Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
4 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

ร้อยรวงใจ ๒๔ (ธัญรัตน์)




รถคันหรูวิ่งวกไปวนมาตามซอยต่าง ๆ อยู่เป็นนานสองนาน กว่าที่เจ้าของจะนำมาจอดหน้าบ้านที่เป็นจุดหมาย เจตน์ยังคงนั่งอยู่ในรถ เพื่อจะชั่งใจว่าสิ่งที่เขากำลังจะทำนี้มันมีเหตุผลอะไรแอบแฝงอยู่หรือไม่ ด้วยเขาเฝ้าถามตัวเองมานานตั้งแต่รู้ว่าคู่อริหลบหน้าไปเป็นชาวนา เพื่อหาเงินมาเป็นเครื่องต่อกรทางธุระกิจกับเขา ซึ่งเขาเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเธอจะกล้าทำถึงขนาดนี้

จากเด็กสาวที่ปราดเปรียว เปรี้ยว ไม่เคยที่จะหยิบจับทำอะไรด้วยตัวเองมาก่อน จะพาตัวเองไปอยู่กับท้องไร่ท้องนาได้ ข่าวที่เขาได้มันอาจจะไม่ได้กรองก็ว่าได้ และเขาจะต้องสืบให้ได้ความที่แน่ชัด ซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่เขาพาตัวเองมาอยู่หน้าบ้านหลังนี้ บ้านที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่า มณฑาจะมีแอบเอาไว้ โดยที่ไม่ให้เขาและพ่อรู้ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่เขากลุ้มในตอนนี้

เขาพยายามจะบอกตัวเองเสมอว่า ที่เขามาที่นี่เพราะต้องการจะรู้ความเป็นไปของคู่อริต่างหาก ถ้าเธอไปได้สมบัติพ่อจริง ๆ แล้วก็ขายได้เงินจริง ๆ เขาก็ควรจะหาวิธีมาไว้เพื่อแก้มือกับเธอต่างหาก ไม่ใช่เขากลุ้มใจเพราะห่วงเธอ กลัวว่าเธอจะลำบาก กลัวว่าผิวขาว ๆ มือน้อย ๆ หน้าสวย ๆ จะต้องกรำแดด เขาจะไปกลัวทำไมในเมื่อเธอกับเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลยแม้แต่น้อย

“ใช่ ฉันกับเธอไม่เคยเกี่ยวข้องอะไรกันมากไปกว่าคนที่เคยอยู่บ้านเดียวกันมานาน เพราะความจำเป็นต่างหากยายข้าว”
เขาบอกตัวเองก่อนที่จะเปิดประตูรถ แล้วก็ตรงไปกดออด ไม่นานจงก็ออกมาดู แล้วก็เข้าไปรายงานเจ้านายว่าใครมาหา

“เชิญนั่งสิตาเจตน์” มณฑาออกจะทำหน้าไม่ถูกเมื่อรู้ว่าเขามา แต่มณฑาก็เป็นผู้ใหญ่มากพอ
“สวัสดีครับ คุณน้าสบายดีนะครับ” เขาไหว้มณฑาก่อนที่จะทรุดตัวลงนั่ง
“ก็เรื่อย ๆ ตาเจตน์มีธุระะอะไรถึงได้มาถึงที่นี่ แล้วรู้ได้ยังไงว่าน้าย้ายมาอยู่ที่นี่” มณฑาถามด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
“คุณน้าอย่ารู้เลยนะครับ เอาเป็นว่าผมรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับคุณน้ากับข้าวทุก ๆ เรื่องก็แล้วกัน และที่ผมมาที่นี่ก็เพราะผมห่วงคุณน้า เห็นว่าอยู่คนเดียวก็เลยมาดูให้แน่ใจว่าอยู่ดีสบายหรือเปล่าครับ”
เขาบอกตามความจริง เพราะยังไง ๆ เขาก็ยังคงทิ้งมณฑาไม่ได้แน่ เพราะพ่อฝากเอาไว้ก่อนตาย

“ขอบคุณตาเจตน์มากนะ ที่ยังอุตส่าห์คิดถึงน้า แต่น้าว่ามันจะช้าไปหน่อยหรือเปล่าไอ้ความห่วงที่ตาเจตน์มีให้น้ากับยายข้าว บอกความต้องการจริง ๆ ของตาเจตน์มาดีกว่า อย่าเสียเวลาเลย น้าไม่ค่อยมีเวลาว่างสักเท่าไหร่”
มณฑาอดประชดเขาไม่ได้ เพราะคิดถึงความร้ายกาจของเขาเมื่อครั้งก่อน

“คุณน้าครับ ผมอาจจะผิดที่ใช่เล่ห์เลี่ยมเอาบริษัทคืนมาจากคุณน้า ผมอาจจะผิดที่ผมไม่ให้คุณน้ากับยายข้าวอยู่บ้านคุณแม่ แต่ผมคิดว่าคุณน้าเองจะรู้ดีว่าสิ่งที่ผมทำนั้น มันไม่ได้มากเกินไปสักเท่าไหร่เลย คุณน้าก็รู้ว่าบริษัท มันควรจะเป็นกรรมสิทธิ์ของผมนานแล้ว เพราะคนที่ทำให้มันโตขึ้นมาได้มากขนาดนี้ก็คือผม ตั้งแต่คุณพ่อเสียผมเองก็ไม่เคยทอดทิ้งคุณน้ากับยายข้าวเลย อุตส่าห์ส่งเงินให้เรียนที่เมืองนอกจนจบ ซึ่งจริง ๆ ถ้าเป็นคนอื่น เขาอาจจะไม่ดูดำดูดีคุณน้าตั้งแต่นั้นมาก็ย่อมทำได้ แต่ผมก็ไม่ได้ทำ

ปล่อยให้คุณน้ากับยายข้าวใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เงินทองผมก็แบ่งให้ตามส่วนที่คุณน้าถือหุ้นทุกบาททุกสตางค์ ถ้าคุณน้าไม่เอายายข้าวเข้าไปทำงาน และไปก่อกวนผมขนาดนั้น ผมก็คงจะไม่คิดที่จะทำเรื่องที่ผ่านมาหรอกนะครับ ในเมื่อคุณน้าไม่ไว้ใจผมแล้วโดยให้ยายข้าวไปคอยจับผิดขนาดนั้น ผมก็คงไม่จำเป็นที่จะต้องทนต่อไป

แต่ถึงยังไงผมก็ขอยอมรับผิดว่าทำเกินไป ถ้าคุณน้ายังคงมีความเมตตากับผมบ้าง คุณน้าก็รับคำขอโทษของผมด้วยเถอะนะครับ ผมกราบขอโทษครับ” เขาบอกยาวยืดก่อนจะยกมือไหว้มณฑาด้วยความอ่อนน้อม ซึ่งทำให้มณฑานั้นถึงกับอึ้ง เพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะมาไม้นี้

“เธอจะให้ฉันเชื่อได้ยังไงว่าเธอรู้สึกผิดจริง ๆ” มณฑาอดสงสัยไม่ได้
“ผมขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ดีกว่าครับ และตั้งแต่นี้ต่อไป ผมจะส่งเงินมาให้คุณน้าใช้เป็นรายเดือนไปจนกว่าผมจะไม่มีความสามารถที่จะดูแลคุณน้าได้ ตามที่คุณพ่อเคยขอผมไว้ก่อนตาย” เขาบอกตามที่คิดเอาไว้

“ถ้าตาเจตน์รู้สึกผิดต่อน้าจริง ๆ น้าก็ขอบใจมาก ๆ ที่ยังอุตส่าห์ไม่ทอดทิ้งน้า อันที่จริงน้าเองก็เข้าใจตาเจตน์อยู่มาก ที่ต้องคอยมาเลี้ยงเราสองป้าหลานเป็นเวลาหลายปีทั้ง ๆ ที่เราเองก็ไม่ได้มีความผูกพันธุ์ทางสายเลือดเลยแม้แต่น้อย ก็เอาเป็นว่าเราหายกันก็แล้วกันนะ

ส่วนเรื่องเงินที่จะส่งให้น้าใช้แต่ละเดือนนั้น น้าขอไม่รับก็แล้วกัน เพราะน้าตั้งใจว่าจะช่วยเหลือตัวเองให้ได้มากที่สุด น้ารู้ตัวดีว่า ตั้งแต่น้าแต่งงานกับพ่อของตาเจตน์น้ากับยายข้าวก็สบายมานานมากแล้ว ก็อย่างที่ตาเจตน์ว่านั่นล่ะ น้ากับยายข้าวควรจะช่วยเหลือตัวเองเพียงลำพังได้แล้ว” มณฑาบอก

“แล้วการที่ยายข้าวต้องไปทำนาที่หนองคายนี่ถือเป็นการที่จะช่วยเหลือตัวเองตามลำพังด้วยหรือเปล่าครับ” เขารีบสวน
“อันนั้นมันเรื่องของยายข้าว เขาตัดสินใจเองน้าไม่ยุ่ง ตาเจตน์ก็น่าจะรู้จักยายข้าวดี ว่าถ้าลองจะทำอะไรแล้วใครก็ห้ามเอาไว้ไม่ได้ และโดยเฉพาะเรื่องที่ตาเจตน์ทำไว้ ยายข้าวโกรธมาก ๆ จนยอมไปทำนา เพื่อที่จะได้สิทธิ์ขายที่นาแล้วจะได้เอาเงินมาทำธุระกิจให้ลืมตาอ้าปากได้ด้วยตัวเอง”

“ผมถึงต้องมาที่นี่ เพราะห่วงยายข้าว ไม่รู้จะอยู่กินยังไง ลำบากแค่ไหน ถ้าคุณน้าไม่ว่าอะไร ผมขอไปเยี่ยมยายข้าวจะได้หรือเปล่าครับ” เขาแจ้งความต้องการที่แท้จริง
“น้าไม่ว่าหรอก แต่ยายข้าวสิ อันนี้น้าไม่รู้ แต่ถ้าตาเจตน์อยากจะไปดูก็ได้ สงกรานต์นี้ น้าจะไปเยี่ยมยายข้าวพอดี ถ้าว่างก็ไปด้วยกันได้ แต่ถ้าโดนยายข้าวว่ากลับมา จะไปโกรธยายข้าวไม่ได้นะ”
มณฑาอดใจอ่อนไม่ได้ เพราะนั่นคือคุณสมบัติที่ติดตัวเธอมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว และอีกอย่างมณฑาก็เห็นด้วยกับเรื่องที่เจตน์บอกมา เพราะเธอเองก็ได้จากเขาและพ่อของเขามามากแล้วจริง ๆ

“ขอบคุณครับคุณน้า งั้นผมจะโทรมาถามวันเวลาที่แน่ชัดอีกทีก็แล้วกันนะครับ เอ่อ...คุณน้าครับ ผมอยากจะให้คุณน้าลองไปคิดดูอีกทีเกี่ยวกับเรื่องเงินครับ ยังไง ๆ ผมก็ขอให้คุณน้าอย่าทำให้ผมต้องผิดคำพูดกับคุณพ่อก็แล้วกันนะครับ ผมยินดีให้ด้วยความเต็มใจ ผมขอยืนยันอีกครั้งครับ”
เขาบอกไปตามจริง เพราะกับเงินแค่นี้เขาก็ยินดีที่จะให้มณฑาได้หยิบใช้บ้าง ขอแค่เพียงมณฑาไม่เข้าไปมีอำนาจเด็ดขาดในบริษัทของเขาแค่นั้น ก็ทำให้ความโกรธของเขาคลายลงไปได้มากทีเดียว

“เอาไว้น้าจะลองไปคิดดูก็แล้วกันนะตาเจตน์” มณฑาไม่ได้ตัดสิทธิ์ตัวเองเสียทีเดียว เพราะการผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ทำให้เธอรู้ว่า ไม่ควรที่จะทิ้งโอกาสดี ๆ ให้หลุดลอยไป



ตลอดระยะทางจากวัดกลับมาที่บ้าน ภรัณยาเห็นหลาย ๆ บ้านนั้นเปิดเพลงดังกึกก้องไปทั่ว แล้วเธอก็เห็นความแตกต่างหลาย ๆ อย่างเกิดขึ้นเช่น จากหมู่บ้านที่ค่อนข้างสงบเงียบ แต่ตอนนี้มันดูคึกคักไปไม่น้อย บ้านหลาย ๆ หลังที่มีแต่เด็กกับคนแก่ ตอนนี้มีลูกมีหลานกลับมาจากไปทำงานที่กรุงเทพฯ จนเต็มบ้าน

“คุณเข่ามาตั้งแตวัดบ้อจ้า” (คุณข้าวกลับจากวัดเหรอคะ)
ป้าแสงเพื่อนบ้านที่ห่างจากเธอไม่ไกลร้องทักทาย เมื่อเห็นเธอ แต๋น และป้าหวางหิ้วตะกร้าหวายเดินตามถนนมา
“แม่นแล่วค่ะมื่อนี้ป้าแสงเบิ่งอารมณ์ดีน้อ สงสัยจะดีใจที่ลูกกลับมาเยี่ยมบ้าน”
เธอตอบด้วยภาษากลางปนซาวด์แทรคและยิ้มให้ด้วยความมีไมตรี ทำให้ป้าหวางและแต๋นหัวเราะออกมา
“กะไคกัวยูสองคนตายายยูจ้า โอ้ย คุณเข่าเดี๋ยวยาฟ่าวไป่เด้อ ถ่าจักคาวก๊อน”
ป้าแสงโบกมือเหมือนคิดอะไรได้ แล้วก็วิ่งขึ้นไปบนบ้าน ไม่นานก็กลับออกมาพร้อมกับถุงหิ้ว
(ก็ดีกว่าอยู่สองคนตายายอยู่ค่ะ โอ้ย คุณข้าวอย่าเพิ่งไปนะคะ รอแป๊บหนึ่ง)

“อีหยังคะป้าแสง” เธอถามเมื่อป้าแสงยื่นถุงให้เธอ
“ขนมจ้า ลูกซื่อมาฝากล๊ายหลาย ป้ากะเลยเอามาแบงให้คุณเข่า” ป้าแสงบอกแล้วก็ยิ้มด้วยความดีใจ
(ขนมจ้า ลูกซื้อมาฝากตั้งเยอะ ป้าก็เลยแบ่งมาให้คุณข้าวด้วย)
“ขอบคุณค่ะป้าแสง” เธอไหว้และรับถุงมาเปิดดู ก็รู้ว่าเป็นคุกกี้ที่มีขายตามห้างสรรพสินค้าทั่ว ๆ ไป ที่เธอนั้นแทบจะไม่เคยหาซื้อมากินเลย เพราะมันจะทำให้เธออ้วน แต่เธอก็ไม่กล้าปฏิเสธป้าแสงได้ เพราะดูจากสีหน้าคนให้แล้ว ดูมีความตั้งใจและเปี่ยมไปด้วยน้ำใจมากเหลือเกิน

“บ่เป็นอีหยังดอกจ้า แบง ๆ กันกิ๋น หนี่เหลืออีกจั๊กนอย ป้ากะสิเอาไปฝากยายติ่งนำ”
ป้าแสงบอกซึ่งภรัณยาจับใจความได้ว่าแกจะเอาไปฝากป้าติ่งด้วย
(ไม่เป็นไรหรอกจ้า แบ่ง ๆ กันกิน นี่ก็เหลืออีกหน่อย ป้าก็จะเอาไปฝากป้าติ่งด้วย)
“ค่ะงั้นข้าวเมือบ้านก่อนเด้อ” เธอบอกแล้วก็ออกเดินตรงไปที่บ้าน
“คนแถวนี้ก็ใจดีเหมือนกันนะคุณแต๋น” เธอเอ่ย ระหว่างทาง
“โอย คนอีสานใจดีจะตายค่ะคุณข้าว” แต๋นเสริมและยิ้ม
“จ้าแม่คุณ” เธออดเหน็บไม่ได้

“อ้าวแล้วลุงคำแบกอะไรมาคะป้าหวาง”
เธอถามเมื่อเดินมาถึงบ้านแล้วก็เห็นลุงคำที่แบกเอากิ่งไม้เดินเข้ามาในรั้วบ้านแล้วก็ไปวางกองไว้ที่แคร่ใต้ถุนบ้านหลังเล็กของแก แล้วลุงคำก็จัดการซอยออกให้เป็นกิ่งเล็กกิ่งน้อย แล้วก็กองเอาไว้อย่างขมักเขม้น
“โอ๋ กิ่งบักทันตัวคุณเข่า สงกรานต์เพิ่นไห่ไป่ตัดเอาหนามบักทันมาปักไว้นำประตู หน่าตางบ้าน แล่วกะนำเล้าเข่า แล่วคุณเข่ายานอนเวนเด้อเวลาเนาเน๊า หนังหมาเนาสิมาปกหัว เหม็นเบิ๊ดบ้านลิ”
ป้าหวางบอก แต่อันนี้เธอไม่เข้าใจจึงหันไปหาแต๋น

“ป้าหวางบอกว่า เวลาสงกรานต์ คนแถวนี้จะไปตัดเอาหนามพุทรา มาปักตามประตู หน้าต่างของบ้าน แล้วก็ยุ้งข้าวด้วยค่ะ และในวันสงกรานต์นี้ เขาห้ามนอนกลางวัน เพราะหนังมาเน่าจะมาปกคลุมตัวเรา ทำให้ตัวเหม็นไปทั้งปี”
“อ้าว เหรอ แล้วเอาหนามมาทำไมล่ะ มันจะช่วยอะไรได้ แล้วทำไมไม่ให้นอนกลางวัน ถ้าง่วงจะไปให้ทำยังไงล่ะ”
“เรื่องหนามแต๋นเองก็ไม่รู้ค่ะ มันเป็นธรรมเนียมที่ทำกันมานานมากแล้ว ส่วนเรื่องนอนกลางวัน เพื่อกันไม่ให้เราง่วง เราก็ต้องออกไปเล่นสาดน้ำสิคะคุณข้าว”

“เอ่อ จริงสิ สงกรานต์ก็ต้องเล่นน้ำ ว้า ฉันนี่ไม่รู้เรื่องอะไรจริง ๆ เลยนะ นี่เห็นคนนั้นคนนี้เขามาเยี่ยมบ้านกัน ฉันก็ชักคิดถึงแม่ป้าขึ้นมาตงิด ๆ แล้วสิ ไปโทรหาก่อนดีกว่า”
แต่ไม่ทันที่เธอจะได้ก้าวขาไปไหน เจ้าฟอร์จูนเนอร์ก็ขับเข้ามาจอดในลานบ้านซะแล้ว เขมเปิดประตูเดินลงมา แทนที่จะเป็นเขมินท์เหมือนในหลาย ๆ ครั้งที่เธอเคยเห็น ภรัณยามองเขมที่ยิ้มมาให้เธอ ก่อนที่จะเดินอ้อมไปเปิดประตูรถอีกข้าง ให้ผู้ที่อยู่ด้านในได้ลงมาจากรถ

“โฮ่ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” เจ้าไข่ตุ๋นส่งเสียงร้อง เพราะมันจำกลิ่นที่คุ้นเคยมานานได้
“แม่ป้า ๆ มาได้ยังไงคะ จะมาทำไมไม่โทรบอกข้าวจะได้ไปรับ ข้าวคิดถึงแม่ป้าที่สุดในโลกเลยค่ะ”
และทันทีที่เธอเห็นว่าเป็นใครแค่นั้น เธอก็วิ่งเข้าไปกอดมณฑาทันที ปากก็พร่ำถามไม่ยอมหยุด น้ำตาแห่งความดีใจก็พลอยไหลหยดแหมะออกมา

“อะไรกันยายข้าวตกลงนี่เราดีใจหรือว่าเสียใจที่เจอแม่ป้ากันแน่” มณฑาที่น้ำตาคลอเบ้าถามหลานรักด้วยความดีใจ
“ข้าว คิดถึงจังเลย” เจนจิราและเชอร์รี่ลงมาจากรถร้องเรียกเพื่อนรักด้วยความคิดถึง แทบจะพร้อม ๆ กัน
“เจน เชอร์รี่ นี่พวกหล่อนจะไม่ก็ไม่ยอมโทรบอกนะ คิดถึงจังเลย” เธอโผเข้าไปกอดเพื่อนรักด้วยความคิดถึงไม่แพ้กัน
“นี่เราไม่ได้มากันแค่นี้นะยายข้าว ดูสิว่าใครมาด้วย” เจนจิราบอกแล้วก็ละวงแขนออกจากร่างเธอ
“นายเจตน์ นี่นายมาบ้านฉันทำไม ใครใช้ให้มาไม่ทราบ แล้วมากับแม่ป้าได้ยังไงกัน”
เธอแทบจะหมดความสุขทันทีที่เห็นเจตน์ลงมาจากรถ

“แม่ป้าคะใครให้นายเจตน์มาที่นี่คะ แล้วนายเจตน์ทำอะไรแม่ป้าหรือเปล่าคะ” เธอหันไปหามณฑา
“ฉันไม่ได้ทำอะไรแม่ป้าของเธอหรอกนะยายข้าว อะไรกันแขกมาบ้านแท้ ๆ แทนที่จะต้อนรับ”
เจตน์ถึงกับออกปาก เพราะไม่คิดว่าคู่อริจะยังคงเหม็นขี้หน้าเขาไม่คลายได้นานขนาดนี้
“ใครเป็นแขก อย่างนายนี่ฉันถือว่าเป็นศัตรู”
“ยายข้าวพอได้แล้ว แม่ป้าชวนตาเจตน์มาเอง แม่ป้าว่าเข้าบ้านดีกว่านะ คุณเขมจะได้กลับบ้านซักที อุตส่าห์ไปรับถึงสนามบิน ขอบคุณมาก ๆ นะคะคุณเขม” มณฑาต้องรีบห้ามทัพ พร้อมกับหันไปหาเขม

“ไม่ต้องเกรงใจครับ ผมยินดีบริการอย่างยิ่ง พ่อเจตน์ถ้าคืนนี้จะเปลี่ยนใจไปพักที่บ้านลุงก็ด้วยความยินดีนะ แต่ก็จะเบียด ๆ กันหน่อย เพราะว่าเพื่อนลูกชายมาเที่ยวกันหลายคน” เขมรีบออกตัว แต่ก็เต็มใจที่จะชวนเขาจริง ๆ
“ขอบคุณครับคุณลุง เอาไว้ขอผมดูโรงแรมในเมืองก่อนนะครับ” เขาไหว้เขมด้วยความนอบน้อม
“คุณมณกับหนูข้าว พรุ่งนี้ที่บ้านทำบุญตอนเช้า และก็ตอนเย็นมาโต๊ะจีนเลี้ยงคนแถวนี้ ยังไงก็ขอเชิญนะครับ และก็เชิญทุกคนด้วย งั้นผมขอตัวก่อน” เขมบอกก่อนที่จะเดินตรงไปที่รถ

“อุ๊ยตาย เริดพรุ่งนี้ฉันก็จะได้เห็นหน้าคุณน้ำ พ่อยอดดวงใจของฉันแล้วยายเจน”
เชอร์รี่กระซิบกับเจนจิรา
“ยะหล่อน เริดนะยะ แล้วที่มานี่คิดถึงเพื่อนหรือคิดถึงผู้ชายกันยะ”
“ว้ายหยาบคาย”

“ห้วย บักจอยมาแล่วพอมึง” ไม่ทันที่เขมจะออกรถไป ก็มีรถสามล้อเครื่องแล่นเข้ามาจอดในลานบ้านอีกคัน ป้าหวางเห็นก็วิ่งตรงไปหาเด็กหนุ่มที่ก้าวลงจากรถ (นั่นไอ้จ่อยมาแล้วพ่อมึง)
“อีแม อีพอ” แล้วหนุ่มน้อยก็ไหว้พ่อแม่ ก่อนที่จะเดินกลับไปรับหญิงที่ท้องโย้ให้ลงมาจากรถได้อย่างสะดวก (พ่อ แม่)
“สวัสดีคับพอกำนัน” จ่อยที่รู้จักเขมดี รีบยกมือไหว้ แต่คนอื่น ๆ เขายังไม่เคยเห็นหน้าแม้แต่ครั้งเดียว แต่เขาก็รู้มาจากพ่อแม่แล้ว ว่าคุณข้าวจะมาอยู่ที่นี่

“จอยมาไหว้แมป้ากับคุณเข่าเร็ว ๆ บักหล่า เอาอีนางมานำ” (จ่อยมาไหว้คุณป้ากับคุณข้าวเร็ว ๆ สิลูก นางด้วย)
ป้าหวางรีบบอกลูกชายและลูกสะใภ้ แล้วทั้งหมดก็ทำความรู้จักกัน และพูดคุยกันไปมา สร้างบรรยากาศตอนเช้า ๆ ที่ค่อนข้างจะเหงียบเหงากว่าหลายบ้าน ให้คึกคักขึ้นมาได้ไม่แพ้บ้านไหน ๆ เลย
“แม่ป้าคิดยังไงคะถึงได้ยอมให้นายเจตน์ตามมาด้วย แล้วที่มานี่จะมาเยี่ยมข้าว หรือว่าจะมาดูลู่ทางเพื่อที่จะได้เอามาเล่นงานพวกเราอีกคะ แม่ป้าไว้ใจนายเจตน์ง่ายเกินไปหรือเปล่าคะ” ภรัณยาไม่วางใจในเรื่องนี้เลย จึงรีบถามทันทีที่เจตน์ถูกเขมินท์มารับให้ไปนอนที่บ้านหลังจากอาหารเย็นเสร็จแล้ว

“นั่นสิคะแม่ป้า เจนก็ยังกลัว ๆ อยู่เลยนะคะ” เจนจิราเห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะเก็บความระแวงนี้เอาไว้ตลอดการเดินทาง
“ใช่ค่ะแม่ป้า นายเจตน์สร้างวีระกรรมเอาไว้ตั้งเยอะ เป็นเชอร์รี่นะคะจ้างให้ก็ไม่ยอมให้ตามก้นหรอกค่ะ”
“แมนค่ะ คุณแมป้า” แต๋นที่ตอนนี้เริ่มหลุดพูดเสียงในฟิล์มออกมา
“ไม่หรอกน่า แม่ป้าว่าเขาห่วงยายข้าวจริง ๆ นะ แม่ป้าก็เลยให้โอกาสเขาหน่อย อันที่จริงเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเรามากมายนักหรอก อย่าไปโกรธเขาเลย ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่าน ๆ ไปเถอะ อย่าไปผูกใจเจ็บเลย”
“สาธุ” สี่สาวยกมือขึ้นเหนือหัวแล้วก็พูดพร้อม ๆ กัน

“ไอ้ที่บอกว่าทำกับพวกเราไม่เท่าไหร่ของแม่ป้านี่ ก็แค่ข้าวต้องเสียเจ้ามินิวันไป แล้วก็ต้องกระเด็นจากกรุงเทพฯ มาอยู่บ้านนาและก็ทำนาจนตัวดำเป็นตอตะโกก็แค่นั้นเอง น้อหล่อนน้อ” เธออดประชดแม่ป้าไม่ได้
“เรามันก็อย่างนี้ทุกทีนะยายข้าว ไหนตัวดำตรงไหน ไม่เห็นจะดำเลย หน้าตาก็สดใสกว่าอยู่ที่โน่นอีก ดูผิวสิยังขาวเนียนอยู่เลย แม่ป้าว่าเราไปนอนคุยกันในห้องดีกว่านะ คิดถึงข้าวจะแย่แล้ว ไปเถอะหลาน ๆ ไปอัดกันในห้องดีกว่า” มณฑารีบตัดบท

“ก็ดีเหมือนกันค่ะ พรุ่งนี้ต้องไปทำบุญบ้านคุณลุงตั้งแต่เช้าด้วยค่ะ งั้นข้าวให้แม่ป้านอนบนเตียงนะคะ ส่วนข้าวกับเจนและยายเชอร์รี่จะนอนข้างล่างเองค่ะ” เธอเห็นด้วย แล้วทั้งหมดก็พากันไปอัดที่ห้องนอนของเธอจนแทบจะไม่มีที่เดิน เพราะบ้านทั้งบ้านเธอติดเครื่องปรับอากาศที่ห้องตัวเองคนเดียว ส่วนแต๋นไม่ชินกับการนอนห้องแอร์มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

“โอ้โห ทำไมคนเยอะจังล่ะคะแม่ป้า ข้าวว่าเรากลับไปเปลี่ยนชุดใหม่กันดีกว่า เจนว่ามั้ย” ภรัณยาที่นำรถมาจอดหน้าบ้านของเขมหันมาถามเพื่อนรักด้วยความไม่แน่ใจนัก กับเสื้อผ้าที่แม่ป้าของเธอบอกให้ใส่มางานทำบุญบ้านเขมในวันนี้
“นั่นสิข้าว ไม่ใช่เดิน ๆ ไปผ้าผ่อนหลุดไปกองกับพื้น ขายขี้หน้ากันพอดี”
เจนจิราเห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะตัวเธอเองก็ถูกมณฑาจัดหาผ้าถุงของนาดีมาให้ใส่เหมือนกัน
“อุ๊ยหล่อนจะไปกลัวอะไร หุ่นพวกเราออกจะเฟิร์ม ใส่อะไรก็ดูดีไปหมดนั่นล่ะ” เชอร์รี่ให้ความมั่นใจ

“นั่นสิ ถูกของหนูเชอร์รี่นะ ใส่แบบนี้ดีแล้วลูก มาทำบุญก็ต้องใส่ผ้าถุงสิ เห็นมั้ยคนเขาใส่กันทั้งบ้านทั้งเมือง เราสองคนไม่รู้อะไร ผ้าถุงที่หลาน ๆ ใส่อยู่นี่ เป็นผ้าไหมอย่างดี และก็เป็นผ้าไหมเก่าแก่หาใส่ยากมากนักในสมัยนี้ ลงไปได้แล้ว ดูสิพวกที่อยู่หลังรถรอกันหมดแล้ว”
มณฑาให้ความมั่นใจแก่สาว ๆ ทำให้ภรัณยาและเจนจิราต้องยอมเดินลงจากรถอย่างไม่มั่นใจนัก ส่วนเชอร์รี่นั้นไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอยากจะลงไปแทบจะแย่แล้ว

เขมินท์ที่ถูกพ่อสั่งให้ลงมารับมณฑาแทบจะหัวเราะออกมาตรงนั้น เพราะตั้งแต่เขาได้พบกับเธอจนมาถึงวันนี้ ก็ยังไม่เคยมีโอกาสเห็นเธอใส่ผ้าถุงกับชาวบ้านชาวช่องเขาเลย แล้วยิ่งได้เห็นอาการเดินที่เขาดูแล้วก็รู้ว่าแม่คุณนั้นขาดความมั่นใจลงไปกว่าครึ่งแล้ว ยิ่งทำให้เขาอยากจะหัวเราะออกมาซะตรงนั้น

“หวังว่าคงจะพากันใส่เข็มขัดรัดเอาไว้บ้างนะ หรือไม่อย่างนั้นก็หวังว่าคงจะพากันใส่กางเกงขาสั้นเอาไว้ข้างในอีกชั้นนะ เฮ้อ...แม่คุณ คิดยังไงถึงได้พากันมาในชุดนี้ ไม่ได้มาเดี่ยวด้วยนะ มากันแบบแพ็คเกจด้วย แต่ใส่แบบนี้ก็สวยดีเหมือนกันนะ ดูเป็นผู้หญิงเรียบร้อยขึ้นมากับเขาบ้าง เพราะปกติแม่คุณจะเปรี้ยวจนสะใจแทบจะทุกวันเลย” เขาคิดแบบขำ ๆ







 

Create Date : 04 ตุลาคม 2551
4 comments
Last Update : 4 ตุลาคม 2551 7:03:33 น.
Counter : 353 Pageviews.

 

ชอบก็บอกมาเถอะคุณน้ำ มาอัพต่อเร็ว ๆ น่ะ

 

โดย: ชะเอม IP: 125.24.174.232 4 ตุลาคม 2551 11:31:44 น.  

 

หึ หึ หึ

มีคนแอบลุ้นหน้าน้ำกับเราแล้ว ไชโย้

 

โดย: ธัญรัตน์ IP: 202.149.25.241 4 ตุลาคม 2551 21:18:43 น.  

 

ชอบเรื่องนี้ค่ะ แต่ยังไงก็ไม่ชอบนายเจตน์อยู่ดีเพราะว่าการกระทำน่ะมันรับไม่ได้ มันแย่มาก แล้วดูท่าทางจะมาเป็นมือที่สามของคุณน้ำกะหนูข้าวด้วยหรือเปล่าเนี่ย

 

โดย: น้องค่ะ (หนึ่งมณี ) 6 ตุลาคม 2551 11:23:47 น.  

 

นายเจตน์ไม่เป็นแบบนั้นหรอกค่ะคุณหนึ่ง

 

โดย: ธัญญะ 8 ตุลาคม 2551 21:41:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.