Group Blog
 
 
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
30 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
ร้อยรวงใจ ๒๐ (ธัญรัตน์)




“กลับกันเถอะคุณ ผมจะไปส่ง” เขมินท์เดินตรงมาหาเธอ
“พี่น้ำจะกลับแล้วเหรอคะ แอนรบกวนช่วยยกเข่งให้ทีสิคะ”
เพลินพิศเดินตรงมาหาเมื่อเห็นเขามาคุยกับเธอ ประหนึ่งว่าไม่ต้องการให้เขาเข้าใกล้เธอก็ไม่ปาน
“พี่จะไปส่งคุณข้าวก่อน เดี๋ยวจะให้ไก่มาช่วยยกก็แล้วกัน ไปกันเถอะคุณ” เขาบอกเพลินพิศ และหันมาหาเธอ

“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวฉันจะรอป้าหวาง” เธอแย้ง
“ป้าหวางบอกผมว่าจะไปรอคุณที่รั้วโน้น ไปกันได้แล้ว” เขาบอกพร้อมกับเดินนำเธอไป
“พี่น้ำจะกลับมาอีกหรือเปล่าคะ แอนก็กลับคนเดียวไม่ได้นะ เดี๋ยวโดนใครมาฉุดเอา แล้วพี่น้ำจะมานั่งเสียใจทีหลังไม่ได้นะ” สาวน้อยอ้อนเขา จนทำให้เธอแทบจะหัวเราะออกมาเพราะความขำ

“เดี๋ยวพี่จะให้ไข่ไปส่งให้ก็แล้วกัน พี่ไปก่อน”
เขารีบตัดบาท และไม่ทันที่เพลินพิศจะได้พูดอะไรต่อ ก็มีชายวัยกลางคนเดินตรงมาและมองเพลินพิศด้วยสายตาที่ตำหนิ จนเพลินพิศต้องรีบเดินห่างออกไป เพราะความกลัวพ่อ
“ป้าหวางหิ้วอะไรมาคะเยอะแยะเลย” เธอทักเมื่อเห็นป้าหวางยืนรอที่ข้างรั้ว พร้อม ๆ กับหิ้วถุงเต็มสองมือ
“แนวกิ๋นค่ะ พอดีบ่ต้องเฮ็ดมื่ออืน” ป้าหวางบอกเพราะได้อาหารที่เป็นเครื่องตอบแทนที่มาช่วยงานคืนนี้ ซึ่งเป็นเรื่องดีที่แกจะได้ไม่ต้องอีกในวันพรุ่ง ทั้งหมดจึงออกเดินพร้อมกัน

“คุณนี่เสน่ห์แรงไม่เบานะ มีทั้งสาวชาวบ้าน สาวชาวเมืองมารุมกันให้ลึ้มเลย”
เธออดแซวเขาไม่ได้ ระหว่างที่เดินกลับ
“แถมสาวชาวกรุงอย่างคุณไปอีกสักคนไม่ได้เหรอ” เขาว่า
“เชอะ อย่างคุณหน่ะห่างไกลจากสเปคฉันมาก ๆ เลยล่ะ” เธอโต้ทันควัน

“จริงเหรอครับคุณเข่า คนที่หน้าตาก็จัดว่าหล่อถึงหล่อมาก ฐานะก็พอจะเลี้ยงเมียไม่ให้อดอยากได้ การศึกษาอีกไม่กี่เดือนก็จะเป็นด๊อกเตอร์อยู่แล้ว และที่สำคัญนะโสดสนิทอย่างผมนี่ ถ้าขนาดนี้คุณยังบอกว่าห่างสเปคคุณมาก ๆ ขนาดนี้นะ ผมแนะนำให้เลย ว่าคุณเตรียมย้ายจากอยู่บ้านไปอยู่บนคานได้เลย” เขาว่าและยิ้มให้เธอด้วยความอารมณ์ดี

“บังเอิญว่าฉันไม่ชอบจะอยู่ท้องนาไปตลอดชีวิตซะด้วย นายก็เลยหลุดโผไปเลยไง และฉันก็จะบอกให้คุณรู้ไว้ด้วยว่า ถ้าหน้าตาสวย ๆ หุ่นเฟิม ๆ ผิวขาว ๆ การศักษาก็ระดับปริญญาโท แถมฐานะก็ไม่ต้องไปเกาะใครกินตลอดชีวิตอย่างฉันจะต้องไปอยู่บนคานล่ะก้อ ฉันว่าผู้หญิงทั้งประเทศก็คงไม่มีใครได้แต่งงานหรอก” เธอไม่ยอมแพ้
“ถึงบ้านฉันแล้ว ขอบคุณนะที่มาส่ง ถ้าคุณไม่รีบกลับก็ช่วยรอแป๊ปหนึ่งได้มั้ย ฉันจะไปหยิบของมาให้”
เธอบอกเมื่อยืนอยู่หน้าบันได โดยมีแต๋นเดินขึ้นไปก่อนแล้ว

“จะให้รางวัลผมที่มาส่งเหรอ” เขาถามยิ้ม ๆ พร้อม ๆ กับเดินตามเธอขึ้นบันไดไป
“รอสักครู่ เดี๋ยวก็รู้” เธอบอกแล้วก็หายเข้าไปในห้อง ส่วนเขานั่งรอที่เบาะ โดยมีแต๋นยกน้ำมาให้เขาตามมารยาท
“แต๋นนั่งอยู่แถวนี้ก่อนนะ” เขาบอกเมื่อเห็นแต๋นจะเดินออกไป เพราะเกรงว่าจะเป็นการรบกวนเจ้านายถ้าจะนั่งอยู่ด้วย
“นี่ค่าไถนา นี่ค่าเมล็ดถั่ว และนี่ค่ารองเท้าฉันที่คุณฝากแม่ป้าไว้ตั้งแต่คราวโน้น” เธอส่งซองสีน้ำตาลให้กับเขาสามซอง
“ผมรับแต่ค่าไถนาก็พอ ส่วนค่าเมล็ดถั่วและค่ารองเท้าผมไม่รับ” เขาบอก
“ทำไมล่ะ หรือคุณเห็นว่าฉันจน” เธอต่อว่าเขาแต่ก็ไม่จริงจังนัก

“เปล่า ก็เมล็ดถั่วผมไม่ได้ซื้อมา แต่เก็บพันธุ์เอาไว้เป็นทอด ๆ อยู่แล้ว ส่วนค่ารองเท้านี่ ก็ในเมื่อเจ้าปุยของผมเป็นต้นเหตุทำมันจมลงคลองผมก็ต้องรับผิดชอบตามที่ผมรับปากเอาไว้สิ คุณเก็บเงินไว้เถอะ คุณยังต้องใช้อีกเยอะในการลงนา” เขาบอก
“อ๋อ ลืมไปว่าคุณหน่ะรวย แต่ยังไงฉันก็จะคืนให้คุณ”
“ผมไม่ได้รวย แต่ผมไม่อยากจะเอากำไรกับคุณ เอาอย่างนี้นะ คุณติดผมไว้ก่อน เอาไว้วันหลังคุณค่อยเลี้ยงข้าวผมเป็นการตอบแทน สักมื้อก็แล้วกัน ตกลงมั้ย” เขาเสนอ
“ก็ได้ แต่คุณห้ามไปร้านแพง ๆ นะ” เธอยอมรับแต่โดยดี แต่ก็ยังมีข้อแม้ให้เขาอีก
“ครับคุณข้าว เหนียว” เขายังคงล้อเธอ จนทำให้แต๋นอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ทำให้เธอหันไปมองตาเขียวปั๊ดทีเดียว
“อุย...งานเข้าอีกแล้ว” แต๋นทำหน้าเจื่อน ๆ

อากาศยามเช้า ๆ ของวันใหม่ดูจะให้ความสดใสและให้ความมีชีวิตชีวากับผู้ที่ถือถาดอาหารหวานคาว อยู่บริเวณริมถนนหน้าบ้านไม่น้อย ภรัณยาเองก็เพิ่งจะสังเกตเห็นว่า ความเงียบสงบของยามเช้า บวกกับเสียงนกกระจิบที่บินไปเกาะตามสายไฟส่งเสียงร้องประสานเสียงกัน มันเรียกความสดชื่นได้ไม่น้อยเลย ทำให้เธออดที่จะเปรียบเทียบกับชีวิตในกรุงเทพฯ ไม่ได้ ป่านนี้เธอคงจะกำลังวิ่งเข้าห้องน้ำ แล้วก็รีบลก ๆ ลงมากินกาแฟก่อนจะพาตัวเองไปติดแหง็กอยู่บนถนนเป็นชั่วโมงกว่าจะได้เข้าออฟฟิศ

หญิงสาวต้องหยุดความคิดเอาไว้แค่นั้น เมื่อมองเห็นหลวงตาของเธอ เดินนำขบวนพระรูปอื่น ๆ มาตั้งไกล ๆ ป้าแสงที่มารอตักบาตรอยู่หน้าบ้านส่งยิ้มให้เธอ หญิงสาวยิ้มตอบ เพราะเริ่มจะชินตากับภาพของชาวบ้านที่มีถาดอาหารบ้าง มีแต่กระติ๊ปข้าวเปล่า ๆ บ้างยืนรอตักบาตรแบบนี้ ตั้งแต่ที่เธอได้มาอยู่นี่ยังไม่ถึงสองเดือนด้วยซ้ำ ป้าหวางเดินถือถาดมายืนใกล้ ๆ เธอเช่นกัน ส่วนแต๋นนั้นมักจะตามมาช่วยเธอถือของทีหลังเมื่อเห็นป้าหวางเดินออกมาหน้าบ้าน เพราะนั่นหมายถึงว่าพระกำลังจะมาถึงหน้าบ้านแล้ว

หลวงตาบิณฑบาตรมาถึงตรงที่เธอยืนแล้ว แต่ท่านและพระรูปอื่น ๆ ไม่ยอมเปิดฝาบาตรเพื่อรับของถวายเลย ทำให้ภรัณยาสงสัยนิด ๆ ว่าทำไม แล้วเธอก็ต้องยิ้มออกมาด้วยความอาย เมื่อป้าหวางส่งสัญญาณให้รู้ว่า เธอยังไม่ได้ถอดรองเท้าอีกแล้ว ซึ่งเรื่องนี้เคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อตอนที่เธอมารอตักบาตรให้หลวงตาครั้งแรก

หญิงสาวเลือกที่จะตักบาตรด้วยข้าวสวย เพราะเธอคาดเดาเอาเองว่าหลวงตาน่าจะฉันแล้วย่อยง่ายกว่าข้าวเหนียว และยังมีน้ำตาลน้อยกว่าด้วย แล้วอีกอย่างเธอก็โมเมเอาว่าบางวันพระท่านอาจจะเบื่อข้าวเหนียวก็เป็นได้ เธอแอบเห็นหลวงตายิ้มบาง ๆ ให้ เมื่อวันนี้สีกาเลือกซื้อขนมเค้กที่ท่านเปรยเป็นนัย ๆ กับเธอเมื่อหลายวันมาแล้วว่าอยากฉัน ทั้งหมดนั่งรับพรด้วยอาการที่สงบ

“อย่าลืมกรวดน้ำไปให้ญาติผู้ล่วงลับด้วยนะสีกา”
เสียงหลวงตาเตือนเธอเสมอ ๆ จนเธอจำได้ขึ้นใจแล้ว หญิงสาวรับแก้วน้ำ และหนังสือที่มีบทกรวดน้ำมาจากแต๋น แล้วก็เดินตรงไปยังต้นโพธิ์ใหญ่ที่มีอายุไม่ต่ำกว่าร้อยปีที่ยืนต้นสูงสง่าอยู่หน้าบ้านเธอ หลวงตาเคยบอกว่าตั้งแต่ท่านเกิดมาก็เห็นมันแล้ว หญิงสาวพยายามระลึกถึงพ่อแม่ที่เธอไม่มีโอกาสได้เห็นตัวจริง แต่ก็จิตนาการเอาจากรูปต่าง ๆ เธอแอบหวังอยู่ลึก ๆ ว่าพ่อแม่คงจะอยู่ใกล้ ๆ เธอเหมือนที่ทั้งสองบอกกับเธอในฝันวันนั้น และรอรับอาหารที่เธอตักบาตรและแผ่ส่วนกุศลไปให้แทบทุกวัน

“คุณเข่าบาย ๆ ยาลืมแตงโตไว้ถ่าไปสงสะกานนำเพิ่นเด้อ แล่วเวียกแล่วป้าสิไป่ซอยงานเพิ่นคือเกา”
ป้าหวางบอกเมื่อเธอกรวดน้ำเสร็จแล้ว ภรัณยาต้องหันไปหาแต๋นอีก เพราะไม่ค่อยแน่ใจว่าป้าหวางจะให้เธอไปทำอะไรในตอยบ่าย ๆ
“ป้าหวางบอกว่าให้เตรียมตัวไปเผาศพตาชมตอนบ่าย ๆ ค่ะ”
“อ๋อ อ้าวแล้วทำไมเขาเผาเร็วจัง เพิ่งจะสวดศพแค่วันเดียวเองนะ” เธออดสงสัยไม่ได้
“คนแถวนี้เขาจะเผากันวันแรกด้วยซ้ำค่ะ แต่พอดีตาชมแกเสียตอนบ่ายเมื่อวานนี้เราก็เลยต้องเลื่อนมาเผาบ่ายวันนี้แทน”
แต๋นให้ความกระจ่าง
“อ๋อเหรอ” เธอรับคำแค่นั้น

ภรัณยามาถึงบ้านป้าติ่งในเวลาบ่าย ๆ ก็พบว่ามีผู้คนมากมายมายืนรออยู่บริเวณบ้านแล้ว บรรยากาศเวลานี้แตกต่างจากเมื่อคืนโดยสิ้นเชิง ทุกคนอยู่ในอาการที่สงบเงียบ และก็จะใส่เสื้อผ้าสีดำแทบจะทั้งหมด มีผู้ชายเกือบสิบคนที่ดูจะวุ่นอยู่ใกล้ ๆ หีบศพ เขมินท์ไข่และไก่ก็อยู่ด้วย ป้าหวางเดินมาหาเธอและแต๋นอย่างเงียบ ๆ

เธอยกมือไว้คุณลุงเมื่อเขาหันมาหาเธอ และยกมือรับไหว้เธอแม้จะอยู่ห่างกันพอสมควรก็ตาม แล้วเธอก็เหลือบไปเห็นสมิตาที่มาในชุดสีกากียืนรวมกลุ่มอยู่กับหลาย ๆ คนที่มาในชุดสีเดียวกัน ให้เดาก็คงจะเป็นกลุ่มครูที่โรงเรียนในตำบลนี้เป็นแน่ สมิตาหันมาส่งยิ้มให้เธอ แต่ก็อยู่ในอาการที่สำรวม จนเธอก็ได้แต่ยิ้มกลับให้แค่นั้น

แล้วเสียงประทัดก็ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณอีกที หีบศพถูกเขมินท์และชาวบ้านอีกสามคนช่วยกันหามขึ้นบ่าโดยมีไม้ทำเป็นคานไว้ทั้งสี่ด้าน ทั้งหมดเดินนำขบวนชาวบ้านที่มานั่งรอไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งภรัณยาเห็นว่าเป็นการเดินที่เร็วกว่าปกติจนเธอแทบจะก้าวขาไม่ทัน ผู้คนในขบวนไม่มีใครปริปากพูดอะไรสักคำ

แล้วเธอก็สังเกตเห็นว่าก่อนที่ขบวนศพจะผ่านหน้าบ้านของผู้คนไปนั้น จะมีชาวบ้านรีบเอาขี้เถ้ามาโรยกั้นประตูรั้วบ้านเอาไว้ทุกหลัง แม้แต่บ้านของเธอเองลุงคำก็เป็นคนยืนรอที่จะโรยขี้เถ้าอยู่ก่อนแล้ว เธออยากจะรู้ แต่ก็ไม่กล้าจะถามใคร ได้แต่เดินจ้ำเอา ๆ เพื่อให้ทันคนอื่น ๆ

ระยะทางจากบ้านป้าติ่งกับวัดนั้นอยู่ห่างกันน่าจะสักหนึ่งกิโลเมตร หรือมากกว่า หรืออาจจะไม่ถึง เธอเองก็บอกไม่ได้ เพราะมิติการวัดของเธอนั้นเป็นศูนย์ แต่เธอก็เดาได้ว่าตัวเองเดินมาไกลไม่น้อยเลย ทำให้อดคิดถึงคนที่ไม่ได้เดินตัวเปล่าที่นำขบวนไม่ได้ ว่าจะหนักแค่ไหน แต่เธอก็ไม่เห็นใครบ่นอะไรเลยนอกจากจะเดิน ๆ ๆ และเดิน

“คุณข้าวจะไปฟังพระสวดเย็นนี้หรือเปล่าคะ”
สมิตาเดินเข้ามาถาม เมื่อพิธีการต่าง ๆ เสร็จสิ้นลง ชาวบ้านบางส่วนกลับบ้านไปบ้างแล้ว ส่วนตัวเธอก็กำลังจะกลับเหมือนกัน แต่ก็ต้องหยุดซะก่อนเมื่อสมิตาเดินมาหา
“วันนี้คงจะไม่ค่ะ เพราะเมื่อคืนไปมาแล้ว” เธอตอบและยิ้มให้
“ว้า งั้นโอ๊ะก็ไม่มีเพื่อนสิคะ พวกเพื่อน ๆ ครูส่วนใหญ่ก็อยู่ในเมืองกันหมด ไม่มีใครมาเลย ส่งแต่โอ๊ะมาเป็นตัวแทนค่ะ”
สมิตาบอกอย่างผิดหวัง
“ถ้าคุณโอ๊ะไม่มีเพื่อนข้าวไปด้วยก็ได้ค่ะ” เธอเสนอ

“อย่าดีกว่าค่ะ ถ้าคุณข้าวไม่ว่างเดี๋ยวโอ๊ะไปพร้อมกับพี่น้ำก็ได้ รายนี้ไม่ว่าจะมีงานที่ไหน เป็นต้องไปเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงให้แทบจะหมดตำบลค่ะ สมกับที่เป็นลูกชายท่านกำนันจริง ๆ เลย”
สมิตาพูดแล้วก็หันไปมองเขมินท์ที่ยังคงยืนเฝ้าเมรุที่ด้านในกำลังจะเผาจริงแล้ว
“ค่ะ งั้นข้าวขอตัวนะคะ” เธอบอกและยิ้มให้
“ค่ะ โอ๊ะคงจะรอพี่น้ำก่อน จะได้นัดให้ไปรับที่บ้านด้วย มืด ๆ ค่ำ ๆ คุณพ่อท่านไม่อยากจะให้ขับรถมาคนเดียว”
สมิตาบอกและยิ้มให้ก่อนที่จะปลีกตัวเดินตรงไปหาครูอีกสองสามคนที่ยังไม่กลับ

วันที่สามของงานศพบ้านตาชม ซึ่งเป็นวันสวดวันสุดท้าย ภรัณยากับแต๋นต้องแต่งชุดดำหรือชุดเรียบร้อย เมื่อเสร็จสิ้นจากการตักบาตร เพราะป้าหวางบอกว่าจะต้องไปห่อข้าวต้มที่งานศพ ข้าวสารเหนียวถูกตักมาใส่ขันเงินใบใหญ่เกือบครึ่งขันตามคำบอกของป้าหวาง เธอและแต๋นก็ต้องมีมีดเล็ก ๆ ถือติดมือกันไปด้วยคนละเล่มด้วย

“เราจะเอาข้าวไปห่อข้าวต้ม เพื่อทำเป็นขนมเอาไว้ตักบาตรพระพรุ่งนี้เช้าค่ะคุณข้าว แล้วมีดนี่เราก็จะเอาไว้ไปตัดใบตองที่ใช้ห่อข้าวต้มไงคะ คนไปงานกันเยอะ ๆ เจ้าภาพเขาหาให้ได้ไม่ครบคนหรอกค่ะ ก็เลยถือไปเองกัน”
แต๋นให้ความกระจ่างระหว่างเดินไปพร้อมกับป้าหวาง ป้าแสง และก็อีกหลาย ๆ คนที่เดินตามกันมาติด ๆ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงแทบทั้งหมด
“นั่นไงคะงานของพวกผู้ชาย ก็คือต้องมาทำ พาสาด ตั้งแต่เช้าเหมือนกันค่ะ”
แต๋นชี้บอกเธอเมื่อมาถึง แล้วเธอก็พบว่ามีผู้ชายเกือบจะหมดหมู่บ้านไปช่วยกันตัดต้นกล้วยแล้วก็วุ่นอยู่กันแบบนั้นจนน่าเวียนหัว และแน่นอนงานนี้ก็ย่อมจะขาดคุณเขมินท์ไม่ได้เหมือนเคย เขาแค่หันมามองเธอ แต่ไม่ได้ส่งยิ้มหรือพูดอะไรกับเธอเลยสักนิด

“เชอะทำหยิ่งไม่รู้จักเรา คอยดูเถอะไปบ้านจะไม่ให้กินน้ำเลย”
เธอบ่นเพราะหมั่นไส้สีหน้าที่หมางเมินเหมือนไม่รู้จักเธอของเขา หญิงสาวย่นจมูกใส่เขานิด ๆ แล้วก็เดินไปรวมกลุ่มกับผู้หญิงที่มาพร้อมขับหรือจานข้าวเหนียว

ข้าวสารทั้งหมดที่แต่ละคนถือมาถูกเอามาเทรวมกัน แล้วทุกคนก็ลงมือห่อข้าวต้มอย่างขมักเขม้น ภรัณยาใช้เวลากับเจ้าข้าวต้มชิ้นแรกในชีวิตไปกว่าสิบนาที แต่ทำยังไง ๆ มันก็ไม่ออกมาเป็นข้าวต้มแบบที่ป้าหวางห่อเลยสักนิด ส่วนแต๋นนั้นก็พอจะมีรูปร่างบ้าง แต่ก็ไม่ได้สวยอะไร

“คุณเข่ามาสีกใบตองไห่ป้ากะได้จ้า”
ป้าหวางบอกให้เธอมาฉีกใบตองแทนจะดีกว่าพร้อมกับส่งใบตองให้เธอ
“ค่ะป้าหวาง” เธอรับแต่โดยดี
“อีนางแต๋นมาปอกบักก้วยพี่มา ฟ่าว ๆ เฮ็ดสิได้แล่วไว ๆ เพิ่นบอกวาไห่ห่อหลาย ๆ สิได้เอาไว้แจกคนกิ๋นพ่อม”
ป้าหวางบอกแต๋นให้มาปลอกกล้วยช่วยกันจะได้เสร็จเร็ว ๆ เพราะเจ้าภาพบอกว่าให้ห่อข้าวต้มเยอะ ๆ จะได้เอาไว้แจกคนมาร่วมงานด้วย

เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมงข้าวต้มที่ถูกชาวบ้านช่วยกันมัดถูกบรรจุลงในกระสอบปุ๋ย ซึ่งภรัณยานับแล้วไม่ต่ำกว่ายี่สิบกระสอบ ทำให้เธออดสงสัยไม่ได้ ว่าใครจะมากินหมด ต่อให้เป็นคนทั้งหมู่บ้านก็เหอะ
“เวลามีงานแบบนี้ ถ้าเจ้าภาพบ้านไหนที่พอมีอันจะกิน เขาก็จะทำไว้เยอะ ๆ ค่ะคุณข้าว ใครมาก็จะแจกให้เอากลับไปกินบ้าน ไปฝากลูกฝากหลานก็มีค่ะ” แต๋นบอก
“แต่มันเยอะมาก ๆ เลยนะคุณแต๋น จะกินเข้าไปหมดเหรอ”
“โอย น้อยไปสิคะ อีกหน่อยคุณข้าวก็จะรู้เองค่ะ” แต๋นบอก

อาหารถูกยกมาวางเรียงรายเหมือนคืนนั้นอีกแล้ว เมื่อการห่อข้าวต้มเสร็จสิ้นไป ส่วนผู้ชายก็จะมีอาหารยกไปวางเรียง ๆ ไว้ให้เหมือนกัน ภรัณยามองอาหารในวันนี้จนตาแทบลาย เพราะมันมีหลายอย่างมาก ๆ มากกว่าวันนั้นอีก ไม่ว่าจะเป็น ผัดหมี่ ขนมจีนน้ำยา แกงปลา ผัดผักใส่หมู แกงอ่อมฟักเขียวที่เธอเริ่มคุ้นตา ปลาป่น กับผักลวก แถมยังมีคนตะโกนบอกว่าขอส้มตำกินกับผัดหมี่ด้วย ซึ่งเจ้าภาพก็ไม่ขัดข้อง รีบจัดแจงให้ทันที ทำให้วงข้าวของเธอได้ผลบุญไปด้วย ป้าหวางกินอาหารได้แทบทุกอย่างที่ถูกยกมา แต๋นก็พลอยอร่อยไปด้วย ส่วนเธอนั้นรู้สึกว่ายังไม่ค่อยหิวนัก ด้วยยังไม่ชินกับการที่จะต้องมานั่งกินข้าวในงานศพสักเท่าไหร่

ภรัณยาและแต๋นเดินออกมาเพื่อจะกลับบ้าน ส่วนป้าหวางนั้นต้องอยู่ช่วยงานก่อน แล้วเธอก็ต้องตกตลึงกับสิ่งประดิษฐ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลางวงของกลุ่มผู้ชายที่แยกตัวออกมาทำงานต่างหาก ปราสาทสีขาวเกือบสิบอันที่ถูกแกะสลักเอาไว้อย่างสวยงาม จนเธอต้องเดินไปดูใกล้ ๆ ก็พบว่าทั้งหมดนั้นทำมาจากกาบของต้นกล้วย ที่จะแกะเอาแต่ส่วนที่ขาว ๆ มาแล้วก็เอามาแกะสลักเป็นลายไทยลวดลายต่าง ๆ แล้วนำมาประกอบกันขึ้นเป็นปราสาท หรือ “พาสาด” ที่แต๋นเคยบอกเธอ

“ใครทำคะลุงคำทำไมทำสวยจัง” เธอถามลุงคำที่นั่งอยู่ตรงนั้น
“กะเฮ็ดนำกั๋นเบิ๊ดหนี่ล่ะคับ” ลุงคำตอบ
“แต๋นถ้าฉันจะขอถ่ายรูปเอาไว้ดูจะได้มั้ย เขาจะว่าหรือเปล่า” เธอหันไปถามแต๋น
“น่าจะได้นะคะคุณข้าว ได้มั้ยคะคุณน้ำ” แต๋นตอบเธอ แล้วก็หันไปถามน้ำที่เดินตรงมาหา
“ได้สิ ผมมีกล้องอยู่ในรถพอดีเดี๋ยวจะไปเอามาให้นะ” เขาบอกแล้วก็เดินไปหารถ

ไม่นานภรัณยาก็กลายเป็นตากล้องที่ตามเก็บภาพต่าง ๆ ในงานเอาไว้จนหมด แล้วเธอก็ได้รู้ความหมายของปราสาทจากเขมินท์ว่าทำขึ้นมาเพื่อเอาไว้ให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วได้เอาไว้อยู่อาศัย ซึ่งจะเรียกว่าทำบ้านให้ก็ว่าได้ แล้วปราสาทที่ทำขึ้นมาหลาย ๆ อันนั้น ก็เพราะเจ้าภาพประสงค์ที่จะทำให้ญาติผู้ที่ล่วงลับไปก่อนหน้านี้แล้วด้วย เพื่อเป็นการสร้างบ้านหลังใหม่ให้ หลังจากที่ตอนเสียชีวิตใหม่ ๆ ได้ทำไปให้แล้วครั้งหนึ่ง

“มื่อแลงเพินสิจ้างหนังมางันตัว มาบ่อ้ายสิไปฮับ” ไข่เดินมาใกล้ ๆ แต๋นแล้วกระซิบบอก
“แมนอีหลีบ้ออ้าย คันจั่งซั่นไป่ฮับแต๋นแนเด้อ สิพาคุณเข่ามาเบิงจั๊กนอย เลาบ่เคยเห็นดอก”
แต๋นตอบไข่และก็ยิ้มให้ด้วยความเอียงอาย จนทำให้เขมินท์และภรัณยาหัวเราะออกมาด้วยความขำ







Create Date : 30 กันยายน 2551
Last Update : 30 กันยายน 2551 7:14:02 น. 2 comments
Counter : 395 Pageviews.

 

มาสวัสดีพร้อมดอกไม้สวย ๆ นะจ๊ะ


โดย: แพรวา (peacepair ) วันที่: 30 กันยายน 2551 เวลา:9:19:25 น.  

 
ขอบคุณนะคะสำหรับดอกไม้สวย ๆ
เหมือนคนส่งมาให้เลย

แต่ว่าคนรับสวยกว่า 55555


โดย: ธัญญะ วันที่: 4 ตุลาคม 2551 เวลา:7:15:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.