Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
10 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

ร้อยรวงใจ ๓๐ (ธัญรัตน์)




ร่างบาง ๆ นอนขดอยู่ใต้ผ้าห่มอย่างสบาย ถึงแม้เวลาที่นาฬิกาปลุกจะชี้ไปที่เลขสิบแล้วก็ตาม แต่เธอก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะดึงตัวออกจากผ้าห่มมาชื่นชมโลกภายนอกเลยแม้แต่น้อย ประหนึ่งว่าเธอไม่ได้หลับนอนติดต่อกันมาเป็นแรมปีเลยทีเดียว ไม่เว้นแม้แต่เจ้าไข่ตุ๋นที่นอนแหมะอยู่กับพื้นใต้เตียง มันเองก็กำลังหลับสบาย ๆ ไม่ต่างจากเจ้านายเลย

“คุณข้าว ๆ คุณข้าวคะตื่นค่ะ ตื่น ๆ ๆ ๆ เร็วเข้าค่ะ”
เสียงแต๋นร้องเข้ามาในห้องมือก็ทุบประตูจนจะพังเข้าไปข้างในได้อยู่แล้ว ร่างบางขยับไปมา แล้วก็หลับต่อ
“คุณข้าว ๆ ๆ ๆ ๆ เร็วค่ะ เรื่องด่วนค่ะ นางปวดท้องจะคลอดลูกค่ะช่วยพาไปโรงพยาบาลด้วยค่ะ” เสียงแต๋นดังเข้ามาอีก
“ฮ้า อะไรนะนางจะคลอดเหรอ” เธอได้ยินไม่ชัดจึงลุกขึ้นและรีบวิ่งไปเปิดประตู
“เร็วค่ะคุณข้าวไปแต่งตัวเร็วเข้านางมันปวดท้อง”
“จะคลอดเหรอ แล้วฉันจะต้องทำยังไงแต๋น แล้วต้องหาอะไร แล้วให้ทำอะไร แล้ว.....”
แล้วทั้งบ้านก็วุ่นวายแทบบ้านเปิง ต้นเหตุไม่ใช่เพราะเพราะคนปวดท้องแต่อย่างใด หากแต่เพราะคนที่จะพาไปต่างหากที่ออกจะตื่นเต้นจนเกินเหตุ

ถึงแม้นางจะถึงมือหมอแล้ว แต่เธอยังคงเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องคลอดอย่างนั้น เพราะความตื่นเต้น ด้วยร้อยวันพันปีก็ไม่เคยได้พาใครมาคลอดที่โรงพยาบาลสักที เวลาล่วงเลยไปแค่ชั่วโมงกว่า ๆ นางก็ถูกเข็นออกมาจากห้องคลอดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยนางได้ให้กำเนิดลูกสาว

ไม่ต้องบอกว่าใครจะตื่นเต้นมากประหนึ่งว่าได้ลูกเสียเอง ภรัณยาอยากจะเห็นหน้าเด็กน้อยจนทนแทบไม่ไหว แต่ก็ไม่สามารถไปดูได้ เธอและแต๋นจึงต้องกลับบ้านด้วยความผิดหวัง ปล่อยให้ป้าหวางเฝ้าลูกสะใภ้อยู่ที่โรงพยาบาลแค่คนเดียว พอกลับมาถึงบ้านก็เห็นลุงคำจัดแจงหาเตียงไม้ไผ่ขึ้นไปตั้งไว้บนบ้าน พร้อมกับทำบล๊อกสี่เหลี่ยมซึ่งใช้ต้นกล้วยเป็นแบบ ลุงคำก็ไปขุดดินมาถมจนเกือบจะเต็มบล๊อค แล้วแกก็หาฟืนมากองรวมกันเอาไว้ พร้อมกับหาถังน้ำที่ทำจากสังกะสี เอาเชือกผูกที่ห่วงของถัง แล้วก็แขวนลงมาจากขื่อให้ตรงกับกองฟืนพอดิบพอดี


“ลุงคำทำอะไรคะ” เธออดสงสัยไม่ได้
“โอ๋ ลุงสิเฮ็ดจี่ไฟไว้ไห่อีนางมันยูกรรมคับคุณเข่า” ลุงคำหันมาบอก
“ลุงคำกำลังจัดที่ให้นางเอาไว้อยู่ไฟค่ะคุณข้าว” แต๋นบอก
“โห ต้องทำขนาดนี้เลยเหรอคะ เฮ้อ เป็นผู้หญิงนี่ลำบากน้อ”
เธอทำท่าเซ็ง ๆ ก่อนจะเดินขึ้นบ้านตัวเอง เพราะตั้งแต่เช้ายังไม่ได้อาบน้ำเลย ด้วยความรีบจึงแค่ล้างหน้าแปลงฟันเท่านั้น

บ่ายวันรุ่งขึ้นนางถูกพากลับบ้านพร้อมกับลูกสาว จ่อยที่รู้ข่าวตั้งแต่เมื่อวานก็มาถึงตั้งแต่เช้าและตรงไปรับนางที่โรงพยาบาลด้วยความดีใจ แล้วไฟจาก “จี่ไฟ” ของลุงคำก็ถูกจุดลุกโชนขึ้นทันที ส่วนนางก็ถูกให้ไปนอนอยู่ที่เตียงไม้ข้าง ๆ จี่ไฟ มีกำหนดให้อยู่ไฟถึงสิบห้าวัน

“เฮ้อ ให้อยู่ไฟสิบห้าวัน กับอากาศ ๓๐-๓๔ องศา อย่างนี้นี่นะ ตาย ๆ ๆ ๆ” ภรัณยาอดที่จะสงสารนางไม่ได้จริง ๆ
“แตยูกรรมมันดีลิคุณเข่า มดลูกมันเข่าอูเร็วตัวจ้า คันคุณเข่ามีลูกกะสิได้ยูกรรมจั่งซี่ล่ะ” ป้าหวางบอก
(แต่อยู่ไฟมันดีนะคุณข้าว มดลูกเข้าอู่เร็วด้วย ถ้าคุณข้าวมีลูกก็จะได้อยู่ไฟแบบนี้ล่ะ)
“หึ ข้าวไม่เอาด้วยหรอก ร้อนจะตายไป คนกรุงเทพฯ ไม่เห็นเขาต้องอยู่ไฟเลย” เธอสั่นหัวไปมา
“เอ่อ ลุงคำคะอีกวันสองวันเราต้องให้ปุ๋ยข้าวแล้วใช่มั้ยคะ เดี๋ยวข้าวจะไปถามน้าน้ำของลุงคำก่อนว่าซื้อปุ๋ยที่ไหนที่ราคาไม่แพงมาก ต้องซื้อหลายเงินด้วยล่ะ”
เธอบอกลุงคำ เพราะถึงเวลาจะต้องให้ปุ๋ยข้าวเป็นการรองพื้น หลังจากที่ข้าวงอกได้เกือบเดือนแล้ว
“เอ้อ แมนยูคับลุงวาสิบอกคุณเข่ายูกะลืม ตอนหนี่น้ำกำลังพอดี คันถ่าโดนกัวนี่น้ำสิแห้งคันวานปุ๋ยไป่เข่ามันสิเหลืองแล่วกะตายกะได้” ลุงคำเหมือนนึกขึ้นได้ (เอ้อ ใช่ครับลุงว่าจะบอกคุณข้าวอยู่แต่ก็ลืม ตอนนี้น้ำกำลังพอดี ถ้ารอนานกว่านี้น้ำมันจะแห้ง ถ้าหว่านปุ๋ยไปข้าวมันจะเหลืองและจะตายได้)

“พอดีเลยครับคุณข้าวผมลางานมาอาทิตย์หนึ่ง ผมจะได้ช่วยคุณข้าวกับพ่อด้วย คราวก่อนก็ไม่ได้ช่วยไปครั้งหนึ่งแล้วครับ นี่กว่าจะลางานมาได้ เจ้านายก็บ่นแล้วบ่นอีก แต่ผมก็ยังดึงดันมาเจ้านายก็เลยยอมครับ ผมต้องขอโทษคุณข้าวด้วยนะครับที่ทำตามที่พูดเอาไว้ไม่ได้”
จ่อยรีบอาสาที่จะช่วยเพราะได้ความคิดอะไรดี ๆ มาจากคำบอกเล่าของพ่อเมื่อสักครู่แล้ว แต่ก็ออกตัวในสิ่งที่ตัวเองผิดคำพูดเอาไว้
“ไม่เป็นไรหรอกจ่อยฉันเข้าใจ เป็นฉันก็คงจะต้องเลือกทำแบบเดียวกับจ่อยนั่นล่ะ ไม่ต้องคิดมากหรอกนะ เธอมีลูกแล้วก็ต้องหาเงินมาเลี้ยงลูก แต่ก็ขอบใจมาก ๆ นะที่จะไปช่วยหว่านปุ๋ย” เธอบอกและยิ้มให้จ่อย

ร่างบอบบางที่อยู่ในชุดเตรียมออกศึก บนบ่าก็สะพายถังที่บรรจุปุ๋ยไว้เกือบเต็มถัง ๑๖-๑๖-๘ สำหรับดินร่วนปนทราย กำลังถูกหญิงสาวและคนอื่น ๆ ระดมหว่านลงไปในนาข้าวเพื่อเป็นการรองพื้นให้กับข้าวเอาไว้ก่อน วันนี้ลุงคำไม่ได้มาช่วยด้วย เพราะแกเกิดปวดหลังอย่างรุนแรง ซึ่งก็ป่วยมาสองสามวันแล้ว แต่ก็ยังดีที่มีจ่อยมาช่วยแทน

หญิงสาวชะเง้อมองไปข้างหน้าอย่างคนเริ่มจะท้ออีกแล้ว เพราะที่นาสามร้อยไร่นั้น ต้องการปุ๋ยถึง ๖,๐๐๐ กิโลกรัม หรือ ๖ ตัน นั่นเอง ที่นาถูกให้ปุ๋ยเสร็จไปแล้วเกินกว่าครึ่ง ซึ่งทำให้เธอเริ่มเหนื่อย และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ ไม่มีเขามาคอยช่วย เพราะเขาก็ต้องไปจัดการกับที่นาตัวเอง ซึ่งเขาและคนงานก็หว่านอยู่อีกฟากหนึ่งที่มีคลองกั้นเอาไว้

“จ่อยปิดรูระบายน้ำเสร็จหรือยัง ลุงคำบอกว่าอย่าปล่อยน้ำออกเยอะเดี๋ยวข้าวจะตาย” เธอถามจ่อยเมื่อเสร็จจากอาหารเที่ยงในเวลาบ่ายโมง ซึ่งผิดจากเวลากินข้าวตอนที่หว่านข้าว ซึ่งครั้งนี้เธอเป็นผู้สั่งการจึงพักเมื่อตัวเองอยากจะพัก
“เรียบร้อยแล้วครับ” จ่อยที่เพิ่งจะเดินกลับมาหลังจากไปตรวจดูรูระบายน้ำแล้ว
“เฮ้อ ปวดขาจังเลยพรุ่งนี้เราจะเสร็จมั้ยเนี๊ยะคุณแต๋น” เธอบ่นได้แทบจะทุกวัน
“ป้าหวางบอกว่าจะเอาให้เสร็จค่ะ งั้นคุณข้าวพักก่อนนะคะ เดี๋ยวแต๋นกับคนอื่น ๆ จะไปหว่านต่อ” แต๋นบอก

“อืม เดี๋ยวสักพักฉันก็จะตามไป”
“นังโดน ๆ ก๊อนกะได้จ้าคุณเข่า ซำนี่ป้าเฮ็ดไห่กะได้บ่ต้องห๊วง” (นั่งนาน ๆ ก่อนก็ได้ค่ะคุณข้าว แค่นี้ป้าทำให้ก็ได้ไม่ต้องห่วง)
ป้าหวางบอกก่อนที่จะเดินตามแต๋นและจ่อยลงไป ทำให้ภรัณยานั้นถึงกับยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ที่อย่างน้อย ๆ เธอก็ยังมีคนคอยช่วยอีกตั้งหลายคน

“เชอะ ฉันไม่รอง้อให้นายมาช่วยก็ได้”
เธออดที่จะน้อยใจใครบางคนไม่ได้ แต่อย่างน้อยเขาก็เอื้อเฟื้อเธออยู่มาก เพราะเขาจัดการสั่งปุ๋ยในราคาพิเศษให้เธอ ซึ่งเป็นราคาจากโรงงานเลย หญิงสาวเอื้อมมือไปหยิบเอาบิลค่าปุ๋ยที่ได้มาเมื่อเช้าขึ้นมาดูอีกรอบ มันเป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลย เพราะราคาขึ้นมาจากปีที่แล้วเกือบจะเท่าตัว

“ถึงมันจะถูกและเป็นราคาจากโรงงานยังไง แต่มันก็จัดว่าแพงมากอยู่ดี เฮ้อ ไม่น่าเชื่อว่าจะต้องใช้เงินซื้อปุ๋ยเกือบเจ็ดหมื่นบาท โอย ฉันจะบ้าตาย สงสัยไอ้งบ ห้าแสนที่ตั้งไว้แต่แรกคงจะบานปลายแหง ๆ” เธอบ่นอยู่คนเดียวเมื่อมองดูตัวเลข
“แหมคุณ จ่ายค่าปุ๋ยแค่นี้ทำเป็นหน้าจ๋อย โน่นคุณดูของผมสิ หลักแสนนะจะบอกให้”
เสียงเขาดังขึ้นจากด้านหลัง ซึ่งเธอไม่รู้ว่าเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่
“นี่คุณจะไปจะมาหัดให้ซุ่มให้เสียงหน่อยจะได้มั้ย ฉันยิ่งเป็นคนขี้ตกใจอยู่ด้วย” เธอแหวใส่เขาทันที
“อุ๊ย ขอโทษครับคุณเข่า...เหนียว...ผมลืมไป” เขาทำหน้าทะเล้นใส่เธอ
“ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามาเรียกฉันแบบนี้ นาย ๆ ๆ นายน้ำเน่า ฮ่า ๆ ใช่แล้ว ต่อไปถ้าคุณเรียกฉันแบบนี้ ฉันจะเรียกคุณว่านายน้ำเน่าทันที” เธอเพิ่งจะคิดสรรพนามใหม่ของเขาได้

“อะ ๆ ผมไม่ว่าก็ได้ แล้วทำไมคุณไม่ไปช่วยคนงานล่ะ มานั่งอู้อยู่ทำไมกัน หรือว่านั่งรอผมอยู่”
“เชอะ คุณเป็นใคร สำคัญยังไงฉันถึงจะต้องมานั่งรอ ฉันแค่เหนื่อย แล้วก็...เอ่อ...เบื่อกับราคาปุ๋ยที่มันแพงกว่าปีที่แล้วตั้งเยอะต่างหาก เมื่อไหร่น้ำมัน มันจะลงซักทีเนี๊ยะ แล้วทำไมมันจะต้องมาแพงปีที่ฉันมาทำนาด้วยนะ” เธออดบ่นไม่ได้
“คุณใคร ๆ เขาก็โดนกันทั้งนั้นล่ะ อย่าบ่นไปเลย เพราะฉะนั้นคุณจะต้องดูแลข้าวของคุณให้ดี ๆ หมั่นตามลุงคำมาตรวจดูน้ำดูท่าให้ดี ๆ อย่างน้อย ๆ ก็ให้คุณขายข้าวแล้วได้ทุนกลับคืนก็ยังดี” เขาบอกด้วยความหวังดี

“รู้แล้วน่า บ่นเป็นตาแก่ไปได้ โน่นกลับไปทำงานของตัวเองโน่นไป ฉันจะไปทำของฉันบ้าง” เธอบอกแล้วก็ลุกขึ้น
“ของผมหน่ะหว่านเสร็จเมื่อกี้นี่เอง ก็เลยจะมาช่วยคุณไง ลุงคำไม่สบายไม่ใช่เหรอ” เขาบอก
“แต่จ่อยก็มาช่วยแทน เขาก็ทำงานได้ดีไม่แพ้ลุงคำเหมือนกัน แต่มีคุณมาช่วยก็ดีงั้นก็เอานี่ไปเลย” เธอว่าแล้วก็จัดการยื่นถังให้เขาแล้วก็เดินนำลงไปตามคันนา ปล่อยให้เขามองตามแล้วก็ส่ายหน้าไปมาด้วยความหมั่นไส้ปนเอ็นดูนิด ๆ



เสียงโทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุดดังขึ้น แต่เจ้าของไม่สามารถที่จะรับได้ เพราะติดสายกับลูกค้าสำคัญอยู่ เขายกขึ้นมองว่าเป็นใครที่โทรเข้ามา น้ำส้มคั้นเย็น ๆ ถูกแมวยกมาให้ที่โต๊ะเหมือนเคย แล้วแมวก็ตรงไปบีบ ๆ นวด ๆ ที่ไหล่ให้เขาอย่างเอาใจ

“ขอบคุณมาก ๆ นะครับคุณยงค์ พรุ่งนี้ผมจะไปส่งคุณยงค์และทีมงานที่สนามบินด้วยตัวเองเลยครับ”
เขากรอกเสียงไปบอกลูกค้าวีไอพีที่ซื้อทัวร์ไปเที่ยวญี่ปุ่นให้พนักงานยกบริษัทถึงห้าสิบคน ซึ่งทำให้เขาได้เงินเข้าบริษัทไม่น้อยเลยจากลูกค้ารายนี้
“พรุ่งนี้แมวต้องไปด้วยหรือเปล่าคะคุณเจตน์” แมวถามเพราะรู้ว่าเขาคุยกับใคร
“ไม่ต้องหรอก แค่เตรียมของขบเคี้ยวนิด ๆ หน่อย ระหว่างคุณยงค์นั่งเครื่องไปญี่ปุ่นให้ผมก็พอ จะเอาไปให้หน่อย คุณช่วยจัดการให้ผมด้วยนะ เอาราคาดี ๆ หน่อย ไปทำตอนนี้เลยผมจะเอาติดรถกลับบ้านไปด้วยเลย”
เขาบอกเพราะต้องการใช้เวลาอยู่ตามลำพัง
“ค่ะคุณเจตน์” แมวรีบทำตามทันที

“ว่ายังไงจ่อยจัดการตามที่บอกฉันไว้หรือเปล่า” เขาถามทันที
“เรียบร้อยครับคุณเจตน์ โอกาสเหมาะจริง ๆ เลยครับ พ่อป่วยพอดีไปเดินตรวจที่นาไม่ได้” จ่อยตอบมา
“เหรอ ดีมาก แล้วพ่อเธอเป็นอะไรมากหรือเปล่า ไปหาหมอหรือยัง” เขายังมีแก่ใจไตร่ถาม
“คุณข้าวพาไปวันนี้ครับ เอ่อคุณเจตน์ครับ ผมจะต้องรีบกลับกรุงเทพฯ พรุ่งนี้แล้วนะครับ เพราะบอกว่าลางานมาแค่อาทิตย์เดียว และอีกอย่างตอนนี้น้ำในนาเริ่มแห้งแล้ว และยังไม่มีใครเห็น มัวแต่ยุ่งเรื่องลูกเมียผม แล้วก็วุ่นกับการดูแลพ่อด้วย ผมคิดว่าถ้าไม่มีใครไปดูที่นาภายในวันสองวัน ข้าวก็น่าจะเริ่มเหลืองและก็ตาย” จ่อยรายงาน

“เหรอ งั้นก็ตามใจก็แล้วกัน แค่นี้นะกลับมาแล้วค่อยมาเอารางวัล”
เขาตัดสายไปแล้ว และก็นั่งพิงพนักเก้าอี้พร้อมกับยิ้มให้กับความปราดเปรื่องของตัวเอง
“ยายข้าวนะยายข้าว จะแข่งกับใครไม่แข่งดันมาแข่งกับฉัน ยากหน่อยนะยายตัวยุ่ง”
เขาอดพูดเยาะเย้ยคู่อริไม่ได้ แต่ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มอยู่ในตอนนี้นั้น ถ้ามีคนมาเห็นคงจะคิดว่าเขากำลังยิ้มอย่างมีความสุขมากกว่ายิ้มแบบเย้ยหยันเป็นแน่

“อุ๊แว๊ ๆ ๆ ๆ ๆ”
เสียงร้องของหนูน้อยที่ตกใจตื่นเมื่อป้าหวางอาบน้ำที่กำลังอุ่นพอดีให้หลานรัก ทำให้ทั้งภรัณยาและคนอื่น ๆ ที่นั่งดูอยู่ใกล้ ๆ ถึงกับหัวเราะออกมาด้วยความขำ และเอ็นดูเด็กน้อย โดยเฉพาะเธอซึ่งจะชอบมานั่งดูเด็กน้อยแทบจะทั้งวัน ลุงคำที่นั่งใช้กำปันทุบหลังปึก ๆ อยู่ก็ยังยิ้มออกมาเมื่อเห็นหนูน้อยร้องโยเย
“โอย ยามได๋สิเซาน้อ อยากไป่เบิงเข่าจั๊กนอย บักจอยกะจั๋งแมนฟ่าวเมือ บอกว่าไห่ยูเบิ่งเข่าเบิ่งน้ำไห่ซะก๊อนกะบ่ได้”
แกบ่นขึ้น เพราะโมโหที่สั่งลูกชายไม่ได้อีกตามเคย (โอย เมื่อไหร่จะหายน้อ อยากไปดูข้าวสักหน่อย ไอ้จ่อยก็ไม่รู้ทำไมรีบกลับ บอกว่าให้อยู่ดูข้าวดูน้ำให้ก่อนก็ไม่ได้)

“บ่เป็นอี่หยังหรอกค่ะลุงคำ เดี๋ยวข้าวกับแต๋นก็สิไปเบิ่งแล้ว แต่มันคงบ่เป็นอี่หยังหรอก”
เธอพูดสองภาษาปน ๆ กัน เพราะเข้าใจว่าลุงคำหมายถึงอะไร
“โอ๊ย คุณเข่านี่เว้าเป๋นตาอยากหั๊วอยากหัวน้อ” ป้าหวางได้ยินก็อดหัวเราะไม่ได้ (โอ๊ย คุณข้าวนี่พูดตล๊กตลก)
“เป็นอี่หยังล่ะ อีกหน่อยข้าวก็จะเว้าภาษาอีสานเป็นแล่วเด้อ แต๋นเราไปดูข้าวกันเถอะ ไม่ได้ไปมาตั้งสองสามวันแล้ว”
เธอหันไปหาป้าหวางแล้วก็บอกด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปหาแต๋น


สีหน้าที่บ่งบอกถึงความกังวลใจของเขมินท์มีอย่างเห็นได้ชัด เขาเดินสำรวจดูตามคันนาไปมาหลาย ๆ รอบจนพบว่าตามมุมของคันนามีรูที่ดูเหมือนมีคนเอาไม้ไปแทงเอาไว้ แต่ดู ๆ อีกทีก็เหมือนเป็นรูที่ถูกปูขุดเอาไว้เหมือนกัน และเขาก็มั่นใจว่ามันถูกปล่อยทิ้งไว้หลายวันแล้ว โดยไม่มีใครมาเดินดูเลย

เขายืนมองดูต้นข้าวที่เริ่มเหลืองจนออกแดงด้วยความอ่อนใจ มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน และทำไมมันจะต้องเป็นเกิดเฉพาะที่นาของเธอด้วย ทั้ง ๆ ที่ที่นาของเขาก็เพิ่งจะหว่านปุ๋ยไปในเวลาไล่เลี่ยกัน ข้าวของเขาเขียวสวย แต่ของเธอกลับตรงกันข้าม เขาจิตนาการสีหน้าของเธอไม่ออกเลย ว่าจะเป็นยังไงถ้าได้มาเห็น

“คุณทำไมข้าวของฉันเป็นแบบนี้ล่ะ” เสียงของสาวเจ้าที่เดินดุ่ม ๆ มาใกล้ ๆ เขาและถามเขาด้วยความสงสัย
“ที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะคุณให้ปุ๋ยมัน แต่ไม่ได้เดินดูรูน้ำและคอยไปอุดมันหน่ะสิ มันก็ไม่มีน้ำมาละลายปุ๋ย”
เขาบอกสาเหตุ
“อ้าวทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ จ่อยบอกว่าอุดรูระบายน้ำหมดแล้วนี่” เธอบอกตามคำบอกเล่าของจ่อย
“ถึงอุดแล้วก็ต้องมาคอยเดินดูบ่อย ๆ จะไว้ใจอะไรไม่ได้ ปูมันชอบทำรูอยู่ตามคันนา เหมือนอย่างนี้ไง มันเล่นจนน้ำคุณแห้งเลย และมันก็เข้าใจมาเจาะรูตรงคันนาที่ติดกับคลองซะด้วย” เขาบอกและพาเธอเดินไปดูรูที่มีร่องรอยของน้ำ

“เฮ้อ แล้วฉันจะต้องยังไงล่ะ” เธอทำสีหน้ากลุ้ม
“ผมจะไปเอาเครื่องสูบน้ำ มาสูบน้ำเข้านาให้ก่อน แล้วค่อยดูอีกทีว่ามันจะช่วยได้มั้ย”
“หา ที่นาขนาดนี้แล้วจะต้องสูบน้ำสักกี่วันกว่ามันจะเต็ม แล้วฉันจะต้องเสียค่าน้ำมันตั้งเท่าไหร่ถึงจะพอ แค่นี้ก็ค่าใช้จ่ายจะบานปลายอยู่แล้ว” เธอโอดครวญทันที เพราะน้ำมันแพงนั่นเอง
“คุณจะสูบน้ำเข้าหรือจะปล่อยให้ข้าวเหลืองตายล่ะเลือกเอา คุณอยู่ที่นี่ก็เดินสำรวจดูว่ามีรูรั่วที่อื่น ๆ อีกหรือเปล่า ถ้ามีก็เอาจอบไปขุดดินอุดเอาไว้ทุกจุด” เขาว่าแล้วก็รีบเดินแกมวิ่งไปยังรถของตัวเอง

ไม่นานรถที่บรรทุกเครื่องสูบน้ำถึงสามเครื่องก็จอดไว้ที่ถนนสุดบ่อเลี้ยงปลาของเขา แล้วทั้งเขาและลูกน้องก็ต้องช่วยกันหามเจ้าเครื่องสูบน้ำที่ภรัณยาเดาเอาว่าคงจะหนักไม่น้อย ลงไปติดตั้งตรงคันนาที่ติดกับคลองทั้งสองฟาก เพราะที่นาของเธอนั้นจะติดคลองทั่งสองฝั่ง คลองที่เธอใช้ข้ามจากที่นาของเขานั้นชื่อว่า “คลองบ่อ” หรือชาวบ้านแถวนั้นเรียกว่า “ฮองบอ”

ส่วนอีกคลองนั้นติดกับที่อีกฟากหนึ่งที่เป็นเขตแดนต่อจากที่นาชาวบ้านอีกคน คลองนั้นจะเรียกว่า “คลองหญ้าข้าวนก” หรือ “ฮองหยาเข่านก” ซึ่งก็นับว่าเธอโชคดีไม่น้อยมีมีคลองทั้งสองคลองขนานไปกับที่นาแบบนี้ เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมงเครื่องสูบน้ำทั้งสามตัวก็ทำงานดั่งสนั่นทุ่งพอ ๆ กับเจ้ารถไถที่เธอเคยได้ยินเมื่อตอนหว่านข้าว แต่เขมินท์ก็ยังคงเดินตรวจตราดูทางน้ำด้วยความรอบคอบ ไม่นานเครื่องสูบน้ำอีกตัวก็ดับลง เขาก็ต้องไปหาสาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร

“คุณแต๋นฉันว่าเราไปหาอะไรมาไว้ให้พวกนั้นกินดีกว่านะ จะเที่ยงแล้วคงจะยังไม่ได้กินข้าวหรอก” เธอคิดได้
“เอ่อ จริงสิคะคุณข้าว งั้นเราก็ไปกันดีกว่าค่ะ กลับมาจะได้พอดีกับที่คุณน้ำซ่อมเครื่องสูบน้ำเครื่องนั้นเสร็จ”
แต๋นเห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะห่วงไข่ที่ต้องเดินขวักไขว่ไปมาไม่แพ้เจ้านายเหมือนกัน
“อ้าว แล้วสองคนนั้นไปไหนกันเจ้าไข่” เขมินท์ถามเมื่อไม่เห็นสองสาวนั่งอยู่ที่เถียงนา
“บ่ฮู่คือกั๋นคับอ้ายน้ำ เพินเมือบ้านแล่วตี๊” (ไม่รู้เหมือนกัยครับพี่น้ำ สงสัยจะกลับบ้านแล้วมั้ง)
ไข่บอกโดยไม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่าเครื่องสูบน้ำที่มันงอแง
“นี่ไงแหวนสูบมันเสีย งั้นไข่ดูเครื่องสองเครื่องนั้นไว้ก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันจะไปซื้อเอง อ้อ แล้วก็เดินดูรอบ ๆ ด้วยนะ ว่ามีรอยรั่วที่ไหนอีกหรือเปล่า” เขารีบสั่งการแล้วก็รีบเดินจ้ำอ้าวไปหารถทันที

ดนัยรีบชะลอรถทันทีที่เห็นภรัณยากำลังจะเดินข้ามถนนเข้าไปยังตลาด เขายิ้มกว้างด้วยความดีใจที่ได้พบกับเธอโดยบังเอิญ โดยที่เขาไม่ต้องไปเสียเวลาง้องอนน้องสาวให้พาเขาไปเที่ยวบ้านเขมินท์อีก เพราะแม่น้องสาวตัวดีจ้องแต่จะเรียกร้องรางวัลจากเขาอยู่ร่ำไป

“คุณข้าวมาซื้ออะไรครับ” เขารีบตรงเข้าไปทักทายเธอ ที่กำลังยืนสั่งอาหารอยู่ที่ร้าน
“อ้าว คุณอ่อง ข้าวมาซื้ออาหารเที่ยงค่ะ แล้วคุณอ่องมาทำอะไรแถวนี้คะ”
เธอตอบและยิ้มให้เขาด้วยความดีใจที่ได้พบคนรู้จัก
“อ๋อ ผมเพิ่งกลับจากประชุมที่ขอนแก่นครับ เห็นคุณข้าวกำลังข้ามถนนก็เลยวกรถกลับมาทักทาย แล้วสั่งอาหารไปไหนครับเยอะแยะเลย กว่าจะได้ก็ตั้งนาน ผมว่าเราไปนั่งดื่มอะไรเย็น ๆ ที่ร้านโน้นก่อนดีมั้ยครับ ผมขออนุญาตเลี้ยงเอง”
เขารีบเสนอ

“จะดีเหรอคะ แล้วคุณอ่องไม่รีบกลับบ้านเหรอคะ” เธอยังลังเล
“ไม่รีบหรอกครับ วันนี้ผมไม่กลับเข้าสำนักงานอีก อยู่ในวันที่อบรมอยู่ แต่เสร็จเร็วแค่นั้น นะครับคุณข้าว ผมอยากจะกินกาแฟเย็น ๆ สักแก้วขึ้นมาทันทีเลยครับ ขับรถมาไกลๆ ก็เมื่อยเหมือนกันกะว่าจะพักอยู่พอดีเลย”
“อืม ก็ดีเหมือนกันนะคะ วันนี้ร้อนมาก ๆ เลย งั้นข้าวก็จะซื้อกาแฟเย็น ๆ ไปด้วยเลย คุณแต๋นสั่งครบหรือยังจะไปด้วยกันมั้ย แล้วจะเอากาแฟเย็นด้วยหรือเปล่า ฉันจะซื้อไปฝากพวกนั้นด้วย” เธอหันไปถามแต๋น
“ไม่เอาค่ะ คุณข้าวไปเถอะค่ะ เดี๋ยวแต๋นจะไปหาซื้อผลไม้รอดีกว่า แต่คุณข้าวอย่าไปนานนะคะ เดี๋ยวพวกนั้นหิวข้าว”
แต๋นรีบปฏิเสธเพราะเห็นหน้าดนัยแล้ว รู้สึกเหมือนไม่อยากจะให้ไปด้วย

“แหม วันนี้โชคดีจริง ๆ เลยนะครับที่เจอคุณข้าว ตั้งแต่ไปช่วยหว่านข้าววันนั้นแล้ว ผมก็อยากจะมาเยี่ยมคุณข้าวที่บ้านบ้าง แต่ไม่กล้าไปครับ ชวนยายโอ๊ะตัวดีก็บอกแต่ว่าไม่ว่าง ๆ ผมเลยไม่ได้ไปหาซักที” เขาบอกและยิ้มให้ด้วยความดีใจจริง ๆ
“ข้าวก็ไม่ค่อยจะว่างเท่าไหร่คะ เพิ่งจะหว่านปุ๋ยเสร็จ แล้วพอดีเด็กที่บ้านก็คลอดลูกด้วย ก็เลยยุ่งไปกันใหญ่เลย”
“เหรอครับ คุณข้าวนี่เก่งนะครับ ผู้หญิงตัวคนเดียวแท้ ๆ แต่กลับมาทำนาตั้งสามร้อยไร่ สงสัยต้องให้โล่ห์แล้วล่ะครับ”
เขาสรรหาเรื่องมาพูดคุยกับเธอไม่มีเว้นเหมือนเคย และสายตาก็เป็นประกายทุก ๆ ครั้งที่มองไปที่เธอ

เขมินท์ต้องจอดรถและจ้องเข้าไปในร้านกาแฟอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด ที่เห็นทั้งสองคนต่างคุยกันกระหนุงกระหนิงอย่างออกรส แต่เขาก็ไม่มีเวลามากพอที่จะทำอะไรได้มากไปกว่าการมอง
“แม่คุณ ปล่อยให้คนอื่นเขาลำบากลำบน แต่ตัวเองกลับมาจีบหนุ่มกลางวันแสก ๆ ช่างเฟิร์มจริง ๆ เลยนะ” เขาคิดตำหนิเธอในใจก่อนที่จะออกรถไปด้วยอาการของคนหัวเสีย

“คุณข้าวเอาน้ำกับกาแฟไปให้คุณน้ำเถอะค่ะ เดี๋ยวของพี่ไข่กับพวกนั้นแต๋นจะจัดการเอง แล้วถ้าเสร็จแล้วก็บอกให้ทุกคนมากินข้าวได้เลย แต๋นจะรีบมาจัดเตรียมไว้ให้” แต๋นรีบบอกเมื่อทั้งสองช่วยกันหิ้วข้าวของมาวางไว้ที่เถียงนาแล้ว
เธอไม่รอช้ารีบทำตามที่แต๋นบอกทันที ซึ่งตัวเองก็ตั้งใจว่าจะทำอย่างนั้นอยู่พอดี เพราะซาบซึ้งในน้ำใจของเขาที่มาช่วยเธอในวันนี้ และเธอก็ตั้งใจว่าวันนี้จะพูดดี ๆ กับเขากว่าทุก ๆ ครั้ง

“อะ กาแฟเย็น ๆ และนี่ก็น้ำเปล่า อยากจะได้อะไรเลือกเอาเลย วันนี้ฉันเลี้ยงเต็มที่” เธอเดินไปแล้วก็ยื่นของให้เขา
“ขอบคุณ” เขารับมา เพราะรู้สึกหิว แต่ก็ยังคงเคืองเธอไม่หาย
“เครื่องใช้ได้ทั้งหมดแล้ว คุณจะไปกินข้าวหรือยัง วันนี้ฉันซื้อลาบ ต้มแซบ ข้าวเหนียว ส้มตำ แล้วก็ไก่ย่างมาเลี้ยงคุณกับลูกน้องด้วยนะ และก็ยังมีของหวานและผลไม้อีกเพียบเลย” เธอรีบอวด
“ทำมาเป็นเอาใจ แล้วใครเป็นคนออกความคิดที่ไปหาซื้อมา ผมว่าคงจะเป็นแต๋นมากกว่านะ อย่างคุณนี่คงจะคิดเรื่องพวกนี้เองไม่ได้หรอก”
เขาไม่วายที่จะประชดเธอ ทั้ง ๆ ที่รายการอาหารที่เธอร่ายมา จะบรรเทาอาการขัดเคืองไปได้บ้างแล้ว

“นี่เรื่องแค่นี้ฉันจะคิดเองไม่ได้บ้างรึไง พูดมากนักก็เอาคืนมาไม่ต้องกินหรอก”
เธอว่าแล้วก็ดึงแก้วกาแฟกลับคืนจากมือของเขา แต่ก็ไม่ทันเพราะเขารู้แกว จึงรีบยกขึ้นสูง ๆ แล้วก็ออกเดินตรงไปยังเถียงนา
“แล้วคุณจะไปไหน” เธอร้องถามตามหลังเขาไป
“ผมหิวจะไปกินไก่ย่าง” เขาหันกลับมาบอกแล้วก็เดินลิ่ว ๆ ไปทิ้งให้เธอต้องวิ่งตามแทบแย่
“รอฉันด้วยสิคุณ เดินให้มันช้า ๆ หน่อยไม่ได้รึไงนะ”

เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว แต่น้ำก็ยังเข้านาได้ไม่ทั่วถึงนัก ยังความไม่สบายใจให้กับภรัณยาไม่น้อย เพราะกลัวข้าวจะตาย แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงดี เพราะตัวเองก็ไม่มีความรู้อะไรมากไปกว่ารอให้เขาคอยช่วย แต่จู่ ๆ เครื่องสูบน้ำเครื่องหนึ่งก็ดับลงอีก และอีกเครื่องก็ดับลงในเวลาไล่เลี่ยกัน เขมินท์ต้องเหนื่อยไปดูอีกแล้ว แต่คราวนี้เขาซ่อมมันไม่ได้ เพราะต้องยกไปให้ร้านซ่อมให้แทน

“ทำไมคุณไม่ซ่อมมันล่ะ น้ำยังเข้านาได้ไม่เท่าไหร่เลยนะ”
เธอถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นเขาสั่งให้ลูกน้องเก็บเครื่องสูบน้ำไปไว้ที่รถ
“เครื่องมันพังผมต้องยกไปที่ร้านซ่อม เจ้าไข่ดับเครื่องนั้นด้วยเลยแล้วก็ยกไปให้หมดเลย” เขาร้องสั่งไข่
“ทำไมหยุดล่ะ แล้วข้าวของฉันล่ะ ถ้าเกิดมันตายขึ้นมาฉันก็จะเสียเวลาเปล่าหนะสิ คุณไม่รู้เหรอว่าฉันลุงทุนไปกับมันเท่าไหร่แล้ว ไหนจะแรงงานของฉันอีก” เธออดบ่นไม่ได้
“นี่คุณทียั่งงี้ทำจะมาห่วงข้าว ทีเมื่อกลางวันยังแล่นไปคุยกับผู้ชายถึงกลางตลาด ปล่อยให้ผมวิ่งวุ่นอยู่คนเดียว ถามจริง ๆ เถอะไม่อายคนเขาบ้างรึไง”
เขาหันไปสวนกลับเธอทันที เพราะภาพที่เห็นคนทั้งสองสวีทหวานแหว๋วมันผุดขึ้นมาในหัว

“นี่คุณพูดให้มันดี ๆ นะ ฉันก็แค่ไปนั่งกินกาแฟแค่นั้น อ๋อ ที่คุณสั่งให้หยุดเครื่องสูบน้ำนี่ก็เพราะว่าแค่เห็นฉันไปนั่งกินกาแฟกับคุณอ่องแค่นั้นเหรอ คุณโกรธฉันคุณก็มาว่าฉันสิ จะไปลงที่ข้าวของฉันทำไม ฉันขอสั่งให้คุณเปิดเครื่องสูบน้ำเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะไปฟ้องคุณลุงว่าคุณแกล้งฉัน”
เธอขึ้นเสียงใส่เขาจนทำให้ไข่ และลุงเพ็ง ถึงกับตะลึง เพราะไม่บ่อยครั้งนักที่จะเห็นผู้หญิงคนไหนขึ้นเสียงใส่เจ้านายตัวเอง
“คุณข้าวคะกลับบ้านเถอะค่ะจะค่ำแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาสูบใหม่ก็ได้” แต๋นรีบมาห้ามทัพ
“ไม่ไป แต๋นดูสิว่าเขาใจดำกับฉันแค่ไหน เขาคงอยากจะเห็นข้าวของฉันตาย แล้วฉันก็จะได้ไม่ต้องได้ที่นาและขายมันไปไง เขาอยากจะเก็บเอาไว้ทำเอง คุณมันคนเห็นแก่ตัว” เธอว่าเขาอีก

“นี่คุณก่อนจะว่าผมนี่ คุณหัดแหงนหน้าไปมองดูฟ้าก่อนบ้างนะ ไม่เห็นเหรอว่าเมฆมันลอยต่ำขนาดนี้ อีกไม่นานฝนมันก็จะตกลงมา แล้วคุณจะให้ผมมัวมานั่งสูบน้ำอยู่ทำไมกัน และผมขอเตือนคุณนะว่าอย่ามาว่าผมแบบนี้ ถ้าผมเป็นคนเห็นแก่ตัว คนที่ทิ้งคนอื่นให้ทำงาน แล้วตัวเองไปสำเริงสำราญกับผู้ชาย มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกันนักหรอก ทีหลังถ้ามีปัญหาอะไรคุณก็ไปตามเจ้าอ่องมาคอยช่วยก็แล้วกัน คนเห็นแก่ตัวอย่างผมคงจะไม่มาหรอก ไอ้ไข่เก็บของขึ้นรถเร็ว ๆ กลับกันได้แล้ว”
เขาว่าแล้วก็เดินหนีเธอไปดื้อ ๆ

“เอ้อ ไปเลย ไปให้พ้น ๆ เลย ต่อไปฉันก็จะไม่ไปขอความช่วยเหลืออะไรจากนายอีก คอยดูนะฉันจะปลูกข้าวของฉันเอง โดยไม่พึ่งนายอีกต่อไป”
เธอร้องไล่หลังเขาไปพร้อม ๆ กับน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นทางด้วยความเสียใจกับคำพูดของเขา
“คุณข้าวกลับบ้านก่อนเถอะค่ะจะค่ำแล้ว”
แต๋นเดินไปจูงมือเจ้านายสาวด้วยความสงสาร และเครียดตามเธอไปด้วย







 

Create Date : 10 ตุลาคม 2551
2 comments
Last Update : 10 ตุลาคม 2551 10:34:46 น.
Counter : 427 Pageviews.

 

ยังสนุกเหมือนเดิมน่ะ

 

โดย: ชะเอม IP: 125.24.181.228 10 ตุลาคม 2551 13:22:38 น.  

 

ขอบคุณค่ะ คุณชะเอม
ดีใจค่ะที่ได้สร้างความสนุกให้คนอ่านที่น่ารักทุกคนค่ะ

 

โดย: ธัญญะ 10 ตุลาคม 2551 14:32:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.