Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
5 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
ร้อยรวงใจ ๒๕ (ธัญรัตน์)




“สวัสดีครับคุณน้า เชิญด้านบนครับ อีกหน่อยพระก็จะมาแล้ว”
เขาเดินเข้ามาช่วยพยุงมณฑา แล้วก็พาเดินขึ้นบันไดไป โดยมีคนอื่น ๆ ตามไปติด ๆ และทันทีที่ภรัณยาและเพื่อนสาวขึ้นไปยืนอยู่บนบ้าน กลุ่มเพื่อน ๆ ของเขมที่มาจากกรุงเทพฯ ก็ถึงกับอึ้งกิมกี่ ด้วยไม่คิดไม่ฝันว่าบ้านนอกคอกนาแบบนี้ จะมีนางฟ้านางสวรรค์มาจุติให้ได้เห็นกลางวันแสก ๆ

“โอ้โห พวกแกดูสิ ใครวะโคตรสวยเลยหว่ะ แฟนไอ้น้ำหรือเปล่าวะ ตอนพวกเรามาเที่ยวปีที่แล้วไม่เห็นจะมีแบบนี้เลยนี่นา ดูสิคนนั้นสวยกว่าน้องโอ๊ะลูกนายอำเภอซะอีก โดยเฉพาะคนผมยาวนะดูสิ”
เก้งหนึ่งในเพื่อนของเขมินท์แอบกระซิบกันในกลุ่ม
“นั่นสิ แต่คนผมซอยก็น่ารักนะ อย่างนี้ต้องให้ไอ้น้ำมันเป็นพ่อสื่อให้ซะแล้วหว่ะ หวังว่ามันคงจะไม่หวงก้างหรอกนะ”
ต้อเพื่อนอีกคนสมทบ

“ไม่แน่นะโว้ย ดูไอ้น้ำสิมองตาไม่กระพริบเลย สงสัยมันจะเสียโสดก็คราวนี้ล่ะวะ ฮะ ๆ ๆ ๆ”
เพื่อน ๆ ในกลุ่มของเขาพากันหัวเราะคิกคัก
“แล้วมันจะปิ๊งคนไหนล่ะ อย่าบอกนะว่าเป็นอีกคนที่เดินตามกันไป ถ้าเป็นอย่างนั้นนะฉันต้องเลิกคบมันแน่ ๆ เลย ไม่ยักกะรู้ว่ามันเปลี่ยนรสนิยมไปชอบไม้ป่าเดียวกันแล้วหน่ะ”
เก้งพูดและมันก็เรียกเสียงฮาให้เพื่อน ๆ ได้ไม่น้อย แต่ก็ไม่มีใครกล้าหัวเราะดัง ๆ ออกมา ได้แต่แอบหัวเราะกันเบา ๆ ในกลุ่มแค่นั้น
“จะบ้าเหรอไอ้เก้ง แกก็ดูไอ้น้ำสิมองคนผมยามตาไม่กระพริบเลย ดูสิผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้ โครตสวยเลยหว่ะ เฮ้อ ฉันชักอยากจะมาอยู่บ้านนาแบบไอ้น้ำซะแล้วล่ะแกเอ้ย” ต้อหันไปต่อว่าเก้งที่ตาถั่ว

และจากคำพูดของคนเหล่านี้ ก็ทำให้เจตน์ที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ จนได้ยินทุกคำพูดของพวกหนุ่ม ๆ ทำให้เขาเห็นด้วยแทบจะทั้งสิ้น เพราะวันนี้คู่อริของเขาดูสวยแปลกตากว่าหลาย ๆ วันที่เขาเคยเห็นมาจริง ๆ เขาเห็นว่าเขมินท์มองเธอแทบไม่วางตาจริง ๆ ทำให้ในหัวใจของเขาเริ่มสับสนอลหม่านขึ้นมาเอาดื้อ ๆ แปลกจริง เมื่อวานจิตใจของเขายังปกติดี ๆ อยู่เลย แต่พอเขาได้เห็นสายตาที่เขมินท์ลอบมองไปที่คู่อริแค่นั้น เขาก็รู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมาซะอย่างนั้น

“นี่ฉันเป็นอะไรไป ฉันอิจฉายายข้าวมากถึงขนาดนี้เลยเหรอ หรือว่าฉันกลัวยายข้าวจะทำภาระกิจสำเร็จ และได้เงินไปซื้อบริษัทของฉัน หรือเปิดบริษัทแข่งฉันมากขนาดนี้เลยเหรอ ตอนแรกที่ฉันรู้ทำไมไม่เห็นใจมันจะเป็นแบบนี้เลย แล้วฉันจะหาทางขัดขวางยายข้าวได้ยังไงดี โอย กลุ้มโว้ย เกิดเป็นไอ้เจตน์นี่ทำไมมันวุ่นวายจริง ๆ เล้ย”

เขาครุ่นคิดอยู่ในใจ โดยไม่ได้สนใจกับเสียงสวดมนต์ของพระที่ดังกึกก้องไปทั่วบ้าน แล้วสายตาของเขาก็จับจ้องอยู่แค่คู่อริอย่างนั้น โดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเอาเสียเลย

“ท่านนายอำเภอกับคุณนาย เชิญตักบาตรเลยครับ หนูโอ๊ะด้วยนะลูก”
เขมค่อย ๆ คลานมากระซิบโสภณและนาถยา พร้อมกับยื่นขันเงินที่ข้างในเต็มไปด้วยข้าวเหนียวและขนมที่เป็นห่อ ๆ ให้ ทั้งหมดรับมาแล้วก็คลานเข่าไปตักบาตรที่วางเรียงรายเป็นแถวยาวทอดเป็นแนวอยู่ตรงหน้าพระที่กำลังสวดมนต์อยู่
“คุณมณไปตักบาตรด้วยกันนะครับ เจ้าน้ำเอาขันไปให้หนูข้าวกับเพื่อน ๆ ไปตักบาตรด้วยนะ เพื่อน ๆ แกด้วย อ้อแล้วก็ชวนพ่อเจตน์มาด้วย ไม่รู้นั่งอยู่ตรงไหน” เขมสั่งการก่อนที่จะถือขันคลานนำหน้ามณฑาไป

“ถือไหวหรือเปล่าคุณ ดี ๆ นะ ล้มลงไปผ้าถุงเปิดขึ้นมา ผมช่วยอายเหมือนช่วยขึ้นจากน้ำไม่ได้นะ และจะบอกให้ด้วยว่าผมเห็นคนเดียวยังดีกว่าให้คนทั้งหมูบ้านเห็นเป็นไหน ๆ”
เขากระซิบถามเมื่อยื่นขันให้เธอ และก็เห็นท่าคลานเข่าที่เก้ ๆ กัง ๆ ของเธอแล้วก็กลัวจะหกล้มแทนจริง ๆ
“ยุ่งฉันดูแลตัวเองได้”
เธอกระซิบบอกเขาด้วยใบหน้าที่ยิ้มหวาน แต่ในใจนั้นแทบจะกรี๊ดออกมาดัง ๆ เมื่อในใจคิดไปถึงครั้งที่ตกน้ำแล้วก็เปิด....ให้เขาได้เห็น ดีแค่ไหนแล้วที่เธอยังใส่กางเกงขาสั้นเอาไว้อยู่

“คุณคลานไปก่อนเถอะ ผมจะถือให้ พอถึงบาตรพระแล้วค่อยเอาขันไป”
เขาตัดสินใจดึงขันกลับมาจากมือเธอ เพราะไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าคุณเธอจะไปรอดหรือไม่ เขาชะเง้อไปหากลุ่มเพื่อน ก่อนจะส่งสัญญาณให้ตามมาตักบาตร โดยมีลูกน้องของเขาคอยให้บริการแขกคนสำคัญอยู่บริเวณนั้น
“คุณเจนคุณเชอร์รี่ตามผมมานะครับ” เขาไม่ลืมหันมาห่วงเพื่อนเธอด้วยความเป็นสุภาพบุรุษในสายเลือด
“อุ๊ยหล่อน ฉันอยากจะไปตักบาตรใกล้ ๆ คุณน้ำจังเลย” เชอร์รี่กระซิบเจนจิรา เพราะดันถูกเพื่อนกั้นเอาไว้ก่อน
“นี่หล่อนอย่าให้มันเกินหน้าเกินตานัก ไม่เห็นเหรอว่ามีคนมองอยู่” เจนจิราต้องรีบปรามเพื่อนเอาไว้

“อธิฐานดี ๆ นะคุณ เผื่อเกิดชาติหน้าเราจะได้เจอกันแบบปกติ ๆ เหมือนชาวบ้านทั่วไปบ้าง ไม่เอาแบบตกลงไปแถวคลอง หรือว่าแถวคันนานะ”
เขาอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะยั่วเธอ จนเธอต้องส่งสายตาที่เขียวปัดมาให้ แต่เธอก็กลับไปยิ้มแทนทันทีที่มองไปหาหลวงตาและพระรูปอื่น ๆ ที่ตอนนี้เสร็จสิ้นการสวดมนต์ไปครึ่งหนึ่งแล้ว และก็ปล่อยให้ญาติโยมทะยอยนำอาหารที่แต่ละคนเตรียมไว้มาตักบาตร
“ฝากไว้ก่อนนะ วันนี้ฉันยกให้คุณ เอาไว้วันหลังฉันจะเอาคืนให้หนัก ๆ ไม่เชื่อคอยดู” เธอกระซิบบอกเขา
“รีบ ๆ หน่อยนะขี้เกียจคอยนาน” เขาบอกหน้าตาเฉย ก่อนที่จะคลานเข่าออกไป เพราะตักบาตรเสร็จแล้ว
“คุณเจตน์ครับ เชิญตักบาตรด้วยกันครับ”
เขาตรงไปหาเจตน์ที่นั่งมองมาที่เขาพอดี เจตน์ยิ้มให้เขาก่อนที่จะคลานเข่าตามไปและรับเอาขั้นที่ไข่กับแต๋นจัดแจงของลงไปให้เรียบร้อยแล้ว

หลังจากพระฉันเช้าเรียบร้อยแขกก็พากันนั่งล้อมวงกินข้าวจนเต็มระเบียงบ้าน โดยเขมกับมณฑานั้นนั่งร่วมวงกับโสภณและภรรยา แล้วก็มีผู้ใหญ่บ้านอีกสองหมู่บ้าน ส่วนเจตน์นั้นนั่งวงเดียวกับคู่อริ โดยมีสมิตานั่งรวมอยู่ด้วย เขมินท์นั้นนั่งไม่เป็นที่ เพราะเดี๋ยวก็จะต้องเดินไปดูเพื่อน ๆ บ้าง พ่อบ้าง ภรัณยาบ้าง แต่ในที่สุดเขาก็มาจบที่วงของเพื่อน

“เอ้ย ไอ้น้ำ ผู้หญิงสวย ๆ คนนั้นเป็นใครวะ พวกฉันมาคราวก่อนไม่เห็นมีแบบนี้เลย” เก้งถามทันที
“นี่ไอ้เก้ง ฉันจองคุณคนผมยาว ๆ นะ ของนายต้องคนผมซอย ๆ โน่น หรือไม่ก็อีกคนนั่นหน่ะ”
ต้อรีบพูดขึ้นเบา ๆ ให้พอได้ยินแค่กลุ่มเพื่อน
“ไอ้บ้า คนผมซอยหน่ะได้ แต่อีกคนของแกไม่เอา ฉันไม่นิยมไม้ป่าเดียวกันโว้ย” เก้งด่ากลับ
“ทำไมเหรอ พวกนายสนใจรึไง” เขาถามไปอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่า แม่คุณแทบจะเป็นจุดเด่นของงานก็ว่าได้
“ใครไม่สนก็บ้าแล้วล่ะแก แล้วว่าแต่ชื่ออะไรวะ”

“ชื่อข้าว เป็นลูกเพื่อนคุณพ่อ พอดีเขามาลองทำนาดูสักปีสองปี”
“อะไรนะ แกจะบอกฉันว่าคุณคนนั้นมาทำนาแบบแกนี่นะ เป็นไปได้ยังไง ฉันว่าสวย ๆ อย่างนั้น ไปเดินแบบน่าจะเข้าท่ากว่าหว่ะ พวกเราว่าไง” เก้งอดสงสัยไม่ได้
“ทำไมเหรอ คนสวย ๆ ทำนาไม่ได้หรือยังไงนายเก้ง ทีฉันสวย ๆ ฉันยังไปอยู่บนดอยเลยจริงมั้ยน้ำ”
สนธยา หรือ ยา ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มเพื่อนของเขาถามขึ้นด้วยความหมั่นไส้ ที่เพื่อน ๆ พากันมองผู้หญิงแค่ภายนอก

“ก็เธออยากจะไปอยู่เองนี่ เห็นมั้ยฉันบอกให้มาอยู่ทุ่งนาแทนก็ไม่ยอม อยากจะไปอยู่บนดอย เป็นไงล่ะ ทำไอ้น้ำอกหักเข้าจนได้ แต่เธอไม่ต้องห่วงหรอกนะ ฉันว่าไอ้น้ำมันมีที่หมายใหม่แล้วล่ะ”
เก้งล้อเพื่อน แต่ก็ทำให้ทั้งสนธยาและเขมินท์แทบจะพูดไม่ออกด้วยกันทั้งสองคน
เพราะคนทั้งคู่ต่างก็คบหาดูใจกันมาตั้งแต่สมัยเรียนปีหนึ่ง แต่จนแล้วจนรอดทั้งคู่ก็ต้องคอนเวิร์ส เพราะเหตุผลที่โคตรเชยที่คนแทบจะค่อนประเทศใช้กัน รวมคนทั้งคู่เข้าไปด้วยนั่นก็คือ

“เราสองคนไปกันไม่ได้ เพราะทัศนิคติไม่ตรงกันหลายอย่าง แต่เราสองคนก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน”

จะฟังกี่ที ๆ มันก็เหมือน ๆ กับฟังดาราออกมาโต้ข่าวเวลาเลิกกับแฟนยังไงยังงั้นเลย แต่มันก็เป็นจริง เพราะสนธยามีอุดมการณ์ที่แน่วแน่ว่าเรียนจบแล้ว จะไปพัฒนาชุมชนเล็ก ๆ บนยอดดอยสักที่หนึ่ง แล้วก็ใช้ชีวิตอยู่แบบนั้นไปจนแก่เฒ่า เพราะสนธยาเป็นลูกกำพร้า ที่สู้ชีวิตด้วยตัวเองมาตั้งแต่ออกจากสถานรับเลี้ยง แต่เธอก็ยังโชคดีที่มีรัฐบาลให้ทุนรอนในการศึกษา ดังนั้นการที่เธอจะไปอยู่ส่วนไหนมันจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเธอ

ส่วนเขมินท์ก็ชอบอุดมการณ์ของแฟนสาวไม่น้อย แต่เขาทิ้งพ่อและทุกอย่างที่นี่ไปกับเธอไม่ได้ และเขาก็เคยขอให้สนธยาหันกลับมามองท้องทุ่ง และก็ใช้ชีวิตอยู่กับเขาแทน แต่เธอไม่ยอม และยื่นคำขาดว่าถ้าเขาไม่ไปด้วย ก็ต้องจบความสัมพันธ์ไว้แค่ที่เรียนจบ ซึ่งเขาเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน เพราะเขาคิดว่าการที่จะพัฒนาบ้านเมือง ก็ย่อมสามารถทำได้เสมอ ๆ ไม่ว่าจะอยู่บนดอยหรืออยู่ท้องทุ่ง

อีกอย่างเขาเองก็คิดว่าสนธยาให้ความสำคัญกับชาวเขาชาวดอยที่เธอยังไม่ได้รู้จักด้วยซ้ำ มากกว่าชีวิตของพ่อของเขา ที่เธอนั้นรู้จักและคุ้นเคยดี เขาจึงตัดสินใจเบนเข็มการคบเธอแบบคนรักมาเป็นเพื่อนสนิทแทนตั้งแต่ที่เรียนจบมา แต่ทั้งเขาและเธอก็ยังคงติดต่อกันเป็นประจำ รวมกับเพื่อนคนอื่น ๆ ด้วย

“เอ้ย ไอ้เก้ง แกอย่าไปชี้โพรงให้ไอ้น้ำมันสิวะ บอกแล้วไงว่าคนนั้นฉันจอง” ต้อรีบเตือนความจำเพื่อน
“แกนี่จะพูดอะไรหัดดูตาม้าตาเรือซะบ้างนะ โน่นไม่เห็นเหรอ ว่าแฟนชาวกรุงของคุณ ๆ อะไรนะไอ้น้ำ”
เก้งหันไปถามเขา “ชื่อภรัณยา ชื่อเล่นว่า ข้าว” เขาตอบ
“เอ้อ นั่นล่ะ แกเห็นสายตาผู้ชายคนนั้นมั้ย มันฟ้องว่าผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ อยู่ทนโท่”
เก้งพูดแล้วก็มองไปยังเจตน์ที่นั่งคอยมองภรัณยาอย่างลืมตัว
“คุณเจตน์หน่ะเหรอ” ต้อเอ่ย ทำให้เขมินท์อดที่จะชำเลืองไปมองไม่ได้ และเขาก็เห็นว่าเพื่อนพูดถูกไม่น้อยเลย เพราะเขาเองก็สังเกตเห็นว่าเจตน์นั้น คอยมองเธอแทบไม่วางตาตั้งแต่ที่เธอขึ้นบ้านมาแล้ว ทำให้เขาคิดอะไรขึ้นมาได้

“แหงล่ะ แม่คุณออกจะเพอร์เฟคขนาดนั้น ไม่มีใครซุกไว้ที่กรุงเทพฯ นี่ก็แปลกไปล่ะ แหม ทำเป็นให้แฟนมานอนที่นี่ ทำไมไม่ให้นอนที่โน่นเลยล่ะ จะได้สวีทกันให้หายอยากไปเลย ไม่เห็นจะต้องแคร์สายตาชาวบ้านชาวเมืองที่ไหนเลย มีแฟนหน้าตา เอ่อ...พอใช้ได้ขนาดนี้ แล้วก็มีฐานะถึงเจ้าของบริษัททัวร์ขนาดนี้ ทำไมไม่ขอเงินไปลุงทุนซะเลยล่ะ จะมาทนทำนาอยู่ทำไม หรือว่างก อยากจะได้ที่นาเอาไว้ด้วย” ในใจเขาเริ่มสับสน

“ข้าวเย็นนี้มีโต๊ะจีนแล้วก็รำวงชาวบ้านด้วยนะ ฉันอยากจะมาดูจังเลย” เจนจิราที่นั่งตักอาหารเข้าปากบอกเธอ
“ใช่ฉันด้วย” เชอร์รี่อยากจะมาใจจะขาด
“อยากมาฉันก็พามาได้ คุณลุงเชิญพวกเราทั้งบ้านนั่นล่ะ ว่าแต่รำเป็นกับเขาหรือเปล่าเธอสองคนหน่ะ” เธอถามเพื่อน
“ว๊ายตาย ฉันถนัดแต่แด๊นสิยะหล่อน”
“ส่วนฉันเหรอ สบายมาก แล้วคุณโอ๊ะล่ะคะคืนนี้จะมาหรือเปล่าคะ”
เจนจิราหันไปถามสมิตาที่นั่งข้าง ๆ แต่สมิตาก็ไม่ได้ยินอะไรแล้ว เพราะตามัวแต่จับจ้องไปที่เขมินท์และสนธยา ที่มีท่าทีที่สนิทสนมกันมากกว่าคนที่จะเป็นแค่เพื่อนสมัยเรียนธรรมดา ๆ ตามที่เขาได้แนะนำให้เธอได้รู้จักตั้งแต่ตอนแรกที่มาถึงบ้าน

แรกทีเดียวที่เธอคิดว่าเขมินท์แอบสนใจภรัณยาอยู่ลึก ๆ เพราะเธอได้ยินเสียงชาวบ้านกล่าวขวัญกันว่าสองคนนี้ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย ๆ แต่ตอนนี้เธอต้องตัดภรัณยาออกไปแล้ว เพราะเธอมั่นใจว่าเจตน์คงจะเป็นตัวจริงของภรัณยาแล้ว หรือไม่ก็คงจะเป็นคนรู้ใจที่มากกว่าเพื่อนแน่นอน

“คุณโอ๊ะคะ ๆ มัวใจลอยไปถึงไหนเอ่ย” เจนจิราเรียกเธออีกครั้ง
“อะไรนะคะ” เธอต้องหันมาถามซ้ำ
“นั่นไงใจลอยจริง ๆ ด้วย เจนถามว่าคืนนี้จะมาอีกหรือเปล่าคะ”
“อ๋อ มาค่ะ” เธอรับคำแค่นั้น

เจตน์เดินวน ๆ เวียน ๆ อยู่บนระเบียงบ้าน เพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี ด้วยถูกทิ้งให้อยู่บ้านคนเดียว เพราะห้าสาวรวมกับแต๋นพากันออกไปเสริมสวยที่ไหนเขาเองก็ไม่รู้ และคงจะเพราะอากาศที่ร้อนจนตับแทบจะแล๊ปออกมา จึงทำให้เขาค่อนข้างอึดอัดจริง ๆ
“ยายข้าวอยู่ไปได้ยังไงร้อนก็ร้อน เหงาก็เหงา”
เขาบ่น ส่วนอีกซีกหนึ่งของสมองก็ครุ่นคิดว่าจะทำยังไงดีถึงจะได้รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างคู่อริและเขมินท์ว่าเป็นยังไง จะถามใครก็คงจะไม่มีใครบอก แล้วเขาก็ไม่รู้จักใครที่ไหนให้ถามด้วย ถึงไม่มีคนบอกเขาก็ดูออกด้วยสายตาของลูกผู้ชายด้วยกัน ว่าจะต้องมีอะไรมากกว่าคนรู้จักแน่ ๆ

เขาเดินวนไปมาอยู่อย่างนั้น แล้วเขาก็ชะโงกหน้าลงไปมองบ้านหลังเล็กอีกหลังที่เห็นเด็กผู้ชายที่มาเมื่อเช้าวาน ซึ่งมณฑาบอกเขาว่า เด็กคนนี้คู่อริจะจ้างมาคอยช่วยตอนทำนา แล้วเขาก็เหมือนได้ไอเดียดี ๆ ขึ้นมา จึงเดินลงไปข้างล่าง และก็พูดคุยกับจ่อยเป็นนานสองนาน

งานที่บ้านเขมในช่วงเย็นนั้น จัดเลี้ยงชาวบ้านเป็นแบบตัวโต๊ะจีน ซึ่งมีถึง ๙๙ โต๊ะ และก็เป็นเงินจำนวนไม่น้อยทีเดียวสำหรับกำนันคนหนึ่งที่จัดเลี้ยงลูกบ้านขนาดนี้ แต่เขาก็ยึดถือปฏิบัติมานานแล้ว เพราะเขาถือว่าทำบุญทำกุศล และเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเขาและลูกบ้านด้วย

บรรยากาศภายในงานนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะของแขกแทบทุกโต๊ะ ส่วนมหรสพนั้น เขาจัดให้มีแค่รำวงชาวบ้านเท่านั้น ซึ่งดนตรีก็มีคนมาช่วยงานแบบนี้ทุกปี ส่วนนางรำก็จะมีชาวบ้านบ้างมากับนักดนตรีบ้างปะปนกันไป แล้วเขาก็จะมีกล่องรับบริจาคตั้งไว้หน้างาน เรียกว่าใครอยากจะช่วยก็ทำบุญลงกล่องไป เขาก็จะนำเงินไปถวายวัดเพื่อให้ได้บุญร่วมกัน

แล้วเสียงปรบมือก็ดังกึกก้องเมื่อโสภณและภรรยาเดินไปเปิดฟอร์รำวงเป็นคู่แรก ถือเป็นการเปิดงานไปในตัวด้วย เพราะเขมให้เกียรติผู้ที่มีอาวุโสกว่าอยู่แล้ว และโสภณเองก็นับถือเขาแบบคนรู้ใจ มากกว่านายและลูกน้อง ทำให้เขมสะดวกใจที่จะเชิญโสภณและภรรยามาบ้านเขาบ่อย ๆ กว่านายหลาย ๆ คน

“คุณมณจะให้เกียรติรำวงกับผมหน่อยมั้ยครับ”
เขมยืนขึ้นและโค้งขออนุญาตมณฑา ซึ่งอีกฝ่ายนั้นอาย ๆ เพราะไม่คิดว่าเขาจะกล้า
“แม่ป้าไปสิคะ” เจนจิราที่นั่งโต๊ะใกล้ ๆ ร้องบอก พร้อมกับเสียงปรบมือของหลาย ๆ คน จนมณฑาต้องรีบลุกตามเขาไปในฟอร์ แล้วหลาย ๆ คนในหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นคู่ผัวตัวเมีย พ่อลูก พี่น้อง หรือว่าคู่รัก ก็พากันร่วมรำวงอย่างสนุกสนาน

ทำให้ภรัณยารู้สึกสดชื่นขึ้นมาได้มาก ๆ เลยทีเดียว บรรยากาศแบบนี้เธอคงจะไม่มีโอกาสได้เห็นจากสังคมเมืองกรุงแน่นอน รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของหลาย ๆ คนที่บอกให้รู้ว่ากำลังสุขใจที่ได้ร่วมสนุกด้วยกันอย่างถ่องแท้ ไม่เฟคเหมือนในสังคมเมืองที่เธอได้เคยมีโอกาสไปร่วมงาน และเต้นรำด้วยในหลาย ๆ งาน ที่ต่อหน้าต่างก็พูดจาหยอกเย้าเข้ากันดี แต่พอลับหลังกลับมีแต่คำติฉินนินทาให้อีกฝ่าย

เธอหันไปมองเจตน์ที่นั่งข้าง ๆ และเธอเองก็ดูเหมือนจะรู้ว่าเขามีความสุขไม่น้อยที่ได้เห็นบรรยากาศแบบนี้ มันทำให้เธอพลอยลืมเรื่องที่เขาทำกับเธอและแม่ป้าไปได้สักระยะหนึ่งเหมือนกัน เขาหันมาหาเธอ และจ้องมองที่ดวงตาของเธอด้วยแววตาที่เธอเองมั่นใจว่าไม่เคยเห็นมาก่อน

“เธอจะไปรำวงกับฉันได้หรือเปล่าข้าว” เขาถามในที่สุด
“เรื่องอะไร” เธอยังคงไม่ยอมญาติดีกับเขา
“น่าฉันขอสงบศึกกับเธอชั่วคราวนะ ไปรำวงกับฉันเถอะ ฉันไม่มีคู่ที่ไหนเลย ดูสิน่าสนุกออก”
เขาทำเสียงอ่อนลงกว่าทุกครั้งที่พูดกับเธอ
“ไปสิข้าว น่าสนุกออก ทำไมไม่มีใครมาโค้งฉันบ้างนะ จะรีบไปเลย”
เจนจิราว่า แต่ไม่ทันไรเก้งที่นั่งโต๊ะห่างออกไปไม่มาก ก็รวบรวมความกล้าและเดินมาโค้งเจนจิรา

“ให้เกียรติผมสักรอบนะครับคุณเจน” เก้งที่รู้จักชื่อเธอมาจากเขมินท์โค้งขอเธอ
“ด้วยความยินดีค่ะ ยายเชอร์รี่ไปด้วยกันเร็ว”
เจนจิรารับทันที เพราะนึกสนุกอยากจะออกไปตะงิด ๆ ตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่ลืมจะดึงเอาเพื่อนไปด้วย เพราะออกอาการเขินนิด ๆ
“เห็นมั้ย เหลือแต่แต๋นกับป้าหวางแล้วนะ ถ้าสองคนนี้มีคนมาโค้งก่อนขายหน้าเขาแย่เลยนะยายข้าว”
เจตน์รีบบอก แต่ก็ไม่ทันแล้ว เพราะไข่เดินมาโค้งแต๋นไปก่อนแล้ว ทำให้ภรัณยานั้นต้องฝืนลุกขึ้น เพราะความกลัวน้อยหน้าว่าไม่มีใครมาโค้ง
“ฉันรำเป็นที่ไหนล่ะ”
เธอบอกเมื่อเดินมาถึงฟอร์แล้วก็ยกมือตามคนอื่น ๆ ที่เขาทำกัน และเจตน์ก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากเธอนัก ทำให้เธออดขำไม่ได้จนหัวเราะออกมา

เขมินท์มองภาพของทั้งสองคนแล้วก็รู้สึกขัดใจยังไง ๆ ไม่รู้ จนต้องลุกขึ้นโค้งเอาสนธยาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ไปแทน ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เขาบอกได้แค่เพียงว่า เขาจะไม่ยอมน้อยหน้าคุณเธอแน่ ในเมื่อเธอมีคนมาคอยเคียงข้าง เขาเองก็มีไม่น้อยเหมือนกัน ไม่ว่าจะหันหน้าไปทางไหน ก็มีแต่คนคอยให้เขาไปโค้งแทบทั้งสิ้น แต่ทำไมเขาถึงไม่สุขใจเลยแฮะ

“เอ้ยไอ้น้ำไปโค้งน้องโอ๊ะออกมาทีสิ ฉันไม่กล้าหว่ะ”
ต้อเดินเข้ามาในฟอร์แล้วก็แย่งสนธยาไปจากเขา และไล่เขาออกไป ทำให้เขาเองก็เพิ่งจะคิดได้ จึงรีบเดินตรงไปหาสมิตาที่นั่งกลุ่มครูอีกสองสามคน
“น้องโอ๊ะครับ”
เขาเข้าไปโค้งและสมิตาก็รีบลุกขึ้นทันที แล้วเสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือก็ดังขึ้น ทำให้ภรัณยาที่รำอยู่นั้นต้องหันมามองตามเสียง แล้วการสลับคู่รำก็เกิดขึ้นอยู่กลางฟอร์แบบนั้น แต่ไม่ว่าจะสลับคู่สักกี่รอบต่อกี่รอบ กี่คู่ต่อกี่คู่ ก็ไม่มีเขมินท์คู่กับภรัณยาแม้แต่ครั้งเดียว

ความสนุกสนาน และรอยยิ้มอย่างมีความสุขของผู้คนผ่านพ้นไป เมื่อสิ้นสุดเทศกาลสงกรานต์ บ้านแทบจะทุกหลังในหมู่บ้าน ที่เมื่อสองสามวันก่อนนั้นค่อนข้างจะคึกคักไปด้วยลูกหลานที่กลับมาเยี่ยมบ้าน บัดนี้ได้กลับเข้าสู่สภาพเดิม ซึ่งก็คือความเงียบเหงานั่นเอง เจตน์กลับไปแล้วตั้งแต่ก่อนสงกรานต์จะสิ้นสุดหนึ่งวัน เพราะเขาต้องไปดูแลกรุ๊ปทัวร์แขกวีไอพี

ส่วนมณฑาเ จนจิราและเชอร์รี่ก็กำลังจะกลับในอีกไม่กี่นาทีที่จะถึงนี้ ซึ่งทำให้ภรัณยานั้นดูซึม ๆ ลงไปบ้าง เพราะรู้สึกใจหายไม่น้อย ที่เมื่อวันวานตัวเองยังมีความสุขอยู่เลย แต่พอแม่ป้ากับเพื่อนจะกลับก็ใจคอไม่ค่อยดี พลอยทำให้ตัวเองอยากจะกลับไปด้วยบ้าง แต่ก็ต้องฝืนความรู้สึกเอาไว้ เพราะภาระหน้าที่ยังมี

“เอาอีกแล้วนะยายข้าว ทีหลังไม่ต้องมาส่งแม่ป้าเลยถ้าจะร้องไห้ขี้มูกโป่งแบบนี้”
มณฑาบอกหลานสาว แต่ตัวเองก็น้ำตาคลอเบ้าแล้วเหมือนกัน
“ก็แม่ป้ามาทำให้ข้าวหัวเราะ แล้วก็จะจากข้าวไปอีกแล้ว มันใจหายรู้หรือเปล่าคะ ทำให้ข้าวอยากจะกลับบ้านไปด้วยเลย” เธอว่าขณะยังโอบกอดแม่ป้าที่รักเอาไว้อยู่
“งั้นก็กลับไปกับแม่ป้าก่อนแล้วค่อยมาใหม่สิยายข้าว” มณฑาบอก
“ใช่หล่อนไปทำเบเกอร์รี่ขายกับเราสองคนก็ได้” เชอร์รี่รีบเสนอ

“ได้ที่ไหน อีกหน่อยก็ต้องเก็บถั่วเขียว แล้วก็ต้องเตรียมลงนาแล้ว และอีกอย่างนะคะ ถ้าข้าวกลับไปแล้วเกิดไม่อยากจะกลับมาใครจะรับผิดชอบคะ” เธอบอกตามความคิดตัวเอง
“เขาเรียกแล้วนะคุณมณ ไปเถอะไม่ต้องห่วงหนูข้าวหรอกผมกับเจ้าน้ำจะดูแลให้”
เขมที่มาส่งบอกพร้อมกับหันไปมองลูกชายที่วันนี้แทบจะไม่ปริปากพูดจาอะไรเลยตั้งแต่ขับรถออกจากบ้านมา
“ขอบคุณค่ะ งั้นแม่ป้าไปแล้วนะยายข้าว เดี๋ยวพอถึงวันหว่านข้าวแม่ป้าจะมาช่วย”
“เราด้วยนะข้าว เอาไว้คุยกันที่เอ็มนะบ๊ายบาย” เจนจิราสั่งแล้วก็พยุงมณฑาไปหลังจากที่ล่ำลากันแล้ว

“ไปนะยายข้าว” เชอร์สั่งและก็ตามหลังไป
“พ่อจะไปประชุมต่อ แกพาหนูข้าวกลับบ้านไปเลยนะ”
เขมสั่งการเขาหลังจากออกจากสนามบินแล้ว
“ครับ”
เขารับคำแค่นั้นแล้วก็นำหน้าเธอไปขึ้นรถ แล้วความเงียบในรถก็บังเกิดขึ้น เมื่อทั้งสองต้องอยู่ด้วยกันโดยลำพัง อีกฝ่ายนั้นรู้สึกใจหายที่แม่ป้ากับเพื่อนรักต้องจากไป แต่อีกฝ่ายนั้นหาสาเหตุที่แน่นอนไม่ได้ว่าเพราะอะไร เขาถึงไม่ค่อยอยากจะพูดจากับเธอในครั้งนี้







Create Date : 05 ตุลาคม 2551
Last Update : 5 ตุลาคม 2551 7:43:10 น. 2 comments
Counter : 361 Pageviews.

 
สมน้ำหน้าตาเจตน์


โดย: น้องค่ะ (หนึ่งมณี ) วันที่: 7 ตุลาคม 2551 เวลา:11:45:59 น.  

 
หือ นายเจตน์มีแต่คนชอบ


โดย: ธัญญะ วันที่: 8 ตุลาคม 2551 เวลา:21:44:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.