Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
6 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
ร้อยรวงใจ ๒๖ (ธัญรัตน์)




“คุณเป็นอะไร”
ในที่สุดเขาเป็นฝ่ายเริ่มขึ้น พร้อมพารถเข้าไปจอดในสวนสาธารณะข้างทาง เมื่อเห็นเธอนั่งน้ำตาไหลอาบแก้มลงมาเป็นทาง ดู ๆ แล้วก็น่าสงสารเป็นที่สุดเลย จนเขาต้องเอื้อมมือไปหยิบเอากระดาษทิชชู่ส่งให้เธอ
“นี่คุณ ปีนี้คุณอายุยี่สิบสามแล้วนะ กับอีแค่แม่ป้ากับเพื่อนกลับบ้านนี่คุณถึงกับต้องร้องไห้เลยเหรอ”
เขาอดไม่ได้ที่จะดุเธอ
“ก็ฉันเหงานี่ บ้านนี้มันก็ไม่ใช่บ้านฉัน คนแถวนี้ฉันก็ไม่รู้จัก นาฉันก็ไม่เคยทำ จะเป็นยังไงบ้างก็ยังไม่รู้”
เธอเถียงเขาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาเป็นทาง

“ข้าวมันไม่มีอะไรน่ากลัวขนาดนั้นหรอกนะ ไม่มีใครปล่อยให้คุณอยู่คนเดียวหรอก ผมกับคุณพ่อก็อยู่ช่วย และผมจะบอกคุณให้รู้ไว้อย่างนะว่า มีคนอีกมากมายที่เขาไม่มีโอกาสแบบคุณ ไม่มีที่นาที่จะทำกินจนต้องไปเช่าเขา บางปีก็ได้ข้าว บางปีก็ไม่ได้ อย่างคุณนี่ถือว่าสบาย ๆ มีผมคอยช่วยอยู่ข้าง ๆ ถ้าลองคุณได้มาทำเองแล้วไม่มีใครเลยสิ ผมรับรองว่าคุณไม่มีเวลาแม้แต่จะมาร้องไห้แบบนี้หรอก” เขาพยายามปลอบใจเธอ

“คุณก็คอยแต่จะทวงบุญคุณฉันทั้งปี ปากคุณก็ว่าคุณคอยดู แต่เอาเข้าจริง ๆ คุณก็เอาแต่ว่าฉัน เอาแต่เถียงฉันฉอด ๆ คอยแกล้งฉันต่าง ๆ นานา คุณลุงบอกให้คุณดูแลฉันในฐานะน้อง แต่คุณไม่เคยเห็นฉันเป็นน้องสักครั้งเลย มีแต่คอยว่าตลอด”
เธอว่าเขาพร้อมกับน้ำตายังคงไหลอาบแก้มอย่างนั้น

“มีน้องปากเก่งอย่างนี้ใครเขาอยากจะมีกันแม่คุณ ทีเวลาอยู่กับแฟนทำเป็นเริงรื่น พอแฟนกลับทำเป็นเศร้า เฮ้อ แม่คุณตามอารมณ์ไม่ทันจริง ๆ เลย” เขาตำหนิเธอในใจได้แค่นั้น ถ้าลองพูดออกมาสิรับรองรถเปิงแน่ ๆ เลย

“เอางี้นะต่อไปผมจะพูดกับคุณดี ๆ จะไม่ว่าคุณ จะไม่เถียงคุณ และจะไม่แกล้งคุณ ถ้าคุณไม่ทำให้ผมเหลืออดก่อน พอใจหรือยัง” เขาบอกพร้อมกับยกนิ้วขึ้นสามนิ้วทำท่าเหมือนลูกเสือก็ไม่ปาน จนอีกฝ่ายนั้นต้องยิ้มออกมาทั้ง ๆ น้ำตายังหยดแหมะ ๆ อยู่นั่นเอง

“หายเศร้าหรือยัง” เขาถาม แต่อีกฝ่ายก็ยังคงทำหน้าเศร้าอยู่
“งั้นวันนี้ผมจะพาคุณเที่ยวทั้งวันเลย คุณอยากจะไปไหน อยากกินอะไรบอกมาได้ ผมตามใจคุณหมด เป็นไงแค่นี้ทำให้คุณหายเศร้าได้บ้างมั้ย”
“คุณพูดจริง ๆ เหรอ ตามใจฉันทุกอย่างเลยเหรอ” เธอหันมาถามด้วยดวงตาเป็นประกาย
“อะ จริงที่สุดเลยคุณ อยากไปไหนบอกมา”
“แล้วฉันจะไปเที่ยวที่ไหนล่ะ ก็ไม่รู้จักสักที่เลย เอางี้นะ คุณพาฉันไปดูหนัง สักรอบ กินอาหารอร่อย ๆ และแพง ๆ สักมื้อ แค่นี้ฉันก็หายแล้ว” เธอบอกและยิ้มร่าออกมาให้เขาได้เห็น

“แหม ทีงี้ยิ้มออกมาเชียวนะ เฮ้อ ไม่น่าหลวมตัวเลยเรา” เขาอดบ่นไม่ได้ก่อนที่จะออกรถ
“เมื่อกี้คุณบอกว่าจะไม่บ่นนะ” เธอรีบทวง
“ครับผม” เขารับคำแล้วก็หุบปากเอาไว้ เพราะกลัวจะเผลออีก

“อ้าว พี่น้ำ คุณข้าวมาทำอะไรกันแถวนี้คะ”
เสียงสมิตาร้องถามเมื่อเห็นคนทั้งสองเดินเข้ามาในบริเวณห้างสรรพสินค้า
“น้องโอ๊ะ มาทำอะไรแถวนี้ครับ บังเอิญจังเลย”
เขาหันไปถามเจ้าของเสียง พร้อมกับสีหน้าไม่ค่อยดีนักที่เห็นสมิตาในตอนนี้
“โอ๊ะมาดูหนังกับคุณแม่ค่ะ ตอนนี้ซื้อของอยู่ด้านโน้น แล้วคุณข้าวมาซื้ออะไรคะ แต่ เอ อย่าบอกนะว่ามาดูหนัง”
สมิตาตอบเขา และหันไปถามเธอ

“เอ่อ เปล่าค่ะ เรามาหาดูอะไรแล้วก็จะกลับค่ะ”
ภรัณยาเลือกที่จะไม่ไปดูหนัง เพราะเห็นสีหน้าของเขมินท์ที่เหมือนจะไม่ค่อยสะดวกใจสักเท่าไหร่
“อ๋อเหรอคะ แล้วมากับใครบ้างคะ หรือว่ามาแค่สองคน”
สมิตาถามและยิ้ม ทำเป็นไม่ได้ใส่ใจกับคำตอบนัก แต่ในใจนั้นอยากจะได้คำตอบเป็นที่สุด
“อ๋อ มากับแต๋นค่ะ ตอนนี้รออยู่ที่รถ งั้นข้าวขอตัวก่อนนะคะ จะรีบกลับบ้าน”
เธอบอกแล้วก็เดินผละออกมาเอาดื้อ ๆ

“พี่ไปก่อนนะครับ” เขาลาสมิตาแล้วก็เดินตามอีกคนที่เดินจ้ำอ้าว ไปยังรถที่จอดไว้ด้านนอก
“คุณไม่อยากดูหนังแล้วเหรอ” เขาถามเมื่อมาถึงรถ
“ไม่อยากฉันจะกลับบ้าน” เธอบอกแล้วก็ขึ้นไปนั่งในรถแล้วก็ไม่ปริปากพูดอะไรอีกเลย
“ไหนคุณบอกว่าอยากจะดูหนังไง” เขายังคงถามก่อนที่จะออกรถ

“ใครจะไปกล้าดูยะ ก็แฟนนายมาเจอจัง ๆ แบบนี้ ฉันไม่ใช่แมวที่คอยมาแอบกินปลาย่างนี่” เธออดว่าเขาในใจไม่ได้
“เฮ้อ แล้วฉันจะมานั่งอารมณ์เสียทำไมนี่ มันก็ไม่ใช่ความผิดของเขาสักหน่อย เขาอุตส่าห์มีเจตนาดีพาเธอเที่ยวนะยายข้าว เชอะแต่นายก็ทำหน้าเจื่อน ๆ เวลาเจอแฟนนาย แล้วจะให้ฉันไปนั่งดูหนังกับนายได้ยังไงกัน” สิ่งที่โต้ตอบกันในใจเธอ

“งั้นเอาอย่างนี้นะ ผมจะพาไปดูร้านผมแทนก็แล้วกัน คุณยังไม่เคยไปเลย” เขาเสนอ
“ร้านขายอะไรล่ะ มีของที่ฉันพอจะสนใจหรือเปล่า” เธอถามเพราะไม่แน่ใจนักว่าจะถูกใจพอ
“มีตั้งหลายอย่าง มีผ้าไหมด้วยนะ ถ้าคุณไปผมจะลดราคาให้ครึ่งหนึ่งเลย ตกลงเราไปกันนะ” เขาหันไปถามเธอ
“ก็ได้” เธอรับแค่นั้น ไม่นานรถเขาก็มาจอดที่หน้าร้านมินิเฟรชของเขา แล้วการทัวร์ร้านของเขาก็เกิดขึ้นในไม่ช้า เขาพาเธอแว๊ป ๆ ไปดูโน่นดูนี่แล้วก็พาไปนั่งจิบกาฟาสด ก่อนที่จะมาจบลงที่ร้านผ้าไหม ซึ่งเขาคิดว่าเธอคงจะชอบไม่น้อย

“ฉันจะซื้อส่งไปให้แม่ป้ากับยายเจน และยายเชอร์รี่ คุณนี่ไม่ยอมบอกว่ามีร้านขายผ้าไหมด้วย ไม่อย่างนั้นนะ รับรองว่าแม่ป้าจะต้องมาเป็นลูกค้าประจำคุณแน่ ๆ เลย แต่ไม่เป็นไร คราวหน้าถ้าแม่ป้ามา ฉันจะมาเที่ยวใหม่”
เธอบอกพร้อม ๆ กับยิ้มกว้างออกมา ซึ่งเขาเข้าใจว่าเธอคงจะหายงอนแล้ว
“ขอบคุณนะที่มาส่ง และขอบคุณด้วยสำหรับผ้าไหม”
เธอบอกเขาเมื่อรถแล่นมาจอดที่ลานหน้าบ้าน และไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไร เธอก็วิ่งหายขึ้นบนบ้านไปเลย โดยไม่สนใจจะหันมามองเขาด้วยซ้ำ

“เฮ้อ แม่คุณ อารมณ์ไหนกันนี่” เขาได้แต่บ่นในใจแค่นั้น
และขณะที่เขากำลังจะออกรถไป ก็พอดีเห็นป้าแสงเดินเข้ามาก่อน พร้อมกับในมือนั้นมีหม้อแกงมาด้วย ป้าแสงยิ้มให้เขา “ป้าเอ่าอีหยังมาฝากเพินน้อคับ” (ป้าเอาอะไรมาฝากครับ)
ทำให้เขาต้องดับเครื่องรถ และก็ลงมาทักทายแก เพราะเจ้าของบ้านหายลับไปบนบ้านแล้ว
“โอ๋ ป้าแก่งขี่เหล็กตัวน้าน้ำ เลยเอามาฝากคุณเข่า จั๊กเลาสิเคยกิ๋นบ่บู๊ล่ะ” ป้าแสงตอบ
(อ๋อ ป้าแกงขี้เหล็กจ้าน้าน้ำ เลยเอามาฝากคุณข้าว ไม่รู้แกจะกินเป็นหรือเปล่า)
“ป้าสวัสดีค่ะ เอาอีหยังมาฝากข้าวคะ ขึ้นมาเทิงเฮือนก่อน”
ภรัณยาที่ชะเง้อมาดูที่หน้าบ้านร้องเรียกแขกผู้มาเยือนทำให้เขาออกอาการขำกับคำพูดของเธอ

“ป้าคึดวาบ่มีคนยู เห็นอีนางแต๋นกับยายหวางเลายางไป่ทางใต้พุ่นนา แตวาเห็นรถคุณเข่าจอดยูกะเลยเอาแก่งขี่เหล็กมาฝาก เคยกิ๋นยูบ้อคุณเข่า ไซหนังพองพ่อมลิแซ๊บแซบ” (ป้าคิดว่าไม่มีใครอยู่ เห็นแต๋นกับหวางเดินไปทางบ้านใต้โน่น แต่พอดีเห็นรถคุณข้าวอยู่ก็เลยจะเอาแกงขี้เหล็กมาฝาก คุณข้าวเคยกินมั้ย ใส่หนังพองด้วยนะอร๊อยอร่อย)
ป้าแสงบอกด้วยแววตาของคนอยากจะให้เธอลองชิมแกงในหม้อ ซึ่งเธอเองก็ยังไม่แน่ใจนักว่ามันคือแกงอะไรกันแน่ ได้แต่มองไปยังเขาที่ยิ้มออกมาด้วยความขำ ที่เห็นเธอฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง
“ป้าเข้าเฮือนก่อนนะคะ พอดีข้าวมีของสิไห่ป้าคือกันค่ะ ว่าสิไปหาหลายวันแล้ว แต่ก็บ่ว่างเลย”
เธอชวน และก็หันหน้ามาหาเขา เพื่อเป็นการขอร้องว่าให้ขึ้นไปบนบ้านด้วย เพราะเธอคงจะฟังไม่รู้เรื่องครบทุกคำแน่ ๆ ซึ่งเขาเองก็ทำตามความต้องการของเธอแต่โดยดี

“ขอบคุณหลาย ๆ นะคะสำหรับแกง งั้นป้ารอแป๊ปนะคะ เดี๋ยวข้าวไปหาของก่อนค่ะ”
เธอบอก แล้วก็ไหว้ป้าแสง ก่อนที่จะเดินเข้าไปในครัวพร้อม ๆ กับหม้อ ไม่นานเธอก็กลับออกมาพร้อมกับของในถุง
“ป้าเอานี่ไปกินนะคะ” เธอยื่นถุงให้
“อีหยังน้อคุณเข่าน้อ มาคือหลายแท่ล่ะ” ป้าแสงถามพร้อมกับเปิดดูถุง
“อาหารแห้งค่ะป้า พอดีแม่ป้าซื้อมาฝากเยอะเลย ป้าแสงเอาไปทอดก็ได้นะคะ ยำก็ได้ แล้วก็ไม่รู้ว่ามันทำอะไรได้อีก อันนี้ต้องรอถามแต๋นค่ะ ข้าวบ่เคยทำมีแต่กินอย่างเดียว” เธอบอกแล้วก็ยิ้มให้ป้าแสงด้วยแววตาของความเป็นมิตร

“โอย ขอบคุณหลาย ๆ เด้อคุณเข่า คันจั๊งซั่นป้าสิเมือก๊อนเด้อ ต้มหน่อไม่คาหม่อเอาไว้มันสิไหม่”
“แม่นค่ะอาหารพวกนี้ซื้อมาใหม่ ๆ ทั้งนั้น ข้าวยังบ่ได้กินเลยค่ะ” เธอตอบ เพราะได้ยินคำว่าใหม่ ๆ มาจากปากป้าแสง ทำให้เขมินท์หัวเราะออกมาด้วยความขำ จนอีกฝ่ายตาเขียวปัดมาใส่
“ป้าบอกว่าจะกลับแล้ว ตั้งหม้อต้มหน่อไม้เอาไว้กลัวมันจะไหม้” เขาแปลให้
“อ้าว เหรอคะ อุ๊ย รอแป๊ปนะคะ ข้าวไปเอาหม้อมาให้ก่อนค่ะ”
แล้วเธอก็วิ่งหายเข้าไปในครัวอีกรอบ คราวนี้กลับออกมาพร้อมกับหม้อเปล่าของป้าแสง และก็ผัดผักใส่กุ้งที่แต๋นเตรียมไว้ให้ตัวเอง เธอก็เอามาให้ป้าแสงแทน

“อันนี้ผัดกุ้งค่ะ ป้าแสงเอาไปกินนะคะ ให้ข้าวเดินไปส่งบ่คะ” เธอถาม
“โอ๊ย บ่ต้องดอกจ้า ป้าเมือเองกะได้ ขอบคุณหลาย ๆ เด้อมื่อหน้าสิเอาจานมาคืนเด้อ ไปกอนเด้อน้าน้ำ”
ป้าแสงบอกลาแล้วก็เดินลงจากเรือนไป โดยมีเธอเดินไปส่งที่ประตูบ้าน
“นี่เมื่อกี้คุณหัวเราะฉันอีกแล้วนะ คุณลืมคำพูดตัวเองว่าจะไม่ว่าฉัน ไม่เถียงฉัน ไม่แกล้งฉันไง”
“แต่ผมไม่ได้บอกว่าจะไม่หัวเราะคุณสักหน่อย” เขาส่วนกลับ แล้วก็หัวเราะเยาะเธออีกครั้ง
“อีตาบ้า คอยดูนะฉันจะฟ้องคุณลุง” เธอไม่รู้จะหาอะไรมาขู่เขาได้นอกจากวิธีนี้
“จ้างให้ก็ไม่กลัว” “เรื่องของคุณ” เธอบอกแล้วก็เดินตรงไปยังครัว “แล้วคุณจะไปไหนล่ะ”

“จะไปหาอะไรมากินหิว ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ ไม่รู้ใครบอกว่าจะพาไปกินอะไรอร่อย ๆ แล้วก็อด”
เธอบอกขณะที่ตัวเองเดินมาถึงครัว โดยมีเขาตามมาติด ๆ
“ทำอะไร ให้ผมกินด้วยคนสิ ผมก็หิวเหมือนกันนะ” เขาบอก
“ใครบ่นหิวคะ แต๋นเตรียมอาหารไว้ให้แล้วนะ” แต๋นที่ขึ้นมาบนบ้านพร้อมป้าหวางบอก
“มาก็ดีแล้วล่ะ ฉันหิวทำอะไรให้กินหน่อย ผัดกุ้งเมื่อกี้...”
“คุณข้าวให้ป้าแสงไปแล้ว” แต๋นดักทางถูก เพราะเพิ่งจะสวนกับป้าแสงเอง
“เอ่อนั่นล่ะ มาทำให้กินใหม่หน่อยเร็ว ทำเผื่อคนบางคนด้วยเขาบอกว่าหิว”
เธอบอกแล้วก็เดินออกไปนั่งรอด้านนอก


“อ้าว หนูข้าวกับตาคำนั่นเอง ขึ้นมาบนบ้านก่อนสิลูก พอดีเลยมากินข้าวกับลุง”
เขมที่ชะโงกออกไปดูเมื่อได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอดในบริเวณบ้าน
“สวัสดีค่ะคุณลุง” เธอไหว้เขมด้วยความนอบน้อม ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะอาหารตามคำเชิญของเขม
“มีธุระะอะไรหรือเปล่าถึงได้มาหาลุงที่นี่ เจ้าไข่ลูกพี่แกมาหรือยัง บอกให้มากินข้าวได้แล้ว”
เขาถามเธอ แต่ก็ตะโกนไปหาไข่ที่กำลังวุ่นอยู่ในครัว
“อ้ายน้ำกำลังสิมาคับพอกำนัน คุณเข่าสิกินเข่าอีหยังคับ” ไข่หันมาถามเธอ
(พี่น้ำกำลังจะมาครับพ่อกำนัน คุณข้าวจะกินข้าวอะไรครับ)
“อะไรก็ได้จ๊ะไข่” เธอตอบแล้วไข่ก็เลือกตักข้าวสวยให้เธอ เพราะจำได้ว่าเธอไม่ค่อยจะกินข้าวเหนียว

“อ้ายน้ำมาแล่วคับ” ไข่บอกเมื่อจำเสียงรถของลูกพี่ได้ดี
“วันนี้ลมอะไรหอบคุณหนูเข่าของคุณพ่อมาน้อ” เขาแซวทันทีเพราะเห็นแค่รถจอดอยู่ก็รู้ว่าใครมา
“คงไม่ใช่ลมคิดถึงแกหรอกเจ้าน้ำ มาเร็ว ๆ เข้ากำลังจะลงมือพอดี หายหัวไปไหนมาทั้งวัน สาว ๆ หน่ะจีบให้มันเพลา ๆ ลงหน่อยก็ได้ แล้วก็อย่าเลือกให้มันมากนัก เดี๋ยวมันจะได้แร่แทน”
เขมบ่นเขาตามเคย เพราะรู้ดีว่าวันนี้เขาเพิ่งจะไปส่งสมิตาที่ในเมืองมา เพราะรถของสมิตาเสียมาสองวันแล้ว เขาก็เลยอาสาไปส่งให้หลังโรงเรียนเลิก แต่ก็เตร่ไปโน่นไปนี่จนกลับเข้าบ้านช้า

“แหมคุณพ่อ คนมันหน้าตาดี ก็ต้องเลือกหน่อยสิครับ จริงมั้ยครับคุณหนูเข่า” เขาแหย่แล้วก็นั่งลงไปข้าง ๆ เธอ
“ไม่รู้ว่าอย่างคุณนี่ มีคนมาให้เลือกด้วยเหรอ มันน่าจะเป็นพวกรถไฟขบวนสุดท้ายมากกว่า” เธออดที่จะแขวะเขาไม่ได้
“แหม คุณ หน้าตาหล่ออย่างผม คงไม่มีคำนั้นหรอก เอ้า เจ้าไข่ตักข้าวเร็ว หิว” เขารีบหันไปบอกลูกน้อง
“หนูข้าวมีอะไรหรือเปล่ามาหาลุงถึงนี่ หรือว่าเจ้าน้ำมันไปว่าอะไรให้หนูข้าวไม่ชอบใจเข้า” เขมถามพร้อมกับยิ้ม

“อันที่จริงก็มีเหมือนกันนะคะคุณลุง แต่ข้าวยังไม่ติดใจเอาความตอนนี้ค่ะ เพราะว่าข้าวมีเรื่องสำคัญมากกว่าจะมาถาม คือลุงคำบอกข้าวว่า คุณลุงเก็บพันธุ์ข้าวสำหรับลงนาเอาไว้เมื่อปีที่แล้ว ข้าวก็เลยจะมาขอซื้อต่อค่ะ ไม่รู้ว่าคุณลุงปลูกข้าวพันธุ์อะไรบ้างคะ จะตรงกับข้อมูลที่ข้าวไปศึกษามาหรือเปล่าค่ะ” เธอแจ้งความจำนงค์ขณะตักอาหารเข้าปาก

“แล้วหนูข้าวศึกษามาได้เรื่องว่ายังไงบ้าง ไหนลองเล่าให้ลุงฟังหน่อยสิ ถ้าตอบถูกใจลุงจะยกพันธุ์ข้าวให้ฟรี ๆ เลยเอ้า”
“จริงเหรอคะคุณลุง ว้า แล้วข้าวจะรู้ได้ยังไงคะว่าคำตอบข้าวมันจะถูกใจคุณลุงหรือเปล่า”
“ก็ลองตอบมาสิหนูข้าว” เขาแกล้งแหย่และยิ้มเยาะเธอ

“ได้เลยค่ะ ก็คือพื้นที่ทางภาคอีสานจะปลูกข้าวได้หลายสายพันธุ์ เช่น ข้าวขาวดอกมะลิ ๑๐๕ ข้าว กข๖ ข้าว กข๘ ข้าว กข๑๐ ข้าว กข๑๕ ข้าวสันป่าตอง ข้าวหางยี ๗๑ ข้าวสกลนคร แล้วก็มีอีกหลาย ๆ พันธุ์ที่ปลูกทั่วไปประปราย แต่ข้าวที่นิยมปลูกตามความต้องการของตลาดก็จะเป็นข้าวขาวดอกมะลิ๑๐๕ กับข้าว กข๑๕ ใช่มั้ยคะ” เธอตอบและยิ้มให้เขาอย่างคนมีชัย

“อืม ใช้ได้นี่ แล้วหนูข้าวอยากจะปลูกข้าวอะไรล่ะ และคิดว่าพันธุ์ไหนมันจะดีกว่ากัน” เขมถาม
“ถ้าเป็นส่วนตัวข้าวกับข้อมูลที่ได้มานะคะ ข้าวอยากจะปลูกข้าวหอมมะลิหมดเลยค่ะ แต่พื้นที่เราคงจะไม่เหมาะ ข้าวก็เลยคิดว่าอยากจะปลูกข้าว กข๖ ข้าว กข๘ ข้าว กข๑๐ มากกว่าค่ะ เพราะน้ำหนักดี ตั้งแต่ ๕๘๐ – ๖๗๐ กิโลกรัมต่อไร่เลยนะคะ แต่ไม่รู้ว่าคุณลุงมีพันธุ์ข้าวพวกนี้เยอะหรือเปล่า และอีกอย่างนะคะ ถ้าข้าวปลูกข้าวตามที่ตัวเองชอบ แต่ตลาดไม่ต้องการก็ไม่รู้ว่าจะปลูกไปทำไมนี่คะ ข้าวก็เลยตัดสินใจว่าจะเอาตามที่ชาวบ้าน ๆ เขาทำกันไปก่อนค่ะ” เธอตอบและเสียงอ่อย ๆ ลงในช่วงท้าย ๆ

“อืม ก็มีเหตุผลดีนี่ ว่าไงเจ้าน้ำ พอที่จะให้พันธุ์ข้าวเป็นรางวัลให้น้องได้มั้ย”
เขาหันไปหาลูกชายที่นั่งฟังเธอพูดอย่างตั้งใจ และเขาเองก็พอจะเห็นด้วยกับเธอบ้าง ถึงแม้จะไม่ทั้งหมด แต่สำหรับคนที่ไม่เคยผ่านเรื่องพวกนี้มา ก็นับว่าใช้ได้ทีเดียว
“แล้วแต่คุณพ่อสิครับ ถ้าคุณพ่อให้ผมก็ไม่มีปัญหาครับ” เขาตอบอย่างไว้เชิง
“งั้นเป็นอันว่าลุงตกลงให้หนูข้าวไปใช้ฟรี ๆ เลย” เขาบอก

“ว้าว จริงเหรอคะคุณลุง แต่มันตั้งหลายตันนะคะ เกือบแปดตันแหนะค่ะ ถ้าขายให้ข้าวก็ได้เงินตั้งเยอะนะคะ ข้าวไม่อยากได้ฟรี ๆ ค่ะ เดี๋ยวใครบางคนจะมาทวงบุญคุณอีก เอาเป็นว่าข้าวขอยืมได้มั้ยคะ พอข้าวทำนาครบตามที่คุณพ่อต้องการแล้ว ข้าวก็จะเอาพันธุ์ข้าวมาคืนคุณลุง แบบนี้ดีมั้ยคะ”
เธอบอกเพราะตั้งใจที่จะมาขอยืมกับเขมไว้แต่แรกนั่นเอง

“แค่นี้ขนหน้าแข้งเจ้าน้ำมันไม่ร่วงหรอกหนูข้าว แต่ถ้าหนูข้าวไม่สะดวกก็จะทำเป็นยืมลุงก็ได้ หรือแกว่าไงเจ้าน้ำ”
เขมบอกและยิ้มให้เธอ และหันไปหาลูกชายที่ตักข้าวเข้าปากอย่างอร่อย
“แล้วแต่คุณพ่อจริง ๆ ครับ ผมยังไงก็ได้”
เขาตอบและยิ้มให้พ่อ เพราะเขาเองก็ไม่คิดจะขัดอะไรที่พ่อต้องการอยู่แล้ว บวกกับเขาก็คิดที่จะให้เธอยืมใช้พันธุ์ข้าวไปก่อนอยู่แล้ว แต่เมื่อเธอมาเอ่ยถามแบบนี้ ก็ทำให้เขาไม่ต้องเสียเชิงไปยื่นข้อเสนอให้เธอ ซึ่งเป็นผลดีกับเขาเสียอีก



ร่างสูงได้รูป กับเสื้อเชิตสีขาวพันแขนขึ้นไปถึงข้อศอก ส่วนสูทนั้นถูกถอดออกมาพาดไว้ที่แขน มืออีกข้างก็ดึงเน็คไทออกจากคออย่างง่ายดาย เพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าวของข้างนอก ทำให้เขาต้องรีบลอกคราบตัวเองออกทันทีที่เดินเข้ามาถึงออฟฟิศ และได้ลมโชยเย็น ๆ จากเครื่องปรับอากาศ

“ฮา ค่อยยังชั่วหน่อย มนุษย์จะทำยังไงดีนะ ถ้าไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกพวกนี้มาคอยช่วย”

เขาอดคิดไม่ได้ ขาสองข้าวถูกยกขึ้นมาพาดกับโต๊ะทำงานอย่างไม่เกรงใจใคร เพราะมันเป็นห่วงทำงานส่วนตัว ประตูถูกปิดเอาไว้ เขาก็เลยทำตัวตามสบายได้ แต่ก็สบายได้ไม่นาน ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้เขาต้องรีบเอาเท้าลงก่อนที่จะเห็นอุบลเดินเข้ามาหา พร้อมในมือก็มีแก้วน้ำผลไม้เย็น ๆ ติดมาด้วย

“จะได้ช่วยให้คุณเจตน์ดีขึ้นหน่อยค่ะ”
อุบลบอก แล้วก็เดินอ้อมไปด้านหลังของเขา พร้อมกับยกมือไปนวดหัวไหล่ ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายได้ไม่น้อยเลยทีเดียว และนี่ก็ทำให้เขาทิ้งผู้หญิงคนนี้ไม่ได้สักที ไม่ว่าเธอจะทำให้เขาโกรธมากแค่ไหน แต่สุดท้ายเขาก็ต้องยอมแพ้กับการคอยเอาใส่เขาของเธอแบบนี้อยู่ร่ำไป และมันก็ไม่ได้แตกต่างกับปิยนุชแม้แต่น้อย ที่ต่างก็เอาใจเก่งกันทั้งสองคน

“ขอบคุณมากนะ มาทำเป็นเอาใจแบบนี้ สงสัยต้องอยากได้อะไรเป็นพิเศษแน่ ๆ เลยใช่มั้ย”
เขาถามและยิ้มให้เธอขณะดื่มน้ำผลไม้เย็น ๆ
“คุณเจตน์หน่ะรู้ทันแมวอีกแล้ว อย่างนี้แมวรักตายเลยนะคะ”
อุบลบอกและใช้มือทุบไปที่ไหล่เขาเบา ๆ
“ว่าไงจะขออะไร”
“เอ่อ แมวขอเงินเดือนขึ้นได้มั้ยคะ ข้าวของมันแพงขึ้นทุกวัน ๆ น้ำมันก็แพงเอา ๆ เงินเดือนก็แทบจะไม่พอใช้เลยค่ะ แล้วอีกอย่างนะคะ เวลาที่คุณเจตน์ไปหาแมวที่บ้าน แมวก็ต้องคอยซื้ออะไร ๆ เอาไว้รับรอง แล้วก็....”

“เอาเป็นว่าฉันจะให้เงินพิเศษเพิ่มก็แล้วกัน แต่จะให้ขึ้นเงินเดือนให้คงไม่ได้หรอก เดี๋ยวจะเสียการปกครอง พอใจมั้ย”
เขารีบสรุปเพราะรู้ดีว่า ยังไง ๆ อุบลก็ต้องหาข้ออ้างมาบอกเขาจนในที่สุดเขาจะต้องยอมอยู่ดี จึงรีบเสนอให้ก่อนเลย
“อุ๊ย คุณเจตน์น่ารักที่สุดเลยค่ะ แมวรักคุณเจตน์ม๊ากมาก” อุบลก้มลงไปหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ ๆ
“แล้ววันนี้ฉันไม่อยู่มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง” เขามักจะวกมาเรื่องงานในที่สุด

“ก็ไม่มีอะไรค่ะ ทุกอย่างเรียบร้อยดีตามที่คุณเจตน์สั่งไว้หมดเลยค่ะ เอ้อ อีกเรื่องค่ะ ตอนนี้มีคนมารอพบคุณเจตน์อยู่ที่ห้องรับแขกค่ะ ท่าทางเป็นคนบ้านนอก ๆ นะคะ บอกว่าคุณเจตน์ให้มาหา แมวถามชื่อยังไงก็ไม่ยอมบอก แต่ให้แมวมาบอกว่า เป็นคนที่มาจากบ้านน้ำงามที่คุณเจตน์เคยพบค่ะ” อุบลรายงานขณะที่ตัวเองก็ยังคงนวดให้เขาอยู่

“บ้านน้ำงามเหรอ บ้านน้ำงาม...อ้อ...แมวไปบอกให้เขาเข้ามานี่เลย”
เขาทำท่าครุ่นคิดอยู่สักพัก แล้วก็เหมือนคิดอะไรได้
“แต่ดูท่าทางแล้วไม่น่าจะมาติดต่อเรื่องท่องเที่ยวเลยนะคะคุณเจตน์” อุบลแย้ง
“ฉันบอกก็ไปทำตามเถอะ แล้วก็อย่าให้ใครมารบกวนนะ ฉันไม่รับแขกแล้วเหนื่อย”
เขาต้องสั่งเด็ดขาดก่อนที่อุบลจะทำตามด้วยใบหน้าที่เจื่อน ๆ ไม่นานแขกของเขาก็มานั่งอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว

“ฉันจะพูดตรง ๆ นะนายจ่อย ฉันจะจ้างให้เธอมาทำงานที่นี่ในตำแหน่งอะไรก็ได้ตามแต่นายจะมีความสามารถ และก็จะให้เงินเดือนมากกว่าที่นายได้รับอยู่สองเท่า บวกกับเงินพิเศษอื่น ๆ อีก จำนวนเงินก็จะจ่ายตามผลงานของนาย ว่าจะทำให้ฉันพอใจหรือไม่ และฉันขอให้นายปิดทุกอย่างที่เราคุยกันวันนี้เป็นความลับ ห้ามบอกใครว่านายทำงานอยู่ที่นี่โดยเฉพาะกับคุณข้าว ถ้ามีคนรู้ว่านายทำงานที่นี่ ฉันจะไล่ออกทันที”
เจตน์บอกจ่อยด้วยข้อความที่ชัดเจนและตรงไปตรงมา

“แล้วงานพิเศษอะไรครับที่จะให้ผมทำ”
จ่อยยังคงสงสัยในส่วนนั้น แต่เรื่องงานที่ได้เงินเดือนมากกว่าที่เก่าสองเท่านี่ เขาตัดสินใจรับไว้แต่แรกแล้ว
“ฉันยังบอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร แต่ฉันรับรองว่าเป็นเงินก้อนแน่นอน ตกลงจะทำงานกับฉันมั้ย ถ้าทำพรุ่งนี้มาหาฝ่ายบุคคลที่ออฟฟิศข้างล่างได้เลย ฉันจะสั่งเอาไว้”

“ครับผมจะมาพรุ่งนี้ ขอบคุณครับคุณเจตน์ แล้วผมเอาเมียมาทำด้วยได้หรือเปล่าครับ”
จ่อยไหว้เขา แต่ก็ไม่ลืมที่จะหาลู่ทางให้เมียที่ทิ้งไว้กับพ่อแม่ให้มาอยู่ด้วยกัน
“ไม่ได้ ให้อยู่ที่โน่นล่ะดีแล้ว นายจะได้เอาไว้อ้างว่ากลับไปเยี่ยมเมียได้ หมดธุระะแล้วก็กลับไปได้ วันนี้ฉันเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว อย่าลืมที่ฉันบอกนะ ว่าห้ามให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาด” เขาย้ำอีกที
“ครับคุณเจตน์” จ่อยซึ่งไม่ค่อยจะเข้าใจนัก แต่ก็รับคำแต่โดยดี







Create Date : 06 ตุลาคม 2551
Last Update : 6 ตุลาคม 2551 14:55:01 น. 2 comments
Counter : 302 Pageviews.

 
ตาเจตน์มีแผนชั่วร้ายอีกแล้วใช่ไม๊เนี่ย


โดย: น้องค่ะ (หนึ่งมณี ) วันที่: 7 ตุลาคม 2551 เวลา:11:54:06 น.  

 
มีแววเป็นแบบนั้นนะคะคุณหนึ่ง


โดย: ธัญรัตน์ IP: 202.149.25.241 วันที่: 8 ตุลาคม 2551 เวลา:21:31:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.