Group Blog
 
All blogs
 
คนเค้าหวง

คุณหนูเอาแต่ใจออกอาการกระฟัดกระเฟียดทางสายตาเมื่อเห็น ติวเตอร์ส่วนตัวคุยกระหนุงกระหนิงกับแม่แก้มคนสวยซึ่งไม่พ้นโสตรับรู้ของพี่สาวที่นึกสนุกอยากแกล้งน้องน้อยเป็นกำลังก็เธอชอบให้เด็กหวง

“พี่แจนคะ คือแก้มอยากจะชวนพี่ไปทานข้าวเย็นค่ะแก้มรู้จักร้านอร่อยแถวนี้หลายร้าน” กรสุมาแค่อยากสานสัมพันธ์กับคนเก่งๆไว้ก็เท่านั้นเผื่อวันหนึ่งในอนาคตอาจจะต่อยอดในบางเรื่องได้

“ทานข้าวน่าจะไม่ได้แล้วค่ะเพราะมีนัดแล้ว และพี่ก็มีงานต่อด้วย เอาเป็นแค่เบาๆนั่งจิบกาแฟแล้วกันเนาะ”

“พี่แจน!เค้ารอนานแล้วนะ” มารยาทไม่ต้องมีมันแล้วคุณหนูอารมณ์ร้ายโพล่งทะลุขึ้นมากลางลำ เดินมาเกาะแขนพรพิสุทธิ์อวดลูกศิษย์หน้าสวยให้มันรู้เสียบ้างว่าใครเป็นใคร

“ดูน้องสาวพี่แจนจะหวงพี่สาวจังนะคะ” กรสุมาหลุดถามความในใจออกมา ลึกๆก็ชักหมันไส้ยัยเด็กจอมป่วนนี่แล้ว

“ไม่ใช่น้องค่ะ เป็นแฟน”

เหวอกันไป ทั้งพรพิสุทธิ์ และกรสุมา

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ แก้มอย่าเข้าใจผิด” เมื่อมีสติติวเตอร์สาวรีบแก้ต่างส่วนเจ้าตัวต้นเหตุกลับลอยหน้าลอยตาทำไม่รู้ไม่ชี้

“ขอตัวสักครู่นะคะ” พรพิสุทธิ์ดึงมือเด็กสาวออกไปกรสุมามองตามสองสาวเข้าใจในสิ่งที่ตนสงสัยก่อนหน้าว่าทำไมน้องสาวพี่แจนดูไม่ชอบเธอที่แท้ก็คู่รัก เซอร์ไพร้ส์จังที่พี่แจนเป็นเลสเป็นเพศตรงข้าม…

“ดาวพูดอะไรออกไปมันไม่ดีรู้มั้ยคนเขาจะเข้าใจผิดเอาได้”

“ดาวพูดอะไรผิด" เด็กสาวสบตาตรงไร้แววเดียงสา ที่ผู้ใหญ่นึกอยากจะจับไปฟัดซะให้เข็ดหลาบ

“ก็พูดออกมาได้ยังไงว่าเป็นแฟนพี่”

“พี่แจนเป็นปลาทองหรือไง ก็ตัวเองนอนร่วมเตียงกับเค้าสองคืนเต็มๆเลยนะทำเป็นลืม” ผู้ใหญ่ปวดหัวจี๊ดกับเหตุผลพามึน

“ยัยบ๊อง แล้วมันเกี่ยวกับเป็นแฟนกันยังไงไม่ทราบห๊ะ"

“เกี่ยวซิรู้ไว้ด้วยดาวไม่เคยนอนร่วมเตียงกับใคร” เด็กสาวยังแถไปเรื่อยแม้สีข้างจะถลอกเป็นแผลเหวอะหวะแล้วก็เถอะก็เธอมั่นใจว่าคำให้การของเธอเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีทั้งพนักงานอัยการและศาลรวมถึงสังคมต้องรับฟังและสงสารเหยื่อเช่นเธอจับจิต

“แต่เราไม่ใช่เจ้าชีวิตพี่นะ พี่มีสิทธิ์จะไปไหนกับใครก็ได้"

“ไม่ใช่วันนี้ แต่อีกไม่นานเค้าก็เป็น"ผู้ใหญ่ชักอ่อนใจกับเด็กที่เล่นไม่เลิกคิดแต่จะเอาชนะแล้วก็ชักจะแรงขึ้นทุกที

“พี่พูดจนปากเปียกปากแฉะแล้วว่าเขามาเรียนพี่ก็ทำตามหน้าที่ จบ courseแล้วก็ต่างแยกย้าย ทำไมเรื่องแค่นี้ไม่เข้าใจ"

“แล้วพี่แจนคิดแค่นั้นกับดาวด้วยใช่ป่าวพี่แจนฟันเค้าแล้วทิ้ง" เด็กยังเพ้อเจ้อไม่เลิก

“พูดบ้าอะไร แล้วทีกับผู้ชายที่บอกผ่านมาเป็นสิบไม่เห็นจะยี่หระจะมาอะไรกับพี่นัก" ก็ไม่อยากจะเอาประเด็นนี้ขึ้นมาพูดแต่ก็ต้องทำความเข้าใจกัน

“ก็…พวกนั้นไม่เหมือนพี่แจน”น้ำเสียงแผ่วเบาดั่งคนขาดความมั่นใจ คล้ายจะปล่อยโฮออกมา ชักมารยา 108เล่มเกวียนออกมาใช้ น้ำตาเปลี่ยนโลกมานักต่อนักแล้วร้อยทั้งร้อยแพ้น้ำตากันทั้งนั้น ตอนนี้พรพิสุทธิ์ชักไม่แน่ใจแล้วว่าจุดที่ตนยืนอยู่นี้มันดีจริงหรือไม่จากที่เพียงคิดหยอกแกล้งกันแต่กลับเป็นตัวเองที่เหมือนโดนแกล้งเสียเอง กรรมของเวรดาบนั้นคืนสนองทันใจจริงๆ

พรพิสุทธิ์เอามือทั้งสองของตนประกบไปที่ใบหน้านวลของเด็กที่กำลังงอแงจะเอาชนะให้ได้

“ฟังพี่นะคะคุณหนูดาว พี่รับปากเขาไว้แล้วแค่ดื่มกาแฟแก้วเดียวเอง ดาวอย่าให้พี่ต้องเสียผู้ใหญ่เพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องเลยนะเราไปกันเถอะ” ดุจดาวจำใจพยักหน้าแม้จะยังไม่พอใจแต่ก็กลัวว่ามันจะมากเกินไปจนกลายเป็นเด็กน่ารำคาญ ท้ายที่สุดพี่สาวก็ทนไม่ไหวฝ่ายพรพิสุทธิ์เข้าใจดีวิธีปราบเด็กเอาแต่ใจคือต้องเอาแต่ใจมากกว่า โดยใช้ร่างที่ใหญ่กว่าดันแม่ตัวดีกลับเข้าไปในสถาบันก่อนจะปั้นหน้าสวยบอกกับลูกศิษย์วัยไล่เลี่ยกันว่าพร้อมแล้ว

ที่ร้านกาแฟ ครูสอนพิเศษสุดสวยและลูกศิษย์หน้าหวานคุยกันถูกคอเรื่องส่วนใหญ่เป็นเรื่องกึ่งวิชาการที่ดุจดาวไม่เข้าใจด้วยรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกิน

“ความจริงแก้มไม่อยากเรียนต่อนักหรอกค่ะติดว่าขัดใจที่บ้านไม่ได้ นี่แก้มเองก็คันไม้คันมืออยากทำงานเต็มแก่แล้ว"หาเรื่องคุยไปเท่านั้นหรอกยัยจอมแอ๊บ ท่าทางหยิบโหย่งอย่างหล่อนดูปร๊าดเดียวก็รู้ว่าคงเอาดีได้แค่เรื่องเรียนเท่านั้นแหละคุณหนูคิดดูแคลนในใจ แต่พรพิสุทธิ์ยิ้มสวยให้กำลังใจ เธอเข้าใจความรู้สึกที่ว่านั้นดี

“เป็นปกติของคนจบใหม่ค่ะไฟแรงกันแทบทุกคนพี่เองก็เป็นค่ะ แต่แก้มเรียนต่อน่ะดีแล้ว สมัยนี้วุฒิสูงๆก็สำคัญและเป็นถึงระดับเจ้าของกิจการใหญ่โตจะรู้น้อยกว่าลูกจ้างก็อาจจะต้องเหน็ดเหนื่อยแสดงศักยภาพเพื่อเปิดใจการเรียนต่อในระดับสูง ตัววิชาความรู้มันเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งเท่านั้นค่ะที่สำคัญกว่านั้นมากคือมันช่วยให้เรามีกระบวนการทางความคิดที่เป็นระบบ รู้จักวิเคราะห์แยกแยะข้อมูลในเชิงลึกและอีกเรื่องที่สำคัญ คือเครือข่ายค่ะ การที่เราได้ไปเรียนในระดับสูงเราจะมีโอกาสได้พบเจอเพื่อนใหม่จากหลากหลายอาชีพที่อาจจะช่วยส่งเสริมต่อยอดธุรกิจของเราได้ ยิ่งหากมีกำลังการเรียนต่อต่างประเทศยิ่งเป็นสิ่งที่ควรมากๆเพราะระบบความคิดของฝรั่งไปไกลกว่ากะลาแลนด์บ้านเราหลายเท่านัก ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่พี่จะอวยหรือนิยมฝรั่งมังค่านะพี่พูดตามความเนื้อผ้า” กรสุมาจดจ่อสนใจฟัง รวมถึงเด็กสาวด้วยได้ฟังอะไรแบบนี้จากพี่สาวก็ยิ่งปลาบปลื้มภูมิใจในตัวพี่สาว

“ลองคิดง่ายๆว่าเมื่อเจ็ดร้อยกว่าปีก่อนเรามีสุโขทัยเป็นราชธานี เศรษฐกิจแบบพอเพียงออริจินอล แต่แก้มรู้ไหมคะว่าช่วงเวลาเดียวกันนั้นยุโรปเอาแค่ที่อังกฤษก็พอ เขามีมหาวิทยาลัยกันแล้ว อยากให้นึกถึง 3 tude ในการพัฒนาศักยภาพตนเองค่ะ ที่ไม่ใช่จู๊ดๆท้องเสียนะ” ติวเตอร์สาวพูดติดตลกเพื่อไม่ให้เบื่อกันไปเสียก่อน

“ข้อแรกคือ altitude ทัศนคติ เราต้องปรับทัศนคติให้เป็นคนของโลก (cosmopolitan) เมื่อทัศนคติได้ก็จะต้องยกระดับ aptitude คือทักษะความสามารถอะไรพร่องก็เติมเข้าไป ส่วนที่ขาดก็ส่งเสริม เมื่อ 2ประการข้างต้นพรักพร้อมเราจะได้มาซึ่งประการที่ 3 คือ altitude ระดับความสูง หมายถึงจุดที่เรายืนอยู่เหนือคนอื่นได้ เป็นยอดคนนั่นเอง"พรพิสุทธิ์ร่ายยาวแชร์ความคิดตนเอง แก้มอ้าปากหวอนั่นรวมถึงดุจดาวด้วยที่นั่งตาปริบๆพี่แจนล้ำมากเลย และแน่นอนเด็กแสบรู้แก่ใจดีว่าพี่แจนชอบคนที่เท่าทันกันพูดภาษาเดียวกัน กับยัยแก้มอะไรนี่จะใช่หรือเปล่านะ

“พี่แจนนี่วิสัยทัศน์เหมือนคนอายุสักสี่ห้าสิบเลยนะคะคือแก้มหมายถึงว่าดูเป็นผู้ใหญ่น่ะค่ะ ฉลาดแหลมคมมาก IQ EQ น่าจะสูงทะลุเพดานเลยแก้มอยากเป็นแบบนี้บ้างจัง อิจฉาค่ะอิจฉา" สาวหน้าหวานช่างเจรจารู้ช่องเอาใจคนเล่าก็พลอยมีความสุขตอนนี้คุณหนูจอมป่วนชักนั่งไม่ติดเก้าอี้ ก็ยัยหน้าสวย คอยหยอดคำหวานหูอยู่ตลอดไม่ได้การละปล่อยไปเรื่อยๆมีแต่นางจะเพิ่มคะแนนให้ตัวเอง

“สมัยนี้ดูแค่ 2 Q ไม่พอนะคะ มันต้องดูกันถึง Q ตัวที่ พรพิสุทธิ์ยังชวนคิดชวนคุยต่อ

“หืออะไรกันคะ Q ตัวที่ 7 แก้มไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย"เด็กสาวยิ่งฉงนหนักกว่า พรพิสุทธิ์ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ ยิ้มอ่อนๆก่อนจะเข้าสู่โหมดวิชาการต่อ

“มีงานวิจัยสรุปความฉลาดของมนุษย์เอาไว้7 ด้านค่ะ และเรียกขานกันสั้นๆให้เข้าใจว่าเป็น ความฉลาดทั้ง7 , 7 Quotients” กรสุมานัยน์ตาเป็นประกายตื่นเต้นกับเรื่องที่กำลังฟังพยักหน้าไหวๆให้ผู้รู้รีบเล่าต่อ ดุจดาวมองอย่างหมันไส้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

“IQ และ EQ คงรู้แล้วงั้นพี่ข้ามไปตัวที่สามเลยก็คือ CQ (creative Quotient) ค่ะเป็นความฉลาดในเชิงสร้างสรรค์เป็นพวก innovative คิดนอกกรอบ ไอเดียร์บรรเจิดสมองแล่นฉิวอะไรทำนองนั้น

Q ตัวที่ 4 คือ MQ (MoralQuotient) ความฉลาดในด้านศีลธรรมจริยธรรมแบบที่เขารณรงค์กันในตอนนี้ค่ะ คือเก่งไม่พอต้องเป็นคนดีด้วย

Q ตัวที่ 5 คือ PQ (Play Quotient)เป็นความฉลาดที่เกิดจากการเล่นข้อนี้เด่นชัดในวัยเด็กที่มีพัฒนาการทางสมองแต่พี่ว่าผู้ใหญ่ก็เล่นแล้วฉลาดขึ้นได้ เช่นพวก เกม puzzle ลับสมองต่างๆ

Q ตัวที่ 6 ก็คือ AQ (AdversityQuotient) ความฉลาดในการแก้ปัญหาค่ะฝรั่งเรียกคนที่ฉลาดแก้ปัญหาเก่งว่าเป็นพวก decisive ส่วนคนไทยเรียกว่าความเฉลียวแก้มคงเคยเห็นนักวิชาการที่อยู่บนหอคอยงาช้างใช่ไหมคะ คือคนพวกนี้จะเก่งแต่ตำรับตำราปฏิบัติเข้าจริงกลับตกม้าตายเพราะไม่รู้จักการประยุกต์ใช้ความรู้และไร้ซึ่งความสามารถในการเผชิญปัญหาหรือที่เขาชอบแซวกันขำๆว่า เป็นพวกทฤษฎีจัดแต่ปฏิบัติศูนย์

Q ตัวสุดท้ายก็คือ SQ (SocialQuotient) ความฉลาดในการเข้าสังคมไม่มีใครปฏิเสธการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้แน่นอนว่าคนเก่งจะต้องรู้จักบริหารความสัมพันธ์ การวางตัว มารยาททางสังคม

สรุปอีกทีว่าคนฉลาดจะต้องรอบรู้มิใช่เพียงแค่ความรู้จากตัวหนังสือหรือไปจำใครเขาพูดมาคนฉลาดที่สุดคือคนที่รู้ว่าตัวเองยังโง่ ยังต้องพัฒนาค่ะ”

“ความรู้สึกเหมือนฟังอาจารย์บรรยายในห้องเล็คเชอร์เลยสุดยอดเลย” กรสุมาชมเปาะจากใจ

“อ่านมากก็ได้รู้ได้เห็นมากค่ะ อีกหน่อยเมื่อแก้มได้ไปเปิดโลกก็จะมีเรื่องราวมาแชร์แบบนี้พี่เผลอๆจะมากกว่าพี่ด้วยซ้ำ”

“สาธุ ขอให้สมพรปากพี่แจนนะคะ” สองสาวส่งยิ้มสวยให้กัน ช่างขัดตา ขัดใจเด็กสาวนัก พรพิสุทธิ์เอียงหน้ามามองน้องน้อยที่นั่งซังกะตายจึงขอใช้ Adversity Quotient ความฉลาดในการแก้ปัญหาเข้าเสริมบรรยากาศให้ดีขึ้น

“พี่มีคำถามลับสมองประลองปัญญาค่ะ แต่ไม่ใช่ปัญหาเชาว์หรือมุกตลกห้าบาทสิบบาทนะจริงจัง! เริ่มจากแก้มกับดาวรู้ไหมว่าใครฉลาดที่สุดในวรรณกรรม3 ก๊ก”

“จูกัดเหลียง ขงเบ้งซิคะผู้หยั่งรู้ดินฟ้า เห็นจะไม่มีใครเกิน” สาวหวานตอบออกมาทันทีด้วยไม่คิดนานก็เรื่องนี้ขงเบ้งเป็นตัวเอก

“ผิดค่ะ ให้ตอบใหม่อีกที” คราวนี้เด็กแสบที่เคยหงอยเหงากลับดูมีชีวิตชีวาขึ้น โธ่เอ้ย ยัยจอมแอ๊บพี่แจนไม่ถามคำถามง่ายดายอย่างนั้นหรอกย่ะกรสุมาคิดอยู่ชาวอึดใจก็ตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสนเบาความมั่นใจหดหายไปกว่าครึ่ง

“โจโฉ นายกตลอดกาลมั้งคะ” พรพิสุทธิ์ส่ายหน้ายิ้มๆ แทนคำพูดว่าไม่ใช่ เตรียมจะเฉลยแต่…

“ก็คนแต่งไง หลอกว้านจง ฉลาดล้ำที่สุดแล้ว” คุณหนูจอมป่วนไวกว่าชิงตอบก่อน ช่างถูกใจคนเป็นพี่ พรพิสุทธิ์ลูบหัวเหม่งของเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู

“เก่งมาก แล้วบอกพี่ซิว่าทำไมถึงเป็นคนนี้”

“ก็คนแต่งเขาจับตัวละครเป็นพันตัวทั้งที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ประกอบกับตัวละครที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่มาร้อยเรียงด้วยบทสนทนาที่แยบคาย ทั้งกลศึกที่ซับซ้อนคนที่ดูฉลาดที่สุดในเรื่องก็มาจากมันสมองของคนแต่ง” คนตอบภาคภูมิใจในความรู้ของตนเองแต่ดูเหมือนกรสุมาจะไม่ได้ใส่ใจสิ่งที่เด็กสาวเจื้อยแจ้วนักเพราะรู้สึกเหมือนถูกหักหน้าหาทางออกให้ตัวเองโดยการชวนเปลี่ยนเรื่อง

“แก้มคงต้องพัฒนาตัวเองอีกเยอะเลยค่ะพี่แจนเก่งจังเลยนะคะ แถมสวยอีกต่างหาก ใครได้เป็นแฟนคงโชคดีที่สุดใน 3 โลกเลยค่ะ” กรสุมาชักใจเอนเอียงไปทางเสน่หาคุยกับพี่แจนไม่เท่าไหร่ก็รู้สึกว่าจะหลงเสน่ห์พี่แจนเข้าแล้ว ก็เธอชอบคนฉลาดก่อนหน้านี้เธอคงจะไม่รู้สึกอะไรแบบนี้ถ้ายัยเด็กแก่แดดนี่ไม่พรีเซ้นส์ตัวเองคงต้องงัดข้อกันซักตั้งแล้วหล่ะยัยเด็กเมื่อวานซืน!

“ชมเกินไปแล้วค่ะ เท้าพี่จะไม่ติดดินอยู่แล้วแก้มเองก็เถอะค่ะ สวยอย่างกะดารา ดีกรีก็ไม่เบา แบบนี้มาทั้งร้อยก็เก็บใช่รึป่าว”

อีกครั้งดุจดาวกลับมาเป็นตัวประกอบพี่แจนเองก็ดูยินดีไปกับเขา ใช่ซิ ก็หล่อนทั้งสวย แถมฐานะก็ไม่น่ากระจอกและที่สำคัญอยู่กับแม่นี่ก็คงจะไม่น่าเบื่อเหมือนอยู่กับเด็กเอาแต่ใจอย่างเธอ

จะเอาไงดี จะเดินสะบัดก้นออกมาเฉยๆ แต่มันก็เท่ากับเธอประกาศยอมแพ้สงครามครั้นจะนั่งอยู่ต่อ แต่ก็เป็นเพียงอากาศธาตุที่เขาไม่แยแส แต่เราจะมาแพ้ยัยหน้าสวยจอมแอ๊บเนี่ยนะ

ใช่! มารยามีตั้ง108 เล่มเกวียณ

“อูย เสียงของคุณหนูจอมป่วนดึงความสนใจจาดพรพิสุทธิ์เมื่อหันมองก็ได้เห็นน้องน้อยเอามือกุมท้องร้องโอดโอยหน้าเหยเกแสดงถึงความเจ็บปวด

“เป็นอะไรยัยดาว”พรพิสุทธิ์ตกใจ รีบดูอาการ

“ดาวปวดท้อง ยาก็ลืมไว้บ้านพี่แจน”

“งั้นก็ต้องรีบกลับบ้านกันซินะ”ดุจดาวพยักหน้าน้อย เซื่องซึมผิดวิสัยจนผู้ใหญ่ใจคอไม่ดี แต่กรสุมานี่ซิแตกต่างเพราะคิดว่าเท่าทัน

มารยา!

พรพิสุทธิ์หันมาล่ำลาลูกศิษย์หน้าหวานก่อนจะประคองร่างที่บางกว่าเดินออกไป

“แวะหาหมอก่อนไหม” ผู้ใหญ่อาทร

“ไหวสิ กินยาก็หายแล้ว”

“อ่อ”พรพิสุทธิ์พยักหน้าน้อยๆเป็นการรับทราบ ก่อนจะกลับไปมีสมาธิอยู่กับการขับรถอยากจะเหยียบสัก 120 จะได้ถึงบ้านเร็วๆใจเป็นกังวลว่าน้องน้อยจะเป็นอะไรมาก

เมื่อถึงบ้านพรพิสุทธิ์ประคองคนป่วยเข้าบ้านตรงขึ้นไปบนห้องทันทีกะว่าทานยาแล้วจะได้นอนพัก

“ยาอยู่ไหน เดี๋ยวพี่ไปหยิบให้” พรพิสุทธิ์ถามขึ้นเมื่อส่งคนป่วยถึงเตียงแล้ว

“ยา เอ่อ …” ดุจดาวอึกอักเจออาการแบบนี้พรพิสุทธิ์ก็ถึงบางอ้อทันที

หึ! เด็กแสบยังไงก็เป็นเด็กแสบวันยังค่ำ

“โกหกพี่ใช่มั้ย” ตาคมคาดคั้นเอาความ

“คือ…”เด็กสาวหน้าซีดสลดไป เมื่อเห็นอีกฝ่ายดูจริงจัง

“เค้าขอโทษ ก็ถ้าไม่ใช้วิธีนี้พี่แจนคงคุยกับยัยหน้าหวานยันร้านปิดแน่ๆ”

“ก็ใช่ที่พี่อาจจะคุยติดลมไปหน่อย แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่ดาวจะเป็นเด็กเลี้ยงแกะได้อย่างถูกต้องนะ"ก็เข้าใจเด็กนะ แต่ว่าผ่อนปรนให้จะยิ่งได้ใจ

“รอลงอาญาก่อนได้มั้ยอ่ะ" เด็กน้อยต่อรอง

“ไม่ได้!" พี่สาวเสียงแข็ง

“แล้วพี่แจนจะลงโทษอะไรดาว” ให้รู้ก่อนว่าจะลงโทษอะไรแล้วค่อยต่อรองอีกทีกับพี่แจนแค่ออดอ้อนหวานๆนิดหน่อยก็ใจอ่อนแล้ว

“นั่นซิ พี่จะลงโทษอะไรเด็กเลี้ยงแกะดีน้า” ไม่พูดเปล่า หญิงสาวร่างสูงเดินเข้าไปใกล้ใช้ 2แขนคร่อมร่างจำเลยไว้ ตอนนี้หน้าของทั้งสองสาวอยู่ในระยะที่ลมหายใจเป่าถึงที่เด็กสาวกำลังพยายามเอนไปด้านหลังเพื่อหลีกหนีรู้สึกแปลกๆเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย

“พี่ พี่แจนจะทำอะไรดาวอ่ะ” นัยน์ตาสั่นระริกเป็นกังวลต่างกับเด็กสาวจอมซ่าคนเดิมยิ่งปลุกเร้าให้ผู้ใหญ่อยากรุกไล่กลั่นแกล้ง

“ดาวอยากเป็นแฟนพี่ไม่ใช่เหรอ คนเป็นแฟนกันเขาก็ทำกันแบบนี้”

อ่าว… อยู่ๆผู้ใหญ่เปลี่ยนประเด็นเฉยเลย

“แต่เค้ายังเด็กอยู่นะและที่พูดไปแบบนั้นเพราะไม่อยากให้พี่ไปใกล้ชิดกับใครต่างหากเล่าเค้าผูกขาด” ตานี้เด็กสาวต้องยกมือขึ้นพร้อมยันอีกฝ่ายที่รุกไล่เข้าใกล้มากขึ้นทุกทีแต่คิดเหรอว่า 2 มือน้อยๆแค่นี้จะเอาผู้ใหญ่จอมขี้แกล้งอยู่ร่างที่แข็งแรงกว่าดันร่างของเด็กสาวหงายราบไปบนที่นอนจนได้

“อุ่ยดุจดาวยิ่งขวัญกระเจิงกระเจิงเมื่อแผ่นหลังของตนสัมผัสกับที่นอนนี่พี่แจนเป็นบ้าไปแล้วหรือไง ทำไมยังเล่นไม่เลิก

“เป็นอะไรไป ตัวสั่นเชียว หนาวเหรอ” พรพิสุทธิ์ทำตาใสซื่อหยอกเย้าไม่ดูอารมณ์เด็กก่อนจะทิ้งตัวลงไปบนร่างของเด็กสาวจากที่แค่คิดจะแกล้งกันแต่ตอนนี้เธอเองก็หวั่นไหวใจเต้นรัวไม่แพ้กันก็เธอไม่ใช่พระอิฐพระปูนสักหน่อยเด็กดาวเองก็ใช่ว่าจะขี้ริ้วขี้เหร่ ไม่ซิสวยมากเลยแหละ และความใกล้ชิดที่มันชิดจนแนบนี้กำลังบอกเธอว่า ‘ดุจดาวไม่ใช่เด็กแล้ว’

“ไหนเมื่อเช้าคุยว่าผ่านผู้ชายมาเป็นสิบไงจะผ่านพี่อีกสักคนจะเป็นไรไป” จึก! ดาบนั้นคืนสนอง

“พี่แจนลามก หื่นกาม” เมื่อรู้ความคิดร้ายๆของผู้ใหญ่เด็กจึงออกฤทธิ์อาละวาดแบบไม่เกรงใจสองมือน้อยๆทั้งผลักทั้งดันผู้ใหญ่หน้าสวยที่กำลังเป็นจอมฉวยโอกาส

“ปล่อยเค้าเดี๋ยวนี้นะคนลามก” เด็กน้อยแผลงฤทธิ์จนผู้ใหญ่รำคาญ สองมือน้อยๆจึงถูกรวบและตรึงไว้หนาแน่นเกินอีกฝ่ายจะขัดขืนได้

“พี่แจนอ่ะ”ดุจดาวเสียงอ่อยเมื่อสิ้นฤทธิ์หมดทางสู้

“อะไร”ยังมีอารมณ์ต่อความกับเด็ก

“พี่แจนรักเค้าเหรอ”

หือ… ถามยากขนาดนี้ใครจะตอบได้

“ก็ไหนว่าชอบง่ายๆแบบน้ำแตกแล้วแยกกันไปไงแล้วทำไมตอนนี้ถึงต้องการเหตุผลอะไรมากมายนัก”

“ก็ตอนนั้นมันไม่เหมือนตอนนี้”

“แล้วมันต่างกันยังไง”

“ก็ตอนนี้ดาวอยากได้ความรัก” เมื่อเด็กเข้าโหมดจริงจัง อารมณ์อยากแกล้งของผู้ใหญ่เลยพลอยหดหายพรพิสุทธิ์ยันตัวขึ้นแต่ยังใช้สองแขนคร่อมตัวไว้

“รู้จักความรักเหรอ” ดุจดาวเมินหน้าหนีเมื่อเจอคำถามยากๆ เธอรู้สึกได้ถึงความรักแต่ก็ยากที่จะอธิบายออกมา

“เด็กน้อยเอ้ย”พรพิสุทธิ์ยีหัวเด็กสาวจนยุ่งด้วยความเอ็นดูก่อนจะผละออกไปปล่อยเด็กสาวให้เป็นอิสระดุจดาวเองก็ดันตัวขึ้นมาทันที

“ความผิดเรายังติดตัวอยู่นะ พี่นึกวิธีลงโทษเราได้เมื่อไหร่ค่อยจัดการ”

แล้วเมื่อกี้ทำอะไรเธอไปตั้งเยอะแยะไม่นับว่าเป็นการลงโทษหรือไงแค่คิดแต่ไม่กล้าพูดภาวะเสียเปรียบแบบนี้พูดมากไปรังแต่ของจะเข้าตัว

“กลับมาแล้วครับ”เสียงของบอยดังขึ้นมาพรพิสุทธิ์จึงยอมรามือและเดินออกจากห้อง

“พี่แจนลามก”ดุจดาวพูดไล่หลังคนที่เดินออกไปเบาๆกลัวอีกฝ่ายได้ยินเดี๋ยวบานปลายก่อนจะเดินตามลงไป

พรพิสุทธิ์เห็นบอยหอบหิ้วข้าวของมาเต็มสองมือฟันธงอย่างมั่นอกมั่นใจว่าเจ้าน้องชายคงไปหลงคารมพวกขายตรงมาแล้วแน่ๆ กำลังจะอ้าปากด่าเรียกสติแต่คุณหนูจุ๊ปากห้ามไว้ก่อนกระซิบกระซาบว่าเรื่องนี้จะจัดการเองดุจดาวเดินไปทักทายคนวัยเดียวกันเพื่อสืบราชการลับ พรพิสุทธิ์เฝ้าดูจากระยะไกลรอดูฝีมือคุณหนูจอมป่วน

อ่าว…ยัยคุณหนูกำลังทำอะไรนั่น เขียนอะไร กรอกอะไร แถมมียื่นเงินให้อีก ไหนว่าจะไปสืบไหงเสียท่าไปสมัครกับมันเสร็จสิ้นดุจดาวก็เดินฮัมเพลงกลับมาอย่างอารมณ์ดี เป็นปฏิภาคกลับกับพี่สาวที่กำลังขัดเคืองใจเป็นเด็กแสบชิงเปิดประเด็นก่อน

“พี่แจนไม่ต้องห่วงบอยหรอกเขาก็แค่หารายได้พิเศษหนุกหนานกันไปน่า”

“แล้วไม่เคยได้ยินข่าวเรื่องบริษัทขายตรงหลอกลวงสมาชิกบ้างหรือไงเขาโกงกันออกโจ๋งครึ่มที่มากกว่านั้นบอยจะไม่เป็นอันเรียน เดี๋ยวสัมมนา เดี๋ยวอบรม ชีวิตจะวุ่นวายไม่สิ้นสุดแล้วหล่อนก็ยังจะไปสมัครอีกคน” พรพิสุทธิ์ค่อนไปในทางอคติมากกับธุรกิจMLM เธอเองก็เคยโดนหลอกให้ไปสมัครงานอยู่หลายที่ซ้ำบุคคลที่รู้จักที่ประกอบอาชีพนี้เธอไม่เห็นจะมีใครประสบความสำเร็จกันสักคนเห็นมีแต่หนี้สินที่งอกเงย

“ก็เค้าอยากช่วยเป็นกำลังใจเท่านั้นหรอกพี่แจนก็รู้ว่าเค้าจะไปฟังสัมมนาอะไรนั่นได้ยังไงเค้าต้องอ่านหนังสือหรือจะให้ไปเร่หาสมาชิกขายของ คุณหนูไฮโซผู้เลอโฉมจะไปทำอะไรแบบนั้นได้ยังไงเสียลุคแย่คิดซิคิด”

“ย่ะแม่คนรู้มากน้ำใจงาม ไม่มีอะไรแล้วก็ตามพี่ไปที่ห้อง” พรพิสุทธิ์ออกคำสั่งด้วยเสียงเรียบแต่เฉียบในทีเด็กสาวถึงกับเสียวสันหลังวาบ ตายละหวา…ตานี้พี่แจนจะมาไม้ไหนหนอไม่ใช่แบบก่อนหน้านี้นะ

“ได้เวลาต้องติวกันแล้วซินะ” กระนั้นก็ดีความฉลาดเฉลียวในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของคุณหนูดีเลิศเข้าขั้นยกเอาประเด็นนี้มาเป็นทางเลือกทางรอดให้ตัวเอง พรพิสุทธิ์ไม่ได้ว่าอะไร แต่เมื่อให้หลังก็เดินอมยิ้มขึ้นห้องไปเอ็นดูในความเฉลียวฉลาดดุจดาวทำให้เธอรู้สึกพราวในใจเสมอเมื่อได้ใกล้ชิด เมื่อได้รับความสำคัญ




Create Date : 05 มกราคม 2559
Last Update : 5 มกราคม 2559 14:22:38 น. 0 comments
Counter : 593 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.