Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
31 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

ร้อยรวงใจ ๔๑ (ธัญรัตน์)




ตกกลางคืนก็มีมหรสพที่คุณลุงและผู้ใหญ่ของหมู่บ้านจัดจ้างมา เอาไว้ให้ชาวบ้านได้สนุกสนานกันอย่างยิ่งใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกของภรัณยาจริง ๆ เลย ที่ได้มีโอกาสมาเที่ยวงานวัดที่เป็นไปตามขนบธรรมเนียมประเพณีจริง ๆ ผู้คนต่างหลั่งไหลเข้ามาเอาเสื่อไปปูจับจองพื้นที่เอาไว้ เพื่อจะรอนั่งดูการแสดงหมอลำคณะที่โด่งดังที่สุดในตอนนี้ อันนี้แต๋นกับไข่บอกเธอ เพราะทั้งคู่จะชื่นชอบหมอลำไม่น้อย ป้าหวางกับลุงคำด้วย คุณลุงบอกเธอว่าใช้เงินจ้างมาตั้งเป็นแสน ๆ

ดนัยยังคงพาเธอเดินเที่ยวชมงานตั้งแต่หัวค่ำแล้ว โดยมีป้าหวางมาทำหน้าที่เป็นผู้ติดตามเธอแทนแต๋น ที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเดินไปดูร้านอะไรกับไข่แล้ว ส่วนเขมินท์นั้นก็มีสมิตาคอยอยู่ใกล้ ๆ และเดินดูร้านค้าไม่ห่างจากเธอนัก แล้วเธอก็จะเห็นเพลินพิศที่คอยเดินแวะเวียนเข้าไปเกาะแกะเขาเป็นพัก ๆ ตั้งแต่เริ่มเข้ามาเที่ยวงานแล้ว เป็นเหตุให้สมิตาไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ได้แค่ยิ้มให้เพลินพิศ เพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไงได้ ส่วนเขาก็ได้แต่ยิ้มให้คนทั้งสองอย่างนั้น

ภรัณยาออกจะแปลกใจและน้อยใจอยู่ลึก ๆ ที่เห็นเขายอมเดินชมงานสองต่อสองกับสมิตา แต่กับเธอนั้นเขาไม่เคยเลยสักครั้ง จะไปไหน ๆ ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืนก็ตาม ถ้าเป็นไปได้เขาจะหิ้วแต๋นหรือป้าหวางไปด้วยทุกครั้ง เวลาอยู่ต่อหน้าผู้คนมาก ๆ เขาก็ไม่เคยที่จะมาพูดคุยกับเธอเลยสักครั้งเดียว ตรงกันข้ามกลับทำเป็นเมิน ๆ ด้วยซ้ำ จะมีพอได้ชื่นใจอยู่บ้างก็เมื่อกลางวันนี้ ที่เธอแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขากำลังปกป้องเธอต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก

ซึ่งเธอก็อยากจะเข้าข้างตัวเองอีกว่าที่เขาทำแบบนั้นก็เพราะเขา “หวง” เธอ แต่จนแล้วจนรอดกับภาพเขาและสมิตาในตอนนี้ คำว่า “หวง” กลับลดระดับลงมาเป็น “ห่วง” แทน หญิงสาวรู้สึกหมดสนุกอยู่แค่ตรงนั้น และก็อยากจะกลับบ้านในทันที แต่ก็สงสารป้าหวางเหลือเกินที่อยากจะดูหมอลำคณะโปรดของแก

“คุณอ่องคะเราไปนั่งรอดูหมอลำดีกว่าค่ะใกล้จะออกเล่นแล้ว ไปค่ะป้าหวาง”
เธอบอกแล้วก็เดินนำป้าหวางไปยังเสื่อที่ปูทิ้งเอาไว้ โดยมีลุงคำและหลานน้อยที่หลับอยู่บนตักแกนั่งรออยู่ตั้งแต่หัวค่ำแล้ว ไม่นานทั้งเขมินท์และทุก ๆ คนก็ตามมานั่งใกล้ ๆ เธอ และก็ดูหมอลำคณะโปรดของป้าหวางแสดง ผู้คนมากมายที่มาดูหมอลำคณะดังปูเสื่อนั่งจนแทบจะล้นลานวัด พวกเขาต่างพากันส่งเสียงหัวเราะด้วยความสนุกสนานเมื่อการแสดงหมอลำเริ่มขึ้น แต่สำหรับเธอนั้น ด้วยความที่ฟังภาษาอีสานไม่แตกฉานสักเท่าไหร่ ก็เลยจะขำน้อยหน่อย และจะขำทีหลังเพื่อนบ้าง เมื่อรู้ความหมายจากแต๋นที่แปลให้ทีหลัง

เวลาเกือบเที่ยงคืนแล้วเธออยากจะกลับบ้านเต็มที เพราะเหนื่อยมาทั้งวัน แต่แต๋น กับป้าหวางยังคงอินกับหมอลำที่กำลังแสดงอยู่ตอนนี้ ซึ่งแต๋นบอกว่าเป็นการแสดงลำเรื่องต่อกลอนซึ่งกว่าจะจบก็ยันสว่างเลยทีเดียว และเธอก็ไม่เข้าใจภาษาที่หมอลำ ลำแล้วโดยสิ้นเชิง จึงทำให้ง่วงและอยากจะกลับบ้านในเดี๋ยวนั้น แต่ก็หาทางออกแทบจะไม่มีเลย ดนัยและสมิตาเองเธอก็เดาเอาว่าทั้งสองก็คงง่วงและอยากจะกลับไม่แพ้เธอเลย

“คุณข้าวกลับบ้านมั้ยคะแต๋นกับพี่ไข่จะไปส่งก่อน”
แต๋นหันมาเห็นเจ้านายสาวที่หาวนอนติด ๆ กันจึงเอ่ยถาม แล้วทั้งหมดก็แหวกฝูงชนออกมาปล่อยให้ป้าหวางกับลุงคำเฝ้าเสื่ออยู่อย่างนั้น เพราะแต๋นกับไข่จะกลับมาดูต่อ ทั้งหมดตรงไปยังบ้านเขมินท์ เพราะรถดนัยจอดอยู่ที่นั่น และที่สำคัญที่สุดวันนี้ภรัณยาจะต้องนอนที่บ้านเขาแทน เพราะไม่มีใครอยู่บ้านเลยสักคน

ดนัยกับสมิตากลับไปทันทีที่มาถึง แม่ป้ากับคุณลุงก็คงจะหลับกันหมดแล้ว เพราะในห้องปิดไฟไปแล้ว แต๋นจะต้องจัดแจงหาข้าวของให้เธออาบน้ำ และอยู่ส่งให้เธอไปนอนที่ห้องนอนแขกให้เรียบร้อยก่อน ๆ ที่จะกลับไปวัด หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่แล้ว ภรัณยารู้สึกหิวขึ้นมาตงิด ๆ เพราะวันทั้งวันได้แต่ต้อนรับแขกจนอิ่มแทนข้าว หญิงสาวค่อย ๆ เปิดประตูห้องออกมา ไฟที่ระเบียงหน้าบ้านเปิดไว้แค่ดวงเดียวเล็ก ๆ ทำให้พอมองเห็นเป็นเงา ๆ เธอจึงค่อย ๆ ย่องไปในครัวอย่างเงียบ ๆ

“อุ๊ย....”
ก่อนที่เธอจะทันได้ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ ที่จู่ ๆ ก็เจอเขาในครัว มือของเขารีบปิดปากเธอไว้ทันที เพราะไม่อยากจะให้เธอร้องออกมาจนคนในบ้านได้ยินและจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ทันที
“ผมจะเอามือออกถ้าคุณจะไม่ส่งเสียงดัง”
เขาค่อย ๆ กระซิบที่ข้าง ๆ หูเธอ แล้วก็ปล่อยมือเมื่อเธอพยักหน้ารับ
“คุณหิวเหมือนกันเหรอ ผมคิดว่าคุณจะอิ่มอกอิ่มใจจนกินอะไรไม่ลงซะอีก เพราะมีลูกชายนายอำเภอคอยเดินตามแทบจะทั้งวันทั้งคืน” เขาอดเหน็บเธอเบา ๆ ไม่ได้ เพราะภาพที่เธอเดินเคียงคู่กับดนัยทำให้เขาขุ่นเคืองไม่น้อย

“แล้วคุณล่ะไม่ได้อิ่มเหมือนกันหรอกเหรอ ที่มีลูกสาวนายอำเภอคอยเดินตามแทบจะทั้งวันทั้งคืนเหมือนกัน”
เธอย้อนคำพูดเขา และก็ก้าวขาจะเดินหนีจากครัว เพราะความหิวมันหมดไปแล้วตั้งแต่เจอหน้าเขา ด้วยภาพเขาและสมิตายังติดตาอยู่
“จะไปไหน กลับมานี่ก่อน ใครจะไปอิ่มอกอิ่มใจเท่าคุณล่ะ ที่วันนี้บริหารเสน่ห์จนเกือบได้เรื่อง ถ้าผมไปขวางไว้ไม่ทันป่านนี้คงจะ....” เขารั้งแขนเธอไว้และหยุดพูดเอาไว้แค่นั้น
“นี่คุณ เรื่องอะไรมาว่าฉัน แล้วทีคุณล่ะไม่ได้บริหารเสน่ห์รึไง เห็นมีทั้งไฮโซ และโลโซคอยตามแจ”
เธอตอบกลับทันควัน
“คุณหึงผมรึไง” เขาแค่ดึงมือให้ร่างเธอเข้ามาใกล้ ๆ เขาอีก แล้วก็ใช้มืออีกข้างดึงร่างของเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด
“นี่ปล่อยนะ ฉันจะฟ้องคุณลุงกับแม่ป้า” เธอดิ้นรนหาอิสระ

“จ้างให้ก็ไม่กลัว”
เขาบอกและก้มลงไปจุมพิตที่เรียวปากงามของเธอด้วยความรวดเร็ว จนหญิงสาวตั้งตัวไม่ทัน กำปั้นสองข้างของเธอถูกสั่งให้ทุบไปที่ไหล่ของเขา แต่ก็ทำได้ไม่กี่ครั้งเพราะมันหมดแรงลงไปแล้ว แถมมันยังเปลี่ยนเป็นไปลูบไล้ที่ไหล่เขาแทน เธอไม่รู้ว่าทำไมถึงได้สุขใจนักกับสัมผัสที่เขามอบให้ในตอนนี้ ทั้ง ๆ ที่ยังโกรธเขาอยู่

และมันก็ไม่ได้แตกต่างไปจากเขาเลย เรียวปากนุ่มนวล ยังคงถูกเขาตราตรึงเอาไว้ด้วยริมฝีปากของเขา ในใจก็ให้โกรธตัวเองเป็นที่สุด ที่เผลอทำแบบนี้กับเธออีกแล้ว ทั้ง ๆ ที่เขาพยายามจะบังคับใจเอาไว้แล้ว แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ต้องยอมแพ้ใจตัวเอง ตั้งแต่ที่ได้เห็นร่างเธอเดินเข้ามาในครัวด้วยเหตุผลเดียวกันกับเขาคือหิวนั่นเอง

“พี่น้ำปล่อยข้าวนะ”
คำนำหน้าของเขาที่ฟังดูคุ้นเคย เพราะมันได้ฝังอยู่ในส่วนลึก ๆ ในความทรงจำของเธอถูกเปล่งออกมา เมื่อเขาละจากเรียวปากไปควานหาความหอมของนวลแก้ม และเสียงของเธอก็เตือนสติของเขาได้เป็นอย่างดี เขาปล่อยพวงแก้มและเรียวปากเธอด้วยความเสียดาย แต่ยังคงโอบร่างเธอเอาไว้แนบอกอยู่แบบนั้น เพราะเขาช่างรู้สึกสุขใจนักที่ได้อยู่ใกล้ ๆ เธอ จนเขาไม่อยากจะปล่อยให้เธอหลุดลอยไปไหนอีกแล้ว

“ไม่ปล่อยเพราะข้าวดื้อกับพี่”
เขาบอกและมองเธอด้วยแววตาที่อ่อนหวาน และกับคำที่แทนตัวเองว่าพี่ และคำเรียกชื่อเธอเฉย ๆ แทนคำว่าคุณ ที่เขาคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กเช่นกัน มันทำให้เขารู้สึกว่าได้น้องสาวกลับคืนมาอีกครั้ง

“ปล่อยข้าว”
แต่เขาก็ต้องปล่อยมือเมื่อเธอดิ้นหาอิสระแล้วก็วิ่งตรงไปยังห้องนอนทันที รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏบนใบหน้าคมเข้มของเขาในเวลาต่อมา แล้วตัวเองก็เดินไปเอนตัวนอนลงที่เบาะที่จัดเอาไว้หน้าทีวี เพราะความหิวนั้นหมดไปแล้วเหมือนกัน สายตาเขายังคงจับจ้องไปที่ประตูห้องนอนเธออยู่อย่างนั้น แล้วภาพคืนวันเก่า ๆ ที่เขาเคยนั่งตักข้าวป้อนเธออยู่ ณ ที่ตรงนี้ เมื่อยี่สิบปีที่แล้วมันก็ผุดขึ้นมาในความทรงจำเขาอีก

“ภรัณยา เรืองวิไล ผม...เอ่อ...ผม...คุณ”
เขาละเอาไว้ในใจแค่นั้น ประหนึ่งว่ายังอยากจะรออะไร ๆ ให้มันแน่นอนกว่านี้อีกหน่อยก็ไม่ปาน แต่ไอ้ที่แน่นอนที่สุดในตอนนี้ก็คือ คะแนนของเธอพุ่งพรวดขึ้นไปที่เจ็ดสิบเข้าให้แล้ว
“เฮ้อ ไอ้น้ำเอ้ย” เขาได้แต่นอนเอามือก่ายหน้าผากอยู่ตรงนั้น

อาการที่นอนคว่ำ ๆ หงาย ๆ แล้วก็อีกร้อยแปดท่า เกิดขึ้นกับเธออีกแล้ว แต่คืนนี้ และในห้องนี้หาหนังสือให้เธออ่านสักเล่มก็ไม่มี หญิงสาวได้แต่นอนขดอยู่กับเตียงอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่ภาพและรสสัมผัสจากเขาเมื่อสักครู่นี้ยังคงโลดแล่นเข้ามาในความทรงจำไม่ส่างซา

“เฮ้อ ยายข้าวนะยายข้าว เธอปล่อยให้เขาจูบเธอไปสองครั้งแล้วนะ และเธอก็กลับมานอนสับสนอยู่แบบนี้อีกแล้ว เธออย่าบอกนะว่าเธอ...เขาให้แล้ว แล้วเขาล่ะคิดกับเธอแบบนี้มั้ย ไม่หรอกเขาไม่ได้คิดแบบนี้หรอก เขามีลูกนายอำเภอคอยตามแจขนาดนั้น ใครเขาจะมาคิดกับเธอ แถมยังมีน้องแอนอีกคนที่พร้อมจะพลีกายให้เขาทุกลมหายใจเข้าออกอีก

แต่ก็ช่างสิ จะไปแคร์ทำไม ก็ในเมื่อเธอออกจะสวยเลือกได้ขนาดนี้ จำไว้นะยายข้าวว่าเธอจะต้องไม่มาติดแหง็กอยู่ที่ท้องนาแห่งนี้ ไม่นะ เธอจะต้องท่องเอาไว้ เธอมีเรื่องที่จะต้องให้ทำอีกมากมาย เธอจะต้องกลับไปเอาคืนนายเจตน์ให้หนัก ๆ เธอจะต้องเจอผู้ชายอีกมากมายที่กรุงเทพฯ ที่มารอให้เธอเลือกไม่ซ้ำหน้า”

แล้วคำปลอบใจเหล่านี้ก็วนเวียนอยู่ในหัวเธอจนเผลอหลับไปในที่สุด ซึ่งก็พอ ๆ กับร่างใหญ่ ๆ ที่ปักหลักนอนอยู่ที่เบาะนั้นแล้วก็หลับไปทั้งอย่างนั้นเหมือนกัน



“ฝ่ายการตลาดมีโปรโมชั่นอะไรดี ๆ ที่จะดึงดูดใจลูกค้าได้บ้างมั้ย ผมอยากจะให้เทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงในปีนี้ เป็นช่วงเวลาทองของบริษัทเรา ฝ่ายไหนมีอะไรดี ๆ ก็ให้แนะนำมา”

เจตน์ถามพนักงานทุก ๆ คนในที่ประชุม ซึ่งอยู่กันอย่างพร้อมหน้า หากจะขาดก็แต่อุบล เลขาฯ ของเขาเท่านั้น ที่ใช้อภิสิทธิ์ไม่มาทำงานเกือบสองอาทิตย์แล้ว โดยที่ไม่ได้ติดต่อเขามาเลย ทำให้ปิยนุชต้องให้ผู้ช่วยมาทำงานแทน ทั้ง ๆ ที่ในใจนั้นอดหมั่นไส้เจตน์ไม่ได้ ที่ไม่ยอมจ้างเลขาฯ คนใหม่มาตามกฏของบริษัท ที่พนักงานหายไปโดยไม่ติดต่อเข้ามาเกินสามวัน ถือว่าพ้นสภาพการเป็นพนักงานไปแล้ว

“สงสัยจะรอให้ถึงสามเดือน หรือไม่ก็สามปีก่อนมั้ง” ปิยนุชเคยพูดประชดเขา แต่เขาก็ไม่ว่าอะไร

“ในฐานะที่เป็นฝ่ายตลาด ตอนนี้นุชกับทีมงานได้ช่วยกันจัดโปรโมชั่นไปเที่ยวทางภาคอีสานค่ะ ซึ่งก็จะไล่ไปตั้งแต่ขอนแก่น ไปสิ้นสุดที่หนองคาย ใครซื้อโปรแกรมทัวร์นี้ เราจะแถมด้วยการพาข้ามไปเที่ยวเวียงจันทร์ฟรี ๆ ค่ะ” ปิยนุชเสนอ
“โอยจะไหวหรือคุณนุช ข้ามไปลาวก็ใช้เงินไม่น้อยนะจะคุ้มเหรอ” นิติพรที่เป็นฝ่ายบัญชีแทรกทันที
“ค่าใช้จ่ายอาจจะแพงค่ะ แต่ว่ามันจะเป็นการจูงใจให้ลูกค้าเข้าไปในลาวก่อน และได้ซึมซับเอาประเพณีของคนที่ลาวไปด้วย เสร็จแล้วเราก็จะมีโปรแกรมนำเที่ยวหลวงพระบางเป็นรายการต่อไป เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่พักยาว ลูกค้าคนไหนใคร่จะซื้อทัวร์ไปต่อที่หลวงพระบางก็สามารถทำได้เลย โดยที่ไม่ต้องกลับเข้าประเทศไทยก่อน ตรงไปที่โน่นได้เลย”
ปิยนุชบอกด้วยความมั่นใจ ในโปรแกรมที่ตัวเองคิดเอาไว้

“อืม ผมว่าก็ไม่เลวเหมือนกันนะ แต่ผมว่าจัดเที่ยวที่หนองคายที่เดียวจะดีกว่ามั้ย เพราะมีที่เที่ยวเยอะเหมือนกัน เสร็จแล้วใครอยากจะข้ามไปฝั่งลาวก็จะได้ไม่เหนื่อยมาก หรือทุกคนว่ายังไงครับ”
เจตน์ถาม พร้อมกับรู้สึกชื่นชมปิยนุชในใจอยู่ลึก ๆ ที่ตอนนี้เริ่มจะพัฒนาฝีมือขึ้นมาได้อีกระดับหนึ่งแล้ว ก็นับว่าเขายังมีสายตาที่แหลมคมอยู่ ที่ให้เธอทำหน้าที่นี้
“ก็เข้าท่าเหมือนกันนะคะ เที่ยวน้อย ๆ ที่จะได้ไม่เหนื่อยมาก” นิติพรเห็นด้วย
“นี่เป็นเบรคดาวน์ของโปรแกรมนี้ค่ะ คุณนิติพรจะเอาไปดูตัวเลขใหม่ก็ได้ นุชทำตามที่นุชเข้าใจ อาจจะไม่ตรงตามหลักการบัญชีนักนะคะ แล้วถ้าทุกคนเห็นด้วยตามนี้ เราจะเริ่มโปรโมทโปรแกรมนี้ทันทีค่ะ” ปิยนุชตบท้าย

สายตาแทบจะทุก ๆ คู่จับจ้องไปยังอุบลที่เดินเฉิดฉายเข้ามาในออฟฟิศ โดยมีหนุ่มรูปงามที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไม่ใช่คนไทยแน่ ๆ อุบลเดินเกี่ยวแขนมากับชายหนุ่มด้วยท่าทางที่สนิทสนมจนจะเป็น “โอเวอร์” แล้วก็เดินผ่านห้องปิยนุชไป แต่อุบลก็ไม่วายหยุดยืนแล้วก็มองเข้าไปหาปิยนุชที่หันมามองอุบลพอดี

รอยยิ้มที่ออกจะเป็นการเยาะเย้ยของอุบลที่ส่งไปหาปิยนุชนั้น มันช่างยั่วอารมณ์เธอได้ไม่น้อย แล้วอุบลก็เดินตรงไปยังหน้าห้องทำงานของเจตน์ที่มีผู้ช่วยปิยนุชนั่งทำหน้าที่แทน

“พี่แมวไปไหนมาตั้งนาน คุณเจตน์โมโหใหญ่แล้วนะ”
ผู้ช่วยปิยนุชทักทายรุ่นพี่ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใด ๆ จากอุบลเลยแม้แต่น้อย เธอกลับหันไปหาหนุ่มต่างชาติที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พร้อม ๆ กับเขย่งเท้าขึ้นไปจุ๊บที่แก้มก่อนจะบอกให้รออยู่ตรงนั้น แล้วอุบลก็หันหน้าจะเดินเข้าห้องเจตน์ แต่เขาเดินออกมาพอดี
“ไปไหนมา รู้มั้ยว่ากฏบริษัทฯ มีไว้ว่ายังไง แล้วนี่พาใครมาด้วย”
เจตน์ถามด้วยเสียงที่ดุดัน และทำหน้าขรึมเมื่อเห็นชายต่างชาติยืนอยู่กับอุบล ทำให้เขาพอจะเดาอะไร ๆ ได้บ้างแล้ว
“คุณเจตน์คะ แมวขอแนะนำนะคะนี่ปีเตอร์ค่ะ เป็นนักธุระกิจนำเข้าไวน์ยีห้อดังจากทั่วทุกมุมโลก ไม่ต้องบอกก็คงพอจะเดาได้นะคะว่าเขาร่ำรวยมากแค่ไหน”
อุบลพูดด้วยเสียงที่ดัง ประหนึ่งอยากจะให้พนักงานทุกคนในออฟฟิศที่ต่างก็มองเธอเป็นตาเดียวกันรู้

“แล้วไง ฉันทำทัวร์ไม่ได้จะขายไวน์” เจตน์บอกแค่นั้น
“อุ๊ย มิได้ค่ะ ที่แมวมาในวันนี้ก็จะมาบอกว่า แมวขอลาออกจากการเป็นพนักงานที่นี่ค่ะ เพราะว่าแมวกำลังจะแต่งงานกับปีเตอร์ แล้วก็จะบินไปฮันนี่มูนทันที่ทีไร่องุ่นดังในแคว้นบอร์โดค่ะ นี่การ์ดแต่งงานของเรา ฝากแจกทุก ๆ คนด้วยนะคะ แมวเอามาเยอะ ที่มาบอกด้วยตัวเองนี่ก็เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ของเรานะคะ ก็เลยลงทุนมา”
อุบลบอกและยิ้มเยาะเย้ยเขาอยู่ตรงนั้น

“อ๋อ เหรอ ขอบใจนะที่มาบอก ไม่มีอะไรแล้วก็เชิญกลับไปได้ และฉันก็ขออวยพรให้เธอโชคดีกับหนทางใหม่ของเธอก็แล้วกัน อ้อ แล้วถ้าว่าง ๆ นี่ ช่วยไปหอบเอาข้าวของที่เธอเอาไปทิ้งไว้ที่ห้องฉันกลับไปให้หมดด้วย อันที่จริงฉันต้องขอบใจผู้ชายคนนี้ด้วยซ้ำ ที่มารับช่วงเธอไปจากฉันพอดี แหม กำลังคิด ๆ อยู่เหมือนกัน ว่าจะหาทางสลัดเธอให้หลุดไปจากชีวิตฉันยังไงดี โชคเข้าข้างจริง ๆ มีคนมาช่วยโดยที่ไม่ต้องเสียแรงเงินและแรงกายด้วยซ้ำ”
เจตน์บอกแล้วก็เดินจากไปด้วยใบหน้าที่เฉยเมยอย่างเห็นได้ชัด จนทำให้อุบลที่ตั้งใจว่าจะมาเยาะเย้ยเขากลับโมโหแทบจะคลั่งแทน ปิยนุชและพนักงาน ต่างพากันหัวเราะเยาะออกมา จนอุบลเกือบจะพาแฟนหนุ่มหนีหน้าออกมาแทบไม่ทัน

เหล้าที่บาร์ถูกเขารินใส่แก้วและผสมอย่างรวดเร็ว แล้วก็ยกดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว และเขาก็ทำแบบนี้อีกหลาย ๆ ครั้ง จนเริ่มรู้สึกมึน ๆ เขาค่อย ๆ ยกแก้วเหล้าขึ้นและมองไปที่มันอย่างช้า ๆ ประหนึ่งว่ากำลังจะชื่นชมมันก็ไม่ปาน

“เหล้า กี่วัน ๆ เหล้าก็ยังคงทำให้ฉันเมาได้ทุกครั้งที่ดื่มแกลงไป ไม่เหมือนกับพวกผู้หญิงที่แต่ละวัน เปลี่ยนอารมณ์เป็นร้อย ๆ ครั้ง สูบเงินเป็นหลาย ๆ กระสอบ พอไม่ให้หน่อยก็หาทางตีจากไปหาที่เกาะใหม่” เขาพูดกับตัวเองด้วยท่าทีที่เหนื่อยหน่ายเป็นที่สุด ไม่รู้ว่าเพราะอะไร จะเป็นเพราะการมาของอุบลวันนี้ เขาเองก็ตอบไม่ได้เต็มปากนัก

เพราะไม่ได้รู้สึกเสียใจและเสียดายหล่อนสักเท่าไหร่ และเขาเองก็รู้มาโดยตลอดเวลาว่า พอว่างเว้นจากการมาปรนิบัติเขา อุบลก็มีใครอีกหลาย ๆ คนคอยให้ไปปรนิบัติแทน ถึงแม้อุบลจะพยายามปิดไว้ก็ตาม แต่เขาไม่ใส่ใจเพราะไม่คิดที่จะจริงจังกับอุบลอยู่แล้ว แต่สำหรับปิยนุชนั้น จากอดีตสู่ปัจจุบัน เขาเห็นว่าเธอไม่มีใครนอกจากเขา เว้นแต่ว่าจะเป็นของเรื่องในอนาคต

ซึ่งเขาคิดว่าเธอคงไม่ทำแบบนั้น เพราะเขารู้ว่าเธอจะรักและหวังดีกับเขาไม่น้อยเลยทีเดียว และเขาก็ตอบแทนเธอให้สมกับที่เธอทำดีกับเขาด้วยเช่นกัน รวมไปถึงการเกื้อกูลครอบครัวของเธอด้วย เขาพาร่างที่เซนิด ๆ เดินไปล้มตัวลงนอนที่ห้องนอนโดยไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้น

ปิยนุชก้าวเข้ามาในคอนโด และเห็นเขานอนแผ่อยู่อย่างนั้น กลิ่นเหล้ายังคงคละคลุ้งไปทั้งห้อง เธอค่อย ๆ ดึงร่างที่หลับสนิทของเขาให้ขึ้นไปนอนบนเตียงสบาย ๆ แล้วก็เช็ดเนื้อเช็ดตัว และเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ให้เขาในเวลาไม่นานนัก ใบหน้าของเขาในเวลาที่หลับสนิทสร้างรอยยิ้มให้เธอได้เสมอมา

“คุณเจตน์คะ ตอนนี้คุณมีนุชคนเดียวแล้วนะคะ อย่าไปเก็บเอาใครที่ไหนมาให้รกสมองอีกนะ คนดีของนุช ไม่มีแม่คนนั้นคุณคงจะสบายหูขึ้นมาก ๆ เลยค่ะ นุชรักคุณนะคะ”
เธอรำพึงอยู่คนเดียว แล้วก็ก้มลงไปจุมพิตที่แก้มของเขา ก่อนที่ตัวเองจะเดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย แล้วก็มาล้มตัวลงนอนข้าง ๆ เขา









 

Create Date : 31 ตุลาคม 2551
0 comments
Last Update : 31 ตุลาคม 2551 11:57:25 น.
Counter : 481 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.