รีวิวการ์ตูนไทย - Thai Comic Review
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2564
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
10 กุมภาพันธ์ 2564
 
All Blogs
 
(รีวิวการ์ตูนไทยเฉพาะกิจ) ฉันไม่เป็นสาวแว่นอีกแล้ว (วีรวิชญ์ ธนพงศ์ทวีวุฒิ (ปีกนกบูรพา))

  

   สาวแว่นกับการ์ตูนหญิงรักหญิง ถือเป็นหมัดเด็ดในงานของปีกนกบูรพามาโดยตลอด หลังรีแบรนด์นามปากกาใหม่เป็น Go-It Studio ตั้งแต่ยุค พ.ศ. 2550 และขยันป้อนผลงานแนวนี้ออกมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน แถมแต่ละเรื่องเอง ก็อยู่ในคุณภาพที่ดีไม่ใช่น้อย ไม่ว่าจะเป็นทั้งรวมเล่ม แม่หมอแพนด้า, แท็กซี่พิชิตหนี้ และโดจินล้อการ์ตูนญี่ปุ่นอื่นๆอีกมากมาย แต่ก็ไม่มีเล่มไหนอีกแล้ว ที่ปีกนกจะจัดเต็ม "ความคลั่งไคล้" ในธีม สาวแว่น + ยูริ ได้แบบสุดตีนขนาดนี้ เพราะนี่คือการ์ตูนที่เกี่ยวกับ "สาวแว่น สาวแว่น และสาวแว่น" โดยเฉพาะเลยนั่นเอง!!!

   ฉันไม่เป็นสาวแว่นอีกแล้ว (หรือชื่ออังกฤษ No, I'm Not Megane Girl!) เป็นการ์ตูนตลก 4 ช่องขนาดสั้น ไซซ์ประหยัด ความยาว 58 หน้า ว่าด้วย "ลิน" เด็กสาวที่ตัดสินใจเลิกที่จะใส่แว่นอย่างเด็ดขาด เพราะโดนล้อจนเสียหมา แต่แล้ว นางเอกก็ได้พบกับ "สาวแว่นทั้งสอง" ที่เพิ่งจะรู้จักกันโดยบังเอิญ แถมเป็นกลุ่มคนคลั่งสาวแว่นเสียด้วย ซึ่งทั้งสองคนนี่แหละ ที่จะแสดงแสนยานุภาพให้นางเอกได้เห็นว่า จริงๆแล้วการเป็นสาวแว่นนั้น มันสุดยอดขนาดไหน!!

   สั้น กระชับ แต่คุ้ม และไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ว่า แฟนเซอร์วิสเยอะขนาดไหน เพราะมันคือการ์ตูนสาวแว่น ที่ทำขึ้นมาเพื่อ "คนคลั่งสาวแว่น" โดยเฉพาะ (อาจเป็นเพราะมันเป็น "การ์ตูนนอกสำนักพิมพ์" ด้วยล่ะมั้ง แฟนเซอร์วิสก็เลยดูจะแรงเป็นพิเศษ) -- เตรียมตัวกันให้พร้อม กับขบวนแห่แฟนเซอร์วิสที่จะโหมกระหน่ำเข้าใส่คนอ่านทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นทั้ง บทพูดสองแง่สองง่าม เซอร์วิสคอสเพลย์ และฉากสมาคมเครื่องเคาะทองเหลือง ที่กอดจูบกันแบบถึงเนื้อถึงตัว และที่สำคัญ มันมีแทบจะทุกหน้าเลยก็ว่าได้ ซึ่งจะโดนอันไหนกันบ้าง ก็แล้วแต่คน ถ้าเป็นคนนอก อย่างน้อยก็ต้องมีชอบซักฉากสองฉากแหละน่า

  ภายใต้พล็อตสูตรสำเร็จ เกี่ยวกับเด็กสาวที่ขาดความมั่นใจ และอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง (จนกระทั่งได้ค้นพบว่า สิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่นั้น มันไม่ได้แย่เลยซักนิด) ถูกเล่าผ่านมุมมองของคนที่ใส่แว่น ในแบบที่คนสายตาปกติก็สามารถอ่านเข้าใจได้ โดยที่ไม่ต้องไปถอดแว่นชาวบ้าน แล้วถามว่านี่กี่นิ้ว (แต่ชูนิ้วกลางใส่) -- เพราะมันกลั่นกรองมาจากประสบการณ์ของผู้เขียนเองล้วนๆ ซึ่งแน่นอนว่า มันค่อนข้างที่จะกว้างเอามากๆ และอะไรหลายๆอย่างก็ดูจะจัดเต็มเป็นพิเศษ ทั้งเรื่องของขั้นตอนการวัดสายตา การเลือกกรอบแว่นที่มีให้เลือกหลากหลาย รวมไปถึงข้อเสียทั่วไปของการใส่แว่น อย่างเช่นส่วนมาก เลนส์แว่นมักจะไม่กันไอน้ำ ไม่กันฝน ทำให้แว่นที่ใส่ มักจะเป็นฝ้าอยู่บ่อยๆ จนต้องถอดออกมาเช็ดให้ใสวิ้ง อันเป็นภาระของคนใส่แว่นทุกคนที่จะต้องเจอ

   และเพราะแบบนี้เอง ก็เลยเกิดทางเลือกใหม่สำหรับคนสายตาผิดปกติ แต่อยากเท่ นั่นก็คือ "คอนแท็กต์ เลนส์ (contact lens)" แผ่นพลาสติกกลมๆโค้งๆ ที่ใส่เข้าไปในลูกกะตาแล้ว เหมือนคนไม่ได้ใส่แว่น แต่สามารถมองเห็นชัดแจ๋วเหมือนแว่นสายตาทั่วไป (เพราะต้องวัดสายตาเหมือนกัน) ซึ่งมันก็มีข้อเสียตรงที่ มันมีขนาดเล็ก แตกง่าย เวลาทำหล่นแล้วหายาก แถมยังต้องหมั่นหยอดตาบ่อยๆ (วันละ 1-2 ครั้ง) เพื่อไม่ให้ตาแห้ง จนเกิดการระคายเคือง -- ซึ่งโดยรวม ก็ถือเป็นเรื่องพื้นฐานของคนที่สายตาสั้นและสายตายาวเท่านั้น ที่จะเข้าใจ และนี่ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ในจำนวน 58 หน้า ที่อัดแน่นอยู่ในการ์ตูนตลก 4 ช่องเล่มนี้ ยังมีมุมมองสนุกๆเกี่ยวกับ "คนใส่แว่น" ให้ได้ฮาแตกกันอีกเยอะ ซึ่งไม่บอกหรอก แฮ่!!! เพราะจะแนะนำให้ไปอ่านเอง แต่บอกได้คำเดียวว่า สนุกแน่!!!

   แต่ในช่วงครึ่งหลัง เราจะได้เห็นนางเอกของเรื่องได้บุกเข้าไปลอง "สังคมคอสเพลย์" แบบจริงๆจังๆครั้งแรก ตามคำชวนของสาวทั้งสอง ซึ่งในพาร์ตนี้เราจะได้เห็นสาวแว่นทั้งสาม แต่งตัวเป็นตัวละครจากการ์ตูนดังๆ ซึ่งแน่นอนว่าก็มีคนที่ชื่นชอบมากมาย โดยเฉพาะแฟนคลับสาวแว่น นั่นจึงทำให้นางเอกเริ่มที่จะมีความมั่นใจในการใส่แว่นขึ้นมาบ้างแล้ว -- ในส่วนของพาร์ตนี้ จะเน้นหนักไปที่สังคมคอสเพลย์ ที่แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่าย และมีขั้นตอนที่ยุ่งยากมากมายก่อนจะได้ลงสนามจริงๆ ทั้งการเก็บรายละเอียดเรื่องที่จะคอส เพื่อให้สามารถเข้าถึงตัวละครตัวนั้นได้มากที่สุด รวมไปถึงการตัดชุดที่ต้องอาศัยความรู้และค่าใช้จ่าย และการใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นพื้นที่ประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างชื่อเสียง และสามารถนำชื่อเสียงนั้นไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้ในภายภาคหน้า

   ท่าโพสส่วนมากค่อนข้างธรรมดา เพราะส่วนมาก จะมีแค่ฉากตัวละครยืนเฉยๆ ไม่ก็ออกท่าทางนิดๆหน่อยๆเท่านั้น เข้าใจว่าต้องการจะสื่อแบบ สาวแว่น แค่ยืนเฉยๆก็เด่นได้ = สาวแว่นสุดยอด!!! แต่ภาพรวม คือแทบจะไม่มีอะไรให้จดจำเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆที่มันควรจะได้เห็นท่าโพสของ cosplayer ที่ออกท่าออกทางมากกว่านี้สิ หรือไม่ก็แสดงบทบาทให้มันเข้าถึงตัวละคร อะไรทำนองนี้ เหมือนที่คนเขียนอุตส่าห์เกริ่นเอาไว้อย่างดิบดีตั้งแต่แรก คืออยากเห็นฉากนั้นแล้ว รู้สึกอยากกลับไปเปิดดูซ้ำหลายๆรอบมากกว่า เสียดายฉากนี้มากๆ

   ด้วยเนื้อหาเชิงข้อมูลที่ถูกจัดเรียงเป็นลำดับ เข้าใจง่าย สลับกับมุกตลก+แฟนเซอร์วิสที่กระจัดกระจายไปทั่วทั้งเล่ม มันจึงเป็นอะไรที่กลืนง่าย แถมเป็นงานที่อ่านสนุก ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะขุมพลังของ "การ์ตูนตลก 4 ช่อง"ล่ะมั้ง ที่แต่ละหัวข้อ จะต้องเขียนให้คนอ่าน สามารถเข้าใจได้ในทันที ภายใน 4 ช่องนั้น ซึ่งปีกนกก็ทำส่วนนี้ออกมาได้ดีมากๆ ภายใต้จำนวนหน้าที่โคตรจำกัด ไม่ได้ทำออกมาแล้วดู messed up เหมือนเรื่อง "คาฟเฟ่ โรซ่า" ของคุณด๊าส แถมยังได้ราวๆ 20-30 หัวข้อได้มั้ง สุดยอดมั้ยล่ะ?

   แต่ทว่า สังคมสาวแว่นที่นางเอกถลำลึกเข้าไปนั้น มันก็ค่อยๆขยายขอบเขตไปจนถึง "ร้านเมดคาเฟ่" ที่พนักงานในร้านมักจะชอบร่ายคาถาน่าอายใส่ลงไปอาหาร (ร้านส้มตำแถวบ้านน่าจะมีแบบนี้บ้าง ถุ้ย!!!) ซึ่งในครั้งนี้ สามสาวก็ใช้ผลประโยชน์จากการคอสในครั้งนั้น เรียกลูกค้าเข้าร้านได้เป็นจำนวนมาก โดยใช้อำนาจของแฟนเพจ ซึ่งนอกจากจะทำให้ได้พบปะกับแฟนคลับแล้ว ยังสามารถได้เงินโบนัสจากร้านเมดคาเฟ่ เพราะสามารถเรียกลูกค้าเข้าร้านได้มากอีกด้วย ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะบนโลกใบนี้ มันมีคนที่ชอบและคลั่งไคล้สาวแว่นอยู่จริงๆ และสาวแว่นนี้แหละ ที่จะเป็นความหวังของแฟนคลับ ได้เห็นตัวละครที่ตัวเองชอบ ใส่แว่นในโลก 3D จริงๆจังซักที 

   ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะ "ยุคอินเตอร์เน็ต" ด้วยล่ะมั้ง ที่ทำให้ผู้คนสมัยนี้ เริ่มที่จะเปิดใจกับสิ่งใหม่และชอบอะไรได้ง่ายขึ้น ก็เลยส่งผลทำให้เกิด "การแตกแขนงวัฒนธรรม" ออกไปในทิศทางที่หลากหลายมากขึ้น และ "สาวแว่น" เองก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่เข้าไปคลิกหัวใจดวงน้อยๆของใครหลายต่อหลายคน -- ถ้าไม่ติดตอนจบที่ดูดิ้นรน เหมือนคิดไม่ออกว่าจะให้มันจบยังไงดี จนออกมาดูฝืน เหมือนพยายามด้นเพื่อที่จะให้ตัวเอกเจอ "ฉากเซอร์วิสเจ๋งๆ" ให้ได้ มันจะดีกว่านี้จมเลย

   แน่นอนว่า "พาร์ตแฟนเซอร์วิส" ในเรื่อง อาจจะเป็นแค่น้ำจิ้มเล็กน้อยๆ ที่ทำให้งานดูสนุกขึ้นมาในระดับหนึ่ง แต่การฉายภาพมุมมองของ "คนที่ใส่แว่น" และ "สังคมคอสเพลย์" แบบเจาะลึกต่างหาก ที่ทำให้การ์ตูนขนาดสั้นเล่มนี้ ดูมีน้ำมีเนื้อมากขึ้น (โดยเฉพาะมุก "บทพูดสองแง่สองง่าม" ที่รู้สึกชอบมากเป็นพิเศษ) มันจึงเป็นงานที่อ่านสนุก กลมกล่อม เข้าใจง่าย แต่มีอะไรให้กลับไปประเทืองหัวเล่นๆ คาดว่าถ้าการ์ตูนขาดส่วนใดส่วนหนึ่งไป เชื่อว่ามันจะต้องน่าเบื่อมากกว่านี้แน่ๆ -- "ฉันไม่เป็นสาวแว่นอีกแล้ว" จึงเป็นงานที่สามารถสร้างความพึงพอใจได้ ทั้งนักอ่านสายแฟนเซอร์วิส และ สายข้อมูล ถือเป็นอีกหนึ่ง body of work ของปีกนก ที่แนะนำให้นักอ่านทุกท่านได้ลิ้มลอง และไม่ควรพลาด ยังติดตามผลงานชิ้นต่อไปอยู่นะ

สามารถสั่งซื้อหนังสือได้ที่ / https://goit-studio.lnwshop.com/
เวอร์ชั่น E-Book / https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=18452&page_no=1

(สรุป 7/10)

ติดตามเพจที่ https://www.facebook.com/ThaiComicReview/




Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2564
Last Update : 3 มกราคม 2566 4:37:57 น. 0 comments
Counter : 1617 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku, คุณnewyorknurse


ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

เรลกันคุง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




สวัสดีครับ ผมเรลกันครับ ชอบอ่านการ์ตูนมากๆ หวังว่าจะสนุกกันนะครับ




Friends' blogs
[Add เรลกันคุง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.