Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
1 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
ร้อยรวงใจ ๔๒ (ธัญรัตน์)




ข้าวสวยในถุงและอาหารหวานคาวต่าง ๆ ถูกใส่ไปในบาตรให้หลวงตาแทบจะทุกเช้า ร่างในชุดผ้าซิ่นค่อย ๆ นั่งลงรับพรจากท่านเหมือนทุก ๆ วัน แล้วเธอก็จะมองตามหลังท่านไปแบบนี้แทบจะทุกวันเช่นกัน แต่วันนี้ดูจะต่างจากหลาย ๆ วันหน่อย เพราะวันสงกรานต์เวียนมาบรรจบอีกวาระหนึ่งแล้ว บ้านคุณลุงก็จัดให้มีการทำบุญบ้านเหมือนเคย แต่คราวนี้ดึงไปไว้วันสุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์แทน

หญิงสาวเห็นลุงคำยังคงไปตัดเอากิ่งพุทรามาปักไว้ที่ต่าง ๆ เช่นเคย บรรดาลูกหลานที่ไปทำงานในต่างถิ่นต่างก็พากันกลับมาเยี่ยมพ่อแม่ และร่วมประเพณีสงกรานต์ที่บ้านเกิดเช่นเคย รวมทั้งจ่อยและนางด้วย ที่กลับมาพร้อมของฝากลูกสาวและพ่อแม่แทบจะเต็มรถสามล้อก็ว่าได้ จ่อยพานางและของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ เดินขึ้นไปหาเธอที่บ้าน และเขาก็ยกมือไหว้ขอบคุณเธอที่ให้กำไลทองคำเป็นของรับขวัญหลานเมื่อไม่นานมานี้

เธอพบว่าสีหน้าของจ่อยจะไม่ค่อยแจ่มใสเหมือนหลาย ๆ ครั้งที่เธอเห็น แต่เธอก็แค่คิดว่าเขาคงจะเหนื่อยกับการตรำงานมาหลายเดือนแค่นั้น ส่วนนางก็ยังคงผอมแห้งเช่นเคย แต่ดูสีหน้ามีความสุขที่ได้กลับบ้านมาเยี่ยมลูกสาว

“คุณข้าวคะแม่ป้าโทรมาบอกว่าเสร็จแล้วให้แต่งตัวไปที่บ้านเลยค่ะ”
แต๋นที่อยู่ในชุดเตรียมพร้อมคือกางเกงขาสามส่วนและเสื้อลายดอก เดินเข้ามาบอก ทำให้จ่อยและนางต้องรีบลงจากบ้านไปหาลูกสาว
“รู้แล้วหน่า แล้วลุงคำกับป้าหวางจะไปด้วยหรือเปล่าล่ะ”
เธอหันไปว่าแต๋นที่มีท่าทางสดใสกว่าหลาย ๆ วัน
“เรียบร้อยแล้วค่ะ โน่นนั่งรออยู่ข้างล่างแล้ว”
แต๋นบอกและก็ชี้มือไปหาทั้งสองคนที่อยู่ในชุดลายดอกเหมือนกัน

“โฮ่ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” เจ้าปุกปุยเห่าเธอ ทั้ง ๆ ที่มันไม่เคยเห่ามานานมากแล้ว
“เจ้าปุย เดี๋ยวเหอะมาเห่าฉันทำไม คอยดูนะเย็นนี้จะไม่ซื้อข้าวโพดมาให้แทะ”
เธอเอ็ดและขู่มัน เพราะมันจะชอบกินข้าวโพดต้มเป็นชีวิตจิตใจ ซื้อมาให้กี่ฝัก ๆ มันก็จะแทะจนเกลี้ยง
“แม่ป้าขา ข้าวมาแล้วค่ะ เสร็จกันหรือยังคะ” หญิงสาววิ่งปู๊ดขึ้นไปบนบ้านด้วยความเคยชิน
“แหม เสียงมาก่อนตัวเชียวนะเรา”
มณฑาที่อยู่ในชุดพร้อมเที่ยวทักทายเธอ แต่เขมินท์ที่เพิ่งจะเดินออกมาจากห้องกลับจ้องเธอตาเขม็ง เพราะชุดที่แม่คุณใส่มานั้นคือ กางเกงขาสั้นและเสื้อยืดสีชมพู ซึ่งพอเปียกน้ำแล้วคงจะมองเห็นไปถึงไหน ๆ ในความคิดของเขา

“มิน่าเจ้าปุยมันถึงได้เห่าเอา” เขาคิด เพราะได้ยินเสียงมันดังไปถึงในห้อง

“นี่คุณ ถ้าคุณจะไปชุดนี้นะ ผมไม่ให้ไปด้วยหรอก กลับไปเปลี่ยนมาใหม่เลย อะไรจะไปเล่นน้ำแล้วใส่เสื้อผ้าแบบนี้มาได้ยังไงกัน เดี๋ยวก็โดนเขารุมกันหมดพอดี คนเล่นน้ำสมัยนี้เล่นสุภาพซะที่ไหน” เขาร่ายยาว
“เชอะ ฉันมีเสื้อลายดอกอีกตัวเอาไว้สวมทับแล้ว พอใจหรือยัง” เธอว่าเขา
“ไปใส่กางเกงที่มันเห็นขาน้อยกว่านี้หน่อย ไม่อย่างนั้นก็เล่นน้ำอยู่บ้านคนเดียวไม่ต้องไปไหนหรอก” เขาว่าอีก
“แม่ป้าคะ” เธอหันไปหาตัวช่วย
“แม่ป้าเห็นด้วยกับพี่เขานะยายข้าว ไปเปลี่ยนมาใหม่เลย คุณลุงยังไม่กลับจากวัดหรอก กว่าจะมาก็พอดีเรากลับมาเหมือนกันไปได้แล้ว” มณฑาไม่เข้าข้างหลานแถมเห็นด้วยกับเขาอีก

“ก็ข้าวขี้เกียจไปนี่นา เชอะ ไม่ให้ไปก็ไม่ไป เล่นน้ำกับเจ้าปุยเจ้าไข่ตุ๋นก็ได้”
เธอยังคงยืนกรานอยู่อย่างนั้น จนเขมินท์ต้องส่ายหน้าและเดินไปที่ระเบียงบ้านแล้วก็กวักมือเรียกแต๋นและไข่ที่รออยู่ด้านล่างให้ไปเอาชุดมาให้เธอแทน
“ทีนี้ก็ไม่ต้องมาอ้างโน่นอ้างนี่อีกแล้วนะ”
เขาว่า จนทำให้เธอนั้นต้องเบ้ปากใส่เพราะหมั่นไส้ในความรู้ดีของเขา
แต๋นกลับมาในเวลาไม่กี่นาที แต่มีเจตน์เดินขึ้นบ้านมาด้วย ทำให้ภรัณยาไม่ค่อยจะสบอารมณ์สักเท่าไหร่ แต่พอดีคุณลุงเดินขึ้นบ้านมา เธอจึงไม่กล้าว่าเจตน์

“สวัสดีครับคุณน้า คุณลุง” เขาไหว้มณฑา และเขม
“อ้าว เจตน์ไปยังไงมายังไงกันถึงได้มาแถวนี้ และมาวันนี้” มณฑารับไหว้เขาและถามด้วยความสงสัยที่จู่ ๆ เขาก็มา
“ผมมาออฟเสิฟลูกค้าครับ พอดีจัดโปรแกรมพิเศษมาเที่ยวหนองคายในเทศกาลสงกรานต์”
เขาตอบซึ่งอันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องมาก็ได้ เพราะมีไกด์คอยดูแลอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เขาอยากจะมา
“นี่นายเจตน์ หากินที่กรุงเทพฯ ไม่พอรึไงถึงได้มาถึงแถวนี้” เธออดปากไม่ได้
“ก็ธุระกิจย่อมมีการขยายตัวนี่ข้าว เป็นไงสบายดีหรือเปล่า มาอยู่นี่คิดว่าจะดำ แต่กลับไม่ดำแฮะ” เจตน์ว่า

“ยุ่ง...”
“เจตน์จะไปเล่นน้ำกับพวกเรามั้ย” มณฑารีบแทรก เพราะกลัวหลานสาวจะแผงฤทธิ์มากไปกว่านี้
“ก็ดีนะครับ อยากจะสัมผัสกลิ่นไอของงานสงกรานต์ที่นี่จะแย่แล้ว ชุดผมคงจะพอใช้ได้นะครับ”
เขารับทันทีและมองชุดตัวเองซึ่งเป็นชุดแบบสบาย ๆ
“สบายมาก ไปกันได้แล้วล่ะ ไปค่ะคุณ” มณฑาบอกแล้วก็เดินนำลงบ้านไป

แล้วส่วนท้ายของรถปิ๊กอัพก็เต็มไปด้วยถังน้ำเรียงอยู่ไม่น้อยกว่าสี่ถัง และมีน้ำแข็งก้อนเบ่อเร่อแช่เอาไว้ เขมต้องทำหน้าที่เป็นคนขับ มณฑา ป้าหวางและลุงคำนั่งอยู่ในแค๊ป เพราะอยากเที่ยวแต่ไม่อยากจะเปียก ส่วนคนอื่น ๆ รวมเพลินพิศที่วันนี้ขอไปเที่ยวด้วยก็นั่งอยู่ด้านหลัง

จุดหมายแรกก็คือไปสงน้ำหลวงพ่อพระใสที่วัดโพธิ์ชัย แล้วก็จะไปเล่นน้ำที่หาดจอมมณีกัน แต่รถก็แวะไปรับสมิตาและดนัยที่บ้านก่อน เพราะนัดกันเอาไว้แล้ว สมิตาออกจะไม่ค่อยชอบใจนักที่มีเพลินพิศอยู่บนรถด้วย เพราะเพลินพิศมักจะไปเกาะแกะเขมินท์จนเกินงาม ไม่เหมือนกับภรัณยาที่ไม่ค่อยได้ไปยุ่งกับเขมินท์สักเท่าไหร่ แต่เขาไปยุ่งกับเธอแทน

“โอ้โห คนเยอะมาก ๆ เลยค่ะคุณอ่อง”
ภรัณยามองผู้คนที่ไปรอร่วมสงน้ำหลวงพ่อพระใสที่วัดแล้วก็ตื่นเต้น เพราะตั้งแต่มาอยู่ท้องทุ่งนาก็ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวที่ไหนที่มีคนเยอะ ๆ แบบนี้เลย
“งั้นเราเข้าไปใกล้ ๆ หลวงพ่อท่านกันดีกว่าครับ”
ดนัยบอกทุกคน ก่อนจะจูงมือน้องสาวเดินแหวกฝูงชนนำคืนอื่น ๆ ไป เขมินท์อดห่วงเจ้าของร่างบาง ๆ ที่ถูกเบียดจนจะแบนไม่ได้ เขาจึงรีบเดินให้ห่างเพลินพิศที่คอยมาอยู่ใกล้ ๆ เขา แล้วก็รีบเอื้อมมือไปยึดเอาข้อมือเธอไว้ และพาแหวกฝูงชนตามดนัยไป แต่ก็ตามไม่ค่อยทันนัก เพราะผู้คนมากมาย

“คุณอย่าเดินไกลผมนะ เดี๋ยวจะคลาดกัน”
เขากำชับเธอ เมื่อมองเห็นดนัยกับสมิตาอยู่อีกฟากหนึ่ง แล้วฝูงชนก็พากันส่งเสียงร้องเฮฮาออกมาด้วยความตื่นเต้น เพราะรถน้ำหอมที่ทางวัดจัดหามาไว้หลายคัน โปรยน้ำขึ้นบนฟ้าและปล่อยให้ตกลงมารดผู้คนที่ยืนรอสงน้ำหลวงพ่อในบริเวณนั้นพร้อม ๆ กัน มันเหมือนมีฝนตกลงมาอย่างมืดฟ้ามัวดินยังไงยังงั้นเลย

“ว้าว เย็นจังเลย คุณดูสิคนร้องกันใหญ่เลย”
เธอร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น และรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกที่มีเขาคอยยืนกันอยู่ใกล้ ๆ ไม่ให้คนเบียดเธอมากนัก และเมื่อไรที่มีคนเบียดกันมาก ๆ หลังของเธอก็มีอกอันแข็งแรงของเขาคอยป้องกันเอาไว้ให้อีกชั้นหนึ่ง มือนุ่ม ๆ ของเธอก็ยังคงถูกเขาเกาะกุมเอาไว้แบบนั้น เพราะกลัวเธอจะหกล้มเมื่อผู้คนดันกันไปมา จนรถน้ำเลิกโปรยน้ำแล้ว และผู้คนเริ่มทยอยเดินออกจากวัด เขาจึงปล่อยมือเธอ

“โอย คนเยอะมาก ๆ เลยครับ ผมแทบไม่มีที่เดินเลย ยายโอ๊ะก็โดนเบียดแทบแย่เลย”
ดนัยที่เดินมาสมทบเขาและเธอบอก
“ตรงที่ข้าวอยู่ก็คนเยอะค่ะ งั้นเราไปกันเถอะ ข้าวอยากจะเห็นหาดจอมมณีเต็มทีแล้ว”
เธอว่าและเดินไปที่รถ ก็พบว่าแม่ป้าและคนอื่น ๆ ไม่ยักกะเปียกน้ำ
“แม่ป้าไม่ใช่สาว ๆ นี่ จะได้เข้าไปให้เขารดน้ำจนเปียกแบบเรา” มณฑาบอก
“ใครบอกว่าคุณมณไม่สาวล่ะ ทั้งสาวและสวยต่างหาก” เขมบอกภรรยาจนทำให้เด็ก ๆ หัวเราะกันใหญ่

เส้นทางจากวัดไปหาหาดจอมมณีนั้น ไม่ได้ไกลหลายกิโลเลย แต่การเดินทางเป็นไปได้อย่างเชื่องช้าที่สุด เพราะรถติดกันเป็นแพไปตลอดทาง ไม่ต่างจากการไปดูบั้งไฟพญานาคเลย หรืออาจจะมากกว่านั้น ผู้คนสองข้างทางต่างก็สาดน้ำใส่กันอย่างสนุกสนาน บางจุดก็เปิดเครื่องเสียงจนดังลั่น แล้วก็มีผู้คนเต้นไปตามจังหวะเสียงเพลงผสมกับการเล่นสาดน้ำ

“ดูคนนั้นเต้นสิบริสนี่ย์ยังอายเลย ดูใส่เสื้อผ้าสิเปียกน้ำแล้วเห็นหมดเลย”
เธอชี้ให้คนในรถดูหญิงสาวหุ่นบอบบางที่ดิ้นตามเสียงเพลงอย่างเมามัน
“คุณก็เกือบจะเป็นแบบเขาแล้วล่ะ” เขาหันไปบอกเธอ แล้วก็มองผู้หญิงคนนั้นที่ออกสเตฟจนดูจะเกินงาม แถมใครผ่านไปผ่านมาก็เอาแป้งไปป้ายแก้มบ้าง และก็ส่วนที่ต่ำกว่าแก้มลงไปอีก โดยที่เจ้าตัวไม่คิดจะแหนหวงเลยสักนิด
“ไม่น่าเชื่อนะครับว่าวัยรุ่นแถวนี้จะไม่แตกต่างจากที่กรุงเทพฯ เลย” เจตน์สมทบ

“ก็ไม่ทุกคนหรอกครับคุณเจตน์ จะมีเยอะหน่อยก็ช่วงสงกรานต์นี่ล่ะครับ” ดนัยอธิบาย
“ว๊าย โอ๊ย เย็นจังเล้ย”
สมิตาร้องออกมาเมื่อมีคนเอาน้ำเย็น ๆ มาสาดใส่ในรถ แล้วทุกคนก็ตอบโต้ด้วยวิธีเดียวกัน และก็เป็นไปอย่างนี้ตลอดเส้นทางที่จะไปหาดจอมมณีซึ่งกว่าจะมาถึงก็กินเวลาไปเกือบสองชั่วโมง แล้วภาพชายหาดที่ขาวสะอาดตาเลียบไปตามลำน้ำโขงที่เต็มไปด้วยผู้คนนับหมื่นที่มุ่งตรงมาเที่ยวสถานที่แห่งนี้ ซึ่งดนัยบอกภรัณยาว่าคนอีสานพากันขนานนามว่า

“ทะเลน้ำจืด แห่งเมืองอีสาน”

ผู้คนต่างมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มและดูอิ่มสุขแทบทั้งสิ้น บ้างก็ลงไปเล่นน้ำกันเป็นกลุ่ม ๆ บ้างก็เดินเล่นน้ำอยู่ชายหาดอย่างสนุกสนาน หนุ่ม ๆ สาว ๆ ต่างพากันวิดน้ำใส่กันและปะแป้งให้กันอย่างสำราญ บ้างก็ลงไปเล่นน้ำกันเป็นครอบครัว พ่อแม่และลูกตัวเล็ก ๆ ที่นั่งลอยตัวอยู่บนห่วงยางที่จัดเตรียมไว้ให้คนเช่า ส่วนคนที่มีอายุ ที่ลูกหลานหอบมาเที่ยวด้วย ต่างก็เข้าไปนั่งบนเสื่อที่ปูไว้ใต้เต้นท์ที่ปลูกติดกันไปตลอดแนวชายหาด และสั่งอาหารมานั่งกินกันอย่างเอร็ดอร่อย

พอ ๆ กับแม่ป้าและคุณลุง ที่ดึงเอาลุงคำกับป้าหวางเข้าไปนั่งเอกเขนกอยู่ในเต้นท์ และก็กำลังจะสั่งอาหารอย่างไม่คิดจะยั้งเลยสักนิด เพราะวันนี้ลูกหลานตามมาด้วยเยอะ “เอาปลาเผา ไก่ย่าง ส้มตำ ลาบ น้ำตก.......” แม่ป้าก็เลยสั่งใหญ่เลย

“แม่ป้าคะข้าวยังไม่หิวขอไปเล่นน้ำก่อนนะคะ”
เธอร้องขอหลังจากที่เพิ่งจะหย่อนก้นเปียก ๆ ลงไปที่เสื่อ เพราะแต๋นกับไข่ นำหน้าไปตั้งนานแล้ว
“ไปได้แต่ต้องให้คนที่ว่ายน้ำเก่ง ๆ ไปด้วยนะหนูข้าว หนูว่ายน้ำไม่เป็น ต้องเล่นระวัง ๆ นะ รู้มั้ยว่าปีหนึ่ง ๆ หาดที่นี่กลืนชีวิตคนไปหลายคนเหมือนกันนะ” คุณลุงเตือนด้วยความห่วง
“จริงเหรอคะ” มณฑาตกใจ
“จริงค่ะคุณน้า ขนาดคนว่ายน้ำเก่ง ๆ ยังแทบเอาตัวไม่รอดเลย เวลาเล่นไปเจอตรงที่น้ำหมุน ๆ มักจะต้านไม่ไหวค่ะ แต่เขาก็มีหน่วยช่วยชีวิตที่อยู่บนเรือนั้นนะคะ แต่ว่าทางที่ดีเราต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ ก่อน นี่คุณแม่ก็ห้ามโอ๊ะลงเล่นน้ำถ้าพี่อ่องไม่ไปด้วย” สมิตาสมทบ

“เหรอคะหนูโอ๊ะ อุ๊ยน่ากลัวจังเลย ยายข้าวให้พี่เขาพาไปนะ พ่อน้ำดูแลน้องดี ๆ นะ น้ามีหลานแค่คนเดียว” มณฑากำชับ
“ไม่เอาค่ะ ข้าวไปกับคุณอ่องก็ได้” เธอแย้งและทำหน้างอ “ไปกับฉันก็ได้” เจตน์บอกขณะที่นั่งอยู่บนเสื่อ
“ไม่มีทางหรอก เกิดนายกลัวว่าฉันจะไปเป็นคู่แข่งทำทัวร์ขึ้นมา ได้ผลักฉันตกน้ำพอดี”
เธอเบ้ปากใส่เจตน์ จนเขาต้องยิ้มออกมา
“เอ่อ ตอนแรกก็ไม่ทันได้คิดหรอก แต่ตอนนี้เริ่มจะได้คิดแล้ว คุณน้าคงจะสบายหูพิลึกนะ เวลาเธอไม่อยู่” เขาว่า
“ห่วงยางมาแล้วครับ” ดนัยและเพลินพิศเดินมาพร้อมห่วงยาง
“ของพี่น้ำครับ” ดนัยยื่นห่วงยางให้เขา
“ขอบคุณครับ งั้นเราไปกันเถอะ” เขาเดินนำทุกคนลงไปในน้ำ

“พี่อ่องรอโอ๊ะด้วย”
สมิตาร้องเรียกพี่ชายเพราะกลัวไม่น้อย แต่ก็อยากจะสนุก จนพี่ชายต้องรีบอุ้มให้ขึ้นไปอยู่บนห่วงยางแทน
“คุณมานี่ เอ้า นั่งดี ๆ และเกาะไว้ดี ๆ ห้ามปล่อยมือ ไม่อย่างนั้นจะได้ไปช่วยพญานาคจุดบั้งไฟแทนแน่ ๆ”
เขมินท์อุ้มเธอให้ไปนั่งอยู่บนห่วงยางเอาไว้ก่อน และบอกเธอด้วยความอารมณ์ขันก่อนจะยิ้มกว้างให้เธอ
“บ้า ฉันไม่ตกไปแน่ ถ้าคุณดูแลฉันดี ๆ” เธอย้อนเขากลับขณะที่ตัวเองลอยไปตามน้ำ
“พี่น้ำรอแอนด้วยค่ะ” เพลินพิศร้องตามเขมินท์ที่พาภรัณยาตามดนัยลงไปไกลแล้ว
“ให้ผมช่วยครับ” เจตน์จำเป็นจะต้องช่วยเพลินพิศ เพราะเขาเห็นว่าเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว

“ว๊าย....” ภรัณยาร้องออกมาด้วยความตกใจและดีใจระคนกันไป เมื่อมีกลุ่มคนเล่นน้ำสวนมาแล้วก็ระดมวิดน้ำใส่เธอและคนในกลุ่ม จนเกิดสงครามวิดน้ำใส่กันอย่างสนุกสนาน
“โทษนะครับ ผมขอปะแป้งหน่อยนะครับ”
หนุ่ม ๆ ที่ผ่านไปมาต่างพากันขออนุญาติสาว ๆ และเมื่อได้รับการยินยอมจึงจะปะแป้งไปที่แก้มแล้วก็ตามด้วยคำว่า “ขอบคุณ” ด้วยความสุภาพ แต่ก็จะมีบางกลุ่มที่เล่นไม่สุภาพ เหมือนกลุ่มที่กำลังจะมาถึงตัวเธอ ซึ่งเขมินท์นั้นเห็นก่อนแล้ว เขาจึงรีบผลักห่วงยางที่เธอนั่งอยู่ให้ลอยห่างออกไป แต่เธอก็โดนอีกกลุ่มวิดน้ำใส่ จนต้องรีบรับศึกเพียงลำพังทำให้เขาต้องว่ายน้ำตามไป และมันก็จะเป็นแบบนี้ไปตลอดแนวชายหาดที่กินระยะทางยาวเป็นกิโล ๆ

“อ้าวไปไหนกันหมดล่ะ” เธอถามเขา เมื่อไม่เห็นคนอื่น ๆ ที่มาด้วยอยู่ใกล้ ๆ สักคน
“ไม่รู้สิ คงจะเล่นอยู่แถว ๆ นี้ล่ะมั้ง”
เขาตอบและยิ้มออกมาแทน เพราะดีใจที่จะได้มีโอกาสอยู่กับเธอตามลำพังบ้าง ไม่รู้เป็นเพราะอะไรพักนี้ภูมิคุ้มกันความอ่อนไหวของเขาค่อนข้างจะบกพร่อง เวลาที่ได้อยู่ใกล้เธอทีไรเขามักจะอยากเข้าให้ใกล้ ๆ มากขึ้น ๆ เหมือนตอนนี้ที่เขาเปลี่ยนจากเอามือจับห่วงยางเป็นจับมือเธอจูงเดินไปแทน
“ว๊าย ๆ”
หญิงสาวร้องเพราะกลุ่มคนเล่นน้ำลอยห่วงยางมาชน จนเกิดสงครามวิดน้ำใส่กันอีก และห่วงยางก็พลิกทำให้เธอตกลงไปในน้ำ แต่ก็มีวงแขนของเขาคอยรับไว้อยู่แล้วด้วยความระแวดระวัง หญิงสาวรีบเกาะเขาไว้ด้วยความกลัว

“กลัวเหรอ” เขาถามด้วยสีหน้าที่ห่วงใยเธอยิ่งนัก
“ใครจะไม่กลัวล่ะ ก็คุณลุงพูดจนเห็นภาพซะขนาดนั้น”
“กลัวทำไมมีพี่อยู่ใกล้ ๆ ทั้งคน นี่เห็นมั้ย น้ำไม่ลึกสักหน่อย ยืนยังได้เลย” เขาว่าแล้วก็ปล่อยให้เธอยืนด้วยตัวเอง
“ไม่เอาพี่น้ำอย่าปล่อยมือสิ ข้าวกลัว”
เธอร้องออกมาด้วยความกลัว เพราะขณะที่ตัวเองยืนน้ำก็อยู่ในระดับคอแล้ว จนเธอต้องกระโจนไปเกาะคอเขาเอาไว้ และหลงเรียกเขาด้วยความคุ้นเคยอีกแล้ว ไม่รู้เธอเป็นอะไรสิหน่ะ เวลาควบคุมตัวเองไม่อยู่ มักจะเผลอเรียกเขาแบบนี้ จนเขาต้องรีบใช้แขนทั้งสองข้างกอดเธอไว้ ซึ่งเขาชอบเป็นที่สุด

“ทีอย่างนี้ไม่ยอมให้ปล่อย ทีเวลาอื่นน๊า เราไม่อยากจะปล่อยทำไมอ้อนให้ปล่อยดีนักนะ เด็กดื้อ”
เขาพูดและยิ้มออกมาเมื่อคิดถึงคืนนั้น
“บ้า คนบ้า ไม่เอาแล้วกลับดีกว่า”
เธอทุบไปที่ไหล่เขาด้วยความอาย จนหน้าแดงเป็นลูกสตอเบอร์รี่ แล้วก็ผลักร่างเขาออกห่าง ๆ ตัว พร้อมทั้งอาจหาญเดินหนีเขาโดยไม่ห่วงตัวเองว่าจะโดนน้ำซัดสักนิด
“อุ๊ย” เขารีบเข้ามาหอบเอาร่างเธอไว้ เพราะแรงน้ำดันตัวเธอจนเกือบจะปลิว
“อ๊ะ ๆ พี่ไม่ปล่อยก็ได้” เขาบอกเมื่อกอดเธอเอาไว้ได้อีกครั้ง

“กลับกันเถอะค่ะคนอื่น ๆ ไม่รู้อยู่ไหนแล้ว”
เธอบอกด้วยความอายที่เขายึดครองร่างเอาไว้ และก็มีคนเล่นน้ำที่ผ่านมาหลาย ๆ คนมองและยิ้มให้คนทั้งสอง
“ไม่เอาพี่ชอบอยู่แบบนี้นาน ๆ” เขาบอกหน้าตาเฉย
“แต่ข้าวหนาวแล้วนะ” เธอว่า
“พี่ก็กอดข้าวอยู่นี่ไง อกของพี่อุ่นออกข้าวว่ามั้ย มีผู้หญิงตั้งหลายคนที่อยากจะมาอยู่ตรงที่ของข้าว แต่พี่ไม่เคยเปิดโอกาสให้เลย ข้าวหน่ะถือว่าเป็นลูกค้าประจำจนเป็นวีไอพีแล้วนะ เพราะใช้บริการอกพี่บ่อย ๆ”
เขาบอกหน้าตาเฉยอีก แต่ในใจของเขานั้น แอบให้คะแนนเธอขึ้นมาเป็นแปดสิบเข้าให้แล้ว
“บ้า ใครอยากจะเป็นลูกค้าวีไอพีของตัวเองกัน ชอบหาโอกาสอยู่เรื่อย” เธอแหวใส่เขาด้วยความเคืองนิด ๆ

“อ้าว อยู่ตรงนี้กันนี่เอง หาแทบแย่เลย จะขึ้นหรือยังพี่น้ำ ผมชักจะหนาวแล้วล่ะ”
ดนัยที่พาน้องสาวนั่งห่วงยางว่ายมาใกล้ ๆ ทำให้เขมินท์ต้องละวงแขนจากร่างเธอเหลือไว้แค่จับมือแทน
“ก็ดีค่ะ ข้าวหิวแล้วด้วย ไปค่ะคุณอ่อง” เธอบอก และกำลังจะเอื้อมมือไปให้ดนัยช่วยจูงแทน
“งั้นก็ไปกัน” เขาไม่ยอมให้ดนัยจูงเธอไปง่าย ๆ จึงรีบพาเธอขึ้นจากน้ำเอง

“มาเร็ว ๆ หนุ่ม ๆ สาว ๆ อาหารน่ากินทั้งนั้นเลย” มณฑาร้องบอก
“ยายข้าวกินเยอะ ๆ นะเราเดี๋ยวไม่มีแรงนั่งรถกลับบ้าน พรุ่งนี้ต้องเตรียมงานทำบุญด้วย” มณฑาเตือนหลานสาว
“เจ้าค่ะคุณแม่ป้า” เธอรับคำและยิ้มให้
“นี่ยายแต๋นกับนายไข่ไปถึงไหนนี่คุณมณ” เขมบ่นถึง
“โน่นมานั่นแล้วค่ะมอมแมมมาเชียว”
มณฑาบอกเมื่อแต๋นและไข่เดินกลับมาด้วยสภาพที่เหมือนตกกระป๋องแป้งมายังไงยังงั้น
“โอ้โห ไม่ยักรู้นะคะว่าสงกรานต์ที่นี่จะสนุกขนาดนี้ คิดถึงยายเจนกับยายเชอร์รี่จังเลยค่ะแม่ป้า”
เธอบอกขณะที่กำลังนั่งตักอาหารเข้าปากด้วยความอร่อย เพราะปีนี้เจนจิราต้องบินไปหาพ่อกับแม่ที่อังกฤษ และเชอร์รี่ก็ถือโอกาส ไปเที่ยวด้วย

“อืม แม่ป้าก็ว่าอย่างนั้นล่ะ”
“มัวแต่เที่ยวสนุก อย่าลืมเก็บแรงเอาไว้กลับไปช่วยผมเกี่ยวข้าวด้วยล่ะ และก็เตรียมแรงอีกส่วนเอาไว้ลงนาปีนี้ด้วย”
เขาว่าเพราะอดหมั่นไส้ไม่ได้ ที่เห็นเธอสนุกจนเกินเหตุ และสรรพนามนำหน้าตัวเธอและเขาก็กลับเข้าสู่สภาพปกติ
“ยุ่ง ใครจะไปช่วย ตอนหว่านก็ไปช่วยแล้ว ให้เช่าที่นายังไม่พอยังต้องให้ไปช่วยหว่านอีก นาปรังของคุณปีนี้คุณจะต้องให้ค่าเช่าฉันมากกว่าครึ่งนะ” เธอว่า

“ครับคุณข้าว...เหนียว” เขาห้อยท้ายคำจนเธอต้องจ้องเขม็ง
“คุณลุงคะดูสิคะ เขาว่าข้าวเหนียวอีกแล้วค่ะ ก็คุณพ่อให้ข้าวมาทำนาแค่สองปี นี่รวมที่ไปช่วยเขาแล้วก็เป็นหว่านข้าวสามครั้ง เกินโควต้าแล้ว คุณลุงต้องให้เขาไปหว่านข้าวชดใช้ข้าวนะคะ” เธอหันไปฟ้องคุณลุง
“หือ น้อย ๆ หน่อยไปช่วย ช่างพูดออกมาได้ ช่วยป่วนล่ะสิไม่ว่า หว่านได้ข้าวสามสี่เม็ดก็ไปนั่งพักแล้ว”
“อะไรกันนี่คุณหาว่าฉันอู้งานเหรอ.....”
“นี่ ๆ พอได้แล้วทั้งสองคน อยู่ด้วยกันทีไรเป็นต้องเถียงกันทุกทีเลย”

มณฑาต้องห้ามทัพอีกแล้ว แต่สีหน้านั้นไม่ได้บอกว่ากลุ้มอกกลุ้มใจเลยสักนิดที่เห็นทั้งสองถกเถียงกันไปมา ออกจะยิ้ม ๆ ด้วยความพอใจด้วยซ้ำ ทำให้เจตน์ที่นั่งฟังเงียบ ๆ เข้าใจอะไร ๆ ได้มากขึ้นทีเดียว ส่วนเพลินพิศนั้นไม่กล้าจะออกลายอะไรมาก เพราะอยู่ต่อหน้าพ่อกำนัน และอีกอย่างตัวเองก็มาคนเดียวไม่มีพวกเลย

สมิตาทำสีหน้าให้เป็นปกติทุกอย่าง ยิ้มแย้มแจ่มใส่ แต่ไม่มีใครรู้ว่าข้างในนั้นช่างวุ่นวายไม่น้อย เพราะภาพที่เห็นเขายืนกอดภรัณยาอยู่ในน้ำนั้นมันช่างทำลายความสนุกที่เธอมีจนแทบจะหมดสิ้น หญิงสาวหันไปหาพี่ชาย แต่ก็ไม่พบว่าพี่ชายจะคิดกลุ้มใจอะไรเลย เพราะพี่ชายนั้นมีสาว ๆ หลายคนให้คอยไปเลือกจีบได้ไม่มีเว้นวันอยู่แล้วนั่นเอง

“กลับมากันแล้วเหรอเราสองคน ดูสิไปเที่ยวถึงไหนนี่ถึงได้มอมแมมเป็นลูกหมาตกน้ำอย่างนี้”
นาถยาร้องทักลูกสาวและลูกชายขณะที่เดินเข้าบ้านได้ไม่กี่ก้าว
“โอย เหนื่อยจังค่ะคุณแม่” ลูกสาวเดินไปแกล้งจะกอดมารดา
“นี่อย่ามาใกล้แม่นะ ไปอาบน้ำล้างตัวเลย และก็แต่งตัวสวย ๆ ด้วย อีกหน่อยคุณน้าติ๋มจะมากินข้าวที่บ้าน พี่ตู่ก็จะมาด้วย ส่วนตาอ่องไปอาบน้ำแล้วก็ไปรับหนูเฟิร์นไปกินข้าวด้วย แม่โทรไปนัดให้แล้ว อย่าให้เหลวไหลนะ แม่ยอมให้ไปเที่ยวมาทั้งวันแล้ว” นาถยาสั่งลูกสาวและลูกชายด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด
“โชคดีนะยายโอ๊ะพี่ไปล่ะ”
ดนัยอดเยาะเย้ยน้องสาวไม่ได้ เพราะรู้ว่าน้องไม่อยากจะอยู่พบแขกที่แม่บอก ก่อนที่จะวิ่งขึ้นไปบนห้อง แต่สมิตาก็เลือกที่จะไม่หักด้ามพร้าด้วยเข่า จึงได้แต่เดินขึ้นไปห้องอย่างเงียบ ๆ

ร่างกายค่อยสบายขึ้นมาบ้าง เมื่อได้อาบน้ำล้างเอาแป้งเลอะ ๆ ออกจนหมดแล้ว สมิตาเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อเลือกเอาชุดที่คิดว่าเหมาะสมสำหรับที่จะต้อนรับแขก ที่เธอยังไม่อยากจะต้อนรับสักเท่าไหร่นักในเวลานี้ ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายนั้นมีหน้าตาที่ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรหรอก แต่เป็นเพียงเพราะหัวใจเธอไม่ได้รับเอาเขาคนนั้นเข้ามาอยู่ข้างใน เหมือนที่เปิดรับเขมินท์ต่างหาก

แล้วภาพที่เธอเห็นเขาคอยห่วงใยและอยู่ใกล้ ๆ ภรัณยาตั้งแต่อยู่ที่วัดจนไปถึงตอนที่โอบกอดกันอยู่ในน้ำก็ผุดขึ้นมาอีก มันช่างสะกิดให้หัวใจเจ็บแปลบ ๆ ได้ไม่ยากเลย นี่เธอก็พยายามจะเข้าใกล้เขามากขึ้น และก็บ่อยขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนแล้วนะ แต่ทำไมความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอยังไม่คืบหน้าไปถึงไหนเลย ถึงแม้ส่วนใหญ่เวลาที่เธอไปหาเขา ก็จะได้รับดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดจากเขาทุก ๆ ครั้ง ไม่ขาดตกบกพร่อง

แต่กับสายตาที่เขามองเธอนั้น มันช่างแตกต่างจากสายตาของเขาเวลาจับจ้องภรัณยาอย่างเห็นได้ชัด แววตาที่เขามีต่อภรัณยานั้น เธออยากจะได้จากเขาบ้าง หญิงสาวยืนครุ่นคิดว่าจะให้เธอทำยังไงนะเขาถึงจะมองเธอเหมือนมองภรัณยาบ้าง สมิตาแทบอยากจะโยนเสื้อผ้าในมือทิ้งไปซะอย่างนั้น เมื่อคิดถึงแขกที่กำลังจะมาเยือนขึ้นมา ไม่มีใครเหมือนเขมินท์สักคนเลยจริง ๆ สำหรับความคิดเธอในตอนนี้









Create Date : 01 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2551 7:25:31 น. 0 comments
Counter : 314 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.