ข้อดีอีกอย่างของญี่ปุ่น ขนาดเราผิดเอง แต่ก็ยังอุตส่าห์ได้เปลี่ยนอันใหม่นะ
เรื่องของเรื่องคือ ไปหน้าแตกยับเยินมาที่ Yodobashi camera สาขาใกล้บ้านเมื่อวันก่อน
ย้อนไปอาทิตย์ก่อนไปซื้ออุปกรณ์สำหรับทำวิจัยมาจากที่นี่ ซื้อปุ๊ปก็รีบส่งบิลให้เลขาของแล็บทันที จะได้ได้เงินคืนไวๆ ตอนลองใช้ทีแรกก็ไม่มีปัญหาอะไร เลยไม่ได้เช็คอะไรละเอียดว่าสภาพตอนมามันเป็นยังไงมั่ง
ผ่านมาไม่กี่วัน ไหงคราวนี้มันไม่ติดแล้วล่ะ restart คอมเป็นสิบๆรอบ ดึงปลั๊กถอดปลั๊กไปนับครั้งไม่ถ้วน กดเซ็ตหน้าจอกดแล้วกดอีก แต่ยังไง๊ยังไงก็ไม่มีสัญญาณส่งเข้าอุปกรณ์ซะที มีแต่แว๊บขึ้นมาวินึงแล้วก็กริบอีกรอบ ยังกับว่าคอมมันมองไม่เห็นอุปกรณ์อย่างไงอย่างงั้นล่ะ
อารมณ์เสียมากๆเลย นึกว่าอะไรกัน ของเพิ่งซื้อเจ๊งซะแล้วเหรอ (ก็คอมก็ตัวเดิม ทุกอย่างตัวเดิมหมด วันก่อนใช้ได้ ทำไมวันนี้ไม่ได้ล่ะ) ก็เลยถอดๆมานั่งดูๆทีละส่วน เห็น pin ที่ต่อกับคอมที่ปกติน่าจะมี 15pin แต่ไหงมีแค่ 14pin เองแฮะ หายไปไหนอันนึง
นึกว่าเจอทางสว่างแล้วเชียวว่านี่ไงมันเจ๊งตรงนี้นี่เอง (แต่ก็แอบคิดในใจว่า เราก็ยังไ่ม่ได้ใช้อะไรจริงจังเลย ไหงหักซะได้นะ) ก็จัดแจงรีบไปถามคนญี่ปุ่นในแล็บว่า เนี่ยมันเป็นเงี้ย เอาไปเปลี่ยนจะไ้ด้ไหม เค้าก็ดูๆแล้วบอกว่าก็อาจจะได้นะ แต่มันอาจยุ่งยากหรือต้องรอนาน ถ้าเป็นเค้าแค่สายเคเบิลนี่ซื้อใหม่เลยดีกว่า (ยังไงก็เบิกแล็บอยู่ดีล่ะ)
ก็เชื่อตามนั้น แต่ไงๆก็ต้องเผื่อไว้ก่อน ก็เลยหอบทั้งกล่องไป Yodobashi เจ้าเดิมเย็นวันนั้นเลย (งานกำลังเร่งๆอยู่ อุปกรณ์สำคัญดันใช้ไม่ได้ ก็เลยทำต่อไม่ได้)
ไปถึงก็ยื่นสายเคเบิลเจ้าปัญหาให้ดู เค้าก็ดูๆแล้วบอกว่า ไอ้ pin ที่หายไปเนี่ยมันไม่มีมาแต่แรกแล้วนะ คือ pin นั้นมันไม่มีก็ได้ จากนั้นก็จัดแจงแกะกล่องใหม่เหมือนกันมาให้ดูเทียบเลย นั่นแน่ะ หน้าแตกรอบแรก อุตส่าห์โทษว่าเป็นความผิดของสายเคเบิลเต็มๆ
จริงๆคนญี่ปุ่นที่แล็บทีแรกก็ พูดประมาณนี้นะ ว่า pin นี้มันจำเป็นเหรอ เพราะดูแ้ล้วมันไม่เหมือนหัก มันเรียบเนียนเหมือนกับว่าไม่มีมาแต่แรกแล้วมากกว่า แต่อย่างว่าสายแบบเดียวๆกันที่เคยใช้มามันก็มี pin ครบหมด แล้่วตอนแรกซื้อเราก็ไม่ทันสังเกตด้วย ก็เลยยังคิดว่ามันหักอยู่
แต่ก็ยังไม่ยอมดี ก็อธิบายพนักงานขายว่า เออ เนี่ยแล้วทำไมมันไม่ติดล่ะ ทั้งๆที่วันก่อนยังได้ (เริ่มคิดเปลี่ยนจากโทษเคเบิล ไปโทษตัวอุปกรณ์เลยแล้ว) เค้าก็เลยพาไปลองกับคอมของทางร้าน ลองทั้งตัวใหม่ตัวเก่านั่นล่ะ
ตอนลองก็ทุลักทุเลไม่แพ้ตอนเราลองก่อนมาหรอก ทีแรกเหมือนจะไม่ติด(เราก็แอบยิ้มในใจ นั่นไงเป็นเหมือนเราเลย) แต่ไปๆมาๆมันดันติดจนได้แฮะ แถมติดทั้งสองตัวเลยด้วยสิ เอาแล้ว หน้าแตกรอบสอง สรุปของไม่ได้พัง (แล้วตกลงมันไม่ดีที่ตรงไหนกันเนี่ย ทั้งๆที่ไอ้อุปกรณ์นี่มันไม่น่าจะใช้ยากหรือมีปัญหาอย่างนี้เลยนะ)
เค้าก็ถามว่าจะเอาไงดี จะเปลี่ยนเป็นอันใหม่(ที่อุตส่าห์แกะมาแล้ว)ไหม หรือจะเอาอันเก่ากลับ จริงๆก็ไม่ค่อยต่างกันนะ ไอ้อันที่ว่าเก่าจริงๆก็ยังใหม่อยู่ ก็บอกเค้าว่าอันไหนก็ได้ เค้าก็เลยให้อันใหม่มา แล้วก็แค่เอา bar code อันเก่ากับอันใหม่ไปจัดการเท่านั้น (ดีว่าเอามาทั้งกล่อง บาร์โค้ดยังอยู่ครบ)
ลืมบอกว่าทีแรกก่อนเค้าจะแกะกล่องใหม่ลองให้ ก็ถามนะว่าเราเอาบิลมาหรือเปล่า ถ้าไม่มีบิลก็เปลี่ยนไม่ได้นะ แต่บิลเราไม่มีอ่ะส่งเลขาไปแล้ว แถมนี่ติดโกลเด้นวีคหยุดยาว กว่าจะได้เจอคุณเลขาอีกรอบก็อีกสองอาทิตย์หน้าโน่นแน่ะ ก็นึกว่าซวยแล้วสิจะเอาอะไรทำงานล่ะเนี่ย กำลังปั่นๆอยู่ด้วย
แต่อยู่ๆเค้าก็ถามว่าตอนที่ซื้อใช้ Point card หรือเปล่า (แน่นอนว่าใช้) แล้วจำวันที่ซื้อได้ไหม (จำได้สิหนึ่งอาิทิตย์พอดีเด๊ะๆ) เค้าก็เลยเช็คจาก point card แทน สรุปไม่มีบิลก็ยังเปลี่ยนได้เนอะ ไม่ต้องแสดงบัตรอย่างอื่นเลย (แต่เราเอามาทั้งกล่องด้วยนะ บาร์โค้ดของทางร้านก็มีติดอยู่)
ก็ขอชื่นชมการบริการของเค้ามา ณ ที่นี้ด้วย ทั้่งๆที่บิลก็ไม่ได้เอาไป แต่ก็ยังหาทางช่วยทุกทาง และ ทั้งๆที่จริงๆไม่ใช่ความผิดของตัวสินค้า(จนบัดนี้ก็ยังไม่ชัวร์ว่าอะไรที่มันห่วย อุปกรณ์ คอมเรา หรือ graphic card หรือ สเป็คมันแค่ไม่เข้ากัน) แต่ก็ยังยอมให้เราเปลี่ยนเราอันใหม่กลับไป
ส่วนเจ้าอุปกรณ์เจ้าปัญหานั้นเหรอ วันรุ่งขึ้นรีบไปลองทันที ตอนแรกนี่มาแนวเดิมเลยล่ะ ทำยังไงก็ไม่ติด แต่คราวนี้พอรู้แล้วว่ามันเป็นงี้แหล่ะ ก็นั่ง google หาวิธีอยู่เป็นชั่วโมงๆงานการไม่ต้องทำกัน ระหว่างหาก็นั่งคลิกๆตั้งค่าที่เดิมๆไปเป็นสิบๆครั้งโดยที่ไร้ผล
ที่กวนประสาทมากที่สุดคือ หลังจากนั่ง google ไปสักชั่วโมงยังหาวิธีไม่ได้ ก่อนจะ restart คอมอีกรอบก็ลองคลิกเซ็ตที่เดิม(ที่ทำไปแล้วสักยี่สิบหนก่อนนี้)อีกที อยู่ๆก็ติดขึ้นมาเฉยเลย กวนโอ๊ยจริงๆ คราวนี้เลยเสียบค้างไว้ตลอดไม่ปิดมันแล้ว คอมก็ออกแบบ hibernate ไม่ออกแบบ shut down เดี๋ยวค่าอะไรจะเปลี่ยนจะหาย ต้องมานั่งใช้แรงงานให้มันมองเห็นกันอีก
ไม่ลองไม่รู้