วันนี้จบปริญญาโทผ่านเรียบร้อยแล้วค่า & เรื่องเล่าสัตว์โลกน่ารัก(จริงเหรอ?)จากออสเตรเลียนิดหน่อย และแล้ววันนี้ก็มาถึงจนได้วันพรีเซนต์เพื่อจะจบปริญญาโทสักที ไม่อยากจะบ่นเลยว่าช้ามากๆแม้แต่อาจารย์ยังบอกเลยว่าทำไมกำหนดการมันถึงช้ายืดยาดขนาดนี้ สิงหาเดือนปิดเทอมคนอื่นๆกลับไปเยี่ยมบ้านกันหมด แต่เรากระดิกไปไหนไม่ได้เพราะต้องรอเวลาส่งเล่มและพรีเซนต์ให้เสร็จก่อน T_T บ่นอีกเรื่องคือ จบเทอมตอนเดือนกันยาเนี่ย รู้สึกเหมือนลูกเมียน้อยยังไงไม่รู้ พิธีในหอประชุมก็ไม่มีให้ (พอไม่มีพิธีที่บ้านเลยยกเลิก ไม่มาญี่ปุ่นเลย รอทีเดียวตอนปริญญาเอก) มีแต่ปาร์ตี้กันเอง กับเพื่อนๆ ไม่มีสาวๆใส่ฮากามะมารวมกลุ่มเดินถ่ายรูปกันเต็มสนามหน้าหอนาฬิกาเหมือนงานพิธีตอนเดือนมีนาเล้ย เงียบเหงาจัง คนส่วนน้อยก็อย่างนี้ล่ะนะ ปีนี้เลยอดได้ลองใส่ฮากามะไปโดยปริยาย วันสำคัญแท้ๆ มีเรื่องให้ใจไปอยู่ตาตุ่มตั้งแต่เช้าเลย กำหนดการคิวเราพรีเซนต์ 11:10 ก็ตื่นมาบรรจงแต่งตัวแต่งหน้าตั้งแต่แปดโมงกว่าๆ แพทเทิร์นง่ายๆสำหรับการพรีเซนต์ทางการคือ เชิ้ตขาวไม่มีลวดลาย สูทดำ กระโปรงดำความยาวเท่าเข่า และรองเท้าคัตชูสีดำสนิท ประมาณเก้าโมงกว่าๆอยู่ๆคนแล็บเดียวกันที่จะจบพร้อมกัน SMS มาถามว่าอยู่ไหน วินาทีนั้นใจไปอยู่ตาตุ่มเลยอ่ะ ![]() ก่อนออกจากจุดสตาร์ทโทรถามเจ้าของ SMS ตัวดีเสียก่อนว่าเรื่องเป็นไง (อาจารย์โกรธมากมั๊ยเนี่ย) สรุปว่าไม่มีอะไรแค่ถามเฉยๆ โธ่เอ๋ย ทีหลังพิมพ์ยาวกว่านั้นหน่อยก็ได้นะจ๊ะ ![]() ค่อยยังชั่วนรกเปลี่ยนเป็นสวรรค์ ขอนิมนต์หลวงพ่อโกยกลับก่อน แล้วก็เลยขอเวลาแต่งหน้าต่ออีกสักหน่อยน่ะ ตะกี้มันรีบ เร็วแต่ไม่ค่อยเนี้ยบเท่าไหร่ ถึงไม่คิดว่าอาจารย์คณะนี้จะสนใจดูหน้าตาคนพรีเซนต์ว่ารองพื้นมาเนี้ยบหรือเปล่า ปัดขนตามาเด้งมั๊ยก็ตาม แต่ด้วยความเชื่อส่วนตัวว่า First impression นั้นสำคัญมากๆวันนี้เลยแต่งด้วยเครื่องสำอางที่ผ่านการทดลองและการันตี(โดยตัวเอง)มาแล้วว่าเลิศ สไลด์ก็เช่นกันต่อให้ตัวงานไม่ได้ดีเลิศเลอแต่ถ้าเราทำพรีเซนต์งามๆนำเสนอดีๆ งานธรรมด๊าธรรมดาก็ดูเลิศหรูอลังการได้ไม่แพ้กัน (โดยเฉพาะสำหรับอาจารย์ท่านที่ไม่ได้ major ทางสายวิจัยของเราโดยตรง :P เพราะถ้าคนเมเจอร์เดียวกันเค้ารู้หมดล่ะว่าเนื้องานนี้มันดีแค่ไหน) อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่าเราทุ่มเททำกับการพรีเซนต์งานครั้งนี้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาขอบอกว่าวิธีนี้ใช้ได้ผลดีทีเดียว คนฟัง(คนอื่นที่ไม่ใช่อาจารย์)มัวไปชื่นชมกับ flash animation ที่บรรจงวาดมาดึงดูดความสนใจ จนไม่ค่อยหันมาวิจารณ์ตัวงานเท่าไหร่ ![]() สรุปว่าพรีเซนต์ผ่านไปด้วยดี อาจารย์บอกว่าเราน่าจะได้ผลสำหรับ Master course เป็น Excellent และก็ผ่านเข้า Ph.D. course ด้วยดี ถามเพื่อนๆคนอื่นๆเค้ามักจะบอกว่าคำถามของอาจารย์ที่สอบจะ きびしい (เข้มงวด) มาก แต่เรากลับเฉยๆนะเนี่ยสงสัยเขาจะเรียกว่าเกิดอาการด้านชาหรืออย่างไรก็ไม่รู้ เพราะในแล็บมีคนค่อยช่วยสับเละอยู่ตลอดเวลาทุกครั้งที่พรีเซนต์ progress โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับผลจาก reviewer จากคอนเฟอร์เรนซ์ล่าสุดเนี่ย โหย คำถามของเหล่าอาจารย์นี่เด็กๆไปเลย ![]() จบแล้วก็มีไปกินข้าวฉลองกับเพื่อนๆที่จบพร้อมๆกันซะหน่อย ไปกันห้าคน คนไทยหนึ่ง(เราเอง) คนสิงคโปร์สองคน คนจีนหนึ่ง คนออสเตรเลีย อีกหนึ่ง ทั้งหมดนี้สื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษ 95% ในบรรดาห้าคนนี้ รู้ตัวได้แบบไม่ต้องคิดนานเลยว่าคนทีห่วยอังกฤษที่สุดในกลุ่มมิใช่ใครที่ไหนคือ เรานั่นเอง T_T คนสิงคโปร์คนนึงเค้าจบตรีจากอเมริกา อีกคนก็จบจากอังกฤษ คนออสเตรเลียไม่ต้องพูดถึงเพราะเค้าnative ส่วนคนจีนนั้นรู้สึกจะไม่ได้ไปต่อประเทศอื่นที่ใช้อังกฤษนะแต่พูดลื่นไหลมากๆ ศัพท์อะไรเนี่ยใช้ได้ดีจริงๆ >,< มีคนไทยคนนี้เองที่อ่อนด้อยกว่าคนอื่นเค้าแอบงงไปบางมุกที่เค้าหัวเราะกันแต่เราฟังไม่ทันอ่ะ ไม่เข้าใจด้วยว่ามุกนั้นมันตลกเหรอ เรื่องน่าสนใจที่ได้จากการคุยกัน ก็เริ่มจากที่เราถามคนออสเตรเลียว่า เค้าเคยไป Great barrier reef หรือเปล่ามันมีฉลามรึเปล่าเนี่ย ไอ้ตอนถามถึงฉลามเนี่ยถามเล่นๆนะไม่คิดว่าจะมีจริงหรอก นึกว่าฉลามทำร้ายคนน่ะมันคงมีแต่ในหนังเท่านั้นเอง แต่ปรากฏเค้าตอบมาว่ามันมีจริงๆอ่ะ ![]() เจ้าตัวคนเล่าบอกว่าตอนเค้าดำน้ำครั้งนึง(ไม่รู้ที่ Great barrier reef หรือเปล่า) เคยเจอฉลามด้วย โชคดีว่าตอนนั้นฉลามมันไม่หิว 555 (ไม่งั้นคงไม่ได้รอดมาเล่าเรื่องอยู่ตอนนี้) เค้าบอกว่าจริงๆฉลามไม่น่ากลัวเท่ากระแสน้ำนะ เหมือนว่าแถวนั้นภายนอกดูสงบแต่จริงๆข้างใต้คลื่นแรงอะไรต่างๆจะจมน้ำอะไรง่ายกว่าเจอฉลามอีก สำหรับคนต่างชาติอย่างเราฟังเรื่อง shark attack ก็อู้หู อื้อหือ กันไปตามเรื่อง แต่เค้าว่าคนออสเตรเลียเค้าชินกันแล้วกับพวก animal attack อะไรพวกนี้ เทียบๆไปก็เหมือนกับคนญี่ปุ่นที่ชินแล้วกับการเกิดแผ่นดินไหวน่ะแหล่ะ (คนสิงคโปร์เล่าให้ฟังว่า ตอนเค้าเจอแผ่นดินไหวที่นี่ครั้งแรกตอนอยู่กับบ้านโฮส เค้านี่รีบวิ่งลงมากะออกจากบ้านโดยด่วน แต่ปรากฏว่าคุณป้าโฮสนั้นยังนั่งลงพู่กันจีนวาดลายแจกันอะไรไม่รู้ อย่างสงบนิ่งและสบายใจ ) นอกจากเรื่องฉลามแล้วยังได้รู้เบื้องหลังสัตว์โลก(ที่เคยคิดว่า)น่ารักอีกหลายอย่างของที่นั่นจากคนท้องถิ่นโดยตรง คิดว่าคนส่วนใหญ่ก็น่าจะเหมือนเราคิดว่าโคอาล่าเนี่ยเป็นสัตว์ที่น่ารักน่าชังซะไม่มี ตัวเท่าตุ๊กตาเท็ดดี้แบร์(คิดเอาเองไม่เคยเห็นมาก่อน) เกาะต้นไม้กินใบยูคาลิปตัส แค่นั่งทำตัวอ้วนๆน่ารักน่าหยิกไปวันๆเท่านั้นเองพอแล้วชีวิตนี้ แต่จากปากคำคนพื้นเมืองเค้าบอกว่าที่เราเห็นๆน่ะมันถูกเทรนด์มาดีแล้ว ถ้าเป็น wild koala นี่เค้าบอกไม่น่ารักอย่างที่เราคิดหรอก(แถมบางทียังออกแนวน่าตื้บอีกต่างหาก) ที่เราบอกว่าตัวคงเท่าเท็ดดี้แบร์น่ะเค้าบอกว่าไม่ใช่ จริงๆตัวอ้วนใหญ่มากๆ ดูตามไซส์มือที่เค้ากะให้ดูนี่ เอ่อ แน่ใจนะว่านั่นหมีโคอาล่าไม่ใช่หมีแพนด้าพุงพลุ้ยจากจีนหรือหมีขาวลืมลดน้ำหนักจากแถบขั้วโลกน่ะ เค้าบอกว่ามันอ้วนขนาดที่ถ้าเราขับรถชนมัน(โคอาล่าจะข้ามถนน กรุณาระวังนะคะ ^_^ ) เราจะรู้สึกประมาณว่า ตุ้บๆ เหมือนวิ่งชนผนังนวมอะไรอย่างนั้น อ้วนอย่างนี้ปีนเกาะต้นไม้มันไม่หักเอาเหรอเนี่ยสงสัยจริงๆ หรือไอ้ภาพที่เราเห็นน่ะจริงๆมันเกาะต้นไม้ขนาดใหญ่สักห้าคนโอบ? พฤติกรรมความแสบของสัตว์โลกน่ารักตัวนี้ที่เพื่อนคนนี้ได้เจอมานี่ ฟังแล้วฮามาก ครั้งนึงเห็นว่าอุตส่าห์จะยื่นขนมหรือใบยูคาลิปตัสอะไรสักอย่างไปให้เจ้าโคอาล่าด้วยความเอ็นดู๊เอ็นดู ปรากฏว่าโดนหมีเมิน เมินไม่พอนะยังหันมาถ่มน้ำลายใส่อีก (จินตนาการภาพว่า หมีหันหน้ามาทำหน้าเชิดๆแล้วถุ๊ยใส่) โอ้โฮ ถามจริงๆว่าเคยไปทำอะไรให้มันหมั่นไส้เอาหรือเปล่านี่ ท่าทางมันจะแค้นนะเนี่ย :P อีกเรื่องที่ฟังแล้วแปลกดีคือเรื่อง โคอาล่าเมายา?? ฟังแล้วงงไหม โลกนี้มันแย่ถึงขนาดว่าแม้แต่หมียังไม่เว้นติดยากับเค้าด้วยเหรอเนี่ย .... ![]() แซวเล่นๆแต่จริงๆไม่ใช่อย่างนั้น เค้าบอกประมาณว่าไอ้ใบยูคาลิปตัสก็คล้ายๆเป็นยาสำหรับโคอาล่าน่ะแหล่ะ วันๆมันก็นั่งกินนั่งเมายาเคลิ้มไปได้ทั้งวัน ขาดยาเมื่อไหร่โคอาล่าเหล่านั้นจะหงุดหงิด อารมณ์เสียง่าย ไม่น่าเข้าใกล้เป็นอย่างยิ่ง (เทียบไปแล้วเราว่าคล้ายผู้หญิงเวลารอบเดือนมามากกว่านะ ^_^ ) จากการสอบปากคำชาวท้องถิ่น สรุปได้ความว่าคนที่นั่นเค้าชินแล้วกับเรื่องเกี่ยวกับ animal animal ทั้งหลาย นอกจากฉลาม โคอาล่า ก็ยังมีสารพัดสัตว์อื่นๆอีกมากมายทั้ง จิงโจ้ wombat สารพัด(ชื่ออื่นๆจำไม่ได้แล้ว) ในตัวเมืองอาจไม่มีพวกพฤติกรรม "กรุณา หยุดรถให้ จิงโจ้/โคอาล่า ข้ามถนน" หรือ "โปรดระวัง Gangaroo attack" หรือ "เล่นน้ำกรุณาระวัง โดนสัตว์โลกแสนรักขโมยชุดชั้นใน" หรือ "กรุณางดเว้นการแข่งรถกับจิงโจ้(อารมณ์ว่าเราขับรถไป จิงโจ้ก็โดดดึ๋งๆอยู่ข้างๆ ไปพร้อมกัน)" สักเท่าไหร่แต่นอกเมืองออกมาโดยเฉพาะในเมืองที่เค้าคนนี้อยู่มันเป็นเรือ่งปกติมากๆเลยทีเดียว ป้ายสัญญาณจราจรให้ระวังจิงโจ้อะไรนี่เห็นว่ามีจริงๆ และที่กระจกหน้ารถจะต้องมีการติด bar เอาไว้เพราะเมื่อไหร่ที่เราขับรถจะไปชนจิงโจ้เข้า เมื่อนั้นมันจะโดดขึ้นมาบนรถเราและเราก็จะได้ Gangaroo's face มาประทับกระจกหน้าเต็มๆแบบเห็นกันในระยะหนึ่งฟุตเลยทีเดียว bar ที่ติดไว้เห็นว่ามีไว้เพื่อป้องกันกรณีนี้นี่เอง ไม่เคยมีโอกาสได้ไปเอง แต่ได้ฟังเค้าเล่าแล้วก็สนุกดี โลกนี้มีเรื่องที่เราไม่รู้อีกเยอะแยะ คนออสเตรเลียคนนี้จบตรีที่ประเทศตัวเอง โทที่ญี่ปุ่น และกำลังจะไปต่อเอกที่ Cambridge (@Cambride) ณ ประเทศอังกฤษ (ได้ยินเค้าพูดกันว่าไปที่อะไร Kingๆ นี่ล่ะ เป็น school หนึ่งในมหาลัยรึเปล่าไม่รู้ เพราะเราไม่ค่อยรู้เรื่องมหาลัยในอังกฤษเท่าไหร่ เพิ่งรู้วันนี้เองเนี่ยว่ามหาวิทยาลัยชื่อ Cambridge เนี่ยมันมีอยู่หลายแห่งมากๆ แต่ของแท้ที่ดังน่ะต้องเป็นอันที่อยู่เมือง Cambridge) สุดท้ายแล้วเห็นว่าอยากไปมอเมริกาด้วยนะจะได้ครบๆไปเลย ดูท่าทางคงทำได้อยู่แล้วล่ะคนนี้ หายห่วง ปล. ข้อเขียนนี้อ้างอิงจากการฟังเพื่อนเล่ามาเท่านั้นนะคะ คนเขียนไม่ได้ไปประสบพบเจอด้วยตัวเอง ไม่ได้ดูรายการจำพวก discovery channel หรือ animal planet มาชาติเศษแล้ว ธรรมชาติสัตว์เหล่านี้จริงๆเป็นเช่นไรไม่ทราบจริงๆค่ะ ข้อความบางส่วนก็มีเสริมแต่งบ้างเพื่ออรรถรสในการเขียนของคนเขียน ![]() ขอแสดงความยินดีกับมหาบัณฑิตค่ะ
![]() โดย: รัตตมณี (kulratt
![]() ยินดีด้วยกับมหาบัณฑิตอีกคนของเมืองไทย
อย่างนี้ก็โล่งแล้วสิคะ เข้าใจเลยว่า ช่วงก่อน defend proposal มันลำบากยากเย็นและฝันร้ายขนาดไหน แล้วรีบกลับบ้านเรานะคะ โดย: แค่คนหนึ่งคน
![]() ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ
อยู่ต่อเอกอีกกี่ปีค่ะ ? อยู่นานๆ ไม่คิดถึงบ้านหรือค่ะ? เรื่องจิงโจ้มาดามก็ไม่เคยไปดูตัวเป็น ๆ เคยเห็นแต่ในสารคดีเหมือนกัน วิ่งซ๊ะเร็วเชียว โดย: Madame Kp
![]() ยินดีและดีใจด้วยนะคะ กับความสำเร็จในวันนี้
(และจะรอเข้ามายินดีด้วยกับก้าวต่อไปในเร็ว ๆนี้นะคะ) เรื่องเล่าสัตว์โลกน่ารัก ก็น่ารักจริง ๆ ด้วยเนอะ แต่ในความสวยงามน่ารักก็ซ่อนพิษสงร้ายกาจไว้ด้วยเสมอ เฉกเช่นสาวงามหน้าเนียน ขนตาเด้ง ปากเจิด เธอสามารถ เปลี่ยนเป็นแม่มดร้ายได้ในบัดดลหากมีอะไรที่ไม่สบอารมณ์ (อันนี้พี่เอาตัวพี่เป็นบรรทัดฐานนะน้องนะ) ยินดีด้วยอีกครั้งนะคะ สาวสวยคนเก่ง จากใจจริงจ้า โดย: ตา (tukuta
![]() ขอบพระคุณทุกๆคอมเมนต์ด้วยนะคะ เย้เรียนจบ(โท)แล้ว
ยังต่อปริญญาเอกอีกสามปีค่ะ (ถ้าสามารถทำจบได้ทันในเวลา) อยู่มาสองปีแล้ว เวลาที่จะคิดถึงไทยที่สุดมักเป็นช่วงอาทิตย์แรกหลังกลับจากไทยใหม่ๆ อาทิตย์นั้นนี่จะโฮมซิคมากเป็นพิเศษ แต่สักพักก็ปรับตัวได้ค่ะ ปกติแล้วเวลาว่างคือเวลาทอง ต้องนอน(และช็อป)ให้เต็มที่ หัวถึงหมอนหลับเป็นตาย เลยไม่ทันได้มีเวลาคิดถึงบ้านน่ะค่า เสียงอาจารย์เร่งงานก้องอยู่ในหัว -> tukuta ฟังจากคนเล่าแล้ว ท่าทางมันเจ้าโคอาล่าตัวจริงจะไม่น่ารักเท่าไหร่(เรียกว่ายังไม่ถูก เอเจนซี่คัดตัวมาขัดสีฉวีวรรณนั่นเอง) สงสัยคนเล่าก็ยังแค้นฝังหุ่นไม่หายที่โดนหมีเมินค่ะ 555 ขอบคุณนะคะ ที่แวะมาเยี่ยมบล็อค ช่วยปัดหยากไย่ไยแมงมุมให้บ่อยๆ ![]() โดย: White Amulet
![]() |
White Amulet
![]() บทความทั้งหมด
|