Group Blog
 
All blogs
 
คำขอร้องจากเด็กคนหนึ่ง

คำขอร้องจากเด็กคนหนึ่ง

หลังจากจัดการทุกอย่างจนเรียบร้อยพรพิสุทธิ์จึงได้เดินชิลกลับสถาบันในมือมีกาแฟลาเต้รสเข้มข้นเธอต้องการคาเฟอีนเพื่อช่วยเพิ่มความตื่นตัวระหว่างที่เดินอยู่ริมทางติวเตอร์สาวเห็นเด็กดาวสุดแสบนั่งก้มหน้าอยู่กับโทรศัพท์มือถือเพียงลำพังเวลาอยู่โดดเดี่ยวก็หมาหงอยดีๆนี่เอง

“ทำไมไม่ไปนั่งรอในห้องแอร์เย็นๆล่ะคะ"เด็กสาวละสายตาจากมือถือ เงยหน้าขึ้นมามอง สายตาแสดงออกชัดถึงความไม่เป็นมิตรและไม่มีการตอบกลับใดๆพรพิสุทธิ์มองอย่างเข้าใจ ความก้าวร้าว ไม่มีสัมมาคารวะเกือบเป็นเรื่องปกติของเด็กสมัยนี้เธอรับได้ เพราะสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้ระบบการปลูกฝัง อบรมสั่งสอนเปลี่ยนแปลงตามไปด้วยแย่หน่อยที่มันเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลงแต่ถ้ามีโอกาสเธอก็คงจะขอสั่งสอนสักหน่อย

“ใกล้ได้เวลาติวแล้วเดี๋ยวเดินไปพร้อมกันเลย"ดูเผินๆเหมือนเป็นประโยคบอกเล่าแต่ความหมายคล้ายสั่งอยู่กลายๆเพราะหากอีกฝ่ายไม่คล้อยตามก็คงได้ฟาดฟันกันบ้าง

“กลัวพี่เหรอ”ติวเตอร์สาวพูดต่อเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่หือไม่อือและไม่มีท่าว่าจะขยับเขยื้อนไปไหนเด็กสาวตวัดสายตามองเอาเรื่องรับไม่ได้กับคำว่ากลัว คนอย่างเธอไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้วเป็นไปอย่างที่คิดเด็กสาวลุกขึ้นยืนท้าทายด้วยสายตาว่าไม่ได้กลัวที่เข้าทางผู้ใหญ่พรพิสุทธิ์ไม่ได้พูดอะไรเดินนำออกไป ในระหว่างการก้าวเดินตามกันไปไม่มีแม้คำน้อยจะหลุดจากปากเด็กสาว

"เมื่อเช้าต้องลืมแปรงฟันมาแน่ๆ"พรพิสุทธิ์ขึ้นพูดลอยๆ แต่ก็ไม่รู้ลอยไปไหนเพราะคนที่ต้องการพูดด้วยเขาไม่ได้รับไว้เลยไม่มีการตอบกลับใดๆ

วันนี้เด็กดาวดูเงียบเชียบผิดจากเด็กจอมป่วนคนเมื่อวานหยั่งกับเป็นคนละคนจะว่าเพราะไม่มีพวกก็ไม่น่าเกี่ยวแก่นเซี้ยวขนาดนั้นไม่น่าจะเกรงกลัวใครแล้วเธอเองก็ใช่จะน่ากลัว ออกจะสวย เมื่อเด็กไม่พูดด้วยผู้ใหญ่ก็เลยคิดเพ้อเจ้อไปคนเดียวยืดยาว

“หรือไม่สบาย" ประโยคที่ดูเลื่อนลอยยังคงไม่เป็นที่สนใจ

“แล้วเพื่อนๆไปไหนหมดล่ะ นี่ก็ใกล้เวลาเข้าเรียนแล้ว" ยังเงียบดั่งเคย จนพรพิสุทธิ์ชักของขึ้น

“ฉันไมได้มีปัญหากับเรื่องที่เธออาจจะไม่ชอบฉันแต่ในฐานะที่ฉันเป็นผู้ใหญ่อายุมากกว่าเธอ และกำลังจะเป็นครูของเธอในอีกไม่ช้าเธอควรจะรักษามารยาทและให้เกียรติฉันบ้าง" พรพิสุทธิ์พร่ำบ่นเด็กเมื่อวานซืนที่กำลังก้าวร้าวเอาแต่ใจกับตน

เอี๊ยด

เด็กสาวดึงตัวผู้ใหญ่ที่เอาแต่เจื้อยแจ้วไม่ระมัดระวังเข้ามาบนพื้นถนนได้ทันท่วงทีแต่ก็แบบฉิวเฉียดสุดๆ

นาทีนี้พรพิสุทธิ์ยังยืนนิ่งขวัญกระเจิดกระเจิงหากเด็กดาวดึงเธอไว้ไม่ทันเจ้ารถเก๋งคันงามคงได้โฉบเฉี่ยวเกี่ยวเอาเธอไปกินแน่

แต่…นี่มันบังเอิญไปไหมที่เธอเกือบจะถูกรถเฉี่ยวชนทั้งๆที่ก่อนจะข้ามถนนเธอได้ดูดีแล้วนะว่าก็ไม่มีรถขับมา ระยะเวลาแค่ปรายตามาพูดพร่ำ สั่งสอนเพียงชั่ววินาทีเดียว ถึงขนาดที่เธอจะมองไม่เห็นรถที่แล่นมาเชียวเหรอแล้วนี่มันก็ถนนในซอยนะไม่ใช่ถนนใหญ่ รถขับเร็วมากไม่ได้อยู่แล้วหรือว่าความจริงแล้วมันมีบางสิ่งที่มองไม่เห็นมาบังตาเราพรพิสุทธิ์ปักใจเทน้ำหนักของเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นไปยังสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้เต็มร้อย

“จะยืนฝันเฟื่องอยู่ตรงนี้อีกนานมั้ย ร้อน!!ถ้านานจะได้ไปก่อน” เจอวาจาไร้สัมมาคารวะเข้าสติจึงกลับมาแต่ไม่เป็นไร ไม่โกรธ ถือว่ามีคุณงามความดี

“ขอบใจนะ เด็กดาว”พูดจบติวเตอร์สาวก็เดินนำออกไป แต่เด็กสาวกลับรู้สึกแปลกๆรู้สึกเหมือนตัวเองไม่สมประกอบ

“ดุจดาวย่ะยัยป้า ไม่ใช่เด็กดาว” เด็กสาวลืมตัวบอกชื่อจริงเสร็จสรรพกับอีกฝ่ายติวเตอร์สาวอมยิ้มที่เด็กดาว เอ้ย! ดุจดาวหลงกล

ดุจดาวยังนั่งรอเพื่อนๆอยู่ที่เก้าอี้ด้านหน้าประชาสัมพันธ์ทั้งที่เกือบจะได้เวลาติวแล้วคอร์สภาษาอังกฤษในวันนี้เป็นคอร์สทดลองเรียนที่สถาบันติวเปิดให้เด็กๆที่สนใจติวได้เข้าฟังฟรีก่อนตัดสินใจลงทำเบียน

“ได้เวลาติวแล้วค่ะ เข้าห้องได้แล้ว” ติวเตอร์สาวเดินออกมาตามลูกศิษย์สาวจอมเฮี้ยว เด็กสาวไม่หือ ไม่อือไม่แม้จะขยับตัว ไม่อะไรสักอย่าง ก็หลากหลายดีนะเด็กคนนี้ เมื่อวานเป็นหัวโจกจอมเฮี้ยว ต่อปากต่อคำไม่ยอมแพ้แต่วันนี้กลับเป็นลูกหมาน้อยหงอยเหงาไม่เอาใคร แม้จะขุ่นเคืองใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากเพราะที่นี่เป็นสถาบันกวดวิชาเป็นธุรกิจเอกชนไม่ใช่สถานศึกษาตามระบบที่รัฐบาลเป็นผู้กำหนดความพอใจของลูกค้าอยู่สูงสุดเพราะลูกค้ามีสิทธิ์ที่จะเลือกหรือไม่เลือกเราก็ได้แต่เราซิต้องการถูกเลือกเพราะมันหมายถึงเม็ดเงินรายได้เด็กคนนี้อยู่ในฐานะผู้ซื้อบริการมีสิทธิ์ที่จะใช้หรือไม่ใช้บริการที่ตนซื้อไปก็ได้และก็ไม่แปลกที่เด็กจะไม่เห็นคุณค่าของเงิน เพราะยังอยู่ในฐานะของผู้รับไม่ใช่ผู้หา

“แจนเข้าไปติวเถอะจ้ะเดี๋ยวพี่จัดการทางนี้เอง” หยกมณีเสนอตัวเข้ามาไกล่เกลี่ยแต่ในใจกลับนึกว่าเด็กเหลือขอแบบนี้จะไปสนใจทำไมเงินก็ได้มาแล้วไปสนใจเด็กที่เขารอเรียนอย่างตั้งใจดีกว่า

“ค่ะ ฝากด้วยนะคะ”ติวเตอร์สาวส่ายหน้าน้อยๆนึกระอาเด็กไม่มีสาระก่อนจะเดินเข้าห้องไป

“กว่าจะมากันได้นะพวกแก” เป็นเสียงของเด็กดาวที่ติวเตอร์สาวทันได้ยินพอดีก่อนที่ประตูห้องจะปิดลงพรพิสุทธิ์อมยิ้มที่แก๊งเด็กแสบมากันแล้ว ไม่นานเสียงเจี๊ยวจ๊าวก็ตามเข้ามาในห้องติวแม้จะมีคนอื่นร่วมติวด้วย แต่ความที่มีประชากรเยอะกว่าทำให้แก๊งสาววัยซนไม่ค่อยจะเกรงใจใคร

“สวัสดีค่ะทุกคนก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกันอย่างเป็นทางการก่อนนะคะ ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Officiallyintroducing หรือจะใช้ Formally แทนก็ได้ค่ะ” ติวเตอร์สาวสวยไม่ลืมที่จะใส่ศัพท์แสงลงไปด้วยให้สมกับคลาสวิชาภาษาอังกฤษเมื่อทำความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้วติวเตอร์สาวจึงหันไปจดชื่อตนเองด้วยตัวหนังสือโรมันบนไวท์บอร์ดก่อนจะหันกลับมายิ้มหวาน แนะนำตัวเต็มเสียงแสดงออกถึงความมั่นใจ

“พี่ชื่อพรพิสุทธิ์ค่ะ nickname แจน จบการศึกษาปริญญาตรีและโทบริหารธุรกิจ แต่ทุกคนไม่ต้องกังวลนะคะพี่ได้เออังกฤษทุกตัว ซ้ำยัง Exempt ในชั้นปริญญาโทด้วยเพราะได้คะแนนสอบเข้าเกินกว่า 80%" พรพิสุทธิ์แจกแจงสรรพคุณของตนที่ก็ไม่ได้เกินเลยจากความเป็นจริงไปแม้แต่น้อยและจบลงที่เขียน E-mail กับ Id Line ลงบนกระดานไวท์บอร์ด

“รับปรึกษาทุกเรื่อง ทุกเวลา(ที่ว่าง) ไม่ว่าจะเรียนเที่ยว เพลง แฟชั่น ความงาม ความรัก"

“เรื่องเงินปรึกษาได้ไหมคะ” หนึ่งสาวในกลุ่มเด็กแสบพูดแทรกขึ้นโดยไม่สนใจมารยาท

“ปรึกษาทางวาจาล่ะก็ได้ค่ะแต่ถ้าจะยืมเงินก็คงจะลำบากหน่อยเพราะพี่ก็ยืมคนอื่นเขาเหมือนกัน” พอจะมีเสียงครื้นเครงบ้างเล็กๆน้อย แต่ยังหรอกเท่านี้มันยังไม่เพียงพอต่อการสร้างการยอมรับจากเด็กๆติวเตอร์มือใหม่รีบดำเนินการตามแผนการสอนของตนต่อทันที

หลังจากที่คิดหาวิธีรับมือมาทั้งคืน จากประสบการณ์และจากที่ศึกษามาการจะปราบเด็กแสบให้อยู่หมัดคือต้องแสบกว่าเด็ก แต่ไม่ได้หมายความว่าร้ายมาแล้วต้องร้ายกลับนะแบบนั้นมันตื้นเขินเกินไปไม่ใช่แนวทางของมหาบัณฑิตแผนแรกของเธอคือเริ่มจากการละลายพฤติกรรมก่อน เธอต้องทลายกำแพงทิฐิที่มีต่อกันให้เบาบางคือการมีกิจกรรมร่วมกัน

“เอาล่ะค่ะ ก่อนจะเข้าสู่บทเรียนอย่างจริงจังพี่มีแบบทดสอบที่การันตีว่าแม่นมากๆอิมพอร์ตมาจากญี่ปุ่นมาให้น้องๆทุกคนได้ลองทำกันค่ะ" หากินกับเกมจิตวิทยาที่มีอยู่ทั่วไปแต่คนไม่ค่อยรู้นี่แหละเกือบร้อยทั้งร้อยทุกคนสนใจใคร่อยากรู้เบื้องลึกที่เป็นตัวตนภายในของตัวเอง

“มุกหลอกเด็กละไม่ว่า" เด็กดาวพูดแทรกขึ้นมุ่งหวังทำลายบรรยากาศและบั่นทอนกำลังใจติวเตอร์ที่ตนไม่ค่อยจะชอบใจนักพรพิสุทธิ์ยิ้มบางๆยอมสงบเพราะอยู่ในบรรยากาศส่วนรวมแต่ก็นึกค่อนขอดเด็กแสบอยู่ในใจว่าดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาเชียวนะหลังจากที่เพื่อนๆมากันครบแก๊งทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังเห็นซึมกะทืออย่างกะลูกหมาอมทุกข์

ติวเตอร์สาวหันกลับไปลบกระดานไวท์บอร์ดและเขียนชื่อสัตว์ทั้ง10ชนิดเป็นภาษาอังกฤษลงไป ได้แก่ หมา หมี ลิง สิงโต ม้า กระรอก แพะกระต่าย เพนกวิน แมว ปากก็พูดคำศัพท์ไปด้วย

“พี่แจนจะให้น้องๆเลือกสัตว์ที่ชอบที่สุดในนี้มา3 ชนิดนะคะ แล้วพี่แจนจะต้องขอเบรกไว้ก่อนเลยนะคะว่าห้ามใครบอกว่าไม่มีสัตว์ที่ชอบเลยในนี้ พร้อมแล้วก็เลือกกันเลยค่ะ" ติวเตอร์สาวยิ้มหวานส่งสายตาเป็นมิตรกับเด็กทุกคนที่สัมผัสได้ทันทีว่าไม่มีไมตรีจิตที่ดีส่งกลับมาเลยก็ไม่เป็นไรแค่ไม่ดื้อด้านยอมทำตามคำสั่งเธอก็โอเคแล้ว

เด็กทุกคนยอมทำตามแต่ก็แบบอยากลองของเกิดไม่แม่นอย่างโฆษณาจะได้เล่นงานให้เข็ดหลาบเช่นเดียวกับดุจดาวที่ขีดเขียนลงไปบนสมุดโน้ตของตน

“อย่าลอกกันนะคะ" พรพิสุทธิ์หยอกเย้าเป็นกันเองระหว่างรอก็ทำเป็นเดินดูว่าเด็กๆเขียนอะไรกันบ้าง

ตอนนี้สมาชิกในก๊วนเด็กแสบเริ่มมีอารมณ์ร่วมกับกิจกรรมกันบ้างแล้วสังเกตจากการซุบซิบปรึกษาหารือกันและก็มีบางคนเผลอยิ้มตอบติวเตอร์สาวสวยแล้วด้วย ในความรู้สึกนึกคิดของก๊วนเด็กแสบจะว่าไปหากไม่ติดว่ายัยดาวมีท่าว่าไม่ชอบพี่แจนพวกตนก็ไม่อะไรกันหรอกพี่แจนเองก็ไม่เห็นจะร้ายกาจอะไรดูสวยใสใจดีด้วยซ้ำ และตั้งแต่ติวมามีที่นี่แหละที่ติวเตอร์หน้าตาดี ติวเตอร์ที่อื่นไม่เนิร์ดแว่นหนาเตอะก็เป็นป้าเป็นลุงแก่ๆ

พรพิสุทธิ์ลอบมองเด็กดาวที่ยังเก็กหน้านิ่งทำเป็นไม่มีอารมณ์ร่วมเธอจะคอยดูว่าจะแข็งไปได้สักกี่น้ำ

“ทุกคนเลือกกันเสร็จหมดแล้วนะคะ”ติวเตอร์กวาดไปรอบห้อง

“ตอนนี้ก็ได้เวลาเฉลยแล้ว” เด็กทุกคนรอฟัง เพราะต่างสนใจอยากรู้ความหมายว่าจะใกล้เคียงตัวตนของตนเองหรือเปล่า

“ความหมายของสัตว์ที่เราเลือกเป็นลำดับแรกนั้นก็คือเราต้องการอยากให้คนรอบข้างมองว่าเราเป็นคนแบบไหน

ลำดับที่สอง เราอยากให้คนอื่นปฏิบัติ (treat)ต่อเราอย่างไร และ

ลำดับสุดท้ายนิสัยที่จริงแท้ของเราเป็นอย่างไรพี่จะไล่ไปทีละตัวนะคะ ในนี้มีใครเลือกน้องหมาบ้างเอ่ย”แน่นอนว่าสัตว์ยอดนิยมของคนทั้งโลกย่อมไม่ตกการสำรวจยกมือกันเกือบทั้งห้อง พรพิสุทธิ์หมุนตัวกลับมาเขียนเฉลยบนกระดานไวท์บอร์ด

“คนที่เลือกสุนัข เป็นคนอบอุ่น (warm-hearted)จริงใจ (sincere) จิตใจดี (generous) ตรงไปตรงมา ไม่คิดคดทรยศเพื่อน (neverbetray)

ต่อมาสิงโต มีใครเลือกบ้างคะ”เด็กดาวยกมือหราอยู่กับคนอื่นอีกสิบกว่าคน เป็นไปอย่างที่คิด ไว้ก็นางเป็นจ่าฝูง!

“คนที่เลือกสิงโตจะมีบุคลิกน่าเกรงขามค่ะ (formidable) ทรงพลังอำนาจและมีความเป็นผู้นำ(powerful & leadership) มีเสน่ห์น่าดึงดูด (attractive)”ถึงตรงนี้พรพิสุทธิ์ก็นิ่งไปสายตาจับจ้องไปที่ดุจดาวหนึ่งเดียวในห้องนี้ที่เลือกสิงโต

“มีเสนห์น่าดึงดูด…” คำพูดจงใจค้างไว้ตรงนี้ แต่สายตานี่ซิวิบวับแปลกๆในความรู้สึกของดุจดาว

“ตรงมั้ยคะ” พรพิสุทธิ์ปิดประเด็นเอาดื้อๆจนเด็กสาวตามอารมณ์ไม่ทันแต่ก็รีบกลับมาเก๊กหน้านิ่งอย่างไวเพราะกลัวเสียฟอร์ม

“สิงโตใช่จะไม่มีข้อเสียนะคะ เพราะบางครั้งก็หลงตัวเองและระเริงในความโดดเด่นของตนมากเกินไปหากลดตรงจุดนี้ได้หลายๆอย่างก็จะราบรื่นมากขึ้น” คนสูงวัยกว่าถือโอกาสสั่งสอนจากจิตที่ปรารถนาดีจากนั้นพรพิสุทธิ์ได้ไล่เฉลยต่อจนครบ

“แล้วพี่แจนล่ะคะ เลือกตัวอะไร” พรพิสุทธิ์รู้สึกเหมือนศรย้อนกลับมาปักอกที่เธอเลือกกิจกรรมนี้เพราะเธอต้องการรู้ตัวตนลึกๆของเด็กทุกคนในเชิงจิตวิทยาเพื่อจะได้วางแผนการสอนได้ถูกจุดดั่งเดี่ยวกับปรัชญาจีนจากเรื่องสามก๊กที่ว่า

‘รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง’

แต่ของเธอเป็น

‘รู้เขา รู้เรา สอนร้อยครั้งเด็กรู้เรื่องทั้งร้อยครั้ง’

แต่ดูเหมือนตอนนี้เธอกำลังถูกลากลงมาเล่นเกมนี้ด้วยเด็กดาวฉลาด ยอกย้อนความคิดเธอ

“สัตว์ที่พี่ชอบคือแมวเหมียวค่ะ”ติวเตอร์สาวไม่อิดออดที่จะตอบ เมื่อได้ยินคำตอบดุจดาวก้มลงอ่าน short note แบบเนียนๆที่จดเอาไว้กะว่าจะเอาไปเล่นกับเพื่อนที่โรงเรียน อันว่า แมวบ่งบอกถึงลักษณะว่าเป็นคนเข้าใจยาก (elusive) มีความลับเยอะ!!(secretive) รักอิสระเป็นที่หนึ่ง (love of freedom) ไม่ชอบการบังคับ (dislike to coerce) เป็นผู้นำในการทำงาน โห…ร้ายกาจใช่ย่อย ดุจดาวคิดในใจเมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็ได้ปะสายตากับแมวนัยน์ตาสวยพอดีโดยไม่รู้ตัวว่าพรพิสุทธิ์จ้องมองอยู่ก่อนมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญเป็นเด็กสาวที่แพ้ภัยเสหลบสายตาไปแต่ในใจยังค้างคาแววตาที่พี่แจนมองเธอมันดูวิบวับแปลกๆ พรพิสุทธิ์ยิ้มนัยน์ตากับชัยชนะต่อเด็กสาวที่แพ้ภัยหวั่นไหวสายตาเธอ

“ช่วงใกล้สอบแบบนี้น้องๆคงจะเครียดกันน่าดูเลยใช่ไหมคะพี่แจนเลยมีเคล็ดลับมาฝาก สนใจกันไหมเอ่ย” คำว่าสนใจออกมาจากปากของเด็กทุกคน

พรพิสุทธิ์จึงได้แชร์ประสบการณ์ด้านเทคนิคในการสอบในฐานะที่ตนประสบความสำเร็จในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยมาก่อนแนะนำกลเม็ดในการอ่านหนังสือโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับช่วงเข้าไคลแบบนี้ แถมยังได้เล่าเกร็ดเล็กๆว่าสมัยก่อนการสอบเข้าระดับอุดมศึกษานั้นเรียกกันว่าentranceตอนหลังเปลี่ยนมาเป็น admission จริงๆในภาษาอังกฤษมันก็คือคำเดียวกันแปลว่า ‘การเข้า’ แต่เธอกลับรู้สึกชอบคำว่า entrance มากกว่าadmit ซึ่งพอเป็นคำกริยามันดันไปพ้องกับคำว่าการรับตัวเข้าโรงพยาบาลฟังดูไม่ค่อยมงคลเท่าไหร่

สุดท้ายพรพิสุทธิ์ฝากข้อคิดเล็กๆกับเด็กทุกคนว่าวัยเรียนเป็นอะไรที่ชิลที่สุดแล้วและชีวิตในโลกกว้างที่แท้จริงคือวันรับปริญญาที่ฝรั่งเขาเรียกว่า commencementday ซึ่งแปลว่าเป็นวันแห่งการเริ่มต้นของชีวิต และได้ยกตัวอย่างตนเองที่แม้จะโดดเด่นวิชาการดีกรีเกียรตินิยมทั้งตรีและโทจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐฯถึงขนาดหลงใหลในความเลิศเลอเพอร์เฟคของตนเอง แต่เมื่อต้องออกมาเผชิญกับโลกความจริงโลกของการแก่งแย่งแข่งขัน โลกของโอกาสที่มันมักจะมาเร็วและก็ผ่านไปรวดเร็วเสมอ

“ก่อนหน้าที่พี่แจนจะมาเป็นติวเตอร์ที่นี่พี่ต้องเดินหางานจนขาลากแล้วลากอีก เดินจนรองเท้าสึกไปหลายคู่ โปรยไปสมัครไปเกือบ 20แห่ง บริษัทที่เรียกไปสัมภาษณ์จริงๆก็ไม่กี่ที่ ตกสัมภาษณ์ไปก็เยอะ” ติวเตอร์สาวเล่าอย่างออกรสเด็กๆต่างสนใจฟังแม้จะยังคิดอยู่ว่ามันเป็นเรื่องไกลตัวตามประสาเด็กที่ถูกปลูกฝังเรื่องค่านิยมทางการศึกษาที่จะสนใจแต่วิชาการเท่านั้นแต่ก็นักต่อนักแล้วที่เจอมา เก่งวิชาการ แต่ไม่เข้าใจชีวิต มักจะเอาตัวไม่รอดและวิชาการตามตำราที่มันมากเกินพอดี มักจะมาปิดกั้นศักยภาพและความคิดสร้างสรรค์เด็กโดยไม่รู้ตัว

“ก่อนจะหมดชั่วโมงแรกของการrelax พี่ขอฝากไว้ว่าในการเจอกันในคลาสทุกๆครั้งขอให้น้องๆทุกคนตั้งใจฟังในสิ่งที่พี่พูด ขยันท่องศัพท์และฝึกทำโจทย์ให้มากแค่เท่านั้นน้องๆก็จะได้เห็นทางรอดของวิชานี้แล้ว บวกกับเทคนิคที่พี่จะให้ด้วยยิ่งสบาย และที่อยากจะฝากน้องๆอีกเรื่อง หากเรามีเป้าสูงเราต้องทุ่มเทชีวิตที่เรียนๆเล่นๆเรื่อยเปื่อยไปวันๆมันอาจจะเป็นสุขในวันนี้แต่แน่นอนมีโอกาสทุกข์สูงมากแน่ๆในอนาคตและเมื่อถึงวันนั้นเราจะย้อนกลับมาแก้ไขอะไรก็ไม่ได้แล้วฉะนั้นแล้วพี่อยากให้น้องทุกคนตั้งใจเรียนนับตั้งแต่นี้เพื่ออนาคตที่ดีๆในวันหน้าค่ะ”จากนั้นพรพิสุทธิ์ก็เริ่มเข้าบทเรียนแรกอย่างจริงจังแต่เนื่องจากเป็นคอร์สทดลองเรียนวิชาการจึงยังไม่ถูกอัดแน่นเท่าไหร่พอเป็นน้ำจิ้มเพื่อให้ความมั่นใจกับคนที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน

“พรุ่งนี้เราจะเรียนคอร์สตะลุยโจทย์กันแบบเข้มข้นดังนั้นการสอนของพี่จะไปเร็วและจะไม่มีเวลามา relax แบบนี้อีก”เมื่อติวเตอร์ปิดการสอนเด็กๆก็ทยอยกันเดินออกไปจะดูว่าคอร์สนี้พรพิสุทธิ์เอาอยู่แค่ไหนก็ต้องดูตอนเลิกแล้วว่าเด็กลงทะเบียนติวต่อกี่เปอร์เซ็นวัดจากเด็กที่เข้าไปฟัง

แต่จากภาพที่เห็นตอนนี้น่าเห็นใจหยกมณีที่ถูกเด็กๆรุมล้อมเร่งเร้าต้องการรีบลงทะเบียนเพื่อจะได้ไปเที่ยวเล่นกันต่อ

พรพิสุทธิ์เดินมาล้างมือที่ห้องน้ำจังหวะที่ก้มตัวเปิดก๊อกน้ำเพื่อฟอกสบู่เหลวสายตาเห็นเงาลางๆเหมือนมีใครยืนอยู่ด้านหลังคนจิตแข็งหันขวับมองจนสุดขอบแต่ก็เห็นเพียงความว่างเปล่าก็แน่ล่ะ เธออยู่คนเดียว!

“พี่พรพิสุทธิ์สะดุ้งสุดตัวตกใจเสียงเรียกที่อยู่ๆก็โผล่ขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เมื่อหันไปมองต้นเสียงกลับพาให้ยิ่งประหลาดใจเพราะเป็นเด็กดาว เอ้ย ดุจดาวที่เรียกเธอ แต่ก็หลอนไปนะอยู่ๆเด็กคนนี้ก็มายืนอยู่ข้างๆโดยที่เธอไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดตีนเบาจริงๆนะแม่คุณ กำลังจะง้างปากต่อว่าที่พาให้อกสั่นขวัญแขวนแต่ก็ต้องชะงักเพราะอยู่ๆมือเรียวนุ่มนิ่มของเด็กสาวก็คว้าแขนเธอไปเกาะ

“ใกล้สอบเต็มแก่แล้วดาวกังวลจังค่ะนี่ท่องอะไรไปก็ไม่จำไม่เข้าหัวเลยสักนิด พี่แจนช่วยมาติวส่วนตัวให้ดาวที่บ้านได้ไหมคะ”เด็กสาวออดอ้อนราวเป็นคนละคนกับเด็กแสบเมื่อวานหรือเด็กหงอยเหงาเฉื่อยชาอย่างเมื่อเช้า นี่มีกี่ปางกันจ๊ะแม่หนูพี่มึนหมดแล้ว พรพิสุทธิ์ยังจับต้นชนปลายไม่ได้หรือจุดประสงค์ที่แท้จริงของเด็กดาวคือต้องการกลั่นแกล้งเธอด้วยการเสนอค่าตอบแทนที่สูงกว่าเพื่อให้เธอรับงานนอกเมื่อเธอเออออก็จะเอาเรื่องไปแจ้งกับทางสถาบันว่าเธอรับงานเองโดยไม่ผ่านสถาบันแต่เมื่อมองเข้าไปนัยน์ตาเพื่อค้นหาความจริงตาแบ๊วๆหน้าใสๆแบบนี้จะคิดอะไรร้ายๆลึกๆได้ขนาดนั้นเลยเหรอ เด็กสาวเกาะแน่นมือเหนียวอย่างกับตุ๊กแกที่ผู้ใหญ่พยายามจะสลัดยังไงก็ไม่หลุด

“น้องดาวปล่อยแขนพี่ก่อนดีไหมคะเดี๋ยวใครมาเห็นเข้ามันจะดูไม่งาม”เข้าทางเด็กสาวเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายแคร์สายตาคนอื่นจึงยิ่งรุกไล่เบียดกายเข้าหาเพื่อให้ได้สิ่งที่ตนเองต้องการ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าทำแบบนี้มันจะไปกระตุ๋นบางอย่างในกายของอีกฝ่ายที่อาจจะเป็นภัยต่อตนเองได้

‘เด็ก เด็ก ท่องไว้แจนเอ้ย’ ติวเตอร์สาวหัวใจเต้นระส่ำแทบไม่เป็นจังหวะกับความใกล้ชิดที่มันเกินพอดีกับเด็กสาวหน้าตาดีที่กำลังจะโตเป็นสาวเต็มวัยถ้าไม่ติดว่ามีสำนึกที่ดีอยู่เต็มหัวใจหล่อนคงได้หาประโยชน์จากการกระทำที่ไร้สติของเด็กสาวที่ไม่รู้ตัวว่าอีกฝ่ายคิดกับตนเป็นเพศตรงข้าม

“ดาวเป็นความหวังเดียวของที่บ้านดาวไม่อยากให้ที่บ้านผิดหวัง” น้ำเสียงแผ่วเบาขาดห้วงดั่งคนที่แบกของหนักไว้บนบ่าและกำลังเหนื่อยล้าเต็มทีเธอก็อินไปกับคำของเด็กดาวนะ แต่สิ่งที่ร้องขอมามันไม่จำเป็นต้องเป็นเธอก็ได้นี่

“ติวเคอร์เก่งเยอะแยะและพี่เองก็ไม่สะดวก”

“ไม่ค่ะ ดาวอยากให้พี่แจนติว” เด็กสาวดื้อดึง แต่ก็ยิ่งพางงเพราะผู้ใหญ่ไม่เท่าทันความคิดเด็ก

“แต่ดาวไม่ชอบพี่ไม่ใช่เหรอ” หรือเธอเข้าใจอะไรเด็กผิด

“ดาวบอกไปตอนไหนคะว่าดาวไม่ชอบพี่”

“ก็เห็นกวนพี่ตลอด” ติวเตอร์สาวยังไม่แจ้งใจ

“ชอบต่างหาก เค้าถึงกวน”

‘หือ’กำลังจะบอกเธอว่า…

“เรียกร้องความสนใจค่ะ”เสียงใสๆตอบความคิดในหัวของผู้ใหญ่

“และที่แจนเลือกพี่เพราะแจนรู้สึกได้ว่าเราน่าจะเข้ากันได้ดี”

เธอจะเข้ากันได้ดีกับเด็กเจี๋ยวจ๋าวเอาแต่ใจเนี่ยนะไม่น่าใช่!

“พี่แจนรับปากดาวนะว่าจะไปติวให้ดาวที่บ้านคิดซะว่าเอาบุญกับเด็กหัวไม่ดีที่เป็นความหวังของครอบครัว”แต่มันไม่ใช่เรื่องอะไรของเธอนะ แต่เด็กน้อยก็น่าสงสาร เอาไงดีเนี่ย พรพิสุทธิ์กำลังชั่งใจว่าจะ deal or nodeal

“ไม่เป็นเสียงดังเข้ามาในโสตประสาทพรพิสุทธิ์สะดุ้งเฮือกสายตากวาดมองไปรอบกายเป็นอัตโนมัติเพื่อหาต้นเสียง

“มีอะไรหรือคะ”เด็กสาวยอมคลายมือถอยตัวออกมาแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นอิสระ

“มีอะไร” ดุจดาวตื่นไปกับท่าทางแปลกๆของอีกฝ่าย

“ไม่มีอะไร” ปากพูดไม่มีอะไรแต่ในใจนึกเคืองเจ้าของเสียงพูดคำว่า‘ไม่’ สุดกำลังเธอมั่นใจว่าต้องเป็นเจ้าเดียวกับเจ้าของข้อความ

‘Get away from her!’

แต่ก็เบื่อจะสนใจ สนไปก็ไม่มีอะไรก้าวหน้าคนตรงหน้านี้ต่างหากที่เธอต้องสนว่าจะเอายังไงดี

“ขอพี่คิดดูก่อนแล้วกันนะ” พรพิสุทธิ์หาทางชิ่งเพื่อออกมาตั้งหลักก่อน

“ไม่ต้องคิดค่ะพี่แจนมีแค่คำตอบเดียวคือตกลง”

นี่ไง ยังไม่ทันไรก็แผลงฤทธิ์แล้ว ก็นางเป็นสิงโต

“พรึ่บ” อยู่ๆไฟก็ดับรอบด้านมืดไปหมด

“ว้าย!” เด็กดาวร้องเสียงหลงโผเข้าหาพี่สาวเป็นอัตโนมัติด้วยความตกใจเนื้อตัวสั่นเทาเพราะไม่ถูกโรคความมืด ก็โตมาจนป่านนี้แล้วเธอยังไม่เคยปิดไฟนอนเลย

“ไม่เป็นไรนะ แค่ไฟดับ” ติวเตอร์สาวปลอบประโลมในใจนึกหน่ายความบังเอิญก็ทำไมไฟมันต้องมาดับตอนนี้ด้วยเล่า

‘หมับ’ มีบางสิ่งคว้าเข้าที่ข้อมือบางของติวเตอร์สาวแบบจังๆวัตถุต้องสงสัยคล้ายจะเป็นมือมนุษย์แต่มีความหยาบและแห้งเกินกว่าจะมีเลือดไปหล่อเลี้ยงและแน่นอนต้องไม่ใช่มือเด็กดาวแน่ๆเพราะอ้อมแขนของดาวอยู่ที่เอวของเธออยากจะร้องแต่ก็ร้องไม่ออกมันตื้อไปหมด เร็วเท่าความคิดพรพิสุทธิ์สะบัดแขนอย่างแรงจนสิ่งแปลกปลอมหลุดออกไปแบบนี้เขาเรียกแพ้กันที่จิตไม่ได้แพ้กันที่กำลัง จิตของพรพิสุทธิ์เข้มข้นและมีกำลังมากไม่ง่ายที่บางสิ่งที่มองไม่เห็นจะเข้ามาระราน

“พี่แจนเป็นอะไร”ดุจดาวสัมผัสได้ถึงแรงเหวี่ยงสะบัด

“ม่ะ ไม่มีอะไรเดี๋ยวเราจะค่อยๆพากันเดินไปที่ประตูนะ”เด็กสาวเพียงพยักหน้าให้เครดิตผู้ใหญ่ แต่ยืนแนบชิดกันแบบนี้รู้สึกได้เลยว่าพี่แจนสูงมากก็หน้าเธออยู่เลยหน้าอกไปนิดเดียวเอง แต่ทำไมเธอถึงต้องรู้สึกอึดอัดแปลกๆด้วยหัวใจที่เต้นแรงอยู่ตอนนี้เป็นเพราะเธอกลัวหรือเพราะตื่นเต้นกับความใกล้ชิดกับอกหยุ่นๆตัวหอมๆของพี่แจน




Create Date : 02 ตุลาคม 2558
Last Update : 19 ตุลาคม 2558 19:09:17 น. 1 comments
Counter : 318 Pageviews.

 
ดีจ้า มาทักทายนะจ้ะ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ


โดย: สมาชิกหมายเลข 4061181 วันที่: 25 สิงหาคม 2560 เวลา:16:57:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.