Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
16 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

ร้อยรวงใจ ๓๕ (ธัญรัตน์)




รายงานต่าง ๆ พร้อมการบ้านของนักเรียนที่ตั้งอยู่ตรงหน้ากองเท่าภูเขาที่สมิตาหอบมาจากโรงเรียน เพื่อมาตรวจเวลากลางคืนแทน แต่มันก็ไม่ก้าวหน้าไปไหนเลย เพราะใบหน้าที่ขาวเนียนนั้น เอาแต่เหม่อลอยไปถึงใครบางคนที่วันนี้ทำท่ารีบร้อนออกไป ซึ่งปกติเขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

“พี่น้ำจะไปทานข้าวหรือยังคะ ทุกคนรออยู่”
“ไม่ดีกว่าครับน้องโอ๊ะ หมดหน้าที่พี่แล้ว ขอกลับเลยดีกว่า พอดีมีธุระะด่วน งั้นเจอกันใหม่นะครับ”

เป็นเพราะอะไรที่ทำให้เขารีบกลับไปหาเธอขนาดนั้น ทั้ง ๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายเลย กับอีแค่เธอจะทำอาหารแค่อย่างเดียว ยังดึงให้เขารีบวิ่งไปหาซะขนาดนั้น สมิตารู้สึกเจ็บแปลบ ๆ ขึ้นมาที่อกทันที ที่ในใจคิดเรื่องที่เธอไม่อยากจะให้มันเป็น และคงจะยอมให้มันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะเขาคือคนที่เธอหมายปองมาตั้งแต่ไหนแต่ไหรแล้ว

สมิตาอดตำหนิตัวเองไม่ได้ ที่พักหลัง ๆ นี้ไม่ค่อยได้หาเหตุไปมาหาสู่เขาบ่อยเหมือนเมื่อก่อนนัก เพราะความเป็นลูกนายอำเภอ ทำให้เธอจะต้องหวั่นเกรงคำติฉินถ้าหากจะไปหาผู้ชายถึงบ้าน โดยไม่มีสาเหตุสำคัญมากพอ แต่ต่อไปนี้เธอสัญญากับตัวเองว่าจะพยายามสร้างเหตุให้ต้องไปหาเขาบ่อย ๆ เพื่อที่จะทำให้เขาไม่ลืมหน้าเธอ

แต่จะคิด ๆ ไปแล้ว เธอก็ให้นึกอิจฉาผู้หญิงอีกคนไม่ได้ ที่จู่ ๆ ก็ได้เข้านอกออกในบ้านของเขาอย่างสะดวกสบาย และเธอก็ไม่เห็นว่าจะมีใครคอยไปตำหนิภรัณยาเลยสักนิด นาก็ทำด้วยกันเป็นเดือน ๆ จะสานสัมพันไปถึงไหนต่อไหนก็ไม่มีใครว่าอะไร และเธอเองก็จนด้วยปัญญาที่จะเอาตัวเข้าไปขัดขวางได้ทุกครั้ง เพราะความห่างไกลของหน้าที่การงานนั่นเอง

“ยายโอ๊ะ นั่งทำอะไรอยู่ ใจลอยไปถึงไหนกัน” ดนัยที่เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นเงียบ ๆ ทักทายน้องสาว
“พี่อ่องนี่ มาเงียบ ๆ เค้าตกใจหมดเลย” เธอหันไปว่าพี่ชายด้วยความหัวเสีย
“แล้วเรามัวคิดอะไรอยู่ยายโอ๊ะ พ่อกับแม่เห็นนั่งเหม่อมาตั้งนานสองนานแล้วนะ” โสภณที่ดูทีวีอยู่กับภรรยาถาม
“เปล่าค่ะ เอ้อ จริงสิคะคุณพ่อ ออกพรรษานี้คุณพ่อจะไปทำบุญที่บ้านน้ำงามหรือเปล่าคะ เราไม่ได้ไปมาตั้งนานแล้วนะคะ พี่น้ำบอกว่าลุงกำนันบ่นถึงคุณพ่อหลายครั้งแล้วด้วยค่ะ” เธอหันไปถามพ่อ เพราะต้องการที่จะพึ่งพ่อเพื่อนำให้ไปหาเขา

“ได้ยังไงยายโอ๊ะ พ่อเราก็ต้องไปตักบาตรกับท่านผู้ว่าฯ สิ จะไปบ้านน้ำงามได้ยังไงกัน” มารดาหันไปบอก
“ว้า ทำไมจะต้องไปกับผู้ว่าฯ ด้วยคะ เราไปทำของเราไม่ได้เหรอ โอ๊ะไม่เห็นอยากจะไปทำบุญในเมืองเลย คนก็เยอะและไม่ค่อยรู้จักใครด้วย ไปบ้านลุงกำนันดีกว่านะคะคุณพ่อ นะคะ ๆ พี่อ่องช่วยอ้อนคุณพ่อสิ แล้วตัวเองก็จะได้ไปด้วยกันไง ไม่อยากจะไปเจอใครบางคนแถวนั้นเหรอ” เธอหันไปกระซิบพี่ชายให้ช่วย เพราะคิดขึ้นได้ว่าพี่ชายก็มีที่หมายปองอยู่เช่นกัน

“นั่นสิครับคุณพ่อ ผมก็ไม่ชอบไปในเมืองเหมือนกัน เราไปที่บ้านน้ำงามดีกว่านะครับ ขี้เกียจไปเอาใจท่านผู้ว่าฯ”
เขาบอกตามตรง เพราะเบื่อการเข้าสังคม ที่ต้องคอยปรนิบัติผู้ใหญ่ขึ้นมาแว๊ป ๆ
“เอาไว้ให้พ่อดูก่อนก็แล้วกัน ถ้ามีคนไปเยอะ ๆ พ่อก็ไม่ค่อยอยากเหมือนกัน เบื่อคนเยอะเต็มทีสงสัยจะเริ่มแก”
โสภณให้ความหวังลูกทั้งสอง เพราะเขาเองก็ออกอาการเบื่อ ๆ ไม่น้อยกับสังคมข้าราชการ

ป้าหวางและแต๋นพากันนั่งมองเจ้านายสาวหน้าสลอนด้วยความหวัง ขณะที่ในมือก็ใช้ตะกร้อคนแป้งในกะละมังจากกว้างไปหาแคบตามคำสั่งเจ้านาย ห้ามละเมิดโดยเด็ดขาด
“เอ่อ ใส่สีอ่อน ๆ นะ แล้วเวลาตักใส่พิมพ์นี่ใส่เยอะหรือเปล่า เอ้อ ๆ ๆ ขอบใจนะเพื่อนรัก”
เธอวางสายจากเจนจิรา เพราะไม่แน่ใจอะไรบางอย่างเกี่ยวกับการทำขนมปุยฝ้าย ซึ่งเธอจะทำไปตักบาตรพรุ่งนี้ เพราะเป็นวันออกพรรษา และเธอก็ไม่อยากจะทำข้าวต้มมัดตามคำแนะนำของป้าหวางด้วย คราวที่ทำบุญเดือนสิบเธอจำได้ว่า ขนมที่ชาวบ้านเอาไปตักบาตรนั้น มีแต่ข้าวต้มมัดซะเป็นส่วนใหญ่ พระท่านก็ฉันไม่หมด จนต้องเอาไปแจกให้เด็กนักเรียนกินแทน

มาคราวนี้เธอเลยขอลองทำขนมครั้งแรกในชีวิต จึงโทรไปปรึกษาเจนจิราเพื่อนรัก และก็ได้รับการแนะนำว่าให้ทำขนมนี้ เพราะเธอไม่มีเตาอบที่จะทำขนมอบได้เลย

“ป้าหวางคะ ค่อย ๆ คนนะคะข้าวจะหยดสีผสมอาหารลงไปแล้วค่ะ คุณแต๋นไปเตรียมเอาพิมพ์เรียงไว้ที่ถาดไป”
เธอสั่งการ แต่ก็ไม่ทันที่จะได้ทำอะไรกัน จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอดที่ลานบ้าน และก็ไม่ใช่แค่คันเดียวด้วย เธอและทุกคนจึงเดินไปดูที่ประตูระเบียง ก็พบว่ามีเจ้ามินิวัน มินิเอส และมินิคลับแมน สามคันจอดเรียงกันอยู่

“แม่ป้า ยายเจน ยายเชอร์รี่ ยายแป้ง ยายยุ้ย ยายเนยด้วย ว๊าย มากันได้ยังไงคิดถึงจึงเลย”
เธอร้องเรียกชื่อเพื่อน ๆ สมัยมัธยม ที่เธอคุ้นเคยด้วยความดีใจ เพราะตั้งแต่เรียนจบก็ไม่แทบจะไม่ได้เจอกันอีกเลย ด้วยต่างคนก็ต่างมีหน้าที่การงานที่ต้องแยกย้ายกันไปทำ ไม่เหมือนเจนจิรา และเชอร์รี่ที่อยู่ในกรุงเทพฯ จึงได้พบกันบ่อยครั้งกว่า แล้วเธอก็วิ่งไปกอดแม่ป้าที่คิดถึงเอาไว้

“พวกเราก็ขับเจ้ามินิมาสิ เป็นยังไงบ้างคุณเข่า ทำนาไปถึงไหนแล้ว” แป้งเพื่อนที่เคยเรียนมัธยมด้วยกันทักทาย
“ก็เรื่อย ๆ โห ยายเชอร์รี่เอาเจ้ามินิวันมาอวดฉันด้วย ทำให้ฉันพลอยคิดถึงของฉันเลย”
เธอตัดพ้อเพื่อนที่มีรถรุ่นเดียวกับเธอ
“นี่หล่อนฉันอุตส่าห์มาหาเธอนะยะ ยังจะมาว่าอีก ไหนขอเข้าห้องน้ำหน่อยขับรถมาไกลเหนื่อยนะ”
เชอร์รี่ที่แสดงกิริยาท่าทางของผู้หญิงจนเกินหน้าเกินตาเจ้าของเพศบอก
“เชิญยะหล่อน เข้าบ้านก่อนดีกว่านะ ยายเจน เมื่อกี้ไม่ยอมบอกว่าจะมาหาฉัน ไปเลย ไปช่วยทำขนมเลย ร้ายนะเธอกับแม่ป้านี่ คราวที่แล้วก็ทีหนึ่งแล้ว ฝากไว้ก่อนนะ” เธอหันไปหาเพื่อนรัก ก่อนที่จะพาทุกคนขึ้นบ้าน

“พวกเราจะมาดูบั้งไฟพญานาคกัน แต่จริง ๆ แล้วคิดถึงข้าวมากกว่า เพราะไม่ได้เจอตั้งนานมาก ๆ แล้ว พอดียายุ้ยเพิ่งกลับจากอังกฤษ ก็เลยโทรชวน ๆ กันขับรถมาเที่ยวหาเธอนี่ล่ะ” แป้งบอกความประสงค์เมื่อทุกคนขึ้นไปบนบ้านแล้ว
“เหรอ แต่ฉันก็ไม่เคยไปดูนะ เอาไว้จะถามคนแถวนี้ว่าจะไปยังไงก่อน แล้วจะให้เขาพาไป” เธอบอก
“คุณน้ำเหรอข้าว”
เจนจิราถามและยิ้มให้เพื่อนรัก เพราะเจนจิรามักจะเห็นสองคนถกเถียงหรือเล่นกันประจำตอนที่มาช่วยหว่านข้าว
“ใครกันเหรอคุณน้ำ ฮั่นแน่ อย่าบอกนะว่าเธอปิ๊งหนุ่มบ้านนาจนคิดจะปักหลักอยู่ที่นี่” เนยรีบถาม

“หนุ่มบ้านนาที่ไหนกันยะ เขาออกจะเพอร์เฟค ถ้าพวกหล่อนได้เห็นนะรับรองตาค้างเป็นแถว ๆ เลย”
เชอร์รี่รีบร้องออกมาบอก เมื่อร่างพ้นออกมาจากประตูห้องน้ำ ก่อนจะมานั่งรวมกับเพื่อนอีก
“จริงเหรอ ชักอยากจะเห็นแล้วสิ พาไปหน่อยเร็ว ฉันยิ่งกระหายผู้ชายไทยอยู่นะ” ยุ้ยทำเสียงตื่นเต้นตามสไตล์
“ไม่เอา เรื่องอะไรจะไป ฉันต้องทำขนมให้เสร็จก่อน ยายเจนมาช่วยหน่อยยังไม่ได้นึ่งสักถ้วยเลย”
เธอบอกแล้วก็รีบเดินหนีเพื่อน ๆ ไปหาป้าหวางที่นั่งทำขนมรออยู่
แต่ไม่นานก็มีเสียงรถมาจอดที่ลานหน้าบ้านอีก สักพักเขมก็เดินขึ้นมาพร้อมกับยิ้มเมื่อเห็นมณฑานั่งอยู่ ส่วนอีกฝ่ายนั้นก็แอบยิ้มให้เขาด้วยแววตาที่หวานฉ่ำไม่แพ้กัน

ตกเวลาบ่ายคล้อยเจ้ามินิทั้งสามคันก็วิ่งไปตามถนนที่จะไปบ่อปลาโดยมีรถของเขมนำไปจอดก่อนแล้ว เขาและมณฑาลงมาพร้อม ๆ กัน ส่วนสาว ๆ นั้นต่างก็ร้องวี๊ดว๊ายเมื่อได้มาพบกับบรรยากาศท้องทุ่งที่เขียวยจีไปด้วยต้นข้าวที่กำลังมีช่อดอกโผล่ขึ้นมาจากลำต้นแล้ว

“โอ้โห ยายข้าว ฉันอิจฉาเธอจริง ๆ เลยนะที่ได้อยู่ใกล้ ๆ ธรรมชาติแบบนี้ ดูสินี่ข้าวที่เธอปลูกเหรอ”
เนยร้องออกมาด้วยความดีใจกับภาพตรงหน้า
“ก็ไม่เชิงหรอก ที่นาของฉันอยู่โน๊น แต่ที่นี่ฉันก็ช่วยเขาหว่านเหมือนกัน แม่ป้าด้วย” เธอบอกและยิ้มด้วยความภูมิใจ
“เพ็ง ผมพาเพินมาเบิงปา แล่วกะตึกแหไห่จักบาทแนเด้อ สิเอ่าปาไป่ปิ้ง แล่วน้าน้ำบ่ทันได้มาบ้อ หน่ะ คือโทมาบอกตั้งแตโดน ๆ แล่ววาให้มาพ่อกันยูสะปา” เขมบอกเพ็งเมื่อเขาเดินออกมาจากกระท่อม พร้อมกับถามหาลูกชายด้วย
“มาแล้วครับพ่อกำนัน สั่งจังเลยนะครับ ผมก็ยังไม่เสร็จงานเลย”
เขมินท์ที่ต้องจอดรถไว้หลังมินิทั้งสามคันเดินเข้ามาเงียบ แต่พอสาว ๆ ที่ยังไม่เคยเห็นเขาแค่นั้น

“ว๊าย ยายเจน นี่อย่าบอกนะว่าคือคุณน้ำของยายข้าวหน่ะ ฉันอยากจะมาทำนาแล้วล่ะ”
ยุ้ยถึงกับร้องลั่นแล้ววิ่งไปแอบกระซิบกับเจนจิรา
“ตัวจริงเสียงจริงเลยล่ะเธอ เป็นไงเริดมั้ยยะหล่อน” เชอร์รี่คอนเฟิร์มแทนเพื่อน
“อุ๊ยตายแล้ว จริง ๆ เหรอยายเชอร์รี่ เฮ้อ ทำไมหล่อ คม เข้มอย่างนี้ ดูสิ สูงก็สูง ขาวก็ขาว หุ่นก็แม๊นแมน นี่ว่าแต่เขาบอกรักยายข้าวหรือยัง เป็นแฟนกันอย่างเปิดเผยหรือยัง” แป้งเดินมาซุบซิบด้วย

“อันนี้ยังไม่รู้หรอก แค่แหย่ ๆ ยายข้าวเล่น ๆ หน่ะ” เจนจิราบอกตามจริง
“แต่ถึงจะใช่ฉันก็จะขัดขวางสุดฤทธิ์ยะหล่อน ก็คุณน้ำออกจะแมนซะขนาดนี้” เชอร์รี่ไม่วาย
“งั้นก็แปลว่าฉันยังมีความหวังอยู่หน่ะสิ เฮ้อ ฉันรักบ้านนาเข้าให้แล้ว” แป้งทำท่าทำทางรำพึงด้วยอาการเคลิ้ม
“ทุกคนก็มีหวังหมดแล่ะย่ะยายแป้ง นี่อย่างนี้มันต้องใครดีใครได้นะ ฉันจะรีบไปทำคะแนนก่อน”
เชอร์รี่บอกแล้วก็รีบเดินไปใกล้ ๆ เขมินท์ มณฑาและเขมที่เดินอยู่ ส่วนภรัณยานั้นเพิ่งจะพาเนยเดินกลับจากดูข้าวที่ท้องนา ยังไม่ทันได้ยินที่เพื่อน ๆ คุยกัน

เขมินท์เริ่มรู้สึกว่าไม่เป็นตัวของตัวเองตั้งแต่อยู่ที่บ่อปลาแล้ว เพราะเขามักจะถูกเพื่อน ๆ ของคุณเธอคอยจ้องมองแทบไม่วางตาเลย แม้กระทั่งตอนนี้ ซึ่งเขาไม่ค่อยจะชอบสักเท่าไหร่ เพราะสาว ๆ คอยป่วนเขาโดยเข้าไปคอยถามโน่นถามนี่ ไม่ว่าเขาจะไปทำอะไรสาวเจ้าก็จะคอยช่วยหยิบจับให้แทบทุกอย่าง ถึงเขาจะรู้ว่าสาว ๆ ก็คแค่ป่วนเขาไปอย่างนั้นก็เหอะไม่ได้จริงจังอะไร

“เฮ้อ แค่ลำพังแม่คุณคนเดียวก็แทบจะรับมือไม่ไหวอยู่แล้ว นี่อะไรกันเล่นมาเป็นแพ็กเกจอีก แล้วดูเพื่อนแต่ละคนสิ ช่างเข้าใจมาคบกันจริง ๆ เลย ทั้งหุ่น ทั้งหน้าตา ทั้งเสื้อผ้า หน้าผม ไม่หนีกับเลยจริง ๆ ให้ตายสิ ตกลงแม่คุณนี่จะไม่คบคนหน้าตาขี้เหล่ ๆ เข้าเซ็ทหน่อยเลยรึไงนะ”

เขาอดบ่นในใจไม่ได้อีกแล้ว เพราะเพื่อน ๆ ของเธอแต่ละคนนั้น ล้วนแต่เป็นคนหน้าตาสะสวย ผิวขาวผุดผ่องเป็นยองใยทุกคนเลย และที่สำคัญข้าวของที่ใช้ก็ล้วนแต่เป็นแบรนด์ดัง ๆ ทั้งนั้น ทำให้เขาเดาได้ไม่ยากเลยว่า สังคมของเธอที่ผ่าน ๆ มาจะเป็นยังไง คงจะหนีไม่พ้นชีวิตที่หรูหราฟู่ฟ่าตามคอนเซฟของคุณเธอนั่นล่ะ

ผู้คนที่มาทำบุญนั่งอยู่ศาลาเช่นงานบุญข้าวสาก หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะมีชาวบ้านผู้ชายหลาย ๆ คนไม่มีที่นั่ง ต่างพากันเอาเสื่อ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า สาด ไปปูนั่งใต้ต้นไม้ใกล้ ๆ ศาลาแทน โสภณและครอบครัวก็มาร่วมทำบุญด้วย สมิตารีบจัดแจงให้ตัวเองไปนั่งใกล้ ๆ เขมินท์โดยไม่ได้สนใจว่าใครจะมองเลย เพราะเธอถือเอาว่านั่งใกล้ ๆ แม่ด้วย จึงดูไม่น่าเกลียด

ภรัณยาและแม่ป้า พร้อมกับทุกคนในบ้าน รวมกับเพื่อนสาวแท้และเทียมของเธอต่างมาในชุดผ้าซิ่น ซึ่งก็เป็นของแม่เธอทั้งหมด ยกเว้นเชอร์รี่ที่อยากจะใส่แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะตัวยังเป็นชายถึงใจจะหญิงก็ตาม ชาวบ้านต่างพากันหันไปมองเธอและกลุ่มเพื่อนเป็นตาเดียวกัน เพราะตลึงในความสวยของคนกรุงเทพฯ ทำให้เพื่อน ๆ ชอบใจเป็นที่สุด เพราะได้เป็นจุดเด่นของงาน

“นี่หล่อนใครหน่ะที่ไปนั่งใกล้ ๆ คุณน้ำของฉัน” ยุ้ยรีบหันไปกระซิบถามเจนจิรา เพราะเกิดอาการหมั่นไส้สุดฤทธิ์
“คุณโอ๊ะ ลูกนายอำเภอเชียวนะ นั่นไงพ่อแม่นั่งอยู่ใกล้ ๆ แล้วนั่นก็พี่ชาย ฉันเพิ่งจะเคยเห็นครั้งแรก ยายข้าวเพิ่งจะบอกเมื่อกี้นี่เอง หล่อไม่หยอกเลยนะเธอ สนใจจะเปลี่ยนเป้าหมายมั้ย” เจนจิราแหย่เพื่อน
“เริดนะยะ” เชอร์รี่เหน็บ
“ไม่ยักรู้นะว่าบ้านนอกคอกนาแบบนี้ จะมีหนุ่ม ๆ หล่อ ๆ ให้มองอีก”
แป้งหันมาบอกเมื่อได้ยินทุกคำที่เจนจิราพูด แต่ทุกคนก็ต้องเงียบเสียง เพราะถูกมณฑายื่นมือไปสกิด เพราะพระเริ่มจะสวดแล้ว

“คุณข้าวขอผมนั่งกินข้าวด้วยคนนะครับ ตรงโน้นคนเยอะแล้ว และอีกอย่างขี้เกียจเป็นก้างขวางคอยายเจนกับพี่น้ำหน่ะครับ” ดนัยเดินมาหาเธอ เมื่อทุกคนกำลังจะนั่งกินข้าวที่ศาลา หลังจากที่พระฉันเสร็จและกลับกุฏิไปแล้ว
“เชิญค่ะคุณอ่อง นี่เพื่อน ๆ ข้าวค่ะ”
เธอบอกและแนะนำเพื่อน ๆ ให้รู้จักกับเขา ส่วนหางตานั้นก็อยากจะชำเลืองไปมองเขมินท์และสมิตาที่นั่งกินข้าวข้าง ๆ กันอยู่หรอก แต่เธอก็ยังอยากจะรักษาคอนเซฟที่ว่า สวย เริด เชิด หยิ่งอยู่นั่นเอง

“เชอะ นายมีลูกสาวนายอำเภอนั่งใกล้ ๆ ได้ ฉันก็มีลูกชายนายอำเภอมานั่งใกล้ ๆ ได้เหมือนกัน เรื่องอะไรจะยอมแพ้ นี่ถ้ามีลูกผู้ว่าฯ มาอีกคน ฉันก็รับรองว่าเขาต้องหนีไม่พ้นฉันแน่ ๆ ไม่เคยได้ยินรึไง สวยเลือกได้ แต่ เฮ้ย ๆ ยายข้าว นี่หล่อนจะไปใส่ใจกับเขาทำไมกัน หล่อนกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันนะ เลิกติงต๊องได้แล้ว
เธอไม่ได้ปิ๊งเขาหรอก เธอยังมีงานอีกเยอะแยะรอให้เธอทำอยู่ที่กรุงเทพฯ อยู่จำเอาไว้ แต่ถ้าไม่ได้ปิ๊งเขาแล้วทำไมเธอถึงหวั่นไหวจนตั้งสติไม่อยู่ตอนที่เขา....เธอในน้ำวันนั้น เฮ้อ ยายข้าวนะยายข้าว” เสียงภายในนั้นถกเถียงกันไปมาจนเธอไม่รู้ว่าจะเอายังไงกับตัวเองเช่นกัน แต่ก็สงบสติอารมณ์เอาไว้ภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสแทน

“ไปก่อนนะคะคุณข้าว เอาไว้เจอกันเย็นนี้ พี่น้ำแต่งตัวหล่อ ๆ นะคะ” สมิตาร้องบอกทั้งเขาและเธอ ก่อนจะขึ้นรถที่มีพ่อและแม่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ส่วนดนัยนั้นทำหน้าที่เป็นคนขับเหมือนตอนขามา
สมิตายังไม่วายที่จะหันกลับไปดูคนทั้งสองหลังจากที่รถออกยังไม่พ้นเขตวัด แล้วก็เห็นทั้งคู่แยกย้ายกันไปคนละทาง ไม่ได้กลับด้วยกันตามที่เธอคาดการเอาไว้แต่แรก แล้วรอยยิ้มแห่งความดีใจลึก ๆ ที่ยังไงเธอก็ยังคิดว่าตัวเองเป็นต่อภรัณยาอยู่ไม่น้อยเผยออกมาให้เห็น เพราะดูจากวันนี้เธอได้ใกล้ชิดเขาตลอดระยะเวลาที่ทำบุญด้วยกันทั้งเช้า โดยที่เขาไม่ได้เดินไปเฉียดใกล้เธอเลยแม้แต่น้อย

อย่าว่าแต่เดินเฉียดเลย แม้แต่มองเธอก็ไม่เห็นเขามองไปหาภรัณยาเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเพราะด้วยที่มีพี่ชายของเธอไปนั่งใกล้ ๆ แทนหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะยังไงสมิตาก็มีความสุขไม่น้อยในเช้านี้ และเธอก็จะหาเหตุให้ได้พบกับเขาบ่อย ๆ จะได้ใกล้ชิดกันอีก อย่างเช่นคืนนี้ เมื่อเธอรู้ว่าเขาได้รับหน้าที่พาภรัณยาและเพื่อน ๆ ไปดูบั้งไฟพญานาค เธอและพี่ชายไม่รีรอที่จะขอแจมด้วย และเธอก็วาดภาพเอาไว้แล้วว่าคืนนี้เธอจะปฎิบัติตัวยังไงกับเขา เพื่อจะได้ประกาศให้ภรัณยารู้ว่าใครก็อย่ามาใกล้คนของเธอเด็ดขาด

“ไม่เห็นอยากจะไปดูเลยบั้งไฟพญานาค เราไปตั้งหลายหนแล้วไม่ใช่เหรอยายโอ๊ะ ตาอ่องก็เหมือนกัน” นาถยาบ่นลูกทั้งสองขณะที่นั่งมาในรถ เพราะไม่ค่อยจะพอใจพ่อลูกชายนัก ที่นอกคอกไปนั่งกินข้าวกับภรัณยาตอนที่อยู่วัด
“แหม คุณแม่คะ ก็คุณข้าวกับเพื่อน ๆ ยังไม่ได้ดูนี่คะ พี่น้ำต้องพาพวกเขาไป โอ๊ะก็เลยพลอยอยากจะไปด้วย”
“แล้วเราล่ะจะไปกับเขาทำไมกันตาอ่อง”
“โธ่คุณแม่ครับ จะให้ยายโอ๊ะไปคนเดียวได้ยังไงครับ เดี๋ยวก็โดนคนครหาหรอก ลูกสาวนายอำเภอไปเที่ยวกลางค่ำกลางคืนกับผู้ชาย ใครรู้เข้าอายเขานะครับคุณแม่” ดนัยพยายามหาเหตุมาอ้าง

“โอ๊ะไปสองต่อสองที่ไหนพี่อ่อง พูดให้มันดี ๆ นะ” เธอแหวใส่พี่ชายที่บังอาจเอาเธอไปอ้าง
“แต่ผมว่าให้เจ้าอ่องมันไปกับยายโอ๊ะดีแล้วนะคุณ ผมไม่อยากให้ใครมาว่าลูกได้ เราก็เหมือนกันนะยายโอ๊ะ จะพูดจาอะไรกับพ่อน้ำ ก็ให้มันน้อย ๆ หน่อย อย่าให้มันออกนอกหน้านัก”
เขาออกความคิดเห็น และเตือนลูกสาวไปด้วย เพราะเห็นแล้วว่าลูกสาวนั้น พูดคุยหยอกล้อกับเขมินท์อย่างสนิทสนมจนออกจะเกินงาม แต่โชคดีที่เขมินท์นั้นวางตัวเป็น จึงดูไม่น่าเกลียดนัก
“โธ่คุณพ่อคะ โอ๊ะกับพี่น้ำสนิทกันมาตั้งแต่โอ๊ะเด็ก ๆ แล้วนะคะ จะพูดคุยกันบ้างจะเป็นไรไปคะ”
“แต่เราเป็นสาวแล้ว และพ่อน้ำก็เป็นหนุ่ม และเป็นหนุ่มที่ถูกคนแทบจะทั้งหมู่บ้านจับตามอง แล้วการที่มีผู้หญิงเข้าไปเกี่ยวข้องกับเขามาก ๆ ก็ทำให้คนอาจจะเข้าใจผิดไปก็ได้ว่าเป็นคนใกล้ชิดของเขา ซึ่งถ้ามันเป็นแบบนั้นพ่อก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นอย่างที่คนเขาเข้าใจ พ่อว่าเราจะเสียมากกว่าได้นะ”

“แม่เห็นด้วยนะยายโอ๊ะ เอาเป็นว่าต่อไปแม่ก็จะให้พี่เราคอยไปด้วยบ่อย ๆ ก็แล้วกัน เวลาเราจะไปไหนกับพ่อน้ำ แล้วแม่จะบอกให้อีกอย่างนะว่า หัดมองหนุ่ม ๆ คนอื่นเอาไว้บ้าง เราหน่ะเป็นเพชรที่มีแต่คนคอยหมายปองนะ เผื่อพลาดพลั้งไปจะได้ไม่เสียหน้า และอีกอย่างหนึ่งแม่ก็อยากจะให้ลูกสาวแม่ได้คนที่เหมาะสมมาเป็นคู่ครอง” นาถยาอดย้ำไม่ได้
“เจ้าค่ะ ๆ เสด็จแม่และเสด็จพ่อ หม่อมฉันจะพยายามทำตามอย่างเคร่งครัดนะคะ”
เธอเข้าใจที่จะไม่ถกเถียงพ่อแม่ในเวลานี้ เพราะนั่นไม่ใช่นิสัยที่แท้จริงของเธอ แล้วที่สำคัญที่สุดแง่คิดของพ่อและแม่นั้นเธอตระหนักดีเสมอ

เส้นทางที่จะไปอำเภอโพนพิสัย แน่นขนัดไปด้วยรถที่ติดกันเป็นสายกินระยะทางนับสิบ ๆ กิโลเมตร ส่วนถนนอีกฟากนั้นจะหารถที่วิ่งผ่านแทบจะไม่มี หรือถ้ามีก็น้อยคันมาก ผู้คนที่นั่งอยู่หลังรถปิ๊กอัพต่างพากันส่งเสียงร้องโห่ แซวกันไปแซวกันมาด้วยความครื้นเครง บางคันก็กินเหล้าพร้อมกับแหกปากร้องเพลงไปตามจังหวะกลองที่เอาขึ้นบนหลังรถไปด้วย

“นี่ยายข้าว บอกฉันหน่อยได้มั้ยว่าไอ้ที่เรากำลังจะไปนี่มันเป็นกรุงเทพฯ ไม่ใช่จะไปดูบั้งไฟพญานาค”
เชอร์รี่ทำหน้าที่เป็นคนขับถามเธอด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะรถติดแหง็กมาเป็นชั่วโมง ๆ แล้ว
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ ก็ยังไม่เคยมาดูเหมือนกัน คุณแต๋นปกติจะเป็นแบบนี้ทุกปีเลยเหรอ”
เธอหันไปถามแต๋นที่นั่งรถมาด้วย

“แต๋นก็ไม่ได้มานานมากแล้วนะคะ แต่เห็นข่าวในทีวีเขาบอกว่าคนมาดูเยอะมาก ๆ เลยค่ะ”
“เริดค้า เฮ้อ ถ้ารู้อย่างนี้ไปนั่งฟอร์จูนเนอร์ดีกว่า จะได้มีอะไร ๆ เจริญหูเจริญตากว่านั่งมากับพวกหล่อนเนี๊ยะ”
เชอร์รี่อดเสียดายไม่ได้ เพราะเขมินท์เป็นคนขับโดยมีสมิตานั่งคู่มาด้วย ส่วนมณฑาและเขม พร้อมกับลุงคำและป้าหวางเป็นคนโดยสาร ส่วนรถของดนัยนั้นต้องให้แป้ง ยุ้ย และเนยนั่งไปด้วย
“นี่ยายเชอร์รี่ ถ้าอยากไปนักก็ไปสิยะ แล้วคิดเหรอว่าไปแล้วจะเหลือที่ไว้ให้หล่อนนั่งหน่ะ เขามีตุ๊กตานั่งไปด้วยทั้งคน แล้วก็เป็นตุ๊กตาบาร์บี้ซะด้วย อย่างหล่อนนี่เป็นได้แค่ตุ๊กตาหุ่นฟาง เขาคงจะต้องให้หล่อนเกาะหลังคาไปแทนมั้ง”
เจนจิราแซว แล้วทุกคนก็หัวเราะกันอย่างครื้นเครงรวมทั้งภรัณยาด้วย แต่ในใจนั้นอดหวั่นไหวไม่ได้กับคนที่นั่งคู่มากับเขา

ภาพของฝูงชนที่พากันเดินไปตามชายฝั่งแม่น้ำโขง ที่ข้าง ๆ ทางนั้นเต็มไปด้วยร้านค้านับร้อย ๆ ร้าน มีทั้งอาหารหวานคาวที่วางขายให้เลือกซื้อจนแทบไม่หวาดไม่ไหว ผู้คนต่างพากันถือเสื่อ หรือกระดาษสำหรับรองนั่ง เดินทยอยกันไปจับจองพื้นที่ว่าง ๆ ตามริมฝั่งโขง เพื่อรอดูปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เป็นที่ฮือฮา และถกเถียงกันมานานว่ามันเป็นฝีมือมนุษย์ หรือฝีมือของธรรมชาติ หรือจะเป็นฝีมือของเจ้าผู้ครองนครบาดาลตามที่ชาวบ้านพากันเชื่อมานานนับสิบ ๆ ปี


ภรัณยาสังเกตว่าผู้คนที่มาส่วนใหญ่นั้นจะเป็นชาวต่างชาติและคนต่างถิ่นไม่ต่ำกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ จะเห็นได้จากการแต่งเนื้อแต่งตัวที่ดูจะทันสมัยกว่าชาวบ้านธรรมดา ๆ หรือว่าเธออาจจะเดาผิดก็ได้ ก็ในเมื่อคนที่ไปเดินห้างให้เธอเห็นคราวก่อนยังเป็นคนหนองคายแทบทั้งหมดเลย ดังนั้นเธอจึงไม่อยากจะเอาการแต่งตัวเป็นเครื่องวัดพื้นเพของผู้คนอีกต่อไปแล้ว

“คุณข้าวน้ำครับ”
ดนัยยื่นขวดน้ำให้เธอ และให้เพื่อน ๆ ของเธอคนละขวด แล้วเขาก็จัดการจ่ายเงินเองทั้งหมด
“ไปนั่งรอตรงโน้นดีกว่านะครับ เขาบอกว่าปีที่แล้วมีบั้งไฟพุ่งมาจากจุดนั้นเยอะกว่าที่อื่น”
ดนัยแนะพร้อมกับเดินนำทุกคนไป ภรัณยาหันไปมองหาคนที่มาด้วยรอบ ๆ ก็เห็นแม่ป้ากับคุณลุงเดินคู่กันไป ป้าหวางและลุงคำก็เดินดูข้าวของตามร้านค้าต่าง ๆ อยู่ใกล้ ๆ กันด้วย ส่วนเขมินท์นั้น ออกจะแยกคู่ไปกับสมิตา ทั้งสองเดินดูข้าวของตามร้านค้าที่ทั้งคู่สนใจ แล้วเธอก็เห็นเขาควักกระเป๋าจับจ่ายให้กับสมิตาแทบจะนับชิ้นไม่ถ้วน

“นี่ยายข้าว หล่อนปล่อยให้คุณน้ำของหล่อนโดนฉวยไปได้ยังไงยะ ฉันยอมไม่ได้นะ” เชอร์รี่กระซิบไปข้าง ๆ เธอ
“นี่เขาไม่ได้เป็นของฉันนะยะ พูดให้มันดี ๆ ด้วย ไหนหล่อนบอกว่าเขาเป็นของหล่อนไง”
เธอหันไปโต้เพื่อนทันควัน แต่ก็บอกไม่ได้ว่าหัวใจนั้นแป้วไปมากน้อยแค่ไหนที่ได้เห็นทั้งสองคนสนิทสนมกันแบบนั้น แต่เธอก็หันมาให้ความสนใจกับดนัยที่คอยตามเอาใจใส่เธอแทบจะตลอดแทน
“เริดนะยะหล่อน เดี๋ยวได้เจอฤทธิ์แม่เชอร์รี่ซะแล้ว” เชอร์รี่ออกอาการหึงเขาแทนเพื่อน
“นี่หล่อนให้มันน้อย ๆ หน่อยนะ คุณน้ำหน่ะของฉันนะ” ยุ้ยรีบห้ามทันที

“นั่น ๆ เดินมาทางนี้แล้วยายเชอร์รี่” แป้งรีบกระซิบบอก
“คุณน้ำคะมานั่งทางนี้ค่ะ พวกเราปูเสื่อรอแล้ว”
เชอร์รี่อดหมั่นไส้ไม่ได้ รีบไปดึงเอาแขนของเขาให้มานั่งที่เสื่อที่มีทุก ๆ คนนั่งรอดูบั้งไฟกันหมดแล้ว และเชอร์รี่ก็จัดการนั่งกั้นระหว่างเขาและสมิตาเอาไว้ ทำให้เจนจิราและเพื่อน ๆ อดขำไม่ได้ ส่วนภรัณยานั้นไม่ได้สนใจเขาอีกต่อไปแล้ว เพราะไม่อยากจะเสียฟอร์ม เธอจึงหันไปให้ความสนใจกับหนุ่มที่นั่งข้าง ๆ เพื่อเป็นการเย้ยเขาให้สะใจเล่น

“คุณข้าวจะเอาอะไรอีกหรือเปล่าครับ ผมจะไปซื้อขนมกับน้ำมาไว้อีก เดี๋ยวคนเยอะ ๆ จะออกไปลำบาก” ดนัยถามเธอ
“คุณข้าวไม่เอาอะไรอีกหรอกอ่อง เพราะว่าคุณข้าวคงจะอิ่มอกอิ่มใจที่ได้...มาเที่ยวคืนนี้” เขาพูดแทรกไปและหันไปมองเธอแค่ครู่เดียวก่อนที่จะหันหนีไป เพราะไม่อยากจะเห็นใบหน้าที่กำลังระรื่นเมื่อมีดนัยคอยมานั่งใกล้ ๆ
“ไม่เอาค่ะขอบคุณ คุณอ่องมาก ๆ นะคะ ที่คอยดูแลข้าวกับเพื่อน ๆ ผิดกับคนบางคนที่ลืมหน้าที่ตัวเอง”
เธอบอกดนัยแต่นัยตานั้นมองไปยังเขา เพื่อเป็นการตำหนิก่อนที่จะหันหนีไป เจนจิราและเชอร์รี่รวมกับเพื่อนคนอื่น ๆ ต่างหันหน้าไปหากันแล้วก็ยิ้มให้กัน







 

Create Date : 16 ตุลาคม 2551
0 comments
Last Update : 16 ตุลาคม 2551 11:52:56 น.
Counter : 349 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.