Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
12 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
ร้อยรวงใจ ๔๖ (ธัญรัตน์)




ร่างที่นอนหลบอยู่ในรถค่อย ๆ ปรับเบาะให้ขึ้นมาเป็นท่านั่งแทน หลังจากที่มินิของเชอร์รี่แล่นออกไปจากหน้าบ้านเธอ นับตั้งแต่เขารู้จักเจนจิราในฐานะของเพื่อนคู่อริมาเป็นสิบ ๆ ปี เจตน์ไม่เคยดีใจที่ได้เห็นเจนจิราครั้งไหนมากเท่าครั้งนี้เลย เพราะเธอคือผู้ที่เพิ่งมาทำหน้าที่ ที่เขาอยากจะเข้าไปทำตั้งแต่สาย ๆ แล้ว หลังจากที่ขับรถมาถึงที่นี่ และเห็นรถของเขมินท์จอดอยู่ในรั้วบ้านคู่อริ เขาได้แต่ภาวนาขอให้รถคันนั้นเพิ่งมาจอดก่อนหน้าที่เขาจะมาถึงด้วยเถิด

เพราะถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงจะต้องบ้าตายแน่ ๆ เหมือน ๆ กับที่เขาเกือบบ้าไปแล้ว เมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้ เพราะเพิ่งจะได้พบพันธุ์ที่นัดกับปิยนุชที่ร้านอาหาร และมีเขาตามไปด้วย โดยบังเอิญ

“เอ่อ จริงสิเกือบลืมเล่าให้ฟัง เมื่อคืนพี่ได้พบคุณข้าวที่งานเลี้ยงรุ่นด้วยล่ะนุช รู้มั้ยว่าคุณข้าวไปกับใคร”
“เหรอคะ แล้วไปกับใครคะพี่พันธุ์”
“ไปกับเจ้าน้ำ จำได้มั้ยที่เคยไปงานศพแม่พี่ไง”
“จำได้สิคะ แล้วไปทำไมคะ”

“ก็ไปในฐานะคนพิเศษของเจ้าน้ำมันไง เพื่อน ๆ นี้ฮือฮากันใหญ่นะ ว่าคราวนี้มันเอาจริง แน่ ๆ เพราะมันประกาศเป็นนัย ๆ บนเวที และก็ร้องเพลงจีบคุณข้าวด้วย จนคนในงานอิจฉามันไปตาม ๆ กัน สงสัยคิวต่อจากพี่ไปต้องเป็นมันแน่ ๆ เลย เฮ้อ อุตส่าห์หวงความโสดมาตั้งนานสองนาน ที่แท้ก็รอคุณข้าวนี่เอง”

คำพูดของพันธุ์สร้างความเจ็บปวดให้เขาไม่น้อย จนเขาต้องรีบปลีกตัวออกมาจากปิยนุชและขับรถตรงมายังบ้านเธอ และก็พบว่าบ้านปิดเงียบเชียบ เขาพยายามจะไม่คิดอะไรให้มันเลยเถิดไปให้ไกลกว่านี้ แต่ถึงจะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเขมินท์และเธอ คนอย่างเขาก็ไม่แคร์ รถของเขาค่อย ๆ เคลื่อนออกจากตรงนั้นอย่างช้า ๆ แล้วเขาก็เดินขึ้นคอนโดอย่างคนไร้ซึ่งวิญญาณ เหล้าที่บาร์ถูกกรอกเข้าปากอย่างไม่ยับยั้งจนร่างหลับฟุบอยู่กับบาร์อย่างนั้น

ไฟหน้ารถถูกปิดลงเมื่อเขมินท์ควบรถมาใกล้จะถึงบ้านของเจ้าของร่างที่เงียบเสียงไปแล้วตั้งแต่เขาพารถเข้าเขตจังหวัดขอนแก่น หลังจากที่ตั้งแต่บ่ายเธอก็จะหาเรื่องโน้นเรื่องนี้มาพูดกับเขาจนทำให้เขาหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง นาฬิกาที่หน้าปัดรถบอกเวลาเที่ยงคืนแล้ว ซึ่งเป็นเวลาที่เขากะเอาไว้ว่าจะมาให้ถึงบ้านพอดี มือถือถูกกดเข้าไปในบ้าน ไม่นานแต๋นก็เปิดประตูออกมา โดยที่ไม่ได้เปิดไฟแม้แต่ดวงเดียว เพราะอาศัยแสงสว่างจากมือถือเขาแทน

ร่างที่นอนขดอยู่กับเบาะถูกเขาอุ้มขึ้นไปบนบ้านและวางไว้ที่เตียงนอนอย่างแผ่วเบาเหมือนครั้งก่อน ๆ แต๋นเปิดไฟในห้องตามที่เขาบอก และก็ออกไปจากห้องเหมือนอยากจะให้เขาอยู่ตามลำพังกับเจ้านายสาว ร่างสูงใหญ่นั่งลงข้าง ๆ กายเธอ และยิ้มให้กับผู้ที่หลับสนิทไปแล้ว มือเผลอยกขึ้นไปสัมผัสแก้มขาวเนียนอีกครั้ง คิด ๆ แล้วเขาก็ให้ขำตัวเองเป็นที่สุด

เพราะเมื่อปีที่แล้วเขายังบอกตัวเองอยู่ปาว ๆ ว่าเธอไม่ใช่สเปคของเขา แต่ไป ๆ มา ๆ เธอกลับเป็นคนที่กุมหัวใจเขาเอาไว้ทั้งดวง รักครั้งนี้ของเขาช่างแตกต่างจากครั้งก่อนเหลือเกิน เพราะมันไม่หวือหวา หรือวูบวาบ พร้อมกับจบลงแบบขาดสบั้นในทันที แต่มันค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ ตามกาลเวลาที่เขาเห็นว่าเหมาะสม และเธอก็ทำให้เขามั่นใจว่า เธอสามารถที่จะอยู่ร่วมอุดมการณ์เดียวกับเขาได้ โดยที่จะไม่ทิ้งให้เขาต้องนอนรักษาแผลใจเป็นเวลาแรมปีอีกครั้ง

เขาก้มลงไปมองเจ้าไข่ตุ๋นที่มุดตัวเข้าไปนอนใต้เตียงของเจ้านายมัน คิด ๆ แล้วก็ให้อิจฉาเจ้ากะเปี๊ยกจัง ที่ได้อยู่กับเธอมาโดยตลอด ตุ๊กตาตัวโปรดถูกวางไปข้าง ๆ กายเธอ ผ้าผืนหนาถูกดึงไปห่มให้เธอด้วยความแผ่วเบา จมูกของเขาก้มลงไปหอมที่พวงแก้มด้วยความนุ่มนวล ถึงแม้ว่าเย็นนี้เธอจะไม่ได้อาบน้ำ แต่แก้มเธอก็ยังคงหอมสำหรับเขาเสมอ เพราะแอร์ในรถไม่ได้ทำให้เหงื่อเธอออกแม้แต่น้อย แล้วเขาก็ออกจากห้องไป โดยมีแต๋นเดินเข้ามาปิดไฟและเดินไปส่งเขาที่หน้าบ้าน

ดวงตาที่หลับสนิทค่อย ๆ เปิดขึ้นมา หญิงสาวรู้สึกว่าสบายเนื้อตัวขึ้นมาไม่น้อย ที่ได้นอนเหยีดตัวแทนการนอนแบบขด ๆ เธอก็มองดูรอบ ๆ ห้อง และแปลกใจไม่น้อยที่เมื่อวานยังนอนอยู่ในรถกับเขาอยู่ ไม่นานเธอก็ยิ้มออกมา เมื่อคิดว่าเขาคงจะเป็นคนอุ้มเธอมาไว้ตรงนี้ เธอไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าห้องน้ำทันที เพราะเมื่อวานไม่ได้อาบน้ำก่อนนอน

“ตื่นแล้วเหรอคะคุณข้าว ไปกินข้าวบ้านคุณลุงกันค่ะ แต๋นมารับ”
แต๋นทักเมื่อเดินขึ้นมาบนบ้านก็พบเจ้านายสาวออกมาจากห้องพอดี จึงเดินมาจูงเอาแขนเธอให้ลงไปที่รถ ที่มีเขาคอยอยู่ก่อนแล้ว เธอไม่รู้จะพูดอะไรกับเขา ได้แต่นั่งไปในรถอย่างนั้น จนรถเข้าไปจอดที่ลานบ้าน แต๋นเดินลงไปก่อนแล้ว เพราะต้องรีบไปเตรียมอาหารต่อ หลังจากที่ถูกเขมขัดจังหวะให้มารับเจ้านายกับเขมินท์ก่อน

“ไปกินข้าวกันเถอะ เมื่อวานคุณยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย หลับไปก่อน”
เขาบอกเมื่อลงจากรถ พร้อมดึงมือเธอมากุมเอาไว้ด้วยความคิดถึง แม้จะห่างเธอยังไม่ถึงสิบสองชั่วโมงก็ตาม หญิงสาวได้แต่เดินตามเขาขึ้นเรือนไปเงียบ ๆ โดยที่มือยังคงถูกเขายึดครองเอาไว้อยู่อย่างนั้น เขมที่นั่งรออยู่โต๊ะอาหารหันไปมองสองร่างที่ขึ้นบ้าน พร้อมมือหลานคนโปรดที่ถูกลูกชายจูงมาหน้าตาเฉย

“หนูข้าวกลับมาแล้วเหรอ แล้วหนูเจนเป็นยังไงบ้าง” เขมถามขณะที่เธอนั่งลง
“นั่นสิยายข้าวหายเงียบไปเลยนะเรา ดีนะที่แม่ป้าให้พี่เขาไปดูก่อน ไม่อย่างนั้นคงไม่คิดที่จะกลับมาง่าย ๆ ล่ะสิ”
มณฑาแหย่ และยิ้มให้เขมินท์ที่ดึงมือหลานสาวเธอให้ไปนั่งฝั่งเดียวกับเขา ทั้ง ๆ ที่ปกติหลานสาวจะนั่งฝั่งเดียวกับเธอ
“เอ่อ สบายดีแล้วค่ะ ข้าวก็กะว่าจะกลับวันนี้พอดีนะคะ” เธอรีบแก้ตัว

“เป็นไงเราไปเจอแสงสีเข้าหน่อย หน้าตาสดใสมาเชียวนะ เล่าให้แม่ป้าฟังบ้างสิว่าไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง และไม่ต้องมาบอกแม่ป้านะ ว่าไปเฝ้าหนูเจนแค่นั้น แม่ป้ารู้หมดแล้วว่าหนูเจนไม่ได้เป็นอะไร เรานี่ไม่ไหวจริง ๆ เลย จะโทรมาบอกแม่ป้าหน่อยก็ไม่ได้ ปล่อยให้แม่ป้าห่วงแทบแย่ จนต้องให้พี่เขาไปดูแทน”

มณฑาถามและดักคอหลานสาวถูก เพราะเจนจิราโทรมาบอกเอาไว้ตั้งแต่วันแรกที่เธอไปถึงว่าไม่ได้ป่วยอะไร และจะพาเธอเที่ยวก่อนจึงจะปล่อยให้กลับ แต่รอหลานรักตั้งหลายวันไม่ยอมกลับบ้าน จนต้องให้เขมินท์ไปตาม เพราะมณฑารู้ดีว่าหลานสาวจะต้องไปปล่อยแก่แน่ ๆ เพราะห่างหายจากแสงสีมานาน

“เอ่อ ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะแม่ป้า หิวจังเลยคุณแต๋น”
หญิงสาวเลี่ยงที่จะไม่พูดอะไร จึงรีบจัดการกับอาหารที่แต๋นเพิ่งจะยกมาให้ตรงหน้า ส่วนเขมินท์นั้นก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรมากไปกว่าการตั้งหน้ากินข้าวต้มกุ้งเช่นกัน รอยยิ้มที่ออกอาการเอียงอายเกิดขึ้นที่ใบหน้าขาวเนียนของเธอ เมื่อเขาตักกุ้งจากชามตัวเองให้เธอหน้าตาเฉยพร้อมกับยิ้มหวาน ๆ ให้ เขมได้แต่ชำเลืองมองหน้าลูกชายด้วยความแปลกใจ แต่ก็ไม่พูดอะไร นอกจากหันไปมองภรรยา และก็พบหน้าที่ทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ของเธอแทน

“ข้าวไปกันเถอะ” เขมินท์บอกเมื่ออาหารเช้าเสร็จสิ้นไป
“จะพาน้องไปไหนเจ้าน้ำ” เขมถามในที่สุด
“ผมจะพาข้าวไปดูร้านครับ ตั้งแต่มาเพิ่งจะเคยไปดูแค่ครั้งเดียวเอง”
เขาบอกพ่อ แต่มือนั้นดึงเอามือเธอไปกุมรออยู่ก่อนแล้ว
“ไปร้านเหรอ จริงสิ ฉันอยากจะกินกาแฟสดด้วย” เธอนึกขึ้นได้ เพราะเคยได้ลองแล้วครั้งหนึ่ง

“งั้นไปกันเถอะ” เขาบอกและจูงมือเธอไป
“เจ้าน้ำ ไม่เอาแต๋นไปด้วยเหรอ” เขมถามจนเขาต้องหยุดเดินแล้วหันมาหาพ่อ
“ไม่ต้องแล้วครับพ่อ” เขาตอบพ่อหน้าตาเฉย
“แต่พ่อว่าเอาแต๋นไปดีกว่านะ แต๋นเอ้ย ๆ ไปเป็นเพื่อนคุณข้าวหน่อย แล้วค่อยกลับมาทำงานต่อ”
เขมบอกเป็นเชิงสั่ง และก็ส่งเสียงเรียกแต๋นให้ออกมาจากครัว

“ผมไปนะครับ” เขาบอกพ่อเมื่อแต๋นเดินออกมา
“อะฮืมม เจ้าน้ำ....”
เขมกระแอมออกมาดัง ๆ และเรียกชื่อลูกชายด้วยน้ำเสียงที่ยานกว่าปกติ และมองไปยังมือลูกชาย จนเขาต้องค่อย ๆ ปล่อยมือเธอ แล้วก็เดินนำลงบ้านไป ทำให้มณฑาหัวเราะออกมาเมื่อทั้งหมดไปแล้ว
“คุณคอยให้ท้ายเจ้าน้ำมันมาก ๆ เหอะ เกิดมีอะไรมาผมไม่รู้ด้วยนะ” เขาต่อว่าภรรยา
“อ้าว ก็ไหนคุณบอกฉันว่าลูกคุณเป็นสุภาพบุรุษไงคะ” เธอแย้ง
“แหม...คุณมณบางครั้งความพลั้งเผลอมันก็อยู่เหนือคำว่าสุภาพบุรุษนะ ผมยังไม่อยากให้อะไร ๆ มันไม่ถูกต้องและไม่เป็นไปตามทำนองครองธรรม ต้องปราม ๆ มันเอาไว้หน่อย” เขมบอกและยิ้มให้ภรรยา

“ถึงร้านแล้ว ไปกันเถอะ แต๋นถ้าจะไปหาไข่ก็ได้นะ มันจะเดินอยู่แถว ๆ โน้นนั่นล่ะ”
เขมินท์บอกเมื่อนำรถไปจอดไว้หน้าร้านแล้ว และดึงเอามือถือไปครองเอาไว้ ก่อนจะพาเธอเดินไปในร้าน ทิ้งให้แต๋นมองตามเจ้านายไปด้วยรอยยิ้ม พนักงานในร้านต่างมองเจ้านายหนุ่มเป็นตาเดียวกัน เพราะจู่ ๆ ก็เดินจูงมือสาวสวยที่ทุก ๆ คนในร้านไม่มีใครไม่รู้จักเธอ แต่ส่วนเธอนั้นไม่รู้จักใครเอาซะเลย

“ปล่อยมือฉันก่อนสิคะ คนมองกันหมดแล้ว”
เธอบอกด้วยความอาย เพราะถูกคนจ้องมองแทบไม่วางตา
“ช่างประไรอยู่เฉย ๆ สิ ไม่ต้องสนใจ เดี๋ยวเด็ก ๆ พวกนี้ก็เลิกมองเอง นี่มาดูสิว่าข้าวของคุณขายอยู่ในร้านผมด้วยนะ แล้วนี่ก็น้ำส้มคั้นใหม่ ๆ ด้วย ที่คุณกินอยู่ที่บ้านไง ผมจะให้คนยกไปให้คุณที่ออฟฟิศนะ ไปข้างในกันเถอะ”
เขาบอกและจูงมือเธอไปในออฟฟิศแล้วก็ปิดประตูเอาไว้ จนสาว ๆ ที่ออฟฟิศ พากันมองตากันปริบ ๆ เพราะตั้งแต่ทำงานที่นี่มา เจ้านายหนุ่มยังไม่เคยพาใครเข้ามาในออฟฟิศเลยสักครั้ง

“ปล่อยค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
เธอรีบห้ามเมื่อทันทีที่ประตูปิดลง ตัวเธอก็ปลิวไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้ว
“ใครจะมาเห็นนี่ห้องทำงานส่วนตัวของผม ไม่มีใครกล้าเข้ามาหรอก คิดถึงจังเลย ขอหอมทีนะ”
เขาบอกแล้วก็หอมไปที่แก้มเธอด้วยความเร็ว จนเธอตั้งตัวไม่ทัน
“นั่งรอตรงนี้นะ ผมทำงานแป๊บเดียว แล้วจะพาไปเที่ยว”
เขาบอกก่อนจะส่งให้เธอไปนั่งที่ชุดรับแขก ส่วนตัวเขานั้นต้องรีบเคลียร์งานให้เสร็จ เพราะหายไปหลายวันแล้ว

“น้ำส่มค่ะคุณเข่า ของอ้ายน้ำกะตั้งไว่หนี่เด้อจ้า” เด็กยกน้ำส้มเข้ามาในห้องให้เธอ
(น้ำส้มค่ะคุณข้าว ของพี่น้ำก็ตั้งไว้ตรงนี้นะคะ)
“ขอบคุณหลาย ๆ เด้อ” เธอส่งภาษาอีสานให้เด็กบ้าง ทำให้คนฟังหัวเราะออกมากับสำเนียงที่เพี้ยน ๆ แต่น่ารักไปอีกแบบ
“หัวเราะฉันทำไม” เธอว่าเขา
“เปล๊า รีบกิน ๆ นะเดี๋ยวน้ำส้มหายเย็นจะไม่อร่อย” เขาบอกและหันไปสนใจกับงานต่อ
“แล้วเขารู้จักชื่อฉันด้วยเหรอ” เธอถามขึ้นเพราะสงสัยเมื่อเด็กออกไปจากห้องแล้ว
“แหม คุณเข่าครับ คุณหน่ะออกจะ popular ใครไม่รู้จักคุณก็เชยแย่แล้วล่ะ นี่ถ้าให้ผมเดานะป่านนี้คุณคงจะโดนเม้าส์แหลกไปแล้วล่ะ” เขาหันมาบอกและยิ้มด้วยความขำ เมื่อจิตนาการหน้าลูกน้องแต่ละคนออก
“เม้าส์เรื่องอะไร ฉันไม่ได้ทำอะไรให้ใครเดือดร้อนซักหน่อย” เธอว่า

“ไม่ได้ทำแต่คุณถูกผมทำไง ขอผมทำงานก่อนนะ เดี๋ยวไม่เสร็จ” เขาตัดบทแล้วก็หันไปหางาน
“แล้วคุณมาทำอะไรฉันล่ะ เขาถึงจะได้เม้าส์ฉันได้ หรือว่าคุณไปพูดอะไร....” เธออดคิดไม่ได้
“นี่คุณข้าวครับ ผมหน่ะลูกผู้ชายมากพอนะ จูบใครแล้วไม่เคยเอาไปเล่าต่อ ขอผมทำงานก่อนค่อยคุยนะ” เขาบอก
“บ้า คนบ้า พูดออกมาได้” เธอแหว
“นี่ถ้าคุณไม่หยุดชวนผมคุยก่อนนะ ผมจะเปลี่ยนจากนั่งทำงานอยู่ตรงนี้ เป็นไปนั่งจูบคุณอยู่ตรงนั้นแทน ตกลงมั้ย”
เขาหันมาบอกเธอและทำสีหน้าเอาจริง จนเธอต้องเงียบปากเอาไว้ และดูหนังสือแฟชั่นที่วางไว้ตรงโต๊ะแทน เขาได้แต่แอบมองและยิ้มให้เธอก่อนจะสนใจกับงานจริง ๆ

“ปะไปกันได้แล้ว” เขาบอกเมื่อเสร็จงานแล้ว และเดินมาดึงเอามือเธอให้ลุกขึ้น
“ไปไหน” “ไปเที่ยวดูของนิดหน่อย แล้วก็จะส่งกลับบ้านด้วยความปลอดภัย” เขาบอก
“แต่ก่อนไปต้อง นี่แหน่ะโทษฐานที่ อะไรดีน้า....เอาเป็นว่าไม่มีโทษอะไรก็แล้วกัน กอดและหอมเฉย ๆ เผื่อออกไปแล้วหาโอกาสไม่ได้”
เขากอดและหอมแก้มเธอดื้อ ๆ และดึงมือเธอไปอย่างนั้น โดยไม่ปล่อยให้เธอได้ว่าเขาเลยสักคำเดียว พนักงานต่างพากันมองตามเขาเป็นตาเดียวกันอีกแล้ว
“โอ๊ย อ้ายน้ำข่อย คือสิบ่รอดแล่วล่ะน้อ ฮือ ๆ ข่อยอยากเป็นคุณเข่าเด้ จั๊งแมนโซคดีคักอีหลี”
เสียงของสาวบัญชีพูดตามหลังเจ้านาย จนทำให้คนอีกสองคนต่างพากันทำหน้าละห้อยไปด้วย
(โอ๊ย พี่น้ำของฉัน สงสัยจะไม่รอดแล้วล่ะคราวนี้ ฮือ ๆ ฉันอยากจะเป็นคุณข้าวจั้งเลย ทำไมโชคดีอย่างนี้)

“พี่น้ำ ตรวจร้านอยู่เหรอคะ คุณข้าวก็มาด้วยเหรอคะ”
สมิตาร้องเรียกเขาเมื่อเดินเข้ามาในร้าน ก็พบเขาเดินดูอะไร ๆ ไปเรื่อย ๆ และมีมือของภรัณยาตามไปในทุก ๆ ที่
“คุณโอ๊ะ มาซื้อของเหรอคะ”
เธอหันมาถาม และพยายามจะดึงมือออกจากมือเขา แต่อีกฝ่ายไม่ยอมยังคงกุมมือเธอเอาไว้อย่างนั้น

“น้องโอ๊ะมาซื้ออะไรครับ” เขาถามและยิ้มให้เธอ
“อ๋อ พอดีแวะมาดูข้าวสารให้คุณแม่ค่ะ เห็นของสด ๆ ก็เลยเดินดูหน่อย”
“มีของสด ๆ ที่กำลังแพ็คก็มีนะครับ น้องโอ๊ะจะไปดูกับพี่มั้ย ไปกันเถอะคุณ”
เขาถามไปอย่างนั้น แทบจะไม่ต้องการคำตอบเลย แล้วก็ดึงเอามือของอีกคนเดินออกไปจากร้าน และตรงไปด้านหลังที่คนงานกำลังแพ็คของอยู่ สมิตาตัดสินใจตามไป ทั้ง ๆ ที่แทบจะทนเห็นภาพตรงหน้าไม่ได้ แต่เพื่อให้แน่ใจอะไรบางอย่างเธอจึงต้องไป

“ขับรถดี ๆ นะครับน้องโอ๊ะ” เขมินท์บอกเมื่อสมิตาขึ้นรถเตรียมกลับบ้าน
“งั้นเราก็ไปกันเถอะ” เขาบอกแล้วก็ดึงมือเธอไปที่รถ
“เดี๋ยวสิคะ ไม่รอรับแต๋นไปด้วยเหรอ” เธอถาม
“ไม่ต้องหรอก แต๋นจะรอเราอยู่ที่นี่ ไปได้แล้ว”
เขาเปิดประตูรถให้เธอ ก่อนจะนำรถออกไป และหันหน้าเข้าเมืองแทนกลับบ้าน สักพักเขาก็พารถมาจอดไว้ในวัด ที่ภรัณยาจำได้ว่าเคยมาตอนสงกรานต์แล้ว

“ไปไหว้พระกัน” เขาบอก และเดินนำเธอไป แต่ไม่ได้จูงมือเหมือนเคย
“คุณมาอยู่นี่ตั้งนานแล้ว ผมยังไม่เคยพามากราบหลวงพ่อพระใสสักครั้ง ตอนสงกรานต์ก็ไม่ได้เข้ามากราบท่าน คุณรู้มั้ยว่าหลวงพ่อท่านเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่คนที่นี่นับถือกันมาก คุณต้องการอะไรก็ขอจากท่านสิ เขาว่ากันว่าได้กันทุกคน แต่ต้องกลับไปทำความต้องการของเราด้วยนะ ไม่ใช่รอให้ท่านเสกให้ มาผมจะพาขอท่านเอง”
เขาบอกเมื่อพาเธอมานั่งอยู่ตรงหน้าหลวงพ่อพระใสซึ่งพระพุทธรูปขัดสมาธิราบ ปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสีสุกงดงามมาก โดยทุกปีในวันเพ็ญกลางเดือน ๗ ชาวหนองคายจะมีงานประเพณีบุญบั้งไฟบูชาพระใสที่วัดโพธิ์ชัยเป็นประจำ

“เหรอคะ” เธอรับคำและพนมมือขึ้นแล้วอธิฐานตามเขา
“คุณอยากรู้มั้ยว่าผมขออะไรจากท่าน”
เขาถามเมื่อเขานำรถพ้นเขตวัด และดึงมือเธอไปกุมเอาไว้ไม่ยอมวาง หญิงสาวได้แต่ยิ้มหวาน ๆ ให้เขา แต่ไม่ว่าอะไร เพราะเธอเองก็สุขใจไม่น้อยที่ได้อยู่ใกล้ ๆ กับเขา
“ไม่อยากรู้ค่ะ” เธอตอบดื้อ ๆ
“ว้า แต่ไม่เป็นไร เอาไว้ค่อยบอกทีหลังก็ได้ คุณหิวหรือยัง กินอะไรก่อนค่อยกลับบ้านดีมั้ย” เขาถาม
“กลับไปกินที่บ้านเถอะค่ะ แม่ป้าคงจะรอ เดี๋ยวคุณลุงดุเอา” เธอยังห่วงเพราะเห็นเมื่อเช้าคุณลุงไม่ค่อยชอบนัก



“กลับมาแล้วเหรอยายโอ๊ะ แล้วพี่เรากลับมาด้วยกันหรือเปล่า”
นาถยาถามลูกสาว เมื่อเลยเวลากลับของลูกทั้งสองแล้ว
“ไม่เห็นนี่คะคุณแม่ โอ๊ะทำงานอยู่ที่โน่น พี่อ่องทำงานอยู่ในเมือง แล้วโอ๊ะจะไปเห็นได้ยังไงคะ”
“เอาใหญ่แล้วนะพี่เรา สงสัยแม่จะต้องรีบหากฤษ์แต่งงานเอาไว้ให้แล้วล่ะ ออกพรรษาเมื่อไหร่จะจับแต่งงานทันที ขืนปล่อยเอาไว้นะ อีกหน่อยคงจะไปคว้าเอาผู้หญิงข้างทางมาเป็นสะใภ้แม่อีกแน่ ๆ เลย หรือคุณว่ายังไงคะ”
นาถยาหันไปหาสามีที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ใกล้ ๆ

“แล้วแต่คุณเถอะ ผมยังไงก็ได้ ก็ดีเหมือนกัน เดี๋ยวจะเข้าหน้าท่านผู้ว่าฯ ไม่ติดเอา” เขาหันมาหาภรรยา
“โน่นค่ะ มาแล้ว” สมิตาบอก เมื่อได้ยินเสียงรถพี่ชายเข้ามาจอด
“ตายยากจริง ๆ เลย” นาถยาบ่นลูก
“โอ้โห อยู่กันพร้อมหน้าเลย แล้วทำหน้าเครียด ๆ แบบนี้ แปลว่ายายโอ๊ะกำลังจะมีคนมาขอ ไม่ต้องขึ้นคานแล้ว”
ดนัยแซวน้องสาวทันทีที่ร่างพ้นประตูบ้านมา
“พี่อ่องคงจะขายออกก่อนโอ๊ะมั้งคะ” สมิตาบอกพี่ชายยิ้ม ๆ เมื่อเขาทรุดตัวลงนั่งใกล้ ๆ
“ไปไหนมาตาอ่อง” “ผมไปทำงานมา เสร็จแล้วก็ไปกินข้าว แล้วก็เลยดูหนังด้วยครับ”

“คนเดียวเหรอ” “เอ่อ...” เขาทำท่าอึกอัก
“นี่ตาอ่อง แม่ขอบอกแกไว้ตรงนี้เลยนะว่า แม่จะให้พระดูกฤษ์แต่งงานของแกกับหนูเฟิร์นแล้ว ทันทีที่ออกพรรษาแกจะต้องแต่งงาน ตกลงมั้ย ถ้าไม่ตกลงแกก็เตรียมตัวย้ายไปอยู่บ้านพักข้าราชการ หรือไม่ก็ไปเช่าอยู่ที่อื่น ไม่ต้องมาเหยียบบ้านนี้อีก และไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่ด้วย” นาถยายื่นคำขาด
“อุย คุณแม่ครับ ใจเย็น ๆ สิครับไปกินรังแตนมาจากไหนครับเนี๊ยะ ยายโอ๊ะไปทำอะไรให้คุณแม่โมโหหรือเปล่า ถึงได้มาลงที่พี่ เอ๊ะ หรือว่าคุณพ่อไปแอบมีอีหนูครับ” เขาถามด้วยความอารมณ์ดี
“พี่อ่องหน่ะสิไปทำให้แม่อารมณ์เสีย ไม่ยอมเอาใจน้องเฟิร์นเลย”
“โธ่เอ้ย คิดว่าเรื่องอะไร เมื่อวานผมก็พาไปเที่ยว ไปดูหนังแล้วนี่ครับคุณแม่ เราสองคนยังอยากไปเรื่อย ๆ นะครับ ไม่ได้รีบร้อนอะไร เราเข้าใจกันดีครับ ขอดู ๆ กันไปก่อนดีกว่า ผมยังไม่อยากจะรีบร้อนไปไหน เรื่องอย่างนี้มันละเอียดอ่อนนะครับแม่ จริงมั้ยครับคุณพ่อ” เขาบอก

“แต่แม่ว่าแกควรจะแต่งงานได้แล้ว พรุ่งนี้แม่จะไปคุยกับคุณนายท่านเลย” นาถยาบอกด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“คุณพ่อครับ ช่วยผมหน่อยสิครับ” เขาหันไปหาพ่อเพื่อหวังให้ช่วย
“แต่พ่อว่าแม่เราทำถูกแล้วนะ ไหน ๆ ก็จะแต่งกันอยู่แล้ว จะรออะไรล่ะ เรียนจบและทำงานกันทั้งสองคนแล้ว”
“โธ่คุณพ่อก็ ไม่ยอมช่วยผมเลย ยายโอ๊ะช่วยพี่หน่อย” เขาหันไปหาน้องสาวแทน
“ได้โอ๊ะจะช่วย แต่จะช่วยเตรียมงานแต่งให้นะ ไปก่อนดีกว่าจะไปลิสว่าจะต้องทำอะไรก่อน”
สมิตาบอกแล้วก็รีบขึ้นไปด้านบนทันที เพราะอยากจะแกล้งพี่ชายที่เจ้าชู้บ้าง

สมิตาละสายตาจากรายงานของเด็กนักเรียนเมื่อเริ่มรู้สึกเมื่อยขึ้นมา หญิงสาวหันไปมองนาฬิกาพบว่าจะเที่ยงคืนแล้ว แต่เธอก็ยังไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด อาจจะเป็นเพราะภาพของเขาและภรัณยาวันนั้นยังติดตาอยู่ก็เป็นได้ แล้วเธอก็กระจ่างแก่ใจแล้วว่าอะไรเป็นอะไร เมื่อเห็นเขมินท์ที่ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็จะมีมือของภรัณยาติดไปด้วย โดยที่เขาไม่ได้สนใจกับสายตาของพนักงานที่มองเลยแม้แต่น้อย

ซึ่งผิดกับเมื่อก่อนมาก สมิตาไม่เคยเห็นเขาพาภรัณยามาที่ร้านนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว และเขาก็ไม่เคยที่จะแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของภรัณยาเลยเวลาที่อยู่ต่อผู้คน แม้เวลาที่เขาโกรธมาก ๆ เหมือนวันงานบุญ แต่เขาก็ไม่แม้แต่จะแตะเนื้อต้องตัวภรัณยาเลย รูปในลิ้นชักถูกดึงออกมาอย่างช้า ๆ หญิงสาวมองรูปเจ้าของหัวใจของเธอด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวด

ถ้าย้อนเวลาได้ เธอคงจะไม่ไปเรียนต่อเมืองนอก แล้วเอาเวลานั้นมาอยู่ใกล้ ๆ เขาให้มาก ๆ เขาอาจจะตกลงปลงใจกับเธอก่อนที่ภรัณยาจะย้ายมาก็เป็นได้ แต่มันจะหาประโยชน์อะไรได้อีก ในเมื่อตอนนี้หัวใจของเขาแทบจะไม่มีเธออยู่ในนั้นอีกแล้ว หรืออาจจะไม่เคยมีเธอเลยก็เป็นได้ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เธอไม่อยากจะเชื่อ เพราะด้วยหน้าตา ฐานะทางสัมคม การศึกษา และอะไร ๆ อีกหลาย ๆ อย่างของตัวเอง หญิงสาวมั่นใจว่าไม่เป็นรองใคร

“พี่น้ำคะ โอ๊ะรักพี่น้ำค่ะ รักมาก และรักมานานแล้ว จะมีทางมั้ยคะที่โอ๊ะจะทำให้พี่น้ำหันกลับมารักโอ๊ะ และมองโอ๊ะเหมือนเมื่อก่อน เพราะตั้งแต่มีคุณข้าวก้าวเข้ามา พี่น้ำก็ไม่สนใจโอ๊ะเลย ขอโอกาสให้โอ๊ะบ้างได้มั้ยคะพี่น้ำ”
เธอพร่ำถามกับเจ้าของรูปอยู่อย่างนั้น แล้วน้ำตามันก็ไหลรินออกมาด้วยความเจ็บปวดเป็นที่สุด ที่ในใจคิดว่าจะต้องเสียเขาไปให้คนอื่นในอีกไม่ช้า
“ไม่ค่ะ โอ๊ะจะไม่ยอมเสียพี่น้ำไปให้ใครเด็ดขาด โอ๊ะรักพี่น้ำ โอ๊ะจะทำให้เราได้อยู่ด้วยกัน โอ๊ะจะไม่ยอมให้คนที่มาทีหลังได้พี่น้ำไปครอบครองเด็ดขาด พี่น้ำต้องเป็นของโอ๊ะคนเดียวเท่านั้น”
เธอให้สัญญากับตัวเองเอาไว้ แล้วก็นั่งครุ่นคิดอะไร ๆ ไปเรื่อยเปื่อย จนได้ข้อสรุปอะไรบางอย่างจึงละทิ้งกองรายงานของเด็ก ๆ แล้วไปล้มตัวลงนอนเมื่อเริ่มรู้สึกว่าง่วง







Create Date : 12 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2551 10:39:17 น. 0 comments
Counter : 400 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.