Group Blog
 
All blogs
 
Keen eyes ตาแหลม

สองครูลูกศิษย์ลงมาที่หน้าออฟฟิศตอนเที่ยงเศษเช่นเพลานี้ ผู้คนคราคร่ำแน่นหนาแถมยังร้อนเอามากๆแต่คมเดชน์ก็ไม่ปริปากบ่นทั้งๆที่มันน่าจะเป็นอย่างนั้นเขาเพียงแค่หยิบแว่นกันแดดมาสวมใส่ และเอามือป้องแดดจัดที่หน้าผากน้องนุชแวบเห็นร้านส้มตำซกเล็ก แต่หมายจะแกล้งเอาอย่างในบทละครมันก็ดูเกินไปหน่อยชีวิตจริงหากคมเดชน์เกิดอาหารเป็นพิษขึ้นมาเธอมีหวังโดนยัยไหมฉีกอกเป็นชิ้นๆ ถัดจากร้านซกเล็กข้างๆกันเป็นร้านข้าวมันไก่ที่ดูสะอาดตาพอจะฝากท้องได้เอาละ ร้านนี้ก็แล้วกัน เธอเดินนำหน้าหนุ่มเจ้าสำอางมาที่ร้านสั่งไก่จานหนึ่งข้าวมันเปล่าสองถ้วย

ผิดคาดไปมากมายที่เฮียร้านข้าวมันไก่พูดคุยสนิทสนม กับเจ้าของบริษัทดีราวรู้จักกันมาเนิ่นนานคมเดชน์นั้นเล่าก็กินอย่างเอร็ดอร่อยไม่หลงเหลือคราบไคลภาพผู้ดีรัตนโกสินทร์ที่น้องนุชรับรู้มาตลอดก่อนหน้า ตกลงชายคนนี้นี่เป็นคนยังไงกันนะ?ทั้งสลับซับซ้อนและหลายบุคลิกจัง

“ปกติผมก็กินง่ายอยู่ง่ายแต่ถ้ามีลูกค้าหรือคนพิเศษก็ต้องทานอะไรดีๆให้เกียรติเขาหน่อย” คมเดชน์เปรยขึ้นหยิบทิชชู่มาซับเหงื่อที่แตกซิก ‘อาการแบบนี้นี่นะ ใครเชื่อก็บ้าแล้ว!ถึงจะชอบพี่แต่ก็ไม่ได้ตามืดบอดเพราะลุ่มหลงหรอกนะคร้า’

หลังจากจ่ายเงินทั้งคู่เดินตรงรี่กลับออฟฟิศ ขอกลับเข้าไปตากแอร์เย็นๆเสียหน่อย ไม่ไหวๆทำไมวันนี้ร้อนจัดเหลือเกิน ระหว่างที่อยู่ในลิฟท์ชายร่างสูงสังเกตเห็นว่าน้องนุชอยู่ในภาวะฉุกเฉินทางความคิด เธอเหม่อลอยในความมืดมน...สับสนเสียใจเหลือเกินไม่ใช่! นั่นมันพี่โป่งหินเหล็กไฟแล้ว

“มีอะไรอยากระบายมั้ย” เสียงทุ้มนุ่มลึกที่ไถ่ถามกับแววตาที่บ่งบอกว่าห่วงใย สะดุดหูคนเหม่อเข้าอย่างจัง น้องนุชที่ระวังระไวหัวใจมากขึ้นก็ยังมิวายมีแอบใจสั่นเทิ้มเล็กๆ วันนี้เธอพ่ายแพ้เอาเสียทุกหมากตา ร่างเล็กขอฮึดเฮือกสุดท้ายขอท้าประลองคำตามถนัดอีกสักตั้ง

“พี่คมเป็นมะขามแขกหรือไงคะ”

“เป็นถังขยะหรือท่อระบายน้ำก็ยังได้หากคนๆนี้จะสบายใจขึ้น” เป็นจังหวะที่พอดีลิฟท์ระทึกขวัญเปิดออกมาที่ชั้นห้า สองหนุ่มสาวเดินตามกันเข้าไปยังห้องทำงานส่วนตัวน้องนุชเหลือบมองสายตาจิกกัดแกมอิจฉาของแหวน ด้วยความหมั่นไส้เธอเดินสะบัดบ๊อบเชิดใส่แบบไม่แคร์ แสบมาก็ต้องแสบกว่าตอกกลับไป เลขาหน้าขาวได้แต่ตาร้อนผ่าวจะหันไปเม้ามอยกับคนอื่นรึก็ยังไม่มีใครขึ้นมา เธอโมโหจนบีบดินสอไม้หักคามือดังเป๊าะ‘ตกลงยัยสก๊อยชงกาแฟนั่นแค่ตัวหลอกใช่มั้ยแม่หน้าจืดนี่คงเป็นตัวจริง’ แหวนรอช้าไม่ได้อีกต่อไปเธอต้องทำอะไรสักอย่างด่วนๆ..

ที่ห้องทำงานของคมเดชน์น้องนุชยังไม่หยุดเกมส์ต่อคำ

“อ่านนิยายมากไปหรือเปล่าคะพูดเป็นลิเกเชียว คือเมื่อกี้เจ๊อ้อย ผู้จัดละครที่จ้างนุชเขียนบทให้น่ะค่ะ เธอให้นุชเขียนบทเพิ่มอีกแล้ว”

“แหวน..ขอกาแฟให้ผมสองแก้วสิ” หนุ่มร่างสูงเหมือนไม่ได้สนใจฟังเรียกหาแต่กาแฟเพื่อแก้เลี่ยน ก็ข้าวมันไก่ออกจะมันเยิ้มขนาดนั้น แคลอรี่รึก็สูงปรี๊ด หากไม่ใช่ตามใจครูสาวแล้วล่ะก็นานทีสามปีหนถึงจะกินส่วนที่ดูสนิทชิดเชื้อก็เพราะเขาแวะซื้อไปเลี้ยงพนักงานอยู่บ่อยๆน้องนุชเห็นว่าท่าจะพึ่งพิงไม่ได้ ซ้ำร้ายพ่นออกไปจะหาว่าเราเป็นมนุษย์ป้าขี้บ่นถึงจะพูดระบายออกไปตามคำชวนก็ใช่ว่าจะเข้าใจ เธอจึงเตรียมจะขอลากลับ คมเดชน์เห็นเข้าก็ท้วงเอาไว้ด้วยคำพูดเหนือเมฆเช่นเคย

“ละครเรทกำลังขึ้นเอาๆนะ ก็น่าเห็นใจผู้จัดเขาได้เพิ่มอีกสักสองสามตอนก็หลายล้านอยู่”

“พี่คมรู้?เอ่อ..หมายถึงรู้เรื่องการทำงานละคร?” น้องนุชเป็นที่ประหลาดใจยิ่งชายคนนี้เป็นซุปเปอร์บอสหรืออย่างไร รอบรู้ไปเสียทุกสิ่งอย่าง

“ก็ไม่เสียหายที่จะศึกษาเอาไว้มันอาจจะเป็นอีกไลน์ธุรกิจหนึ่งของพี่ในอนาคตข้างหน้าก็ได้” นั่นปะไรเผยความต้องการที่แท้จริงออกมาจนได้ หรือว่า ที่เขาแกล้งมาตีซี้ตีสนิท ลดตัวลงมาคบกับเราเพื่อการนี้โดยเฉพาะ

“ค่ะก็ตามที่พี่พูด นุชน่ะก็พอเข้าใจ แต่มันหมดมุกจะเขียนแล้วเพิ่มตัวละครเข้าไปก็แล้ว พระนางก็รักกันแล้ว เงื่อนปมต่างๆมันก็คลี่คลายไปหมดแล้ว” ไหนๆก็จะหลอกใช้กันแล้วงั้นเธอขอความเห็น พิสูจน์วิสัยทัศน์จากว่าที่ผู้จัดละครดูบ้าง

“ลองเล่าย้อนมั้ยแบบว่าตัวพระตัวนางเคยเจอกันมาก่อน และก็มีใครคนหนึ่งแอบประทับใจ แอบรักเพียงฝ่ายเดียวโดยที่อีกฝ่ายไม่เคยรับรู้แล้วค่อยมาเฉลยเอาตอนหลัง ปรึกษาไหมดูสิ รายนั้นเขาเก่งเรื่องย้อนความ”

น้องนุชคิดทบทวนถึงไอเดียนี้ก็น่าสนใจอยู่หรอก แต่ว่ามันเขียนยากเอาการ จะไปแทรกย้อนเล่ากันอีตอนไหน ให้สมูธแนบเนียนกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกันให้มากที่สุดก็นะ ยังดีกว่าเขียนวนไปวนมา ..เอาเป็นว่าจะเก็บไว้เป็นทางเลือกก็แล้วกันเธอร่ำลาชายที่ชอบพอแม้ออกจะแฮปปี้ที่ได้ชิดใกล้แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะใช้เธอเป็นหมากตัวไหนในธุรกิจ เคยมีสักวินาทีบ้างไหมที่คมเดชน์จะคิดคบกับใครแบบเป็นเพื่อนพี่น้อง จริงๆ...

ไหมเงินนั่งทำงานอยู่ที่หน้าจออย่างเคยฉากพรอดรักกันระหว่างตัวนางทั้งสองยังค้างคา ‘บ..ท..รักเลสเบี้ยน’

นักเขียนสาวตัดสินใจพึ่งพิงเสิร์ชเอ็นจิ้นเป็นตัวช่วยอย่างเคยด้วยเพราะคงไม่มีข้อมูลอะไรดีและสะดวกรวดเร็วกว่านี้ หลังจากอ่านบทความมากมายหลายเวบหลายบล๊อค ไหมเงินก็ยังอดสงสัยไม่ได้อยู่ดีว่าในทางปฏิบัติระหว่างผู้หญิงด้วยกันมันจะปั่มปั๊มกันยังไง? ท่วงท่าไหน?จริงอยู่ที่การสัมผัสภายนอกคงไม่แตกต่างจากที่เธอรับรู้แต่ส่วนที่ล้ำลึกไปกว่านั้นล่ะ แล้วฝ่ายรุกฝ่ายรับนั้นอีก โอ้ยยย! งง??? เธอได้แต่จดเอารายชื่อหนัง เลสเบี้ยนที่ต้องซื้อหามาดูเป็นไกด์นำทาง

นักเขียนสาวปิดคอมพิวเตอร์และเอนกายลงบนเตียง ความรู้สึกหลากหลายสับสน ทั้งยังเหมือนคนที่ค้นหาตัวเองไม่เจอ หลังจากต้องอยู่คนเดียวที่ห้องหับของตนแม้จะมีสมาธิในการทำงาน แต่ก็รู้สึกเปล่าเปลี่ยวเอกาไม่น้อยเธอโทรหาญาติสาวหลายรอบแต่น้องนุชก็ไม่รับสาย นักเขียนหน้าหวานพาร่างของตนเองที่จิตใจว้าวุ่นเดินไปวนมาอยู่ในห้องเผลอไผลไม่ระวังเดินเตะข้าวของที่ยังคงระเกะระกะอยู่สองสามรอบก็ยิ่งพาลพาให้โกรธาเป็นกำลัง หยิบแท็บเล็ตขึ้นมาดูกดไปที่แอพพลิเคชั่นฝึกภาษาทอดอารมณ์ไปแสนไกล สุดท้ายท้ายสุดก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมใยต้องคิดถึงแม่ผมยุ่งตลอดๆเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นคมเดชน์ที่โทรเข้ามาหลังจากเขาส่งน้องนุชขึ้นรถกลับออกจากออฟฟิศไปแล้ว จึงได้โทรหาลูกน้องคนโปรด

“ไหม อีกสองวันมาพบเราที่ออฟฟิศสิบโมงเช้าเราจะประชุมทีมการตลาด เพื่อเปิดตัวไหมในการเขียนนิยายยูริ”

“ทำไมไหมต้องไปด้วยคะก็ให้ฝ่ายการตลาดเขาคิดกันไปซี” เกินจะทนที่เจ้านายจอมบงการเอาแต่สั่งๆๆคราวนี้จะไม่ยอมกันอีกต่อไป พอกันที เธอจะดื้อดึงดัน บอสจะทำอะไรได้

“ก็ตามใจเราก็แค่จะบอกว่าถ้าไหมไม่มาจะเสียใจ” เจ้าของสำนักพิมพ์ทิ้งท้ายไว้เท่านั้นก่อนจะวางสายไปไหมเงินจากที่จะอาละวาดฟาดงวงฟาดงากลับต้องมาครุ่นคิดเพราะทุกครั้งที่บอสพูดเป็นนัยแบบนี้ มันมีความหมายซ่อนเร้นแอบแฝงแน่นอน ช่างมัน ยังมีเวลานักเขียนมีชื่อหยิบเอากระดาษโน๊ตที่จดรายชื่อหนังมาดูตั้งใจจะไปเดินหาซื้อหนังมาศึกษาเสียหน่อย เธออาบน้ำแต่งตัวและออกจากคอนโดไป...

น้องนุชมาที่ออฟฟิศของเจ๊อ้อยระหว่างที่รอพบผู้จัดชื่อดังเพื่อสรุปงาน นักเขียนบทสาวคิดถึงลูกพี่ลูกน้องอยากจะปรึกษาระบายออกมาใจแทบขาดแต่ก็รอดูท่าทีของเจ๊อ้อยก่อนแล้วกัน พลันก็ให้นึกสนุกเธอส่งรูปของขวัญข้าวในมุมด้านข้างเต็มตัวไปให้ลูกพี่ลูกน้องหวังแกล้งคนปากแข็ง

เสียงไลน์ดังขึ้นไหมเงินที่ขับรถอยู่บริเวณถนนกำแพงเพชรหน้าอตก.กำลังจะเลี้ยวซ้ายเข้าพหลโยธินเพื่อไปเซ็นทรัลลาดพร้าว รีบเปิดดูและรู้ได้ทันทีว่ารูปสาวเสื้อกล้ามนมตูมๆคนนี้คือใครแม้จะมองไม่เห็นใบหน้าค่าตา แต่ทรงผมมันฟ้อง! ไม่รอช้าเธอรีบโทรกลับหาญาติสาวทันที

“ท่านกำลังเข้าสู่บริการรับฝากข้อความกรุณา...” ไหมเงินแทบจะปาโทรศัพท์ทิ้ง เมื่อรู้ตัวว่าโดนแกล้งยั่วให้อยากรู้ ทันใดนั้นก็ยิ่งเป็นเหมือนพล็อตเรื่องซับซ้อนที่วางเอาไว้อย่างแยบยลเสียงเพลงจากเครื่องเสียงของรถโมบายที่จอดอยู่หน้าตลาดนัดสวนจตุจักรข้างหน้า ดังกระหึ่มจนกระจกรถของเธอสั่นไหวจังหวะเพลงแดนซ์ดึงดูดให้นักเขียนสาว ต้องส่ายสอดส่ายตาไปมอง และต้องตกใจสุดขีดเมื่อแม่สาวเอ็กซ์แตกนุ่งน้อยห่มน้อยเป็นคนคนเดียวกับแม่ผมยุ่ง และคนคนเดียวกับในรูปที่น้องนุชส่งไลน์เข้ามา!! คนคุ้นหน้ายืนอยู่บนรถโมบายแต่งตัวอย่างกับเป็นพริตตี้มอเตอร์โชว์ ในมือกำลังถือไมค์เจื้อยแจ้วบรรยายสรรพคุณสินค้าข้างๆเป็นหนุ่มหน้ามนสองคน เปลือยกายท่อนบนโชว์กล้ามโต

‘เชอะ! สุดท้ายก็ต้องมาขายเนื้อหนังพอเลิกงานก็จูงมือเสี่ยเข้าโรงแรม ทำไมหัวเธอถึงคิดได้แต่เรื่องพรรค์นี้นะยัยหัวยุ่ง’ ไหมเงินบ่นเป็นหมีโมโห พยายามจะหาที่จอดไปลากตัวมาอบรมเสียหน่อยแต่ก็ทำไม่ได้อย่างใจคิด ไหมเงินต้องวนรถผ่านสวนรถไฟ หาที่จอดได้แถวพิพิธภัณฑ์เด็กโบกรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างรีบบึ่งมายังหน้าสวนฯ ไม่ทันเสียแล้วเพราะรถโมบายเจ้ากรรมเคลื่อนตัวออกไป หายไปไหนเสียก็ไม่รู้ หรือว่าจะไปเซ็นทรัลใช่ๆ นักเขียนสาวรีบบอกให้พี่วินขี่รถต่อไปยังเซ็นทรัล แต่ก็ไร้วี่แววเช่นเคย ไหมเงินได้แต่เซ็งโลกที่จับไม่ได้ไล่ไม่ทันสาวรุ่นเสียที ไหนๆก็มาอยู่เซ็นทรัลแล้วแม้จะไม่มีอารมณ์เดินดูหนังตามที่จดรายชื่อมา แต่ก็ไม่อยากให้เสียเที่ยวนักเขียนมือทองจัดการธุระตัวเองจนเสร็จ คืนนี้เธอต้องบีบเค้นเอาความมาจากญาติสาวให้ได้หล่อนกลับมาที่รถและบึ่งไปยังบ้านน้องนุชผู้สมรู้ร่วมคิดทันที

ตกเย็นคุณแต๋วพาขวัญข้าวมาส่ง ให้กับน้องนุชที่ออฟฟิศเจ๊อ้อยตามที่นัดแนะกันไว้หลังจากที่เจอหน้ากัน นักเขียนบทมีชื่อ ก็ไล่ให้เอ็มซีเอ็กซ์ระเบิดไปเปลี่ยนชุดเสียก่อนเพราะมันล่อตาล่อใจล่อแหลมเสียเหลือเกินสิ่งแรกที่คนน่ารักทำคือนั่งลงที่โซฟาก้มถอดรองเท้าบู๊ทยาวนั่นออกพี่สาวคนสวยตีเข้าให้ที่ต้นแขนก็ท่าทางแบบนี้มันเผยให้เห็นร่องอกภายใต้เสื้อกล้ามตัวจิ๋วโผล่ออกมาท้าทายสายตาเสียเกือบครึ่งเต้า

“แม่คุณ ระวังหน่อยสิ นมหกเรี่ยราดเต็มพื้นแล้ว”

“มีให้หกด้วยหรือคะ” ขวัญข้าวไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่ยอกย้อนสนุกปากก็วันนี้เธอทำหกไปสิบแปดล้านรอบได้

“ยังจะมาทำพูดดีตีหน้าทะเล้นอีก ดูซิมีคนแอบดูกันใหญ่แล้ว” ทันทีที่ถอดรองเท้าสำเร็จขวัญข้าวก็ก้มดูที่ส้นเท้าทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยแผลจากการเสียดสี หรือที่เขาเรียกว่ารองเท้ากัดนั่นล่ะปากก็เตรียมจะโต้ตอบ แต่น้องนุชก็ขัดจังหวะเข้าให้

“ก็...”

“พอๆ ขี้เกียจจะเถียงแล้ว ไปเปลี่ยนชุดซะไป” เมื่อสาวรุ่นเดินลับหลังไป นักเขียนบทสาวก็หันมาคุยกับคุณแต๋ว

“เป็นไงบ้างคะพี่แต๋ว ขวัญงอแงหรือเปล่า?”

“ไม่เลยค่ะฟีดแบ็คดีมาก น้องเก่งมากเลยนะคะให้ท่องสคริปต์เพียงรอบเดียวก็จำได้ทุกเมล็ดไม่มีตกหล่น แถมเสียงหวาน พูดจาชัดเจนครั้งหน้าคงต้องขอตัวจากท่านประธานมาช่วยงานอีกแน่ๆ” พี่เลี้ยงอาวุโสชมเสียยกใหญ่ไม่เท่านั้นยังเปิดคลิปที่ถ่ายไว้ให้น้องนุชดูเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันอีกด้วย

“ส่งให้พี่คมเอ่อ..ท่านประธานดูหรือยังคะ”

“ค่ะท่านประธานเธอรีบโทรกลับมาชมน้องทันทีเลยพี่ก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าท่านประธานจะตาแหลม..”

“นุช..แม่พริตตี้เมื่อกี้ใครคะ พี่เห็นหลังอยู่ไวๆพอดีติดสายผู้ใหญ่ของช่องอยู่เลยแวบออกมาดูไม่ทัน” เจ๊อ้อยเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาไม่ใช่บอสคนเดียวหรอกที่ตาแหลมผู้จัดคนนี้ก็แสดงท่าทีสนอกสนใจเอ็มซีป้ายแดงวัยทีนอย่างออกนอกหน้า

“เจ๊อย่าบอกนะคะว่า...” น้องนุชเท่าทันนายจ้างแม้จะค่อนข้างไม่เห็นด้วยที่จะผลักดันเด็กสาวให้เข้าสู่วงการมายาแต่เรื่องนี้ก็ต้องถามความสมัครใจใคร่อยากจากปากเจ้าตัวเองน้องนุชตระหนักดีว่าเธอไม่ได้อยู่ในฐานะนั้น แต่ถ้าเป็นญาติผู้พี่ล่ะก็ไม่แน่

“ถูก!” คำตอบสั้นๆชัดเจน ผู้จัดอย่างเธอต้องหูตาไวหากเจอคนหน้าใหม่ใสๆวัยทีนที่มีแวว ก็เป็นต้องคว้าเข้าสังกัดไว้ก่อนความไวเป็นเรื่องของปีศาจ วงการนี้เขาขโมยตัวกันแค่ชั่วข้ามวัน

คุณแต๋วเมื่อเห็นว่าหมดหน้าที่ของตนแล้วก็เตรียมจะกลับ เธอเดินมาที่หน้าตึกจะก้าวเดินออกไป แต่ก็ถูกเสียงใสๆของสาวรุ่นเรียกไว้เธอหอบเอาชุดที่เปลี่ยนแล้วมาคืน แต่ผู้อาวุโสกลับบอกว่าเธอต้องใส่มันอีกสองวันขวัญข้าวนึกว่าภารกิจตัวแทนจะเป็นแค่วันเดียว แต่คุณแต๋ว กลับบอกว่าท่านประธานสั่งว่าโปรเจ็คนี้ที่เหลือขวัญข้าวจะต้องเป็นผู้ทำหน้าที่ต่อและคุณแต๋วก็แคนเซิลงาน กับหนูน้อยที่เบี้ยวเธอไปก่อนหน้านี้แล้วเด็กรุ่นจนใจปฏิเสธเพราะถือเอาคำสั่งของคมเดชน์เป็นที่สิ้นสุดคุณแต๋วบอกให้ไปที่ออฟฟิศในตอนเช้าก่อน และให้ไปแต่งตัวเตรียม สแตนบายไว้ที่นั่นเมื่อตกลงกันเรียบร้อยคุณแต๋วจึงกลับไป ขวัญข้าวก็เดินกลับมาหาพี่สาวคนสวยเธอเห็นคนแปลกหน้ายืนคุยกับน้องนุชก็ยกมือไหว้ตามมารยาท

“สวัสดีค่ะน่ารักจิ้มลิ้มนะหนู ติดคอนแทรคกับโมฯเจ้าไหนอยู่หรือเปล่าจ๊ะ?” เจ๊อ้อยปฏิบัติการเจ๊ดันทันทีน้องนุชที่รู้งานก็เปิดไฟเขียวให้เต็มที่ ขวัญข้าวก็เป็นงงกับคำถามตอบไปตามประสาซื่อ

“หนูไม่ได้ใส่คอนแท็คเลนส์ค่ะสายตาปกติ ส่วนหน้าก็เดิมๆไม่ได้โมฯมา” คำตอบทำให้ทั้งคู่สนทนาและน้องนุชหลุดหัวเราะกันเกรียวขวัญข้าวที่บ้าจี้อยู่แล้วก็ร่วมผสมโรงเอากับเขาด้วยทั้งสามหัวเราะกันน้ำหูน้ำตาเล็ดกว่าจะปรับโหมดปรับอารมณ์ให้อยู่ในสภาพปกติก็ใช้เวลาอยู่พักใหญ่เป็นน้องนุชที่ต้องอธิบายความประสงค์ของผู้จัดตาแหลมให้สาวรุ่นเข้าใจ

“นี่คือเจ๊อ้อยผู้จัดละครมือโปรฯ คนที่พี่ทำงานให้ด้วยเจ๊เขาอยากจะได้หนูมาเป็นเด็กในสังกัด”

“อะ..เอาจริงเหรอคะหนูมันคนไม่มีหัวนอนปลายเท้านะคะ”

“เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอกจ้ะสมัยนี้เขาไม่มีใครแคร์แล้ว อีกอย่างเราขายลุคส์ ขายความสามารถไม่ต้องรีบตอบพี่ก็ได้ แต่สัญญานะจ๊ะถ้าอยากจะเข้าวงการบันเทิงก็คิดถึงเจ๊อ้อยเป็นคนแรก” เมื่อเห็นเด็กสาวยังลังเลใจก็แน่นอนเพราะเธอเล่นจู่โจมแบบไม่ทันให้ตั้งตัวเช่นนี้เจ๊อ้อยทิ้งประเด็นไว้ให้คิด ก่อนจะขอตัวไปทำงานต่อ พร้อมส่งสัญญาณมือว่าให้น้องนุชโทรหาด้วย

นักเขียนสาวพาขวัญข้าวมาเปิดบัญชีที่ธนาคารในห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน เพราะที่นี่เขาเปิดถึงเวลาค่ำๆแถมวันเสร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ก็ไม่เว้นวรรคปิดทำการเมื่อได้สมุดเงินฝากมา ขวัญข้าวเปิดดูและบอกกับพี่สาวใจดีอย่างภาคภูมิใจ

“นี่เป็นเงินก้อนแรกในชีวิตเลยที่หนูหามาได้ด้วยตัวเอง คิดไม่ถึงเลยค่ะว่ามันจะมากมายขนาดนี้” นักเขียนบทสาวยิ้มอารีถือโอกาสนี้พร่ำสอนสาวน้อย

“หาได้เท่าไหร่ไม่สำคัญเท่ากับว่าเราเหลือเก็บเท่าไหร่ หรอกขวัญ มีรายได้หนึ่งล้านแต่เป็นหนี้สู้มีเงินหนึ่งร้อยในมือแต่ว่าไม่เป็นหนี้ไม่ได้” ขวัญข้าวรับฟัง พยักหน้าน้อยๆแต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้อยู่ดี

“หนูเคยดูรายการทอล์คโชว์ทางโทรทัศน์คนรวยๆที่มาออกรายการเขาก็เล่าให้ฟังว่าเป็นหนี้กันทั้งนั้นพวกเขาให้ความคิดว่าถ้าไม่เป็นหนี้ก็ไม่รวย แถมบางคนยังแต่งตัวสวยๆทำตัวไฮโซขับรถหรูหราราคาแพงเพียงเพื่อไปขอกู้เงินธนาคารแต่ก็ได้นะ ตาสีตาสายายมียายมาทำนาอยู่บนเขาไปขอกู้ธนาคารกลับโดนไล่ตะเพิด”

“ขวัญโลกใบนี้มันช่างสลับซับซ้อน ประสบการณ์จะช่วยให้เราเข้าใจแต่พี่บอกกับเราไว้ได้เต็มปากเลยนะว่า หากคำพระว่าไว้การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ การไม่มีหนี้ก็เป็นพรอันล้ำเลิศไม่แพ้กัน”

แม้สาวรุ่นจะยังไม่กระจ่างแจ้งกับปรัชญาชีวิตแต่ก็ตั้งใจไว้ว่า หากไม่จำเป็นเธอก็จะไม่ก่อหนี้ก่อสินเด็ดขาดเพราะเธอเคยเห็นพี่พรรณนั่งอมทุกข์ กับหนี้บัตรเครดิตหลายแสนบาทมาแล้วไม่เพียงคนเป็นหนี้เท่านั้นที่ทุกข์ใจ เธอเองในฐานะคนอยู่อาศัยเห็นเข้าก็แสนสงสารและทุกข์ระทมไม่แพ้กัน

ทั้งคู่ไม่ลืมแวะซื้อชุดชั้นใน และของใช้ส่วนตัวของสาวผมยุ่งนอกจากนี้เธอยังหยิบวาสลีน และแผ่นกันรองเท้ากัดมาด้วย เพราะต้องทนใส่บู๊ท เจ้าดำแสนดุนี่อีกตั้งสองวันเมื่อได้ทุกอย่างครบถ้วนทั้งสองอนงค์ก็มุ่งตรงกลับบ้าน พอรถคลาสสิคของคมเดชน์เลี้ยวเข้าซอยหมู่บ้านเข้ามาทั้งน้องนุชและขวัญข้าวก็ต้องตกใจจนหน้าซีดเผือดที่หน้าบ้านของนักเขียนบทชื่อดังมันมีรถอีโค-คาร์ รุ่นเดียวกัน สีเดียวกันและเลขทะเบียนระบุแน่ชัด สาวผมยุ่งตะโกนลั่น

“รถพี่ไหม!!”




Create Date : 09 กรกฎาคม 2558
Last Update : 9 กรกฎาคม 2558 16:01:10 น. 0 comments
Counter : 347 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.