Group Blog
 
All blogs
 
จับปลาต้องจับสองมือนะคะ

อิงค์กาญจน์เหลือบมองดูสองคู่ซี้ที่กำลังอินกับการshopping เดินล่วงหน้าตัวเธอกลืนหายไปในฝูงชนก็ให้เบาใจขึ้นมาน้อยหนึ่ง สายลับสาวขอใช้ทางเลือกซึ่งดูเสมือนว่าเป็นภาคบังคับเสียมากกว่าและมันคงเป็นทางรอดเดียวที่คิดได้ตรงรี่เข้ามาหามารดาในชุดเสื้อคอกระเช้านุ่งผ้าถุงดูกลมกลืนกับชาวบ้านเป็นคุณป้าแสนธรรมดาๆคนหนึ่งหากเพ่งพิศสักนิดจะสะดุดกับสร้อยสังวาลเงินแท้เส้นโตรับกับเข็มขัดเงินวาววับสะท้อนเข้าตาชุดเดียวกัน ที่ข้อมือมีกำไลทองสองวงและแหวนพลอยโกเมนเม็ดเขื่องนี่มันตู้อัญมณีเคลื่อนที่ชัดๆ อิงค์กาญจน์ส่งสัญญาณด้วยการเอามือเรียวจุ๊ปากกะพริบตาถี่ยิบและพาร่างท้วมของมารดาหลบมุมสายตาทั้งสี่ที่อาจจะเหลียวหลังกลับมาเห็นช็อตเด็ด'สายใจ' ผู้ที่อาบทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็นมาก่อนเข้าใจบุตรสาวดีในอาการหลบๆซ่อนๆเช่นว่าแต่ไหนแต่ไรมา อิงค์กาญจน์ชอบทำตัวลึกลับไม่อยู่กับร่องกับรอยเป็นเรื่องปกติแต่ครั้งนี้เห็นจะ so excited ลนลานมากกว่าทุกคราวไปหญิงวัยกลางคนอดไม่ได้ที่จะซักไซ้เอาความ

“มาถึงที่นี่ทำไมไม่โทรบอกแม่สักคำแล้วแกมากับใคร แฟนเหรอ ไหนๆขอแม่ดูหน้าค่าตาหน่อยซิ แล้วนี่กินอะไรมาหรือยังลูก”ร่างท้วมพูดระรัวเป็นไฟกับชุดคำถาม ใบหน้าที่ยังดูอ่อนกว่าวัยชะเง้อมองไม่แปลกเลยที่อิงค์กาญจน์จะได้รับการถ่ายทอดคุณลักษณะเช่นนี้ผ่านทางสายโลหิต

“ช้าๆสิคะแม่เดี๋ยวหายใจไม่ทันนะ เอาทีละเรื่อง สำคัญที่สุดคือตอนนี้แม่กลับบ้านไปก่อนนะคะ”สายลับสาวไม่ตอบกลับผลักไสมารดาให้กลับไปนั่นยิ่งเท่ากับยอมรับโดยดุษฎีว่าได้กระทำการไม่ชอบมาพากล

“ปกปิดอะไรแม่นี่แกแอบไปก่อเรื่องอะไรไว้? ไม่มีหิริโอตัปปะก็ไว้หน้าแม่บ้าง”สายใจถามด้วยเสียงเย็นเฉียบและต้องตาเขม็งเค้นเอาความจนบุตรสาวเสียวสันหลังวาบใครๆก็รู้กันทั้งเกาะเมืองอดีตลูกสาวกำนันก็คนคนเดียวกับแม่เธอที่ยืนตาถมึงอยู่เบื้องหน้าดูภายนอกเป็นคนใจดี หากลองได้โกรธหรือแม้นไม่พึงใจอะไรขึ้นมาล่ะก็วิ่งกระเจิงแทบไม่ทันกันทั้งบางอิงค์กาญจน์ได้แต่อ้ำอึ้ง คิดหนักจนหัวคิ้วเข้มชนกัน จับต้นชนปลายไม่ถูกผู้บังเกิดเกล้าไม่รู้สักนิดว่าลูกสาวโทนประกอบสัมมาชีพใด ไม่ระบุชัดกระทั่งที่พักที่หลับนอน มีส่งเงินเดือนเข้าบัญชีเงินฝากให้ทุกเดือนและมาเยี่ยมเยียนบ้างประปรายตามเทศกาล... สองเกลอสาวที่มัวแต่เมามันกับการจับจ่ายและเพลิดเพลินจำเริญตากับแผงขายสินค้านานาในตลาดน้ำบรรยากาศย้อนยุคไม่ทันสังเกตว่าไกด์นำทางที่ตามติดมาด้วยหลบลี้หนีหายไปเสียแล้วจนมาถึงที่ร้านขายของเก่าเพลินพิศสมัยสะดุดตากับเงินพดด้วง (bullet coin) 3 เม็ดวางโชว์อยู่ในตู้ไม้ข้างๆกันมีสตางค์รูสมัยสงครามโลกครั้งที่2 ที่ทำจากเงินแท้อันตัวเธอคุ้นตาดีและมีสะสมอยู่บ้างแล้วมือสวยสะกิดบุศยมาศให้ดูแต่เจ้าหล่อนเบิกตาโตทั้งส่ายหน้าไหวๆหาได้มีความรู้ไม่

“อะไรแกกระดุมโบราณรึ

“เขาเรียกว่าเงินพดด้วง ทำจากเงินแท้แต่ไม่ถึง 100% นะเพราะมันจะอ่อนก็เหมือนกับเครื่องประดับทั่วไปนั่นแหล่ะขึ้นรูปตีขาให้งอ เงินพดด้วงนี่มีวิวัฒนาการโดยเฉพาะกับชุมชนคนไทตั้งแต่สมัยน่านเจ้าโน่น”

“โหเกือบพันปีเชียว

“แม่นแล้ว แต่สมัยน่านเจ้าจะตีเงินเป็นแท่งหรือเป็นกำไลส่วนอาณาจักรล้านนาจะตีเป็นแผ่นยาวเรียกเงินเจียงอีสานล้านช้างเรียกเงินฮางด้วยตรงกลางจะมีร่องพอมาถึงยุคสุโขทัยจึงตีขาให้งอลงเป็นรูปแบบนี้หล่ะใช้กันเรื่อยมาจนถึงต้นรัชกาลที่4 แห่งรัตนโกสินทร์จึงยกเลิกและเปลี่ยนมาใช้เหรียญกษาปณ์จนถึงทุกวันนี้ยังไงแล้วเห็นป่าวด้านข้างมีตราประจำแผ่นดินเม็ดมันเป็นตราจักรหมายถึงสมัยแผ่นดินอยุธยา ส่วนอีกด้านเป็นตราประจำรัชกาลด้านข้างจะเป็นรอยบากจากการเอาค้อนตอกหรือไม่ก็ฝังเมล็ดข้าวสารไว้”เพลินพิศสมัยอธิบายละเอียดยิบราวกับผ่านยุคร่วมสมัยมาเพื่อนสนิทอดไม่ได้ที่จะชมเปาะ

“แกนี่สุดยอดอ่ะ”

“รู้เพราะอ่านจำมาหรอกจร้า”

“แล้วจะรู้ได้ยังไงอ่าว่าของจริงหรือปลอม” คราวนี้แม่พลอย 2015 ได้แต่ยิ้มแหย มันเกินจากปัญญาเธอไปมากเทียว

“ไม่รู้สินะ ฉันก็เคยเห็นรูปแต่ในอินเตอร์เน็ตกับพิพิธภัณฑ์น่ะ”เท่านั้นแอร์ฯสาวจึงมองหาตัวช่วยอีกหนึ่งคุณมาหยายังไง รายนี้เธอ encyclopediaเคลื่อนที่ รู้ไปโหม้ดต้องช่วยได้แน่ๆร่างระหงเอี้ยวตัวมองผ่านประดาผู้คนไปรอบทิศทางจนสุดปลายสายตาแต่ไม่เห็นแม้เงา

“อ้าวคุณมาหยาหายไปไหนอ่าแกเห็นไหมยัยมาศ”

“ไปเข้าห้องน้ำมั้งแก”เพลินพิศสมัยกำลังจะก้าวเดินกลับไปทางเก่า เป็นบุศยมาศฉุดแขนเอาไว้

“รออยู่ที่นี่แหล่ะคนเยอะละลานตาไปหมดแบบนี้ยิ่งหาจะยิ่งไม่เจอกัน”ฟังที่ไหนสาวหวานออกเดินไปทั่วบริเวณเพื่อตามหาอิงค์กาญจน์ แม้จะเป็นคนเยือกเย็นที่สุดการรอใครสักคนไม่เคยเกินจากความอดทนแต่ครั้งนี้เพลินพิศสมัยไม่ขอรอด้วยทำตามsense แปลกๆส่วนตน บุศยมาศเร่งจ้ำฝีเท้าตามมาติดๆ...

“แม่คะฟังอิ๊งค์บ้าง ครั้งนี้จำเป็นจริงๆ แม่กลับไปรอที่บ้านก่อนเถอะ”สายลับสาวพยายามลากร่างท้วมของมารดาให้ออกห่างจากบริเวณ red zone แต่สายใจหาได้ยอมโดยง่ายไม่

“ทำไมห๊ะแกมีแม่บ้านๆมันน่าอับอายตรงไหน หนอยมากับคนเมืองกรุงสิท่า อย่าลืมที่นี่มันก็กรุงเก่านาโว้ย” ยิ่งปรามเหมือนยิ่งยั่วยุไม่ต่างจากเด็กวัยเยาว์มารดาของอิงค์กาญจน์ส่งเสียงดังลั่น สายลับสาวได้แต่ส่ายศีรษะหลับตาสุดหน่ายใจไม่ทันที่จะได้ปริปากเสียงคุ้นเคยและไม่อยากจะได้ยินในเพลานี้เป็นที่สุดกลับแทรกขึ้นมา

“นั่นสิคะคุณมาหยาจะอายทำไมพิศเองก็ลูกน้ำเค็มยัยมาศก็สาวอีสาน อีกอย่างคุณน้าท่านเองน่ารักจะตาย”อิงค์กาญจน์สะดุ้งเฮือกเบิกตาโพลง ตายแน่ๆ พังๆๆ หมดกันอาชีพสายลับของช้านนนหันกลับมาทางต้นเสียง เพลินพิศสมัยยกมือไหว้ร่างท้วมและยิ้มหวาน

“สวัสดีค่ะคุณแม่”สายใจรับไหว้และยิ้มกลับก่อนจะเปลี่ยนอารมณ์เป็นหน้าดุ หันมาเฉ่งบุตรี

“ไปเปลี่ยนชื่อตั้งแต่ตอนไหนทำไมไม่ปรึกษาแม่ก่อนยัยอิ๊งค์แล้วมากับเพื่อนทำไมไม่พาไปที่บ้าน คิดจะหลอกอะไรเขา เรามันคนดีศรีอโยธยานะ”อะไรที่กลัวมักจะเกิดขึ้นเสมออิงค์กาญจน์หันรีหันขวางเหงื่อแตกซิกไม่รู้จะรับมือกับสถานการณ์สุ่มเสี่ยงนี้อย่างไรในหลักสูตรที่ฝึกสอนมันก็ไม่มีเรื่องแบบนี้เสียด้วย

“แม่..อิ๊..เอ่อคุณพิศคะ คือ..มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดน่ะค่ะ”สายลับสาวพูดจาเสียงสั่นละล่ำละลักยิ่ง ไม่กล้าสบตาเป้าหมาย ทั้งกังวลเรื่องการงานและความรู้สึกของสาวหวานจับจิตนี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่โดนจับได้กระจะๆว่าเป็นคนลวง เฮ้ออออ..ทั้งสี่เงียบกันไปพอสมควร ในที่สุดสายใจก็เป็นฝ่ายลากร่างบุตรสาวเข้าบ้าง

“กลับบ้านกับแม่..เดี๋ยวนี้

“แม่..” แรกทีเดียวร่างเพรียวจะแข็งขืนไม่ยินยอมแต่ก็กลัวมารดาจะล้มหงายไปจึงยอมเดินตามไปโดยง่ายหันกลับมามองด้านหลังน้อยหนึ่ง

“เชิญหนูๆทั้ง 2 ด้วยนะจ๊ะน้าเป็นคนพูดเสียงดังไปอย่างนั้นเอง ไม่ต้องตกใจจ้ะ” สายใจที่เท่าทันลูกสาวหันกลับมาพูดกับสองอนงค์นางด้วยสำเนียงเหน่อแบบคนยุดยาบ่งบอกถึงความจริงใจทั้งคู่หันมามองหน้ากันเหรอหราเพลินพิศสมัยจะตามไปแต่บุศยมาศจีบปากจีบคอพูดให้ฉุกคิด

“แกอย่าเพี้ยนไปหน่อยเลยเหอะจับได้ว่าแม่นี่หลอกเราซะเยินขนาดนี้แล้วยังจะมีแก่ใจไปเหยียบบ้านนางอิ๊ก"

“โอกาสทองสิไม่ว่า"สาวหวานตอบกลับด้วยน้ำเสียงห้วนและดูขึงขังยิ่งทั้งลักษณะก็มิได้เนิบช้าเช่นเคยจนเพื่อนสาวที่รับฟังประหลาดใจไม่น้อยเธอไม่เคยเห็นเพลินพิศสมัยในมุมนี้มาก่อน

“ฉันหมายถึงว่า..เราจะได้รู้จักตัวตนของคนที่เราคลางแคลงมาตลอดสักทียังไง..หรือว่าแกไม่อยากรู้"

“ล้ำเหมือนกันนะเพื่อน"เพลินพิศสมัยมิได้ต่อความอันใด เพียงยิ้มให้นัยน์ตาเป็นประกายวับวาว บุศยมาศถึงกับประหลาดใจอีกครั้งได้แต่เก็บไว้ภายในทั้งสองรีบจ้ำฝีเท้าตามคนที่ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว.. ตลอดทางในรถบรรยากาศเงียบงันจะว่ามาคุก็ไม่เชิง เหมือนต่างฝ่ายต่างจะดูเชิงกันเสียมากกว่า

'เอาน่ายัยอิ๊งค์..อย่างน้อยที่สุดก็ยังไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นสายลับหากคุณพิศจะโกรธเธอคงหนีกลับไปเสียแล้ว ใจร่มๆทุกอย่างมีทางออกเสมอ' คิดได้ดังนั้นสายลับจอมรั่วที่จิตกระเจิงพยายามรวบรวมสติและทำตัวให้เป็นปกติได้ในที่สุด..ราว 10 นาที รถหรูก็เลี้ยวจากถนนใหญ่เข้าซอยมาจอดที่ริมแม่น้ำเบื้องซ้ายเป็นบ้านทรงไทยยกสูงหลังใหญ่ตระการตากินอาณาบริเวณกว้างขวางแวดล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นแซมด้วยไม้ดอกขนาดเล็กหลากพันธุ์และสีสันดูเผินๆเหมือนรีสอร์ทย่อมๆก็มิปาน

“ถึงแล้วค่า บ้านอิ๊งค์เอง"สายลับสาวเอ่ยชื่อนามที่แท้จริงของตนด้วยหมดประโยชน์ที่จะอำพรางมันต่อไปให้ปวดหัวเธอดับเครื่องยนต์และกุลีกุจอมาเปิดประตูให้กับอาคันตุกะ

“สวยจังค่ะคุณน้านี่ถ้าไม่โชคดีเจอคุณน้า พิศคงไม่มีโอกาสได้มาเยือนที่นี่แล้ว" เพลินพิศสมัยลงมาจากรถพูดนิ่มๆ จิกตามสไตล์ แต่สาวเปรี้ยวกับทำมึนหูทวนลมแสร้งไม่รู้ประสาเสียอย่างนั้น บุศยมาศอดที่จะหมั่นไส้เบี่ยงหน้าหนีไม่ได้

“น้าก็ปลูกไว้หวังใจให้ลูกให้หลานอยู่ล่ะจ้ะแต่กลายเป็นต้องมาอยู่ตัวคนเดียวเปลี่ยวเอกา" ผู้สูงวัยร่างท้วมตัดพ้อพองามต้นไม้ใหญ่มีผล มันไม่เคยออกไว้เพื่อตน.. คราวนี้อิงค์กาญจน์หน้าเจื่อนไปพลันชักเสียรูปมวยเมื่อโดนกระหนาบรุมกินโต๊ะจากสองสาวต่างวัยสายใจเดินนำหน้ามาที่เตียงไม้หลังใหญ่ใต้เรือนแต่บุตรสาวยังละล้าละลังทำสิ่งอันใดไม่ถูกยืนปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ที่รถของตน

“นั่งพักกันให้สบายอุรานะจ๊ะเด็กๆหรือจะให้ยัยอิ๊งค์พาเดินเล่นรอบๆก็ได้ทิศใต้เป็นบ่อเลี้ยงกุ้งและปลาส่วนทางด้านเหนือมีเล้าเป็ดเล้าไก่เดี๋ยวน้าจะหาน้ำท่ามาให้ อ้อ..วันนี้น้าขึ้นกุ้งแม่น้ำคัดได้กุ้งตัวเขื่องมาอยู่ทานกุ้งเผากันก่อน..ห้ามปฏิเสธนะจ๊ะ" เจ้าเรือนพูดจบก็เดินหายเข้าไปด้านหลัง เพลินพิศสมัยชะเง้อคอระหงมองดูแม่จอมลวงที่คงรู้สึกผิดไม่กล้าเข้ามาใกล้

"ชิส์.. คงไม่กล้าสู้หน้าพวกเราล่ะสิแกไม่ต้องเรียกเลยนะปล่อยให้ยืนขาแข็งอยู่แบบนั้นให้เข็ด" บุศยมาศต่อว่าตามประสาเพลินพิศสมัยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนสมใจสมปรารถนาอะไรหลายประการ..ไม่นานนักสายใจก็เดินกลับออกมาพร้อมขันน้ำสีเงินลอยด้วยดอกมะลิสีขาวบริสุทธิ์ตัดกับกลีบดอกกุหลาบสีแดง

“น้ำฝนจ้ะเย็นๆจากตุ่มหลังบ้าน" เพลินพิศสมัยยกมือไหว้พร้อมยิ้มสวยรับขันน้ำจากมือมาดื่มทันที

“ชื่นใจจังค่ะนานเท่าไหร่แล้วที่พิศไม่ได้ดื่มน้ำฝน" แอร์ฯสาวส่งขันน้ำต่อให้เพื่อนรักบุศยมาศรับมาก็จริงแต่ยังตะขิดตะขวงใจ ชีวิตคนเมืองเคยชินแต่น้ำขวดน้ำกรองหยาดน้ำฟ้าไหลลงจากหลังคาเข้าเก็บในตุ่มมันจะเป็นฝนกรดหรือเปล่า?

“ไม่มีปลิงหรอกจ้ะหนู"สายใจแซวพอขำๆเข้าสำนวน แต่บุศยมาศไม่แจ้งความทำหน้าเป้ยๆร้อนถึงเพื่อนสาวต้องรับมุกแทน

“คริคริคุณน้าเขาเปรียบเปรยน่ะยัยมาศ สุภาษิตโบราณเขาว่าไว้ กินน้ำเห็นปลิงไง"(กินน้ำเห็นปลิงหมายถึงการจะทำสิ่งใดๆอยู่แล้วแต่ไปเจออะไรที่ไม่ไว้วางใจ จึงไม่ทำสิ่งนั้นๆต่อให้จบ) เพลินพิศสมัยพยักเพยิดเชิญชวนสาวหน้าฟร้อนท์จึงดื่มอย่างเสียมิได้ด้วยกลัวเสียมารยาทสิ่งที่สงสัยตอบคำถามด้วยตัวมันเองเมื่อผัสสะของประสาทรับรสต้องกับน้ำบริสุทธิ์จากธรรมชาติเย็นรื่นชื่นใจไม่มีรสเฝื่อนหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์อย่างที่เกรง

“อยู่ริมน้ำแบบนี้คุณน้าไม่กลัวน้ำท่วมหรือคะ"เพลินพิศสมัยชวนเจ้าเรือนคุยเธอเห็นข่าวจากโทรทัศน์ว่าอยุธยาเป็นพื้นที่รับน้ำทุกปี หลักฐานเชิงประจักษ์ก็รอยคราบน้ำท่วมที่เสาเรือนจมมิดหัวเธอสูงร่วมสองเมตร

“กลัวทำไม๊หนูมันเป็นวิถีชีวิตของคนริมน้ำตั้งแต่สร้างบ้านแปงเมืองนู่นน้าและชาวบ้านเจอทุกปีมีปีนี้กระมังที่แล้งหน่อยน้ำน้อยผิดปกติ" สายใจร่ายยาวชี้มือไม้ไปที่สายธารไหลเอื่อยที่น้ำแห้งขอดจะว่าเป็นน้ำลงก็ไม่ใช่เพลินพิศสมัยและบุศยมาศมองตามและเห็นเป็นเช่นผู้อาวุโสว่าไว้นี่ขนาดจะลอยกระทงอยู่รอมร่อ เขาว่าเดือนสิบเอ็ด (ไทย)น้ำนองเดือนสิบสองน้ำทรงท่าจะไม่จริงเสียแล้ว

“กระนั้นก็เถอะค่ะช่วงน้ำหลากคงลำบากกันน่าดู”

“ถูกจ้ะเด็กๆในมุมสำหรับคนไม่เคยประสบก็อาจมองได้เช่นนั้น มันก็เหมือนคราวปี 54 คนเมืองกรุงโดนมหาอุทกภัยเข้ายังไง ปั่นป่วนวุ่นวายแต่คนอยุธยาเขาคุ้นชินเจอกันทุกปีและมีวิธีเตรียมรับมือไว้มากน้ำเยอะเราก็ใช้ชีวิตอยู่กับน้ำ เห็นเรือนั่นไหมน้าก็ใช้เป็นพาหนะไปไหนมาได้ได้ตามปกติจ้ะ” เพลินพิศสมัยจินตภาพตามเธอเคยอ่านพงศาวดารเมืองกรุงเก่ามาบ้าง ในช่วงฤดูน้ำหลากที่ราบลุ่มเจ้าพระยาจะแปรเปลี่ยนเป็นผืนน้ำสุดลูกหูลูกตาชาวเมืองจะเก็บเกี่ยวผลผลิตและเทครัวเข้ามาอยู่ในเกาะกำแพงเมืองและการที่น้ำท่วมกลับเป็นกลยุทธ์หลักที่ใช้ป้องกันพระนครมาได้นับครั้งไม่ถ้วนเพราะข้าศึกจำต้องล่าถอยไปเสียเอง

“น้ากลัวก็แต่น้ำน้อยเสียมากกว่าจ้ะแล้งทีไรคนรับกรรมก่อนใครคือเกษตรกรผู้ถูกกล่าวหาตลอดกาลว่าเป็นฝ่ายที่ใช้ทรัพยากรเปลืองชาวไร่ชาวนาเป็นคนโง่รัฐต้องอภิบาล”สายใจตัดพ้อถึงความไม่เท่าเทียมในเชิงโครงสร้างแต่ไม่ของอมืองอเท้า ด้วยเหตุนี้เธอและสามีผู้ล่วงลับจึงริเริ่มชุมชนเข้มแข็งสามารถยืนได้ด้วยลำแข้งตนเองเธอเข้าใจปัญหาของเกษตรกรพื้นฐานคือแหล่งเงินทุนเธอจัดตั้งธนาคารชุมชนขึ้นก่อนที่รัฐบาลจะออกนโยบายนี้เสียอีกไม่พอผู้อาวุโสร่างท้วมยังตัดวงจรพ่อค้าคนกลางออกสายใจเป็นผู้นำชุมชนตัวอย่างได้รับรางวัลระดับชาติมากมาย

“ค่ะ.. พิศเข้าใจตามสนามกอล์ฟหรือโรงงานอุตสาหกรรมรวมไปถึงชุมชนเมืองเองก็ใช้น้ำไปไม่ด้อยกว่ากันเลยความจริงฝนก็ไม่น้อยถึงขนาดจะขาดแคลนนะคะแต่พิศเห็นว่ามันไหลลงทะเลไปเสียหมดเราไม่สามารถเก็บมาใช้ประโยชน์ได้มากกว่า” ปัญหาการกระจายทรัพยากรบ่งบอกถึงความเหลื่อมล้ำทางสังคมทั้งผู้บ่นคือสายใจและผู้เสวนาด้วยเช่นอิงค์กาญจน์ต่างตระหนักดีเพียงแค่แลกเปลี่ยนประกบการณ์ร่วมกันเท่านั้นคุยกันอยู่สักพักเจ้าเรือนรู้สึกว่าสมาชิกขาดหายไปหนึ่งสายตาคมมองตรงไปที่รถคันงามร้องเรียกลูกสาวตัวด้วยสำเนียงพื้นถิ่น

“อิ๊งค์.. มานี่เลยไม่ต้องหนีหน้าแม่" สายลับสาวจนทางปฏิเสธตรงรี่มายังใต้เรือน

“แม่จะไปทำกับข้าวเย็นแกไปดูบ่อปลาที บอกตาเฮงเลือกเอาปลาหมอมาสักสามสี่ตัวนะ แล้วก็ปลาคังด้วย"อิงค์กาญจน์พยักหน้ารับลุกพรวดไปทำตามคำสั่งก็ดีเธอยังไม่อยากเผชิญหน้ากับสาวหวานในห้วงเวลานี้

“หนูขอตามคุณน้าไปด้วยนะคะยัยเพลินไปช่วยคุณมาหยาเอ้ยคุณอิ๊งค์ดูปลาเถอะ ฉันเป็นลูกมือคนเดียวก็เกินพอแล้ว"บุศยมาศเจ้ากี้เจ้าการเธอรู้ดีว่าเพื่อนรักมีเรื่องต้องเคลียร์ใจกับยัยจอมลวงเพลินพิศสมัยอยากจะตามไปลงครัวด้วยแต่เรื่องกับสาวรั่วก็สำคัญใช่ยิ่งหย่อนสาวเนิบช้ากวดฝีเท้า ปากก็ร้องเรียกสาวเปรี้ยวไม่หยุดหย่อนเธอกระหืดกระหอบตามอิงค์กาญจน์มาจนทันในที่สุด

“คุณมาหยาคะ คุณมาหยารอพิศด้วยอ้อคุณอิ๊งค์ ลืมไปต้องเรียกชื่อนี้สินะคะ"

“..." สายลับสาวยังไม่หยุดก้าวเดินไร้การสนองตอบสุดว้าวุ่นใจจนด้วยเกล้าจะเฉไฉแฉลบไปทางไหนดีอยากจะกระโจนลงแม่น้ำเสียให้รู้แล้วรู้รอด

“ใจคอจะหลบหน้าพิศไปถึงกรุงเทพฯเลยใช่ไหมคะ"เพลินพิศสมัยก็ไม่เข้าใจตัวเอง นี่เธอเป็นฝ่ายผิด? ใครควรง้อใครกันแน่?? แล้วทำไมเธอต้องแคร์คนลวงใจคนนี้เสียมากมายเธอควรจะโกรธแย่ที่สุดคืองอนกลับกรุงเทพฯไปทั้งนี้เหนืออื่นใดคือสาวหวานก็มีพันธกิจซ่อนเร้นเฉกเช่นกันสองอนงค์เดินตามกันเป็นพระนางในหนังภารตะมาจนถึงบริเขตที่เป็นบ่อเลี้ยงปลาคังและปลาหมอ

“คุณพิศมาดูปลากันเถอะค่ะ" คำน้อยหลุดจากปากเพราะสิ่งเร้าตรงหน้ามันช่างน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งบ่อปลาและบ่อกุ้งเรียงรายหลายสิบบ่อลุงเฮงผู้ดูแลเข้ามาทักทายนายน้อยและคุณผู้หญิงอีกคน

“ลุงเลี้ยงปลาคังมานานเท่าไหร่แล้วนี่คะครั้งก่อนอิ๊งค์ยังเห็นเลี้ยงปลาทับทิมอยู่เลย”อิงค์กาญจน์พอจะรู้เหตุผลเลาๆถึงการเลิกเลี้ยงปลาทับทิมเนื่องจากมารดาของเธอปรารถนาจะตัดวงจรพ่อค้าคนกลางและนายทุนออกจากสารบบมาเนิ่นนานแล้ว

“เพิ่งลงปลาหมอกับปลาคังนี่ได้เป็นรอบที่สามตอนนี้เป็นที่ต้องการของตลาดมากแค่ขายร้านอาหารในเมืองก็ไม่พอแล้วนี่หนูอิ๊งค์รู้ไหม คราวที่แล้วเปิดบ่อได้เกือบครึ่งล้านเลยนะแม่เจ้ายังเปิดอบรมวิธีการเลี้ยงและขายพันธุ์ปลาให้กับชาวบ้านด้วย”เพลินพิศสมัยรับฟังด้วยความยินดี น้าสายใจเธอเป็นแบบอย่างของเกษตรกรสมัยใหม่จริงๆ

“หวังว่าครั้งหน้าลุงคงไม่บ้าจี้เลี้ยงตุ๊กแกส่งออกตามใบสั่งแม่หรอกนะอิ๊งค์กลัว”สายลับสาวพูดติดตลก แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นแม่สายใจอาจจะหาอะไรประหลาดๆมาเลี้ยงด้วยความเป็นเกษตรกรวิสัยทัศน์ไกลเล็งเห็นตลาดและผลเลิศที่จะบังเกิดต่อชุมชนเป็นนิจ

“แม่ขอให้ลุงช่วยเอาปลาคังกับปลาหมอขึ้นให้ทีค่ะแม่แกจะทำกับข้าวเลี้ยงเพื่อนอิ๊งค์ค่ะลุงเฮง”ชายชราร่างผอมชะลูดยิ้มรับคำก่อนจะเอาสวิงมาช้อนปลาใส่ถัง ไม่นานการก็สำเร็จแรกทีเดียวลูกสาวเจ้าเรือนอยากจะชวนสาวหวานจับปลาเสียเองแต่เกรงว่าน่าจะไม่รอดเย็นนี้คงจะไม่ได้กินเป็นแน่แท้ต่างจากเพลินพิศสมัยที่กล้าๆจะเอามือบอบบางของตนสัมผัสกับปลาที่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในถัง

“จับได้หรือเปล่าคะลุงนี่เหรอคะที่เขาเรียกว่าปลาหมอตัวดำเมี่ยมเลยดูคล้ายปลานิลจังนะคะพิศเคยเห็นแต่คนหัวหมอ” เพลินพิศสมัยถามลุงผู้ดูแลแต่สายตาน่ะปรายมาที่แม่จอมลวงอิงค์กาญจน์หน้าเหวออ้าปากหวอ เผลอเป็นได้โดนค่อนขอดทุกคราวไป

“จับได้ครับแต่ต้องระวังนิดหน่อย”

“อุ๊ย เพลินพิศสมัยจับปลาหมอตัวหนึ่งขึ้นมาแต่ด้วยความเผลอไผลเจ้าปลาน้อยดิ้นหลุดจากมือไปนอนเกลือกกลิ้งที่พื้นลุงเฮงรีบจัดการเอาใส่ถังและเดินเอาไปให้ผู้เป็นนายที่เรือนปล่อยสองสาวเย้ากันตามทำนอง

“ฮิฮิ..ลื่นปรื๊ดเหมือนใครไม่รู้นะคะ”สาวหวานยิ้มพึงใจเห็นเป็นเรื่องสนุก ดอกที่สองตามมาติดๆแต่ครั้งนี้อิงค์กาญจน์มีหือตอบโต้กลับมาบ้าง

“จับปลาต้องจับสองมือสิคะ”ปริศนาใจเสมือนหยอกตนเองมากกว่าเพราะคดีก็ตามสืบจับคนร้ายที่ต้องสงสัยยิ่งว่าเป็นคนตรงหน้าและยังพยายามจะจับกุมหัวใจของเธอไปด้วยในคราวเดียวท้ายที่สุดมันจะหลุดมือดั่งที่สุภาษิตเขาเตือนไว้หรือเปล่านะ?

“อย่าหาว่าพิศดัดจริตนะคะ มื้อนี้คงเป็นมื้อที่บาปมากๆเลย”อิงค์กาญจน์เท่าทันว่าสาวหวานหมายความถึงสิ่งใด ก็นะหล่อนคือนางงาม รักเด็กรักสัตว์รักษ์โลก

“เขาเกิดมาเพื่อเป็นอาหารค่ะไม่เรากินเขา เขาก็ต้องไปอยู่ตามท้องตลาดอยู่ดีค่ะ”

“เช่นกันใช่ไหมคะที่ทุกคนจะborn to be อะไรสักอย่าง“ เพลินพิศสมัยเปรยเป็นคำถามลอยๆอิงค์กาญจน์ก็มิได้เก็บมาใส่ใจ เพียงยิ้มรับและปล่อยผ่านแต่ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างที่มิอาจจะปล่อยให้ผ่านสายตาไปได้

“คุณอิ๊งค์คะ”

“คะสายลับสาวสังเกตเห็นละอองน้ำเลอะหน้าสวยใสจึงไม่รีรอฉวยเอากระดาษทิชชู่จากกระเป๋าตนมาเช็ดให้

“ขอบคุณนะคะ"

“เรื่องแค่นี้เองเป็นคุณพิศก็คงทำให้อิ๊งค์เช่นกัน..ใช่ไหมคะ" อิงค์กาญจน์ชี้ให้เห็นว่าเป็นเรื่องปกติสามัญขอขัดความรู้สึกตนเองไม่ให้คล้อยตามซีนโรแมนซ์ตรงหน้าเธอถลำลึกกับเป้าหมายมากเกินควรแล้วเพลินพิศสมัยมองค้อนขวับใหญ่หงุดหงิดกับสาวเปรี้ยวที่ไม่อินกับบทหวานเสียเลย

“ตกลงจะให้พิศเรียกคุณว่าอะไรคะคุณอิ๊งค์ฉัตรมาหยา" ทันทีที่สาวหวานถอนใบหน้าพิไลของตนออกมาคำถามค้นใจก็ตามติดมากระชั้นชิด

“ไม่ว่าจะอยู่ในชื่อนามใดอิ๊งค์ก็คือคนเดิมค่ะ..คนที่..” อิงค์กาญจน์เจตนาจะหยุดประโยคไว้เพียงเท่านั้นขึ้นอยู่กับเป้าหมายแล้วว่าจะเลือกให้เธอเป็นเช่นไร

“พิศจะรอนะคะ..รอวันที่คุณจะบอกความจริง" เพลินพิศสมัยตอบกลับอย่างลุ่มลึกทั้งเสียงหวานออดอ้อนทำให้ผู้ฟังอ่อนระทวยแม้จะเป็นเช่นนั้นแต่อิงค์กาญจน์ยังใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดในการยึดโยงกับภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบที่มิอาจโยนทิ้งเพียงเพราะคำว่ารักชอบได้

“อิ๊งค์ก็จะรอค่ะ..รอวันที่ความจริงปรากฎ" อิงค์กาญจน์รู้สึกว่าตนเป็นแค่วิหคน้อยที่มิอาจล่วงรู้ความคิดอ่านของพญาครุฑได้เลย

ต่างฝ่ายเผยถึงความต้องการของตนใครจะเป็นผู้ถึงเส้นชัยแห่งความสมหวังก่อนกันระหว่างอิงค์กาญจน์ที่ละเมิดกฎทุกข้อของการเป็นสายลับและเริ่มจะมีจิตปฏิพัทธ์ต่อเป้าหมายมากขึ้นแปรผันตรงกับกาลที่ชิดใกล้กับเพลินพิศสมัยสาวหวานแสนเรียบร้อยกุลสตรีทุกกระเบียดผู้ที่หากเพ่งพิศพิเคราะห์ในระดับชั้นลึกจะพบว่าเธอไม่ใช่แค่สาวโลกสวยแสนธรรมดาอย่างที่เข้าใจ...




Create Date : 09 ธันวาคม 2558
Last Update : 9 ธันวาคม 2558 9:32:37 น. 0 comments
Counter : 467 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.