Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
11 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
ร้อยรวงใจ ๓๑ (ธัญรัตน์)




เสียงคำรามของท้องฟ้าดึงกึกก้องไปทั่วบริเวณ ต้นไม้น้อยใหญ่ต่างโอนเอนไปตามแรงลมที่ดูจะแรงผิดปกติ บางครั้งก็มีเสียงหักของต้นไผ่เพราะต้านแรงลมไม่ไหว เจ้าของร่างที่เอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้อง รีบเดินมาดูที่หน้าต่างทันที ปกติเธอจะเป็นคนกลัวเสียงฟ้าร้องเป็นที่สุด แต่สำหรับเวลานี้เสียงนี้ทำให้เธอหายกลัวขึ้นเป็นปลิดทิ้ง และเหนือไปกว่านั้น เธอยังดีใจด้วยซ้ำที่ได้ยินเสียงมัน ไม่นานฝนเม็ดใหญ่ก็ตกลงกระทบกับหลังคาส่งเสียงดังสนั่นไปทั่วตัวเรือน

ประตูที่ถูกปิดเอาไว้ตั้งแต่กลับจากนาตอนหัวค่ำถูกเจ้าของเปิดออกโดยเร็ว หญิงสาวเดินตรงไปยังคนในบ้านที่เพิ่งจะเสร็จจากการนั่งล้อมวงกินข้าวเย็นเมื่อไม่นานมานี้ เธอเหลือบไปเห็นลุงคำที่เมื่อเย็นนี้เธอเพิ่งจะเห็นว่ากว่าแกจะลุกขึ้นได้ก็ต้องกัดฟันร้องออกมาดัง ๆ เพราะความปวดหลัง แต่ตอนนี้ลุงคำอยู่ในชุดเตรียมพร้อม เพราะมีแบตเตอร์รี่ชนิดพกพารัดไว้ที่หน้าผาก พร้อมเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว

“ลุงคำจะไปไหนคะ” เธอเดินไปถาม ขณะที่เห็นแก่เอามือค้ำหลังเอาไว้เวลาที่จะออกเดิน
“ลุงสิไป๋เบิงน้ำคุณเข่า ฝนตกจั่งซี่ต้องฟ่าวไป่เบิง คันบ่จั่งซั่นมันสิบ่ทันน้ำ บัดท่ามีฮูน้ำฮัวคือเก่าอีก เฮาสิได้เสียเงินสูบน้ำเข่านาอีก ฝนตกมาจั่งซี่เฮาโชคดีหลายเติบ สิได้มาล้างปุ๋ยออกไห่ คันบ่จั่งซั่นเข่าเฮาตายคัก ๆ”
แกบอก แต่เธอต้องหันไปหาแต๋นเพื่อความแน่ใจ
“ลุงคำบอกว่าฝนตกแบบนี้เราต้องรีบลงไปดูที่นาค่ะ เผื่อมีน้ำรั่วเหมือนคราวที่แล้ว เราจะต้องเสียเงินไปสูบน้ำเข้านาอีก แล้วแกบอกว่าเราโชคดีที่ฝนตกลงมาช่วยล้างปุ๋ยให้ ไม่อย่างนั้นข้าวเราก็จะตายแน่ ๆ เลย” แต๋นแปลทุกคำพูด
“แล้วเรารอให้ถึงพรุ่งนี้ไม่ได้เหรอคะ ลุงคำจะไปยังไงกันเดินก็จะได้ไม่ไหวอยู่แล้ว”

“โอ๊ย มันบ่ได้ดอกคับ ฝนตกแตหัวเวนจั่งซี่ กัวสิเซ้าน้ำกะไหลหนีเบิด คันมันตกตอนค่อนขี่แจ้งสิไคแน เฮาค่อยไป่เบิ่งยามมื่อเซ่ากะได้” ลุงคำอธิบาย
“ฝนมันตกแต่หัววันแบบนี้กว่าจะเช้าก็จะไหลหนีหมด ถ้าตกตอนใกล้สว่างเราค่อยไปดูตอนเช้าได้ค่ะ”
แต๋นไม่ต้องรอให้เจ้านายหันไปหา
“โอ๊ย ๆ” ลุงคำร้องออกมาเมื่อเวลาแกยืดหลังตรง ๆ เพื่อเตรียมเดิน
“ลุงคำเจ็บขนาดนี้จะไปได้ยังไง เอาอย่างนี้นะ ข้าวจะไปกับแต๋นเอง เดี๋ยวให้ข้าวไปใส่เสื้อก่อน”
เธอบอกแล้วก็วิ่งเข้าไปในห้อง ไม่นานก็กลับออกมาพร้อมกับกางเกงยีนส์และเสียแจ็คเก็ตที่มีหมวกคลุมหัวด้วย
“คุณข้าวจะไปยังไงคะ มันกลางคืนนะคะ งานแบบนี้มันงานของผู้ชาย ไม่มีผู้หญิงคนไหนเขาทำกันหรอกค่ะ แต๋นว่าเราโทรไปตาม...คุณ...” แต๋นหยุดแค่นั้น

“นี่แต๋นไม่ได้ยินที่เขาบอกเราเมื่อค่ำนี้รึไง ในเมื่อบ้านเราไม่มีผู้ชาย ผู้หญิงอย่างเราก็ต้องทำเอง ให้มันรู้ไปว่ากับอีแค่ไปดูน้ำแค่นี้ผู้หญิงอย่างฉันจะทำไม่ได้ ไปแต่งตัวและก็ตามฉันลงไปที่รถ” เธอบอก
“โอ๊ย คุณเข่าน้อ คุณเข่า เป๋นอีหยังคือมาป่วยตอนนี่น้อกูกะดาย” (โอ๊ย คุณข้าวนะคุณข้าว เรานี่ก็ไม่รู้ทำไมมาป่วยเอาตอนนี้)
ลุงคำบ่นตามหลังเจ้านายที่เดินลงบ้านไปด้วยความสงสาร
“ข่อยสิไป่นำเลาดอกพอมึง” ป้าหวางบอกแล้วก็รีบเดินแข่งสายฝนไปที่เรือนตัวเองเพื่อเตรียมตัว
(เดี๋ยวแม่จะไปกับแกพ่อมึง)

“ป้าหวางไปทางโน้นนะคะ ส่วนข้าวกับแต๋นจะไปทางนี้ ถ้ามีอะไรให้ป้าหวางร้องดัง ๆ นะคะ”
ภรัณยาบอกเมื่อทั้งหมดพากันเดินแข่งสายฝนมาถึงเถียงนาแล้ว
“จ้าคุณเข่า” ป้าหวางที่อยู่ในชุดกันฝนพร้อมแบตเตอร์รี่มัดอยู่ที่หน้าผากรับคำแล้วก็เดินไปตามทิศทางที่ตัวเองได้รับมอบหมาย พร้อมที่บ่าก็แบกจอบไปด้วย
“แต๋นเราไปทางนี้กัน ส่องไฟดี ๆ นะ” ภรัณยาบอกแต๋นเพราะเป็นคนเดินส่องไฟให้
“ค่ะคุณข้าว” แต๋นรีบรับคำ แล้วก็ออกเดินนำไปโดยมีเครื่องแต่งตัวที่ไม่ต่างจากป้าหวางเลย ส่วนภรัณยานั้นไม่มีเสื้อกันฝน เพราะทั้งบ้านมีอยู่แค่สองตัวแค่นั้น ภรัณยาจึงเสียสละให้แต๋น เพราะเป็นคนที่ต้องหิ้วแบตเตอร์รี่ เธอจึงกลัวจะเปียกน้ำ

ลมที่พัดโชยไปมาอย่างแรงสร้างความหนาวเหน็บให้กับคนทั้งสองไม่น้อย คันนาที่เปียกแฉะไปด้วยน้ำก็เดินลำบากกว่าปกติ และก็ลำบากยิ่งขึ้นไปอีกเพราะเป็นเวลากลางคืน
“คุณแต๋นส่องไฟตรงนี้ซิมันรั่วหรือเปล่า”
เธอร้องบอกแต๋นแข่งกับสายฝน เพราะเหมือนจะเห็นน้ำไหลออกจากนาลงไปสู่คลอง
“จริง ๆ ด้วยค่ะคุณข้าว แต๋นว่าคุณข้าวมาถือไฟนะคะ เดี๋ยวแต๋นจะไปขุดดินมาอุดเองค่ะ” แต๋นรีบออกความเห็น

“ไม่ต้องส่องไฟไป ฉันขี้เกียจเปลี่ยนเสื้อกันฝน ส่องดี ๆ นะฉันจะขุดเอาดินจากคันนาตรงนั้นมา”
เธอชี้บอกแต๋น ก่อนที่ตัวเองจะเดินไปขุดเอาดินแล้วก็ยกมาอุดทางน้ำที่ถูกฝนไหลเซาะจนเป็นทาง กว่าจะขุดดินมาถมจนแน่ใจว่าน้ำไม่ไหลออก ก็ทุลักทุเลไม่น้อย แต่เธอก็ต้องทำ เพราะความโกรธที่มีต่อใครบางคนที่ตะโกนด่าเธอเมื่อหัวค่ำ
“เสร็จแล้ว เราเดินไปต่อเลย”
เธอบอกแล้วทั้งสองก็ออกเดินไปเรื่อย ๆ จนไปพบกับทางน้ำที่มีแนวขาดกว้างไม่น้อยกว่าคืบหนึ่ง
“โอ้โห น้ำไหลออกไปยังกะน้ำตกเลยแต๋น นี่ดีนะที่ลุงคำบอกไม่อย่างนั้นนะพรุ่งนี้น้ำก็จะแห้งอีกแน่ ๆ เลย แต๋นส่องไฟนะฉันจะไปอุดมันก่อน” ว่าแล้วเธอก็จัดการตามวิธีเดิม

“นั่นคุณทำอะไรของคุณหน่ะ” หญิงสาวหันไปหาต้นเสียงก็พบว่าเขายืนอยู่ข้างหลังแล้วในชุดที่ไม่แพ้กับแต๋นเลย
“ฉันก็จะอุดรอยรั่วไง” เธอบอกและหันไปขุดดินอย่างเดิม
“คุณจะบ้าเหรอ อยากโดนฟ้าผ่าตายรึไง ดูซิสร้อยไม่รู้จักถอดออก ฟ้าเปรี้ยง ๆ ขนาดนี้ เอามานี่แล้วก็เดินไปรอผมที่เถียงนาโน่น แต๋นพาเจ้านายไปเดี๋ยวนี้” เขาบอกแล้วก็เดินไปแย่งเอาจอบจากมือของเธอ
“อย่ามายุ่งกับฉันนะ คุณจะไปไหนก็ไป ๆให้พ้น ๆ เลย ฉันเกลียดคุณ”
เธอว่าแล้วก็ร้องไห้ด้วยความโมโหเมื่อคำพูดของเขามันผุดขึ้นมาอีกครั้ง
“แต๋นไปตามป้าหวางให้มารอที่เถียงนาได้แล้ว ทางนี้ฉันจะจัดการเอง”
เขาหันไปบอก ทำเอาแต๋นก็รีบเดินกลับไปทันที เพราะจริง ๆ แล้วก็กลัวฟ้ากลัวฝนไม่น้อย แต่ก็จำใจจะต้องมาเพราะทิ้งเจ้านายไม่ได้

“คุณยืนอยู่ตรงนี้ห้ามไปไหน แล้วก็เอาจอบมานี่”
เขาบอกและดึงจอบไปจากมือเธอ แล้วก็ขุด ๆ ไม่กี่ทีก็อุดรอยรั่วได้แล้ว
“ไปกลับบ้านได้แล้ว ที่เหลือผมให้ลุงเพ็งมาดูให้แล้ว และเจ้ารอยนี้ก็เหมือนกัน มันไม่ใช่รอยรั่วเลย แต่เป็นรอยที่ผมมาเปิดเอาไว้เอง เพราะน้ำจะได้ช่วยล้างปุ๋ยออกไปก่อนแล้วค่อยเก็บน้ำขังข้าวเอาไว้”
เขาหันมาบอกแต่คราวนี้น้ำเสียงเขาอ่อนลงกว่าเมื่อเย็นที่เธอได้ยินไปแทบจะคนละคนเลย

“ฉันไม่กลับ ฉันจะทำงานของฉันเอง จะไปปล่อยให้คนอื่นมาว่าได้ยังไง อีกหน่อยเขาก็จะมาหาว่าฉันเห็นแก่ตัว งานตัวเองไม่สนใจปล่อยให้คนอื่นทำให้ พออารมณ์ดี ๆ เขาก็พูดดี พออารมณ์เสีย ๆ เขาก็ทวงบุญคุณ ต่อไปนี้ฉันจะไม่พึ่งใครอีกแล้ว ฉันมีสองขาสองมือฉันจะทำเอง”
เธอประชดเขาพร้อมกับร้องไห้ด้วยความโมโห แต่ขณะเดียวกันตัวเองก็รู้สึกหนาวจนปากสั่นระริก เพราะไม่ได้ใส่เสื้อกันฝนเหมือนอย่างเขา

“จะไปดี ๆ หรือจะให้แบกไป”
“บอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับฉัน ไปให้พ้น ๆ เลย ฉันเกลียดคุณ” แค่นั้นล่ะ ร่างที่เปียกโชกก็ถูกเขาแบกขึ้นบ่าไปโดยง่าย
“นี่ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉันเดินของฉันได้ บอกให้ปล่อยไง อีตาบ้า ฉันเกลียดคุณ ได้ยินมั้ยว่าฉันเกลียดคุณ”
เธอแหกปากร้องทั้ง ๆ ที่ยังอยู่บนบ่าของเขา

“เอ้า ปล่อยแล้ว” เขาทุ่มร่างของเธอลงไปกับพื้นเมื่อพาเธอมาถึงเถียงนาแล้ว
“โอ๊ย ฉันเจ็บนะ” เธอร้องด้วยความโมโห แต่ก็ไม่ทันที่เขาจะได้ตอบโต้อะไร ไข่ แต๋น และป้าหวางก็เดินมาถึงเถียงนาก่อน “กลับบ้านกันได้แล้วล่ะ ลุงเพ็งกำลังเดินดูให้อยู่ทางโน้น”
เขาบอกและชี้ไปยังแสงไฟที่วับ ๆ แวม ๆ อยู่กลางทุ่ง ไม่นานทั้งหมดก็มาถึงบ้าน ป้าหวางปลีกตัวไปเข้าบ้านเพราะได้ยินเสียงหลานน้อยร้องงอแง ส่วนภรัณยาถูกเขาหิ้วปีกขึ้นบนบ้านทันที แต๋นและไข่รีบตามไปติด ๆ

“ไปอาบน้ำสระผมเดี๋ยวนี้ แล้วก็ออกมากินยากันเอาไว้ด้วย” เขาสั่งเมื่อพาเธอมาถึงหน้าห้องนอนของเธอ
“อย่ามาสั่งฉันนะ กลับบ้านคุณไปได้แล้ว” เธอหันมาแหวใส่
“จะอาบดี ๆ หรือจะให้ผมไปอาบให้” เขาว่าแล้วก็ถอดเสื้อกันฝนออกและทำท่าจะเดินเข้าไปในห้อง
“นี่อย่ามายุ่งนะ บอกให้กลับบ้านไปไง” เธอว่า แต่ร่างก็ถูกเขาหิ้วไปไว้ในห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว
“เอ้าผ้าเช็ดตัว อย่าลืมสระผมนะ และก็ออกมาเร็ว ๆ ด้วย ถ้าคุณอาบนานเกินครึ่งชั่วโมงผมจะเข้ามาอาบให้”
เขาสั่งครั้งสุดท้ายก่อนจะออกไปจากห้อง แล้วก็เห็นแต๋นและไข่นั่งหัวเราะชอบใจอยู่ตรงระเบียง

“คุณน้ำจะเอาข้าวต้มด้วยมั้ยคะ แต๋นจะทำเผื่อ คุณข้าวยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลยค่ะ เรียกยังไงก็ไม่ออกมาจากห้อง”
แต๋นรีบรายงาน หลังจากที่ก่อนหน้าที่จะตามเจ้านายลงไปที่นาได้แอบโทรไปรายงานเขารอบหนึ่งแล้ว ว่าเจ้านายรั้นจะไปตากฝนในนา พอเขารู้แค่นั้นก็ต้องรีบบึ่งรถกลับมาจากมินิเฟรชทันที เพราะช่วงเช้ามัวแต่ยุ่ง ๆ เรื่องสูบน้ำเลยไม่ได้ไปดูแลที่ร้านเลย แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ยังไม่ค่อยได้มีเวลาสักเท่าไหร่อยู่ดี

“เพราะแม่คุณคนเดียวแท้ ๆ เลย”

คำ ๆ นี้เขาบ่นมาตั้งแต่ออกจากร้าน เพราะความห่วงเธอที่เป็นผู้หญิงแล้วอาจหาญไปทำเรื่องที่ไม่ค่อยมีใครเขาทำกัน แล้วเขาก็กลัวเหลือเกินว่าเธอจะไม่ได้ถอดสร้อยทองทำที่มีพระแล้วห้อยคอเอาไว้ตลอดเวลา และมันก็เป็นอย่างที่เขากลัวจริง ๆ
“ดีเท่าไหร่แล้วที่แม่คุณไม่โดนฟ้าฝ่าไปซะก่อน” เขาบอกตัวเองในใจด้วยความโล่งอก

“คุณออกมาได้แล้ว มากินข้าวต้มและก็กินยา พรุ่งนี้คุณได้จับไข้แน่ ๆ เลยถ้าไม่เชื่อผม”
เขาเดินไปบอกเธอในห้องอย่างถือวิสาสะ ขณะที่เธอนั่งหวีผมอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
“ฉันไม่หิว ออกไปได้แล้วฉันจะนอน” เธอบอกโดยไม่ได้หันไปมองเขาด้วยซ้ำ
“จะออกไปดี ๆ หรือจะให้ผมอุ้มออกไปก็คิดเอาเองนะ” เขาบอกและเดินตรงไปหาเธอทันที
“ไปก็ได้ หลบไปสิ” เธอรีบวางหวีแล้วก็ลุกเดินออกจากห้อง และตรงไปนั่งยังเบาะที่มีชามข้ามต้มหอม ๆ วางรออยู่แล้ว

“กินข้าวซะ ผมจะได้กินมั่งหิวจะแย่อยู่แล้ว วันนี้ผมวุ่นแต่กับเรื่องของคุณคนเดียวจริง ๆ เลย” เขาเผลอบ่นอีกแล้ว
“ใครใช้ให้มายุ่งล่ะ ไม่ได้ไปขอร้องสักหน่อย ถ้าช่วยแล้วมาทวงบุญคุณแบบนี้นะ ทีหลังก็ไม่ต้องมาช่วยเลย”
เธอว่าแล้วน้ำตาก็พาลจะไหลออกมาให้ได้ เมื่อคำพูดของเขาผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง จนทำให้เขารู้สึกสลดใจลงทันที เพราะเพิ่งจะได้รับรู้จากแต๋นเรื่องที่ดนัยเป็นฝ่ายเชิญชวนให้เธอไปนั่งดื่มกาแฟเมื่อตอนบ่ายแล้ว และเขาก็โกรธตัวเองไม่น้อยที่ไม่ยอมถามเธอ หรือถามแต๋นให้รู้เรื่องก่อน

“เอาล่ะ ๆ ผมไม่ทวงบุญคุณ คุณแล้วก็ได้ กินข้าวต้มก่อนดีกว่านะ จะได้กินยา คุณไปตากฝนมาตั้งนานสองนาน จะไม่สบายเอานะ แล้วทีหลังก็อย่าได้ริอาจไปทำอะไรที่มันแผลง ๆ แบบนั้นอีก มีอะไรคุณต้องโทรไปบอกผมนะรู้มั้ย”
เขาบอกพร้อมกับทำเสียงอ่อนลง จนทำให้อีกฝ่ายยอมตักข้าวต้มเข้าปาก เพราะกลิ่นกระเทียมเจียวนั้นมันเย้ายวนใจไม่น้อยเลยทีเดียว แล้วก็มีกุ้งตัวโต ๆ ลอยอยู่ด้านบนด้วย
“จะให้โทรตามได้ยังไง ก็ตัวเองบอกอยู่หยก ๆ ว่าให้ไปตามคุณอ่องมาช่วยทำให้” เธอไม่วาย
“เอาเป็นว่าผมขอโทษ พอใจหรือยัง” เขาบอกออกมาในที่สุด และก็ทำให้เธอนั้นแอบลอบยิ้มออกมาจนได้

“คุณดูอะไรอยู่”
เธอถามเมื่อชามข้าวต้มถูกแต๋นมาเก็บไปเรียบร้อยแล้ว และแต๋นก็นั่งอี๋อ๋ออยู่กับไข่ที่ก้นครัวพร้อม ๆ กับการเตรียมอาหารสดสำหรับทำไปตักบาตรให้หลวงตาพรุ่งนี้ด้วย และที่สำคัญที่สุด แต๋นก็ไม่อยากจะขัดจังหวะเจ้านายในเวลานี้เลย
“คุณเคยเห็นรูปพวกนี้หรือเปล่า นี่รูปนี้ด้วย นี่พ่อกับแม่คุณนะ และนี่ก็คุณพ่อ ตอนนั้นพวกเราย้ายมาอยู่ที่นี่ใหม่ ๆ ยังไม่รู้จักใครหรอก นอกจากน้ามณฑล เพราะเป็นนักเรียนรุ่นน้องของคุณพ่อ และนี่ก็ผมตอนอายุหกขวบ ดูสิน้านาดียังอุ้มคุณตอนที่คุณยังตัวแดง ๆ อยู่เลย” เขาเล่าไปแล้วก็ยิ้มไป เพราะคิดถึงคืนวันเก่า ๆ

“ฉันเคยเอามาดูครั้งหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร จำได้แต่ว่านี่คุณพ่อ และนี่คุณแม่ นี่หลวงตา แต่คนอื่น ๆ จำไม่ได้หรอก หรือจะว่าไม่รู้จักก็ได้” เธอบอกตามตรง
“นี่ดูสิตอนนี้ผมอายุเก้าปีแล้วนะ นี่กำลังให้คุณขี่หลังอยู่ด้วย คุณหน่ะขี้แยจะตายตอนเป็นเด็ก ๆ หน่ะ แต่เอ๊ะ ตอนโตนี่ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกนะ เหมือนวันนี้ไงที่ทั้งขี้แยและขี้งอนด้วย” เขาบอกและยิ้มให้เธอด้วยความเอ็นดู
“คุณยอมให้ฉันขี่หลังด้วยเหรอ” เธอถามด้วยความสงสัย
“อย่าว่าแต่แค่นี้เลย อาบน้ำให้ก็เคย เช็ดก้นให้ก็เคย ป้อนข้าว ป้อนน้ำอีก แล้วก็อะไรต่อมิอะไรอีกเยอะแยะในเวลาที่น้านาดียุ่ง ๆ ผมจะคอยช่วยดูคุณทุกทีแหละ ป้าหวางกับลุงคำด้วย” เขาบอก

“ถ้าคุณพ่อกับคุณแม่ยังอยู่ป่านนี้ท่านจะเป็นยังไงนะ ท่านจะมีลูกอีกสักกี่คน แล้วท่านจะรักฉันบ้างหรือเปล่านะ”
เธออดคิดถึงพ่อแม่ไม่ได้ พลอยทำให้น้ำตาพาลจะไหลออกมาอีกครั้ง
“ผมว่าคุณเข้านอนดีกว่านะดึกมากแล้ว ผมก็จะกลับเหมือนกัน แต่จะแวะไปดูลุงเพ็งที่นาก่อน ตอนนี้ฝนหยุดตกแล้ว”
เขาต้องรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากจะให้เธอเศร้า
“มาผมห่มผ้าให้” เขาบอกเมื่อถือวิสาสะเดินเข้ามาส่งเธอถึงในห้อง

“ไม่ต้องฉันห่มเองได้ ไข่ตุ๋นมาส่งแม่เหรอลูก” เธอบอกเขา แต่มือเอื้อมไปลูบหัวเจ้าไข่ตุ๋นที่มันเอาสองขาหน้ามาเกาะขอบเตียงเอาไว้ และก็ทำท่าทางออดอ้อนเจ้านายด้วยความรัก
“เห็นมั้ย เจ้าไข่ตุ๋นมันยังอยากจะให้คุณพักผ่อนเลย นอนลงได้แล้วอย่าดื้อสิ”
เธอต้องรีบนอนลงเพราะเสียงเขาเริ่มดุขึ้นมาอีก
“ทำมาเป็นรู้ดี ไข่ตุ๋นไปนอนสิแม่จะนอนแล้วลูก” เธอบ่นเขา และหันไปบอกเจ้าสี่ขาหลังจากที่นอนลงที่เตียงแล้ว
“หลับซะตื่นขึ้นมาแล้วจะได้ไม่ขี้แยอีก”
เขาบอกและก็ยิ้มให้เธอ หลังจากที่ห่มผ้าให้เธอแล้ว และกับการกระทำแบบนี้ของเขา มันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาแว๊บ ๆ ณ เวลานั้น ซึ่งเธอเองก็อัศจรรย์ใจไม่น้อยที่มีความรู้สึกแบบนี้

“ถ้าคุณไม่ว่า ฉันก็ไม่ขี้แยหรอก” เธอตอบเขาไปเพราะยังขัดเคืองเขาอยู่ดี
“ผมขอโทษ ต่อไปผมจะไม่โมโหใส่คุณแล้ว” เขาบอกด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลขึ้นมาอีกครั้ง และมันก็ทำให้เธอรู้สึกดีไม่น้อยเลยทีเดียว ที่นาน ๆ ทีได้เห็นเขาพูดอ่อน ๆ หวาน ๆ กับเธอได้ด้วย
“ฉันก็ขอโทษค่ะ ความจริงฉันน่าจะรีบกลับไปหาคุณ เอาข้าวไปให้คุณกิน ไม่น่าไปเถลไถลที่ไหนเลย และก็ขอบคุณนะคะที่คุณทำให้ฉันวันนี้....ว่าแต่...ข้าวของฉันจะรอดหรือเปล่าเนี๊ยะ” เธอยังไม่วายห่วง
“เอาไว้เราไปดูด้วยกันพรุ่งนี้ดีกว่า แต่ตอนนี้นอนได้แล้วล่ะ”
เขาบอกก่อนที่จะลุกจากเธอไป เพราะเขาเองก็ไม่แน่ใจนัก ว่าขืนอยู่ใกล้ ๆ เธอนานกว่านี้หน่อย เขาอาจจะเผลอไผลไปถึงไหน ๆ ก็เป็นได้ จึงรีบตัดไฟแต่ต้นลมเสียก่อน

“เฮ้อ...ก็แม่คุณออกจะสวยขนาดนี้ ใครจะไปอดใจไหว ไอ้น้ำนะไอ้น้ำ ผิดคอนเซฟจริง ๆ เลยแกนี่”
เขาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อร่างพ้นประตูห้องเธอออกมา



“อะไรนะ นายจะบอกฉันว่าแผนปล่อยน้ำหนีนานี่มันไม่ได้ผลยังงั้นเหรอนายจ่อย”
เจตน์ถึงกับหัวเสียเมื่อจ่อยเดินเข้ามารายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับแผนการ
“ครับ คุณข้าวโชคดีมีคุณน้ำคอยช่วย และก็ยังมีฝนตกลงมาล้างปุ๋ยให้อีก” จ่อยบอกเมื่อลองโทรไปถามสารทุกข์สุกดิบกับเมียและพ่อแม่เมื่อสักครู่นี้ ก็รู้ว่าแผนการตัวเองไม่สำเร็จ แถมตอนนี้ข้าวของภรัณยาก็เขียวขจีขึ้นกว่าเดิมอีก
“แล้วทำไมไม่คิดแผนให้มันดี ๆ กว่านี้หน่อย แล้วต่อไปมีแผนอะไรอีก” เขายังอดหัวเสียไม่ได้

“โธ่ คุณเจตน์ครับแค่นี้พ่อกับแม่ก็สวดผมใหญ่แล้วนะครับ หาว่าพึ่งผมไม่ได้ ให้ดูน้ำดูท่าให้แค่นี้ก็ไม่ได้เรื่อง แล้วยังเผ่นกลับกรุงเทพฯ อีก นี่ผมก็เพิ่งจะหายหูชาไปพักใหญ่ ๆ นี่เอง ผมว่าเรารอโอกาสเหมาะ ๆ กว่านี้หน่อยนะครับ และอีกอย่าง ผมก็ยังคิดแผนอะไรไม่ออกเลยตอนนี้” เขาให้ความเห็น
“จะให้รอถึงเมื่อไหร่กัน” เจตน์ถามด้วยน้ำเสียงที่ดุ และออกอาการไม่พอใจ
“รอสักพักเถอะครับ ดีไม่ดีเราอาจจะไม่ต้องทำอะไรก็ได้นะครับ ทุกวันนี้ไอ้ศัตรูข้าวนี่มันเก่งจะตาย เดี๋ยวก็เป็นโรคนั้นโรคนี้ หรือไม่ก็มีเพลี้ยไปกินข้าวบ้าง หอยเชอร์รี่ลงบ้าง เผลอ ๆ เราไม่ต้องลงมือเองด้วยซ้ำนะครับ”
จ่อยบอกตามประสบการที่เขาเคยได้ยินพ่อเล่าให้ฟังมา

“แล้วถ้ามันไม่เป็นอย่างที่นายคิดล่ะ”
“ก็เอาไว้รอดูก่อนไงครับ ถ้าไม่มีอะไรผมก็จะลงมืออีกครั้ง เอ่อ ว่าแต่ตอนนี้นี่ คุณเจตน์จะให้....เอ่อ....”
จ่อยทำท่าทำทางเหมือนให้เจตน์ได้คิดอะไร
“เอ้า เอาไปแค่นี้ เพราะงานไม่สำเร็จ คราวต่อไปถ้าไม่มีผลงานก็ไม่มีเงินให้”
เขาควักกระเป๋าเงินมา แล้วก็นับ ๆ และยื่นให้จ่อยเป็นธนบัตรใบละพันสิบใบ
“ขอบคุณครับ” จ่อยไหว้เขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เพราะทำงานนิด ๆ หน่อยก็ได้เงินหมื่นใช้แล้ว
“ไปได้แล้วฉันมีงานต้องทำอีก”
“ครับ” จ่อยเดินออกจากห้องไปแล้ว แต่เขายังคงครุ่นคิดอะไร ๆ อีกมากมาย

“คุณข้าวโชคดีมีคุณน้ำคอยช่วย และก็ยังมีฝนตกลงมาล้างปุ๋ยให้อีก”

คำบอกเล่าของจ่อยยังก้องอยู่ในหู แล้วภาพของชายหนุ่มที่ตักบาตรใกล้ ๆ กับเธอก็ผุดขึ้นมาในความคิดของเขาจนได้ ผู้ชายบ้านนอกคอกนาคนหนึ่ง ที่ดูว่าจะธรรมดา ๆ แต่เอาจริง ๆ แล้วไม่ได้ธรรมดาเลย เพราะเขาเช็คภูมิหลังของเขมินท์มาจากชาวบ้านที่ไปกินเลี้ยงในคืนนั้น ที่ต่างพากันชื่นชมเขมินท์จนออกนอกหน้า ทำให้เขาได้รู้ความเป็นไปได้อย่างดี

“ทำไมฉันจะต้องไปกลัวนายด้วยนะ นายมาเกี่ยวอะไรด้วย ฉันก็แค่จะขัดขวางไม่ให้ยายข้าวทำนาสำเร็จ และอดขายที่นา อดได้เงินมาเปิดบริษัทแข่งฉันก็แค่นั้น ทำไมฉันจะต้องไปคิดมากด้วย ไอ้เจตน์...เอ้ย...”
เขาบ่นกับตัวเอง ก่อนจะเอนตัวไปกับพนักเก้าอี้ พร้อมยกขาไปพาดกับโต๊ะทำงานด้วยอาการครุ่นคิดอยู่ดี


เจ้าคัมรี่คันเก่งเลี้ยวเข้ามาในซอยบ้าน แล้วผู้ที่ควบมาก็ให้สงสัยไม่น้อย เพราะเห็นแท็กซี่วิ่งสวนทางออกไปจากหน้าบ้าน ไม่ทันที่มณฑาจะได้ลงจากรถ ผู้ที่เพิ่งจะโดยสารแท็กซี่มาก็รีบหันหน้ามาและยืนให้เธอได้เห็นเพื่อบอกให้เธอรู้ว่าใครมาเยือน เธอาบอกตัวเองไม่ได้ว่าดีใจหรือว่าเฉย ๆ กันแน่ กับการที่ได้เห็นหน้าเขาอีกครั้ง

หลังจากที่เมื่อสองเดือนที่แล้วเธอแทบจะเรียกได้ว่าอยู่กินกับเขาด้วยซ้ำไป ผิดแต่ว่าพอตกเย็นตัวเองกับหลานก็กลับไปนอนบ้านเท่านั้น นอกจากนั้นเธอก็จะเห็นเขาแทบจะทุกวันที่ไปช่วยหลานสาวตัวดีหว่านข้าว แล้วเลยช่วยเขาต่อไปด้วย

“สวัสดีครับคุณมณ ผมเอาของมาฝากเยอะแยะเลยครับ อันนี้ฝากให้หนูเจน อันนี้ของหนูเชอร์รี่ ผมไม่รู้ว่าบ้านสาว ๆ อยู่ที่ไหน ก็เลยเอามาฝากคุณไว้ดีกว่า” เขมบอกเมื่อมณฑาเชิญเข้าบ้าน แล้วเขาก็หอบเอาของฝากจนเต็มมือส่งให้เธอ
“ขอบคุณนะคะ แล้วฉันจะกินหมดเมื่อไหร่กันคะคุณเขม แต่ก็ดีหน่อยที่ไม่ใช่ของสด ไม่ยักรู้นะคะว่ากำนันอย่างคุณเขมนี่ ก็ซื้อของฝากเป็นเหมือนกันด้วย” เธอบอกเมื่อดูในถุงก็พบว่าเป็นพวกแหนม หมูยอ กระหรี่ปั๊บและพวกเส้นก๋วยเตี๋ยวต่าง ๆ
“ผมก็เดา ๆ เอาหน่ะครับ ไม่รู้ว่าคุณมณจะชอบอันไหนบ้าง ก็เลยซื้อกวาดมาหมดเลย เผื่อจะชอบสักอย่าง”
“คุณเขมมาทำธุระะที่กรุงเทพฯ เหรอคะ แล้วทำไมนั่งแท็กซี่มาคะ”
“ครับผมมาทำธุระะที่นี่ แต่ว่าไม่ได้เอารถมา นั่งเครื่องมาแทน เพราะค่าน้ำมันกับค่าเครื่องบินคิด ๆ แล้วต่างกันไม่เท่าไหร่ ผมก็เลยขี้เกียจขับรถมา นอนมาสบาย ๆ ดีกว่าครับ”
เขาตอบเธอครบทุกคำถามเช่นเคย ทำให้มณฑายิ้มออกมาด้วยความขำ

“คืนนี้ผมกะว่าจะมาฝากท้องด้วยสักมื้อครับ และถ้า....เอ่อ...คุณมณจะกรุณา ผมขอประหยัดงบหลวงนอนบ้านคุณมณสักสองคืนจะได้หรือเปล่าครับ ผมเห็นว่าคุณมณมีเด็กอยู่ด้วย คงจะไม่เป็นขี้ปากชาวบ้านหรอกนะครับ”
“ที่นี่กรุงเทพฯ นะคะไม่ใช่ที่บ้านน้ำงาม จะได้มีคนมาคอยจ้องนินทากัน บ้านรั้วติดกันนี่ดิฉันยังไม่รู้จักเลยค่ะว่าชื่ออะไร ทำงานที่ไหน และทำงานอะไร หรือจะบอกให้ถูกก็คือ วัน ๆ แทบจะไม่ได้เห็นหน้าเพื่อนบ้านด้วยซ้ำนะคะ จะมีรู้จักหน่อยก็กับป้าบ้านอีกฝั่งแค่นั้น แต่ก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมากหรอกค่ะ” มณฑาบอกและหัวเราะออกมา
“แปลว่าอนุญาตใช่มั้ยครับ” เขารีบสรุป
“จะนอนห้องไหนก็ตามใจค่ะ มีห้องว่างอีกห้องหนึ่งพอดี ฉันจะให้จงไปทำความสะอาดให้นะคะ อ้อ แล้วเรื่องข้าวเย็น ฉันเลี้ยงได้นะคะ แต่ขอเลี้ยงในบ้านก็แล้วกัน เพราะว่าดินเนอร์นอกบ้านติด ๆ กันมาสามวันแล้วค่ะ”
มณฑาบอกก่อนจะเดินเข้าไปหาจงในครัว ทำให้เขมลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่ได้ไฟเขียวในรอบนี้

“โอ้โห น่ากินจังเลย คุณมณทำเองเหรอครับ แบบนี้ผมว่าเปิดร้านอาหารได้สบาย ๆ เลยนะครับ”
เขมชมเมื่อลงมาอีกทีก็พบอาหารสามสี่อย่างจัดขึ้นโต๊ะเรียบร้อยแล้ว และมณฑาก็นั่งรออยู่ที่โต๊ะก่อนแล้ว
“ใช่ค่ะน่ากิน แต่ฉันไม่ได้ทำเองหรอกค่ะ สั่งเขามา คงจะไปเปิดร้านอาหารไม่ได้แน่ ๆ เพราะฉันไม่ชำนาญเรื่องงานครัวสักเท่าไหร่เลย แค่พอเอาตัวรอดได้ ส่วนงานอื่น ๆ ก็ไม่ถนัดนะคะ จะถนัดอยู่ก็แค่เรื่องช๊อปปิ้งกับเสริมสวยค่ะ บอกไว้ก่อนนะคะเผื่อคุณเขมจะลืม” เธอร่ายยาว เพราะกลัวเขาจะลืมจริง ๆ ว่ามณฑาคนก่อนกับคนนี้ยังคงเป็นคน ๆ เดียวกันอยู่
“ครับ ผมก็ยังเป็นเขมคนเดิม” เขารีบรับมุข
“เชิญค่ะ” มณฑาผายมือเชิญให้เขานั่ง

“ยายข้าวเป็นยังไงบ้างคะ ข้าวที่ปลูกได้เรื่องหรือเปล่า แล้วตอนนี้ป่วนพ่อน้ำไปถึงไหนแล้ว”
มณฑาถามขณะนั่งทานอาหารอยู่
“หนูข้าวก็สบายดีครับ ส่วนข้าวก็งามขึ้นทุกวัน ๆ เหมือนเจ้าของและแม่ป้า เรื่องที่ป่วนเจ้าน้ำไปถึงไหนนี่ อันนี้ผมของสงวนสิทธิ์ไว้ให้คุณมณไปถามเจ้าน้ำเองก็แล้วกันนะครับ” เขาเข้าใจตอบ
“เมื่อเช้าก็โทรมาบ่นว่าค่าปุ๋ยแพงมาก ๆ นี่ก็ให้ปุ๋ยรอบสองไปแล้ว บอกฉันว่างบที่ตั้งไว้แต่แรกสงสัยจะบานปลาย”
มณฑาบอกตามที่ได้ยินจากหลานสาว ที่โทรมาโอดครวญเรื่องค่าใช้จ่าย

“ครับ นี่ขนาดเจ้าน้ำมันไปซื้อตรงจากหน้าโรงงานเลยนะครับ ถ้าลองได้ซื้อปลีกล่ะก็หนักกว่านี้อีกครับ เอ่อ แล้วคุณมณจะกลับไปเยี่ยมหนูข้าวตอนไหนครับ จะกลับไปพร้อมผมหรือเปล่า ผมจะได้มีเพื่อน” เขาวกกลับมาเรื่องที่อยากจะรู้
“ยังไม่รู้ค่ะ ขอคิดดูก่อนก็แล้วกัน ถ้าไม่ได้ไปรอบนี้ก็อาจจะเป็นช่วงออกพรรษาก็ได้ค่ะ”
“ไปเยี่ยมหนูข้าวบ่อย ๆ ก็ดีนะครับ ผมก็จะพลอยได้กุศลไปด้วย ไม่เจอคุณมณตั้งนานแล้ว คิดถึงเหมือนกัน”
กับคำพูดที่จงใจของเขมนั้น ทำให้มณฑาถึงกับปลื้มจนตัวแทบจะลอยเลยก็ว่าได้ ซึ่งความรู้สึกแบบนี้เธอเคยมีให้เขาเมื่อยี่สิบปีมาแล้ว แต่มันก็ถูกพับเก็บเอาไว้ หลังจากที่เธอตัดสินใจพาหลานกลับกรุงเทพฯ และแต่งงานกับสุรเดชแทน







Create Date : 11 ตุลาคม 2551
Last Update : 11 ตุลาคม 2551 12:26:45 น. 0 comments
Counter : 461 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.