ร้อยรวงใจ ๔๖ (ธัญรัตน์)
ร่างที่นอนหลบอยู่ในรถค่อย ๆ ปรับเบาะให้ขึ้นมาเป็นท่านั่งแทน หลังจากที่มินิของเชอร์รี่แล่นออกไปจากหน้าบ้านเธอ นับตั้งแต่เขารู้จักเจนจิราในฐานะของเพื่อนคู่อริมาเป็นสิบ ๆ ปี เจตน์ไม่เคยดีใจที่ได้เห็นเจนจิราครั้งไหนมากเท่าครั้งนี้เลย เพราะเธอคือผู้ที่เพิ่งมาทำหน้าที่ ที่เขาอยากจะเข้าไปทำตั้งแต่สาย ๆ แล้ว หลังจากที่ขับรถมาถึงที่นี่ และเห็นรถของเขมินท์จอดอยู่ในรั้วบ้านคู่อริ เขาได้แต่ภาวนาขอให้รถคันนั้นเพิ่งมาจอดก่อนหน้าที่เขาจะมาถึงด้วยเถิด
เพราะถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงจะต้องบ้าตายแน่ ๆ เหมือน ๆ กับที่เขาเกือบบ้าไปแล้ว เมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้ เพราะเพิ่งจะได้พบพันธุ์ที่นัดกับปิยนุชที่ร้านอาหาร และมีเขาตามไปด้วย โดยบังเอิญ
เอ่อ จริงสิเกือบลืมเล่าให้ฟัง เมื่อคืนพี่ได้พบคุณข้าวที่งานเลี้ยงรุ่นด้วยล่ะนุช รู้มั้ยว่าคุณข้าวไปกับใคร เหรอคะ แล้วไปกับใครคะพี่พันธุ์ ไปกับเจ้าน้ำ จำได้มั้ยที่เคยไปงานศพแม่พี่ไง จำได้สิคะ แล้วไปทำไมคะ
ก็ไปในฐานะคนพิเศษของเจ้าน้ำมันไง เพื่อน ๆ นี้ฮือฮากันใหญ่นะ ว่าคราวนี้มันเอาจริง แน่ ๆ เพราะมันประกาศเป็นนัย ๆ บนเวที และก็ร้องเพลงจีบคุณข้าวด้วย จนคนในงานอิจฉามันไปตาม ๆ กัน สงสัยคิวต่อจากพี่ไปต้องเป็นมันแน่ ๆ เลย เฮ้อ อุตส่าห์หวงความโสดมาตั้งนานสองนาน ที่แท้ก็รอคุณข้าวนี่เอง
คำพูดของพันธุ์สร้างความเจ็บปวดให้เขาไม่น้อย จนเขาต้องรีบปลีกตัวออกมาจากปิยนุชและขับรถตรงมายังบ้านเธอ และก็พบว่าบ้านปิดเงียบเชียบ เขาพยายามจะไม่คิดอะไรให้มันเลยเถิดไปให้ไกลกว่านี้ แต่ถึงจะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเขมินท์และเธอ คนอย่างเขาก็ไม่แคร์ รถของเขาค่อย ๆ เคลื่อนออกจากตรงนั้นอย่างช้า ๆ แล้วเขาก็เดินขึ้นคอนโดอย่างคนไร้ซึ่งวิญญาณ เหล้าที่บาร์ถูกกรอกเข้าปากอย่างไม่ยับยั้งจนร่างหลับฟุบอยู่กับบาร์อย่างนั้น
ไฟหน้ารถถูกปิดลงเมื่อเขมินท์ควบรถมาใกล้จะถึงบ้านของเจ้าของร่างที่เงียบเสียงไปแล้วตั้งแต่เขาพารถเข้าเขตจังหวัดขอนแก่น หลังจากที่ตั้งแต่บ่ายเธอก็จะหาเรื่องโน้นเรื่องนี้มาพูดกับเขาจนทำให้เขาหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง นาฬิกาที่หน้าปัดรถบอกเวลาเที่ยงคืนแล้ว ซึ่งเป็นเวลาที่เขากะเอาไว้ว่าจะมาให้ถึงบ้านพอดี มือถือถูกกดเข้าไปในบ้าน ไม่นานแต๋นก็เปิดประตูออกมา โดยที่ไม่ได้เปิดไฟแม้แต่ดวงเดียว เพราะอาศัยแสงสว่างจากมือถือเขาแทน
ร่างที่นอนขดอยู่กับเบาะถูกเขาอุ้มขึ้นไปบนบ้านและวางไว้ที่เตียงนอนอย่างแผ่วเบาเหมือนครั้งก่อน ๆ แต๋นเปิดไฟในห้องตามที่เขาบอก และก็ออกไปจากห้องเหมือนอยากจะให้เขาอยู่ตามลำพังกับเจ้านายสาว ร่างสูงใหญ่นั่งลงข้าง ๆ กายเธอ และยิ้มให้กับผู้ที่หลับสนิทไปแล้ว มือเผลอยกขึ้นไปสัมผัสแก้มขาวเนียนอีกครั้ง คิด ๆ แล้วเขาก็ให้ขำตัวเองเป็นที่สุด
เพราะเมื่อปีที่แล้วเขายังบอกตัวเองอยู่ปาว ๆ ว่าเธอไม่ใช่สเปคของเขา แต่ไป ๆ มา ๆ เธอกลับเป็นคนที่กุมหัวใจเขาเอาไว้ทั้งดวง รักครั้งนี้ของเขาช่างแตกต่างจากครั้งก่อนเหลือเกิน เพราะมันไม่หวือหวา หรือวูบวาบ พร้อมกับจบลงแบบขาดสบั้นในทันที แต่มันค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ ตามกาลเวลาที่เขาเห็นว่าเหมาะสม และเธอก็ทำให้เขามั่นใจว่า เธอสามารถที่จะอยู่ร่วมอุดมการณ์เดียวกับเขาได้ โดยที่จะไม่ทิ้งให้เขาต้องนอนรักษาแผลใจเป็นเวลาแรมปีอีกครั้ง
เขาก้มลงไปมองเจ้าไข่ตุ๋นที่มุดตัวเข้าไปนอนใต้เตียงของเจ้านายมัน คิด ๆ แล้วก็ให้อิจฉาเจ้ากะเปี๊ยกจัง ที่ได้อยู่กับเธอมาโดยตลอด ตุ๊กตาตัวโปรดถูกวางไปข้าง ๆ กายเธอ ผ้าผืนหนาถูกดึงไปห่มให้เธอด้วยความแผ่วเบา จมูกของเขาก้มลงไปหอมที่พวงแก้มด้วยความนุ่มนวล ถึงแม้ว่าเย็นนี้เธอจะไม่ได้อาบน้ำ แต่แก้มเธอก็ยังคงหอมสำหรับเขาเสมอ เพราะแอร์ในรถไม่ได้ทำให้เหงื่อเธอออกแม้แต่น้อย แล้วเขาก็ออกจากห้องไป โดยมีแต๋นเดินเข้ามาปิดไฟและเดินไปส่งเขาที่หน้าบ้าน
ดวงตาที่หลับสนิทค่อย ๆ เปิดขึ้นมา หญิงสาวรู้สึกว่าสบายเนื้อตัวขึ้นมาไม่น้อย ที่ได้นอนเหยีดตัวแทนการนอนแบบขด ๆ เธอก็มองดูรอบ ๆ ห้อง และแปลกใจไม่น้อยที่เมื่อวานยังนอนอยู่ในรถกับเขาอยู่ ไม่นานเธอก็ยิ้มออกมา เมื่อคิดว่าเขาคงจะเป็นคนอุ้มเธอมาไว้ตรงนี้ เธอไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าห้องน้ำทันที เพราะเมื่อวานไม่ได้อาบน้ำก่อนนอน
ตื่นแล้วเหรอคะคุณข้าว ไปกินข้าวบ้านคุณลุงกันค่ะ แต๋นมารับ แต๋นทักเมื่อเดินขึ้นมาบนบ้านก็พบเจ้านายสาวออกมาจากห้องพอดี จึงเดินมาจูงเอาแขนเธอให้ลงไปที่รถ ที่มีเขาคอยอยู่ก่อนแล้ว เธอไม่รู้จะพูดอะไรกับเขา ได้แต่นั่งไปในรถอย่างนั้น จนรถเข้าไปจอดที่ลานบ้าน แต๋นเดินลงไปก่อนแล้ว เพราะต้องรีบไปเตรียมอาหารต่อ หลังจากที่ถูกเขมขัดจังหวะให้มารับเจ้านายกับเขมินท์ก่อน
ไปกินข้าวกันเถอะ เมื่อวานคุณยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย หลับไปก่อน เขาบอกเมื่อลงจากรถ พร้อมดึงมือเธอมากุมเอาไว้ด้วยความคิดถึง แม้จะห่างเธอยังไม่ถึงสิบสองชั่วโมงก็ตาม หญิงสาวได้แต่เดินตามเขาขึ้นเรือนไปเงียบ ๆ โดยที่มือยังคงถูกเขายึดครองเอาไว้อยู่อย่างนั้น เขมที่นั่งรออยู่โต๊ะอาหารหันไปมองสองร่างที่ขึ้นบ้าน พร้อมมือหลานคนโปรดที่ถูกลูกชายจูงมาหน้าตาเฉย
หนูข้าวกลับมาแล้วเหรอ แล้วหนูเจนเป็นยังไงบ้าง เขมถามขณะที่เธอนั่งลง นั่นสิยายข้าวหายเงียบไปเลยนะเรา ดีนะที่แม่ป้าให้พี่เขาไปดูก่อน ไม่อย่างนั้นคงไม่คิดที่จะกลับมาง่าย ๆ ล่ะสิ มณฑาแหย่ และยิ้มให้เขมินท์ที่ดึงมือหลานสาวเธอให้ไปนั่งฝั่งเดียวกับเขา ทั้ง ๆ ที่ปกติหลานสาวจะนั่งฝั่งเดียวกับเธอ เอ่อ สบายดีแล้วค่ะ ข้าวก็กะว่าจะกลับวันนี้พอดีนะคะ เธอรีบแก้ตัว
เป็นไงเราไปเจอแสงสีเข้าหน่อย หน้าตาสดใสมาเชียวนะ เล่าให้แม่ป้าฟังบ้างสิว่าไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง และไม่ต้องมาบอกแม่ป้านะ ว่าไปเฝ้าหนูเจนแค่นั้น แม่ป้ารู้หมดแล้วว่าหนูเจนไม่ได้เป็นอะไร เรานี่ไม่ไหวจริง ๆ เลย จะโทรมาบอกแม่ป้าหน่อยก็ไม่ได้ ปล่อยให้แม่ป้าห่วงแทบแย่ จนต้องให้พี่เขาไปดูแทน
มณฑาถามและดักคอหลานสาวถูก เพราะเจนจิราโทรมาบอกเอาไว้ตั้งแต่วันแรกที่เธอไปถึงว่าไม่ได้ป่วยอะไร และจะพาเธอเที่ยวก่อนจึงจะปล่อยให้กลับ แต่รอหลานรักตั้งหลายวันไม่ยอมกลับบ้าน จนต้องให้เขมินท์ไปตาม เพราะมณฑารู้ดีว่าหลานสาวจะต้องไปปล่อยแก่แน่ ๆ เพราะห่างหายจากแสงสีมานาน
เอ่อ ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะแม่ป้า หิวจังเลยคุณแต๋น หญิงสาวเลี่ยงที่จะไม่พูดอะไร จึงรีบจัดการกับอาหารที่แต๋นเพิ่งจะยกมาให้ตรงหน้า ส่วนเขมินท์นั้นก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรมากไปกว่าการตั้งหน้ากินข้าวต้มกุ้งเช่นกัน รอยยิ้มที่ออกอาการเอียงอายเกิดขึ้นที่ใบหน้าขาวเนียนของเธอ เมื่อเขาตักกุ้งจากชามตัวเองให้เธอหน้าตาเฉยพร้อมกับยิ้มหวาน ๆ ให้ เขมได้แต่ชำเลืองมองหน้าลูกชายด้วยความแปลกใจ แต่ก็ไม่พูดอะไร นอกจากหันไปมองภรรยา และก็พบหน้าที่ทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ของเธอแทน
ข้าวไปกันเถอะ เขมินท์บอกเมื่ออาหารเช้าเสร็จสิ้นไป จะพาน้องไปไหนเจ้าน้ำ เขมถามในที่สุด ผมจะพาข้าวไปดูร้านครับ ตั้งแต่มาเพิ่งจะเคยไปดูแค่ครั้งเดียวเอง เขาบอกพ่อ แต่มือนั้นดึงเอามือเธอไปกุมรออยู่ก่อนแล้ว ไปร้านเหรอ จริงสิ ฉันอยากจะกินกาแฟสดด้วย เธอนึกขึ้นได้ เพราะเคยได้ลองแล้วครั้งหนึ่ง
งั้นไปกันเถอะ เขาบอกและจูงมือเธอไป เจ้าน้ำ ไม่เอาแต๋นไปด้วยเหรอ เขมถามจนเขาต้องหยุดเดินแล้วหันมาหาพ่อ ไม่ต้องแล้วครับพ่อ เขาตอบพ่อหน้าตาเฉย แต่พ่อว่าเอาแต๋นไปดีกว่านะ แต๋นเอ้ย ๆ ไปเป็นเพื่อนคุณข้าวหน่อย แล้วค่อยกลับมาทำงานต่อ เขมบอกเป็นเชิงสั่ง และก็ส่งเสียงเรียกแต๋นให้ออกมาจากครัว
ผมไปนะครับ เขาบอกพ่อเมื่อแต๋นเดินออกมา อะฮืมม เจ้าน้ำ.... เขมกระแอมออกมาดัง ๆ และเรียกชื่อลูกชายด้วยน้ำเสียงที่ยานกว่าปกติ และมองไปยังมือลูกชาย จนเขาต้องค่อย ๆ ปล่อยมือเธอ แล้วก็เดินนำลงบ้านไป ทำให้มณฑาหัวเราะออกมาเมื่อทั้งหมดไปแล้ว คุณคอยให้ท้ายเจ้าน้ำมันมาก ๆ เหอะ เกิดมีอะไรมาผมไม่รู้ด้วยนะ เขาต่อว่าภรรยา อ้าว ก็ไหนคุณบอกฉันว่าลูกคุณเป็นสุภาพบุรุษไงคะ เธอแย้ง แหม...คุณมณบางครั้งความพลั้งเผลอมันก็อยู่เหนือคำว่าสุภาพบุรุษนะ ผมยังไม่อยากให้อะไร ๆ มันไม่ถูกต้องและไม่เป็นไปตามทำนองครองธรรม ต้องปราม ๆ มันเอาไว้หน่อย เขมบอกและยิ้มให้ภรรยา
ถึงร้านแล้ว ไปกันเถอะ แต๋นถ้าจะไปหาไข่ก็ได้นะ มันจะเดินอยู่แถว ๆ โน้นนั่นล่ะ เขมินท์บอกเมื่อนำรถไปจอดไว้หน้าร้านแล้ว และดึงเอามือถือไปครองเอาไว้ ก่อนจะพาเธอเดินไปในร้าน ทิ้งให้แต๋นมองตามเจ้านายไปด้วยรอยยิ้ม พนักงานในร้านต่างมองเจ้านายหนุ่มเป็นตาเดียวกัน เพราะจู่ ๆ ก็เดินจูงมือสาวสวยที่ทุก ๆ คนในร้านไม่มีใครไม่รู้จักเธอ แต่ส่วนเธอนั้นไม่รู้จักใครเอาซะเลย
ปล่อยมือฉันก่อนสิคะ คนมองกันหมดแล้ว เธอบอกด้วยความอาย เพราะถูกคนจ้องมองแทบไม่วางตา ช่างประไรอยู่เฉย ๆ สิ ไม่ต้องสนใจ เดี๋ยวเด็ก ๆ พวกนี้ก็เลิกมองเอง นี่มาดูสิว่าข้าวของคุณขายอยู่ในร้านผมด้วยนะ แล้วนี่ก็น้ำส้มคั้นใหม่ ๆ ด้วย ที่คุณกินอยู่ที่บ้านไง ผมจะให้คนยกไปให้คุณที่ออฟฟิศนะ ไปข้างในกันเถอะ เขาบอกและจูงมือเธอไปในออฟฟิศแล้วก็ปิดประตูเอาไว้ จนสาว ๆ ที่ออฟฟิศ พากันมองตากันปริบ ๆ เพราะตั้งแต่ทำงานที่นี่มา เจ้านายหนุ่มยังไม่เคยพาใครเข้ามาในออฟฟิศเลยสักครั้ง
ปล่อยค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า เธอรีบห้ามเมื่อทันทีที่ประตูปิดลง ตัวเธอก็ปลิวไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้ว ใครจะมาเห็นนี่ห้องทำงานส่วนตัวของผม ไม่มีใครกล้าเข้ามาหรอก คิดถึงจังเลย ขอหอมทีนะ เขาบอกแล้วก็หอมไปที่แก้มเธอด้วยความเร็ว จนเธอตั้งตัวไม่ทัน นั่งรอตรงนี้นะ ผมทำงานแป๊บเดียว แล้วจะพาไปเที่ยว เขาบอกก่อนจะส่งให้เธอไปนั่งที่ชุดรับแขก ส่วนตัวเขานั้นต้องรีบเคลียร์งานให้เสร็จ เพราะหายไปหลายวันแล้ว
น้ำส่มค่ะคุณเข่า ของอ้ายน้ำกะตั้งไว่หนี่เด้อจ้า เด็กยกน้ำส้มเข้ามาในห้องให้เธอ (น้ำส้มค่ะคุณข้าว ของพี่น้ำก็ตั้งไว้ตรงนี้นะคะ) ขอบคุณหลาย ๆ เด้อ เธอส่งภาษาอีสานให้เด็กบ้าง ทำให้คนฟังหัวเราะออกมากับสำเนียงที่เพี้ยน ๆ แต่น่ารักไปอีกแบบ หัวเราะฉันทำไม เธอว่าเขา เปล๊า รีบกิน ๆ นะเดี๋ยวน้ำส้มหายเย็นจะไม่อร่อย เขาบอกและหันไปสนใจกับงานต่อ แล้วเขารู้จักชื่อฉันด้วยเหรอ เธอถามขึ้นเพราะสงสัยเมื่อเด็กออกไปจากห้องแล้ว แหม คุณเข่าครับ คุณหน่ะออกจะ popular ใครไม่รู้จักคุณก็เชยแย่แล้วล่ะ นี่ถ้าให้ผมเดานะป่านนี้คุณคงจะโดนเม้าส์แหลกไปแล้วล่ะ เขาหันมาบอกและยิ้มด้วยความขำ เมื่อจิตนาการหน้าลูกน้องแต่ละคนออก เม้าส์เรื่องอะไร ฉันไม่ได้ทำอะไรให้ใครเดือดร้อนซักหน่อย เธอว่า
ไม่ได้ทำแต่คุณถูกผมทำไง ขอผมทำงานก่อนนะ เดี๋ยวไม่เสร็จ เขาตัดบทแล้วก็หันไปหางาน แล้วคุณมาทำอะไรฉันล่ะ เขาถึงจะได้เม้าส์ฉันได้ หรือว่าคุณไปพูดอะไร.... เธออดคิดไม่ได้ นี่คุณข้าวครับ ผมหน่ะลูกผู้ชายมากพอนะ จูบใครแล้วไม่เคยเอาไปเล่าต่อ ขอผมทำงานก่อนค่อยคุยนะ เขาบอก บ้า คนบ้า พูดออกมาได้ เธอแหว นี่ถ้าคุณไม่หยุดชวนผมคุยก่อนนะ ผมจะเปลี่ยนจากนั่งทำงานอยู่ตรงนี้ เป็นไปนั่งจูบคุณอยู่ตรงนั้นแทน ตกลงมั้ย เขาหันมาบอกเธอและทำสีหน้าเอาจริง จนเธอต้องเงียบปากเอาไว้ และดูหนังสือแฟชั่นที่วางไว้ตรงโต๊ะแทน เขาได้แต่แอบมองและยิ้มให้เธอก่อนจะสนใจกับงานจริง ๆ
ปะไปกันได้แล้ว เขาบอกเมื่อเสร็จงานแล้ว และเดินมาดึงเอามือเธอให้ลุกขึ้น ไปไหน ไปเที่ยวดูของนิดหน่อย แล้วก็จะส่งกลับบ้านด้วยความปลอดภัย เขาบอก แต่ก่อนไปต้อง นี่แหน่ะโทษฐานที่ อะไรดีน้า....เอาเป็นว่าไม่มีโทษอะไรก็แล้วกัน กอดและหอมเฉย ๆ เผื่อออกไปแล้วหาโอกาสไม่ได้ เขากอดและหอมแก้มเธอดื้อ ๆ และดึงมือเธอไปอย่างนั้น โดยไม่ปล่อยให้เธอได้ว่าเขาเลยสักคำเดียว พนักงานต่างพากันมองตามเขาเป็นตาเดียวกันอีกแล้ว โอ๊ย อ้ายน้ำข่อย คือสิบ่รอดแล่วล่ะน้อ ฮือ ๆ ข่อยอยากเป็นคุณเข่าเด้ จั๊งแมนโซคดีคักอีหลี เสียงของสาวบัญชีพูดตามหลังเจ้านาย จนทำให้คนอีกสองคนต่างพากันทำหน้าละห้อยไปด้วย (โอ๊ย พี่น้ำของฉัน สงสัยจะไม่รอดแล้วล่ะคราวนี้ ฮือ ๆ ฉันอยากจะเป็นคุณข้าวจั้งเลย ทำไมโชคดีอย่างนี้)
พี่น้ำ ตรวจร้านอยู่เหรอคะ คุณข้าวก็มาด้วยเหรอคะ สมิตาร้องเรียกเขาเมื่อเดินเข้ามาในร้าน ก็พบเขาเดินดูอะไร ๆ ไปเรื่อย ๆ และมีมือของภรัณยาตามไปในทุก ๆ ที่ คุณโอ๊ะ มาซื้อของเหรอคะ เธอหันมาถาม และพยายามจะดึงมือออกจากมือเขา แต่อีกฝ่ายไม่ยอมยังคงกุมมือเธอเอาไว้อย่างนั้น
น้องโอ๊ะมาซื้ออะไรครับ เขาถามและยิ้มให้เธอ อ๋อ พอดีแวะมาดูข้าวสารให้คุณแม่ค่ะ เห็นของสด ๆ ก็เลยเดินดูหน่อย มีของสด ๆ ที่กำลังแพ็คก็มีนะครับ น้องโอ๊ะจะไปดูกับพี่มั้ย ไปกันเถอะคุณ เขาถามไปอย่างนั้น แทบจะไม่ต้องการคำตอบเลย แล้วก็ดึงเอามือของอีกคนเดินออกไปจากร้าน และตรงไปด้านหลังที่คนงานกำลังแพ็คของอยู่ สมิตาตัดสินใจตามไป ทั้ง ๆ ที่แทบจะทนเห็นภาพตรงหน้าไม่ได้ แต่เพื่อให้แน่ใจอะไรบางอย่างเธอจึงต้องไป
ขับรถดี ๆ นะครับน้องโอ๊ะ เขมินท์บอกเมื่อสมิตาขึ้นรถเตรียมกลับบ้าน งั้นเราก็ไปกันเถอะ เขาบอกแล้วก็ดึงมือเธอไปที่รถ เดี๋ยวสิคะ ไม่รอรับแต๋นไปด้วยเหรอ เธอถาม ไม่ต้องหรอก แต๋นจะรอเราอยู่ที่นี่ ไปได้แล้ว เขาเปิดประตูรถให้เธอ ก่อนจะนำรถออกไป และหันหน้าเข้าเมืองแทนกลับบ้าน สักพักเขาก็พารถมาจอดไว้ในวัด ที่ภรัณยาจำได้ว่าเคยมาตอนสงกรานต์แล้ว
ไปไหว้พระกัน เขาบอก และเดินนำเธอไป แต่ไม่ได้จูงมือเหมือนเคย คุณมาอยู่นี่ตั้งนานแล้ว ผมยังไม่เคยพามากราบหลวงพ่อพระใสสักครั้ง ตอนสงกรานต์ก็ไม่ได้เข้ามากราบท่าน คุณรู้มั้ยว่าหลวงพ่อท่านเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่คนที่นี่นับถือกันมาก คุณต้องการอะไรก็ขอจากท่านสิ เขาว่ากันว่าได้กันทุกคน แต่ต้องกลับไปทำความต้องการของเราด้วยนะ ไม่ใช่รอให้ท่านเสกให้ มาผมจะพาขอท่านเอง เขาบอกเมื่อพาเธอมานั่งอยู่ตรงหน้าหลวงพ่อพระใสซึ่งพระพุทธรูปขัดสมาธิราบ ปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสีสุกงดงามมาก โดยทุกปีในวันเพ็ญกลางเดือน ๗ ชาวหนองคายจะมีงานประเพณีบุญบั้งไฟบูชาพระใสที่วัดโพธิ์ชัยเป็นประจำ
เหรอคะ เธอรับคำและพนมมือขึ้นแล้วอธิฐานตามเขา คุณอยากรู้มั้ยว่าผมขออะไรจากท่าน เขาถามเมื่อเขานำรถพ้นเขตวัด และดึงมือเธอไปกุมเอาไว้ไม่ยอมวาง หญิงสาวได้แต่ยิ้มหวาน ๆ ให้เขา แต่ไม่ว่าอะไร เพราะเธอเองก็สุขใจไม่น้อยที่ได้อยู่ใกล้ ๆ กับเขา ไม่อยากรู้ค่ะ เธอตอบดื้อ ๆ ว้า แต่ไม่เป็นไร เอาไว้ค่อยบอกทีหลังก็ได้ คุณหิวหรือยัง กินอะไรก่อนค่อยกลับบ้านดีมั้ย เขาถาม กลับไปกินที่บ้านเถอะค่ะ แม่ป้าคงจะรอ เดี๋ยวคุณลุงดุเอา เธอยังห่วงเพราะเห็นเมื่อเช้าคุณลุงไม่ค่อยชอบนัก
กลับมาแล้วเหรอยายโอ๊ะ แล้วพี่เรากลับมาด้วยกันหรือเปล่า นาถยาถามลูกสาว เมื่อเลยเวลากลับของลูกทั้งสองแล้ว ไม่เห็นนี่คะคุณแม่ โอ๊ะทำงานอยู่ที่โน่น พี่อ่องทำงานอยู่ในเมือง แล้วโอ๊ะจะไปเห็นได้ยังไงคะ เอาใหญ่แล้วนะพี่เรา สงสัยแม่จะต้องรีบหากฤษ์แต่งงานเอาไว้ให้แล้วล่ะ ออกพรรษาเมื่อไหร่จะจับแต่งงานทันที ขืนปล่อยเอาไว้นะ อีกหน่อยคงจะไปคว้าเอาผู้หญิงข้างทางมาเป็นสะใภ้แม่อีกแน่ ๆ เลย หรือคุณว่ายังไงคะ นาถยาหันไปหาสามีที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ใกล้ ๆ
แล้วแต่คุณเถอะ ผมยังไงก็ได้ ก็ดีเหมือนกัน เดี๋ยวจะเข้าหน้าท่านผู้ว่าฯ ไม่ติดเอา เขาหันมาหาภรรยา โน่นค่ะ มาแล้ว สมิตาบอก เมื่อได้ยินเสียงรถพี่ชายเข้ามาจอด ตายยากจริง ๆ เลย นาถยาบ่นลูก โอ้โห อยู่กันพร้อมหน้าเลย แล้วทำหน้าเครียด ๆ แบบนี้ แปลว่ายายโอ๊ะกำลังจะมีคนมาขอ ไม่ต้องขึ้นคานแล้ว ดนัยแซวน้องสาวทันทีที่ร่างพ้นประตูบ้านมา พี่อ่องคงจะขายออกก่อนโอ๊ะมั้งคะ สมิตาบอกพี่ชายยิ้ม ๆ เมื่อเขาทรุดตัวลงนั่งใกล้ ๆ ไปไหนมาตาอ่อง ผมไปทำงานมา เสร็จแล้วก็ไปกินข้าว แล้วก็เลยดูหนังด้วยครับ
คนเดียวเหรอ เอ่อ... เขาทำท่าอึกอัก นี่ตาอ่อง แม่ขอบอกแกไว้ตรงนี้เลยนะว่า แม่จะให้พระดูกฤษ์แต่งงานของแกกับหนูเฟิร์นแล้ว ทันทีที่ออกพรรษาแกจะต้องแต่งงาน ตกลงมั้ย ถ้าไม่ตกลงแกก็เตรียมตัวย้ายไปอยู่บ้านพักข้าราชการ หรือไม่ก็ไปเช่าอยู่ที่อื่น ไม่ต้องมาเหยียบบ้านนี้อีก และไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่ด้วย นาถยายื่นคำขาด อุย คุณแม่ครับ ใจเย็น ๆ สิครับไปกินรังแตนมาจากไหนครับเนี๊ยะ ยายโอ๊ะไปทำอะไรให้คุณแม่โมโหหรือเปล่า ถึงได้มาลงที่พี่ เอ๊ะ หรือว่าคุณพ่อไปแอบมีอีหนูครับ เขาถามด้วยความอารมณ์ดี พี่อ่องหน่ะสิไปทำให้แม่อารมณ์เสีย ไม่ยอมเอาใจน้องเฟิร์นเลย โธ่เอ้ย คิดว่าเรื่องอะไร เมื่อวานผมก็พาไปเที่ยว ไปดูหนังแล้วนี่ครับคุณแม่ เราสองคนยังอยากไปเรื่อย ๆ นะครับ ไม่ได้รีบร้อนอะไร เราเข้าใจกันดีครับ ขอดู ๆ กันไปก่อนดีกว่า ผมยังไม่อยากจะรีบร้อนไปไหน เรื่องอย่างนี้มันละเอียดอ่อนนะครับแม่ จริงมั้ยครับคุณพ่อ เขาบอก
แต่แม่ว่าแกควรจะแต่งงานได้แล้ว พรุ่งนี้แม่จะไปคุยกับคุณนายท่านเลย นาถยาบอกด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด คุณพ่อครับ ช่วยผมหน่อยสิครับ เขาหันไปหาพ่อเพื่อหวังให้ช่วย แต่พ่อว่าแม่เราทำถูกแล้วนะ ไหน ๆ ก็จะแต่งกันอยู่แล้ว จะรออะไรล่ะ เรียนจบและทำงานกันทั้งสองคนแล้ว โธ่คุณพ่อก็ ไม่ยอมช่วยผมเลย ยายโอ๊ะช่วยพี่หน่อย เขาหันไปหาน้องสาวแทน ได้โอ๊ะจะช่วย แต่จะช่วยเตรียมงานแต่งให้นะ ไปก่อนดีกว่าจะไปลิสว่าจะต้องทำอะไรก่อน สมิตาบอกแล้วก็รีบขึ้นไปด้านบนทันที เพราะอยากจะแกล้งพี่ชายที่เจ้าชู้บ้าง
สมิตาละสายตาจากรายงานของเด็กนักเรียนเมื่อเริ่มรู้สึกเมื่อยขึ้นมา หญิงสาวหันไปมองนาฬิกาพบว่าจะเที่ยงคืนแล้ว แต่เธอก็ยังไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด อาจจะเป็นเพราะภาพของเขาและภรัณยาวันนั้นยังติดตาอยู่ก็เป็นได้ แล้วเธอก็กระจ่างแก่ใจแล้วว่าอะไรเป็นอะไร เมื่อเห็นเขมินท์ที่ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็จะมีมือของภรัณยาติดไปด้วย โดยที่เขาไม่ได้สนใจกับสายตาของพนักงานที่มองเลยแม้แต่น้อย
ซึ่งผิดกับเมื่อก่อนมาก สมิตาไม่เคยเห็นเขาพาภรัณยามาที่ร้านนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว และเขาก็ไม่เคยที่จะแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของภรัณยาเลยเวลาที่อยู่ต่อผู้คน แม้เวลาที่เขาโกรธมาก ๆ เหมือนวันงานบุญ แต่เขาก็ไม่แม้แต่จะแตะเนื้อต้องตัวภรัณยาเลย รูปในลิ้นชักถูกดึงออกมาอย่างช้า ๆ หญิงสาวมองรูปเจ้าของหัวใจของเธอด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวด
ถ้าย้อนเวลาได้ เธอคงจะไม่ไปเรียนต่อเมืองนอก แล้วเอาเวลานั้นมาอยู่ใกล้ ๆ เขาให้มาก ๆ เขาอาจจะตกลงปลงใจกับเธอก่อนที่ภรัณยาจะย้ายมาก็เป็นได้ แต่มันจะหาประโยชน์อะไรได้อีก ในเมื่อตอนนี้หัวใจของเขาแทบจะไม่มีเธออยู่ในนั้นอีกแล้ว หรืออาจจะไม่เคยมีเธอเลยก็เป็นได้ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เธอไม่อยากจะเชื่อ เพราะด้วยหน้าตา ฐานะทางสัมคม การศึกษา และอะไร ๆ อีกหลาย ๆ อย่างของตัวเอง หญิงสาวมั่นใจว่าไม่เป็นรองใคร
พี่น้ำคะ โอ๊ะรักพี่น้ำค่ะ รักมาก และรักมานานแล้ว จะมีทางมั้ยคะที่โอ๊ะจะทำให้พี่น้ำหันกลับมารักโอ๊ะ และมองโอ๊ะเหมือนเมื่อก่อน เพราะตั้งแต่มีคุณข้าวก้าวเข้ามา พี่น้ำก็ไม่สนใจโอ๊ะเลย ขอโอกาสให้โอ๊ะบ้างได้มั้ยคะพี่น้ำ เธอพร่ำถามกับเจ้าของรูปอยู่อย่างนั้น แล้วน้ำตามันก็ไหลรินออกมาด้วยความเจ็บปวดเป็นที่สุด ที่ในใจคิดว่าจะต้องเสียเขาไปให้คนอื่นในอีกไม่ช้า ไม่ค่ะ โอ๊ะจะไม่ยอมเสียพี่น้ำไปให้ใครเด็ดขาด โอ๊ะรักพี่น้ำ โอ๊ะจะทำให้เราได้อยู่ด้วยกัน โอ๊ะจะไม่ยอมให้คนที่มาทีหลังได้พี่น้ำไปครอบครองเด็ดขาด พี่น้ำต้องเป็นของโอ๊ะคนเดียวเท่านั้น เธอให้สัญญากับตัวเองเอาไว้ แล้วก็นั่งครุ่นคิดอะไร ๆ ไปเรื่อยเปื่อย จนได้ข้อสรุปอะไรบางอย่างจึงละทิ้งกองรายงานของเด็ก ๆ แล้วไปล้มตัวลงนอนเมื่อเริ่มรู้สึกว่าง่วง
|
Create Date : 12 พฤศจิกายน 2551 |
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2551 10:39:17 น. |
|
0 comments
|
Counter : 400 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|