Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
2 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

ร้อยรวงใจ ๒๒ (ธัญรัตน์)




เสียงแตรรถดังขึ้นเป็นระยะ ๆ อยู่บนท้องถนนที่คับคั่งไปด้วยรถ ฝุ่นละอองและกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจากท่อไอเสียรถคันแล้วคันเล่า ผู้คนที่ใช้รถมอเตอร์ไซด์ต่างพากันขับซอกแซกไปตามช่องเล็ก ๆ ระหว่างรถใหญ่สองคันที่จอดติดเป็นแพยาวมาเกือบชั่วโมงแล้ว กว่าจะเคลื่อนตัวไปได้แต่ละคืบนั้นมันช่างนานแสนนานเสียเหลือเกินสำหรับผู้คนที่นั่งรออยู่ในรถ แต่ก็ยังดีที่ในรถนั้นมีไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศ

แต่สำหรับรถประจำทางที่เนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่ยืนเบียดเสียดกันจนกระเป๋ารถแทบจะหาทางเดินไปเก็บเงินไม่ได้ด้วยซ้ำ ผู้คนในรถที่ยืนตัวติดกันแต่ไม่มีใครมองใคร ไม่มีใครพูดอะไรกับใคร ทุกคนมีแต่ทำหน้าเรียบเฉย และก็ชะเง้อมองไปข้างหน้า ว่าเมื่อไหร่เจ้ารถเมลย์จะพาตัวเองไปถึงจุดหมายเสียที เพราะอากาศในรถร้อนตับแทบแล๊ป เมื่อมองไปข้างนอกรถแดดยามบ่าย ๆ ก็ช่างร้อนระอุสิ้นดี

“โอย ถึงซักทีฉันจะบ้าตาย ทำไมกรุงเทพฯ มันรถติดหนักขึ้นทุกวัน ๆ ล่ะ นี่ขนาดน้ำมันแพงลิบลับยังมีคนไปไหนมาไหนไม่ต่างจากตอนน้ำมันถูก ๆ เลย” มณฑาบ่นเป็นหมีกินผึ้งขณะที่ตัวเองเปิดประตูเข้ามาในร้านเสริมสวยประจำ ไอเย็น ๆ จากเครื่องปรับอากาศ ทำให้อารมณ์เธอค่อยเย็นลงไปได้บ้าง
“อุ๊ยตาย คุณพี่มณ อ๋อยคิดว่าไปแล้วจะหายไปเลย ลืมพวกเราซะอีกค่ะ ลมอะไรหอบมาแถวนี้คะ แล้วบ้านใหม่เป็นยังไงบ้างคะน่าอยู่หรือเปล่าเอ่ย” อ๋อยสาวประเภทสองที่เป็นเจ้าของร้านเสริมสวยร้องทักทายเธอด้วยความดีใจ

“ก็คุณอ๋อยปากหวานอย่างนี้สิคะ พี่ถึงไปไหนไม่รอดสักที ทำที่ไหน ๆ ก็ไม่ถูกใจเท่าทำที่นี่หรอกค่ะ” มณฑาตอบ
“อุ๊ย ขอบพระคุณค่ะที่ไว้วางใจอ๋อย รับน้ำมะตูมเย็น ๆ ก่อนนะคะ” อ๋อยบอก เมื่อเด็กในร้านยกแก้วน้ำมาให้
“อ้าว คุณเดือนอยู่นี่เหรอคะ โทษทีค่ะมณไม่ทันเห็น สบายดีนะคะ” มณฑาทักทายเพื่อนบ้านเก่าที่อยู่ติดบ้านของเธอ
“สบายดีค่ะคุณมณ แล้วตกลงย้ายไปอยู่ที่ไหนกันคะ หนูข้าวไม่มาด้วยเหรอคะวันนี้” เดือนถาม

“ยายข้าวไม่ได้มาหรอกค่ะ และก็ไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯ ได้สักพักแล้วค่ะ” มณฑาตอบตามความจริง
“อ้าว แล้วไปไหนคะ หรือว่าไปทำงานต่างประเทศแล้ว เอ หรือว่าแต่งงานกับเศรษฐีร่ำรวยไปแล้ว”
“ยังหรอกค่ะ โอยพูดแล้วเรื่องมันยาว อย่าให้เล่าเลยดีกว่าค่ะ” มณฑาโบกมือโบกไม้
“โธ่ คุณพี่มณคะ พวกเราก็รู้จักน้องข้าวมาตั้งแต่เล็ก ๆ แล้ว เล่าให้เราฟังบ้างสิคะว่าน้องข้าวไปทำอะไรที่ไหน ไม่เจอตั้งนานแล้ว อ๋อยก็คิดถึงเหมือนกันนะคะ” อ๋อยโอดครวญ
“เฮ้อ พูดแล้วก็สงสารหลานจริง ๆ อันที่จริงพี่ไม่อยากจะเล่าหรอกนะคะ........”
แล้วเรื่องราวทั้งหมดก็ถูกบอกกล่าวจากมณฑาอย่างละเอียดทุกเม็ด
“เฮ้อ ขนาดไม่อยากจะเล่านะเนี๊ย” เดือนคิดในใจ และยิ้มด้วยความสมหวังที่ไม่ต้องเหนื่อยก็รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว

“เธอว่าอะไรนะนุช ยายข้าวได้รับมรดกจากพ่อเป็นที่ดินสามร้อยไร่เหรอ แล้วยายข้าวจะขายที่ดินเพื่อเอามาซื้อบริษัทฯ ของฉันอย่างนั้นเหรอ เธอไปเอาข่าวนี้มาจากไหน เชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหนกัน”
เจตน์แทบจะสำลักอาหารเย็นที่นั่งกินกับปิยนุชที่คอนโดเพียงสองคน เมื่อเขารู้เรื่องราวต่าง ๆ จากปิยนุช
“ก็คุณมณฑาเป็นคนบอกป้าเดือนที่นุชจ้างไว้ให้คอยดูเหตุการณ์ที่บ้านคุณเจตน์คราวนั้นไงคะ วันนี้แกไปทำผมแล้วบังเอิญไปเจอคุณมณฑา ก็เลยรู้ทุกเรื่องเลยค่ะ เพราะคุณมณฑาเป็นคนเล่าให้ฟังเอง” ปิยนุชที่ตกใจเสียงเจตน์จนทำอะไรไม่ถูก

“ที่ดินสามร้อยไร่ ถ้าขายได้ไร่ละล้านก็สามร้อยล้าน แล้วสมัยนี้มันยังมีที่ดินที่ขายได้แค่ไร่ละล้านอยู่อีกเหรอ ฉันเห็นแต่สามสี่ล้านขึ้น แล้วถ้ายายข้าวขายได้เมื่อไหร่ อย่าว่าแต่แค่บริษัทฉันเลย บ้านหลังนั้นก็ซื้อได้ คอนโดนี้ก็ซื้อได้ แล้วฉันจะทำยังไงดีล่ะนุช” เจตน์มีสีหน้าและท่าทางที่ร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด
“ใจเย็น ๆ ก่อนสิคะคุณเจตน์ ฟังนุชเล่าให้จบก่อนสิคะแล้วค่อยกลุ้ม” ปิยนุชบอกและยิ้มให้เขา
“มีอะไรที่ฉันยังไม่รู้อีก รีบ ๆ เล่ามาให้หมดเลย”

“อืม...ถึงที่นาจะขายยังไม่ได้ในตอนนี้ แต่ก็เหลือเวลาอีกไม่นาน และราคามันก็คงจะไม่น้อยเท่าไหร่หรอกถ้ายายข้าวขายยกแปลง ก็ได้เงินมากพอที่จะมาเปิดบริษัททัวร์แข่งฉันได้ก็แล้วกัน แล้วฉันจะทำยังไงดี เพื่อไม่ให้ยายข้าวขายที่นาได้สำเร็จ จะไปตีซี้กับนายทุนแถวนั้นก็ไม่รู้จักใคร สงสัยฉันจะต้องหาเวลาไปดูลาดเลาของคู่แข่งสักหน่อยแล้ว เผื่อจะได้รู้ข้อมูลอะไรดี ๆ มาบ้าง”
เจตน์บอกขณะที่นุชนั่งดูทีวีอยู่ใกล้ ๆ หลังจากที่เขารู้รายละเอีดยทั้งหมดแล้ว

เสียงออดหน้าห้องดังขึ้นทำให้เขาต้องเดินไปดู ก็พบว่าเป็นอุบลที่ยืนอยู่หน้าห้อง แรกทีเดียวเขาคิดว่าจะไม่เปิดประตูรับ เพราะวันนี้อุบลไม่ควรจะมาหาเขา แต่คิดอีกทีอุบลอาจจะมีเรื่องอะไรไม่ดีมาก็ได้ เขาจึงตัดสินใจเปิดประตู และไม่ทันที่เขาจะได้ไตร่ถามอะไร ร่างของอุบลก็แทบจะทรุดลงไปกองที่พื้นแล้ว จนเขาต้องรีบรับเอาไว้

“คุณเจตน์ขา คุณเจตน์ คิดถึงจังเลยค่ะ” อุบลพูดเหมือนคนไม่ได้สติ
“โอยอะไรนี่แมว ทำไมเมามาขนาดนี้ นุชช่วยหน่อย” เขาร้องบอกปิยนุช ที่ทำหน้าบึ้งตั้งแต่รู้ว่าคนที่มานั้นคืออุบล
“นี่มันอะไรกันคะคุณเจตน์นี่มันวันของนุชนะคะ แล้วคุณแมวมาได้ยังไงกัน ให้คุณแมวกลับไปเดี๋ยวนี้เลยนะคะ ไม่งั้นนุชไม่ยอมจริง ๆ ด้วย” ปิยนุชตั้งป้อม
“ฉันก็ไม่รู้ว่าเขามาได้ยังไง แต่นุชไม่เห็นเหรอ ว่าแมวเมาจนจะยืนไม่ไหวอยู่แล้ว”

“ไม่เมาค่ะคุณเจตน์ แมวไม่ได้เมา แมวมาหาผัวแมวเฉย ๆ แมวคิดถึงผัวค่ะ คุณเจตน์ขาแมวรักคุณเจตน์ที่สุดเลยค่ะ แต่งงานกับแมวนะคะ แล้วไล่นังนี่ออกไปจากชีวิตคุณเจตน์เถอะค่ะ มันไม่เคยรักคุณเจตน์จริง ๆ หรอกค่ะ มันรักแค่เงินคุณเจตน์เท่านั้น ไล่มันไปเลยค่ะ” อุบลพูดพร่ำขณะที่ร่างนั้นโอบกอดเจตน์ไม่ยอมปล่อย
“นี่ออกไปได้แล้วนะยายแมว อย่ามาว่าฉันนะ มันเรื่องอะไรกันทีวันของเธอฉันไม่เห็นจะมายุ่งเลย กลับไปเดี๋ยวนี้ อย่ามายุ่งกับคุณเจตน์ของฉันนะ ไป ๆ ไปให้พ้น ๆ” ปิยนุชเดินเข้ามาผลักร่างอุบลที่แทบจะหมดแรง ออกห่างจากเจตน์

“โอ๊ย คุณเจตน์ขาช่วยแมวด้วยค่ะ มันทำร้ายแมว” อุบลที่ล้มตามแรงผลักลงไปกองอยู่ที่พื้นอย่างง่ายดาย
“มารยา อย่ามาทำเป็นเมาไม่รู้เรื่องนะ ฉันรู้ดีว่าเธอไม่ได้เมาขนาดนี้ กลับไปในที่ของเธอเลย ไปสิไป” ปิยนุชรู้ทัน
“นุชทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย แมวเมาจนจะพูดไม่รู้เรื่องอยู่แล้วนะ”
เจตน์ดุปิยนุชทันที และก็รีบเข้าไปพยุงร่างของอุบลให้ไปนั่งที่ชุดรับแขกแทน

“คุณเจตน์ขา แมวรักคุณเจตน์ค่ะ”
อุบลพูดและก็รั้งร่างของเจตน์เข้าไปกอดเอาไว้ แล้วตาที่ปรือ ๆ ตอนแรก ก็ใสแจ๋วเมื่อมองไปที่ปิยนุช อุบลยิ้มเยาะเย้ยปิยนุชที่ตอนนี้กลายเป็นนางยักษ์ไปแล้วในสายตาเจตน์ ทำให้ปิยนุชโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ที่จู่ ๆ ก็ถูกอุบลเอาแผนเมามาแย่งคิวของตัวเองไปดื้อ ๆ

“หนอย ทำมายิ้มเยาะฉันเหรอยัยแมว มานี่เลยเดี๋ยวแม่จะตบให้สักฉาดจะได้หายเมาเป็นปลิดทิ้งเลย”
ปิยนุชพูดแล้วก็ตรงรี่เข้าไปหาอุบลแล้วก็ใช้มือฟาดลงไปที่แก้มของอุบลอย่างแรง
“โอ๊ย คุณเจตน์ขาช่วยแมวด้วยค่ะ” อุบลร้องด้วยความเจ็บและรีบผลักปิยนุชให้ออกไปไกล ๆ
“อะไรกันนี่นุช นี่ต่อหน้าฉันเธอยังกล้าทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ ฉันว่าวันนี้เธอกลับไปก่อนเถอะไป ฉันหมดอารมณ์กับเธอจริง ๆ เลย อะไรกันหึงได้แม้แต่กับคนที่เมาไม่ได้สติ” เจตน์ดุปิยนุชด้วยน้ำเสียงที่ดัง

“คุณเจตน์ นี่คุณเจตน์ไม่รู้ว่ามันแกล้งเมาเพื่อมาแย่งคิวของนุชเหรอคะ” ปิยนุชถามออกไปด้วยความน้อยใจ
“ฉันบอกว่าให้กลับไปก่อนไม่ได้ยินเหรอ หรือถ้าเธอจะอยู่ที่นี่ก็ได้ ฉันจะเอาแมวไปนอนอีกห้องหนึ่ง แต่คืนนี้ฉันคงไม่อยู่กับใครนะ เพราะฉันเบื่อที่จะต้องมารับฟังเธอสองคนทะเลาะกัน” เจตน์ขึ้นเสียง

“คุณเจตน์”
ปิยนุชเสียใจเป็นที่สุดที่ได้ยินเจตน์พูดแบบนี้ แล้วเธอก็ไม่รอช้ารีบวิ่งไปเก็บข้าวของแล้วก็ออกไปจากห้องของเขาในเวลาไม่กี่นาที และทันทีที่ศัตรูหายออกไปจากห้อง อุบลก็แอบลอบยิ้มด้วยความสะใจ แต่ก็รีบแสดงบทเมาให้เจตน์เห็นเมื่อเขาหันมามองดูหน้าเธอ
“เฮ้อ ทำไมเมาได้ขนาดนี้นะแมว ฉันจะทำยังไงกับพวกเธอสองคนดี กลุ้ม ๆ ๆ ๆ”
เขาบ่น แต่ก็เดินเข้าครัวเพื่อหาผ้ามาชุปน้ำเช็ดหน้าให้กับผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่นอนเขาอีกคนหนึ่ง

ร่างที่ดูสมส่วนกับชุดราตรีสีกรมท่าที่เปิดช่วงอก เผยให้เห็นผิวไหล่ที่ขาวเนียนอย่างหาที่ติไม่ได้ คริสเตียน ดิออร์ ถูกฉีดใส่อุ้งมือแล้วก็ถูกป้ายไปตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย ตามที่มณฑารู้ว่าจะต้องแต้มตรงจุดไหนบ้าง แล้วเธอก็ยิ้มให้กับทรวดทรงของตัวเอง ที่ไม่ว่าจะกี่ปี ๆ เธอก็ยังรักษามันเอาไว้ได้สวยอยู่เสมอ
เสียงกริ่งดังขึ้น ทำให้เธอต้องรีบสำรวจตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะลงไปด้านล่างเพื่อพบกับแขกที่โทรมานัดเธอออกไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนเมื่อสองวันก่อนแล้ว และกับเขาคนนี้ที่ทำให้เธอต้องดิ้นรนไปเสริมความงามถึงร้านของอ๋อยนั่นเอง

“คุณแม่ป้าคะ แขกที่นัดไว้มาแล้วค่ะ จงให้รออยู่ด้านล่างค่ะ” จงเด็กรับใช้คนใหม่เดินเข้ามาบอกเธอที่ห้องนอน
“ฉันรู้แล้วจ๊ะ แล้วเอาอะไรไปต้อนรับแขกหรือยังจง” มณฑาถามจงด้วยความอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“เรียบร้อยแล้วค่ะ วันนี้คุณแม่ป้าสวยมาก ๆ เลยนะคะ จงเกือบจะจำไม่ได้แหนะค่ะ” จงชมตามที่คิด
“ขอบใจจ๊ะ” มณฑาบอกแล้วก็เดินนำจงลงมาด้านล่างด้วยท่าทีที่เฉิดฉาย

เขมแทบจะสำลักน้ำที่ดื่มเข้าไปได้แค่อึกเดียว เพราะเจ้าของร่างที่เดินลงมาบันไดในตอนนี้นั้น ช่างงามจับใจเขาเหลือเกิน ชุดราตรีที่ยาวจนลากพื้น ทรงผมที่ปกติเขาจะเห็นเธอปล่อยเอาไว้ แต่ตอนนี้ถูกม้วนขึ้นไปเก็บไว้อย่างสวยงาม สร้อยข้อมือ สร้อยคอ และตุ้มหูที่เป็นชุดเดียวกัน ดูกลมกลืนไม่น้อยเมื่อมาประดับอยู่บนร่างของเธอ

เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เวลาผ่านไปตั้งยี่สิบกว่าปีแล้ว แต่ความสวยของมณฑานั้นแทบจะไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยในสายตาของเขา ถ้าเขาไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองมากจนเกินไป การที่เธอไม่มีใครเลยหลังจากสามีเสียไป เธอก็คงจะรอเขากระมัง แต่เขาเองก็ยังไม่ปักใจเชื่อนัก เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยทำให้เขาเจ็บมาแล้ว

“ดอกไม้สวย ๆ สำหรับคนสวย ๆ อย่างคุณมณครับ” เขาลุกขึ้นยืนแล้วก็มอบช่อดอกลิลลี่สีขาวที่จำได้ว่าเธอชอบ
“สวยอะไรกันคะ แก่แล้วค่ะ ขอบคุณนะคะสำหรับดอกไม้ สวยมาก ๆ เลยค่ะ”
มณฑารับช่อดอกไม้มาพร้อมก้มลงไปสูดดมด้วยความเคยชิน และเธอก็ดีใจไม่น้อยที่เขายังไม่ลืมว่าเธอชอบดอกอะไร
“ไปกันเถอะครับผมหิวแล้ว” เขาบอกพร้อม ๆ กับยกแขนมาให้เธอค้องอย่างสุภาพบุรุษเขาทำกัน
“จงปิดบ้านดี ๆ นะ สักพักฉันจะกลับ” มณฑาไม่ลืมที่จะหันไปสั่งจงที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ พร้อมกับยื่นช่อดอกไม้ไห้เก็บไว้

ในเวลาไม่นานนักเขมก็พาเธอเลี้ยวรถเข้ามาในซอยเอกมัย แล้วก็นำรถเข้ามาจอดอยู่ที่ร้านอาหารอิตาเลียนซึ่งเป็นอาหารที่มณฑาโปรดปรานไม่น้อย เขมจองห้องพิเศษสำหรับเขาและเธอเพียงแค่สองคน แล้วทั้งห้องก็ถูกตกแต่งด้วยดอกลิลลี่สีขาวแทบทั้งหมด ทำให้มณฑานั้นถึงกับอึ้งในความเป็นเขมคนนี้ที่แตกต่างจากเขมเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนแทบจะคนละคน

เสียงไวโอลีนดังแว่วเข้ามาในห้อง หยาดเพชร คือเพลงที่มือไวโอลีนใช้เล่นให้เธอตามคำสั่งการของเขมในค่ำคืนนี้ ซึ่งเขาชอบเพลงนี้มาก เพราะมันตรงกับใจของเขาที่เปรียบเธอเสมือนเพชรงามน้ำหนึ่งมาตั้งแต่วันที่เขาหลงรักเธอเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนจนมาถึงทุกวันนี้ มณฑาพูดอะไรไม่ออกเอาเสียเลย เมื่อเพลงบรรยายความรู้สึกของเขามายังเธอแทบจะหมดสิ้น

“ออร์แกนนิค แคนตาลูป กับแฮมดิบ มาจากหมูบ้านซาน ดานิเอเล่ แห่งแคว้นฟริอูลิ-เวเวเซีย จูเลีย เชียวนะ ร้านนี้อาหารส่วนใหญ่จะนำเข้ามาจากอิตาลี่แทบทั้งหมด ผมว่ามันเข้าก็ไวน์ขาวแก้วนี้ดี”
เขาแนะนำออร์เดิร์ฟด้วยความชำนาญ เมื่อพนักงานยกอาหารมา พร้อมกับไวน์ขาวสองแก้ว
“เป็นยังไงบ้างครับรสชาติพอจะไปได้มั้ยครับ” เขาถามเธอขณะที่ยกแก้วไวน์ขึ้นดื่ม
“ใช้ได้ค่ะ” เธอตอบและยิ้มหวานให้เขา

“ตามมาด้วยสปาเก็ตตี้คลุกเคล้ากับเนื้อปู อันนี้ผมจำไม่ได้ว่าที่ร้านเรียกชื่อเมนูว่าอะไร แต่ผมเคยมากินเมื่อไม่นานมานี้ แล้วก็ติดใจจนอยากจะให้คุณลอง มันเข้ากันกับไวน์ขาวแก้วนี้อีกนั่นแหละ”
เขาแนะนำรายการอาหารที่จัดเสริฟมาในปริมาณที่เรียกได้ว่าทานได้คำสองคำเท่านั้น
“รู้สึกวันนี้คุณจะรู้จักรายการอาหารดีไปหมดเลยนะคะ มาทานแถวนี้บ่อยเหรอคะ แล้วมากับใครกัน” เธอถามแกมยิ้ม

“ผมก็พอมีพวก ๆ แถวนี้บ้าง และก็มาไม่บ่อยครั้งนัก เอาให้พอได้รู้ว่าสังคมคนกรุงเทพฯ เขาทำอะไรไปถึงไหนกันแล้ว ก็แค่นั้นครับ” เขาตอบแบบถ่อมตน ทำให้มณฑาถึงกับเงียบ เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยมองว่าเขาจัดอยู่ในพวกหลังเขา ที่วัน ๆ เอาแต่ทำไร่ทำนา ไม่ได้พบเจออะไรใหม่ ๆ เลย

“ก่อนอื่น ผมต้องขอบคุณ คุณมณมาก ๆ นะครับ ที่รับนัดผมในที่สุด ผมดีใจมากครับที่คุณให้เกียรติผมในวันนี้”
เขาบอก เพราะเธอบอกปัดเขาไปหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่ที่เขาใช้ความพยายามนัดเธอมา หลังจากที่เธอไปส่งหลานรัก แต่เธอก็ไม่เคยยอมรับนัดเขาแม้แต่ครั้งเดียว จนกระทั่งเมื่อสองวันก่อน
“ให้เกียรติอะไรกันคะคุณเขม ฉันสิคะต้องขอบคุณ คุณเขมที่ให้เกียรติฉัน” เธอแย้ง
“เอาเป็นว่าเราให้เกียรติกันและกันดีมั้ยครับ ชิมอาหารจานต่อไปด้วยดีกว่านะครับ จานนี้เป็น...”
“ข้าวอิตาเลียนผัดกับครีมซอสกลิ่นทรัฟเฟิ้ล แต่งหน้าด้วยเห็ดปอร์ซินิของชาวทัสกัน แล้วยายข้าวบอกอะไรคุณเขมอีกหรือเปล่าคะ” เธอพูดแทรกเขา เพราะคุ้นเคยกับอาหารเมนูนี้ดีไม่น้อย และก็เดาได้ว่าหลานตัวแสบคงจะเป็นคนบอกเมนูโปรดของเธอให้เขารู้แน่ ๆ

“อันที่จริงหนูข้าวแค่บอกว่าร้านโปรดของคุณคือร้านนี้ครับ ส่วนเมนูนี่ผมเลือกของผมเอง เพราะผมชอบที่เจ้าของร้านเขาเข้าใจหาวิธีเสิร์ฟได้ดีครับ ดูสิเขาจัดวางมาในจานเป็นพอชั่นเล็ก ๆ แปลกตาดีครับ” เขารับแต่โดยดี
“แล้วหลานฉันเป็นยังไงบ้างคะ ปลูกถั่วเขียวออกต้นบ้างหรือเปล่า แล้วที่บอกว่าได้ไปช่วยงานศพและไปดูหนังกลางแปลงนี่ จริง ๆ แล้วไปป่วนมากกว่าช่วยเขาหรือเปล่าคะ แล้วยายข้าวรู้ว่าคุณมาที่นี่หรือเปล่าคะ” เธออดสงสัยไม่ได้
“หลานคุณมณสบายดีครับ ถั่วเขียวก็ออกตามปกติ หนูข้าวไปเป็นแขกในงานมากกว่าไปช่วย และก็ไม่ได้ป่วนใครเลย เจ้าน้ำมันคอยดูอยู่ห่าง ๆ และที่ผมมาที่นี่ไม่มีใครรู้แม้แต่คนเดียวครับ” เขาตอบเธอจนครบทุกคำถาม จนมณฑานั้นแทบจะสำลักข้าวผัดออกมาเป็นพอชั่น ๆ ด้วย

“บาโรโล่ ซอนเคร่า วินเทจ ๒๐๐๑ จากแคว้นพีเอมอนเต้ครับ มันเข้ากันกับซี่โครงแกะย่างจานนี้ได้ดีทีเดียวครับ”
เขาบอกเมื่อพนักงานเสิร์ฟนำไว้แดงที่เปิดทิ้งไว้ได้สักระยะหนึ่งแล้วมารินให้เธอและเขา พร้อม ๆ กับอาหารจานหลักถูกเสิริ์ฟ มณฑาได้แต่มองเขมอย่างอึ้งนิด ๆ กับการเป็นกำนันที่อยู่บ้านนอกคอกนา แต่กลับมีความรู้เรื่องอาหารและไวน์แบบคนสังคมเมืองไม่น้อย
“คุณมณมองผมทำไมครับ” เขาถามด้วยความสงสัย
“เปล่าค่ะ ฉันแค่แปลกใจว่าเดี๋ยวนี้คุณเปลี่ยนจากดื่มแม่โขงผสมโซดา แกล้มกับลาบหรือว่าต้มแซบ มาเป็นดื่มไวน์และกินอาหารฝรั่งแทนตั้งแต่เมื่อไหร่” เธอตอบขณะที่ตักอาหารเข้าปากอย่างช้า ๆ

“โอย ตอนนี้ผมก็ยังดื่มอยู่เหมือนเดิมครับคุณมณ ส่วนเรื่องไวน์นี่ผมก็ศึกษาบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้น จะมีความรู้เอาไว้เอาใจพวกเจ้าใหญ่นายโตเวลาต้องไปต้อนรับครับ ผมมันก็แค่กำนันบ้านนอก ๆ คนหนึ่ง และก็เป็นคนเดิมครับ”
เขาถ่อมตัวอีกแล้ว และมันก็ยิ่งตอกย้ำให้มณฑารู้สึกไม่ดีมากขึ้นอีก กับการตัดสินใจปฏิเสธความต้องการที่แท้จริงของหัวใจตัวเอง และเลือกความสะดวกสบายแทนเมื่อนานมาแล้ว

รถของเขมจอดเทียบหน้าบ้านของมณฑาเมื่อเวลาเกือบเที่ยงคืน เขาเลือกที่จะส่งเธอแค่หน้าบ้าน เพราะไม่อยากจะลุกล้ำเธอให้มากกว่านี้ และก็รู้สึกว่ามันเร็วเกินไปสำหรับการพบกันครั้งที่สองสำหรับเขาและเธอ เขาไม่อยากจะให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอยอีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะไปอย่างช้า ๆ แต่ทว่ามั่นคงดีกว่า

“ขอบคุณมาก ๆ นะคะ” มณฑาบอกเมื่อเขาเดินมาเปิดประตูรถให้เธอ
“ด้วยความยินดีครับ ถ้าพรุ่งนี้คุณมณมีธุระะจะไปที่ไหน ก็โทรตามผมมาขับรถให้ก็ได้นะครับ ผมจะอยู่อีกสามสี่วัน หรือถ้าคุณมณไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรครับ ผมหวังว่าสงกรานต์คุณจะบินไปเยี่ยมหนูข้าวบ้าง หลานจะได้มีกำลังใจเอาไว้ลงนาไงครับ ราตรีสวัสดิ์นะครับ” เขาบอก
“เอาไว้ฉันจะคิดดูก่อนนะคะว่าจะต้องการคนขับรถเมื่อไหร่ ราตรีสวัสดิ์เช่นกันค่ะ” มณฑาบอกและก็เดินเข้าบ้านไป ปล่อยให้เขามองตามร่างสมส่วนของเธอจนหายลับเข้าประตูไป เขาจึงออกรถไปในที่สุด










 

Create Date : 02 ตุลาคม 2551
0 comments
Last Update : 2 ตุลาคม 2551 11:48:48 น.
Counter : 348 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.