Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
15 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
ร้อยรวงใจ ๔๙ (ธัญรัตน์)




“คุณข้าวคะ เราต้องหว่านปุ๋ยให้ได้กี่ไร่นะคะวันนี้”
เสียงสมิตาถามหลังจากที่อาสามาหว่านปุ๋ยช่วยเธอ แต่กลับไปยืนเคียงข้างเขมินท์ พร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสและเป็นมิตรกับเธอ จนเธอไม่สามารถจะมองให้เป็นอื่น มากไปกว่าการที่สมิตาอยากจะมาช่วยเธอจริง ๆ
“ก็ทำไปเรื่อย ๆ ค่ะ เสร็จเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น” เธอตอบขณะเดินหว่านปุ๋ยไปเรื่อย ๆ
“พี่น้ำคะรีบ ๆ หว่านนะ พรุ่งนี้โอ๊ะจะมาช่วยอีกวัน กว่าที่จะได้ไปหว่านที่นาของพี่น้ำ โอ๊ะก็หมดวันหยุดพอดีค่ะ”
สมิตาหันไปหาคนที่หว่านปุ๋ยอยู่ข้าง ๆ แต่เขากลับไม่ได้พูดอะไร ทำให้เธอค่อนข้างจะพอใจในผลงานตัวเองไม่น้อย ที่ทำให้คนทั้งสองดูจะหมางเมินกันออกไปในช่วงนี้ ก็นับว่าแผนการของเธอนั้นประสบผลสำเร็จไม่น้อย

“ไม่ต้องรีบหรอกครับน้องโอ๊ะ พี่ทำไปเรื่อย ๆ”
เขาบอกและหันไปหาสมิตาพร้อมทั้งยิ้มให้ แต่เขาก็ไม่วายที่จะหันไปมองผู้หญิงที่ยืนอยู่อีกข้างของเขา แต่คราวนี้มีแต๋นเข้ามากั้นเอาไว้ คิดแล้วให้เหนื่อยใจไม่น้อย ที่คราวนี้การตามง้องอนเธอ ดูจะยากกว่าคราวก่อนเยอะทีเดียว ไอ้ที่ง้อยากก็ไม่เท่าไหร่ แต่ไม่ยอมอยู่ให้ง้อนี่สิที่ทำให้เขาท้อนัก เพราะไม่ว่าเขาจะตามไปถึงที่บ้าน เธอก็จะเข้าห้องไม่ยอมออกมาพบเขาดื้อ ๆ จนเขาต้องถอดใจและดึงตัวเองออกมาอยู่ห่าง ๆ เธอเอาไว้สักพักแทน

“อ้าว คุณข้าวจะไปไหนคะ”
สมิตาถามเมื่อเห็นเธอเดินขึ้นไปที่คันนา
“ข้าวจะไปดื่มน้ำค่ะ”

เธอบอกแค่นั้นแล้วก็เดินจากไป โดยไม่ได้สนใจใครอีก เมื่อมาถึงเถียงนาเธอก็ได้แต่นั่งลงอย่างนั้น น้ำก็ไม่ได้หิวแม้แต่น้อย แต่เธอไม่อยากจะอยู่ฟังคนทั้งสองที่พูดจาหยอกล้อเล่นกันอีกต่อไป ถึงแม้หูไม่อยากฟังแต่สายตาก็จ้องมองร่างที่เดินเคียงคู่ไปกับเขาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสไม่ยอมวางตา แต่ยิ่งมองไปมันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ อยู่ลึก ๆ ในใจได้ไม่ยากเลย

และยิ่งเห็นอาการของเขาที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ว่าเธอจะรู้สึกยังไงเมื่อเวลามีผู้หญิงอีกคนคอยเดินเคียงข้างเขา ประหนึ่งว่าเขาตั้งใจที่จะให้มันออกมาเป็นแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่เขาสามารถเลี่ยงที่จะไม่ให้สมิตาติดตามมาด้วยก็ได้เมื่อเธอร้องของ แต่เขาก็ไม่ทำ และยินยอมให้สมิตามาช่วยด้วยความเต็มใจ หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงจะไม่เจ็บปวดเท่านี้

แต่มันเป็นตอนนี้ ตอนที่เขาทำเหมือนว่าเธอมีความหมายกับเขา ทำเหมือนว่าเขารักเธอ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ทำให้เธอรู้สึกว่าทั้งเธอและเขาต่างก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยแม้แต่น้อย ไป ๆ มา ๆ ความสัมพันธ์ของเขาและเธอก็เหมือนจะกลับมาอยู่ที่ระดับเดิมอีกแล้ว เพราะตั้งแต่วันที่เขาผิดนัดกับเธอวันนั้น เธอก็ทำเป็นไม่สนใจเขา และไม่ยอมเปิดโอกาสให้เขาได้เข้าใกล้เลย
และก็ดูเหมือนว่าความพยายามที่เขาจะเข้าใกล้เธอ มันช่างมีน้อยกว่าหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมาเหลือเกิน แล้วกับเรื่องที่ยังค้างคาใจเธอเกี่ยวกับเขาและสมิตาก็ยังไม่ได้รับการเปิดเผยจากเขาเลยสักนิด เพราะทั้งเขาและสมิตาต่างพากันปิดปากเงียบ

“เธออาจจะเข้าใจผิดไปเองก็ได้นะยายข้าว เขาอาจจะไม่ได้คิดและรู้สึกแบบเดียวกับเธอก็ได้ แล้วการที่เขาเข้าใกล้เธอ ป้อนคำหวานกับเธอ และมอบสัมผัสที่อบอุ่นให้กับเธอในหลาย ๆ ครั้งหละ มันหมายความว่ายังไงกันยายข้าว หรือว่าที่เขาทำไปเพียงเพราะเขาเป็นผู้ชาย ที่เวลาอยู่ใกล้ ๆ ผู้หญิงแล้วจะควบคุมตัวเองไม่ได้ เธออย่าไปคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขารักเธอดีกว่านะ
เพราะคำ ๆ นี้มันไม่เคยหลุดออกมาจากปากเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว เธอเองต่างหากที่เกือบจะเผลอบอกรักเขาไปก่อนด้วยซ้ำ นี่เธอเป็นอะไรไปยายข้าว เธอรักเขามากเพียงนี้เลยเหรอ ไม่นะไม่ เธอจะต้องไม่หลุดคอนเซ็ฟสวยเลือกได้ เธอจะต้องไม่ยอมเสียน้ำตาให้กับผู้ชายคนไหน เธอต้องตัดใจ ถ้าเขาไม่ได้รัก เธอ ๆ ต้องรีบตัดใจให้ได้ จำเอาไว้ ต้องตัดใจ”

เสียงที่เสี้ยมสอนตัวเองดังมาจากข้างใน แต่น้ำตาเจ้ากรรมมันกลับจะไหลออกมาข้างนอก เพื่อฟ้องให้ใคร ๆ เห็นความอ่อนแอของเธอให้ได้ แต่ความมีศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงที่มีในตัวเธอ มีมากกว่าน้ำตาที่คลอเบ้าอยู่ เธอจึงรีบตัดใจและห้ามไม่ให้มันไหลออกมา แล้วกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองให้จบ ๆ ไป

“คุณข้าวจะเข้าเมืองไปซื้อของด้วยเลยหรือเปล่าคะ จะได้คุยเป็นเพื่อนพี่น้ำตอนขากลับไงคะ”
สมิตาถามไปอย่างนั้นเมื่อตัวเองกำลังจะขึ้นรถ โดยมีเขมินท์นั่งรออยู่ก่อนแล้ว เพราะวันนี้เธอเลือกที่จะไม่เอารถมา แต่ให้พี่ชายมาส่งแทน เพราะคิดเอาไว้แล้ว ว่าจะต้องให้เขมินท์ไปส่งที่บ้าน และเธอก็จะดึงตัวเขาไว้กินข้าวเย็นด้วยเลย ดึก ๆ เธอจึงจะปล่อยให้เขากลับมา
“ข้าวขอตัวดีกว่าค่ะ ยังไม่ได้อาบน้ำเลย ขอบคุณมาก ๆ นะคะที่มาช่วย”
เธอบอกตามมารยาทเจ้าบ้านที่ดี
“งั้นโอ๊ะไปนะคะ”
สมิตาบอกและยิ้มให้เธอด้วยความสดใสและเป็นมิตร ก่อนที่รถจะค่อย ๆ แล่นออกจากบ้านไป

“อ้ายไข่ เป็นอีหยังอ้ายน้ำเลาคือมักพาคุณโอ๊ะมาหนี่ดู๋แท่ล่ะ กะรู่ยูวาคุณเข่าของแต๋นบ่มัก”
(พี่ไข่ ทำไมพี่น้ำชอบพาคุณโอ๊ะมาที่นี่บ่อยจังล่ะ รู้ทั้งรู้ว่าคุณข้าวของแต๋นไม่ชอบ)
“อ้ายกะบ่ฮู่คือกั๋น แตวาคุณโอ๊ะเลากะมาเองดี้ล่ะ อ้ายน้ำบ่ได้พามาจั๊กนอยเลย มาแล่วจะสิไห่ไลหนีซั่นบ้อ มันกะบ่คือลิ เลามาเฮ็ดเวียกซอยพ่อม” (พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่าคุณโอ๊ะก็มาเองจะ พี่น้ำไม่ได้ไปพาสักหน่อย พอมาแล้วจะให้ไล่หนีไปหรือไงล่ะ มันก็เสียมารยาทแย่เลย แล้วอีกอย่างแกก็มาช่วยทำงานด้วย)
“มาซอยไห่เจ้านายเฮาเคียดไห่กันหลายกัว ป่านได๋อ้ายน้ำเลาสิขอคุณเข่าแตงงานน้อ สิได้จบ ๆ เรื่องไป่”
แต๋นและไข่ที่คอยคุมเชิงอยู่บนบ้านต่างก็เกิดอาการหมั่นไส้ลูกสาวนายอำเภอพอ ๆ กัน
(มาช่วยให้เจ้านายเราโกรธกันมากว่า เมื่อไหร่พี่น้ำจะขอคุณข้าวแต่งงานนะ จะได้จบ ๆ เรื่องไป)

“แม่ป้าเหรอคะ ค่ะ ๆ ขอข้าวอาบน้ำก่อนนะคะแล้วจะไปค่ะ”
เสียงโทรศัพท์ที่บ้านดังขึ้น พอดีที่ภรัณยาเดินขึ้นมาบ้านจึงเดินไปรับ
“แต๋น ๆ” เธอร้องเรียกแต๋นทันที “คะคุณข้าว”
“รีบอาบน้ำนะ แม่ป้าบอกให้ไปกินข้าวที่บ้านโน้นไข่ด้วย”
เธอบอกก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องนอนเพื่ออาบน้ำ

“พี่น้ำจะลงมาไหว้คุณพ่อก่อนหรือเปล่าคะ โอ๊ะกลัวท่านจะว่าค่ะ หายไปทั้งวันคุณพ่อชอบหาว่าโอ๊ะหนีเที่ยวอยู่เรื่อยเลย แล้วโอ๊ะจะได้หาอะไรเย็น ๆ ให้ดื่มก่อนแล้วค่อยกลับนะคะ” สมิตาเชิญเขาแกมบังคับ
“ได้สิครับน้องโอ๊ะ” เขารับและเดินตามเธอเข้าบ้านไป
“อ้าวพ่อน้ำไปยังไงมายังไงถึงได้มากับยายโอ๊ะได้” โสภณถามพร้อม ๆ รับไหว้เขา
“พอดีน้องโอ๊ะไปช่วยหว่านปุ๋ยที่นาครับคุณลุง ผมก็เลยมาส่งกลัวคุณลุงจะว่า เพราะหายไปทั้งวัน”
“ก็ดีนะคะที่พ่อน้ำมาส่งให้ป้าถึงบ้าน มาเหนื่อย ๆ จิบเบียร์เย็น ๆ เป็นเพื่อนคุณลุงสักแก้วก่อนค่อยกลับนะ”
นาถยาเดินออกมา พร้อมแก้วเบียร์เย็น ๆ สองแก้ว เพราะเดาได้จากเสียงรถว่าเป็นเขา ทำให้สมิตาถึงกับยิ้มออกที่สถานะการณ์เอื้ออำนวยขนาดนี้

“เดี๋ยวโอ๊ะยกให้ค่ะพี่น้ำ....อุ๊ยว๊าย...ตายแล้วพี่น้ำเปียกหมดเลยค่ะ โอ๊ะขอโทษนะคะ โอ๊ะไม่ได้ตั้งใจค่ะ เดี๋ยวโอ๊ะไปหาผ้ามาเช็ดให้นะคะ” สมิตาอุทานออกมา พร้อมแสดงสีหน้าที่ตกใจ เพราะขณะที่ยกเบียร์ให้เขานั้น เธอก็แกล้งสะดุดขาตัวเอง เป็นเหตุให้เบียร์หกรดเขาจนหมดแก้ว
“ไม่เป็นไรครับน้องโอ๊ะ เดี๋ยวพี่ก็จะกลับไปอาบน้ำแล้ว” เขาบอกเมื่อสมิตากำลังจะไปหาผ้า
“ยายโอ๊ะนี่เดินยังไงเรา ป้าว่าไปอาบน้ำแล้วเอาเสื้อผ้าตาอ่องเปลี่ยนดีกว่านะพ่อน้ำ กว่าจะไปถึงบ้านตัวเหม็นหมดพอดี”
“นั่นสิคะพี่น้ำ นะคะเดี๋ยวโอ๊ะจะไปหาเสื้อตัวใหม่ที่พี่อ่องซื้อมาแล้วยังไม่ได้ใช้มาไว้ให้ค่ะ ทางนี้เลยค่ะพี่น้ำ”
สมิตาได้ทีเมื่อมารดาเป็นคนเปิดทางให้โดยไม่รู้ตัว

“เอ่อ จะดีเหรอครับ พี่ว่าอีกหน่อยพี่ก็จะกลับแล้ว” เขายังคงรู้สึกห่วงอีกฝ่ายที่ยังงอนเขาอยู่
“ไปเถอะพ่อน้ำ เสร็จแล้วมากินข้าวกันก่อน แล้วค่อยกลับ พ่อเราเขาไม่รอเราหรอก มีคุณมณอยู่ด้วยทั้งคน”
โสภณตั้งใจจะทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้น เพราะเข้าใจว่าเขาคงจะกลัวโดนตำหนิที่เข้า ๆ ออก ๆ บ้านนายอำเภอที่มีลูกสาวสวย ๆ อยู่ด้วย
“ครับคุณลุง” เขาต้องรับคำในที่สุด

“เจ้าน้ำมันไปถึงไหนกันป่านนี้แล้วยังไม่กลับบ้านเลย”
เขมอดสงสัยไม่ได้ เมื่อได้เวลาอาหารแล้ว แต่ยังไม่เห็นลูกชาย
“คงจะนั่งคุยอยู่กับนายอำเภอก่อนมั้งคะ เพราะเห็นคุณบอกว่าท่านชอบคุยกับพ่อน้ำนี่” มณฑาบอก
“ก็คงจะใช่มั้ง งั้นผมว่าเรากินก่อนดีกว่านะ ไม่ต้องรอหรอก”
เขมบอกเมื่อทุก ๆ คนนั่งที่โต๊ะอาหารแล้ว ภรัณยาแทบจะไม่รู้รสอาหารด้วยซ้ำ เมื่อในใจมันคอยแต่ครุ่นคิดว่าทำไมเขายังไม่กลับ

“หว่านปุ๋ยไปถึงไหนแล้วหนูข้าว”
เขมถาม แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใด ๆ นอกจากความเงียบ จนทำให้มณฑามองไปยังหลานสาวที่ดูจะเงียบกว่าหลาย ๆ วัน
“ยายข้าว ๆ ๆ” เธอต้องสะดุ้งเมื่อเสียงแม่ป้าเรียกซ้ำ ๆ กัน
“อะไรคะแม่ป้า” เธอรีบถามกลับ “ใจลอยไปถึงไหนเรา คุณลุงถามไม่ได้ยินเหรอ”
“คุณลุงถามว่าอะไรคะ” เธอหันไปยิ้มบาง ๆ ให้เขมแทน
“ไม่มีอะไรหรอก ลุงแค่ถามว่าหว่านปุ๋ยไปถึงไหนแล้ว พรุ่งนี้ลุงกับแม่ป้าจะไปช่วยด้วย จะได้เสร็จเร็ว ๆ”
เขมบอกและยิ้มให้เธอ แต่เขาก็เห็นว่าวันนี้เธอดูจะเงียบกว่าปกติ

อาหารเย็นเสร็จไปแล้ว ภรัณยาก็ยังไม่อยากแม้แต่จะเปิดปากถพูดคุยกับใครเหมือนหลาย ๆ วัน หญิงสาวเหลือบไปมองนาฬิกาพบว่าจะสามทุ่มแล้ว แต่ยังไม่เห็นเขากลับมาเลย เธออยากจะขอตัวกลับ แต่ก็ไม่กล้า เพราะมันค่อนข้างจะผิดปกติกว่าหลาย ๆ ครั้งที่มากินข้าวที่บ้านนี้ ด้วยกว่าจะกลับก็ต้องดูละครและรายการต่าง ๆ เป็นเพื่อนแม่ป้าจนดึก รถเขมินท์แล่นมาจอดในเวลาสี่ทุ่มครึ่ง เขาขึ้นบ้านมาด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ ซึ่งเธอไม่อยากจะคิดว่าเขาไปเปลี่ยนผ้ามาจากที่ไหน

“มาแล้วเหรอเจ้าน้ำ ทำอะไรอยู่ทำไมถึงมาเอาป่านนี้ พ่อกับทุกคนรอกินข้าวจนรอไม่ไหว”
เขมหันไปถามลูก แต่ก็หันกลับไปสนใจกับรายการตลกที่เขาชอบด้วย ภรัณยาแทบไม่มองไปที่เขา ได้แต่จ้องทีวีแทน เขาเดินเข้าไปนั่งใกล้ ๆ จนเธอต้องรีบถอยออกห่าง ๆ แต่เขาก็ขยับตามไปอีก
“คุณลุงคะข้าวขอกลับก่อนนะคะ วันนี้ง่วงแล้วค่ะ” เธอบอกในที่สุด
“ให้พี่เขาไปส่งสิยายข้าว” มณฑาบอกซึ่งนั่นคือคำที่เขารอคอย

“ไม่ต้องค่ะแม่ป้า ข้าวเอารถมา แต๋นจะกลับหรือยัง ถ้ายังก็ต้องให้ไข่ไปส่งนะ ฉันจะกลับแล้ว”
เธอหันไปหาแต๋น แล้วก็รีบเดินแกมวิ่งลงบันไดไป โดยไม่ได้สนใจว่าเขาจะวิ่งตามมาหรือไม่
“ข้าว ๆ เดี๋ยวก่อนสิ ให้พี่ไปส่งนะ” เขาวิ่งตามเธอมาจนได้
“ไม่ต้องฉันกลับเองได้ เพราะเอารถมาเอง ไม่ต้องรบกวนให้ใครไปส่งบ่อย ๆ”
เธอบอกแล้วก็ขึ้นรถขับออกไปเมื่อแต๋นขึ้นไปที่รถแล้ว ทิ้งให้เขมินท์มองตามด้วยความอ่อนใจ เขาได้แต่เดินขึ้นบ้าน และตรงไปยังห้องนอนตัวเองโดยไม่ได้สนใจว่ามณฑาจะมองตามมากแค่ไหน



เจตน์กลับเข้ามาทำงานที่บริษัทด้วยอาการปกติ หลังจากที่เขาต้องใช้ความพยายามอยู่หลายวันที่จะดึงหัวใจตัวเองให้กลับมาอยู่กับตัว เขาตระหนักดีเสมอว่าเขาเป็นผู้นำ ถ้าเขาอ่อนแอทุกอย่างก็คงพร้อมที่จะพังลงไปในอีกไม่ช้า คนที่ต้องมาทำงานแทนปิยนุชคือสิ่งที่เร่งด่วนสำหรับตอนนี้ รวมทั้งเลขาฯ คนใหม่ด้วย เขาใช้เวลาในการตรวจงาน พร้อมทั้งเคลียร์ทุกอย่างให้ลงตัวด้วยตัวเอง และที่สำคัญที่สุดเขาให้เวลากับบริษัทโดยไม่ได้ปล่อยให้หัวใจแอบไปคิดถึงใครอีกเลยตลอดเวลาสามวัน

เมื่อทุกอย่างคลี่คลายแล้วเขาจึงออกจากออฟฟิศด้วยหัวใจที่โล่งโป่ง เบา สบายขึ้นกว่าเก่า และเขาก็สัญญากับตัวเองเอาไว้แล้วว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเขา เขาจะไม่มีวันทิ้งงานเอาไว้แบบนี้อีกแล้ว เพราะเขาแทบจะหาความไว้วางใจจากใครไม่ได้อีกเลย รถที่ขับเคลื่อนไปเรื่อย ๆ ตามถนนที่จอแจและพลุกพล่านโดยที่เขาเองก็ไม่ได้กำหนดจุดหมายเอาไว้ แต่จู่ ๆ มันก็มาจอดอยู่ที่บ้านแม่โดยที่เขาเองก็แทบจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่านำรถมาจอดที่นี่ได้ยังไง

ทุก ๆ อย่างในบ้านยังคงเหมือนเดิม รูปเดี่ยวของคู่อริตอนไประบำนางฟ้าก็ยังคงอยู่ที่เดิม และยังยิ้มให้กับเขาเมื่อมองไปเหมือนเดิม แต่วันนี้มันจะต่างกันก็ตรงที่ เธอได้หัวใจเขาไปครองเอาไว้แทบจะทั้งหมดสิ้นแล้ว โดยที่เขาเองก็ไม่เคยรู้ตัวมาก่อนด้วยซ้ำ คิด ๆ แล้วก็น่าจะขอบคุณปิยนุชไม่น้อย ที่มีความกล้า ๆ มากพอที่จะมายืนตะโกนบอกความในใจของเขาออกมาให้เขารู้ ทั้ง ๆ ที่เขาเองก็ไม่กล้าแม้แต่จะสรุปออกมาด้วยตัวเอง

ร่างสูงเดินไปทิ้งตัวลงที่ชุดรับแขก แล้วก็เอนตัวนอนลงไปในเวลาต่อมา มือยกมาก่ายที่หน้าผาก แล้วภาพของเธอและเขาในสถานะการต่าง ๆ ในอดีตมันก็ผุดขึ้นมาหลอกหลอนเขาอีกแล้ว ใช่สิ มันไม่มีอะไรที่จะทำให้เขาต้องดื่มจนเมามาย และทิ้งงานได้มากไปกว่าเรื่องนี้อีกแล้ว เขาเจ็บปวดที่เห็นเธออยู่กับใครอีกคนจนไม่รู้จะทำยังไง ถึงได้ไปพึ่งพาน้ำเมาจนเสียการเสียงานไปแบบนี้ แต่เขาก็ยังทำใจให้ลืมเธอไม่ได้

เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะกำจัดเธอออกจากใจได้เมื่อไหร่ ร่างที่เอนอยู่ค่อย ๆ ลุกขึ้น และเดินออกจากบ้านไปอย่างเชื่องช้า เพราะเขาเพิ่งจะตระหนักได้แล้วว่า ยิ่งเขามาจมอยู่ที่บ้านหลังนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งจะลืมเธอได้ยากมากขึ้นเท่านั้น รถคู่กายถูกขับออกไปเรื่อย ๆ ตามถนน โดยที่คนขับเองก็ไม่รู้จุดหมายของมันว่าอยู่ ณ แห่งหนใด เขาเหลือบไปเห็นป้ายที่ชี้ไปสนามบิน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจู่ ๆ เขาก็เลี้ยวรถไปอย่างนั้น แล้วก็นำตัวเองไปซื้อตั๋วแล้วก็เหินฟ้ามาอยู่อีกฟากหนึ่งของประเทศ

แล้วเขาก็รู้สึกโกรธตัวเองอยู่ในทันที เพราะเมื่อไม่นานมานี้ เขายังบอกกับตัวเองอยู่เลย ว่าเขาจะไม่ทิ้งงานไปไหนอีก แต่เอาเข้าจริง ๆ เขากลับทำไม่ได้ เพียงแค่เขาคิดถึงเธอแค่นี้ เขาก็ถึงกับขึ้นเครื่องบินมาที่นี่ โดยที่เขาเองก็แทบจะไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ แต่เขาก็บอกกับตัวเองว่าเขาจะมาเพื่อให้ได้เห็นหน้าเธอสักพัก แล้วก็จะกลับไปทำงานต่อ

รถโดยสารถูกว่าจ้างให้ไปในที่ ๆ เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะมาทำไม แต่ในที่สุดร่างสูงก็มายืนอยู่ที่หน้าบ้านของเธอ บ้านดูเงียบเชียบเพราะไม่มีใครอยู่เลย ถ้าให้เดาเธอก็คงจะไปอยู่บ้านของลุงกำนันเป็นแน่ แต่เขาไม่คิดจะตามไปแต่อย่างใด ช่วงขาที่ยาวค่อย ๆ ก้าวขึ้นบันได สลักประตูที่ผูกไว้กับเชือกแค่นั้นถูกปลดออก แล้วเขาก็เดินไปล้มตัวลงนอนไปกับเบาะที่ปูเอาไว้ที่ระเบียง ลมพัดมากระทบร่างแผ่วเบา โดยไม่ต้องพึ่งพัดลมทำให้ผู้ที่เหมือนจะอ่อนเพลียเผลอหลับไปในเวลาไม่นานนัก

ป้าหวางที่นั่งไกวเปลหลานสาวอยู่บนบ้าน ชะเง้อหน้าไปมองการมาเยือนอันเงียบเชียบผู้ที่หลับไปแล้ว แกตัดสินใจปล่อยให้เขาเป็นแขกที่ต้องดูแลตัวเองอยู่อย่างนั้น เพราะหลานยังไม่หลับตาลง จึงทิ้งไปต้อนรับขับสู้ไม่ได้ และแกก็สังเกตดูว่า แขกที่มาเยือนอย่างเงียบ ๆ คงจะไม่ต้องการให้ใครไปต้อนรับนักเท่าใดนัก แกจึงได้แต่เฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ แค่นั้น แต่คิด ๆ อีกที แกก็ควรจะบอกใครสักคนดีกว่า

“อ้าว แม่ป้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่เห็นจะโทรไปตามฉันเลย”
ภรัณยานำรถเข้ามาจอดเอาไว้ หลังจากที่กลับมาจากร้านทำผมในหมู่บ้านกับแต๋น เธอเห็นรถแม่ป้าจอดอยู่ที่ลานบ้าน ขณะที่กำลังจะขึ้นบ้าน แต่แม่ป้าก็เดินลงมาก่อน และดึงตัวหลานสาวให้ไปคุยที่บ้านของป้าหวางแทน แล้วเธอก็ได้รู้ความเป็นไปของเจตน์จากแม่ป้า

เพราะป้าหวางเป็นคนโทรไปบอกมณฑาเกี่ยวกับการมาเยือนของเจตน์ แทนที่จะโทรไปบอกเธอ อาจจะเป็นเพราะป้าหวางเห็นว่าเธอไม่ค่อยจะชอบเจตน์นัก จึงเลือกที่จะโทรไปบอกมณฑาจะดีกว่า ภรัณยาฟังเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นกับเขาจากปากแม่ป้าแล้ว ก็เห็นใจเขาไม่น้อย แต่อีกใจก็คิดสมน้ำหน้าอยู่ลึก ๆ ที่ถูกแม่คู่ขาเล่นงานเอา มณฑากลับไปแล้ว ส่วนภรัณยาก็ไม่ค่อยอยากจะขึ้นบ้านสักเท่าไหร่ แต่เธอก็รู้สึกอยากจะอาบน้ำ จึงตัดใจเดินขึ้นบ้านไป และตรงไปยังห้องนอนโดยไม่ได้ทักทายเจตน์ที่นอนทอดร่างไปกับเบาะอย่างนั้น

“ฉันขออาศัยอยู่บ้านเธอสักพักนะข้าว” เจตน์บอกเธอ เมื่อเธอเดินมานั่งใกล้ ๆ
“เป็นยังไงเหรอ เจ็บมากจนต้องมานั่งเลียแผลใจถึงที่นี่เลยรึไง ดี สมน้ำหน้า”
เธออดไม่ได้จริง ๆ เลย เพราะคิดถึงใบหน้าเขาเวลาที่หอบเอาแม่เลขาฯ ไปนอนกกที่คอนโดขึ้นมา
“เอาเป็นว่าฉันขอมานอนพักเฉย ๆ โดยที่เธอไม่ต้องเห็นใจหรือว่าสมน้ำหน้าฉันจะได้มั้ย ฉันรับรองว่าจะอยู่ให้รกตาเธอไม่นานหรอก สบายใจเมื่อไหร่ก็จะกลับ จะคิดเงินค่าที่พักและค่าอาหารก็ได้นะฉันยินดีจ่าย” เจตน์บอกด้วยใบหน้าที่เจื่อน ๆ

“มีเงินเยอะว่างั้น มีเยอะจนเหลือเอาไปแจกผู้หญิง ดีนะที่เป็นนุช ถ้าเป็นฉันล่ะก็จะเอาให้เยอะกว่านี้เลย”
เธอว่าและก็ยิ้มเยาะเย้ยเขาอย่างอดปากไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่แม่ป้าก็ห้ามเอาไว้แล้วเชียว
“ฉันว่าเธอคงไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก อย่างเธอแค่ขโมยกินขนมฉันก็กลัวจนหัวหด ต้องวิ่งไปซ่อนอยู่ในห้องเก็บของแล้วมั้ง โธ่เอ้ย แล้วจะคิดมาเอาเงินทีละเยอะ ๆ”
เขาว่าเพราะจำได้ว่าเมื่อเด็ก ๆ เธอแกล้งเขาโดยการกินขนมส่วนของเขาจนหมด พอกลัวว่าเขาจะเล่นงานกลับ จึงหนีไปหลบในห้องเก็บของตั้งนาน กว่ามณฑาจะหาตัวเจอ จนร่างน้อย ๆ ดำมอมแมมไปด้วยฝุ่นแล้ว ตามด้วยผื่นแดง ๆ เต็มตัว จนต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะรักษาอาการแพ้ฝุ่นอย่างรุนแรงแทน

“อย่ามาพูดมาก รีบไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวจะพาไปกินข้าวบ้านแม่ป้า คุณลุงสั่งเอาไว้ว่าให้ไปกินข้าวที่โน่น”
เธอรีบตัดบทเพราะจำสภาพของตัวเองได้ดีในครั้งอดีต
“ฉันไม่มีชุดเปลี่ยน ไม่ได้เอาอะไรมาเลย” เขาบอก
“ใส่เสื้อผ้าคุณพ่อไปก่อนก็แล้วกันแก้ขัด เดี๋ยวจะไปหาไว้ให้ เร็ว ๆ นะ เดี๋ยวคุณลุงจะรอ”
“รู้แล้วน่า เร่งจริง” เขารับคำก่อนจะเดินไปโดยมีเธอเดินตามไปหาเสื้อผ้าให้

เขมินท์รีบกลับบ้านตั้งแต่ยังไม่ค่ำ วันนี้ตั้งใจว่าจะรีบมาง้อเธอให้หายให้ได้ เพราะวันนี้ไม่มีสมิตาคอยโทรมาตามให้ไปช่วยทำโน่นทำนี่ หลังจากที่หลาย ๆ วันผ่านมานี้ เขาแทบจะเรียกได้ว่าไปกับเธอทุกวันก็ว่าได้ แต่วันนี้เขาบอกกับตัวเองเอาไว้ว่า ต่อให้สมิตาจะโทรมาตามไปช่วยอะไร เขาก็ตั้งใจว่าจะปฏิเสธไปก่อน เพราะไม่อยากจะปล่อยให้หน้าขาว ๆ สวย ๆ งอนเขานาน ๆ แล้วที่สำคัญที่สุด เขาเริ่มจะคิดถึงเธอ และอยากจะกอดเธอมากขึ้น ๆ ทุกวันแล้ว เพราะห่างหายไปหลายวัน

แต่เขาก็ต้องเกิดอาการเซ็งขึ้นมาทันที เมื่อเห็นเจตน์นั่งคุยอยู่กับพ่อ โดยมีเธอและคุณน้านั่งรวมอยู่ด้วย เขาเดินเข้าไปทักทายเจตน์ตามมารยาท และรีบเข้าห้องไปอาบน้ำแล้วก็ออกมาอีกครั้งเพียงเวลาไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ เขาเข้าไปนั่งใกล้ ๆ เธอ และก็เช่นเคย เธอจะขยับหนีเขาอยู่อย่างนั้น

“ไอ้น้ำ มานั่งตรงนี้สิ ไปเบียดอยู่ตรงนั้นทำไม”
เขมเห็นแล้วเกิดอาการหมั่นไส้ลูกชาย แต่ไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรกับพ่อ ก็มีเสียงรถแล่นมาจอดที่ลานบ้าน แล้วไม่นานสมิตาก็เดินขึ้นมาบนบ้าน พร้อม ๆ กับหิ้วข้าวของมาเต็มมือ
“สวัสดีค่ะคุณลุง คุณป้า คุณเจตน์ด้วย มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
สมิตาไหว้ผู้ใหญ่และเดินไปนั่งข้าง ๆ เขมินท์
“ผมเพิ่งจะมาครับ” เจตน์ตอบ

“แล้วหนูโอ๊ะหอบอะไรมาล่ะลูกเยอะแยะเชียว” เขมถามและยิ้มให้เธอ
“อ๋อ พอดีว่าพี่อ่องไปอบรมที่สระบุรีมาค่ะ ก็เลยให้โอ๊ะหอบของฝากมาให้คุณลุง แต่พี่อ่องไม่ยอมมาเอง โอ๊ะก็เลยต้องใส่รถเอาไว้ตั้งแต่เมื่อเช้า พอโรงเรียนเลิกก็นั่งเคลียร์งานจนเกือบค่ำจึงนึกได้ นี่ความจริงโอ๊ะลืมสนิทไปเลยนะคะ ออกรถและจะตรงไปบ้านแล้วด้วย แต่กลัวของจะเสียก็เลยต้องวนรถกลับเอามาให้ก่อน พอดีไม่รีบกลับบ้านเท่าไหร่ค่ะ เพราะไม่มีใครอยู่เลยเย็นนี้ ไปงานเลี้ยงกันหมดค่ะ”
สมิตาอธิบายเหตุผลที่ฟังดูเหมือนจริงไม่น้อย แต่มันก็มีความจริงแค่นิดเดียวคือพี่ชายซื้อของมาให้โดยที่เธอโทรไปสั่งให้เอามาเยอะ ๆ เอง และเรื่องที่เหลือก็เธอสรรสร้างมันขึ้นมาเองทั้งนั้น เพราะที่บ้านไม่มีใครไปไหน ส่วนเธอก็เพิ่งจะโทรไปบอกมารดาว่าจะกลับช้าหน่อยเพราะงานยังไม่เสร็จ ด้วยคาดหวังเอาไว้ว่าจะต้องมากินข้าวที่บ้านเขาแทน ออกตัวไว้ซะขนาดนี้ เจ้าของบ้านไม่ชวนก็ให้มันรู้ไป

“งั้นหนูโอ๊ะก็กินข้าวที่บ้านลุงก่อนแล้วค่อยกลับสิ กลับไปก็ไปอยู่บ้านคนเดียว เหงาตายเลย”
เขมตกเป็นเหยื่อของเธอจนได้
“จะดีเหรอคะคุณลุง ไม่รู้ว่าที่นี่ทำอาหารเยอะหรือเปล่า เดี๋ยวไม่พอกินกันค่ะ”
เธอออกตัวไปอย่างนั้น แต่ก็ยิ้มรับด้วยความยินดี
“มีเยอะแยะไปค่ะหนูโอ๊ะ” มณฑาบอกอีกคนเพื่อเป็นการยืนยัน
แล้วบรรยากาศบนโต๊ะอาหารที่เหมือนจะปกติ แต่ก็ไม่ปกติก็ดำเนินไป เขมินท์รู้สึกไม่ชอบใจจริง ๆ ที่เห็นเธอไปนั่งข้าง ๆ แม่ป้าและมีเจตน์นั่งข้าง ๆ เธออีกที ส่วนเขานั้นตั้งมานั่งอีกข้างของพ่อและมีสมิตานั่งข้าง ๆ

“ตาเจตน์ลองแกงส้มปลานิลสิอร่อยมาก ๆ เลยนะ ปลาสด ๆ มาจากบ่อเลยล่ะ เอ้า ยายข้าวตักไปให้ตาเจตน์หน่อย ชามมันอยู่ไกล กินเยอะ ๆ นะตาเจตน์ พักนี้ดูจะผอม ๆ ไปนะ”
แล้วเธอก็ต้องคอยตักอาหารให้เจตน์ตามคำที่แม่ป้าบอก ซึ่งเขาเห็นว่ามันไม่ปกตินัก เพราะเมื่อก่อนเขามักจะเห็นเธอปฏิเสธการญาติดีกับเจตน์แทบทุกครั้ง แต่วันนี้ไม่ใช่ จะว่าเธอประชดเขาก็ไม่ค่อยจะตรงสักเท่าไหร่ จะว่าไม่ใช่ก็ไม่จริงซะทีเดียว

“โอ้ย ปวดหัวโว้ย ไอ้น้ำนะไอ้น้ำ ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลย รักกันอยู่ดี ๆ แท้ ๆ”

เขาอดบ่นตัวเองในใจไม่ได้ สมิตาได้แต่แอบยิ้มกับตัวเอง ที่จู่ ๆ ก็มีเจตน์เข้ามา และเธอก็คิดว่าเจตน์คงจะมาช่วยทำให้แผนแยกสองคนนี้ออกจากกันได้มากทีเดียว เพราะเธอเห็นสายตาของเขมินท์ที่ไม่ค่อยพอใจนักที่เห็นเจตน์ในวันนี้แล้ว บอกได้เลยว่าหนทางของเธออยู่แค่เอื้อมแน่นอน

“ช่วยไม่ได้นะคุณเจตน์ คุณอยากจะเข้ามาเอง” เธอบอกเขาอยู่ในใจลึก ๆ
อาหารเย็นผ่านไปไม่นาน ภรัณยาก็ขอตัวกลับก่อนสมิตา เพราะไม่อยากจะอยู่คุยด้วย เจตน์ขอตามไป เพราะบอกว่าอยากจะไปนอนที่บ้านโน้น โดยที่ภรัณยาไม่ได้ว่าอะไร มณฑาก็ไม่ว่าอะไร แต่เขมินท์ไม่ชอบใจมาก ๆ

“จะไปนอนได้ยังไงกัน แอร์ก็มีอยู่ห้องเดียว” เขาเอ่ยปากในที่สุด
“ไม่เป็นไรครับ ผมอยากอยู่แบบครันทรี่ ๆ” เจตน์ว่า
“ไม่เป็นไรหรอก สองคนนี้เคยอยู่บ้านเดียวกันมาเป็นสิบ ๆ ปี ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติ เพราะเลี้ยงให้โตมาด้วยกัน ยายข้าวให้เจตน์นอนห้องพ่อเราก็ได้นะ”
มณฑาบอก เมื่อเห็นว่าเขมินท์น่าจะห่วงเรื่องนั้น จนเขาต้องยอมจำนน และได้แต่มองตามร่างเธอที่เดินลงบ้านไป โดยมีแต๋นเดินตามไปติด ๆ







Create Date : 15 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2551 15:49:08 น. 0 comments
Counter : 307 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.