ออกจะกล้าๆ กลัวๆ เมื่อรู้ตัวว่าจะต้องไปชิมอาหารตะวันออกกลาง สัญชาติเลบานิส ที่ร้าน อัลซาเรย์ (Al Saray)...ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเสียงลือเสียงเล่าอ้างเรื่องกลิ่นเครื่องเทศและเนื้อสัตว์ ครั้นเมื่อได้ลงมือชิมกันอย่างจริงๆ จังๆ ก็มีอันต้องลบความคิดเดิมๆ ทิ้งไปจนหมดสิ้น
เริ่มต้นที่จานเรียกน้ำย่อยมีให้เลือก 2 แบบได้แก่ "คูล เมซซา สตาร์ทเตอร์" มีให้เลือกหลากหลาย แต่เชฟหนุ่มแนะนำว่าหากต้องการเข้าถึงซิกเนเจอร์ของชาวเลบานิสต้องเรียกชิม "ฮามูส" รสชาติเปรี้ยว-มัน อันเกิดจากการผสมระหว่างถั่วชิคพีส์กับน้ำมันมะกอก และเลมอน ปั่นรวมกันเพิ่มรสชาติด้วยเครื่องเทศประจำท้องถิ่น ส่วนเวลากินก็ฉีกแผ่นแป้งเลบานิส (คล้ายๆ แป้งนานของอินเดีย) จิ้มใส่ปากไม่ต้องมากพิธีรีตอง
ส่วน "ฮอต เมซซา สตาร์ทเตอร์" อยากให้ลองจินตนาการถึง "เปาะเปี๊ยะทอด" บ้านเรา แต่ของเขามีให้เลือกทั้ง ผักโขมห่อแป้งทอด, ชีสเลบานีสห่อแป้งทอด, พัฟเนื้อแกะ, พัฟชีสแกะ และ เนื้อแกะสับผสมกับเครื่องเทศเลบานิสห่อทับด้วยเนื้อแกะอีกทีก่อนจะนำไปทอดจนกรอบนอกนุ่มใน...ถึงตรงนี้หลายคนอาจจะติดใจสงสัยเรื่องกลิ่นเครื่องเทศและกลิ่นเนื้อสัตว์ ในฐานะที่อาหารผ่านปากมาแล้ว ขอบอกเลยว่าไม่น่าเป็นห่วงอย่างที่คิด แถมรสชาติยังกลมกล่อมดีซะด้วย
อีกหนึ่งจานแต่ก็ใช่ว่าจะหาชิมกันได้ง่ายแม้อยู่ในถิ่นฐานเลบานิส สำหรับสไปซี่ชีสโฮมเมด "แซงกรีส" เพราะกว่าจะได้ชีสแกะชั้นดีเพื่อนำมาใช้เป็นส่วนผสมหลักกับเครื่องเทศตามแบบฉบับชาวตะวันออก ต้องผ่านเวลาหมักนานนับปี ส่วนเวลากินจานนี้มีเคล็ดลับความอร่อยก่อนจะจิ้มกับขนมปังก็แค่ต้องยีชีสให้แตกแล้วคลุกเคล้ากับมะเขือเทศและหอมใหญ่สับเท่านั้นแหละ
เข้าสู่จานหลักเน้นหนักไปทางเนื้อแกะ เนื้อไก่ แต่ก็ไม่น่าหวาดเสียวเรื่องกลิ่น เพราะก่อนจะจับปิ้งย่างด้วยไฟอ่อนๆ จากเตาถ่านจนกว่าจะสุกเต็มที่ ต้องผ่านขั้นตอนการคลุกเคล้าด้วยสมุนไพรตามแบบฉบับเลบานิสซะก่อน ไม่ว่าจะเป็น เนื้อแกะคุฟต้า, ไก่คุฟต้า หรือ เนื้อและซี่โครงแกะย่าง ส่วน ไก่ชิสตาวูฟ พิเศษตรงที่ใช้โยเกิร์ตค่อยๆ ป้ายขณะย่างไฟช่วยให้กรุ่นกลิ่นหอมพร้อมรสเปรี้ยวนำ
สำหรับหนุ่ม-สาว ผู้ไม่สันทัดด้านเนื้อสัตว์ ทางร้านก็มีอาหารมังสวิรัตไว้เป็นทางเลือกอย่าง "ไวน์ลีฟส์" ข้าวคลุกสมุนไพรห่อด้วยใบองุ่นดอง จานนี้มีหน้าตาคล้ายเมี่ยงบ้านเรา เบาๆ เรื่อยๆ สไตล์อาหารมังสวิรัติ
ดูจะผิดธรรมเนียมการรับประทานอาหารหากไม่มีของเครื่องดื่มหรือของหวานปิดท้าย ซึ่งก็มีให้เลือกมากมายตั้งแต่กาแฟเลบานิส ที่ใช้เม็ดกาแฟสดบดละเอียดผสมเครื่องเทศแต่ไม่ผ่านคั่ว ต้มในกาจนกว่าจะได้ที่ตั้งไว้ให้ตกตะกอนก่อนจะรินกินเพียวๆ แบบไม่ต้องพึ่งน้ำตาลหรือครีมเทียมแม้แต่น้อย
อีกหนึ่งข้อมูลที่ขาดไม่ได้ คือ ภายในร้านอาหาร "อัลซาเรย์" ซึ่งตกแต่งให้มีบรรยากาศงดงามตามแบบฉบับอาหรับชั้นสูง หากผู้ใช้บริการต้องการความเป็นส่วนตั๊วส่วนตัวทางร้านก็สามารถบริหารจัดการให้กลายเป็นไพรเวทโซนได้ นอกจากนี้ยังมีอาหารอินเดียโดยเชฟชาวภารตะมาบริการอย่างเต็มรูปแบบอีกด้วย...ติดใจสงสัยหรือจะสั่งจองโต๊ะล่วงหน้ายกหูโทรไปที่ 0-2319-4388 อ้อ!! ร้านเปิดให้บริการตั้งแต่ 10.00-22.00 น. ที่อาคารบางกอกพลาซ่า ชั้น 4 ซอยศูนย์วิจัย
ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์
สิริสวัสดิ์จันทรวารค่ะ