Group Blog
 
All blogs
 
ไขปริศนา

ของสำหรับใส่บาตรจัดไว้สามชุดดุจดาวกุลีกุจอมาช่วยถือออกมารอพระสงฆ์ที่หน้าบ้านด้วย อากาศยามเช้าหลังฝนปรอยเย็นสบายเสริมให้จิตใจของทั้งสองสาวยิ่งผ่องแผ้วเป็นกุศล

“นิมนต์เจ้าค่ะ”พรพิสุทธิ์นิมนต์พระสงฆ์มี 3รูปพอดิบพอดีรูปสุดท้ายเป็นหลวงอาพระผู้ใหญ่แก่พรรษาที่คุ้นเคยเห็นพรพิสุทธิ์มาตั้งแต่ยังเดินกระเตาะกระแตะหลังจากที่ใส่บาตรและรับพรแล้ว หลวงอาได้หยุดสนทนาธรรมด้วย

“อายุเท่าไหร่แล้วโยม”

“ยี่สิบห้าเจ้าค่ะหลวงอา”

“ตามโบราณเขาว่าไม่ดีซินะแต่อาตมาว่าหากไม่ดีจริงเขาคงข้ามจากยี่สิบสี่ไปเป็นยี่สิบหกเลย” พระผู้ใหญ่เทศนาเป็นข้อคิดพรพิสุทธิ์ค้อมศีรษะรับ

”ได้ข่าวจากโยมแม่เมื่อต้นปีว่าโยมกำลังจะเรียนจบแล้วตอนนี้ทำงานทำการอะไร”

“เพิ่งได้งานเป็นอาจารย์ที่สถาบันกวดวิชาเมื่อสองสามวันนี้เองเจ้าค่ะ”

“ครูบาอาจารย์เป็นสัมมาอาชีพที่สร้างบุญสร้างกุศลในตัวเองและช่วยนำพาชีวิตให้เจริญรุ่งเรื่องได้ดีหากยึดมั่นถือมั่นในจรรยาบันและมีจิตที่เมตตา เจริญสติภาวนาบ้างนะโยมเพื่อสร้างเสริมปัญญาและบารมีการใดก็ดีโยมจงได้ไตร่ตรองก่อนที่จะพูดและกระทำการทั้งปวง เจริญพร” พรพิสุทธิ์และดุจดาวก้มลงกราบพร้อมกัน หลวงอามองเลยสองสาวออกไปแววตาเปี่ยมล้นด้วยเมตตาธิคุณ

“ไม่ต้องกังวลหรอกนะโยมคนที่อาวรณ์เขายังเฝ้าตามปกป้องดูแลไม่ห่าง โยมเป็นเด็กดีพึงตั้งมั่นเอาเป้าหมายเป็นหลักชัย ตั้งใจปฏิบัติตามหน้าที่ภายหน้าจะเป็นที่พึ่งพิงของบุพการี” หลวงอากล่าวกับดุจดาวก่อนจะเดินจากไป

“ใครที่คิดถึงหลวงอาหมายถึงใคร” พรพิสุทธิ์หันมาซักไซ้คุณหนูจอมป่วนแต่ดุจดาวพลิ้วเช่นเคยเดินลอยลมเข้าบ้านไปหน้าตาเฉย

“เดี๋ยวสิกลับมาคุยให้รู้เรื่องก่อน นี่ๆแล้วทำไมไม่ช่วยพี่ถือของ” พรพิสุทธิ์ทำได้แค่บ่นกระปอดกระแปดแต่ก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านก็ไม่ลืมที่จะกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับทุกสรรพสิ่งรวมถึงเดือนดารา

“ขอบคุณมากนะ”เป็นเสียงที่แทรกเข้ามาในโสตรับรู้พรพิสุทธิ์ยิ้มหวานให้เพื่อนที่ไร้ตัวตนเป็นปลื้มที่รู้ว่าบุญกุศลที่ตั้งใจทำให้ครั้งนี้ delivery ถึงเจ้าตัวเป็นแน่แท้

“สบายอยู่แล้วแต่อาหารไทยยังพอทำเนานะ ถ้าอาหารฝรั่งต้องขอบายเพราะต้นทุนในการผลิตสูง อิอิ”สาวสวยอารมณ์เบิกบานเดินเข้ามาในบ้าน ที่โต๊ะอาหารคุณหนูจัดแจงช่วยเหลือตัวเองตักข้าวใส่จานใบสวยและเผื่อแผ่พี่สาวด้วยก่อนจะนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อรอ

“หือ…วันนี้พี่มีคุณหนูไฮโซมาบริการถึงบ้านรึเนี่ย” ติวเตอร์สาวหยอกเย้าเสียดสีเล็กๆ

“ก็บอกแล้วไงเค้าไม่ใช่คนหยิบโหย่งนะ ทำได้ทุกอย่างแหละถ้ามีโอกาสได้ทำ”

“แล้วจะอยากทำไปทำไมในเมื่อมีคนพร้อมทำให้อยู่แล้ว” อันนี้เธอสงสัยจริงๆ

“ก็เค้าอยากดูแลคนอื่นบ้างไงเล่า แค่นี้ก็ไม่รู้ไม่คุยแล้ว หิวจะแย่” จากนั้นเด็กสาวก็หันไปให้ความสนใจกับเมนูสุดโปรด เหมือนจะเป็นบาปเป็นกรรมหากเธอจะเข้าไปขัดจังหวะคนหิวจึงยอมสงบปากชั่วคราว

“อร่อยมั้ย” แม่ครัวเฉพาะกิจลุ้นในคำตอบ ส่วนน้องน้อยจะทำหน้าฟินแทนคำตอบ

“แต่ออกเค็มไปนิดนึง”พรพิสุทธิ์รีบฝานมะนาวมาเสี้ยวหนึ่งบีบใส่ชามเพื่อตัดรสก่อนจะออกตัว

“ครั้งแรกก็แบบนี้สงสัยหนักมือไปหน่อย ไหนขอชิมบ้างสิ” ช้อนก็อยู่ในมือตัวเองนะแต่กลับไม่ขยับเขยื้อนก็อยากให้เด็กเอาใจบ้างไรบ้าง ดุจดาวทำเป็นไม่เข้าใจ ก้มหน้าสนใจอาหารในจาน

แง่ว…

พรพิสุทธิ์รู้สึกเหมือนขับสิบล้อแหกโค้ง หน้าแตกเพราะไม่ได้รับความร่วมมือ

“ตักเองก็ได้”ผู้ใหญ่พึมพำกับตัวเอง

“ขมอ่ะ”

“ขมอะไร อร่อยออกลิ้นพี่แจนมีปัญหาแล้ว”

“เหรอ หรือว่าเป็นที่ช้อน” ดุจดาวเสียรู้รีบใช้ช้อนของตนตักน้ำแกงให้อีกฝ่ายชิมห่วงใยหากลิ้นพี่สาวจะมีปัญหาขึ้นมาจริงๆ

“หูว…อร่อยมากอย่างกับได้ขึ้นสวรรค์” ตานี้เด็กรู้แล้วว่าหลงกล

“พี่แจนอ่ะ เป็นครูบาอาจารย์ทำไมถึงเจ้าเล่ห์แสนกลนัก”

“ตอนนี้เป็นพี่แจนของน้องดาวต่างหาก” พรพิสุทธิ์รุกไล่นัยน์ตาวิบวับเป็นประกายทำเจ้าชู้ยักษ์ใส่เด็ก ร้ายกาจนักก็ต้องปราบกันแบบนี้แหละ

“เจ้าชู้ใส่เค้าเหรอ” เจอเด็กสู้สายตาแถมวาจายังไม่มียอมลงให้ทำเอาผู้ใหญ่เหวอไปเลยทีเดียวเธอกำลังต่อกรอยู่กับเด็กปีศาจชัดๆ

“ทำอะไรทาน หอมจัง” เสียงบอยดังขึ้นขัดจังหวะ ทำให้สองสาวยอมสงบคำต่อกันชั่วคราว บอยเดินหล่อออกมาจากห้องตรงเข้าไปหาสองสาว

“พี่แจนบอยขอโทษพอดีเมื่อคืนเจอรุ่นพี่ที่โรงเรียนเก่า เขาชวนคุยเรื่องงานพิเศษก็เลยมีสังสรรค์กันเล็กน้อย”บอยรีบแถลงไขเรื่องเมื่อคืนตระหนักรู้ว่ามันคือความผิดแต่พรพิสุทธิ์ยังนิ่งเงียบจนบรรยากาศชักมาคุ คุณหนูเลยช่วยผ่อนคลายสถานการณ์ด้วยการตักหอยลายมาแกะเอาแต่เนื้อป้อนให้พี่สาวทำเป็นเอาอกเอาใจที่ความจริงคือหวังปิดปากก่อนจะเอ่ยปากชวนเพื่อนชายวัยเดียวกันให้มาร่วมโต๊ะกินโป๊ะแตกก่อนที่วงจะแตก พรพิสุทธิ์เคี้ยวจนหมดคำนั่นพอจะทำให้ความขุ่นมัวสลายลงไปบ้าง

“ถ้ารู้สึกผิดจริงๆพี่ก็ไม่ว่าอะไร แต่ต่อไปอย่าไปเมามายไร้สติแบบนี้อีกดื่มดูกำลังตัวเองด้วย หรือถ้าอยากจะเมาให้เต็มที่ก็หาที่หลับนอนซะเมาแล้วกลับบ้านมันอันตราย ประเดี๋ยวจะได้ใบมรณะบัตรก่อนใบปริญญา” น้ำเสียงเรียบเย็นแต่แฝงความเฉียบขาด

“ครับ” บอยหย่อนกายลงนั่งจากสีหน้าจ๋อยเจื่อนและอาการเซื่องปนซึมบ่งบอกว่าสำนึกผิดและคิดได้

“รีบทานข้าวซะ จะได้ออกไปพร้อมกัน”

“วันนี้ผมลงหน้าปากซอยนะครับจะไปหารุ่นพี่เขาจะฝากงานให้”

“งานอะไรไม่ใช่โดนเขาหลอกไปเป็นเด็กส่งยานะ ดูดีๆ” พี่สาวมองในแง่ร้ายสุดๆไว้ก่อนเจ้าน้องชายตัวดีก็ออกจะแสนซื่อค่อนไปทางบื่อไม่ทันคนเลยด้วยซ้ำ

“เป็นงานออฟฟิศน่ะพี่เย็นนี้พี่เขาให้เข้าไปนั่งฟังจะมีบรรยายที่โรงแรมอะไรสักอย่างพี่เขายังฝากมาชวนให้ไปกันเยอะๆด้วย” จริงแท้หรือไม่ไม่รู้แต่เธอชักได้กลิ่นตุๆ คุ้นๆว่ามันเป็นวิธีการของธุรกิจขายตรงแต่ก็นะเด็กมันอยากรู้อยากลองก็ต้องปล่อยผ่านไปก่อน ห้ามปรามตอนนี้มันจะติดค้างคาอยู่ในใจไปยืดยาว ต้องให้ไป ให้ได้รู้

“น่าสนใจจังดาวอยากทำงานโรงแรมบ้าง” ดุจดาวพลอยตื่นเต้นยินดีไปกับเพื่อนด้วยรอยยิ้มที่เคยกว้างขวางของบอยเปลี่ยนไปเป็นยิ้มแห้งๆทันที ก็มันไม่ใช่งานโรงแรมอย่างที่เพื่อนสาวเข้าใจหากแต่ไปฟังงานที่โรงแรมเท่านั้นเอง

class วันที่3 เป็นไปตามปกติ เด็กๆยังนั่งหน้าสลอนกันเต็มห้อง บ่งบอกถึงคุณค่าในตัวผู้สอน พรพิสุทธิ์กวาดสายตาไปจนถึงมุมห้องหลังสุดเห็นสาวชุดแดงนั่งอยู่วันนี้จัดเต็มกว่าเดิมด้วยชุดแซกแดงล้วนมีซิปตรงกลางตัวอักษรโรมัน C ไขว้กันเป็นโลโก้แบรนด์ Chanel สุดหรู fashionista ตัวแม่จริงๆ วันนี้ตากลมโตของหล่อนฉายแววสุขสันต์ผิวพรรณดูมีออร่าเปล่งประกายไม่ซีดขาวอย่างเคย ครั้งก่อนที่เจอว่าแจ่มแล้ว แต่ตอนนี้มันโคตรแจ่มเลยต่างหากติวเตอร์สาวยิ้มหวานส่งให้นัยน์ตาดูเป็นประกายพิเศษ จนเด็กหวงติวเตอร์ส่วนตัวชักผิดสังเกตก็เวลาพี่แจนเจอคนสวยทีไรก็ออกอาการแบบนี้ทุกที ชิส์!คนเจ้าชู้ประตูดิน สาววัยซนอดไม่ได้ที่จะเอี้ยวตัวหันไปมอง

ดุจดาวใจหายวาบกับสิ่งที่เห็นเกือบหลุดร้องออกมาด้วยความตกใจดีที่ยั้งไว้ทันก่อนที่จะหันกลับมาหน้าตาตื่น ลุกลี้ลุกลนก้นไม่ติดเบาะ พรพิสุทธิ์เห็นผิดสังเกตด้วยความเป็นห่วงน้องน้อยจึงส่งสายตาถามว่าเป็นอะไรเด็กสาวส่งสัญญาณมือตอบกลับว่า โอเค การสอนจึงดำเนินไปต่อ

เมื่อหมดเวลาเรียน พรพิสุทธิ์ตั้งใจจะเข้าไปถามสาวชุดแดงที่หลังห้องว่าเมื่อวานทำไมไม่เข้าเรียนแต่ก็ติดที่เด็กคนอื่นๆเข้ามารุมล้อมต่างเอาสิ่งที่สงสัยมาปรึกษาหารือไม่นับรวมถึงเอาวิชาอื่นมาถามอีกด้วยจนกระดิกกระเดี้ยตัวไปไหนไม่ได้ ส่วนดุจดาวแยกจากกลุ่มเพื่อนออกมานั่งรอพี่สาวด้านนอก

กว่าจะเคลียร์คิวจากเด็กๆก็กินเวลาไปเกือบยี่สิบนาทีเมื่อมองไปที่หลังห้อง แหงหล่ะ ตอนนี้จะมีใครอยู่ ทั้งห้องเหลือแต่เก้าอี้ว่างเปล่าไว้ให้ดูต่างหน้าสายตามองไปยังที่นั่งของเจ้าแม่แฟชั่นสะดุดกับอะไรบางอย่าง น้องเขาลืมนาฬิกาไว้บนโต๊ะพรพิสุทธิ์เดินตรงรี่มาที่โต๊ะหยิบนาฬิกาขึ้นดูมันคือนาฬิกา Paneraiแบบ unisex สายหนังสุดหรู เธอรู้จักเพราะเคยเห็นในinternet หรอก ไม่เคยคิดว่าชีวิตจริงจะมีวาสนาได้สัมผัสมันและของราคาเรือนแสนทำไมถึงมาวางทิ้งไว้กลางโต๊ะดั่งเป็นของไร้ค่าแบบนี้ แต่คิดไปก็ไล้ฟบอยแถมไม่ใช่เรื่องติวเตอร์สาวเจ้าของคลาสจึงนำเอานาฬิกาไปฝากไว้กับพี่หยกเพื่ออำนวยความสะดวกหากเมื่อเจ้าของเขานึกได้แล้วกลับมาเอา

“ฉันให้เธอ” เสียงที่คุ้นเคยแทรกเข้ามาในโสตรับรู้ พรพิสุทธิ์คลี่ยิ้มออกมาด้วยความยินดีเปล่าเลย มันไม่ใช่ความยินดีที่ได้ของสวยงามราคาแพง แต่เพราะเธอได้คำตอบในบางเรื่องแล้วต่างหากนี่คือบทสรุปที่ชัดเจนว่า เดือนดารากับสาวไฮโซชุดแดงคือวิญญาณตนเดียวกันแล้วผีแม่ลูกล่ะ?

“พี่แจนทำไมช้าจังเค้ารอนานมากแล้วนะ” เสียงขุ่นเคืองของคุณหนูเอาแต่ใจดังลั่นห้องพาให้คนที่กำลังอยู่ให้ห้วงความคิดสะดุ้งน้อยๆ

“ขวัญเอ๋ยขวัญมานะคะ” ดุจดาวรู้สึกผิดที่ทำให้อีกฝ่ายตกใจรีบเดินเข้าไปปลอบโยนใกล้

“อะไรคะ”เด็กสาวสนใจของในมือพี่สาว

“อ๋อ Panerai”ไม่แปลกหรอกที่ดุจดาวจะรู้จักเพราะคุณค่าและเงินในกระเป๋านั้นคู่ควร แต่มันแปลกที่ลูกศิษย์จอมป่วนมีอาการตื่นเต้นเกินเหตุกับของในมือเธอเมื่อตอนเรียนก็มีท่าทีแปลกๆแบบนี้ทีนึงแล้ว

“เป็นอะไรไป” คนถูกถามพยายามเก็บอาการอึกอัก

“อ๋อ เค้าแค่ตกใจ ก็นาฬิกาแบบนี้ในเมืองไทยจะมีสักกี่เรือนเรือนนี้เหมือนกับที่คุณแม่มีเป๊ะๆเด๊ะๆ นี่ถ้าคุณแม่มาเห็นนะ ท่านต้องรีบขายหรือจ่ายแจกของท่านทิ้งแน่ๆ”เด็กสาวเปลี่ยนประเด็นให้ไกลจากเรื่องที่ทำให้ใจตนเต้นแรง

“ขนาดนั้นเลย คนรวยนี่คิดอะไรแปลกๆนะ”

“ก็ใช่น่ะซิ เสียเงินไม่ว่าแต่เสียหน้ามันยอมกันไม่ได้จริงๆ” ดุจดาวรีบดึงมือพี่สาวออกมาจากห้อง

“แต่ก็นะมีเงินซะอย่างอยากทำอะไรก็ทำ” พรพิสุทธิ์ไม่ยี่หระกับคนรวย

“รอพี่แป็บนะ เดี๋ยวพี่ไปล้างมือก่อน” ดุจดาวฉวยเอากระเป๋าพี่สาวมาถือแสดงความเป็นเจ้าของ ชั่วโมงนี้ไม่ว่าจะเป็นเจ๊อึ๊มหรือลูกศิษย์คนอื่นๆ ควรจะรู้ซะบ้างว่าใครเป็นคนสำคัญของพี่แจน ชิส์

“เอามาให้ฉันทำไมของแพงขนาดนี้ไม่เหมาะกับฉันหรอกมันจะดูหมดราคาซะเปล่าๆ” ระหว่างล้างมือพรพิสุทธิ์พูดขึ้นมาลอยๆเมื่อแน่ใจว่าตนอยู่ลำพังเมื่อเงยหน้าขึ้นมองเข้าไปในกระจกก็ปรากฏร่างในชุดขาวขึ้นขัดเคืองใจเล็กๆที่หล่อนชอบทำให้ให้ใจหาย

“หลอนนะนี่” แต่ตอนนี้ก็เริ่มๆจะชินบ้างแล้วเพราะผีสาวไม่ได้มาร้ายแถมยังช่วยชีวิตเธอไว้หลายครั้งและที่สำมะคัญคือนางน่าฮักเอ้ย! น่ารัก ถ้า ดุจดาวได้มาล่วงรู้ความคิดเข้าคงจะได้ต่อว่ากันแน่ๆว่ากับผีก็ยังจะเจ้าชู้

“เก็บไว้เถอะ” วิญญาณผีสาวยังคงยืนยันเจตนารมณ์

“ได้โปรดบอกฉันหน่อยเถอะว่าเธอต้องการอะไร” ติวเตอร์สาวเปิดน้ำล้างมือไปพลาง ปากก็พร่ำพูดกับเพื่อนต่างมิติเสมือนว่ามีตัวตนอยู่ข้างๆ

“ฉันเตือนเธอแล้ว ให้อยู่ห่างๆแต่เธอก็ยังดื้อ จากนี้เธอสองคนจะต้องเจอกับเรื่องวุ่นวายอีกมากมาย และฉันไม่อาจจะปกป้องเธอได้ทุกเรื่องหรอกนะ” พรพิสุทธิ์เคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง โลกมนุษย์มีกฎเกณฑ์ฉันใดโลกวิญญาณก็มีข้อกำหนดไม่แตกต่าง สมองประมวลผลจนขบแตกได้ในที่สุด

“เธอหมายถึงฉันกับเด็กดาวเหรอ”

“…” ไม่มีคำตอบใด และนั่นแหละคือคำตอบ

“เธอเป็นใครกัน และมีความเกี่ยวพันธ์ยังไงกับเด็กดาว” ถึงคราวต้องซักไซ้ให้หมดเปลือก แต่ก็มีเพียงเงียบงันดังเดิมพรพิสุทธิ์จึงเงยหน้าขึ้นมองในกระจก หล่อนไม่อยู่แล้ว

“จะเข้าไคลแม็กซ์ทีไรเป็นหายตัวทุกที” เมื่อล้างมือเสร็จติวเตอร์สาวจึงเดินไปดึงทิชชู่มาเช็ดมือ

“พี่แจน!!” ได้ใจหายกันอีกรอบจากเสียงเรียกของดุจดาววันๆนึงจะต้องใจหายกันสักกี่รอบเนี่ยเมื่อเด็กสาวเดินเข้ามาใกล้ก็ได้เห็นคราบน้ำตาบนแก้มใส

“หือ…ร้องไห้ทำไมใครแกล้ง” พรพิสุทธิ์พูดติดตลกเพื่อให้ใจที่หนักของเด็กสาวคลายลงก่อนจะดึงเข้ามาเกาะกอดปลอบประโลมดั่งพี่โอ๋น้อง

“ดาวบอกไม่ได้ พี่แจนอย่าคาดคั้นอะไรดาวเลยนะ”

“อื่อ ไม่บอกก็ได้แต่วันนี้พี่ขอไปฝากท้องบ้านดาวนะเบื่อฝีมือตัวเองเต็มทีแล้ว” เธอต้องการใช้โอกาสนี้ต่อยอดบางเรื่อง ดุจดาวไม่ได้ตอบอะไรเพราะในหัวยังวนเวียนอยู่กับโลกส่วนตัว

“แจน พี่กำลังต้องการตัวอยู่พอดี” คนถูกเรียกยิ้มรับพาน้องน้อยที่กำลังมีปมในใจมานั่งลูบหัวอย่างเอ็นดู ก่อนจะหันมาสนใจคุยกับหยกมณี

"มีน้องมาสมัครคอร์สprivate ลง GMAT เอาไว้ตั้งแต่เมื่อเย็นวานน้องเขาจบ business inter ตอนเช้าเห็นน้องแจนยุ่งๆพี่เลยเพิ่งมาบอกเอายังไงดีแจนจะสอนให้พี่ได้ไหมคะ" พรพิสุทธิ์ปรายตามองคุณหนูที่ยังดูเศร้าสร้อยเป็นเชิงขออนุญาตว่าแต่ทำไมเธอต้องมาทำอะไรแบบนี้ ทำไมต้องไปขออนุญาตยัยเด็กดาวด้วยก็เด็กดาวไม่ใช่เจ้านาย ไม่ใช่เจ้าชีวิตเธอสักหน่อย ดุจดาวทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้นั่นหมายถึงอนุญาต

“ได้สิคะ GMAT นี่ถนัดเลยเพราะมันเป็นพื้นฐานที่แจนเรียนมาโดยตรงว่าแต่น้องเขาสะดวกเรียนวันไหนรายละเอียดเป็นยังไงคะ”

“วันนี้เลยจ้ะถ้าน้องแจนสะดวกคือน้องเขาอยากเรียนเร็วๆ นั่นพูดถึงก็มาพอดี" ประตูกระจกถูกผลักให้เปิดออกโดยหญิงสาวเอวบางหน้าหวาน ผมสีบรอนซ์สวยเฉี่ยวดั่งกับหลุดออกมาจากนิตยสารแฟร์ชั่น

“น้องแก้มคะคนนี้คือแจน ติวเตอร์คนสวยกระบี่มือหนึ่งของสถาบันค่ะ จะมาเป็นผู้สอนคอร์สของน้อง แจนคะน้องแก้มที่พี่เพิ่งพูดถึง" หยกมณีรวบยอดแนะนำตัวครูผู้สอนและลูกศิษย์ด้วยความคล่องแคล่ว

“สวัสดีค่ะพี่แจน แก้มขอฝากตัวด้วยนะคะ” กรสุมาหรือแก้มยกมือไหว้พรพิสุทธิ์ท่าทีนอบน้อมน่าดู คนที่วัยไม่น่าจะไกลกันนักยกมือรับไหว้แทบไม่ทัน

“ไม่ต้องไหว้หรอกค่ะ อายุเราน่าจะห่างกันไม่กี่ปี” พรพิสุทธิ์รีบออกตัว หาเรื่องลดวัย

“ค่ะ พี่แจน” กรสุมามีไมตรีที่ดี

"แต่จบ business inter ไม่ต้องติวแล้วก็ได้มั้งคะ" ติวเตอร์สาวแสดงความคิดเห็น กลัวจะกลายเป็นเอามะพร้าวห้าวมาขายสวน

"เพื่อความมั่นใจน่ะค่ะ อยากสอบครั้งเดียวให้ผ่านได้คะแนนสูงๆแก้มดีใจจังค่ะที่ได้เจอพี่แจนดูแว๊บเดียวก็รู้แล้วว่าดีเด่นชนะเลิศ" กรสุมาอวยตามความรู้สึก

“ชมเกินไปแล้วค่ะ ยังไงวันนี้ Pre-test ก่อนสองชั่วโมงนะคะถ้าโอเคแล้วค่อยนัดเวลาครั้งต่อไปกับพี่หยกอีกที ดีมั้ยคะพี่หยก” ติวเตอร์สาวหันไปขอความคิดเห็น

“ก็ดีนะคะ วันนี้ดูแนวกันก่อน ถ้าโอเคค่อยจัดเต็มกันครั้งต่อไป” หยกมณีเห็นด้วย

“โอเคเลยค่ะ” กรสุมายิ้มยินดีเพราะใจร้อนอยากติวไวๆ เธอต้องการเวลาสำหรับการเตรียมความพร้อมตอนนี้บรรยากาศของสามสาวเต็มไปด้วยความชื่นมื่น แต่เด็กสาวนี่ซินอกจากจะไม่ชื่นมื่นด้วยแล้วยังจะเซ็งยกกำลัง ตอนอนุญาตไปก็ไม่คิดว่าคนมาเรียนจะสวยขนาดนี้เกิดพี่แจนหวั่นไหวไปกับนางเธอได้หัวเน่ากันพอดีและเกิดแม่นั่นรู้รสนิยมพี่แจนแล้วเกิดอยากลองของแปลกขึ้นมาพี่แจนจะเหลือเวลาตอนไหนมาติวให้เธอ ไม่ได้!ต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม

“พี่แจนเค้าขอคุยด้วยหน่อยสิ” คุณหนูแสดงอิทธิฤทธิ์ทันทีโดยการลุกไปคว้าแขนพี่สาวที่ไม่ทันตั้งหลักออกมานอกสถาบันด้วยท่าทางกระตือรือร้นจนอีกฝ่ายนึกแปลกใจก็ก่อนหน้านี้ยังเศร้าสร้อยอยู่เลย

“ดาวไม่ให้พี่สอนผู้หญิงคนนี้” เด็กสาวเสียงเข้มดูจริงจัง

“อะไร แล้วทำไมพี่ถึงจะสอนเขาไม่ได้แล้วอีกอย่างตอนนี้พี่มีอาชีพเป็นติวเตอร์นะต้องทำมาหากินไม่ได้เสกเงินใช้เองได้มากมายอย่างดาว”ผู้ใหญ่กำลังไม่เข้าใจเด็ก

“งั้นดาวขอซื้อเวลาของพี่แจนตลอดเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงแบบไร้กำหนดสิ้นสุดด้วยคิดเท่าไหร่ว่ามาเลย”

‘ป๊อก’ พี่สาวเขกกะโหลกเบาๆเตือนสติ

‘โอ๊ย’ เด็กสาวทำท่าเจ็บเกินจริง

“ทำเป็นโชว์รวย เอาเงินมาฟาดหัวพี่ เงินทองหาได้เองแล้วหรือไงหรือเพราะใช้ติวเตอร์ซ้ำกับคนอื่นไม่ได้ ต้องการเป็นหนึ่งเดียวอย่างนั้นเหรอ” พรพิสุทธิ์จี้ใจแต่ที่จริงมันลึกซึ้งกว่านั้น

“ก็ดาวไม่ชอบให้พี่อยู่ใกล้คนสวยนี่ดาวหวง" ดุจดาวพูดออกไปดั่งใจคิด ก็เธอหวง!

พรพิสุทธิ์เลิกคิ้วสงสัย หวง หวงแบบไหนแบบเด็กหวงของเล่น หรือแบบ หึงหวง แต่ก็นะ อยากรู้แต่ไม่อยากถาม เธอไม่อยากนำพาเด็กดาวเข้าเรื่องรักๆใคร่เพราะไม่เห็นทางไปต่อ

“ฟังพี่นะคะสาวน้อยพี่ไม่มีวันจีบลูกศิษย์มาเป็นแฟนหรอก มันผิดจรรยาบรรณ” ผู้ฟังเหมือนจะดีใจแต่ก็เพียงครึ่งเดียวเพราะเธอเสมือนเป็นพื้นที่ทับซ้อนเป็นsubset ในนิยามนี้ด้วย ตอนนี้ดุจดาวรู้สึกเหมือนอภิสิทธิ์ที่เคยมีหล่นหายเธอมันก็แค่ลูกศิษย์เหมือนคนอื่นๆ

“งั้นก็ตามใจพี่แจนเถอะ” เด็กสาวแทบไม่ต้องทำอะไรมากเลย แค่หน้าเศร้าๆกับน้ำเสียงซึมๆก็ทำให้ใจของอีกฝ่ายวุ่นวายได้แล้ว

“แต่ดาวไม่ได้เป็นแค่ลูกศิษย์เหมือนคนอื่นๆนะ” เด็กสาวช้อนตามองคนที่เพิ่งขัดใจรอฟังสิ่งที่อีกฝ่ายจะพูดตานี้ถ้ายังพูดไม่เข้าหูอีกแม่จะกลับไปเผาบ้านให้เหลือแต่ตอเลย โทษฐานทำเค้าเสียใจ ชิส์

“ดาวยังเป็นน้องดาวของพี่แจนด้วยไง” แม้จะไม่ใช่คำดั่งใจหวังแต่ก็ยังดี ว่าแต่…เธอหวังอะไรเธอก็แค่… แค่อะไรเด็กสาวชักสับสนกับวังวนความคิดและความรู้สึกของตน จะอะไรก็ไม่รู้แหละ รู้แค่ว่าเธอหวง!

“พี่มีอาชีพเป็นติวเตอร์ต้องพบเจอผู้คนมากมายมันเป็นเรื่องปกติดาวเองก็มีหน้าที่เรียนหนังสือเพราะดาวยังเด็กมากดาวเองยังต้องเรียนรู้โลกและพบเจอผู้คนอีกมาก วันนี้พี่อาจเป็นแค่ของถูกใจที่เด็กอยากได้มาครอบครอง ที่มันอาจจะเป็นแค่ความไม่เข้าใจก็หวังว่าดาวจะพอเข้าใจที่พี่พูดนะ"พูดจบ พรพิสุทธิ์ก็เดินกลับเข้าสถาบันไปพยักหน้าให้กับหยกมณีส่งสัญญาณว่าเคลียร์รันเวย์เรียบร้อยแล้ว แลนด์ดิ้งได้ หยกมณีพยักหน้าน้อยๆเป็นการรับทราบก่อนจะเดินไปเปิดห้องเล็กตระเตรียมอุปกรณ์สื่อการเรียนการสอน

แม้จะเป็นคอร์สส่วนตัวแต่ก็หาได้ส่วนตัวสองต่อสองไม่ เพราะติวเตอร์มีน้องสาวมาคุม

กรสุมารู้สึกอยู่ลึกๆว่าน้องสาวติวเตอร์ดูจะไม่ชะตากับตนจากอาการเย็นชาทั้งที่เธอพยายามผูกมิตรด้วย แต่ก็ช่าง ก็แค่เด็กกระโปโลคนหนึ่ง

ตลอดสามชั่วโมงดุจดาวนั่งเฝ้าติวเตอร์ส่วนตัวไม่ให้คลาดสายตาสองชั่วโมงยาวนานเหมือนเธอเรียน ม.ปลายถึงสามปีในใจสุดว้าวุ่นสุดๆ





Create Date : 04 มกราคม 2559
Last Update : 4 มกราคม 2559 15:06:11 น. 0 comments
Counter : 142 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.