เหมือนจะมีสาระเนอะ จะว่าไปก็เป็นการบ่นกับตัวเอง เตือนตัวเองแล้วกัน
หลังจากพ้นช่วงลอยชายจุดต่ำสุดมาแระ....
รู้สึกตัวอีกทีว่า..วันๆ ไม่ได้สอนอะไร หรือป้อนอะไรใหม่ๆ ให้ลูกเลย...
อยู่ไปวันๆ ว่างั้นเถอะ...
เริ่มรู้สึกอนาถและสงสารลูกตัวเองนิดๆ ป่านนี้ เซลล์สมองสองพันสี่ร้อยยี่สิบแปดล้านเซลล์คงจะยังเชื่อมกันไปไม่ถึงไหน
ปล่อยให้เวลาทองของลูกผ่านมาเป็นเดือนๆๆๆ กว่าแม่จะบิ้วอารมณ์ขึ้น...
ช่วงเวลาที่ผ่านมา..ลูกอิชั้นก็ได้แต่คุ้ยของเล่นจากตะกร้าออกมาเล่น รื้อข้าวของ เดินเข็นอิรถเข็นบิ้วอะแบร์ฮิโซไปทั่วห้อง เอาบล็อคมาเคาะๆๆ ขว้างปา เอาหนังสือมากางเดินอ่านเองไปทัวบ้าน ลากพี่หมาเน่าไปนอนกกในบ้านบอลตัวเอง กดเอทีเอ็มเล่นไปตามเรื่อง....วันๆมีแค่นี้จริงๆนอกเหนือจากการไปตะลอนๆนอกบ้าน
บัดนี้..ไฟลุกโชนแล้ว
55555555555
(พ้นคืนนี้ไปอาจจะมอด ต้องแวะไปเติมเชื้อไฟจากพี่เก่ง หรือ จากบล็อคแม่ปลา หรือ แม่ๆคนอื่นๆ เป็นพักๆ)
เราอ่านหนังสือแม่ๆเด็กๆ ค้างไว้อยู่หลายเล่มมาก...บางทีอ่านๆไปละเซ็งๆเบื่อๆ ยังไม่ถึงเวลาเอามาใช้ เพราะคิดว่าลูกเรายังเล็กเกิ้นน ก็โยนเข้าตู้ ละหยิบอีกเล่ม เปลี่ยนไปอ่านเล่มใหม่
เล่มล่าสุด ที่ได้มาครอบครองและอ่านรวดเดียวจบแบบคร่าวๆคือ คณิตศาสตร์เรื่องง่าย สอนได้ก่อนอนุบาล ของพ่อธีร์-แม่ภุชงค์
ซื้อมาหลายอาทิตย์แล้ว แต่เพิ่งหยิบมาอ่าน..
เพราะ..ดันไปเจอกระทู้...
ถามว่า...ลูกอยู่อนุบาล 3 ยัง"อ่าน"เลขไม่ออก จะส่งไปเรียนที่ไหนดี คุมองดี หรือสถาบันไหน จ้างครูมาสอนดีหรือไม่...เศรษฐกิจแบบนี้ ก็เป็นค่าใช้จ่ายไม่น้อย แต่...คำถามที่ว่า..ฉันจะสอนลูกตัวเองอย่างไรดี ดูเหมือนจะไม่มีรวมอยู่ในคำถามนั้น...
พอจะเข้าใจวัตถุประสงค์คุณแม่ที่ถามมาอยู่..แต่ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะลูกเราโชคดีที่ยังไม่ถึงวัยเรียนพิเศษ และน่าจะโชคดีกว่าที่ไหวตัวทัน
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายๆกระทู้ที่เข้าไปอ่าน แล้วรู้สึกว่า.. "ใช้กูเกิ้ลเป็นป่าววะเนี่ย" (โอว..ไม่ได้ว่าเฉพาะเจาะจงใครนะเคอะเนี่ย แค่รู้สึกเองเฉยๆ)
อยากสอนลูกให้ได้ดี อยากให้ลูกเรียน รร.ดีๆ รร.แนวๆ สารพัดแนว..แต่ตัวแม่เอง.ยังไม่เริ่มต้นเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูก...คุณแม่ยังไม่เริ่มที่จะเป็น self-learner เลย
ยืมประโยคเด็ดจากหนังสือมาก่อน
"จงอย่าให้ปลากับเขา แต่สอนให้เขารู้จักวิธีหาปลา"
แม่จะให้ลูกไปเรียนโรงเรียนที่สอนให้ลูกรู้จักวิธีหาปลา..
แต่ตัวแม่เอง...ใช้ปาก ถามว่า..ปลาอยู่ไหน ปลาอยู่ไหน..ใครเห็นปลาบ้าง ใครเห็นแห ใครเห็นอวนบ้าง แล้วจะยังไงดีล่ะเนี่ย...???? ต้องรอคนใจดีมาตอบ หาข้ออ้างให้ตัวเองไปเรื่อยๆ ก็ไม่ว่าง มีเวลาน้อยนี่นา..
วันนี้ปากจัดว่ะ...แต่เอาเหอะอนะ..เก็บกดจากการเมือง หยุดสงกรานต์ไม่ได้ไปไหน ไม่มีไรทำ ประกาศพรกฉุกเฉินห้ามออกนอกบ้าน ทำเอาหงุดหงิด
ใครอ่านละหมั่นไส้ โห..ทำตัวดีตายละแก...ก็ไม่ต้องอ่านละกันนะเคอะ (พอจะรู้ตัวเองอยู่แล้วว่าปากหมา...5555555 แต่ไม่มีนินทาลับหลังนะเคอะ)
ต้องขอบคุณคนตั้งกระทู้ เพราะทำให้เราฉุกคิดและงัดหนังสือเล่มนี้มาอ่าน(หลังจากดองเอาไว้) และแล้วก็ได้คำตอบที่เขาถามอยู่ไม่เกิน 20 หน้าแรกของหนังสือ เป็นแรงจูงใจให้อึดอ่านต่อไปจนรวดเด็กจบเล่ม
ชอบบทนำของหนังสือพ่อธีร์มากๆๆ และเห็นจริง ขออนุญาตเอามาให้อ่านกันแบบย่อๆ..(อ่านแล้วถ้าอยากรู้มากกว่านี้ก็ไปอุดหนุนกันเอาเองเน้ออออ อิชั้นมิได้ค่านายหน้านะ)
"การเรียนการสอนที่จัดขึ้นใน รร.หรือ รร.สอนเสริมส่วนใหญ่จัดขึ้นมาเพื่อสอนเด็กจำนวนมาก อย่าคาดหวังว่าการส่งเรียนกวดวิชาเพิ่มเติมนอกห้องเรียนจะทำให้ลูกเรียนเก่ง "เหมือนลูกคนอื่น" แล้วพากันวิ่งตามกระแสเหมือนกลัวว่าตัวเองจะ "ตกขบวนรถไฟ" โดยลืมข้อเท็จจริงที่ว่า เด็กแต่ละคนมีความต่าง เด็กทุกคนในโลกนี้ made to order ดังนั้น ครูที่ดีที่สุดของลูกก็ควรจะต้องเป็นพ่อแม่""การศึกษาของเด็กนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับเงินและเวลา แต่อยู่ที่ความรักและความพยายามของพ่อแม่ใช่หรือไม่ ถ้าม่มีสิ่งหลังนี้ ศักยภาพอันเลอเลิศของเด็กจะไม่มีวันเบ่งบานออกมาได้" - รอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว
สรุปคือ..เราไม่ควรจะผลักภาระด้านวิชาการให้คุณครู หรือ รร.กวดวิชา หรืออื่นใดแต่เพียงอย่างเดียว...ไอ่ความคิดที่ว่าไว้รอเข้ารร.ก่อนเดี๋ยวครูเค้าก็สอนมันเอง เด๋วเจอเพื่อนก็ทำตามเองน่ะแหละ ต้องเปลี่ยนซะแล้น
อยากให้ลูกเรียน รร.เด็กแนว..แต่เราไม่เตรียมพร้อมปูพื้นฐานให้ลูกเลย สุดท้าย พอเข้าประถม คนที่ต้องปรับตัวอย่างหนัก ก็คือลูกเรานั่นเอง...
เอาเวลาที่จะต้องไปนั่งเฝ้าลูกเรียนกวดวิชาในอนาคต มาสอนเค้าตอนนี้จะดีกว่า..เอาเงินอาทิตย์ละ 500 เดือนละสองพัน ไว้เป็นค่าน้ำมันพาลูกไปเที่ยวดีกว่า...(แม่อยากเที่ยวเองว่างั้นเหอะ)
เลิกหาข้ออ้างในความขี้เกียจของตัวเอง..ว่าลูกไม่พร้อม ลูกยังเล็กเกินไป จะยัดเยียดอะไรให้เด็กๆนักหนา..ปล่อยให้เป็นไปตามวัย(และตามยถากรรม) ดีกว่า
การสอนผ่านการเล่น..ย้ำ ว่าผ่านการเล่น....และเลือกที่ถูกจริตลูกตัวเอง โดยไม่คาดหวังไม่เปรียบเทียบ
วันละ 1 นาที..วันละ 5 นาที ไปจนถึง 30 นาที..คงไม่ทำให้ลูกเป็นเด็กเก็บกดไปหรอกมั้ง
ผิดก็ร๊ากก ถูกก็ร๊ากกกก จะโง่แม่ก็ร๊ากกกกกกก สร้างความมั่นใจให้ลูกไว้ก่อน
สำหรับเรา สอนเลข..เป็นเรื่องไม่น่าจะยาก...pattern sense/number sense
แม่น่าจะพอสอนได้..เพราะแม่ก็แถกไถเอาตัวรอดมาได้กะแคล แอพแมท กะ ฟิสิกส์ สตอยจิโอเมตทรี่ โมเมนตั่ม ฮีท แมสทรานเฟอร์ ไฟฟ้า จนแล้วจนรอด (ถึงจะไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ เพราะแม่โดดเรียนไปนั่งจั่วไพ่เ กินข้าวสามย่านก่อนค่อยเดินไปลอกการบ้านเพื่อนตอนเที่ยงอะนะ)
ที่สำคัญจะอึด(สม่ำเสมอ) พอหรือเปล่า อันนี้ยากกว่า ถึงยากที่สุด
อีกสิ่งที่เราเห็นความสำคัญกว่าการสอนเลขที่ได้ไอเดียจากหนังสือพ่อธีร์..และเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องสอนควบคู่กันไปคือ
วินัย
สมาธิ
จินตนาการ
ภาษา
การรู้จักแพ้ชนะ
การสอนและทำอย่างสม่ำเสมอ จนลูกรู้จักหน้าที่ และไม่รู้สึกว่าเป็นการบังคับ
จะทำยังไงให้เค้ามีสมาธิอยู่กับงานที่ได้รับมอบหมาย
เราต้องฝึกให้ลูกมีจินตนาการควบคู่ไปกับทักษะทางคณิตศาสตร์ เพื่อให้สมองสองข้างใช้งานเท่าๆกัน...และคณิตศาสตร์ ส่วนนึงก็ต้องใช้จินตนาการด้วย
ภาษา ต้องอ่านโจทย์เลข ตีความให้ออกก่อนสิ..ถึงจะทำได้..โอว..อาจจะไม่คาดหวังมากขนาดอ่านออก...เอาแค่ฟังคำสั่งรู้เรื่อง ก้อพอละ
การรู้จักแพ้..และอยู่กับความพ่ายแพ้ให้ได้ เป็นสิ่งสำคัญมาก...ต้องให้ลูกรู้จักเล่นเกมส์ กีฬา ควบคู่กับการสอนทั้งหลายแหล่ลงไปด้วย
ถึงตอนนี้....ก็เก็กซิมกันแล้วอะเดะ...
งี้แหละ..อยู่ตัวคนเดียวไม่ชอบ..ดันแต่งงาน มีปั๋วกวนตัว มีลูกกวนใจ...
รับสภาพซะ....
ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ปล. มิวมิวชอบเล่นกับกระดานร้อยช่อง..สงสัยเห็นว่าเป็นของแปลก..
นิมิตหมายอันดีคือ เมื่องัดกระดานออกมา..เจ้ามิวมิวเดินเข้ามาหา
แล้วง้างมือแม่...สอดตัวเข้ามานั่งตัก(ท่าประจำเวลาเล่นกระดาน)...หันหน้าออกในท่าเตรีียมพร้อมที่จะเรียนรู้มากมาย...แม่ล่ะถึงกับงงๆ แต่ก็เป็นปลื้ม...แสดงว่า..เริ่มรู้แล้วว่า..
ถ้างัดกระดานออกมา จะต้องนั่งท่านี้นะ..
เพราะปรกติเจ้าตัวไม่เค้ยยยไม่เคย...จะอ่านหนังสือให้ฟังก็ไม่ยอมนั่งท่านี้ จะสอนอะไรก็ไม่ยอม จับมานั่งตักก็ลงไปดิ้นพราดๆ นอนไถลเถลือกซะงั้น....


แต่มิวก้อเล่นดูสนุกดีนะนี่...