Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
1 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

ร้อยรวงใจ ๒๑




แล้วเวลาบ่ายแก่ ๆ ซอยบ้านของเธอแทบทั้งซอยก็กระหึ่มไปด้วยเครื่องเสียงขนาดใหญ่ที่เปิดเพลงดังลั่นจนได้ยินไปแทบจะหมดหมู่บ้านก็ว่าได้ ภรัณยาที่กำลังหลับสบาย ๆ ถึงกับผวาตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“เสียงอะไรแต๋น” เธอเดินออกมาถามแต๋นที่นั่งรีดผ้าอยู่ระเบียง
“อ๋อ เสียงเครื่องเสียงของรถฉายหนังที่งานศพไงคะคุณข้าว คืนนี้เขาจ้างหนังมาฉายค่ะ” แต๋นตอบ
“อ๋อเหรอ” เธอรับแค่นั้น “คืนนี้เราไปดูหนังกันนะคะคุณข้าว แต๋นไม่ได้ดูหนังแบบนี้มานานมาก ๆ แล้วค่ะ”
แต๋นบอกและเป็นการขอไปในตัว

“เขาฉายกันยังไง เหมือนหนังขายยาแบบนั้นใช่มั้ย” เธอสงสัย “แบบนั้นล่ะค่ะคุณข้าว”
“แล้วนั่นใครกันที่กำลังจะยกโต๊ะลงจากรถมาวางไว้แถว ๆ หน้าบ้านเรา”
เธอมองออกไปเห็นผู้หญิงกับผู้ชายสองสามคนพอดี
“อ๋อ พวกแม่ค้าค่ะคุณข้าว เขากำลังหาที่ตั้งโต๊ะเอาไว้ขายของ คืนนี้หน้าบ้านเราคงจะแน่นค่ะ เพราะเขาตั้งจอหนังปิดถนนไว้ แล้วก็หันจอหนังมาทางบ้านเราพอดี พรุ่งนี้เช้ารับรองว่าลุงคำได้ซ่อมรั้วแน่ ๆ เลยค่ะ” แต๋นตอบหน้าตาเฉย
“ทำไมล่ะ” “ก็ชาวบ้านที่มาดูหนังคงจะเหยียบมั่ง ขึ้นไปนั่งมั่งค่ะ คนมากันเยอะนะคะไม่เชื่อคุณข้าวคอยดูตอนเย็น ๆ สิคะ” แต๋นบอก

แล้วภรัณยาก็ได้เห็นว่าสิ่งที่แต๋นบอกนั้นเป็นจริงทุกอย่าง เมื่อเธอและแต๋นพร้อมกับป้าหวางที่เตรียมจะไปดูหนัง ถนนหน้าบ้านเธอทั้งสองฟากถูกแผงแม่ค้าตั้งเรียงรายเป็นแถวยาวตลอดแนว ผู้คนไม่ว่าจะเป็นลูกเด็กเล็กแดงต่างก็พากันเดินมาตามถนนเป็นกลุ่มเป็นก้อน ส่งเสียงพูดคุยอย่างสนุกสนาน และแต่ละกลุ่มก็จะมีเสื่อถือติดมาด้วย บ้างก็นำไปปูเอาไว้เพื่อจับจองที่นั่งใกล้ ๆ จอหนัง บ้างก็ถือกระดาษหนังสือพิมพ์มาเป็นที่รองนั่งแทนก็มี วิธีนี้ส่วนใหญ่จะเป็นหนุ่มสาวมากกว่า

ข้าวของที่แม่ค้าพ่อค้านำมาขายก็จะมีหลากหลายตั้งแต่ของเด็กเล่น เช่น ลูกโป่งสวรรค์ ลูกโป่งที่บิดให้เป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ ปืนพลาสติก ตุ๊กตา และอื่น ๆ อีกมากมาย แล้วก็มีของกิน เช่นลูกชิ้นปิ้ง ส้มตำ ไก่ย่าง ผัดหมี่ ก๋วยเตี๋ยว ข้าวโพดต้ม ถั่วต้ม ลูกเดือยต้มก็มี ไอติม น้ำปั่น เหล้าบุหรี่ แล้วก็มีต้มวุ้นเส้นที่มีลูกชิ้นเนื้อกับเลือดไก่ลอยอยู่บนหม้อ ส่งกลิ่นหอมน่ากินมาเตะจมูกของเธอไม่น้อย ภรัณยามองเห็นเด็กน้อยที่เดินไปตามถนน ปากก็คาบลูกชิ้นลูกเบ่อเร่อที่ถือติดมือไปด้วยอย่างเอร็ดอร่อย ปล่อยให้น้ำจิ้มที่ติดอยู่กับลูกชิ้นหยดติ๋ง ๆ ลงไปตามทางเดิน มืออีกข้างก็ถือผักเป็นของแกล้ม เธอแอบยิ้มให้กับภาพที่ไม่เคยเห็นตั้งแต่เกิดมาก็ว่าได้ แล้วเธอก็ยกมือถือขึ้นมาเก็บภาพของเด็กน้อยคนนั้นเอาไว้

“คุณแต๋นฉันอยากจะลองชิมแกงนี้ดูหน่อย ป้าหวางสนใจมั้ยคะ”
เธอสกิดแขนแต๋น แล้วก็ถามเบา ๆ เพราะผู้คนบนถนนค่อนข้างจะเยอะ และก็เป็นคนที่แปลกหน้าแทบทั้งนั้น ป้าหวาง บอกว่าเป็นคนจากหมู่บ้านอื่นที่จะมาดูหนังกัน
“ได้สิคะคุณข้าว แต๋นกำลังหอมกลิ่นมันพอดีค่ะ เขาเรียกว่าแกงเส้นนะคะ ไปค่ะเราไปนั่งกัน”
แต๋นพาเธอและป้าหวางไปนั่งโต๊ะที่จัดเตรียมไว้ให้ลูกค้าที่มีอยู่แค่สามโต้ะเท่านั้น
“ป้าหวางอยากจะกินอะไรก็สั่งได้เลยนะคะ ข้าวเลี้ยงเอง จะซื้อไปฝากลุงคำด้วยก็ได้ค่ะ” เธอบอกเมื่อทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะแล้ว เพราะวันนี้ลุงคำที่ไม่ชอบดูหนังเป็นทุนอยู่แล้ว จึงอาสานอนเฝ้าบ้านให้แทน ปล่อยให้สาว ๆ ออกมาเที่ยวกัน

“ป๊าด ๆ ๆ พูสาวบ้านได๋มาคือพูงามแท้ เบิงดู๊ล่ะสูโตข๊าวขาว ฮุนกะดี ผมกะงาม เหว้าไทยพ่อมคนทางได๋น้อ”
เสียงหนุ่ม ๆ ข้าง ๆ โต๊ะลอยมากระทบหูของแต๋นและป้าหวาง แต่ทั้งสองก็เงียบเอาไว้ เพราะไม่คุ้นหน้าคนกลุ่มนั้นเลย ส่วนภรัณยาไม่ได้สนใจ เพราะมัวแต่มองดูอย่างอื่นอยู่
(โอ้โห สาวบ้านไหนทำไมสวยจังเลย ดูสิผิวข๊าวขาว หุ่นก็ดี ผมก็สวย พูดภาษากลางด้วย เป็นคนแถวไหนน้อ)
“เขาปรุงกันยังไง แล้วใส่อะไรบ้างคุณแต๋น” ภรัณยาถามเมื่อแกงเส้นถูกยกมาเสริฟที่โต๊ะแล้ว
“เหมือนก๋วยเตี๋ยวค่ะคุณข้าว แต่ระวังพริกนะคะ มันเผ็ดกว่าที่บ้านเรา เพราะเขาป่นเอง” แต๋นบอก
“เหรอ” เธอรับคำแค่นั้น แล้วก็จัดการกับแกงเส้นด้วยความอร่อย

“ซือเข่าพ่อม ป๊าดซือเลากะเป๋นตากิ๋นน้อ คนงามเฮ็ดอีหยังกะงามเบิงแนสู ขนาดกำลังกิ๋นยังงามยู”
เสียงหนุ่ม ๆ ยังคงดังมา ทำให้แต๋นกับป้าหวางต้องมองหน้ากันอีกครั้ง และก็ทำให้ภรัณยาเริ่มจะรู้ตัวแล้วว่ากำลังถูกมอง และไม่ใช่แค่หนุ่ม ๆ โต๊ะใกล้ ๆ ด้วย แต่มีชาวบ้านที่เดินผ่านไปแล้วก็มองเธอเป็นตาเดียวกัน แล้วคนพวกนั้นก็พากันพูดซุบซิบ ๆ พร้อมกับมองมาที่เธอ จนเธอรู้สึกอายที่ถูกมองมาก ๆ แล้วเธอก็ต้องรีบก้มลงสำรวจตัวเองว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ลืมรูดซิปหรือเปล่า กระดุมเสื้อหลุดหรือเปล่า แต่ทุกอย่างก็ปกติ (ชื่อข้าวด้วย โอ้โหชื่อน่ากินน้อ คนสวยทำอะไรก็สวย ขนาดตอนกินยังสวยเลย)

“กิ๋นหลาย ๆ โลดเด้อพูสาว มื่อนี่อ้ายสิเลี่ยงเอง” (กินเยอะ ๆ นะสาว ๆ พี่เลี้ยงเอง)
หนุ่มโต๊ะข้าง ๆ เริ่มพูดเสียงดังขึ้นและหันมามองที่โต๊ะของเธออย่างเปิดเผยว่าเมื่อสักครู่
“บ่ต้องดอกอ้าย ข่อยมีเงินจายยู” แต๋นตอบไปตามประสาของคนปากไว ไม่แพ้เจ้านายนัก
(ไม่ต้องหรอกพี่ หนูมีเงินจ่าย)

“ป้าหวางรู้จักคนพวกนี้หรือเปล่าคะ” เธอถามป้าหวางเบา ๆ
“บ่ฮู่ดอกจ้า” ป้าหวางตอบ ซึ่งทำให้เธอเริ่มเครียด
“เอ๋า บ่ได้ซังตืมตัวเอื้อย” แต๋นบอกเมื่อคนขายยกแกงเส้นมาเพิ่มที่โต๊ะอีกสองชาม (เอ้า ไม่ได้สั่งเพิ่มนะพี่)
“อ้ายซังเอง” ไข่บอกเมื่อเดินมาทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ แต๋น แล้วเขมินท์ก็นั่งลงข้าง ๆ เธอด้วย ทำให้เธอนั้นชื้นใจขึ้นมาเป็นกองเลยทีเดียวที่เห็นเขาในเวลานี้

“จะมาทำไมไม่รอผมก่อน” เขากระซิบถามใกล้ ๆ เธอ
“ฉันจะไปรู้เหรอ ว่าคนอย่างคุณนี่จะอยากมาดูหนังกลางแปลงกับเขาด้วย” เธอตอบแบบกวน ๆ
“ปกติผมไม่มาหรอก แต่วันนี้กำนันเขมสั่งให้มาเพราะโทรมาที่บ้านคุณแล้วลุงคำบอกว่าคุณออกมาดูหนัง ท่านก็เลยสั่งลูกกำนันให้ตามมาดูแลหลานคนโปรดหน่อย และท่านก็สั่งนักสั่งหนาว่าให้ส่งหลานท่าน กลับบ้านอย่างปลอดภัยด้วย ถ้าไม่อย่างนั้น ลูกกำนันจะไม่ปลอดภัยแทน” เขาบอกและทำหน้าเข้มใส่เธอเป็นการล้อเลียน

“ฉันดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องให้ลูกกำนันอย่างคุณมาคอยช่วยหรอก”
เธอตอบพร้อมกับย่นจมูกอย่างคนอวดดีใส่เขา
“แหมคุณ ไอ้ที่บอกว่าดูแลตัวเองได้ แล้วปล่อยให้พวกหนุ่ม ๆ ที่เพิ่งจะลุกจากโต๊ะนั่นนั่งแซวอยู่เป็นนานสองนานนี่นะ”
เขาพูดและชำเลืองสายตาไปยังหนุ่ม ๆ ที่ทำท่ารีบเผ่นตั้งแต่ที่เขากับไข่เดินมาถึงแล้ว เพราะใคร ๆ เมื่อได้เห็นหน้าเขาก็ไม่มีใครที่จะไม่รู้จัก

“เขาอิ่มแล้วเขาก็ไปก็แค่นั้น หรือคุณว่าเขาจะกลัวคุณกันรึไง” เธอยังคงเถียง
“เอาล่ะ ๆ ผมยอมแพ้ รีบ ๆ กินได้เถอะหนังจะฉายแล้ว เดี๋ยวหาที่นั่งไม่ได้จะมาโทษผมอีก”
เขาบอกแล้วก็จัดการกับแกงเส้นตรงหน้าด้วยความหิว เพราะมัวแต่รีบมาเมื่อรู้จากลุงคำว่าเธอออกจากบ้านมาสักพักแล้ว ทำให้เขาอดห่วงไม่ได้ เพราะมีแต่ผู้หญิงออกจากบ้านกลางค่ำกลางคืนไม่ค่อยจะปลอดภัยนัก ต่อให้เป็นที่หมู่บ้านก็เถอะ ผู้คนจากต่างบ้านมามากย่อมไม่ค่อยหน้าไว้ใจ แต่เขาก็จำจะต้องเอากำนันเขมมาอ้างเอาไว้เพื่อรักษาฟอร์มตัวเอง

หลังจากที่อิ่มจากแกงเส้นเสร็จแล้ว ทุกคนก็พากันเดินตามถนนเพื่อจะไปจองพื้นที่นั่งดูหนัง ระหว่างที่เดินไปนั้น เขาสังเกตเห็นภรัณยามีท่าทีที่ขาดความมั่นใจในตัวเองไปไม่น้อย เขาเองก็คิดว่าเธอคงจะรู้สึกอายกับสายตาหลาย ๆ คู่ ที่จ้องมองมาที่เธอและเขาแทบไม่วางตาเลย ซึ่งเขาเองรู้ดีว่าเพราะอะไร

“ทำไมมีแต่คนมองมาที่ฉัน มีอะไรผิดปกติบนหน้าฉันหรือเปล่าคุณแต๋น” เธอกระซิบถามแต๋น
“เขามองคนสวยค่ะคุณข้าว ไม่ต้องไปสนใจหรอกค่ะ ตามบ้านนอกก็แบบนี้แหละ มีใครหน้าแปลก ๆ มาเขาก็จะมองกันเป็นตาเดียวกัน แล้วก็จะถามว่าเป็นใคร มาจากไหน แค่นั้นค่ะ” แต๋นตอบตามความคิด
“อะไรยัยแต๋น เธอว่าฉันหน้าแปลกเหรอ” เธอหันควับไปหาแต๋นทันที
“อุย คุณข้าวคะแต๋นไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นค่ะ แต๋นหมายถึงว่า คนแปลกหน้าค่ะ และยิ่งคนสวย ๆ อย่างคุณข้าวด้วยแล้ว ยิ่งทำให้คนอยากจะมองค่ะ” แต๋นรีบแก้ตัวทันที “แล้วไป”
“ผมว่าเรานั่งตรงนี้ดีกว่านะ ไม่ต้องไปใกล้มากหรอก เวลากลับบ้านจะเดินออกลำบาก”
เขาบอกเมื่อเห็นที่เหมาะ ๆ แก่การปูเสื่อ “ยังไงก็ได้” เธอตอบ

แล้วเสื่อผืนน้อยก็ถูกปูลงไปกับพื้นถนนที่มีผู้คนต่างมานั่งจับจองพื้นที่เต็มไปหมด เสียงดนตรีจากเครื่องเสียงยังคงกระหึ่มอยู่อย่างนั้นมาตั้งแต่บ่าย ๆ เด็กตัวเล็ก ๆ ที่มากับพ่อแม่ต่างวิ่งเล่นอยู่ที่เสื่อด้วยความสนุกสนาน บ้างก็เต้นไปตามจังหวะเพลง สร้างความเฮฮาให้กับหลาย ๆ คนที่นั่งรอดูหนังไม่น้อย รวมทั้งภรัณยาด้วย ที่อดขำและเอ็นดูเด็ก ๆ เหล่านั้นไม่ได้

ไข่กับแต๋นนั่งติดกันที่ส่วนหน้าของเสื่อ ส่วนเขมินท์เลือกที่จะนั่งด้านหลัง โดยที่เขาให้ป้าหวางนั่งกั้นกลางระหว่างเธอและเขา ป้าหวางเองก็รู้ดีว่าเขาทำถูกแล้ว พร้อมกับยิ้มให้เขาที่มีความเป็นคนรู้จักกาลเทศะ ภรัณยายังคงนั่งนิ่งแทบจะไม่กระดุกกระดิกตัวเลย เพราะยังถูกจับจ้องจากสายตาของหลาย ๆ คน

เครื่องเสียงเงียบไปแล้ว ไฟที่เปิดสว่างไว้แต่แรกถูกปิดลงจนบริเวณนั้นมืดถึงจะไม่สนิทก็ถือว่ามืด แล้วหนังตัวอย่างก็ลงสู่จอ ผู้คนที่มาดูหนังต่างก็ตื่นเต้นไปตาม ๆ กัน รวมไปถึงแต๋นกับไข่ด้วย ที่นั่งแทบจะติดกันก็ว่าได้ ทำให้ภรัณยาพอจะเดาได้ว่าสองคนนี้คงจะปิ๊งกันเข้าให้แล้ว เธอหันไปหาเขมินท์ก็พบว่าเขาไม่นั่งอยู่ตรงนั้นแล้ว ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าเขาไปไหน

แต่ไม่นานเขาก็กลับเข้ามาพร้อม ๆ กับน้ำอัดลมและขนมขบเคี้ยว แล้วของกินก็ถูกส่งให้ทุกคนอย่างถ้วนหน้า รวมไปถึงเด็กน้อยที่นั่งเสื่ออยู่ด้านข้างและกับด้านหลังของเขาด้วย เธอเห็นแล้วก็ยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกที่ประทับใจในความมีน้ำใจของเขาไม่น้อย แล้วจู่ ๆ มือที่เธอถือถุงขนมอยู่ก็มีมือน้อย ๆ ของเด็กที่นั่งข้าง ๆ เธอคลานมาเกาะแล้วก็ยืนขึ้น

เธอหันไปยิ้มให้และช่วยจับเด็กน้อยให้ยืนได้มั่นคงยิ่งขึ้น พ่อแม่เด็กที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ รีบอุ้มเอาเด็กน้อยกลับไปนั่งที่ตักเหมือนเดิม เธอส่งยิ้มให้พ่อแม่ของเด็ก แล้วก็หันมาให้ความสนใจกับหนังที่กำลังฉาย ซึ่งเธอเคยดูมาแล้วตอนที่อยู่กรุงเทพฯ แต่เธอก็เข้าใจว่าคนแถวนี้คงจะยังไม่ได้ดู หรืออาจจะดูแล้วแต่จำต้องดูซ้ำก็เป็นได้

“ไม่เป็นไรค่ะให้นั่งอยู่นี่ก็ได้”
เธอบอกแม่เด็กที่นั่งข้าง ๆ เมื่อหนูน้อยคลานมาหาเธออีก แล้วเธอก็ตัดสินใจอุ้มเด็กมานั่งบนตักตัวเองแทน และก็เหมือนเด็กจะชอบที่จะได้นั่งอยู่กับเธอ
“ดือดื้อตัวจ้า ไป่ไสกะบ่ยูซือ ๆ นำป้องเอาคือเป็ดน้อยนี่ตัว” (ดือดื้อค่ะ ไปไหนก็ไม่อยู่เฉยต้องตามดักเอาไว้ยังจะลูกเป็ดแหน่ะค่ะ)
แม่ของเด็กพูดกับเธอเบา ๆ ซึ่งเธอพอจะเข้าใจว่าเด็กน้อยคนนี้ดื้อเหมือนเป็ดน้อยนั่นเอง เขมินท์โน้มตัวมองไปที่เธอตั้งแต่ที่เด็กน้อยมานั่งอยู่บนตักได้สักพักแล้ว เขาแอบลอบยิ้มเมื่อเห็นเธอสนใจเด็กน้อยมากกว่าหนังที่ฉายด้วยซ้ำ

“อีกหน่อยก็จะเมื่อยขา หรือไม่ก็จะโดนเด็กฉี่รดแน่ ๆ” เขาคิด

เด็กน้อยบนตักเธอดูจะง่วงแล้ว สังเกตได้จากอาการหาวหวอด ๆ สองสามครั้ง เธอหันไปหาแม่เด็กที่ตั้งหน้าตั้งตาดูหนังจนเหมือนลืมไปแล้วว่าลูกอยู่บนตักเธอ ขาที่นั่งขัดสมาธิอยู่เริ่มรู้สึกชา ๆ แล้ว แต่เธอก็ไม่กล้าจะกระดิกตัวเพราะเด็กหลับไปแล้ว เธอหันไปมองป้าหวางที่นั่งอ้าปากดูหนังอย่างตั้งใจ ส่วนเขมินท์นั้นก็นั่งตรงและดูหนังเหมือนกัน

เธอทนให้เหน็บกินไปได้สักพักแล้วตรงต้นขาก็เริ่มรู้สึกอุ่น ๆ เหมือนมีน้ำไหลลงไป แรกทีเดียวเธอคิดว่าน้ำที่เขมินท์ส่งมาให้คงจะหก แต่ก็ไม่ใช่ แล้วเธอก็นึกขึ้นได้ว่าคงจะถูกเด็กฝากรักเข้าให้แล้ว ความที่ไม่เคยมีลูกทำให้เธอถึงกับรีบอุ้มตัวเด็กขึ้นจากตักทันที ทำให้แม่เด็กหันมาหาและเข้าใจได้ดีว่าลูกฉี่รดเธอไปแล้ว แม่เด็กรีบส่งผ้าอ้อมให้เธอเช็ด พร้อมกับรับลูกน้อยที่หลับปุ๋ยไปใส่ตัก แล้วก็จัดแจงเปลี่ยนกางเกงตัวใหม่ให้ทันที เสื้อของแม่เด็กถูกเปิดขึ้นและควักนมจากเต้ามาใส่ปากเด็กน้อย เมื่อมีอาการงอแงขึ้นมา ภรัณยาให้อายแทนแม่เด็กไม่น้อยเลย เพราะดูจากอายุแล้วคงจะไม่เกินสิบเจ็ด หรือสิบแปดเป็นแน่

“นั่นประไร เป็นไงล่ะแม่คุณทีนี้ก็นั่งแฉะไปเถอะนะ” เขามองและแอบยิ้มด้วยความขำ

“แต๋น ๆ จะกลับหรือยัง ฉันง่วงแล้ว” เธอสะกิดแต๋น เพราะเริ่มจะไม่สบายตัวแล้ว และก็ง่วงนอนด้วย
“โธ่คุณข้าวคะ หนังยังไม่จบเรื่องเลย อีกนิดหนึ่งนะคะ” แต๋นหันมากระซิบตอบ
“ฉันอยากจะกลับไปเปลี่ยนกางเกง เด็กฉี่รดฉัน พาฉันไปก่อนได้มั้ย แล้วเราค่อยกลับมาดูใหม่”
“ป้าพาไป่กะได้ค่ะคุณเข่า” ป้าหวางอาสาเพราะเห็นแต๋นกำลังสนุก
“ป้าไม่ดูหนังเหรอคะ” เธอหันมาถาม “คอยมาใหม่กะได้จ้าบ้านยูบ่ไกลปั่นได๋”
“ผมไปด้วยแล้วกัน ให้แต๋นกับไข่ดูหนังไปเถอะ” เขาบอกอีกคน

แล้วการที่จะออกไปจากบริเวณนั้นก็เป็นไปด้วยความลำบากไม่น้อย เพราะจะต้องค่อย ๆ สอดเท้าลงไปในที่ว่าง ๆ เพื่อไม่ให้เผลอไปเหยียบขาแข้งของใครเข้า ป้าหวางจูงมือเธอเดินไปอย่างคล่องแคล่ว ส่วนเขมินท์เดินตามหลังไป ไม่นานทั้งสามคนก็หลุดพ้นมาจากกลุ่มคนจนได้

“ไห่ป้าซื่อแนวไป่ฝากลุงจั๊กนอยก๊อนเด้อคุณเข่า” ป้าหวางบอกเพราะอยากจะหาซื้อของไปฝากลุงคำ
“ได้สิคะ ป้าหวางเอาเงินนี่ไปนะคะ บอกลุงคำด้วยว่าวันนี้ข้าวเลี้ยงเองค่ะ ข้าวฝากซื้อลูกชิ้นปิ้งให้เจ้าไข่ตุ๋นด้วยนะคะ แต่ป้าหวางอย่าซื้อนานนะข้าวอายคนจะแย่แล้ว” เธอบอกเพราะยังคงถูกคนมองไม่เลิก
“พี่น้ำมาดูหนังเหมือนกันเหรอคะ แล้วนั่งตรงไหนคะ ไปนั่งกับแอนและเพื่อน ๆ ทางโน้นมั้ยคะ”
เพลินพิศและเพื่อนอีกสองคนเดินตรงมาหาเขาทันทีที่เห็น ทำให้ภรัณยาอดขำไม่ได้ที่เขามีสาว ๆ ตามมาตอแยไม่เลิก

“แหม แต่งตัวมาดูหนังกลางแปลงยังกับจะไปงานโชว์ตัวที่ไหนสักแห่งเลยนะน้อง”
เธออดคิดไม่ได้ เพราะเห็นการแต่งตัวของเพลินพิศที่ออกจะหรูหราเกินจริงไปสักหน่อย

“เอ่อ พี่นั่งอยู่ทางโน้น แต่จะไปทำธุระะก่อนเดี๋ยวจะกลับมาใหม่จ๊ะ” เขาตอบและยิ้มให้สาวน้อย ที่เขาออกจะเอื่อมระอาไม่น้อย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงไม่ให้เป็นการทำร้ายจิตใจเด็กคนนี้จนเกินไป
“ตรงไหนคะ แอนกับเพื่อนจะไปนั่งด้วยก็ได้ค่ะ ที่ ๆ เรานั่งมันแค๊บแคบค่ะพี่น้ำ จริงมั้ยเธอ”
เพลินพิศหันไปขยิบตาให้เพื่อน “ใช่จ๊ะแอน” เพื่อนสนับสนุน
“คุณไม่ต้องไปเป็นเพื่อนฉันก็ได้นะ บ้านอยู่แค่นี้เองตามสบายเถอะ ฉันเกรงใจหน่ะ”
เธอกระซิบบอกเขา และยิ้มเย้ยด้วยความขำที่ได้แกล้งเขาบ้าง

“เห็นมั้ยคะพี่เขาบอกว่าไม่ต้องไปเป็นเพื่อนก็ได้ งั้นพี่น้ำไปกับแอนเลยนะคะ ๆ เลี้ยงขนมแอนกับเพื่อน ๆ ด้วย นาน ๆ ทีจะเห็นพี่น้ำมาเที่ยวดูหนังกับเขาสักครั้ง” เพลินพิศคะยั้นคะยอ
“เอ่อ เอาเป็นว่าพี่เลี้ยงขนมก็แล้วกันนะ อยากจะกินอะไรสั่งได้เลยเดี๋ยวพี่จ่ายให้”
“ว้าว จริงเหรอคะพี่น้ำ งั้นแอนซื้อเลยนะคะ ไปเธออยากได้อะไรเลือกเอาได้เลย พี่น้ำใจดีเลี้ยงพวกเราแล้ว”
เพลินพิศถามด้วยความดีใจ แล้วก็เดินตรงไปที่ร้านกับเพื่อน พร้อมกับซื้อขนมจนจุใจ
“เอาอะไรที่ร้านอื่นอีกมั้ย” เขาถามเมื่อจ่ายเงินเสร็จ “ไม่แล้วค่ะ แค่นี้ก็กินไม่หมดแล้ว” เพลินพิศบอก
“งั้นพี่ไปทำธุระะก่อนนะ แล้วเจอกัน ป้าหวางไปกันเถอะครับ ไปได้แล้วคุณ”
เขาบอกและรีบเดินนำหน้า ภรัณยาที่ได้แต่ยิ้มเยาะเย้ยตามหลังเขาไปด้วยความสะใจนิด ๆ ที่ได้แกล้งเขากลับบ้าง

“โฮ่ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” เจ้าไข่ตุ๋นที่ถูกขังไว้บนบ้านเห่าต้อนรับเจ้านาย
“คือมาไวแท้คับคุณเข่า” ลุงคำที่นั่งดูทีวีอยู่บนบ้านเธอถาม (ทำไมกลับเร็วจังครับคุณข้าว)
“มีแอคซิเด็นนิดหน่อยค่ะลุงคำ ตามสบายนะคุณฉันขอตัวไปเปลี่ยนผ้าก่อน”
เธอบอกลุงคำและหันมาบอกเขาที่นั่งลงข้าง ๆ ลุงคำ ส่วนป้าหวางนั้นจัดแจงหาของกินที่ซื้อมาฝากลุงคำใส่จานมาเสริฟให้ถึงที่ และเจ้าไข่ตุ๋นก็ได้รับของฝากไปด้วย

เขมินท์มองนาฬิกาเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่แม่คุณของเขายังไม่ออกมาจากห้องเลย

“เฮ้อ นี่ขนาดแค่เปลี่ยนเสื้อผ้านะนี่” เขาอดบ่นในใจไม่ได้อีกแล้ว

“อ้าว แล้วคุณไม่ไปดูหนังแล้วเหรอ หรือว่าจะไปชุดนี้”
เขาถามเมื่อเห็นเธอกลับออกมาพร้อมกับชุดสบาย ๆ เหมือนจะเข้านอนแล้ว
“ไม่ล่ะ ฉันง่วงแล้ว และอีกอย่างหนังเรื่องนี้ฉันเคยดูมาแล้ว ถ้าคุณจะกลับไปก็เชิญเถอะนะ ขอบคุณที่มาส่ง”
เธอตอบและทรุดตัวลงนั่งใกล้ ๆ ป้าหวาง
“ผมก็ไม่กลับไปดูหรอกขี้เกียจจะไปเบียดคน” เขาว่า

“อ้าว แล้วไม่กลัวน้องแอนของคุณจะรอรึไงคะ พี่น้ำ” เธอว่าพร้อมกับยิ้มออกมาด้วยความขำ พลอยทำให้ป้าหวางแอบขำตามไปด้วย เพราะป้าหวางก็รู้ดีว่าเขาถูกเพลินพิศคอยตามจอแจตลอดเวลา
“นี่คุณพูดให้มันดี ๆ หน่อย ผมเสียหายนะ ใครไปเป็นของใครตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“แหม คุณนี่นะจะเสียหาย เขามีแต่ผู้หญิงจะเสียหาย อะไรกันเป็นผู้ชายอกสามศอกแท้ ๆ กลับกลัวเสียหาย”
“โอย คันมากั๋นแล่วเดี๋ยวลุงไป่นอนก๊อนเด้อคุณเข่า มื่ออื่นสิฟ่าวลุกแตเซ่าไป่ซอยงานเพิ่นไห่มันแล่ว”
ลุงคำบอกเมื่อกินของที่ป้าหวางซื้อมาฝากจนหมด (โอย ถ้ากลับมากันแล้ว เดี๋ยวลุงขอไปนอนก่อนนะครับคุณข้าว พรุ่งนี้จะรีบแต่เช้าไปช่วยงานเขาให้เสร็จ ๆ ไป)

“ค่ะ กู๊ดไนท์นะคะลุงคำ” เธอบอกและยิ้มให้ลุงคำ แต่ลุงคำทำหน้างง ๆ แทน
“ป้าหวางอยู่ดูหนังด้วยกันก่อนนะครับ รอให้แต๋นมาก่อนค่อยไปนอน” เขาบอก เมื่อลุงคำเดินลงเรือนไป
“ป้าหวางกลับไปก็ได้ค่ะ คุณด้วย เดี๋ยวฉันก็จะเข้านอนแล้ว เพราะอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว” เธอบอก
“คุณจะอยู่บนบ้านคนเดียวได้ยังไง ผมจะรอให้แต๋นกับไข่กลับมาก่อนคงอีกไม่นานหรอกน่าจะดูหนังจบสักสองเรื่องก็คงจะพากันมา” เขาบอก

“งั้นกตามใจก็แล้วกัน แล้วอย่ามาบ่นง่วงให้ฟังนะ”
เธอบอกขณะรับหมอนมาจากมือป้าหวางที่เดินไปเอามาให้จากในห้อง
“งานศพจะเสร็จเมื่อไหร่คะป้าหวาง” เธอหันไปถามป้าหวางขณะที่ทอดร่างนอนไปกับเบาะที่ปูไว้นอนดูทีวี
“มื่ออื่นกะแล่ว ๆ ล่ะจ๊ะคุณเข่า” ป้าหวางตอบ ซึ่งเธอพอจะเข้าใจว่าพรุ่งนี้คงจะเสร็จแล้ว
“เหรอ งานศพทางนี้ดูท่าจะหมดเงินเยอะกว่าทางบ้านข้าวเลยนะ อาหารเยอะแยะเลย เขาทำกันแบบนี้ทุกบ้านหรือเปล่าคะป้าหวาง”

“ก็เกือบหมดนั่นล่ะคุณ บ้านไหนฐานะดีก็จะเลี้ยงคนดีหน่อย บ้านไหนจนก็จะทำตามกำลังเงิน แต่ว่างานทางนี้คงจะเปลืองมากกว่าทางภาคกลางล่ะมั้งผมว่า เพราะมีอาหารไว้ให้คนกินตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงก็ว่าได้”
เขาตอบแทนป้าหวาง เมื่อหันไปหาเธอ แต่เขาก็ต้องอมยิ้มเมื่อเจ้าของร่างบางหลับปุ๋ยไปแล้ว ทำให้ป้าหวางพลอยหันไปดูเธอด้วย
“เลาหลับงาย ๆ จั๊งซี่บ้อคับป้า” เขาถามป้าหวางที่นอนกั้นกลางระหว่างเขากับเธอ (เขาหลับง่าย ๆ แบบนี้เหรอครับป้า)
“ป้ากะบ่ฮู่ดอกจ้าน้าน้ำ คูมื่อคุณเข่ากะสิเข่าไป่นอนในห้องโลด” (ป้าก็ไม่รู้หรอกน้าน้ำ ทุกวันคุณข้าวก็จะเขาไปนอนในห้องเลย)
ป้าหวางตอบ แล้วก็ลุกเดินหายเข้าไปในห้องอีกครั้งและกลับออกมาพร้อมผ้าผืนบาง ๆ มาห่มให้เธอไว้

“แฮงเบิงแฮงคือพอเลาล๊ายหลาย เบิงดู๊ล่ะน้าน้ำเลาล่ะเป๋นตาฮักเป๋นตาแพงกะเดื้อกะด้อ คันพอเลายู เลาคือสิฮักลูกเลาหลายน้อ” ป้าหวางพูดแล้วก็ยิ้มให้กับคนที่หลับใหลไปแล้ว ทำให้เขมินท์นั้นเห็นด้วยกับคำพูดป้าหวางแทบทั้งสิ้น
(น้าน้ำดูสิ ยิ่งดูยิ่งเหมือนพ่อมาก ๆ เลยนะ น่ารักน่าถนอมจริง ๆ เลย ถ้าพ่อคุณข้าวอยู่ แกคงจะรักคุณข้าวมาก ๆ เลยน้อ)
ปกติเขามีแต่เห็นใบหน้าเธอเวลาทำท่าทางยียวนกวนประสาทให้เขาโมโหอยู่เสมอ ๆ หรือไม่ก็ใบหน้าที่คอยยิ้มเยาะเย้ยเขาเวลาที่เธอคิดว่าได้เล่นงานเขาจัง ๆ ได้ แต่เขาไม่เคยได้เห็นเวลาที่ดวงหน้าของเธอเรียบเฉยแบบนี้เลย

“เวลานอนหลับแบบนี้ก็น่ารักไปอีกแบบแฮะ แต่เวลาที่แม่คุณตื่นนี่สิคนละเรื่องเลย” เขาว่าในใจ

แล้วเขาก็ล้มตัวลงนอนตามป้าหวางที่นอนก่อนเขาแล้ว เขาเดาได้ว่าป้าหวางเองก็คงจะง่วงไม่น้อย เพราะหาวออกมาหลายครั้งแล้ว แต่ยังไง ๆ เขาก็ต้องรบกวนให้ป้าหวางอยู่บนเรือนก่อนจนกว่าแต๋นและไข่จะกลับมา เขาถึงจะปลุกให้เธอไปนอนในห้องและปล่อยให้ป้าหวางกลับเรือนตัวเองได้ เขาเปลี่ยนช่องทีวีดูรายกานโน้นรายการนี้ไปเกือบจะสองชั่วโมง แต๋นกับไข่จึงกลับเข้าบ้าน ป้าหวางถูกปลุกให้ลงไปนอนได้ทันทีที่แต๋นมาถึง

“ไม่ต้องปลุกหรอกค่ะคุณน้ำ ต่อให้ปลุกถึงเช้าคุณข้าวก็ไม่ตื่นค่ะ อยู่ที่กรุงเทพฯ เวลานอนดูหนังที่ห้องนั่งเล่นกับคุณแม่ป้านะคะ พอสองคนป้าหลานหลับ แต๋นก็ต้องหอบที่นอนมานอนเป็นเพื่อนทุกทีค่ะ เพราะคุณข้าวไม่ยอมตื่น”
แต๋นบอกเมื่ออาบน้ำเตรียมเข้านอนแล้ว
“แล้วจะปล่อยให้นอนอยู่ข้างนอกแบบนี้เหรอ ยุงได้หามเอาพอดี” เขาอดห่วงไม่ได้
“เดี๋ยวแต๋นจะไปหามุ้งในห้องมากางให้คุณข้าวเองค่ะ และจะนอนเป็นเพื่อนด้วยเลย”
แต๋นว่าแล้วก็เดินหายเข้าไปในห้องนอนของมณฑล แล้วก็กลับออกมาพร้อมกับมุ้งที่เก่าเก็บฝุ่นคลุ้งไปหมด

“คงใช้ไม่ได้หรอกค่ะ ฝุ่นเต็มเลย คุณข้าวยิ่งแพ้ฝุ่นอยู่ด้วย”
แต๋นบอกและมองหน้าเขา แต่เขาก็ไม่ได้ตอบอะไร เพราะไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงให้เจ้านายสาวของแต๋นตื่นขึ้นมาได้
“งั้นเอาอย่างนี้นะคะคุณน้ำ....” แต๋นบอกเมื่อคิดอะไรออกมาได้

แล้วไฟบนบ้านก็ถูกปิดลงทันที เหลือแต่ดวงที่ระเบียงซึ่งเป็นดวงเล็ก ไข่เดินไปรอที่ประตูบ้านเพื่อดูต้นทางตามที่แต๋นสั่งการ แล้วร่างบาง ๆ ของเธอก็ถูกเขาช้อนขึ้นอย่างนุ่มนวล และพาตรงไปยังห้องนอนที่มีแต๋นเดินนำหน้าไปรออยู่ก่อนแล้ว ที่นอนหนานุ่มรองรับร่างงามรหงอย่างแผ่วเบา แต๋นช่วยจัดผมที่ยาวสลวยให้เข้าที่และห่มผ้าห่มให้เธอทันที เขมินท์ที่ยืนมองแต๋นปรนิบัติเจ้านายเผลอยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกที่เอ็นดูเธออยู่ลึก ๆ แต่เขาก็ต้องรีบเดินออกไปจากห้องและกลับไปพร้อมกับไข่ เพราะตัวเองก็รู้สึกง่วงไม่น้อย

“คุณแต๋น ๆ เมื่อคืนฉันมานอนอยู่บนเตียงได้ยังไง”
ภรัณยาถามเมื่อตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงแล้ว
“อ๋อ แต๋นกับป้าหวางช่วยกันอุ้มคุณข้าวไปเองค่ะ ก็ยุงเยอะเลยไม่กล้าปล่อยให้คุณข้าวหลับอยู่ข้างนอก”
แต๋นจำเป็นจะต้องโกหกเจ้านายเพื่อให้ตัวเองรอดจากการโดนเอ็ด
“เหรอ ขอบใจนะ งั้นฉันไปอาบน้ำก่อน”
เธอบอกแล้วก็หายกลับเข้าไปในห้องเหมือนเดิม ทำให้แต๋นนั้นออกอาการโล่งอกไม่น้อยเลย









 

Create Date : 01 ตุลาคม 2551
2 comments
Last Update : 1 ตุลาคม 2551 9:15:50 น.
Counter : 375 Pageviews.

 

ตอนนี้น่ารักจังเลยค่ะ นานทีกว่าคุณน้ำจะมีโอกาสแต๊ะอั๋งหนูข้าว

 

โดย: น้องค่ะ (หนึ่งมณี ) 2 ตุลาคม 2551 11:38:39 น.  

 

ค่ะ นาน ๆ ที คนอ่านจะได้ลุ้นซักที

 

โดย: ธัญญะ 2 ตุลาคม 2551 12:07:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.