รวมมิตรอาหารขายถูก ช่วยลูกค้าในยุค 'ของแพง'

ร้าน “สู้แค่หมด” ที่ตั้งบริเวณถนนเลียบคลองเก้า เขตหนองจอก        ***ร้าน “สู้แค่หมด” อาหารตามสั่ง จานละ 10 บาท ***

สุทธิวา วงค์นุ้ย        เมนูในร้านส่วนใหญ่เป็นอาหารตามสั่ง เช่น ผัดกระเพรา ไก่กระเทียม ผัดซีอิ้ว ราดหน้า ก๋วยเตี๋ยว ไก่ เป็ด เนื้อ และโรตีมะตะบะ ทุกอย่างจานละ 10 บาท ยกเว้นมีไข่ดาว หรือ ต้องการเพิ่มแบบพิเศษ ขายในราคาจานละ 20 บาท วันหนึ่งขายได้ไม่ต่ำกว่า 100 จาน ถ้าเป็นวันเสาร์ - อาทิตย์ มากกว่า 100 จาน

จานนี้แค่ 10 บาท

จงใจ กิจแสวง        *** “ข้าวหมูทอดเจ๊จง 16 บาท” ขวัญใจคนยาก ถูกปากไฮโซ ***                ร้านต่อมา เป็นเจ้าดังที่หลายคนรู้จักกันดีในชื่อ “ร้านหมูทอดเจ๊จง” ของ “คุณจงใจ กิจแสวง” ตั้งอยู่ย่านห้างเทสโก โลตัส สาขาพระราม 4

บริเวณหน้าร้าน        โดยหมูทอดรสเด็ดเป็นสูตรที่เธอคิดค้นขึ้นเอง โดยนำหมูสามชั้นมาหั่นให้บาง เพื่อให้เหลือน้ำมันหมูไม่มากนัก ชุบแป้ง และทอดให้กรอบ กินกับข้าวสวยร้อนๆ

สิ่งที่ทำให้ลูกค้าติดอกติดใจกันนักหนา เจ๊จงบอกว่า เป็นความอร่อยในราคาประหยัด ถือว่าเหมาะสมกับเศรษฐกิจในยุคนี้ โดยวัตถุดิบจะเลือกใช้หมูคุณภาพ ขณะที่ข้าวสวยลูกค้าสามารถตักได้เอง เติมข้าวได้จนอิ่ม มีผัดสดให้กินฟรี และตบท้ายด้วยกล้วยน้ำหว้า ที่มีไว้บริการให้ลูกค้ารับประทานฟรีอีกเช่นเดียวกัน

ลูกค้าแน่นร้าน        สำหรับข้าวหมูทอดใส่ถุงขายถุงละ 16 บาท หากกินที่ร้านข้าวจานละ 21 บาท (ตักข้าวได้เอง) แต่หากลูกค้าต้องการกับข้าวอย่างอื่นเพิ่มเติม เช่น ปูจ๋า ไส้กรอก ตับกระเทียม ปลาหมึกกระเทียม กุนเชียง ไข่ต้ม และทอดมัน ราคาก็จะเพิ่มตกอย่างละ 5-15 บาท

ร้านขายก๋วยเตี๋ยว “กำไรคนกรุง”        *** “ก๋วยเตี๋ยว 5 บาท” ถูกและดี มีอยู่จริง! ***                ใน ซอยติวานนท์ 41 “คุณไตรพล นาคสมบูรณ์” ได้เปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวชื่อ “กำไรคนกรุง” ขายเพียงแค่ชามละ 5 บาท ซึ่งแรงบันดาลใจ มาจากช่วงหนึ่งของชีวิต เคยขัดสนถึงขั้นเหลือเงินติดกระเป๋า 15 บาท จะซื้อข้าวแกงกินสักจานหรือก๋วยเตี๋ยวสักชามยังไม่ได้ จุดนี้ทำให้เกิดความคิดว่า เมื่อวันที่กลับมาลืมตาอ้างปาก จะทำอาหารที่ดีให้คนมีเงิน 15 บาทสามารถอิ่มอร่อยได้

คุณไตรพล นาคสมบูรณ์        คุณไตรพล เล่าต่อว่า แม้จะขายชามละ 5 บาท แต่กล้าการันตีคุณภาพดี เสิร์ฟในปริมาณที่เชื่อว่ากินชามเดียวก็รองท้องได้ ไม่ใส่สารปรุงรสใดๆ ทั้งสิ้น วัตถุดิบต่างๆ ล้วนใช้ของดี เช่น เนื้อหมูรับซื้อเจ้าประจำจากฟาร์มย่านนครปฐม ผักสดจากตลาดย่านปากเกร็ด ส่วนลูกชิ้นหมูเจ้าดังแถวสีลม ซึ่งเดินทางไปจ่ายตลาดด้วยตัวเอง เพื่อควบคุมคุณภาพและดูแลต้นทุนไม่ให้รั่วไหล                เคล็ดลับที่จะขายได้ในราคาถูก มาจากการยอดสั่งซื้อวัตถุดิบเนื้อหมูจำนวนครั้งละมากๆ กว่า 300-400 กิโลกรัมต่อวัน ช่วยให้ต้นทุนวัตถุดิบถูกลง อีกทั้ง ต้องยอมทำงานหนักและจุกจิก แลกกับกำไร เพราะกว่าจะได้ก๋วยเตี๋ยวหนึ่งชามต้องลวกเส้น ผัก ลูกชิ้น เนื้อหมู เติมน้ำซุป และทำวันละเป็นร้อยๆ ชาม                สำหรับต้นทุนที่แท้จริงหลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆ อยู่ที่ประมาณชามละ 3-4 บาท หรือกำไรเพียงชามละ 1 บาทเท่านั้น ทำให้ร้านขายก๋วยเตี๋ยวทั่วไป ไม่นิยมจะขายชามเล็กราคาถูก เพราะประเมินว่าไม่คุ้มค่ากับความยุ่งยาก และแรงงานที่สูญเสียไป

ภายในร้าน

กาแฟถุงใหญ่ ขายแค่ 15 บาท        *** กาแฟโบราณถุงยักษ์ อิ่มจุใจขาย 15 บาท ***                ร้านกาแฟโบราณเล็กๆ ย่านสนามบินน้ำ จังหวัดนนทบุรี ของ “คุณสมัย เกิดช้ำ” ซึ่งลูกค้ารู้จักกันดีในชื่อ “ป้าสมัย กาแฟถุงยักษ์” เพราะเครื่องดื่มของร้านนี้ จะใช้ในถุงพลาสติก ขนาด 7 x 11 นิ้ว ในขณะที่ร้านรถเข็นกาแฟโบราณเจ้าอื่นทั่วๆ ไป มักใช้ถุงพลาสติกขนาด 6 x 9 นิ้ว เรียกได้ว่า กาแฟป้าสมัย 1ถุง เท่ากับกาแฟร้านทั่วไป 2 ถุง หรือ 2 แก้ว เลยทีเดียว และที่สำคัญป้าใส่เต็มถุงขนาดที่เรียกว่า ต้องมัดที่ปลายปากถุงกันเลยทีเดียว โดยขายในราคาเพียงถุงละ 12 บาท ถึง 15 บาทเท่านั้น

สมัย เกิดช้ำ                       ป้าสมัย เล่าว่า วันหนึ่งขายได้ประมาณ 300 ถุงขึ้นไป โดยจะเปิดขายตั้งแต่ 7 โมงเช้าไปจนถึงเที่ยงคืน ชงกันแบบแก้วต่อแก้ว แต่ถ้าเป็นตอนเย็น ตอนค่ำ ลูกค้าเยอะมาก ชงหัวไว้ก่อน และค่อยมาผสมน้ำร้อน เพราะถ้าชงใหม่ที่ละแก้วเหมือนตอนกลางวันจะทำไม่ทัน                ส่วนสูตรต่างๆ ป้าแก่บอกว่า ไม่ได้ไปร่ำเรียนมาจากที่ใด อาศัยลองผิดลองถูกเอาเอง ซึ่งจากประสบการณ์ที่สะสมมากกว่า 10 ปี ทำให้สามารถชงทุกแก้วได้รสชาติสม่ำเสมอเหมือนเดิมตลอด

ลูกค้ารอแน่นร้าน        “ที่ป้าขายถูก เพราะเห็นใจคนกิน สงสารเขา เห็นว่า ของอะไรก็แพงไปหมด ถ้าเรายังขายแพงอีกทุกคนก็คงจะไม่มีทางเลือก บางคนมีเงินก็ซื้อได้ และคนไม่มีเงิน ก็คงจะไม่ได้กิน ก็เลยไม่ขึ้นราคา แม้ว่า วัตถุดิบทุกอย่างจะปรับราคาขึ้น โดยเฉพาะในช่วงน้ำท่วม นมข้นหวาน ซึ่งเป็นส่วนผสมหลักในการชงก็ปรับราคาขึ้นมาจากกระป๋องละ 19 บาท เป็นกระป๋องละ 27 บาท ทำให้ป้าได้กำไรลดลง แต่ก็ไม่ยังยืนยันว่าจะไม่ปรับราคา เพราะเห็นใจคนกิน

หมูปิ้งไม้ละแค่ 1 บาท        *** หมูปิ้งไม้ละ 1 บาท ขายถูกเพื่อเด็กๆ ***                เพราะตั้งร้านรถเข็นขายหมูปิ้งอยู่ที่หน้าโรงเรียนเมืองสมุทรสงคราม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม กลุ่มผู้ซื้อส่วนใหญ่จึงเป็นเด็กนักเรียนในย่านนั้น ทำให้ “ป้าแตน” หรือ “คุณวรรณา สวัสดิ์วงษ์" เลือกที่จะขายหมูปิ้งเพียงไม้ละ 1 บาท เพื่อจะให้เด็กๆ ได้กินอาหารที่อร่อยในราคาที่สามารถซื้อหาได้                ป้าแตน เล่าว่า เริ่มขายมากว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งเด็กๆ จะมีเงินมาโรงเรียนกันไม่มาก บางคนติดตัวมาเพียงวันละ 5 - 10 บาท ถ้าขายแพงเด็กๆ ก็คงจะซื้อกินกันไม่ได้ ทำให้รู้สึกสงสารเด็กๆ จึงยอมที่จะขายถูก ได้กำไรน้อยๆ เพื่อให้เด็กๆ ทุกคน มีโอกาสได้กินหมูปิ้ง

คุณวรรณา สวัสดิ์วงษ์        แม้จะขายราคาถูก ทว่า ความอร่อยไม่ได้น้อยตามราคา โดยเทคนิคการหมักหมูนั้น จะต้องหมักเอาไว้ข้ามคืน เพื่อให้เครื่องปรุงรสซึมเข้าไปในเนื้อหมู ทำวันต่อวัน ขายให้หมดทุกวันไม่มีการเก็บค้างคืน เพราะต้องการขายหมูที่สดใหม่ทุกวัน เพื่อสุขภาพและรสชาติที่ดี

วันหนึ่งขายหมูย่างวันละประมาณ 1,000 ไม้ถึง 1,500 ไม้ ใช้หมูประมาณ 5 กิโลกรัม ถึง 6 กิโลกรัม กำไรที่ได้ประมาณ 500 บาทถึง 700 บาท ต่อวัน เพราะด้วยหมูมีราคาเพิ่มขึ้น ทุกอย่างราคาเพิ่มขึ้นหมด แม้แต่ไม้เสียบหมู ก็เพิ่มขึ้น กระทบต้นทุนสูงตามไปด้วย” ป้าแตน ระบุ

ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์

สิริสวัสดิ์วุธวารค่ะ

Create Date : 16 พฤษภาคม 2555		0 comments
Last Update : 16 พฤษภาคม 2555 11:00:22 น.
Counter : 1613 Pageviews.
Share Tweet