Group Blog
 
 
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
24 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
ร้อยรวงใจ ๑๕ (ธัญรัตน์)




ลมยามสายพัดแรงกว่าหลาย ๆ วัน จนต้นไม้โอนเอนไปตามแรงลม ฟอร์จูนเนอร์แล่นเข้ามาจอดข้าง ๆ รถปิ๊กอัพป้าแดงที่เขาไม่คุ้นตาที่จอดอยู่ลานบ้านเลย เขมินทร์ได้แต่มองไปที่รถ และพยายามคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกมันเป็นรถของใคร เขาวิ่งขึ้นบันไดบ้านแค่สามสี่ก้าวก็ขึ้นไปอยู่บนตัวเรือนแล้ว และก็ให้แปลกใจไม่น้อยที่เห็นใครบางคนนั่งคุยอยู่กับพ่อ

“เจ้าน้ำกลับมาแล้วเหรอ พอดีเลยจะได้ไปช่วยหนูข้าวไปจัดข้าวของและทำความสะอาดบ้านช่อง”
เขมหันไปหาลูกชายและบอกก่อนที่เขาจะทันได้เดินมาใกล้ ๆ ที่ ๆ เขานั่งอยู่ด้วยซ้ำ
“สวัสดครับคุณน้า” เขาไหว้มณฑาที่นั่งอยู่ แล้วก็เหลือบไปมองคุณเธอเล็กน้อย
“สวัสดีค่ะ...โอย... คุณเขมคะ อย่าต้องให้หลานลำบากเลยค่ะ ฉันก็มีคนช่วยอยู่แล้ว”
มณฑารับไหว้เขา และก็รีบบอกเขม เพราะเกรงใจเขมินทร์ด้วย

“จริงด้วยค่ะคุณลุง ข้าวมีคนช่วยแล้วค่ะ งั้นข้าวว่าเราขอตัวเลยดีกว่านะคะแม่ป้า”
ภรัณยาออกตัว โดยที่เธอไม่ได้หันไปหาเขาเลย
“ใช่ค่ะ เราแค่แวะมาบอกคุณเขมเอาไว้เฉย ๆ ค่ะ” มณฑาบอก
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกคุณมณ หนูข้าว เรามันคนกันเองทั้งนั้น ต่อไปเวลาหนูข้าวมีอะไรให้มาหาลุงได้ตลอด ขอให้คิดว่าลุงเป็นพ่อของหนูข้าวคนหนึ่งนะลูก พ่อเราเห็นแบบนี้ก็คงจะดีใจไม่น้อยเลยทีเดียว”
เขมบอกด้วยความดีใจกับข่าวที่เธอนำมาบอก

“นี่คุณพ่ออย่าบอกนะครับว่าคุณหนูข้าวของคุณพ่อ จะมาทำนาตามที่พินัยกรรมระบุเอาไว้” เขาถามด้วยความสงสัย
“ก็ใช่หน่ะสิ แล้วแกก็ต้องคอยช่วยน้องด้วยนะ จำไม่ได้เหรอที่น้าฑลฝากน้องไว้กับแกน่ะเจ้าน้ำ” เขมย้ำสัญญาในคืนนั้น

“คุณมณกับหนูข้าวไปบ้านก่อนนะ เดี๋ยวเจ้าน้ำกินข้าวแล้วผมจะให้ตามไป ความจริงน่าจะมานอนที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืนที่มาถึงเลย ไม่เห็นจะต้องไปเสียเงินนอนที่โรงแรมเลย แล้ววันนี้ถ้าบ้านยังไม่เรียบร้อยก็มานอนบ้านลุงก่อนก็ได้นะหนูข้าว ไม่ต้องเกรงใจ คุณมณด้วย ผมน้อยใจนะที่ไม่ยอมมาพักบ้านผม เรามันก็...เอ่อ...” เขมบอกแค่นั้น

“ขอบคุณค่ะคุณเขม ฉันเกรงใจค่ะ พวกเรามากันหลายคน กลัวจะมารบกวน เอาเป็นว่าคืนนี้ถ้าอะไรยังไม่เรียบร้อย ฉันกับหลานจะมารบกวนก็แล้วกันนะคะ” มณฑาบอกและยิ้มให้เขาด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจเขาที่มีให้เธอเสมอมา
“ข้าวต้องขอบคุณ คุณลุงมาก ๆ ค่ะ งั้นข้าวไปก่อนนะคะ...ไข่ตุ๋นไปได้แล้วลูก” เธอไหว้เขมและค่อย ๆ ลุกออกไป แต่ก็ไม่ลืมเรียกเจ้าตัวเล็กที่นอนเล่นอยู่บนบ้าน เพราะทิ้งไว้ข้างล่างไม่ได้ มันชอบทำสงครามกับเจ้าปุกปุยของเขา
“เขาเอาจริงเหรอครับคุณพ่อ แล้วจะไปได้สักกี่น้ำกันเชียว”
เขมินทร์ถามย้ำเพราะไม่เชื่อสายตาตัวเองหลังจากที่ทุก ๆ คนคล้อยหลังไปแล้ว

“อ้าว...แล้วแกชอบหรือไม่ชอบล่ะ พอเขาจะขายแกก็ว่าเขา พอเขาจะมาทำแกก็ว่าเขาจะทำไม่ได้ แล้วตกลงแกต้องการยังไงกันแน่เจ้านี่...ไม่ต้องมาถามให้มากความเลย กินข้าวเสร็จแล้วก็ให้ไปช่วยน้องด้วย และต่อไปแกจะต้องช่วยดูแลหนูข้าวให้ดี ๆ แทนพ่อด้วย อย่าลืมนะว่าพ่อของหนูข้าวมีน้ำใจกับเราแค่ไหน” เขมสั่งลูกชายด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด
“แปลว่าผมมีงานเพิ่มมาอีกงานใช่มั้ยครับพ่อ” เขาอดบ่นไม่ได้ เมื่อจิตนาการ ว่าจะต้องไปรบกับแม่คุณอีกไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ แต่ถึงยังไงคะแนนของเธอก็ถูกเขาให้กลับมาจากติดลบเป็นสิบแล้วล่ะ

“คุณเข่าบ่ต้องมาเฮ็ดนำป้ากะได้ดอก ไห่ป้ากับลุงแล่วกะอีนางแต๋นเฮ็ดกะพอแล่ว”
ป้าหวางที่ในมือหอบไม้กวาดมาด้วยบอกเธอ ว่าไม่ต้องมาช่วยก็ได้ แค่แกกับลุงคำและแต๋นก็พอแล้ว แต่ภรัณยาเข้าใจไม่หมดต้องหันไปหาแต๋นแทน
“ป้าหวางบอกว่าไม่ต้องให้คุณข้าวทำหรอกค่ะ ให้พวกเราทำเองก็พอ” แต๋นแปลให้
“เห็นด้วยอย่างยิ่งกับป้าหวางนะข้าว ข้างในฝุ่นโคตะระเยอะเลย รู้อย่างนี้นะฉันเปลี่ยนไปเฝ้าร้านแล้วให้ยายเชอร์รี่มาแทนดีกว่า เดี๋ยวก็หมดสวยกันพอดี” เจนจิราบอกอีกคน “เอ่อน่าทำ ๆ ไปเหอะ”

“ป้าหวางจ๋า...บ่เป็นอีหยังหรอก ช่วย ๆ กันทำแป๊ปเดียวก็เสร็จ ไปกันเถอะแต๋น แม่ป้ากับเจนจะรอข้างนอกก็ได้นะ เกรงใจหน่ะ อุตส่าห์มาส่งข้าวตั้งไกล เดี๋ยวจะไปฟ้องยายเชอร์รี่อีก” เธอบอกกลับ
“เรื่องอะไรล่ะ ไหน ๆ ก็ลงเรือลำเดียวกันแล้วนี่ งั้นแม่ป้าช่วยด้วยก็แล้วกัน” มณฑาบอกและยิ้มให้หลาน
“เราเอาด้วยก็แล้วกัน” เจนจิราตาม
“งั้นก็ลุยกันเลย” ท่าทางของเธอ ก็ทำให้แต๋นอดยิ้มด้วยความแปลกใจไม่ได้ ที่ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นเจ้านายต้องมาจับไม้กวาดเลยสักครั้งเดียว

“อุ๊ย คุณข้าวขา มาแล้วค่ะ ขวัญใจแต๋นมาโน่นแล้ว โชคดีนะคะที่คุณเชอร์รี่ไม่มาด้วย” แต๋นรีบวิ่งไปบอกเจ้านายให้หันไปดูเขมินทร์ที่เดินขึ้นบ้านมาพร้อม ๆ กับไข่ โดยในมือก็มีเครื่องมือทำความสะอาดมาด้วย
“คุณหนูข้าวจะให้ผมช่วยตรงไหนบ้างครับ”
เขาแหย่เธอด้วยความหมั่นไส้ เพราะแค่มาไม่ทันข้ามคืนพ่อก็ทำท่าจะรักแม่คุณมากกว่าเขาซะแล้ว
“ตามใจสิ คุณอยากจะทำตรงไหนก็ทำ แม่ป้าคะนี่ห้องคุณพ่อใช่ไหมคะ”

“จ๊ะ และห้องนี้แม่ป้าใช้นอนเวลามาเยี่ยมพ่อเรา” มณฑาชี้ไปอีกห้องหนึ่งที่ถัดมาจากห้องมณฑล
“งั้นข้าวจะไปทำในห้องคุณพ่อ” เธอบอกแล้วก็เปิดประตูห้องพ่อเข้าไป ข้าวของเครื่องใช้ของพ่อแม่ที่เธอไม่เคยได้เห็นเลยสักครั้ง ถูกฝุ่นจับจนหนาเตอะ มันรกจนไม่รู้ว่าเธอจะเริ่มตรงไหนก่อน แล้วเธอก็ต้องไอค็อก ๆ ออกมา เพราะฝุ่นคลุ้งกระจายเต็มห้อง เมื่อเธอสลัดผ้าขาวที่ใช้คลุมเตียงนอนเอาไว้

“แคร๊ก ๆ ๆ ๆ แต๋น ๆ ฉันหายใจไม่ออก” เธอร้องเรียกแต๋น เมื่อสลัดผ้าคลุมเก้าอี้ในห้องอีกครั้ง จนเขมินทร์ที่ได้ยินเธอเรียกแต๋นต้องเดินเข้ามาในห้องแทน เพราะแต๋นลงไปตักน้ำที่ตุ่มเพื่อเอามาชุปน้ำเช็ดข้าวของ
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” เขาถามด้วยความห่วงแล้วเขาก็ต้องรีบปิดจมูกเอาไว้ เพราะฝุ่นคลุ้งเต็มห้อง
“ฝุ่นมันเข้าจมูกหายใจไม่ออกเลย”
เธอบอก แล้วเขาก็ไปเปิดหน้าต่างในห้องทั้งสี่บานออก ค่อยทำให้อากาศโล่งขึ้นมาหน่อยในความรู้สึกของเธอ

“ดีขึ้นมั้ย” เขาหันมาถาม “ค่อยยังชั่วหน่อย” เธอตอบ
“คุณเอาผ้าปิดจมูกไว้ดีกว่า คุณหนู ๆ อย่างคุณนี่เจอแค่ฝุ่นก็จะหมดลมแล้ว” เขาบอกเมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าในห้องแล้วก็รื้อหาผ้าขนหนูมาให้เธอ “นี่คุณทำไมต้องมาแขวะฉันด้วยไม่ทราบ” เธอโมโหเพราะตั้งแต่เมื่อเช้าก็โดนเขาประชดไปรอบหนึ่งแล้ว แต่ไม่ได้เอาคืน เพราะอยู่ต่อหน้าคุณลุง

“รีบ ๆ ทำนะเดี๋ยวไม่เสร็จไม่ได้นอนคืนนี้ผมไม่รู้ด้วย”
เขาบอกและรีบเดินออกจากห้องไปโดยเร็ว เธออยากจะตามไปว่าเขาต่อด้านนอก แต่ก็ไม่ทำเพราะกลัวงานไม่เสร็จ แล้วเธอก็หันกลับมาสนใจกับฝุ่นละอองที่ยังคงเต็มห้องอยู่ มืออีกข้างก็ปัด ๆ กวาด ๆ ส่วนอีกข้างก็ถู ๆ เกา ๆ เพราะรู้สึกคันตามแขนตามขา ตามคอและที่ต่าง ๆ จนผิวขาว ๆ ของเธอนั้นแดงเต็มไปหมด

“โอยคุณข้าว อะไรกันคะเนี๊ยะแดงไปหมดเลย แต๋นว่าคุณข้าวออกไปนั่งเช็ดถ้วยชามข้างนอกดีกว่านะคะ ในนี้ให้แต๋นจัดการเองค่ะ มานี่เลยค่ะ บอกแล้วว่าไม่ต้องทำก็ไม่เชื่อ คุณข้าวยิ่งแพ้ฝุ่นอยู่นะคะ”
แต๋นที่เดินมาดูเจ้านายหลังจากล้างถ้วยชามจนเสร็จไปหมดบ้าน ภรัณยาเดินออกมานอกห้องก็พบกับความแปลกตาจากตอนที่มาแรก แต่เธอยังคงเกาแขนเกาขาไปมา เพราะมันคันจริง ๆ

“โห จริงด้วยยายข้าว แม่ป้ามาดูสิคะ” เจนจิราที่ช่วยกันทำความสะอาดครัวอยู่เดินมาตามเสียงของแต๋น และเรียกมณฑาให้มาดู ส่วนเขมินทร์ที่เพิ่งจะเลื่อนโต๊ะเข้าที่ก็เดินมาดูเธอใกล้ ๆ พบว่าผิวขาว ๆ ของเธอแดงตามที่แต๋นบ่นจริง ๆ ด้วย
“ผมว่าคุณกลับไปอาบน้ำล้างตัวที่บ้านผมดีกว่านะ ทางนี้เดี๋ยวผมจัดการให้” เขาบอก
“ไม่เป็นไร นี่มันบ้านของฉัน ก็ต้องทำเองสิจะให้คนอื่นมาทำได้ยังไงกัน” เธอยังรั้น

“คุณข้าวคงไม่อยากจะให้แขนขาเป็นผื่นเต็มเหมือนคราวที่เราย้ายบ้านนะคะ กว่าจะหายก็หมดเงินไปตั้งเยอะ แล้วแถวนี้จะมีหมอผิวหนังเก่ง ๆ แบบกรุงเทพฯ หรือเปล่าก็ไม่รู้ ไปอาบน้ำเถอะค่ะ เสร็จแล้วค่อยกลับมาคงจะเสร็จพอดี”
แต๋นรู้ว่าจะทำยังไงให้เจ้านายยอม

“นั่นสิยายข้าว เดี๋ยวก็ไม่ทันได้ทำนากันพอดี”
“อ่อ...จริงด้วย” เธอเห็นด้วย
“งั้นผมพาไปเอง บ้านคงจะล็อคเอาไว้ เพราะคุณพ่อไปประชุมที่ศาลากลาง คุณเจนจะไปด้วยมั้ยครับ”
เขาเพิ่งจะนึกขึ้นได้ แต่ก็หันมาชวนเจนจิราด้วย

“ไปเถอะยายข้าว หนูเจน”
มณฑาบอกอีกครั้ง แล้วเธอและเพื่อนรักก็ยอมเดินตามเขาไปแต่โดยดี เพราะอาการคันมันเริ่มหนักขึ้น ๆ แล้ว ก่อนขึ้นรถไปกับเขา เธอไม่ลืมที่จะเปิดประตูรถแล้วก็คว้าเอากระเป๋าใบไม่ใหญ่มากไปด้วย เพราะในนั้นมีของใช้ส่วนตัวและเสื้อผ้าที่เธอเตรียมมาไว้แล้ว

“คุณจะอาบห้องนี้หรือว่าห้องผมก็ได้นะ ผมไม่ว่าหรอก” เขาบอก
“ฉันจะอาบห้องนี้ เพราะว่าอากาศไม่หนาวฉันไม่ต้องการน้ำอุ่นเหมือนวันนั้น” เธอบอกแล้วก็เดินหายไปในห้อง
“คุณเจนจะอาบด้วยหรือเปล่าครับ” เขาถามเธอ
“ไม่ค่ะ เจนไม่ได้แพ้เหมือนยายข้าว เอาไว้อาบทีเดียวตอนเสร็จเลยค่ะ” เจนจิราบอกและยิ้มให้เขา
“งั้นผมหาอะไรให้ดื่ม หาหนังสือให้อ่าน หรือว่าจะดูทีวีรอดีครับ ผมว่าคงอีกสักชั่วโมงมั้งครับ กว่าเพื่อนคุณเจนจะเสร็จ” เขาบอกและยิ้มออกมาด้วยความขำ เพราะจำได้ว่าครั้งก่อนแม่คุณใช้เวลาอาบน้ำเกือบจะเป็นชาติ

“เอ่อ...ก็ดีค่ะ” เจนจิรารับและก็ยิ้มให้เขา เพราะเห็นเขาเริ่มจะรู้จักเพื่อนรักเธอขึ้นบ้างแล้ว แต่สักพักเจนจิราก็เหมือนจะเป็นคนที่ไม่รู้จักเพื่อนรักขึ้นมาแทน เพราะเวลาเพียงไม่ถึงสามสิบห้านาที ภรัณยาก็ออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่เรียบร้อยแล้ว
“อ้าว เสร็จแล้วเหรอข้าว” เธอถามด้วยความไม่เชื่อตาตัวเอง
“อืม เอาแค่ล้าง ๆ ฝุ่นออกไปก่อน จะได้รีบกลับไปช่วยทางโน้นไง”
เธอตอบ ทำให้เขมินทร์ที่มาพร้อมกับขวดยาในมือแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองที่เห็นเธอในตอนนี้

“ทำไมคุณมองฉันแบบนี้ล่ะ” เธออดสงสัยไม่ได้ “เปล๊า” เขาตอบแค่นั้น
“แล้วขวดอะไรคะ” เจนจิราถาม “อ๋อ ยาทาแก้แพ้ครับ โชคดีที่มีอยู่ในตู้ยาพอดี” เขาบอกแล้วก็ส่งให้เจนจิรา
“ข้าวเอาน้ำอะไรมั้ย นี่มีน้ำส้มด้วยนะ” เจนจิราชี้ไปที่แก้ว ที่เธอดื่มไปหมดแล้ว

“ก็ดี” “คุณน้ำไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวเจนจัดการเอง” เจนจิราบอกแล้วก็เดินเข้าไปในครัวแทน
“ยื่นแขนมาสิผมจะทาให้” “ไม่ต้องฉันทำเองได้ ไม่อยากจะเป็นหนี้บุญคุณใคร” เธอบอกและก็หยิบขวดยามาอ่านดูก่อนจะนั่งลงไปไม่ห่างเขามากนัก แล้วเธอก็ทำท่าเก้ ๆ กัง ๆ อยู่กับการเปิดขวดยาและหาสำลีมาชุปน้ำยา

“เดี๋ยวหกหมด ไม่ต้องทากันพอดี มานี่ผมช่วย” เขาดึงเอาขวดยาและสำลีมาจากมือเธอ แล้วก็จัดการดึงแขนเธอมาดื้อ ๆ ก่อนที่จะใช้สำลีเช็ดไปตามแขนที่แดงกร่ำและเริ่มจะบวมเพราะเจ้าตัวเอาแต่เกาไม่ยอมหยุด
“รวบผมไว้สิครับคุณหนูข้าว” เขาบอกเมื่อเสร็จจากแขนแล้วก็ไปเริ่มทาที่ต้นคอที่แดงไม่แพ้กัน ภรัณยารวบผมที่ยาวสลวยสวยเก๋ เหมือนพรีเซ็นเตอร์โฆษณาในทีวี ไปไว้ที่กลางศีรษะ แล้วก็ใช้หนังยางที่แสตนบายอยู่บนข้อมือเธอมัดเป็นกระจุกเอาไว้ภายในไม่ถึงห้าวินาที

“รวบผมไว้แบบนี้ก็น่ารักไปอีกแบบแฮะ อ๊ะ ให้เพิ่มอีกห้าก็ได้ เป็นสิบห้าแล้วนะ แต่ก็ช่างเหอะ คุณเธอหน่ะสวยแต่รูป แต่คงจะจูบไม่หอมหรอก” ในใจเขาว่า

“เดี๋ยวฉันทาเอง” เธอบอกเมื่อเขากำลังจะทางที่ขาให้ เพราะรู้สึกไม่ค่อยดีนักที่จะให้เขาซึ่งเป็นผู้ชาย มาทำเรื่องพวกนี้ให้
“คุณดื่มน้ำส้มไปเหอะ” เขาบอกซึ่งก็พอดีที่เจนจิราเดินออกมา และก็แอบยิ้มให้เพื่อนรักที่มีเขาคอยบริการให้อย่างดี
“ไม่ต้องไง” เธอยังแย้ง “ให้เราทาให้นะข้าวเธอจะได้ดื่มน้ำส้มไงเสร็จแล้วก็จะได้รีบไปกัน” ดูเหมือนว่าเจนจิราจะเป็นคำตอบที่ดีสำหรับทั้งสองคนในเวลานี้ ภรัณยายินยอมทันทีที่เพื่อนรักอาสา

ช่วงขาที่ยาววิ่งขึ้นบันไดบ้านแค่สองสามก้าวด้วยความเคยชินของเขา หลังจากที่ภาระกิจในการไปตรวจงานประจำวันของเขาเสร็จสิ้นลงในเวลาแค่ก้าวโมงเท่านั้นเอง ซึ่งต่างจากปกติไปตั้งสองชั่วโมง เพราะทุก ๆ วันเขาจะกลับเข้าบ้านก็สิบเอ็ดโมง หรือไม่ก็หลังเที่ยงถ้าสมิตาแวะมาชวนเขาไปกินข้าว หรือบางวันเขาก็จะกลับมาบ่ายไปเลย เขมินทร์อดหันลงไปมองหาเจ้าปิ๊กอัพสีน้ำเงินเข้มเพื่อความแน่ใจ เพราะตอนวิ่งขึ้นบันไดมารู้สึกว่ามันไม่ได้จอดอยู่

“ไม่อยู่จริง ๆ ด้วยแฮะ” “หาอะไรเจ้าน้ำ” เสียงพ่อร้องถาม
“อ๋อ หาเจ้าปุยครับพ่อ มันไปไหนไม่รู้ ไม่เห็นป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้เลย” เขาว่าเมื่อเดินไปหาพ่อและมณฑาที่นั่งรับลมหนาวอยู่ที่ชานเรือน แล้วเขาก็สังเกตเห็นว่าสีหน้าและแววตาของพ่อดูจะสดใสมากกว่าปกติที่เขาได้เห็นมา
“วันนี้เสร็จงานแล้วเหรอทำไมเร็วจังเลย ปกติกว่าจะกลับนี่ก็เกือบเที่ยง” เขาถาม
“ครับ” เขาตอบ

“เจ้าน้ำมันบ้างานครับคุณมณ วัน ๆ ผมก็แทบจะไม่ได้เห็นหน้ามันหรอก จะเจอกันอีกทีก็เวลาอาหารเย็นครับ ทำไงได้เราสองพ่อลูกมันเป็นพวกชายโสดนี่ครับ” เขมหันไปหาผู้ที่นั่งอยู่ด้วย โดยที่ไม่ได้สนใจลูกชายเลย
“แม่ป้า ข้าวมาแล้วค่ะ หิวจังเลย มีอะไรให้กินบ้างคะ”
ภรัณยาส่งเสียงมาตั้งแต่ตัวยังไม่ทันขึ้นพ้นบ้าน โดยมีเจนจิราตามมาติด ๆ

“แต๋นกำลังเตรียมอยู่ยายข้าว เป็นยังไงบ้างต้องซื้ออะไรเพิ่มอีก”
มณฑาถาม เพราะหลานสาวเพิ่งจะไปสำรวจที่บ้านว่าจะต้องซื้อข้าวของเครื่องเรือนอะไรเพิ่มบ้าง
“เยอะแยะเลยค่ะ แต่ขอกินก่อนได้มั้ยคะ เราสองคนหิวจนไส้จะกิ่วอยู่แล้วค่ะ” เธอบอกขณะทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะ
“มาแล้วค่ะคุณแม่ป้า วันนี้อเมริกัน เบรคฟัดค่ะ” แต๋นที่ออกมาพร้อมถาดกาแฟ และมีไข่ยกถาดอาหารตามมาติด ๆ

“โอ้โห ของฉันกับคุณเจนเหมือนเดิมใช่มั้ยคุณแต๋น”
เธอถาม เพราะทั้งเธอและเพื่อนรักจะดื่มกาแฟดำ ไม่ครีม ไม่น้ำตาล ขนมปังแค่ครึ่งแผ่น ไข่ดาวก็แค่ไข่ขาว ถ้าเวลาที่หิวมาก ๆ หรือไม่ก็ไม่เอาไข่เลย ใส้กรอกก็แค่ครึ่งอันแค่นั้น แต่ที่เน้นมาก ๆ ก็คือน้ำส้มคั้น เพราะเธอเชื่อว่าจะทำให้ผิวดี และไม่อ้วน

“ได้เลยค่ะ คุณลุงกำนันดื่มกาแฟแบบไหนคะ” แต๋นถาม
“บ่ต้องดอกแต๋น เดี๋ยวอ้ายสิเฮ็ดไห่พอกำนันกับอ้ายน้ำเอง แต๋นเฮ็ดให่เพิ่นโลด” ไข่บอกไม่ต้องให้แต๋นช่วยให้ไปดูแลเจ้านายเลย ส่วนพ่อกำนันกับพี่น้ำไข่จัดการเองได้ เพราะมันคือหน้าที่ ๆ ของเขาที่ทำแทบทุกวันอยู่แล้ว เพราะนอกจากที่เขาจะทำงานแทบทุกอย่างแล้ว หน้าที่ปรนิบัติเจ้านายทั้งสองเรื่องอาหารการกิน เก็บกวาดบ้านเขาก็มาจัดการให้ด้วย เพราะทั้งเขมและเขมินทร์ไม่สะดวกใจที่จะให้ผู้หญิงมายุ่งย่ามในบ้านนัก

“คุณมณจะอยู่ที่นี่อีกหลายวันหรือเปล่าครับ” เขมถามขณะกำลังทานอาหารเช้า
“ทำไมคะ เบื่อฉันกับหลาน ๆ แล้วเหรอคะ”
“อุ้ย ใครจะกล้าล่ะครับ อยากจะให้อยู่นาน ๆ ด้วยซ้ำ หรือไม่ก็อยู่ตลอดได้ยิ่งดีใหญ่เลยครับ บ้านผมจะได้ไม่เงียบ ดูสิครับคุณมณมาอยู่แค่คืนเดียวยังคึกคักเลย” เขาบอกและยิ้มให้เธอ

“ล้อเล่นค่ะ ฉันจะอยู่ดูยายข้าวจนแน่ใจว่าจะอยู่กับแต๋นตามลำพังได้ ถึงจะกลับค่ะ บอกตรง ๆ ว่าห่วง”
“แหม แม่ป้าคะ ข้าวบอกว่าอยู่ได้ก็อยู่ได้สิคะ ทิ้งบ้านเอาไว้นาน ๆ เดี๋ยวกลับไปโดนยกเค้าจะมาโทษข้าวไม่ได้นะคะ”
เธอแหย่ “ก็แม่ป้าห่วงเรานี่”
“อย่าห่วงเลยครับผมกับเจ้าน้ำก็อยู่จะช่วยดูให้ แต่ถ้าคุณมณอยู่นานหน่อยก็ดีครับ” เขมบอก

“คุณกับคุณเจนกินแค่นี้เหรอ ยังกะแมวดม” เขมินทร์ถามด้วยความสงสัย เพราะเมื่อสักครู่นี้เห็นอาการที่แม่คุณบ่นหิว ๆ เหมือนจะเขมือบช้างเข้าไปได้ทั้งตัว แต่เขาก็เห็นอาหารที่แต๋นจัดให้แค่นิดเดียว
“นั่นสิหนูข้าว แล้วจะเอาแรงที่ไหนไปทำนากันล่ะ” เขมเห็นด้วย

“โอย แค่นี้ข้าวก็อิ่มจะแย่แล้วค่ะคุณลุง เอาไว้ให้ถึงวันที่ต้องทำนาก่อนข้าวจะกินให้เยอะ ๆ เลย” เธอบอกและยิ้ม
“แม่ป้าจะไปซื้อของกับเราหรือเปล่าคะ” เธอหันไปถาม
“สงสัยจะไม่ไหวแล้วมั้งยายข้าว เมื่อวานแม่ป้ายังไม่หายปวดเมื่อยเลย ไปกันสามคนก็แล้วกันนะ” มณฑาบอก
“ผมจะให้เจ้าน้ำมันพาไปเองครับ” เขมบอก
“แล้วหนูข้าวจะซื้ออะไรบ้าง”

“แอร์ โทรทัศน์ พัดลม ตู้เย็น เครื่องเสียง กระติกน้ำร้อน เตาอบ เตาแก๊ส ไมโครเวฟ เครื่องปั่น แล้วมีอะไรอีกคุณแต๋น” เธอแจ้งความจำนงค์หลังจากที่เขาถามว่าจะซื้ออะไรเมื่อพาเธอมาถึงร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าแล้ว
“อ้อ...ยังขาดอีกค่ะคุณข้าว ต้องซื้อ หม้อหุงข้าว เครื่องปิ้งขนมปัง เตารีด และที่ขาดไม่ได้ต้องมีเครื่องทำน้ำอุ่นให้คุณข้าวด้วยค่ะ” แต๋นบอกเพราะเพิ่งจะคิดขึ้นได้ ทำเอาธงชัยที่เป็นลูกชายเจ้าของร้านที่รู้จักและสนิทกับเขมินทร์ทำหน้าเหลอ ๆ พร้อมกับหันไปหาเขมินทร์ที่ยืนฟังอย่างไร้ซึ่งคำบรรยายเช่นกัน

“เอ่อ...จะออกเรือนกันกันเหรอครับคุณน้ำ...สวยจัง ว่าแต่คนไหนกันเหรอ” ธงชัยแซวเขาแต่ก็แทบจะกระซิบเท่านั้น
“ฉันยังไม่โชคร้ายขนาดนั้นหรอก” เขาหันมาบอก “มีคนเอาไปส่งให้หรือเปล่าคะ” ภรัณยาถาม
“เอ่อ...ครับ ๆ แล้วคุณจะเอารุ่นไหน และยีห้ออะไรบ้างครับ ผมบริการส่งพร้อมติดตั้งให้ฟรีครับ”
เขารีบหันมาหาลูกค้ารายใหญ่ทันที

“รุ่นไหน ยีห้ออะไร จะรู้มั้ยเนี๊ยะ เจน เอาแบบไหนดี” เธอหันไปหาคนช่วย เพราะเรื่องซื้อของพวกนี้ ไม่เคยอยู่ในหัวสมองของเธอเลย แต่ถ้าจะซื้อเสื้อผ้าชุดไหน ยีห้ออะไรนี่ถ้าไม่มาถาม เป็นอันได้โกรธกันไปจนตายเลยทีเดียว
“เอ่อ...ไม่รู้สิ ที่ร้านฉันก็ใช้หลายยีห้อเหมือนกันนะ คุณแต๋นจะรู้มั้ยว่าอันไหนใช้ดี เพราะเป็นคนทำครัว”
เจนจิราหันไปหาแต๋น ซึ่งเป็นที่พึ่งสุดท้ายแล้ว

“โอย...แต๋นก็ไม่รู้ค่ะ เคยแต่ใช้ แต่ไม่ได้ซื้อเลย” แต๋นบอกและยิ้มเจื่อน ๆ
“ผมดูให้ก็แล้วกัน”
เขาบอก พร้อมกับหันไปหาธงชัยเพื่อให้รายละเอียด หลังจากนั้นเขาก็ต้องพาคุณเธอไปหาซื้อพวกเฟอร์นิเจอร์และเครื่องครัวต่อ

“เอาเตียง ที่นอน ผ้าปู ปลอกหมอน ผ้าห่ม พรมปูใต้เตียง เอานี่ด้วย ราวผึ่งผ้า ราวตากผ้า ที่ห้อยกระเป๋า ตู้เสื้อผ้าเพิ่มอีกใบ หรือสองใบของคุณแต๋นด้วย ส่วนเครื่องครัวก็มี ถ้วย จาน ชาม ช้อน ชุดกาแฟ หม้อ กะทะ ตะหลิว.....”

“แม่คุณจะให้มันขาดสักอย่างสองอย่างจะได้มั้ยเนี๊ยะ เฮ้อ...วันทั้งวัน แล้ววันนี้แม่คุณช๊อปไปกี่หมื่นกันล่ะนี่”

เขาได้แต่บ่นอยู่ในใจ แต่ตัวก็เดินตามร่างที่เอาแต่ชี้โน่นชี้นี่ จนพนักงานขายที่ร้านจดแทบไม่ทัน กว่าจะได้ครบก็เกือบบ่ายสามเข้าไปแล้ว พอกลับมาบ้านก็พบว่าธงชัยรออยู่ก่อนแล้ว ทั้งเขาและคนงานที่ร้านจึงช่วยกันจัดแจงทุกอย่างให้เข้าที่ เบ็ดเสร็จก็ห้าโมงเย็นพอดี

“ไปรับแม่ป้ามาอยู่บ้านเรากันเถอะ” ภรัณยาบอกเจนจิราและแต๋นที่นั่งหอบแฮ๊ก ๆ เพราะหมดแรงกับการจัดข้าวของ ส่วนเขมินทร์นั้นไม่ต้องพูดถึง เล่นเอาลมแทบจับเพราะวิ่งจัดโน่นจัดนี่ไม่ได้หยุดเลย
“จะมาอยู่คืนนี้เลยหรือไงข้าว ของใช้ของเธอมันยังครบไม่เท่าไหร่เลยนะ” เจนจิราบอก

“โอ้โห สมกับเป็นเพื่อนรักกันจริง ๆ เลย ไปช๊อปมาทั้งวันแล้ว ยังจะบอกว่าของไม่ครบอีก เฮ้อ...กลุ้ม”
เขาบ่นอยู่ในใจอีกเช่นเคย ขณะที่ตัวเองนั่งอยู่ไม่ห่างจากหล่อนนัก

“มันยังขาดอะไรอีกล่ะเจน นี่ก็ซื้อมาจนครบแล้วนะ เอ๊ะ หรือว่าเราลืมซื้ออะไรอีกคุณแต๋น” เธอแย้งและหันไปหาแต๋น
“ของใช้ไม่ขาดแล้วค่ะคุณข้าว แต่ของจะกินเข้าไปนี่สิคะยังไม่มีอะไรแม้แต่อย่างเดียวเลย น้ำปลาสักหยดยังไม่มีเลย และขอบอกนะคะว่าวันนี้แต๋นไม่ไปหาซื้ออีกแล้ว โอย...เหนื่อย” แต๋นให้ความกระจ่าง

“เอ่อ...จริงสิฉันก็ลืมไป ว้า...คืนนี้ก็ต้องไปรบกวนคุณลุงอีกแล้วสิ ยิ่งเกรง ๆ ใจท่านอยู่”
เธอพูดและชำเลืองตาไปใส่อีกคน “นี่ขนาดเกรงใจนะนี่” เขาพึมพำเบา ๆ
“คุณว่าอะไรนะ ฉันไม่ได้บอกให้คุณพาไปซื้อสักหน่อย” แต่เธอก็ได้ยิน

“ผมยังไม่ทันได้ว่าอะไรเลย”
“ก็ฉันได้ยินนี่ ถ้าคุณไม่เต็มใจก็บอกมาสิ ของแค่นี้ฉันซื้อเองก็ได้ ไม่เห็นต้องง้อเลย”
“เป็นงั้นไป เฮ้อ...” เขาทำท่าเหนื่อยใจ “นี่ห้ามมาถอนหายใจใส่ฉันนะ” เธอไม่ยอมลดละ
“เสร็จแล้วกลับบ้านกันได้หรือยังข้าว ฉันเหนียวตัวจะแย่แล้ว อยากจะอาบน้ำหน่อย และอีกอย่างตอนนี้ก็หิวจนแสบท้องไปหมดแล้ว เรายังไม่ได้กินข้าวเที่ยงกันเลยนะ ไปเถอะค่ะคุณน้ำ” เจนจิรารีบห้ามทัพก่อนที่มันจะบานปลายไปกันใหญ่
“นั่นสิคะ แต๋นก็หิวค่ะ” แต๋นสมทบ

“อะไรนะยายข้าว นี่วันเดียวเรารูดการ์ดไปสองแสนกว่าเลยเหรอ” มณฑาแทบจะสำลักข้าวออกมา เมื่อรู้จากหลานรักขณะที่กำลังกินอาหารเย็นอยู่ เขมและเขมินทร์แทบจะหัวเราะออกมาเพราะความขำกับท่าทางของมณฑา
“อ้าว ก็แม่ป้าบอกข้าวเองนี่คะ ว่าให้ซื้อของมาให้ครบ ๆ จะได้สะดวกสบาย และของที่ซื้อมานี่ มันก็เป็นของจำเป็นทั้งนั้นเลยนะคะ นี่ข้าวกับคุณแต๋นอุตส่าห์ตัดรายการที่เห็นว่าไม่จำเป็นออกไปบ้างแล้วนะคะแม่ป้า จริงมั้ยยายเจน”
เธอหันไปหาเพื่อนรัก เพื่อหากองหนุน

“แล้วไอ้ที่เราตัดออกน่ะมันอะไรบ้างล่ะ”
“ก็มีเครื่องต้มกาแฟ เครื่องคั้นน้ำผลไม้ ตู้อบซาวด์น่า ที่นวดตัว จานดาวเทียม แล้วก็อีกตั้งหลายรายการแหน่ะค่ะแม่ป้า”
เธอบอกหน้าตาเฉย แต่เขมกับเขมินทร์หันมายิ้มให้กันด้วยความขำ
“แหม ของพวกนี้มันจำเป็นจริงนะหลานรัก หวังว่าอีกสองอาทิตย์แม่ป้าคงไม่ต้องเอาสิบล้อมาขนกลับกรุงเทพฯ หรอกนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ นะ เงินที่แม่ป้าออกให้ ข้าวจะต้องเอาคืนแม่ป้าให้หมดเลย” มณฑาบ่น

“ผมว่าที่หนูข้าวซื้อมามันก็ต้องใช้จริง ๆ นะคุณมณ สมัยนี้จะอยู่ที่ไหน ๆ มันก็ต้องใช้กันทั้งนั้นล่ะครับ”
เขมช่วยเธออีกแรง
“จริงด้วยค่ะคุณลุง เห็นมั้ยคะแม่ป้า คุณลุงยังรู้เลยค่ะ”
“จ๊ะแม่คุณ ไม่ทันไรก็เข้าข้างกันแล้ว ระวังนะคะอีกหน่อยคุณจะโดนยายข้าวล้างสมอง” มณฑาพูดกับเขม แต่ก็หันไปยิ้มให้กับหลานด้วยความเอ็นดูไม่น้อย ทำให้สองพ่อลูกได้เห็นความรักที่ป้ากับหลานมีให้กันอย่างลึกซึ้ง

เขมินทร์อดที่จะสงสารใบหน้าสวย ๆ ขาว ๆ เนียน ๆ ไม่ได้ เพราะตอนนี้มันมีคราบน้ำตาไหลอาบลงมาตามพวงแก้วที่เจ้าตัวแต่งไว้แดงระรื่อ เขานั่งมองร่างบาง ๆ ที่ตอนนี้ซบไปที่อกของผู้ที่เธอเรียกว่า
“แม่ป้า”
ให้เขาได้ยินแทบทุกคำ และก็ไม่แตกต่างอะไรไปจากแม่ป้าของเธอนัก ที่มีน้ำตาไหลอาบแก้มเป็นทางเช่นกัน แต๋นและเจนจิราก็อดที่จะน้ำตาซึมด้วยความสงสารสองคนไม่ได้ เสียงประกาศเรียกให้ผู้โดยสารดังขึ้น

“แม่ป้าขอให้ข้าวประสบความสำเร็จกับสิ่งที่ตั้งใจไว้นะลูก แม่ป้าเชื่อว่าเลือดพ่อกับแม่ของเราคงจะช่วยทำให้หลานแม่ป้า เป็นคนเข้มแข็ง อดทน และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใด ๆ ที่ผ่านเข้ามา อยู่ที่นี่ต้องระวังเนื้อระวังตัวให้ดี ๆ หน้าฝนก็อย่าไปใกล้คลองตามลำพัง กลางคืนก็ห่มผ้าหนา ๆ มีอะไรก็ให้ไปปรึกษาคุณลุงนะลูกนะ รักษาตัวให้ดี ๆ อย่าทำอะไรให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของพ่อแม่และแม่ป้าด้วย เอาไว้ให้อะไร ๆ ทางโน้นลงตัวดี แล้วแม่ป้าจะมาเยี่ยมอีกนะ”
มณฑาสั่งเสียหลานรัก ขณะที่ยังคงโอบร่างเธอเอาไว้

“ค่ะแม่ป้า รักษาตัวให้ดี ๆ นะคะ อย่านอนดึก อย่าดูหมอให้มันมากนัก กินข้าวเยอะ ๆ ไม่ต้องกลัวอ้วน ข้าวจะไม่ทำให้แม่ป้าผิดหวังค่ะ ข้าวจะทำในสิ่งที่คุณพ่อต้องการให้ได้ วิญญาณคุณปู่กับคุณย่าจะต้องเห็นว่าชาวนาทุกวันนี้เป็นยังไง ถ้าแม่ป้าเหงาก็มาอยู่กับข้าวนะคะ เบื่อแล้วค่อยกลับไปใหม่”
เธอยังคงโอบกอดแม่ป้าเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ทั้ง ๆ ที่เสียงประกาศเรียกดังขึ้นอีกแล้ว

“เจนฝากดูแลแม่ป้าให้ดี ๆ นะ” เธอบอกเพื่อนหลังจากละออกจากอ้อมกอดแม่ป้าแล้ว
“เอ่อ...ไม่ต้องห่วง”
“ฉันฝากหลานด้วยนะคะคุณเขม ดูแลยายข้าวแทนฉันด้วยนะคะ ยายข้าวคือทุกอย่างในชีวิตของฉัน ถ้ายายข้าวเป็นอะไรไปฉันคงจะอยู่ไม่ได้ พ่อน้ำด้วย น้าฝากน้องด้วยนะคะ ยายข้าวอาจจะดื้อไปบ้างในบางครั้ง แต่ก็สามารถเอาเหตุผลมาห้ามปรามเอาไว้ได้ อย่าถือน้องนะคะ” มณฑาหันไปสั่งสองพ่อลูกด้วยแววตาที่วิงวอน

“ครับคุณน้า” เขารับปากแต่โดยดี
“อย่าห่วงเลยคุณมณ หรือถ้าคุณห่วงหนูข้าวมาก ๆ ก็มาอยู่ด้วยกันสิ จำไว้นะว่าผมเต็มใจต้อนรับคุณเสมอ”
เขมบอกและส่งสายตาที่วิงวอนไปให้มณฑา จนเธอต้องรีบปาดน้ำตาและหันหน้าหนีไปทางอื่น
“แต๋นดูแลคุณข้าวให้ดี ๆ นะ ถ้าหลานฉันเป็นอะไรไป ฉันจะไม่เลี้ยงแกไว้เลย” มณฑาหันไปสั่งแต๋น
“ค่ะคุณแม่ป้า ไม่ต้องห่วงค่ะ แต๋นจะดูแลคุณข้าวไม่ให้ห่างเลยค่ะ” แต๋นรับปาก
“ไปกันเถอะหนูเจน” มณฑาหันมาหาเจนจิรา

“ค่ะแม่ป้า...ไปนะข้าวดูแลตัวเองดี ๆ นะ แล้วจะโทรมาหาบ่อย ๆ”
เจนจิราเข้าไปกอดเพื่อนรักเอาไว้ ก่อนจะยื่นมืออีกข้างให้มณฑายึดส่วนอีกข้างก็เข็นกระเป๋าเสื้อผ้า แล้วก็เดินหายเข้าประตูผู้โดยสารไป ภรัณยาได้แต่น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด แต่ก็ไม่รู้เพราะเหตุผลใดกันแน่ที่ทำให้เธอรู้สึกอ่อนแอได้ถึงขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่ตอนที่เธอตัดสินใจจะมาอยู่ที่นี่เธอยังมีกำลังใจเป็นกระบุงโกยอยู่เลย คิด ๆ แล้วพลอยโกรธคนต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องมาเจอสภาพแบบนี้

“คอยดูนะนายเจตน์ฉันจะต้องเอาชนะนายให้ได้ ถ้าฉันทำไม่ได้นายอย่ามาเรียกฉันว่ ภรัณยา เรืองวิไล เด็ดขาด” เธอตั้งมั่นเอาไว้ในใจ








Create Date : 24 กันยายน 2551
Last Update : 24 กันยายน 2551 6:54:40 น. 0 comments
Counter : 332 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.