มกราคม 2562

 
 
1
4
6
13
17
20
22
27
30
31
 
 
All Blog
สะดุดรักคุณเมีย บทที่ 3 หน้าที่ 2


สะดุดรักคุณเมีย

บทที่ 3 หน้า 2

แม้เขาจะนั่งติดรถวิลแชร์แต่โทรศัพย์เขาไม่เคยว่างเว้นเลยสักครั้ง 


ด้วยธุระกิจหลักของบ้านคืองานออกแบบก่อสร้าง และตกแต่งภายในรวมทั้งขายอุปกรณ์การก่อสร้าง 


และยังมีธุระกิจโรงแรมด้วยอีก วันๆนึงเขาต้องจัดสรรเวลาเพื่อไปดูงานหลายที่ งานวิศวกรออกแบบก่อสร้าง 

ปริมเป็นผู้ดูแลส่วนงานออกแบบภายในและธุระกิจอุปกรณ์ก่อสร้าง โปรด เป็นผู้ดูแล งานโรงแรมพ่อกับแม่ เป็นผู้ดูแลอยู่ 

แต่ละที่นั้น มีผู้จัดการที่ไว้ใจได้ทำหน้าที่บริหารงานและรายงานเหตุการณ์ทุกวัน



ปริมบอกหญิงสาวว่าจะมีทีมงานมาเยี่ยมเขาและพูดคุยงานด้วยเธอจึงจัดเตรียมอาหารให้ ณรินทร์แอบมองอยู่ห่างๆ 


เวลาที่เขาประชุมกับลูกน้องดูสุขุม นิ่ง การวางตัวแตกต่างกับยามที่อยู่กับเธอนัก และดูไม่เหมือนหนุ่มเสเพลที่เธอคิดไว้



“อาหารอร่อยมากเลยครับ” 


หัวหน้าไซส์งานเอ่ยชมอาหารกับหญิงสาวขณะเธอยกผลไม้มาเสริฟ



“ค่ะ แค่ทุกคนถูกปากก็ดีใจแล้วค่ะ” เธอยิ้มตอบ



“คุณปริมนิ โชคดีนะครับ ได้แม่บ้านที่ทำอาหารเก่งชีวิตผู้ชายก็ยิ่งกว่าถูกล็อตเตอรี่อีก”


ชายหนุ่มนั่งยิ้มเต๊ะท่าอยู่หัวโต๊ะ



“จับผลัดจับผลูได้หรอกครับ คุณแขก เอ้อ.... ไอ้เราก็คิดว่าได้เมียสวยเป็นนางงามกับเขาบ้าง” 


ชายหนุ่มพูดทีแล่นทีจริง



“ช่วยถามฉันก่อนล่ะกันว่าใครที่จับผลัดจับผลูได้”



“ได้สามีหล่อกว่าพระเอกช่อง 3 ยิ่งกว่าถูกล็อตเตอรี่ร้อยล้านนะคุณ”



หญิงสาวทำหน้าเหรอหรา



“อ้อ เพลย์บอยพระนครอย่างคุณ ก็คงจะเหมาะกับนางเอกช่อง 3 ล่ะมั้งฉันมันแค่เด็กบ้านนอก ไหนเลยจะสวยเข้าขั้นนางงาม”



ทีมงานของชายหนุ่มต่างหัวเราะขันกับการโต้ตอบของสามี ภรรยา ทั้งสอง



“เพลย์บอยพระนครเหรอ” 


ชายหนุ่มทวนคำ กับสรรพนามที่ภรรยาหามาว่ากล่าว



“ฮึ....คุณต้องภูมิใจนะ ที่สามีหล่อขนาดนี้ ควงไปไหนก็ไม่อายใครเขา”



“ก็แหง่ล่ะ ไปวัดไปวา หมายังหลับเลย” หญิงสาวเอ่ยยิ้มๆ



ปริมเม้มปาก แต่ก็ยิ้มอยากเป็นสุขที่ต่อล้อต่อเถียงกับหญิงสาว



“คุณปริมจะชนะไหมเนี่ย” ทีมงานแซว



“ผมไม่ได้เกิดมาเพื่อทะเลาะกับผู้หญิงนะ” เขาออกตัวกลัวเสียฟอร์ม



ทุกคนต่างหัวเราะขบขัน แม้จะทำเป็นกลัวเสียฟอร์ม แต่ใครๆก็มองออก 


กับอาการกลัวเมียที่ผู้ชายทุกคนจะต้องเป็น

.............................................................................





ปริมจอดรถเก๋งคันหรูข้างรถเก๋งของหญิงสาว เวลา 6 โมงกว่าในฤดูร้อนแบบนี้ ท้องฟ้ายังสว่าง 


เขาลงจากรถแล้วเดินเข้าบ้าน เห็นแม่กำลังนั่งทานขนมดูทีวีอยู่คนเดียว



“สวัสดีครับแม่ทิพย์”



“อ้าว พ่อปริม ณรินทร์ทำกับข้าวอยู่ วันนี้เขาไปซื้อกุ้งมาเห็นบอกอยากกินกุ้งนึ่ง”



ชายหนุ่มยิ้ม


แม้เขาจะถอดเฝือกไปแล้ว แต่ก็ยังพันผ้าที่ข้อเท้าอยู่การเดินก็ยังไม่เข้าที่นัก ชายหนุ่มเดินเข้าไปในครัว



บ้านเรือนไทยของณรินทร์เดิมที่ชั้นล่างเปิดโล่งเนื่องจากพื้นที่ลาบลุ่มแม่น้ำของเมืองอยุธยาน้ำท่วมเสมอเวลาน้ำหลาก 


สมัยโบราณจึงปลูกเรือนยกใต้ถุนสูง แต่คนรุ่นใหม่ก็นิยมปลูกบ้านแบบฝรั่ง บ้านปูน 2ชั้น 


ถ้ายกพื้นสูงพอสมควรก็พอหลบน้ำท่วมได้แต่ถ้าพื้นยังต่ำกว่าแม่น้ำก็ต้องยอมรับสภาพหากเกิดน้ำท่วมสูง



พี่ชายทั้งสองได้ช่วยกันมาต่อเติมด้านล่าง ให้เป็นที่รับแขกและห้องครัว 


ครัวเดิมแบบไทยๆ อยู่ชั้นบน เลยกลายเป็นที่ชงชากาแฟปริมเข้ามาในครัวเห็นณรินทร์กำลังคีบกุ้งตัวใหญ่ออกจากซึ้ง



“โห กุ้งตัวโตจัง” เขาทำตาโต



“จมูกดีจังเลยนะ แล้วนี่ มาทำอะไรอีกล่ะ”



“อ้าว ทำไมถามแบบนั้นล่ะ ผมอุตส่าห์ขับรถรอบเมืองไปซื้อเค้กมะพร้าวอ่อนมาให้ทานนะครับแต่ก็คุ้มได้กินกุ้งแม่น้ำตัวใหญ่แบบนี้” ชายหนุ่มยิ้ม



“ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม คุณมาบ้านฉันบ่อยขนาดนี้”



“นี่ๆๆ พูดอะไรแปลกๆ คุณกับผม เราเป็นสามีภรรยากันนะทำไมต้องพูดห่างเหินเป็นวาเป็นศอกแบบนั้น”



“เฮอะ...นี่คุณ ตั้งแต่อุบัติเหตุรอบนี้นิ สมองเพี้ยนไปเยอะนะเดี๋ยวก็จับฉันเซ็นส์ทะเบียนสมรส เดี๋ยวก็พูดเรื่องสามีภรรยา 


ถามจริงคิดอะไรกับฉันเหรอ” 


ดวงหน้าใสทะเล้น ยื่นมาใกล้อยู่ใต้คางชายหนุ่มทำเอาปริมนิ่งเป็นท่อนไม้



“ก็...ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่อยากตอบแทนที่คุณมีน้ำใจช่วยเหลือผมเสมอมา”



“อ้อ..คิดได้อย่างนั้นเหรอ ก็ดีนิ รู้จักกตัญญูรู้คุณ”



“สงกรานต์คุณแม่ชวนไปเที่ยวเกาะช้างนะ”



“ท่านบอกฉันแล้วล่ะ”



ปริมยิ้มก่อนจะเข้ามาช่วยหญิงสาวยกจานกุ้งไปตั้งโต๊ะ



อาหารพื้นๆ ที่หญิงสาวทำ มันดูอร่อยไปหมดในความรู้สึกของปริม 


ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขารังเกียจรังงอนกับความเป็นชาวบ้านร้านถิ่น 


ใส่ชุดนอนแบบคนโบราณของตัวเอง นั่งดื่มชาเหมือนคนแก่อายุ 70 


ปริมมองแม่น้ำที่ไหลเอื่อย อีกฟากของแม่บ้าน มีบ้านตั้งเรียงรายบ้านตรงข้ามหลังใหญ่ 


ดูเจ้าของบ้านน่าจะมีอันจะกิน



“คุณเคยว่ายน้ำไปฟากโน้นไหม”



“ว่ายทำไม สะพานตรงโน้นก็มี” หญิงสาวบอก



“บ้านหลังโน้นก็หลังใหญ่ดีนะ”



“ฮืม แต่เราก็ไม่เคยรู้จักกันหรอก”



ปริมมองดูอย่างสนใจ



“พรุ่งนี้เราไปไหว้พระกันนะ”



หญิงสาวหันมามองหน้าอีกฝ่าย



“ผมอยากไปไหว้พระ”



“อ้อ ได้สิ” 



เธอกระพริบตาถี่ๆ รับคำ ชายหนุ่มจะมาแบบไหนกันอีกนะย้อนไป เดือนสองเดือนที่แล้ว


 ยังแทบจะฆ่าจะแกงเธออยู่ดีๆ หรือนี่จะเป็นการแกล้งทำให้ตายใจ



“ทำบุญเสียบ้างคุณน่ะ เกิดอุบัติเหตุบ่อยแล้ว” 


เธอเอ่ย จะว่าไปเขาก็ไม่เคยเชื่อเรื่องแบบนี้สักหน่อย ก่อนหน้านี้เขากล่าวโทษเธอด้วยซ้ำที่นำพาความซวยมาให้



“ใช่ เราไปทำบุญด้วยกันบ้าง เผื่อชีวิตคู่จะได้ราบรื่น”



“เอ๋..มันเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ” เธอย้อนเขา



“นี่คุณ ชอบขัดแย้งกับผมจัง”



“ประโยคนี้น่าจะเป็นฉันพูดนะ คุณอย่าลืมสิว่าเราตกลงกันว่าอย่างไร”


เธอย้ำเตือน ชายหนุ่มนึกย้อน



“ผมลืมไปแล้ว”



เขาตอบหลีกเลี่ยง



รุ่งเช้าหญิงสาวพาเขาไปไหว้พระอย่างที่เขาขอไว้ วัดที่เธอพาไป 


วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ วัดมงคลบพิตร และวัดพระศรีสรรเพชญ์ 


ล้วนแต่เป็นวัดที่เขาเคยมาทั้งสิ้นแต่คราวนี้เขาขออธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกวัดขอให้ณรินทร์ใจอ่อนให้กับเขาอย่างเร็ววัน



ณรินทร์สังเกตุปริมอยู่เงียบๆ เขามีท่าทีแปลกไปจากเดิมมาก 


จากแต่ก่อนนั้น มีท่าทีรังเกียจเธอ ปากก็ว่าหน้าตาบ้านๆ บ้างล่ะ 


เดี๋ยวก็ว่าใจร้ายใจดำ เดี๋ยวก็ว่าปากคอเลาะร้ายหาความเป็นกุลสตรีไม่มี แต่งงานด้วยก็เหมือนลงเหว



แต่ตอนนี้เขาชอบนัวเนียเธอเผลอเป็นไม่ได้เป็นต้องลวนลามก็ไม่ทางใดก็ทางนึง จนเธอต้องคอยหลบหลีกอย่างสุดตัว


 แล้วเรื่องที่บังคับให้เธอจดทะเบียนสมรสอีกล่ะ มันใช่เรื่องที่ถูกต้องที่ไหน 


ชีวิตเธอจะต้องมาจบสิ้นเพราะผู้ชายคนนี้อย่างนั้นเหรอ หน้าตา รูปร่างภายนอกมันอาจจะทรมานใจสาวๆ ก็เถอะ 


ถึงเธอเองจะชอบมองคนสูง หน้าขาวๆ ตี๋ๆ แต่กับคนๆนี้แล้วล่ะก็ มันไม่ได้โดนใจเอาเสียเลย



ข้างวัดมงคลบพิตรมีร้านค้ามากมายขายทั้งของกินและของชำร่วย 


ชายหนุ่มชวนเธอเดินดูของวันอาทิตย์มีนักท่องเที่ยวมาเยอะมากทำให้ต้องเบียดเสียดเวลาเดิน 


ปริมเห็นได้โอกาสคว้ำมือหญิงสาวมากุมไว้ จนเดินออกมาถึงลานจอดรถหญิงสาวชักมือออกจากเขา



“เออ คุณอยากไปที่ไหนต่อไหม” 


เธอเอ่ย เพราะนี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว



“เรามากันหลายวัดแล้ว พาผมไปทานข้าวอร่อยๆ หน่อยสิ”



“ฉันไม่ค่อยทานข้าวนอกบ้านแถวนี้นิ” เธอแย้ง


“งั้นไปกินร้านก๋วยเตี๋ยวไหม มีก๋วยเตี๋ยวห้อยขาไม่ไกลเท่าไหร่”



ร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขาที่ว่า เป็นร้านที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาร้านออกแบบง่ายๆ 


แต่มีจุดเด่นคือให้ลูกค้านั่งห้อยขากินก๋วยเตี๋ยวริมแม่น้ำ นั่งชมวิวทิวทัศน์เรือขน ทราย ลากกันไปมา



ตรงข้ามกันนั้นคือวัดพุธไธศวรรย์ แลไกลออกไป มีโบสถ์ฝรั่ง



“ตรงข้ามเรา คือวัดพุธไธศวรรย์ แล้วโน้น วัดนักบุญยอแซฟส่วนพระปรางค์ที่เด่นอยู่ริมน้ำ ไกลๆ โน้น คือ วัดไชยวัฒนาราม”


 เธอบอกเขา



“วัดที่เขาชอบมาถ่ายละครกันใช่ไหม”



“ใช่ คุณไม่เคยไปเหรอ”



“เคยไปสิ แต่นานแล้ว”



“เอาไว้คราวหน้าละกัน วันนี้บ่ายแล้วกลับบ้านดีกว่า”


ปริมยิ้มที่หญิงสาวรับปาก เขายังมีโอกาสใช้เวลากับเธออีกนานเพราะฉนั้น เขาจะต้องหาทางให้เธอใจอ่อนให้ได้



กลับมาถึงบ้าน หญิงสาวก็หายเข้าโรงเรือนไปปริมเข้าไปช่วยเธอในโรงเรือน 


มีลูกค้ามารับผัก 2-3 คน สาวๆพอเห็นปริมก็กรี๊ดกร๊าดเข้ามาคุยด้วย



“แฟนหนูรินทร์เหรอคะ หล่ออย่างกับพระเอกแน่ะ” ป้าลูกค้าเอ่ยชม



“ขอบคุณครับป้า ผมก็ไม่ได้หล่อขนาดนั้นหรอก”



“หนูรินทร์นิโชคดีนะคะ ได้แฟนหล่อขนาดนี้”



ปริมได้แต่ยิ้มๆ กับสาวๆ ที่ล้อมชมเขา



“หน้าตาดีก็ใช่ว่าจะโชคดีนะคะป้า ข้าวนอกดูสุขใสแต่ข้างในเป็นโพลงมีเยอะแยะการที่ได้สามีดี คือสามีที่มีคุณธรรม” 


หญิงสาวรีบสวน



“คุณธรรม แบบไหนล่ะ” ปริมรีบเอ่ยถาม



รินทร์ยกตะกร้าผักเดินเข้าหาเขา



“คุณธรรมน่ะ ต้องเป็นผู้ที่มี เมตตา กรุณา จิตใจดีงาม ขยันขันแข็งไม่เกียจคร้าน”



“สบายอยู่แล้ว ผมเป็นคนที่จริงใจดีนะ แล้วก็ขยันทำงาน”



“คุณธรรม ต้องเป็นคนซื่อสัตย์ เคารพซึ่งกันและกัน”



“เรื่องง่ายๆ”



“คุณธรรม ต้องไม่เหลวไหล เอาแต่ใจ นิสัยเด็กๆ”



“นี่คุณ ผมโตแล้วนะ เลิกคิดว่าผมเป็นเด็กสะที” เขาย้อน



ณรินทร์ส่งตะกร้าผักให้เขาช่วยถือ ส่วนเธอก้มลงถืออีกใบแล้วเดินเข้าบ้านเพื่อไปแพคให้กับลูกค้า



“รอสักครู่นะคะ ป้าๆ เดี๋ยวรินทร์ไปแพคให้”



“ได้ค่ะ” ป้าๆ ตอบรับพร้อมกัน



ชายหนุ่มช่วยณรินทร์แพคผักให้ลูกค้า



“ผมช่วยคุณทำงานแล้วนะ คุณก็ต้องช่วยผมด้วยสิ”



“ช่วยอะไร”



“ผมปวดข้อเท้า นวดให้ผมหน่อยสิ” ทำเสียงออดอ้อน



“อืม เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จแล้ว จะเอาประคบมาประคบให้” เธอตอบ



ปริมยิ้มอย่างดีใจ




พอหลังอาหารเย็น ปริมรีบเข้าห้องอาบน้ำ รอณรินทร์ นึ่งประคบ เธอตามเขาเข้าห้องแล้วค่อยๆ ประคบข้อเท้าให้เขา 


พลางนวดเท้าให้ ชายหนุ่มรู้สึกสบายเผลอคิดไปว่าเป็นแบบนี้ต่อไปก็คงดี กลิ่นยาของลูกประคบยิ่งกล่อมเขาให้เคลิ้ม



“คุณเคยมีแฟนไหม”



ชายหนุ่มเอ่ยถาม ณรินทร์มองหน้าอีกฝ่ายอย่างงงงันในหัวข้อการสนทนา



“มีสิ”



“เหรอ...แล้ว...คบกันนานไหม” 


เขาถามอย่างอยากรู้



“ก็ไม่นานเท่าไหร่ พอเรียนจบต่างคนต่างไป ก็ห่างกันไป” เธอตอบ



ปริมขมวดคิ้ว



“ทำไมห่างกันไปด้วยล่ะ เขาไม่ได้รักคุณเหรอ ถ้าผู้ชายรักจริงเขาก็ต้องมาหาคุณสิ”



“เขาหล่อ รวย ไปเรียนต่อต่างประเทศ เราก็เลยห่างกัน หลังจากนั้นก็ไม่ได้ข่าวเขาอีกเลย” 


เธอตอบ ที่จริงมันก็เป็นเรื่องที่เธอกุขึ้นมาเฉยๆ



ชายหนุ่มครุ่นคิด ณรินทร์มองหน้าตี๋



“แล้วคุณล่ะ”



“ผมเหรอ สาวๆ ทุกคนก็อยากเป็นแฟนผมหมดแร่ะ ผมเนื้อหอมตั้งแต่ อนุบาลแล้ว”


 เขาพูดยิ้มๆ โอ้อวดสรรพคุณตัวเอง



“เหรอ ดี....ใจ.....ด้วย” ทำเสียงลากยาว



“แล้วคุณ ไม่ได้รักใครอีกเหรอ” 


เขารีบกลับมาตั้งคำถามเธออีกอย่างอยากรู้



“ฮืม...ไม่รู้จะรักใคร”



“ก็คงจะจริงนะ หน้าตาธรรมดาอย่างคุณ ใครจะกล้าเข้าหา”ชายหนุ่มแกล้งพูดแหย่



“ใช่สิ ฉันมันชาวบ้านตาดำๆ จนก็จน ผู้ชายที่ไหนเขาจะสนใจ”



“แล้วคุณยังรักเขาอยู่ไหม”



ณรินทร์ทำหน้าครุ่นคิด



“ใคร”


ถามกลับเพราะลืมไปว่าตัวเองกำลังกุเรื่องหลอกอีกฝ่าย



“อ้าว ก็แฟนคนแรกคุณไง”



“อ้อ....แทนคุณน่ะเหรอ ฉันจำไม่ได้แล้ว”



“เอ๋... ที่พูดนิ คือพี่แทนคุณเหรอ” ชายหนุ่มตาเหลือกลาน



“ใช่ แล้วจะทำไม” เธอยื่นหน้าเข้ามาใกล้เขา



ชายหนุ่มเม้มปากอย่างขัดใจ




Create Date : 12 มกราคม 2562
Last Update : 12 มกราคม 2562 10:07:15 น.
Counter : 812 Pageviews.

0 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณ**mp5**

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

unitan
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]