Group Blog
 
All blogs
 

ยามเมื่อสายลมแห่งรัก...พัดคืนใจ 3

“เชียร์ส” เป็นเสียงประสานจากสองสาวข้าวใหม่ปลามันเคล้ากันกับเสียงของแก้วใสที่กระทบกันของสองสาวที่หัวใจกำลังเปี่ยมสุขจะต่างกันก็ตรงที่สุขกันคนละเรื่อง

สาวลูกครึ่งสุขที่ใจทะเยอทะยานของตนได้รับการเติมเต็มอีกหนึ่งหัวใจที่สุกใสกำลังสุกงอมกับหัวใจรักที่ได้รับการเติมเต็ม

“พี่ต้องขอบคุณแจนมากเลยนะคะ” มือเรียวอีกข้างของสาวลูกครึ่งคว้าเอวของร่างที่บางกว่าเข้ามาชิดตัวก่อนจะประทับจูบอันแสนหวานไปบนริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยอรอท่าอยู่แล้ว

“เพื่อพี่แอนนี่มากกว่านี้แจนก็จะช่วยค่ะ”น้ำเสียงอันสั่นพล่าประกอบกับนัยน์ตาที่ฉ่ำหวานของเจนจิราเข้าไปกระตุ้นอารมณ์หวามของอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ

เมื่อแอลกอฮอล์ผสมผสานกันกับอารมณ์ที่ครุกรุ่นก่อเกิดจังหวะที่ปลุกเร้าประสานกันอย่างเร่าร้อนของสองร่างที่กำลังเปลือยเปล่าเพราะอาภรณ์ค่อยๆถูกกำจัดออกไปทีละชิ้นจนหมดสิ้นในไม่ช้า

เพลงรักในท่วงทำนองที่ตื่นเต้นเร้าใจกำลังเริ่มขึ้นโดยสาวลูกครึ่งเป็นฝ่ายบรรเลงเจนจิราลุ่มหลงไปกับบทเพลงรักที่แสนจะวาบหวามเร้าใจของอมาเรียจนถอนตัวไม่ขึ้น ไม่ง่ายเลยที่จะแข็งใจไม่ให้หลงใหลได้สำเร็จกับสาวสวยรวยเสน่ห์แถมยังเก่งกล้าหาตัวจับได้ยาก ในวงการธุรกิจนำเข้า-ส่งออกอมาเรียเชิดหน้าชูตาเหนือหลายๆคน

แต่หากเจนจิรารู้ความคิดของอมาเรียคงจะใจหายหัวใจยับยู่ยี่เพราะลมหายใจเข้าออกของอมาเรียมีเพียงพิชนีย์คนรักเก่า วาร์วเองก็หลงใหลเทิดทูนเธอไม่แพ้แจนแต่วาร์วจะแพ้แจนก็ตรงที่แจนไม่ได้เป็นน้องวาร์มคนที่ฉลาดเฉลียวทันไปซะทุกคนและมีพร้อมไปซะทุกอย่างคนที่ทำให้เธอรู้สึกพ่ายแพ้หมดท่าเสมอเวลาเผชิญหน้ากัน และที่สำคัญแจนเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของท่านรัฐมนตรีวุฒิชัยที่ตำแหน่งรัฐมนตรีสามารถอำนวยความสะดวกทางธุรกิจกับเธอได้ในหลายๆเรื่องเช่นในวันนี้หากในโปรเจ็กต์ไม่แนบความเห็นดีเห็นงามของท่านรัฐมนตรีวุฒิชัยมีเหรอที่เธอจะสู้ยักษ์ใหญ่อย่างศิราณุวัฒน์ได้ และถ้าวันหน้าท่านวุฒิชัยยิ่งใหญ่ขึ้นไปเป็นระดับนายกรัฐมนตรีโดยที่หัวใจลูกสาวของท่านยังอยู่กับเธอสิ่งที่เธอคาดหวังมันจะเกินฝัน เธอจะได้ในทุกๆอย่างที่เธอต้องการโดยเฉพาะเหยียบศิราณุวัฒน์ให้จมลงไป!

กริ้งๆๆ…เสียงกระดิ่งที่ดังกังวานไปทั่วห้องดึงให้หญิงสาวที่กำลังหลับใหลต้องตื่นลืมตาขึ้น

พิชนีย์รู้สึกได้ถึงสิ่งที่ผิดปกติใช่!เธอได้ยินเสียงกระดิ่ง สายตาตวัดมองไปยังกระดิ่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งทันทีใจหายวาบกับภาพเคลื่อนไหวที่เป็นเงาสลัวแต่มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่คิดเธออาจจะตาฝาด ก็ก่อนนอนเธอได้แขวนพระไว้หน้าประตูแล้วนี่ แล้วผีจะเข้ามาได้ยังไงผีต้องกลัวพระซิถึงจะถูก

“หือ… ทำไมฉันจะต้องกลัวพระล่ะคะ พระท่านไม่ใช่สิ่งน่ากลัวสักหน่อย ฉันเองก็นับถือศาสนาพุทธนับถือพระนะ” พิชนีย์กำลังแยกแยะว่ามันเป็นเสียงที่ดังอยู่ในหัวตนเองหรือดังอยู่หน้ากระจกโดยมีต้นเสียงเป็นเงาสลัวนั่นแขนเรียวยันตัวขึ้นมาเพ่งมองมองไปยังสิ่งแปลกปลอมอย่างลืมกลัวว่าสิ่งนั้นจะเป็นผีเพราะความอยากรู้มีมากกว่า แต่…ก็หลอนไม่หยอกเมื่อม่านตาปรับแต่งแสงสีจนเข้าที่ ความมืดสลัวก่อนหน้านี้ชัดเจนขึ้นใช่ แน่ๆสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอคือ ผี!!!

“เธอเข้ามาได้ยังไง” พิชนีย์ตอกย้ำความคิดก่อนหน้านี้ที่เหมือนจะได้คำตอบมาแล้ว

“เข้ามาได้ซิก็ที่นี่บ้านฉัน” พิชนีย์ขนหัวลุกเมื่ออีกฝ่ายโต้ตอบกลับมาแสดงถึงการมีตัวตนแต่เธออาจจะฝันอยู่ก็ได้ เร็วเท่าความคิดนิ้วเรียวจิกไปที่ต้นแขนของต้นเอง

“โอ้ยพิชนีย์ร้องเสียงหลงเหตุมาจากการทำร้ายตนเอง

“ฉันดีใจมากเลยที่คุณเห็นฉัน” เสียงเจื้อยแจ้วดั่งระฆังใส ไม่สนใจอาการเจ็บปวดของอีกฝ่ายก็จะตื่นเต้นไปใย เจ็บแค่นี้เดี๋ยวก็หายแต่เรื่องที่หล่อนเห็นเธอนี่ซิน่าตื่นเต้นกว่าตั้งเยอะ

“คุณไม่ต้องกลัวฉันหรอกนะคะฉันเป็นผีเรียนหนังสือ มีคุณธรรมและมีเหตุผล”สิ่งที่เรียกว่าผียังเจื้อยแจ้วต่อไป ส่วนอีกคงก็นั่งฟังอย่างสงบแบบงงงวย สมองคิดหาทางรอดจากสถานการณ์อันแปลกประหลาดที่แสนจะไร้เหตุผลก็เธอกำลังถูกผีหลอกผีที่วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีอยู่จริง แถมแม่ผีตนนี้ก็ยังดื้อดึงไม่ยอมกลัวพระตามหน้าที่และก็เข้ามาในห้องส่วนตัวของเธอโดยไม่ขออนุญาต

“ไม่ใช่แค่ฉันไม่กลัวพระนะคะผีรอบๆบ้านก็ยังกลัวฉันด้วย”

‘หือ…นี่เธอเจอกับผีตัวแม่เลยหรือนี่

เงาสลัวที่ดูออกว่าเป็นหญิงสาวร่างบางเลื่อนตัวใกล้เข้ามาพาให้คนที่นั่งอยู่บนเตียงมีสติคิดไว้ว่าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อปกป้องตนเองบ้างคิดได้แบบนั้นก็ดีดเด้งพรวดพราดลงมาจากเตียงไปอยู่อีกมุมหนึ่งที่เป็นมุมตรงข้ามกับผีสาว

“คุณรู้ไหมว่าคุณจะไม่มีวันเห็นฉันถ้าเราไม่มีบุญสัมพันธ์กันมาแต่เก่าก่อนเห็นไหมว่าฉันเป็นผีมีเหตุผลและที่ฉันไม่กลัวพระก็เพราะฉันไม่ใช่วิญญาณร่อนเร่ชั้นต่ำไร้บุญกุศลฐานจิตของฉันอยู่ในระดับสูง” พิชนีย์ใจหายวาบอยากจะร้องก็ร้องไม่ออกเมื่ออยู่ผีสาวที่เคยเจื้อยแจ้วอยู่ห่างก็เข้ามาประชิดในระยะเอื้อมมือถึง

“คุณดูชั้นชัดๆซิคะว่าฉันหน้ากลัวเหรอ” พิชนีย์พยายามจะเบี่ยงหน้าหนีเมื่ออีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาใกล้แต่อย่าว่าแต่เบี่ยงหน้าหนีเลยจะกระพริบตายังทำไม่ได้

แต่… ถ้าไม่นับว่าหล่อนเป็นผีวัดจากรูปลักษณ์ภายนอก ไม่ใช่แค่ไม่น่ากลัวเท่านั้นนะสวยเลยแหละ ตากลมโตเสียอย่างเดียวไม่มีประกายใบหน้าเรียวยาวรับกันดีกับจมูกโด่งเป็นสันเชิดรั้นดั่งคนเอาแต่ใจ แถมยัง…หอมอีกด้วย หอมเหมือนดอกไม้

“กลิ่นน้ำหอม Hypnose จากฝรั่งเศสค่ะ จะมีกลิ่นไม้หอมของตะวันออกอย่างดอกเสาวรส และหญ้าแฝก” ผีสาวโต้ตอบความคิดของอีกฝ่ายและนี่ไม่ใช่ครั้งแรก

‘ใช่! หล่อนรู้ความคิดเธอ’ จากที่รู้สึกเกรงกลัวกลับเป็นขุ่นมัวไม่พอใจตามสไตล์ของคนที่มีนิสัยเอาแต่ใจที่ไม่ชอบให้ใครเข้ามาก้าวก่ายในพื้นที่ส่วนตัว

“ฉันได้ยินเองมันเป็นอัตโนมัติ ฉันขอโทษ” ผีสาวเสียงอ่อยดั่งคนรู้สึกผิดแต่ก็ยิ่งไปกระตุ้นให้อีกฝ่ายขุ่นมัวเพราะถูกล่วงรู้ความคิดพิชนีย์คิดจะเอาคืนอีกฝ่ายโดยไม่เห็นว่าเป็นมิตร

“นะโมตัสสะ ภะคะวะโต…” พิชนีย์สวดมนต์หวังหลุดพ้นจากพันธนาการจากผีสาว

“สัมมาสัมพุทธัสสะ” เธอไม่ได้สวดพิชนีย์ขนหัวลุกหวาดกลัวผีดื้อด้าน อะไรกัน นั่นก็ไม่กลัว นี่ก็ไม่กลัวบ้าที่สุด

“ก็คุณไม่เชื่อที่ฉันพูดไงคะ ว่าฉันเป็นจิตวิญญาณที่อยู่ในระดับสูงคุณก็คิดก็ว่าฉันจะเป็นผีมาหลอกหลอนคุณแย่จังนะ”ถึงแม้จะไม่แน่ใจว่าคำว่า ‘แย่จังนะ’ที่ผีสาวพูดจะหมายถึงตนแต่ก็อดรู้สึกไม่พอใจไม่ได้ว่าตนกำลังถูกตำหนิโดยใครก็ไม่รู้ก็นอกจากพ่อกับแม่และบรรดาพี่ๆของเธอ ใครก็ไม่มีสิทธิ์มาว่าเธอ

“เฮ้อ! ที่แท้ก็เด็กเอาแต่ใจ”ตามเคยกับการตอบโต้ทางความคิด ว่าแต่ทำไมเธอถึงเอาแต่คิดล่ะ ทำไมเธอไม่พูดอะไรบ้าง

“ฉันจะทำบุญไปให้ ขอร้องว่าอย่ามารบกวนกัน”พิชนีย์พูดออกไป

“ฉันไม่ได้ขาดบุญและคุณรู้ไหมการที่ใครจะอุทิศส่วนกุศลให้ใครได้นั้นก็ต้องมาจากจิตที่เป็นกุศลจากศีลที่เสมอกันหรือเหนือกว่า”

‘หือ มีงี้ด้วย ความรู้ใหม่เลยนะเนี่ย’

“ก็ใช่ซิคะ หลายคนสับแต่แค่ทำบุญ อุทิศส่งๆไปและก็มานั่งเพ้อฝันว่าจะมีบุญมากมายส่งออกไปแต่ป่าวเลย มันเป็นแค่มะโนของคนติดดีที่คิดว่าทำแค่นี้แล้วก็จะส่งผลมากมายเพราะรากของบุญกุศลเกิดจากจิตที่เป็นกุศล จิตที่เป็นประธาน”โดนผีสอนมวยซะแล้วพิชนีย์คิดแบบปลงๆ

“แล้วฉันต้องทำยังไง คุณถึงจะไป”เมื่อได้ยินคำถามนี้ผีสาวก็ดูเศร้าสลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด

“ฉันขอโทษที่มารบกวนคุณ ก็ไม่แปลกหรอกนะถ้าคุณจะนึกรังเกียจไม่อยากจะปฏิสัมพันธ์กับผีแปลกหน้าอย่างฉันลาก่อนนะคะ”พิชนีย์ยืนมองผีสาวที่ถอยห่างออกไปจนลับก่อนที่แข้งขาจะอ่อนพับลงบนเตียงร่างกายคล้ายเหน็ดเหนื่อยจากการออกกำลังกายอย่างหนักก่อนจะเลื่อนไหลกายลงไปบนที่นอนและหลับใหลลงไปอย่างง่ายดาย

สติสุดท้ายก่อนที่จะหลับใหล…นี่คือเรื่องจริงหรือมันเป็นเพียงฝันไปแต่ไม่ว่าจะเป็นจริงหรือเพียงภาพฝัน ฉันก็ได้เห็นคนสวย

สวย ใช่สวยสวยจนนึกเสียดาย…

โดยลืมไปว่าความคิดของตนนั้นดังก้องออกมาดั่งปราศรัยผีสาวคลี่ยิ้มไปกับจิตสุดท้ายของอีกฝ่าย

‘บ้าจริง! จะมาตื่นเต้นอะไรกับความสวยของเธอทั้งที่ตัวเองก็สวยน้อยอยู่ที่ไหนและที่สำคัญเราก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน’ ในความซับซ้อนที่ผีสาวไม่ได้นึกเอะใจคือความรู้สึกขวยเขินที่มีต่ออีกฝ่าย

กริ้ง กริ้ง… เสียงกระดิ่งกังวานอยู่ในห้องแต่กังวานอยู่ในระดับของจิตวิญญาณที่อยู่ในอีกมิติหนึ่ง ที่ไม่ใช่มิติเดียวกับเรา

พิชนีย์ปรือตาขึ้นเมื่อรู้สึกตัวก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบมือถือบนโต๊ะหัวเตียงที่กำลังร้องปลุกเธออย่างบ้าคลั่งมือถือถูกวางลงที่เดิมเมื่อนาฬิกาปลุกถูกร่างบางยังนอนเหยียดยาวสมองครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เรื่องแม่ผีสาว ถึงแม้เหมือนจริงมากแต่ก็ยากที่จะเชื่อว่ามันคือเรื่องจริงแล้วพี่วาร์มจะรู้ตัวบ้างไหมว่าได้เช่าบ้านราคาแสนแพงที่มีโปรโมชั่นแถมผีหน้าสวยให้กับเธอ…ใช่! ผีหน้าสวย

“หือ!!” สินีนาฏฉงนกับเรื่องราวจากน้องสาวคนเล็ก

“ผีเนี่ยนะยัยวาร์วจะเป็นไปได้ยังไงก็ผันไม่มีในโลก”

“ก็วาร์วเจอมานี่คะไม่รู้แหละ พี่วาร์มต้องจัดการให้วาร์วนะคะ”น้องน้อยกำลังเอาแต่ใจ

“แล้วจะให้พี่แจ้งกับทางผู้บริหารของบริษัทอินทัชว่ายังไงว่าหาที่อยู่ใหม่ให้ด่วนเพราะน้องฉันถูกผีหลอกอย่างนั้นเหรอ”ถึงแม้จะอยากตามใจน้องสาว แต่ก็คิดไม่ตกว่าจะพูดเหตุผลอะไรออกไปหากจะพูดเหมือนกับที่น้องสาวเล่าว่าเพราะถูกผีหลอกก็คงจะเสียหายไปหมดกับภาพพจน์ผู้บริหารระดับสูงของศิราณุวัฒน์และก็ไม่ได้เสียแค่เธอกับวาร์วนะ เสียยันตระกูลนี่แหละหนาทุกข์ของคนมีหน้ามีตาทางสังคม

“ก็ แหม…” น้องน้อยเสียงอ่อยในเรื่องที่กำลังทำให้พี่สาวหนักใจ

“งั้นวาร์วขอไปนอนโรงแรม”

“ไปนอนที่โรงแรมจะสะดวกสบายเหมือนอยู่บ้านได้ยังไงและเราก็ต้องให้เครดิตบริษัทอินทัขหากเราเปลี่ยนแปลงอะไรรวดเร็วเขาจะว่าได้ว่าเราดูถูกน้ำใจเขา”

‘ก็จริง’ หญิงสาวท้อแท้ในหัวใจ

“พี่ว่าวาร์วคิดมาก” เธอคิดว่าน้องสาวกำลังเสียใจเรื่องสูญเสียคนรักจนสมองเออเร่อไปละก็ผีมันไม่มีจริง!

“ก็…” ปลง! พูดไปก็เท่านั้นใครไม่เจอเองกับตัวก็ยากจะเข้าใจ

“น่าวาร์ว พอบริษัทอินทัชเข้าที่เข้าทางเมื่อไหร่วาร์วก็ได้กลับบ้านแล้วตอนนี้พี่อยากให้วาร์วเอาสติทั้งหมดมุ่งไปที่งานและทุกอย่างจะดีขึ้นเอง”

“ค่ะ”

“พี่ น้องทุกคนรักวาร์วนะ”

“ค่ะ วาร์วรู้”

หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อวางสายจากพี่สาวสายตากวาดมองไปรอบๆห้อง ความจริงเธอก็ไม่ได้หวาดกลัวอะไรมากมายหรอกแต่มันอาจจะเป็นแค่ความเอาแต่ใจที่ไม่ชอบถูกขัดใจ การที่ผีมาหลอกเธอนั่นไงคือการขัดใจกล้าดียังไงมาหลอกให้เธอกลัว แถมยังมาล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวของเธอไม่ได้สนิทอะไรกันไม่ควรเสียมารยาทแบบนี้ พิชนีย์คิดเพ้อเจ้อไปเรื่อยก่อนจะหยิบข้าวของเดินเข้าห้องน้ำไป

ตอนนี้พี่แอนนี่จะเป็นยังไงบ้างนะมันอดไม่ได้จริงๆที่จะนึกถึง ใช่นึกถึง ไม่ใช่คิดถึง พี่แอนนี่ไม่ได้มีค่าขนาดนั้นแล้วเธอก็แค่อยากรู้ว่าพี่แอนนี่จะมีความสุขมากขนาดไหนกับคนรักใหม่อยากรู้ให้ใจมันเจ็บไปอย่างนั้นเพราะเมื่อวันที่ใจมันเจ็บจนมันด้านชามันก็หมายถึงค่าที่เคยมีในใจได้หมดสิ้นไปแล้ว

“ใครโทรมาแต่เช้าคะ” โชติกากระโจมอกเดินออกมาจากห้องน้ำ ผิดสังเกตเมื่อเห็นมือถือในมือคนรัก

“ยัยวาร์วน่ะโทรมาบอกว่าเจอผี”

“หือ … ผี” สาวลูกครึ่งญี่ปุ่นรีบทิ้งตัวลงนั่งข้างคนรักก็ ผี เป็นคำแสลงเธอไม่ชอบฟัง

“หือ… โตป่านนี้แล้วยังกลัวพี่อีกเหรอ”

“กลัวซิคะก็ผีน่ากลัว ไม่มีตัวตน และจับต้องไม่ได้”

“แต่พี่ชอบผีประเภทหนึ่งนะแบบชอบมากๆเลยล่ะ” สาวลูกครึ่งญี่ปุ่นมีแววฉงนพี่วาร์มชอบผีอะไร? มีคนชอบผีด้วยเหรอเหรอ? พิลึกพิลั่นจริง

“ก็ผีผ้าห่มไง”

“ผีผ้าห่ม” สาวลูกครึ่งทวนคำกำลังประมวนคำภาษาไทยเป็นญี่ปุ่นแต่ก็ไม่เท่าทันความเจ้าเล่ห์เพราะถูกอีกฝ่ายคลุมด้วยผ้าห่มไปแล้ว และผ้าที่คลุมตัวอยู่ก่อนหน้านี้ก็ถูกคนเจ้าเล่ห์กระตุกให้หลุดออกจากกายอย่างง่าย

“ว้าย! พี่วาร์มเล่นอะไรคะ” สาวลูกครึ่งโวยวาย

“เล่นพี่ผ้าห่มไงคะโรสจะได้เลิกกลัวผี”

“พี่วาร์ม…” กำลังจะพูดต่อว่าเดี๋ยวลงไปสายแต่เรียวปากก็ถูกปิดสนิทไปแล้วมีเพียงเสียงอู้อี้ที่เล็ดลอดออกมาแม้จะมีอาการขัดขืนเพราะขัดใจคนรักแต่ไม่นานก็คล้อยตามลื่นไหลไปกับบทรักอันแสนหวานที่คนรักบรรจงป้อนให้อย่าว่าแต่พี่วาร์มจะหลงเด็กอย่างเธอเลย เธอเองก็หลงผู้ใหญ่ไม่น้อยไปกว่ากัน

พิชนีย์เดินลงมาพบเด็กอ๊อดในชุดนักเรียนยืนอยู่รอรับอยู่หน้าบันได

“เชิญด้านนี้ครับ” เด็กชายผายมือไปยังทิศที่จะไปก่อนจะเดินนำออกไป

“ยังไม่ไปโรงเรียนเหรอจ๊ะ”หญิงสาวชวนคุยไม่ถือตัว

“ยังครับอยู่ช่วยงานยายให้เสร็จก่อนครับโรงเรียนผมอยู่ถัดไปสองซอยเองครับ” เด็กชายตอบแบบอายๆเพราะไม่คุ้นชินกับเจ้านายสาวที่มาจากกรุงเทพฯเมืองฟ้าอมรแถมคุณคนนี้ยังสวยมากอีกด้วย

“แล้วไปยังไงใครไปส่ง”

“ปั่นจักยานไปครับ”

“แล้วฝนตกแบบนี้ไม่เปียกเหรอ”

“เปียกครับแต่เข้าร่มสักแป็บก็แห้งครับ” เด็กน้อยพูดยิ้มๆในเรื่องที่คนเมืองลูกคุณหนูไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่สำหรับเธอตอนเด็กๆอย่าว่าแต่ตากฝนแล้วจะป่วยเลยแค่ถูกละอองฝนก็เตรียมตามหมอกันแล้ว

การสนทนายุติลงเมื่อถึงโต๊ะอาหารที่ไม่ใช่ที่เดียวกับเมื่อวานแต่เป็นลานโล่งยื่นออกไปจากชายคาบ้าน เห็นสวนเกษตรเรียงตัวเป็นระเบียบสุดลูกหูลูกตาแนวหลังถูกปิดล้อมด้วยทิวเขาอีกชั้น

‘สวยจัง’ พิชนีย์รำพันอยู่กับตัวเอง ในบั้นปลายของชีวิตเธอก็คงจะต้องการชีวิตที่สุขสงบแบบนี้มีเพียงบ้านที่ให้พักพิงปลอดภัย มีคนที่รักและคอยอยู่ดูแลกันไปจนแก่เฒ่า แต่ใครล่ะจะมาอยู่ดูแลเธอจนแก่เฒ่าขนาดตอนนี้เธอยังสาวยังสวยยังดูแลตัวเองได้ไม่ต้องเป็นภาระใครเธอก็ยังถูกทิ้ง!หญิงสาวหยุดความคิดไว้ที่ตรงนี้ก่อนจะเดินไปนั่ง

“เลิศชัยทานหรือยัง” จะเป็นเจ้าคนนายคนต้องรู้จักอาทรคนใต้บังคับบัญชาของตน มีสุขก็สุขร่วมกันมีทุกข์ก็ต้องร่วมกันฝ่าฟัน

“พ่อรูปหล่อทานเรียบร้อยแล้วค่ะ” พิชนีย์พยักหน้าน้อยๆเป็นการรับทราบ

อาหารบนโต๊ะมี ข้าวต้มกุ๊ย ไข่ตุ๋น หมูทอดยำปลาสลิด แล้วอีกอย่าง…

“ฉันรู้จักดอกสลิด” พิชนีย์พูดยิ้มๆอิ่มใจกับความรู้ของตนเอง เธอรู้จักเจ้าดอกนี้จากมณีคนรักของพี่แววและเธอยังรู้จักดอกไม้อีกหลายอย่างเลยแหละเพราะมณีมักจะสรรหาทำมาให้ทาน

“ใช่ค่ะป้าปลูกไว้หลังบ้านกำลังงามเลยค่ะเพราะได้ฝนทุกวันไม่คิดว่าเจ้านายเมืองกรุงฯอย่างคุณจะรู้จักด้วย”

“น้องสะใภ้ฉันเขาเก่งเรื่องอาหารการกินข้าวตอกดอกไม้ฉันเลยพลอยได้อานิสงค์ทางความรู้ไปด้วย” พูดจบหญิงสาวจึงหันไปสนใจกับอาหารตรงหน้าตักผัดดอกสลิดมาทานเป็นอย่างแรกเพราะเป็นของชอบเธอชอบทุกอย่างที่เป็นลูกไม้ ดอกไม้

“อร่อยจ้ะ” พิชนีย์แย้มยิ้มเป็นกันเอง ชื่นชมอย่างจริงใจเป็นไปโดยธรรมชาติธรรมชาติของคนที่มีเมตตาต่อผู้ที่ด้อยกว่าและโดยเฉพาะคนที่อยู่ในวัยชรา ป้าน้อยยิ้มจนแก้มปริเมื่ออาหารที่ตนทำถูกปากเจ้านายจากกรุงเทพฯ

ด้านนอกฝนยังคงโปรยปรายต่อเนื่องจากเมื่อคืนซึ่งเป็นปกติของที่นี่ในฤดูมรสุม

พิชนีย์รวบช้อนและหยิบน้ำขึ้นมาดื่มเป็นอันเสร็จสิ้นมื้อเช้า

“เดี๋ยวให้อ๊อดนั่งรถออกไปด้วยกันนะจ๊ะสายๆจะให้คนเอาจักยานไปส่งให้ที่โรงเรียน” พิชนีย์มีเมตตา

“อุ่ย ไม่เป็นไรค่ะเจ้าอ๊อดมันชินซะแล้ว” ป้าน้อยเกรงใจสุดกำลัง จะให้ลูกหลานคนต่ำต้อยไปนั่งรถหรูคันงามร่วมกับเจ้านายมันเป็นเรื่องไม่สมควรและทางคนที่มาติดต่อเช่าบ้านคือบริษัทอินทัชก็เน้นย้ำมานักหนาว่าคุณพิชนีย์เป็นคนสำคัญห้ามขาดตกบกพร่องไม่ว่าเรื่องใด

“ฉันอนุญาตแล้วตามนั้นนะจ๊ะ”พิชนีย์เน้นสียงหนักขึ้นหน่อยเพื่อหยุดความคิดเกรงใจของหญิงชรา

“อ๊อดไปเตรียมตัวจ้ะเดี๋ยวฉันจะไปแล้ว”เด็กน้อยหน้าเหวอเมื่อเจ้านายสาวพูดกับตนโดยตรง ก่อนจะหันไปขอความคิดเห็นจากยายหญิงชราเพียงพยักหน้า เพราะไม่อยากมีเรื่องขัดใจเจ้านาย

เด็กชายวิ่งหายไปและวิ่งกลับเข้ามาพร้อมกระเป๋าเป้สีมอซอที่มีตราโรงเรียนและมีอีกสิ่งในมือคือปิ่นโตสามเถาแปลกตาดีสำหรับคนเมือง

เมื่อเดินออกไปหน้าบ้านก็พบว่ากนกและเลิศชัยยืนรออยู่ชายหนุ่มทั้งสองสนใจเด็กชายที่เดินตามเจ้านายสาวออกมาด้วย

“เดี๋ยวไปส่งอ๊อดที่โรงเรียนก่อน”

“ครับ” กนกรับทราบ และเดินไปเปิดประตูรอ โดยพิชนีย์ขึ้นไปก่อนและขยับเข้าไปด้านใน

“อ๊อดมานั่งกับฉัน” แม้จะประหม่าเพราะความไม่คุ้นชินแต่ก็ตื่นเต้นไม่น้อยไม่คิดว่าจะมีวาสนาได้นั่งรถเบนซ์คันโตแบบนี้ส่วนเลิศชัยที่แม้จะยังงงๆแต่ก็รีบเปิดประตูเข้าไปนั่งคู่กับคนขับ

เพียงอึดใจรถหรูคันโตก็ขับมาจอดอยู่หน้าโรงเรียน

“มีร่มมาใช่ไหม”

“มีครับ”

“โอเคตั้งใจเรียนนะหนุ่มน้อย”

“ครับผมขอบคุณมากนะครับ”จากนั้นเด็กน้อยก็ไล่ไหว้ขอบคุณทุกคนจนครบและเดินลงจากรถไปเมื่อสังเกตจะเห็นว่าเด็กเล็ก เด็กโตหรือแม้แต่ครูต่างสนใจรถหรูเพราะนอกเมืองแบบนี้ไม่ใช่จะมีมาให้เห็นบ่อยๆเด็กอ๊อดก็พลอยได้รับความสนใจไปด้วย

“ใครมาส่งเธอเหรอปัญญา” ครูภาษาอังกฤษลุคสาวเท่ทักทายลูกศิษย์ตัวน้อย

“เจ้านายที่มาเช่าบ้านครับ”

“เอ่าไหนตอนนั้นบอกไม่ให้ใครเช่าไง”สาวเท่ฉงนเพราะเคยไปติดต่อขอเช่าตอนเพื่อนจากต่างประเทศจะมาเยี่ยมตนที่นี่

“เห็นว่าเจ้าของบริษัทอินทัชเขาเป็นเพื่อนคุณท่านครับ” อ๊อดเล่าไปตามที่ได้ยินได้ฟังมา

“อ่อคงเป็นคนสำคัญซินะ” สาวเท่รำพันกับตัวเอง

“ไปได้ละเดี๋ยวจะได้เวลาเคารพธงชาติแล้ว”

“ครับ” เมื่อเด็กน้อยให้หลังไปสาวหล่อก็ครุ่นคิดถึงบ้านที่เคยอยากไปเช่าอยู่แต่แม้จะมีเงินก็เช่าไม่ได้เพราะเจ้าของไม่ปล่อยเช่าคล้ายๆจะหวงแหนนักหนา แต่ก็นะเรามันไม่ใช่คนสำคัญ คิดถึงแค่นั้นก็หยุดคิดคิดไปก็ปวดหัวกับสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุม

ไม่นานจากนั้นเสียงออดบอกเวลาเข้าแถวหน้าชั้นก็ดังขึ้นสาวเท่จึงเดินไปทำหน้าที่ของตนในฐานะครูประจำชั้นประถมปีที่5




 

Create Date : 14 กรกฎาคม 2558    
Last Update : 14 กรกฎาคม 2558 13:13:35 น.
Counter : 573 Pageviews.  

ยามเมื่อสายลมแห่งรัก...พัดคืนใจ 2

เมื่ออาบน้ำเสร็จ พิชนีย์จัดแจงนำโน๊ตบุ๊คมานั่งทำงานที่โต๊ะริมหน้าต่างเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้แต่ก่อนจะลงมือทำงานนัยน์ตาดวงสวยได้ทอดสายมองผ่านกระจกใสออกไป เห็นทิวเขาที่ไกลสุดลูกหูกตาต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจี เมื่อมองสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าก็เห็นเมฆก่อตัวกันหนาแน่น

‘ดีจัง’ หากเป็นตอนนี้อากาศที่กรุงเทพก็ยังคงร้อนอบอ้าวแม้ว่าจะเป็นฤดูหนาว ผิดเพี้ยนไปหมดแล้วสำหรับฤดูกาลของเมืองไทยสาเหตุก็มาจากหลายอย่าง จากภาวะเรือนกระจกที่เกิดจากการตัดไม้ทำลายป่า แถมยังความต้องการใช้พสาสติกที่เพิ่มมากขึ้นซึ่งพลาสติกเป็นตัวก่อให้เกิดมลพิษตั้งแต่กระบวนการผลิตจนถึงกระบวนการแปรรูปหรือเผาทำลาย

กริ้ง กริ้ง …. พิชนีย์ หันขวับมองไปที่กระดิ่งบนโต๊ะเครื่องแป้งก็เมื่อกี้เธอได้ยินเสียงเหมือนใครมาสั่นกระดิ่ง แต่เมื่อมองไปก็ไม่เห็นความผิดปกติใดกระดิ่งยังคงวางนิ่งอยู่ที่เดิมจึงเลิกสนใจและหันกลับมาหมกมุ่นกับแผนงานตรงหน้า

กริ้งกริ้ง …. ตานี้เสียงกระดิ่งดังรัวติดกัน3 ครั้งทำให้พิชนีย์ต้องหันกลับไปมองอีกครั้ง และ…บ้าไปแล้ว ! เธอเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งในมือถือกระดิ่งใบหน้าที่เกลี้ยงเกลาผ่องใสของสาวรุ่นกำลังส่งยิ้มทะเล้นมาที่เธอ

“เธอเป็นใคร และเข้ามาได้ยัง” พิชนีย์ถามออกไปด้วยน้ำเสียงห้วนสั้นในหัวใจหงุดหงิดสุดๆ เธอไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวายในพื้นที่ส่วนตัว

คริคริ ไม่มีคำตอบตอบใดนอกจากเสียงหัวเราะที่ใสดั่งกระดิ่งใบหน้าที่ยิ้มแย้มยิ่งเข้าไปป่วนความรู้แขกกิติมาศักดิ์

“ฉันถามว่าเธอเป็นใคร” พิชนีย์ลุกขึ้นเดินปรี่เข้าไปหาแขกไม่ได้รับเชิญที่ยังแย้มยิ้มดั่งไม่รู้สึกรู้สาใดๆพิชนีย์ตั้งใจจะไปเอากระดิ่งที่อยู่ในมือหญิงสาวคนนั้นเพื่อจะสั่นเรียกป้าน้อย ป้าน้อยต้องมีคำตอบและทางออกที่ดีให้กับเธอไม่อย่างนั้นเธอจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด!

พิชนีย์ใจหายวาบเมื่อเดินไปถึงโต๊ะเครื่องแป้งกลับมีเพียงความว่างเปล่ากระดิ่งวางนิ่งอยู่ที่เดิม แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ?

ก๊อกก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูทำให้พิชนีย์สะดุ้งสุดตัวตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลนี่เธอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย มองไปที่ประตูยังได้ยินเสียงเคาะอยู่จึงก้าวลงจากเตียงเดินไปเปิด

“อาหารเย็นพร้อมแล้วค่ะ” ป้าน้อยรายงาน

“คิดไว้อยู่แล้วว่าคุณคงนอนพักผ่อนเพราะฝนตกอากาศเย็นน่านอนมาก”ป้าน้อยพูดจากสภาพของนายสาวที่ดูกระเซอะกระเซิงเล็กน้อยผิดจากสาวเนี๊ยบเมื่อแรกเห็น

“ขอบใจจ้ะ เดี๋ยวฉันลงไป”

เมื่อปิดประตูสายตาของพิชนีย์ปราดมองไปที่นาฬิกาแขวนเรือนใหญ่นาฬิกาบอกเวลา 17.30 . มิน่าล่ะป้าน้อยถึงมาเคาะเรียกเพราะมันเลยเวลาที่เธอเองเป็นคนนัดหมายแล้วนี่มันอะไรกัน เธอเผลอหลับไปตอนไหนและไม่ได้หลับธรรมดาด้วยนะ หลับลึกกินเวลานานหลายชั่วโมงเลยทีเดียวทั้งที่ปกติเธอไม่เคยเป็นแบบนี้เธอไม่มีนิสัยนอนกลางวันและแม้จะหลับไปนานแต่เธอกลับไม่รู้สึกสดชื่นเลย กลับรู้สึกเหมือนคนไม่ได้พักผ่อน

พิชนีย์มองออกไปนอกหน้าต่างก็พบเห็นเพียงความมืดสลัวแล้วเมื่อคิดไปคิดมาก็ไม่ได้คำตอบใดร่างบางจึงเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อล้างหน้าล้างตา

พิชนีย์เดินลงมาเห็นป้าน้อยรออยู่ตรงหน้าบันไดพร้อมเด็กชายอีกคนหนึ่ง

“เชิญด้านนี้ค่ะ” ป้าน้อยพร้อมเด็กชายเดินนำออกไป

พิชนีย์ตื่นตากับสถานที่ทานอาหารที่ป้าน้อยได้จัดไว้ให้จุดนี้เป็นลานโล่งที่ถูกปิดล้อมด้วยกระจกใส แม้ภายนอกจะมืดสลัวมองแทบไม่เห็นอะไรแต่แสงไฟจากด้านในที่สาดออกไปก็พอให้เห็นสายฝนที่โปรยปรายอยู่อย่างไม่ขาดสาย

พิชนีย์ยังไม่ไปนั่งที่โต๊ะอาหาร เดินดูรอบๆอย่างสนใจ

“ห้องนี้เป็นห้องสำหรับรับประทานอาหารเย็นหรือเวลามีงานจัดเลี้ยงก็จะใช้ที่นี่ค่ะ ถ้าเลื่อนบานพับด้านนี้ออกไปห้องนี้ก็จะขยายกว้างขึ้นอีกค่ะถ้าหากฝนไม่ตกคุณพิชนีย์จะได้เห็นดวงจันทร์จากมุมนี้ค่ะยิ่งคืนไหนพระจันทร์เต็มดวงนะคะคุณๆเธอจะมานอนเรียงกันชมดวงจันทร์ที่ห้องนี้ค่ะ” คำว่าคุณๆดึงความสนใจจากพิชนีย์

“แล้วคุณๆของป้าน้อยไปไหนกันแล้วล่ะจ้ะ” พิชนีย์ถามออกไป ทั้งที่ก็ไม่ได้ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านนะแต่ในน้ำเสียงของป้าน้อยบ่งบอกถึงความเปี่ยมสุข และแสนรักเมื่อพูดถึงคุณๆเธอจึงอยากต่อยอดความสุขให้คนแก่

“คุณๆเธอมีครอบครัวกันไปหมดแล้วค่ะป่านนี้ลูกๆของเธอก็คงจะโตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันไปหมดแล้ว”

“ป้าน้อยพูดเหมือนไม่ได้เจอคุณๆเป็นเวลานาน”

“ใช่แล้วค่ะก็ตั้งแต่…” ป้าน้อยสะดุดกับความคิดตนเองก่อนจะหยุดปากไว้ที่ตรงนี้

“ตั้งแต่อะไรเหรอจ้ะ”

“เอ่อ…. คือ”เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีอึกอักพิชนีย์จึงไม่เซ้าซี้ รู้ไปก็ไม่ได้อะไรเธอมาอยู่ที่นี่แค่ระยะเวลาดูงานไม่กี่เดือน และคงจะไม่ได้มาที่นี่อีกจำเป็นเหรอที่ต้องรู้เรื่องอะไรมากมาย

พิชนีย์เดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร อมยิ้มเมื่อเห็นอาหารตรงหน้าก็มันมีแต่ของโปรดของเธอ เธอรู้ดีมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เป็นผลมาจากครอบครัวของเธอเดาว่าน่าจะจากคุณแม่

ป้าน้อยจัดแจงตักข้าวใส่จาน ก่อนจะตักแกงส้มชะอมกุ้งฝอยและต้มจืดเต้าหู้ใส่ไข่เจียวกุ้งสับเสิร์ฟร้อนๆจากในหม้อ นอกจากนี้ยังมีผัดเห็ดรวมมิตรน้ำมันหอย แถมด้วยผัดสตอกุ้งที่เพิ่มเข้ามาจากที่ได้รับคำสั่งมา

หลังจากรินน้ำใส่แก้วป้าน้อยก็ออกมายืนด้านข้างกับหลานชาย

“อ๊อดใช่ไหมจ๊ะ” พิชนีย์ทักเด็กชายก่อนลงมือทาน

“ครับ” เด็กชายยิ้มเขินๆ เขาไม่เคยชินกับคนแปลกหน้า นานมากแล้วที่บ้านนี้ไม่เคยมีแขกมาพักไม่ซิตั้งแต่เขารู้ความก็เห็นมีแต่คุณคนสวยคนนี้แหละ

“เรียนอยู่ชั้นไหนแล้ว”

“.2 ครับ” พิชนีย์ยิ้มตบท้ายก่อนจะลงมือรับประทานอาหาร เมื่อเห็นนายสาววางช้อนและกำลังหยิบน้ำขึ้นมาดื่มป้าน้อยจึงรีบหยิบถ้วยเต้าฮวยไปวาง

“น่าทานจัง” พิชนีย์เลื่อนเต้าฮวยมาตรงหน้า

“เต้าฮวยมะพร้าวก่อนค่ะตัวเนื้อเต้าฮวยป้าก็ใส่น้ำมะพร้าวด้วยนะคะสูตรหวานน้อยทานได้เยอะๆเลยค่ะไม่ต้องกลัวอ้วน”

เมื่อตักเข้าปากลิ้นก็รับรสได้ถึงความอร่อย

“ถูกปากฉันจ้ะ ดีจังกับข้าวก็อร่อยโดยเฉพาะผัดสตอแถมขนมก็อร่อยมาก กว่าจะเสร็จงานฉันคงตัวกลมเป็นหมีแน่ๆ” แม้อาหารบนโต๊ะจะพร่องไปไม่มากแต่ได้ฟังอะไรที่มันหวานหูแบบนี้คนทำก็อิ่มใจ

“ป้าผัดสตอแบบไม่ใส่กะปิค่ะเพราะทางกรุงเทพฯเน้นย้ำมาว่าคุณพิชนีย์ไม่ทานกะปิ”

“ขอบใจมากจ้ะ” พิชนีย์ยิ้มปิดท้าย ดูเป็นสาวสวยสดใสที่ไม่เห็นจะดุอย่างที่พ่อรูปหล่อพูดเลยสักนิด

“ฝากดูแลคนของฉันด้วยนะจ๊ะ”

“พ่อรูปหล่อเรียบร้อยไปตั้งแต่บ่ายสามแล้วค่ะเธอขอแค่สลัดกับเต้าฮวย” พิชนีย์นึกขำอยากจะบอกป้าน้อยเหลือเกินว่าถ้าชมเลิศสวยว่าสวยเขาจะพอใจมากกว่า

“ฉันอิ่มละจ้ะยังไงเดี๋ยวฉันขอเดินย่อยดูอะไรรอบๆบ้านหน่อยนะจ๊ะ”

“ตามสบายเลยค่ะเจ้าอ๊อดเดินไปเปิดไฟในบ้านให้หมด”อ๊อดหน้าเหวอเมื่อมีคำสั่งหลอนๆแบบนี้ออกมา ให้เขาเดินมืดๆไปเปิดไฟเนี่ยนะและก็หลังใหญ่ยังกับวังใครจะไปกล้า เกิดเจออะไรแปลกๆพิสดารอย่างที่ชาวบ้านแถวนี้ร่ำลือเขาจะไม่ช๊อคตาตั้งหรอกรึ

“ไปซิเจ้าอ๊อดยืนรออะไร” อ๊อดสั่นหน้าแบบรัวๆ

“ยายไปเปิดเองดีกว่าเดี๋ยวอ๊อดเก็บล้างเอง” เจ้าอ๊อดรีบเดินมาจัดแจงเก็บของบนโต๊ะอย่างขยันขันแข็งยังไงโซนนี้ก็น่าจะปลอดภัยกว่าในบ้าน

“เอ็งนี่มันก็ตาขาวซะจริงอยู่มาตั้งแต่เกิดยังจะมากลัว” ป้าน้อยหันมาดุหลานชายที่ก็ไม่ได้จริงจังเพราะเข้าใจเด็ก

“เดี๋ยวป้าเดินไปเปิดไฟให้ค่ะหวังพึ่งเจ้าอ๊อดท่าจะไม่ได้เรื่อง” ไม่รอช้าป้าน้อยรีบเดินเข้าไปในบ้านเดินไปเปิดไฟ เปิดแอร์ด้วยความคุ้นชิน โดยพิชนีย์เดินตามหลังไป

ร่างบางเดินทอดน่องมองนู่นนี่ภายในบ้านทำไปก็เพื่อฆ่าเวลาเพิ่งทานข้าวเสร็จเธอยังไม่อยากขึ้นห้องเลย แต่ป้าน้อยเดินไปไหนแล้วเมื่อกี้ยังเห็นหลังไวๆแต่ก็ชั่งแกเถอะมันเป็นเวลาที่แกควรจะพักผ่อนได้แล้ว

เฟอร์นิเจอร์ในบ้านหลังนี้ล้วนเป็นไม้ที่ลวดลายและสีสันเป็นโทนเดียวกันไปหมดแต่โมเดิร์นตรงรูปทรงในส่วนต่างๆที่ดูทันสมัยรวมถึงเฉดสีของของตกแต่ง เช่น โคมไฟระย้าผ้าม่าน แจกัน ฯลฯ แสงของไฟสีส้มช่วยเสริมความคลาสสิกให้เฟอร์นิเจอร์ไม้ ความเป็นไทยโบราณกับโมเดิร์นร่วมสมัยกันได้อย่างสวยงาม

พิชนีย์หยุดยืนอยู่ตรงหน้ากรอบรูปที่แขวนเรียงรายอยู่สี่อันตรงมุมนี้รูปแรกเป็นรูปหมู่ห้าคนมีหนุ่มสาวหน้าตาดีทั้งคู่ มีเด็กหญิงสองคนที่ตุ้ยนุ้ยน่ารักที่เด็กทั้งสองน่าจะเป็นฝาแฝดกันเพราะใบหน้าละม้ายคล้ายกันมากคนหนึ่งนั่งอยู่บนตักของผู้ชายอีกคนหนึ่งนั่งอยู่บนตักของผู้หญิง มีเด็กชายอีกหนึ่งคนนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างหญิงชายดูแล้วน่าจะเป็นภาพพ่อแม่ลูก เด็กทั้งสามคนนี้คงจะเป็นคุณๆที่ป้าน้อยพูดถึงที่ตอนนี้ได้แต่งงานมีครอบครัวกันไปหมดแล้ว

สายตาของพิชนีย์เลื่อนมาที่รูปถัดไปเห็นเป็นชายหนุ่มรูปงามในชุดลำลองถัดไปอีกรูปเป็นรูปหญิงสาวหน้าตาสระสวย เสื้อคอบัวสีชมพูประดับด้วยลูกไม้บอกยุคสมัยที่ผ่านมาแล้วเนิ่นนานสายตาของพิชนีย์พาดผ่านไปในรูปถัดไป รูปสุดท้ายสะกดสายตาพิชนีย์ให้หยุดนิ่งดั่งต้องมนต์สะกด บังเอิญไปไหมที่เธอเคยเห็นผู้หญิงในรูปนี้

“เธอชื่อคุณบัวค่ะ” พิชนีย์หลุดออกมาจากภวังค์จากเสียงของป้าน้อย

“คุณบัวเธอเป็นเด็กน่ารักจิตใจดีมากค่ะ”

‘เด็ก’ พิชนีย์ฉงนอยู่ในใจ

“สามคนนี้ใช่คุณๆที่ป้าพูดถึงตอนอยู่ที่โต๊ะอาหารหรือเปล่า”

“ใช่ค่ะ”

“แต่ป้าเล่าว่าคุณๆของป้าแต่งงานมีครอบครัวไปหมดแล้วนี่หรือว่าคุณบัวคนนี้เป็นรุ่นลูกแล้ว” พิชนีย์สนใจในส่วนลึกรู้สึกว่าคนตรงหน้าเป็นคู่กรณีอย่างเสียไม่ได้ก็หล่อนบุกเข้าไปทำหน้าทะเล้นในห้องส่วนตัวของเธอ แม้ว่าจะเป็นในฝันก็เถอะ แต่ถ้าเธอไม่อนุญาตใครก็เข้าไปไม่ได้

ป้าน้อยหันมายิ้มให้นายหญิงเฉพาะกิจแต่เป็นยิ้มที่แปลกๆ คือยิ้มเย็นนัยน์ตาเป็นประกาย ไม่ได้ให้ความรู้สึกถึงความผ่องใสแต่กลับมีไอของความสุขแฝงอยู่

“คุณบัวเธอเสียไปแล้วค่ะตั้งแต่เธออายุได้ 18 ปี”พิชนีย์ใจหายเล็กๆกับสิ่งที่ได้ยิน

“ตอนนี้คนที่ยังอยู่คือคุณเหมอกับคุณธิดา” พิชนีย์เพียงพยักหน้ารู้สึกหลอนๆแปลกๆเมื่อสมองกลับไปคิดเท้าความถึงเด็กสาวที่ชื่อบัวที่อยู่ๆก็เข้าไปโผล่ในความฝันของเธอจะเป็นไปได้ไหมว่าหล่อนยังเป็นวิญญาณวนเวียนอยู่ในบ้านหลังนี้ และอย่าบอกนะว่า…

“ห้องที่ฉันพักเดิมเป็นห้องของใครจ้ะ” พิชนีย์แข็งใจถามออกไป

“เป็นห้องของคุณหญิงกับคุณท่านค่ะเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในบ้านหลังนี้ค่ะ”

“แล้วคุณหญิงกับคุณท่าน…”

ป้าน้อยยิ้มน้อยๆเข้าใจความหมาย

“คุณหญิงเสียไปแล้วค่ะแต่เสียที่กรุงเทพฯ ส่วนคุณท่านยังมีชีวิตอยู่ แต่หลังจากที่คุณผู้หญิงเสียไปคุณท่านก็ย้ายไปอยู่กับครอบครัวน้องสาวท่านที่ประเทศฮังการีค่ะ”

“อ่อ” พิชนีย์ใจชื้นขึ้นมา แต่วางใจได้เหรอก็เด็กบัวเพิ่งจะเข้าไปป่วนเธอในความฝันในห้องที่ไม่ใช่ของตัวจะพูดเรื่องนี้กับป้าน้อยก็ดูจะไม่มีอะไรที่สมเหตุสมผลเลยสักอย่างเผลอๆอาจจะถูกมองว่าเพ้อเจ้อไร้สาระเสียชื่อผู้บริหารจากศิราณุวัฒน์หมด

“เดี๋ยวยังไงป้าขอตัวไปดูแลความเรียบร้อยก่อนนะคะมีอะไรก็เรียกใช้ป้าได้นะคะ ป้าอยู่แถวๆนี้”

“ไม่ละจ้ะฉันจะขึ้นห้องแล้ว” พูดจบหญิงสาวก็หมุนตัวเดินกลับไปยังห้องของตนแม้ใจจะหวิวๆวังเวงแต่ก็บังคับใจให้เข้มแข็งผีก็ควรจะอยู่ส่วนผี และการที่ผีมาระรานรบกวนคนเป็นสิ่งที่ผิดที่เธอยอมรับไม่ได้

เลิศชัยเลิกคิ้วสูงเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์คุณวาร์วโทรเข้ามา

“ครับคุณวาร์ว”

“ฉันต้องการพระเครื่องสักองค์นายพอจะมีไหม”

‘หือ’ เลิศชัยอุทานอยู่ในใจ

“คุณวาร์วจะเอาไปทำอะไรครับ”

“แค่ตอบมาว่ามีหรือไม่มีถ้ามีก็เอาขึ้นมาให้ฉันตอนนี้เลย”

“มะ ม่ะ มีครับเดี๋ยวผมจะรีบเอาขึ้นไปให้” เลิศชัยกระตือรือร้น เพราะกลัวไปขัดใจเธอเข้ากลายเป็นเรื่องใหญ่โตได้ง่ายๆ

ก๊อก ก๊อก ก๊อกชั่วอึดใจเลิศชัยก็มาเคาะประตูห้อง

“พระเครื่องที่คุณวาร์วต้องการครับ” ชายหนุ่มรีบยื่นสร้อยพระที่ตนมักใส่ติดตัวให้เจ้านายสาวเมื่อประตูเปิดออก

“เป็นพระสมเด็จอายุหลายร้อยปีครับมรดกจากคุณปู่ของผม”

“ขอบใจนะฉันขอยืมไว้ก่อนเสร็จโปรเจ็กต์นี้แล้วจะคืนให้”พิชนีย์ไม่ขยายความก่อนจะปิดประตูลงไปดื้อๆแม้จะงงๆกับเจ้านายสาวแต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร ชินซะแล้วกับความเอาแต่ใจ ไร้เหตุผลของสี่พี่น้องจอมติสที่โลกส่วนตัวยังสูงสุดกู่

เมื่อปิดประตูห้องพิชนีย์ได้แขวนสร้อยพระไว้ที่ประตูห้องแค่นี้สิ่งแปลกปลอมก็เข้ามาไม่ได้แล้ว

พิชนีย์เดินไปที่เตียงนอนด้วยความง่วงเหงาอาจจะเพราะด้วยบรรยากาศที่แสนดีจากการที่ฝนตกพรำๆอยู่ตลอดเวลาร่างบางสอดกายไปใต้ผ้าห่มและหลับใหลไปในไม่นาน โดยไม่รู้ตัวว่าทุกอิริยาบถของตนอยู่ในสายตาของใครบางคนเอ… จะเรียกว่าบางคนหรือบางตนดีน้า




 

Create Date : 27 มิถุนายน 2558    
Last Update : 27 มิถุนายน 2558 0:32:07 น.
Counter : 479 Pageviews.  

ยามเมื่อสายลมแห่งรัก...พัดคืนใจ 1

ณ ท่าอากาศยานระนอง

หญิงสาวร่างสูงโปร่งรูปร่างผอมบางเดินปะปนออกมาออกมาทางผู้โดยสารขาออกมีเพียงกระเป๋าถือใบเดียวเท่านั้นที่ติดตัวมาข้าวของต่างๆของหล่อนถูกส่งล่วงหน้ามาก่อนหน้านี้แล้ว

“คุณพิชนีย์ครับ”หญิงสาวหันมองไปทางเสียงที่เรียกชื่อตน

“ผมกนกครับจากบริษัทอินทัชอินเตอร์ฟู้ดครับ” พิชนีย์เพียงพยักหน้าน้อยๆเป็นการตอบรับท่าทางดูไว้ตัวแต่ก็ไม่ถึงกับเย่อหยิ่ง

“เชิญด้านนี้ครับ” ชายผู้นั้นเดินนำออกไป

พิชนีย์น้องสาวคนเล็กจากตระกูลศิราณุวัฒน์ในพี่น้องทั้งหมดสี่คนได้รับมอบหมายจากสินีนาฏพี่สาวคนรองให้มาบริหารจัดการบริษัทนำเข้าและส่งออกอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ที่ศิราณุวัฒน์เพิ่งจะเทคโอเวอร์มาโดยได้รับความร่วมมือจากผู้ร่วมทุนชาวไต้หวันคือเคนนี่เพื่อนนักธุรกิจคนสนิทของสินีนาฎนั่นเอง

ปลายทางที่กำลังจะเดินทางไปห่างจากสนามระนองประมาณ40 กิโลเมตร พิชนีย์ทอดสายตามองผ่านกระจกใสออกไปนอกรถสบายตากับทิวทัศน์โดยรอบที่อุดมไปด้วยไร่นา ป่าเขา พืชสวนที่เขียวขจี

การได้รับมอบหมายให้มาทำงานที่นี่ก็ใช่ว่าจะไม่มีที่มาพี่วาร์ม คงอยากให้เธอมาพักใจ ในที่ที่ไกลจากสังคมเมืองที่มีแต่ความวุ่นวายและไกลจาก… คนที่กำลังทำให้หัวใจเธอเจ็บคือคนรักเก่าของเธอนั่นเอง

เธอคบกับพี่แอนนี่ตั้งแต่เธอยังเรียนไม่จบในตอนนั้นเธอได้เข้ามาช่วยงานพี่วาร์มเป็นครั้งคราวพี่แอนนี่เป็นเจ้าของบริษัทนำเข้าเสื้อผ้าแฟร์ชั่นแบรนดังหลายแบรนไม่ว่าจะเป็นของเด็ก ผู้หญิง และผู้ชาย กินส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศไทยสูงถึง 15%และยังเป็นศูนย์กลางส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านในเกือบทุกประเทศเป็นธุรกิจที่นำหน้าการเปิดอาเซี่ยนไปแล้วหลายขุมได้เริ่มต้นก่อนก็มั่งคั่งได้ก่อนเป็นธรรมดา แต่เปิดอาเซี่ยนเมื่อไหร่ ธุรกิจของพี่แอนนี่คงจะไปไกลกว่าแค่การส่งออกแต่จะพัฒนาไปเป็นศูนย์กลางการผลิตในอาเซี่ยน

พี่แอนนี่เป็นผู้หญิงที่เก่งมากเก่งกว่าพี่วาร์มเสียอีกจากที่เธอได้เข้าไปชิดใกล้แค่เส้นสายใหญ่โตไม่เท่าศิราณุวัฒน์ก็เท่านั้น ความล้ำลึกหนึ่งของพี่แอนนี่คือเมื่อรู้ว่าการต้องต่อสู้เพื่อเทียบบารมีกับศิราณุวัฒน์มันหนักหนาสาหัสเกินไป พี่แอนนี่จึงเดินเข้ามาหาพี่วาร์มเพื่อขอเป็นพันธมิตรทางธุรกิจและพี่วาร์มก็รับไมตรีนั้นเพราะเห็นช่องทางต่อยอดผลประโยชน์และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอได้เจอพี่แอนนี่

ตลอดมาจนวันนี้พี่แอนนี่เป็นพันธมิตรที่ดีต่อศิราณุวัฒน์ไม่เปลี่ยนแปลงจะเปลี่ยนแปลงก็แค่หนึ่งหัวใจของศิราณุวัฒน์ที่พี่แอนนี่เคยครอบครองหวงแหนนักหนาที่เป็นน้องน้อยของตระกูลศิราณุวัฒน์ไม่เป็นที่ต้องการอีกต่อไปแล้ว

เมื่อคิดถึงใครบางคนที่ทำให้หัวใจเจ็บปวดน้ำนัยน์ตาก็รื้นออกมาแต่ก็แค่นั้น มันไม่ได้รับสิทธิ์ให้ร่วงไหลหล่นลงมาจากสองตาเพราะเขาคนนั้นไม่ได้มีค่ามากขนาดนั้น ขนาดที่เธอต้องเสียน้ำตาให้ ก็สำหรับคนที่ทิ้งเธอไปควรเหรอที่จะได้รับค่าจากเธอ

หากจะถามว่าเธอยังรักพี่แอนนี่อยู่มั้ย?ก็รักนะ และก็ยังรักมากด้วย พี่แอนนี่เป็นรักแรก เป็นความสัมพันธ์ลึกซึ้งแรกของเธอแต่มันจะมีประโยชน์อะไร หากรักนั้นมันมีอยู่ฝ่ายเดียวรักมั่นคงมันไร้ค่าได้ง่ายๆจากหัวใจที่เปลี่ยนแปลงของอีกคน

ร่างบางทอดสายตาไกลออกไปยังอดีตที่งดงามสุขและเศร้าเคล้ากันอยู่ในหัวใจ แต่อีกไม่นานอดีตเหล่านั้นจะถูกเจือจางไปตามกาลและเวลาเธอมั่นใจอย่างนั้น

พิชนีย์ปิดเปลือกตาลงไป ปล่อยกายลื่นไหลแนบพนักปล่อยใจให้ได้พักผ่อนอุตส่าห์หนีมาไกลขนาดนี้แล้วยังจะอยากไปคิดถึงเรื่องเก่าของคนเก่าๆอีกทำไม จะไปคิดถึงคนที่เขาไม่รักเราแล้วทำไม…

อมาเรียหรือแอนนี่ หญิงสาวร่างสูงลูกครึ่งไทย-ฮอลแลนด์เดินออกมาจากห้องประชุมด้วยสีหน้าที่เบิกบานใจกับโปรเจ็กต์ใหม่ที่กำลังไปได้สวย

เมื่ออยู่ในพื้นที่ส่วนตัวปลอดสายตาผู้คนอมาเรียได้หยิบมือถือขึ้นมาต่อสายถึงคนสำคัญที่ช่วยให้ทุกอย่างในวันนี้ราบรื่นขึ้น

“เรียบร้อยแล้วค่ะ ที่ประชุมคล้อยตามโดยง่ายจากความคิดเห็นที่เห็นดีเห็นงามจากคุณพ่อแจนที่แนบไปในโปรเจ็กต์” ตำแหน่งรัฐมนตรีของท่านวุฒิชัยช่วยให้เธอทำงานได้ง่ายขึ้นมากและหากท่านวุฒิชัยชิงตำแหน่งนายกมาได้ ทุกอย่างจะอยู่ในมือของเธอ ศิราณุวัฒน์ที่เคยอยู่เหนือเธอก็จะกลายเป็นแค่อดีต

เจนจิราคลี่ยิ้มยินดีไปกับอมาเรียเธอดีใจที่เธอมีส่วนช่วยให้ธุรกิจของพี่แอนนี่สำเร็จได้ง่ายขึ้น เธอทั้งรักทั้งหลงพี่แอนนี่มากเธอหวังว่าทุกสิ่งที่เธอมีจะทำให้พี่แอนนี่หยุดให้ฝังใจไว้ที่เธอ!

สินีนาฏเรียกประชุมด่วนพี่น้องทุกคนรวมถึงเลขา

“แอนนี่กำลังข้ามหัวเราโปรเจ็กต์จากรัฐบาลควรจะเป็นของเรา แต่แอนนี่กลับเอาผลงานของตัวเองเข้าชนกับเราและได้รับอนุมัติโดยง่าย” สินีนาฏเปิดประเด็น

“แบล็คของคุณแอนนี่เป็นท่านรัฐมนตรีวุฒิชัยพ่อของคุณแจนค่ะ”โชติกาเล่าต่อจากคนรัก พี่น้องทุกคนมองเข้าไปนัยน์ตาของกันและกัน

“พล๊อตซ้ำ” โชติกาพูดต่อ

“ใช่เหมือนแอนนี่กับวาร์ว” พี่สาวคนโตพูดต่อในสิ่งที่ทุกคนเข้าใจดี แต่ทุกคนก็อดใจหายไม่ได้กับสิ่งที่พัทรมาศพูดเมื่อพี่น้องที่ตนรักต้องตกไปอยู่ในเกมธุรกิจของแอนนี่

“แอนนี่ไปคั่วกับแจนตั้งแต่ยังไม่เลิกคบกับวาร์ว” สินีนาฏพูด

“วาร์วหมดประโยชน์กับแจนที่สดใหม่กว่าแถมคุณค่ายังมหาศาล” พัทรมาศพูด

“แอนนี่กำลังคิดการใหญ่และในการใหญ่ของแอนนี่ต้องมีศิราณุวัฒน์อยู่ในนั้นด้วย” สินีนาฏพูดต่อ ตอนนี้ทุกคนต่างมองเข้าไปนัยน์ตาของกันและกัน

“ทำลายศิราณุวัฒน์” โชติกาเป็นคนพูดอย่างคนที่อ่านเกมทะลุ งูเห่ายังไงก็คืองูเห่า ต่อให้เราเลี้ยงดียังไงก็ไม่มีทางที่มันจะเชื่องและซื่อสัตย์กับเราได้อย่างสุนัข

เธอกับพี่วาร์มอ่านเกมออกตั้งแต่แรกแล้วเพียงแต่คิดว่าจะเอาอยู่และคิดว่าความรักระหว่างวาร์วกับแอนนี่จะทำให้แอนนี่ลดความทะเยอทะยานลงไปได้บ้างศิราณุวัฒน์พยายามปิดทุกช่องที่จะทำให้เกิดความผิดพลาดกับแอนนี่แต่สุดท้ายก็พลาดเพราะแอนนี่สร้างช่องขึ้นมาด้วยตัวเองแถมยังเป็นช่องที่มีคุณภาพและแข็งแกร่งมาก

“แบบนี้ต้องเล่นกลับให้หนัก”โสรยาพูดออกมาด้วยอารมณ์เจ็บแค้นแทนน้องสาวคนเล็ก

“ไม่ง่ายค่ะเพราะเส้นสายรัฐมนตรีค้ำยันอยู่” มณีรัตน์พูดต่อความคิดคนรัก

“และจะยากขึ้นอีกหากท่านวุฒิชัยได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีค่ะ” โชติกาปิดท้ายประเด็น

“เราจะทุ่มงบสนับสนุนฝ่ายตรงข้ามท่านวุฒิชัยอย่างเปิดเผยและเราเห็นทางชนะ แอนนี่ควรจะได้เห็นแสนยานุภาพที่แท้จริงของศิราณุวัฒน์” สินีนาฏพูดขึ้น การเมืองยังไม่นิ่งแบบนี้อะไรก็ไม่แน่นอน แต่ก็อย่าลืมว่านานมาแล้วที่การเมืองอยู่ภายใต้เงื่อนไขทางธุรกิจ

แม้ศิราณุวัฒน์จะไม่ได้เป็นผู้กุมอำนาจทางธุรกิจแต่เราก็ได้กุมใจผู้กุมอำนาจใหญ่ไว้ได้หลายคนทั้งในและนอกประเทศสายป่านไกลกว่าแอนนี่มากนัก แม้แอนนี่จะผ่านช่วงวัยหัดเดินทางธุรกิจมาแล้ว แต่การเจริญเติบโตยังต่างชั้นถ้าเทียบกับศิราณุวัฒน์

ความสำเร็จแบบก้าวกระโดดของแอนนี่มันก็เป็นดาบสองคมคืออาจจะรุ่งโรจน์ยืนยาว หรืออาจจะส่องแสงพราวดั่งพุไฟ คืองดงามยิ่งใหญ่แต่ก็แค่ชั่ววินาที

อีกอย่างใจของประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิกขาราอยู่กับศิราณุวัฒน์หากศิราณุวัฒน์จะเทใจไปทางไหน สิกขาราก็ย่อมโอนอ่อนตามไป ภาพพจน์อันดีที่เราจะได้จากสิกขาราจะช่วยล่อลวงใจของคนในชาติได้อีกทาง

สายตาของพี่น้องทุกคนแข็งกร้าวเป็นอัตโนมัติแม้แต่สองสาวที่แสนอ่อนโยนและจิตใจดีอย่างมีนาและมณีรัตน์ก็ไม่เว้น

การได้เห็นคนที่รักถูกรังแกมันเจ็บเสียยิ่งกว่าการถูกรังแกเองเสียอีกและคนที่รังแกคนที่เรารัก ต้องชดใช้!

“คุณพิชนีย์ครับ” เปลือกตาเปิดขึ้นรู้สึกได้ว่าเครื่องยนต์ดับไปแล้วนี่เธอหลับลึกไม่รู้สึกตัวเลยหรือนี่ ร่างบางยืดตัวตรงก้าวขาออกมาจากประตูรถที่ถูกเปิดรออยู่แล้ว

พิชนีย์ทอดสายตามองไปเบื้องหน้าเห็นบ้านไม้2 ชั้น ลักษณะเป็นเรือนไทยสไตล์โมเดิร์นดูแปลกตาแต่ก็ดูเข้ากับแมกไม้ที่ดูร่มรื่นดีเมื่อกวาดสายตาไปโดยรอบจะเห็นสวนสวยที่ถูกโอบล้อมด้วยทิวเขาอีกชั้นหนึ่ง

ที่นี่เป็นที่พักของผู้บริหารจากศิราณุวัฒน์ที่ทางบริษัทอินทัชได้จัดหาไว้ต้อนรับ

“สวัสดีครับคุณพิชนีย์” พิชนีย์เลิกคิ้วเมื่อเห็นชายหนุ่มตรงหน้า คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอเลิศชัยที่นี่เลขาเฉพาะกิจที่พี่วาร์มว่าซินะก่อนเธอจะมาที่นี่มีปัญหาว่าปวัณรัตน์เลขาหน้าห้องของเธอกำลังตั้งครรภ์และเป็นท้องแรกสามีจึงทั้งหวงทั้งห่วงไม่ยอมให้มาทำงานที่นี่กับเธอแต่พี่วาร์มก็บอกว่าจะจัดการให้เพราะเห็นเธอกำลังทุกข์ใจเรื่องความรักตั้งแต่เกิดเรื่องพี่น้องทุกคนต่างก็พากันเอาใจใส่หวังช่วยเติมเต็มใจให้กับเธอและก็เติมเต็มใจเธอได้จริงๆนะ ลองนึกดูซิ พี่สาวของเธอทุกคนต่างเป็นคนโลกส่วนตัวสูงและต่างมีคนรักกันแล้วและทุกคนก็ติดคนรักกันมาก ก่อนหน้านี้เธอเองก็คบอยู่กับพี่แอนนี่ ทุกคนจึงต่างมีโลกส่วนตัวของตัวเองไม่สนใจจะมาสุงสิงกันหากไม่ใช่เรื่องงานพอทุกคนต้องมาเอาใจใส่เธอก็ออกจะเขินๆเก้ๆกังๆ ก็น่ารักไปอีกแบบ

“คุณสินีนาฏเรียกผมให้มาช่วยงานคุณครับ” เลิศชัยรายงานตัว หากเป็นต่อหน้าเจ้านายต้องเรียกชื่อจริงเสมอแต่ลับหลังก็มีเรียกชื่อเล่นบ้างเพื่ออรรถรสในการเม้า

ความจริงจากใจตอนที่ศิราณุวัฒน์ติดต่อไปบอกให้มาช่วยงานคุณวาร์วเขาแทบอยากจะปฏิเสธในทันทีเพราะคุณวาร์วเธอก็เป็นขาโหดไม่แพ้คุณวาร์มเรื่องความเพอร์เฟคชั่นนิสต์ในการทำงานแต่ก็มีเหตุให้ต้องเปลี่ยนใจเพราะคุณวาร์มเธอเอาเงินก้อนโตมาล่อ ใจเขาเลยแปรเปลี่ยนได้ง่ายๆ

พิชนีย์เพียงพยักหน้ารับทราบ ก่อนจะเบี่ยงสายตาไปทางหญิงวัยกลางคนใบหน้าผ่องใสที่ยืนอยู่อีกคน

“ป้าน้อยครับเป็นคนเก่าคนแก่ของที่นี่จะเป็นคุณดูแลคุณพิชนีย์ในระหว่างที่คุณพักที่นี่ครับ”กนกแนะนำ

“ป้าอาศัยอยู่ที่ห้องคนงานทางด้านหลังกับหลานชายอีกคนชื่อเจ้าอ๊อดค่ะแต่ตอนนี้เขาไปโรงเรียนจึงไม่ได้มาแนะนำตัวกับคุณค่ะ หากคุณต้องการอะไรเรียกใช้ป้ากับเจ้าอ๊อดได้ตลอดนะคะ” ป้าน้อยมีอาการประหม่าออกมา ก็พ่อรูปหล่อบอกว่าคุณคนนี้ดุ หญิงสาวพยักหน้าน้อยๆเป็นการรับทราบ

“บ้านน่าอยู่ดีนะ” หญิงสาวต่อประโยคเพื่อให้อีกฝ่ายผ่อนคลาย นอกจากเรื่องงานแล้วเรื่องอื่นเธอไม่เอามาตรึงเครียดหรอก แต่การปกครองที่ดี ต้องมีระดับของการคลุกคลีต้องศึกษาผู้ใต้บังคับบัญชาก่อน ว่าเหมาะที่จะให้ความคลุกคลีได้มากน้อยแค่ไหน

“บ้านหลังนี้ได้รับการดูแลและซ่อมแซมทุกปีค่ะเป็นบ้านเก่าแก่หลายสิบปีที่เจ้าของบ้านต้องการคงรูปแบบเดิมไว้ให้มากที่สุดท่านรักบ้านหลังนี้มากค่ะ” พิชนีย์เพียงพยักหน้า เธอไม่สนใจเรื่องอะไรพวกนี้หรอก

“เลิศชัยพักที่นี่ด้วยหรือเปล่า” พิชนีย์หันไปถามเลขาเฉพาะกิจ

“พักที่นี่ครับที่ห้องด้านหลังใกล้ๆห้องป้าน้อยครับ”

‘หือ’ พิชนีย์เลิกคิ้วสูงรู้สึกดั่งเลิศชัยอยู่ในฐานะทาสที่ความจริงมันไม่ควรขนาดนั้น

“ห้องกว้างขวางใหญ่โตครับมีห้องน้ำในตัว เครื่องใช้ไม่สอยสะดวกสบายครับ” ‘บางอย่างดีกว่าคอนโดที่ผมอยู่เสียอีก’อันนี้ไม่ได้พูดออกไป

“ขาดเหลืออะไรก็บอกฉันได้นะ” พิชนีย์อาทร หลักการบริหารคน มีแค่พระเดช…ไม่พอ! พระคุณก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันจะให้เขาทำงานให้เราดีๆเราก็ต้องเลี้ยงดูเขาอย่างดีด้วยเช่นกัน

“ขอบคุณครับ” เลิศชัยซาบซึ้งในความอาทร เพราะไม่ว่าสิ่งที่คุณวาร์วพูดมันจะออกมาจากใจหรือไม่แต่พูดย่อมดีกว่าไม่พูด จากประสบการณ์ลูกจ้างอย่างเขาได้เจอเจ้านายมามากมายหลายรูปแบบเจ้านายที่ดึงใจเขาไว้ได้ คือเจ้านายที่มีทั้งพระเดชและพระคุณเจ้านายบางคนเลือกมีแต่พระเดชเขาก็จะได้แต่งานแต่ไม่ได้ใจคนและเมื่อถึงวาระหนึ่งที่คนพัฒนาตนเองจนมีความสำคัญกับงานถึงวันนั้นเขาอาจจะไม่อยู่ทำงานให้ และเลือกออกไปทำงานที่ให้ผลประโยชน์มากกว่าเพราะเจ้านายที่นี่ไม่ได้มีพระคุณอะไรกับเขา

“พรุ่งนี้ผมจะมาแสตนบายรอแต่เช้านะครับ” กนกพูดในส่วนของตนก่อนจะขอตัวกลับไป

“ขอบใจมาก” พิชนีย์ตบท้ายด้วยรอยยิ้ม

“ส่วนผมแสตนบาย 24ชั่วโมงครับ” เลิศชัยได้โอกาส สอพลอแต่เขาก็ไม่ได้วอรี่กับสิ่งที่พูดออกไปอยู่แล้วถ้าเทียบกับค่าตอบแทนที่ได้รับจากคุณวาร์มงานนี้เขามาเพื่อทำงานหนักและพร้อมให้โขลกสับเต็มที่และคุณวาร์มก็ย้ำนักหนาให้ดูแลคุณวาร์วอย่างใกล้ชิดและห้ามขัดใจคุณวาร์วในทุกกรณีแต่ถึงคุณวาร์มไม่สั่งก็เถอะ ใครจะกล้า!

“ขอบใจ” พิชนีย์ส่งยิ้มให้กับเลิศชัย

“เชิญด้านนี้ค่ะ” ป้าน้อยเดินนำนายคนใหม่เข้าไปภายในบ้าน เลิศชัยยืนมองจนเจ้านายสาวลับตาหายเข้าไปในบ้านจึงได้กลับไปยังที่พักของตนเขาเองก็ต้องเตรียมตัวสำหรับการทำงานในวันพรุ่งนี้

ป้าน้อยเปิดประตูห้องเดินนำเข้าไปจัดการเปิดไฟเปิดเครื่องปรับอากาศ เดินดูแลความเรียบร้อยก่อนจะเกินออกมายืนหน้าประตู

“คุณพิชนีย์จะให้ป้าตั้งโต๊ะอาหารเย็นตอนกี่โมงดีคะ”

“สักห้าโมงจ้ะฉันไม่อยากทานดึก”

“ค่ะพักผ่อนให้สบายนะคะ หากมีอะไรให้ป้ารับใช้ก็สั่นกระดิ่งที่วางอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งนะคะ”

“ขอบใจจ้ะ”

เมื่อบานประตูปิดลงพิชนีย์เดินเอากระเป๋าสะพายไปวางไว้ที่โต๊ะวางของข้างโต๊ะเครื่องแป้งสายตาสะดุดกับกระดิ่งที่มีลวดลายสวยงามมีขนาดเท่าฝ่ามือมือเรียวหยิบมันขึ้นมาดูอย่างสนใจชื่นชมในความคลาสสิกเพราะเธอไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้มานานแล้วที่บ้านเธอตอนนี้แม่บ้านมีวิทยุสื่อสารติดตัวกันคนละอัน เอาไว้เรียกหากันและเอาไว้รับคำสั่งโดยจะมีวิทยุแบบเดียวกันสำหรับเจ้านายอยู่ที่ห้องรับแขกที่ปกติก็ไม่ค่อยมีใครได้หยิบใช้หรอกนอกจากคุณแม่เพราะลูกๆแต่ละคนไม่ค่อยมีใครอยู่บ้าน ส่วนคุณพ่อก็ตัวติดอยู่กับคุณแม่ตลอด

กระดิ่งถูกวางลงไปเพราะหมดความน่าสนใจจากนั้นร่างบางจึงเดินไปยังตู้เสื้อผ้าหยิบของที่ต้องการและเดินเข้าห้องน้ำไป

กริ้งกริ้ง…… อยู่ๆเสียงกระดิ่งก็ดังขึ้นส่งเสียงกังวานไปทั่วห้อง แต่เสียงกลับบางเบาเหลือเกินสำหรับผู้มาเยือน




 

Create Date : 24 มิถุนายน 2558    
Last Update : 24 มิถุนายน 2558 17:35:11 น.
Counter : 418 Pageviews.  


writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.