่คุ้นตามาจำหน่าย

สำหรับเมงุมิแล้วเธอไม่ได้ตีรถเปล่า เดินไปถึงซุ้มไหนมีแต่คนโค้งคำนับและเอาของมาเซ่นล้นมือพร้อมกับซองสีน้ำตาล ไม่ต้องมากความเช่นกันสุพรรษาเข้าใจทะลุถึงแก่น หนึ่งในรายได้ของยากูซ่าคือการเก็บค่าคุ้มครองนั่นเอง

“เป็นยากูซ่านี่ดีจังนะมีเรียกเก็บผลประโยชน์รายทาง แปบๆงานก็เสร็จ เอาเงินนี่ไปถลุงต่อสบายใจเฉิบ”เมงุมิหาได้โกรธที่โดนแขวะไม่ เธอยังนิ่งงันสีหน้าเดียวเวลาครุ่นคิดคือเหมือนร่างทะมัดทะแมงมีเรื่องราวร้อยแปดพันประการรกสมองยากูซ่าสาวตลอดๆ

“อย่ามองแค่เพียงผิวสิมีรายได้ย่อมต้องมีรายจ่าย ลูกน้องพ่อดิฉันเป็นพันคน เคยได้ยินซุนวูพูดไว้ไหมทหารหนึ่งคนต้องมีคนสนับสนุนทั้งอาวุธ เสบียงกรัง การสาธารณสุข จิปาถะทั้งหมดถึงสิบหกคน” กระนั้นก็ดีรกคนย่อมดีกว่ารกหญ้า แต่ถ้าถ้ามัน รกคนบ้าๆ รกหญ้าจะดีกว่า การถางหญ้าที่รกๆง่ายกว่าเอาคนบ้าๆออกไปจากชีวิต หรือ สังคมนั้นๆ

“พูดถึงทหารไม่เห็นมีเลย”สุพรรษาพบเจอแค่ตำรวจสวมชุดสีกรมท่าสวมถุงมือขาวถือเพียงกระบองเดินยามวิกาลบ้างเท่านั้น

“ประเทศเรามีแค่กองกำลังป้องกันตัวเองโดยมีอเมริกาหนุนหลัง” สาวไทยพยักหน้าหงึกๆ เป็นแบบนี้นี่เอง เท่าที่เธอรู้การไม่ต้องเสียงบประมาณทางการทหารนับเป็นข้อดียิ่งยวด ความมั่นคงของประเทศหาใช่เพียงปริมาณกำลังพลไม่ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจอาจจะสำคัญกว่าด้วยซ้ำดูอย่างแม่ยากูซ่านี่ ไปไหนมาไหนไม่เห็นต้องมีลูกกระจ๊อกตามสักคน แต่ใครๆก็เกรงใจคนมีเงินเป็นอำนาจสูงสุดฝูงชนย่อมอยากคบหา มีเกียรติในวงสังคมได้ทุกวันนี้ใครเขารบพุ่งมุ่งประหัตประหาร เขาใช้คนเป็นนักรบใส่สูทออกแสวงหาลงทุนในโลกไร้พรมแดนต่างหาก ไม่รู้สินะที่สุดแล้วความคิดจากปัจเจกของเธออาจจะผิด

เห็นเขามองกันแง่ร้ายสุดโต่งไปว่านักการเมืองเข้ามากอบโกยออกนโยบายเอื้อพวกพ้อง เป็นการเมืองธนกิจอย่างนั้นเธอขอประดิษฐ์คำใหม่ได้บ้างไหมเล่า ทหารธนกิจนับเนื่องจากผลประโยชน์ทับซ้อนที่ไม่แตกต่างกัน ไม่ว่าใครจะขึ้นมาบริหารอุ่ย..เยอะไป อยู่ที่นี่คิดดังๆได้หรอกหากกลับไปบ้านเกิดไม่แคล้วโดนรถลึกลับมาเฝ้าหน้าบ้าน อุ้มไปปรับทัศนคติ..

สองสาวเข้านั่งในเต็นท์ที่ทางการจัดไว้ให้สี่มือเต็มไปด้วยสรรพอาหารหลายสิบอย่างสุพรรษาไม่เกรงใจลงมือเปิบบรรดาของสมนาคุณจากพ่อค้าแม่ขายส่วนมากจะเป็นจำพวกปิ้งย่าง เนื้อ ไก่ หมู ปลาเสียบไม้ขนขบวนมารายงานตัวพร้อมเพรียง

“ถามจริงตอบให้ตรงนะทำไมคนญี่ปุ่นชอบกินเค็มจัง” สุพรรษาฉีกน่องไก่ย่างซีอิ๊วเคี้ยวกร้วมๆ สัมผัสถึงเนื้อที่แน่นกว่าบ้านเกิดไม่ลืมที่จะปันแก่ยากูซ่าสาว

“ไม่รู้สิดิฉันก็ว่ามันปกตินะ คงเหมือนคนไทยที่ชอบทานเผ็ดแล้วไม่รู้สึกรู้สามั้ง”

“เลิกเรียกตัวเองเป็นทางการได้หรือยังจะสุภาพไปถึงไหน”คู่สนทนาเห็นว่าอีกฝ่ายยังไว้ท่าวางฟอร์มจัดๆแต่อีกมุมหนึ่งที่ชัดเจนสาวทะมัดทะแมงกลับทำตัวติดดินได้อย่างไม่น่าเชื่อ

“ถึง..เอ่อ..ก็มันติดปากนี่ คุณเถอะกินเป็นเด็กเลยเลอะหมดแล้ว”

“กินปลาเนาะ นี่ถ้ามีข้าวเหนียวกับแจ่วล่ะแซบเวอร์”สุพรรษาไม่ยี่หระพูดไปกินไปอย่างเอร็ดอร่อยอากาศเย็นๆได้กินของปิ้งย่างร้อนๆเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม

“แจ่วอย่างแรกน่ะเมงุมิรู้จักดีรู้จัก อย่างหลังเธอไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยเห็นหน้าเจ๋อๆสุพรรษาจำต้องขยายเนื้อความ

“เอ่อ..น้ำปลาแบบไทยๆนะ ผสมกับพริกป่น แล้วก็ข้าวคั่วบดบีบมะนาวตัดไปนิดห๊อมหอมอย่าบอกใครเลย” น้ำเสียง สีหน้าแววตาและท่าทางที่เป็นองคาพยพเดียวกันหมดช่างดึงดูดให้ยากูซ่าสาวเกิดอยากชิมขึ้นมา

“ข้าวเหนียวพอหาได้ใช้เป็นข้าวปั้นแทนแต่ไอ้แจ่วนี่จนใจ”

“วันหลังจะทำให้กิน รับรองลืมโชยุไปเลยเชียว”

“เย็นนี้เลยไหมแต่ก่อนอื่นเราจะไปอีกที่หนึ่งก่อน”

“ที่ไหนสาวทะมัดทะแมงเพียงส่งยิ้มเก๋ ไม่ตอบเช่นเคย...

ริโกะตื่นนานแล้วแต่กระดุกกระดิกไม่ได้คุณนายจ้างข้างกายเล่นทั้งก่าย กอด รัด ดีหน่อยตรงที่ไม่ฟัด ไม่เหวี่ยงอีกฝั่งก็ติดฝาผนัง ตาดวงกลมโตในอ้อมกอดมีโอกาสเพ่งพิศปิ่นปัทม์ในระยะประชิดสาวไทยจะหน้าตาดีแบบนี้ทุกคนหรือเปล่าไม่รู้ แต่คุณคนสวยงามช้อยแม้ในยามไร้เครื่องสำอางประทินกลบ ใบหน้ายังคมคายหมดจด

“จ้องอะไรแม่สาวน้อย”ปิ่นปัทม์ลืมตารู้สึกตัว ไม่ได้รู้สึกผิดแปลกด้วยเดิมตนเป็นคนนอนดิ้นชนิดหาคนมาแข่งด้วยยากเสียงบ่นแหบพร่าทักทายแทนการอรุณสวัสดิ์จากนั้นลุกขึ้นมานั่งหน้ากระจกสางผมสลวยของตนเองหันมาดูนางน้อยที่นอนแช่แข็งอยู่ท่วงท่าเดิม

“ลุกสิคร้า..คุณไกด์”

“ตะคริวกินอ่ะค่ะ”ริโกะพูดเสียงอ่อย ร่างกายเพียงส่วนเดียวที่ขยับได้คือปาก

“คริคริ.. ก็นอนขดเป็นสายไฟแบบนั้น”ปิ่นปัทม์โจนกลับมาที่เตียงค่อยๆช้อนฉุดร่างอรชรขึ้นมานั่ง

“คุณอยากไปไหนคะ

“ไปไหนก็ได้ที่มีเธอ..with you I’m OK” ปิ่นปัทม์ลูบศีรษะไกด์สาวอย่างเอ็นดูอีกมือจะกุมมือน้อยๆของอีกฝ่ายแต่ตัดใจปล่อยว่างไว้ริโกะมองหน้านายจ้างดังว่าเกือบจะเข้าใจความ แต่ที่แท้เธอไม่เข้าใจสักนิด... 




Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2559
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2559 15:43:58 น. 1 comments
Counter : 669 Pageviews.

 
ดีจ้า มาทักทายนะจ้ะ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ


โดย: สมาชิกหมายเลข 4061181 วันที่: 25 สิงหาคม 2560 เวลา:16:46:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.